ธรรมะ จากเพจ พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

(เวลาของแต่ละคนบนโลก
เป็นสิ่งที่มีจำกัด
จงรู้จักคุณค่า
อย่าได้ประมาทในชีวิต
ใช้สติควบคุมกายใจ
อยู่กับลมหายใจตนทุกขณะเถิด)



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ธรรมท่านมุ่งหมายให้แก้ที่ตัวเราเป็นสำคัญ



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

เรื่อง “นับล้านอสงไขยไม่ถ้วน เกิดตายในสังสารวัฏ”

(คติธรรม หลวงปู่แหวน สุจิณโณ)

ชีวิตนี้เหมือน “ใบไม้ร่วง” เกิดแล้วตาย ง่ายเหมือนใบไม้ที่แตกผลิ แล้วก็ร่วงในที่สุด ที่เราคิด ที่เราห่วง ก็ต้อง “ร่วงลงจากต้น” นับอสงไขยไม่ได้ นับล้านอสงไขยไม่ถ้วน เกิดแล้วตาย ตายแล้วเกิด มาตั้งแต่ดึกดําบรรพ์ มาตั้งแต่อดีต “อนิจฺจํ ทุกขํ อนตฺตา” มันเรื่องของสังขาร รู้เท่าสังขาร รู้เท่าสมมติ วางสังขารหมด วางสมมติหมด ก็โลกวิทูรู้แจ้งโลก รู้แจ้งโลกแล้ว ก็รู้แจ้งธรรม



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

อย่าพูดคำว่า ไม่มี หลวงพ่อไม่ชอบ
สมบัติเต็มแผ่นดิน แค่มันยังไม่ถึงเวลาของเรา
มันอยู่ที่เราเคยได้สร้างได้ทำไว้หรือเปล่าแค่นั้นเอง
เมื่อวาสนาเรามีอยู่ที่ไหน ก็ตกทับเราเอง

ทำใจ ให้มีไว้เสมอ ใจมีอำนาจมาก
มีกระเเสพลังมาก มันจะดึงดูดมาเอง
ใจที่มีพลัง เหมือนแม่เหล็กที่ดูด เหล็กด้วยกันเองได้
ใจก็เหมือนกัน อย่าคิด อย่าพูดคำว่า ไม่มี
ให้คิดว่า มี ไว้เสมอ จะมีมากมีน้อย ก็ให้คิดว่ามี

อย่าพูดคำว่า ไม่มี

หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล

๙ ธ.ค ๖๑



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

นับภพชาติดวงจิตของเราเพียงรายเดียวนี้
เกิดตายในสังสารวัฏมานับล้านอสงไขยไม่ถ้วน



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

เหตุเพราะจริตของคนเรามีความแตกต่างกัน
ดังนั้นวิธีปฏิบัติในกรรมฐานจึงมีถึง๔๐กอง



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ทิฏฐิมานะนั่นแลอุปมาดั่งภูเขาสูงจรดเมฆ
ที่กีดขวางปิดกั้นไม่ให้เราสร้างสมบุญบารมี



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ผู้มีธรรมแท้_จิตย่อมหมอบราบต่อพระรัตนตรัย
เป็นเหตุให้ไม่มัวเมาเบาบางจากอัตตาทิฏฐิมานะ



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

มิตรผู้ขาดปัญญา_แม้หวังดีก็เหมือนมุ่งร้าย
เพราะไม่รู้จักแยกแยะเหตุผลถูกผิดดีชั่ว



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ศีลเป็นรากฐากของมรรคผลในทุกขั้นภูมิ
ศีลบริสุทธิ์_สนับสนุนให้เกิดสัมมาสมาธิ
สัมมาสมาธิ_สนับสนุนให้เกิดปัญญาญาณ
ปัญญาญาณ_สังหารทำลายกิเลสอวิชชา
จิตจึงวิมุตติหลุดพ้นเป็นพระอริยบุคคลขึ้นมา



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

เรื่อง “พระทิฐิวิบัติ ติเตียนการกราบพระพุทธรูป”

(เขียนบันทึกโดย ครูบากล้วย)
(พระวีระศักดิ์ ธีรภัทโท)

บ่ายสี่โมงวันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๓๖ (วันนี้เป็นวันเกิดหลวงปู่ชอบ) หลังพวกเราทำอาจาริยวัตรสรงน้ำให้หลวงปู่ชอบแล้ว ท่านก็ออกมาเมตตาลูกศิษย์ลูกหาที่มารอกราบทำบุญกับองค์ท่าน พวกเราอุปัฏฐากก็พากันจัดเตรียมบริขารให้องค์ท่าน วันนี้(๑๒ ก.พ.๓๖) หลวงปู่ชอบท่านรับกิจนิมนต์จาก หลวงพ่อสีทน สีลธโน ถ้ำผาปู่ ต.นาอ้อ อ.เมือง จ.เลย ไปเมตตาพักค้างคืนที่วัดถ้ำผาปู่หนึ่งคืนเนื่องในงานทำบุญมุทิตาจิต หลวงพ่อสีทน สีลธโน เจ้าอาวาสวัดถ้ำผาปู่ (๑๒ – ๑๓ ก.พ. ๒๕๓๖)

หลวงปู่ชอบท่านเดินทางไปถึงวัดถ้ำผาปู่ตอนเวลาประมาณ ๑๗.๓๐ น. หลวงพ่อสีทนท่านก็พาหลวงปู่ชอบและคณะไปพักอยู่ที่กุฏิหลังเก่า หลวงปู่คำดี ปภาโส หลังจากหลวงพ่อสีทนและครูบาอาจารย์พระเณรญาติโยมลูกศิษย์วัดถ้ำผาปู่ที่มาร่วมงานพากันกราบหลวงปู่ชอบแล้ว หลวงปู่ชอบท่านถามหลวงพ่อสีทนว่า “ อันนี่กุฏิเก่าอาจารย์คำดีบ้อ (ที่นี่กุฏิเก่าอาจารย์คำดีใช่ไหม) ” หลวงพ่อสีทนท่านตอบหลวงปู่ชอบว่า “ แม่นแล้วข้าน้อย (ใช่แล้วขอรับ) ”

แทรกเรื่องอธิบายขยายความให้คนรุ่นหลังทราบพอเป็นสังเขป ชื่อพระอาจารย์คำดีที่หลวงปู่ชอบท่านกล่าวถึงนี้ก็คือ หลวงปู่คำดี ปภาโส อดีตเจ้าอาวาสวัดถ้ำผาปู่องค์ที่สอง ส่วนเจ้าอาวาสองค์แรกของวัดถ้ำผาปู่อย่างไม่เป็นทางการนั้นหลวงปู่ชอบท่านว่า คือ หลวงปู่หลุย จันทสาโร

ย้อนหลังไปเมื่อปี ๒๕๐๑ หลังจาก หลวงปู่หลุย จันทสาโร ท่านออกจาก “ วัดถ้ำบูชา ภูวัว ” จังหวัดหนองคาย (ปัจจุบันวัดถ้ำบูชาภูวัวขึ้นกับจังหวัดบึงกาฬ) หลวงปู่หลุยท่านกลับมาเมืองเลยและได้มาพักภาวนาอยู่ที่วัดถ้ำผาปู่ ตอนนั้นท่านพระธรรมวราลังการ (หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ วัดศรีสุทธาวาส (วัดเลยหลง) ต.กุดป่อง อ.เมือง จ.เลย) ท่านอยากจะให้หลวงปู่หลุยกลับมาอยู่โปรดสอนธรรมลูกหลานชาวเมืองเลย หลวงปู่ศรีจันทร์ท่านก็เลยจะแต่งตั้งให้หลวงปู่หลุยท่านเป็นเจ้าอาวาสวัดถ้ำผาปู่ แต่หลวงปู่หลุยท่านก็ปฏิเสธหลวงปู่ศรีจันทร์ไปในเรื่องนี้ หลวงปู่ชอบท่านว่าแบบขำๆเป็นภาษาไทเลยให้พวกเราฟัง “ อาจารย์หลุยบอกท่านเจ้าคุณ (หลวงปู่ศรีจันทร์ วัณณาโภ) ผ๊ม.! บ่ย๊ากเป๋นด๊อกเจ๊าอาละว๊าด ต๊ากหม๊อก (ผมไม่อยากเป็นหรอกเจ้าอาวาสตากหมอก)”

หลวงปู่ชอบท่านว่าจากปี ๒๕๐๑ เป็นต้นมา หลวงปู่หลุย จันทสาโร ท่านก็ไม่ยอมเป็น “ เจ้าอาวาสตากหมอก ” ให้กับวัดวาอารามที่ไหนเลย นอกจากจิตใจที่องค์ท่านจะเมตตาดำเนินไปในบทธรรมกรรมฐานแบบ “ อนาคาริก ” พระท่านผู้ที่มีจิตใจเด็ดเดี่ยวไม่ติดยึดในบุคคลและสถานที่ จนตราบถึงวันห้วนม้วนสุดท้ายขององค์ท่านที่อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในปี ๒๕๓๒

ระหว่างที่หลวงพ่อสีทนและครูบาอาจารย์พระเณรญาติโยมกราบสนทนากับองค์ท่านหลวงปู่ชอบที่กุฏิหลังเก่าของหลวงปู่คำดีที่วัดถ้ำผาปู่นั้น มีโยมผู้ชายคนหนึ่งที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อสีทนเขาเอาน้ำดื่มสองขวดมาขอให้หลวงปู่ชอบและหลวงพ่อสีทนทำ “ น้ำมนต์ ” เพื่อเป็นกำลังใจให้แม่ของเขาที่กำลังป่วยอยู่ได้ใช้อาบดื่ม หลวงพ่อสีทนท่านก็ออกตัวว่า “ ให้ครูบาอาจารย์หลวงปู่ชอบท่านเมตตาดีกว่า เรานั้นเป็นพระผู้น้อย มันบ่คือปานใด๋หว่า ”

หลวงพ่อสีทนท่านรับประเคนน้ำสองขวดนี้จากโยมแล้วท่านก็ยื่นน้ำเปล่าทั้งสองขวดนี้เพื่อที่จะให้หลวงปู่ชอบท่านเมตตาอธิฐานจิตทำเป็นน้ำมนต์ หลวงพ่อสีทนท่านพูดกับหลวงปู่ชอบว่า “ นิมนต์พ่อแม่อาจารย์เมตตาเสกคาถามะหน่อม มะแหน้ม ใส่น้ำมนต์ไห่โยมแน่ข้าน้อย ”

อธิบายคาถาคำที่ว่า “ มะหน่อม มะแหน้ม ” นี้นั้น คำๆนี้เป็นคำสำนวนที่หลวงปู่หลุย จันทสาโร ท่านพาว่าหยอกหลวงปู่ชอบมาก่อน ที่มาของคำนี้นั้นมาจากตอนที่หลวงปู่หลุยท่านนิมนต์หลวงปู่ชอบกับหลวงปู่ซามา อจุตโต และ หลวงพ่อบัวคำ มหาวีโร ลงมางานทำบุญบ้านโยมที่กรุงเทพฯ โยมลูกศิษย์ของหลวงปู่หลุยเขาอยากจะให้หลวงปู่ชอบท่านทำน้ำมนต์ให้เขาเพื่อเป็นสิริมงคล หลวงปู่ชอบท่านก็ปฏิเสธ ท่านจึงบอกให้หลวงปู่หลุยเป็นคนทำน้ำมนต์แทนท่าน

หลวงปู่หลุยท่านก็เลยว่าหยอกหลวงปู่ชอบว่า “ เอ้า.! กะจั่งว่า โยมเขามีศรัทธากับเพิ่นอาจารย์ซ๊อบเด้เขาจั่งไห๊จ่มมนต์ไส่น้ำ นิมนต์เพิ่นอาจารย์ซ๊อบเมตตาเขาจั๊กหน่อยแหน่ อั๊น.! คาถ๊านั่น อาจารย์ซ๊อบกะบ่ต้องเว่าอีหยังหล๊ายด๊อก จ่มคำมนต์ มะหน่อม มะแหน้ม ไส่ขันน้ำมนต์เขากะพอใจแล้ว ”

จากคำพูดนี้ของหลวงปู่หลุยนับตั้งแต่นั้นมา เวลาลูกศิษย์ลูกหาใกล้ชิดจะขอให้หลวงปู่ชอบท่านทำน้ำมนต์บ่นคาถาให้ พวกลูกศิษย์ลูกหาก็จะพากันว่า “ ขอนิมนต์หล๊วงปู่ว่าคาถ๊า มะหน่อม มะแหน้ม ใส่น้ำมนต์ให้ข้าน้อยแด่ ”

หลังจากหลวงปู่ชอบท่านนิ่งอธิฐานจิตทำน้ำมนต์อยู่ประมาณหนึ่งนาที องค์ท่านก็บอกหลวงพ่อสีทนให้อธิฐานจิตทำน้ำมนต์ให้โยมอีกขวดหนึ่ง หลวงพ่อสีทนท่านก็ยกมือขึ้นกล่าวคำขอโอกาสหลวงปู่ชอบเพื่อจะอธิฐานจิตทำน้ำมนต์ขวดนั้นให้กับโยมผู้ชายลูกศิษย์ของท่านคนนี้

ขณะหลวงพ่อสีทนท่านกำลังอธิฐานจิตทำน้ำมนต์ให้กับโยม มีพระองค์หนึ่ง(ขอสงวนชื่อ) เดินเข้ามาในกุฏิเก่าของหลวงปู่คำดีที่หลวงปู่ชอบท่านพักอยู่ พระองค์นี้เจตนาเบื้องต้นจะเข้ามากราบหลวงปู่ชอบ แต่พอหันไปเห็นหลวงพ่อสีทนท่านกำลังหลับตาอธิฐานจิตทำน้ำมนต์อยู่นั้น พระองค์นี้จึงพูดเหน็บใส่หลวงพ่อสีทนว่า “ ขนาดเป็นถึงครูบาอาจารย์ปานนี่แล้วกะยังมาหลงกับของพวกนี่อยู่ พวกโยมที่ศรัทธามันกะจะพากันบ่หลงไปตามบ้อ แล้วจะเอาอะไรไปสอนโยมให้เขาไปสวรรค์นิพพานได้ยังไง สิ่งเหล่านี้พระพุทธเจ้าท่านไม่ได้สอนไว้ในศาสนาให้พระเณรเราปฏิบัติตาม ฯลฯ ”

เรานั่งอยู่ข้างทางด้านขวามือของหลวงปู่ชอบฟังพระองค์นี้พูดไปในหลายๆคำแล้ว ใจเรานั้นรู้สึกถึงความไม่สะอาดที่เข้ามาในหูในตาของตนเองมาก การมาแสดงกิริยาวาจาท่าทางของพระองค์นี้นั้นเท่ากับว่าไม่มีความเคารพในครูบาอาจารย์ที่อยู่ในที่นี่นับตั้งแต่หลวงปู่ชอบลงมาจนถึงท่านหลวงพ่อสีทน สีลธโน หลวงพ่อสีทนนี้ท่านก็นิ่งใจเย็นฟังพระองค์นี้ตำหนิท่านอย่างสงบสมกับท่านนั้นเป็นผู้ทรงธรรมอันหนักแน่นจริงๆ

หลวงพ่อสีทนท่านพูดกับพระองค์นี้โดยมีนัยความว่า “ ถ้ามันบ่ถูกธรรมถูกวินัยครูบาอาจารย์ท่านกะบ่พาทำกันมาดอก ผู้ใดภาวนาเป็นจั่งใด๋กะไห่ภาวนาไปตามแต่เจ่าของเห็นเป็นสา พวกเฮามันภาวนาแบบนั่นคือท่านบ่เป็น ”

ทีนี้หลวงปู่ชอบท่านก็เปิดตึ่งใส่พระองค์นี้ให้ได้อึ้งไปเลย “ เซาๆ อย่ามาว่าซูซีอยู่นี่ (อย่ามาว่าดันทุรังอยู่นี่) เจ่าของ (ตนเอง) สิเป็นบ้ากะไห่ไปเป็นบ้าแต่เจ่าของผู้เดียวสาอย่ามาซวนผุอื่นไปเป็นบ้านำเจ่าของ สมัยพุทธกาลเมืองเวสาลีเกิดโรคห่าระบาดพระพุทธเจ่าเพิ่นยังเฮ็ดน้ำมนต์มอบให้พระอานนท์เพิ่นเอาไปฮดสรงภัยอยู่ในเมืองนั่น ”

คำสุดท้ายที่หลวงปู่ชอบท่านว่าให้พระองค์นี้ “ สิไปทางใด๋กะไห่ฟ้าว (รีบ) ไป สิไปสึกนำดากผุใด่กะไห่ไป ” พระองค์นี้ก็กราบลาถอยออกไปจากหลวงปู่ชอบด้วยลักษณะใจเขาจะกลัวอะไรในองค์ท่าน เราก็สังเกตดู

พอพระองค์นี้ออกไปแล้วเราก็ถามหลวงพ่อสีทนว่าพระองค์นี้ชื่ออะไร หลวงพ่อสีทนท่านก็บอกชื่อของพระองค์นี้ให้เราทราบ หลวงพ่อสีทนท่านว่าเดิมทีพระองค์นี้เคยมาอยู่ที่วัดถ้ำผาปู่สมัยที่หลวงปู่คำดีท่านยังทรงธาตุขันธ์อยู่ ต่อมาพระองค์นี้เกิดไปภาวนาออกมาในปัญญารู้เห็นเป็นไปตามทิฐิของตนเองแบบอภินิหารปางพิสดาร ไปตำหนิหลวงปู่คำดีและหมู่คณะพระเณรว่าภาวนาไม่เก่งไม่รู้จริงเหมือนกับตนเอง จนหลวงปู่คำดีท่านบอกให้ออกไปหาอยู่ในสถานนิบพาลของตนเองที่อื่น (คำนี้เขียนไม่ผิด แต่จงใจที่จะล้อคำ) จากนั้นมาเราก็เลยรู้ว่าพระองค์นี้เขาภาวนาเป็นแบบไหนกันแน่มาตั้งแต่ปี ๒๕๓๖

ต่อท้ายในเรื่อง “ พระทิฐิวิบัติ ” นี้ ในพรรษาปี ๒๕๕๒ หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร ท่านมาจำพรรษาพักรักษาตัวอยู่ที่วัดป่าประจงจิตศรัทธาธรรม (ติดเขื่อนลำปะทาว) ต.ท่าหินโงม อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ในพรรษาปีนี้เราก็สละงานของตนเองออกมาปฏิบัติอุปัฏฐากอาพาธของหลวงพ่อประสิทธิ์ร่วมกับครูบาอาจารย์วัดป่าหมู่ใหม่ที่ติดตามมาอุปัฏฐากหลวงพ่อประสิทธิ์อยู่ที่นี่ ชัยภูมิ

ทุกๆสองสัปดาห์เราจะต้องเดินทางไปวัดถ้ำสหายกราบเรียนครูอาจารย์จันทร์เรียนให้ท่านทราบถึงอาการอาพาธ และการรักษาของหลวงพ่อประสิทธิ์ในแต่ละขั้นตอน เราไปวัดถ้ำสหายกับยายแป๋ว (นางปัณณรส ศกุลตนาค) กับอุ้ม (สุพิมล ศกุลตนาค) ไปกราบเรียนเรื่องหลวงพ่อประสิทธิ์ และเราได้ไปเจอคนที่มากราบท่านครูอาจารย์จันทร์เรียนคณะหนึ่ง

คนในคณะนี้คนหนึ่งเขาถามท่านครูอาจารย์จันทร์เรียนว่า “ พระท่านที่ว่าเป็นพระอรหันต์นี้ยังจะมากราบไหว้พระพุทธรูปที่สร้างจากอิฐปูนโลหะอยู่หรือ

พระอาจารย์จันทร์เรียนท่านตอบคณะพวกนี้ว่า

“เป็นอีหยังสิกราบบ่ได้ พระพุทธรูปนี่เขากะส่างขึ่นมาเอาไว้เป็นสัญญาลักษณ์องค์แทนพระพุทธเจ่าเอาไว่ไห่คนเฮาที่ยังติดคาในสมมุติได้ถือระลึกเอาเป็นพุทธคุณ ถ่ากราบบ่ได่ครูบาอาจารย์นับตั้งแต่หลวงปู่เสาร์หลวงปู่มั่นเพิ่นกะบ่พาลูกศิษย์ลูกหากราบพระพุทธรูปดอก สมัยก่อนเฮาไปเที่ยววิเวกกับหลวงปู่ชอบอยู่ป่ามันบ่มีพระพุทธรูปคือกับอยู่วัด เวลาสิพากันไหว้พระสวดมนต์หลวงปู่ชอบเพิ่นบอก เอ้า.! หมู่เฮาพากันน้อมใจระลึกนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ โดยพากันหันหน้าไปทางทิศตะวันออก หลวงปู่ชอบเพิ่นกะยังพาพวกเฮาลูกศิษย์กราบลงไปในดินม่องนั่น หลวงปู่ชอบเพิ่นเป็นพระอรหันต์ เวลาเพิ่นเห็นพระพุทธรูปอยู่ไสเพิ่นกะยังกราบยังไหว้ ครูบาอาจารย์เพิ่นกะพาพวกเฮาทำมาแบบนี่”

โยมคนนี้เขาถามพระอาจารย์จันทร์เรียนว่า
“หลวงพ่อ ท่านบอกพระเณรคนชาวพุทธเราไปกราบพระพุทธรูปอิฐหินดินโลหะนี้คือยังเป็นคนที่ยังไม่รู้จริงในธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า”

ท่านพระอาจารย์จันทร์เรียนตอบเขาไปว่า

“เฮ้อ ! ผุใด๋มันสิเป็นบ้าแนวนั่นกะปล่อยไห่มันเป็นบ้าไปผุเดี๋ยวของมันตี้ ถ่าย่านมันบ่มีหมู่ผีบ้ากะไห่ไปเป็นหมู่ผีบ้านำมันสา ถ่าหากว่ากราบพระพุทธรูปมันบ่ดีแล้วครูบาอาจารย์เบิ่ดประเทศไทยเพิ่นกะสิบ่พากันเป็นบ้าไปเบิ่ดแล้วบ้อ เข้าใจไหม.! ”

พระอาจารย์จันทร์เรียนพอท่านแสดงธรรม “ศอกถอง” แล้วก็หันหน้ามาหัวเราะกับทางที่พวกเราสามคนนั่งอยู่

พอคณะพวกนี้ลากลับไปแล้วเราก็กราบเรียนถามเล่าเรื่องพระองค์นี้ให้กับท่านพระอาจารย์จันทร์เรียนฟัง “ครูบาอาจารย์พิจารณาบุคคลนี้เป็นยังไง” พระอาจารย์จันทร์เรียนท่านว่า “คนทิฐิวิบัติแบบนี่อีกบ่ดน (อีกไม่นาน) มันกะสิได่สึก” เราก็ว่า ถ้าอย่างนั้นมันจะเป็นเหมือนกับที่หลวงปู่ชอบท่านเคยว่าไว้ตั้งแต่ปี ๒๕๓๖ นี่

พระอาจารย์จันทร์เรียนท่านว่า “ความฮู้พ่อแม่ครูจารย์หลวงปู่ชอบนี่เพิ่นส่องซอดขาดเบิ่ดในทุกๆเรื่อง บ่มีอีหยังมาขวางความฮู้ของเพิ่นไปได่” จากนั้นพระอาจารย์จันทร์เรียนท่านก็เล่าเรื่องกรรมอันเป็นสาเหตุที่มีพระองค์หนึ่งมาผูกคอตายอยู่ที่วัดถ้ำสหายให้เรากับยายแป๋วและอุ้ม ฟัง



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น

 

เรื่อง “หลวงตามหาบัว เข้าพบหลวงปู่มั่น ครั้งแรก”

(เทศนาโดย หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน)

อย่างเราไปทีแรกไปบ้านโคกนามน ไปครั้งแรกล่ะ ไปหาพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นเป็นครั้งแรก เวลาไปมันกลางคืนด้วย คนเราเก่งทางไหนก็เจอทางนั้น เราเก่งหาเหตุหาผล พระสีนวลมาพักวัดทุ่งสว่าง หนองคาย เราตามหลวงปู่มั่นไม่ทัน

พอออกจากโคราชนี้แล้วไปไม่ทันท่าน แต่ก็หวุดหวิดจริงๆ ถ้าไม่รับกฐินทัน เพราะเรามุ่งจะไปหาท่านที่วัดโนนนิเวศน์ อุดรธานี ท่านไปได้สองวัน เราจึงมาถึง เราก็เลยไปหนองคายก่อน จึงได้พบพระสีนวล ออกจากบ้านนามน สำนักของหลวงปู่มั่นเรา เดือนเมษายน มาพักด้วยกัน ท่านบอกว่า ท่านมาจากบ้านนามน สำนักท่านอาจารย์มั่นคึกคักขึ้นเลยทางนี้ ไหนๆ ว่าอีกน่ะ ท่านมาจากไหนแน่ มาจากนามน สำนักท่านอาจารย์มั่น

“ท่านออกจากสำนักท่านอาจารย์มั่นมาหรือ” ถาม ท่านก็ชี้แจงให้ฟังอย่างชัดเจน ทีนี้มันคึกคักขึ้นเลยนะจิต ก็เลยไล่เบี้ยกัน “ไหนทราบว่าท่านอาจารย์มั่นท่านดูเก่งใช่ไหม” “โอ้ย ! อย่าว่าแต่ดุ ถ้าผิดพลาดควรไล่ ท่านขับเลย อย่างว่าแต่ดุเฉยๆ ถ้าควรขับไล่ ท่านขับเลย ท่านไม่เอาอะไรเป็นใหญ่ยิ่งกว่าธรรมวินัย” ถึงใจเราตรงนี้นะ ท่านไม่เอาอะไรใหญ่ยิ่งกว่าธรรมวินัย ควรดุ ดุ ควรไล่ ไล่ทันที

ทางนี้มันขึ้นปึ้งเลยในใจ นี่ล่ะอาจารย์ของเรา คือ อาจารย์องค์นี้เองจะเป็นอาจารย์ของเรา แทนที่จะเป็นผลลบกลับเป็นผลบวกนะ มีกำลังใจปึ้ง นี่ล่ะเราจะได้เจออาจารย์ที่จุใจ พูดง่ายๆ ว่างั้นเราก็มุ่งทำงานอยู่แล้ว ยิ่งได้ยินชื่อเสียงอย่างนี้ด้วยแล้ว ยิ่งประทับน้ำหนักเข้าไปอีก เตรียมของ ๓ วันไปเลยนะ พอทราบเท่านั้นอยู่ได้ ๓ วันไปเลย ไปก็อย่างว่า หาอะไรก็เจออันนั้น ไปก็ไปกลางคืน

พอดีท่านออกจากบ้านนามน มาสร้างวัดใหม่อยู่ที่บ้านโคกตอนเราจะไป เราทราบว่ากำลังสร้างวัดใหม่อยู่ที่บ้านโคก ท่านมาอยู่ที่นี่ เราก็ไป ไปกลางคืนซิ แต่ก่อนไม่มีรถมีรา จากวัดสุทธาวาสเดินทางไปถึงบ้านโคกมืดพอดี โยมเขาก็ไปบอกทาง พอไปถึงบ้านโคกถามว่าหลวงปู่มั่นท่านพักอยู่ทางตะวันตกบ้าน ไปกลางคืน เขาก็เลยนำเราไป บอกต้นทาง นี่ให้ไปนี่นะ เดินตามนี้ไป ทางแคบๆ ท่านก็พึ่งไปอยู่ใหม่ ท่านไม่ชอบหรูหราด้วย

ไปกลางคืนก็ไปเจอจริงๆ ไปมืดแล้ว ไปก็ไปเห็นศาลาอย่างที่ว่า ไปวินิจฉัยศาลา วินิจฉัยกุฎิ ท่านเดินจงกรม ท่านมายืนอยู่นี้กลางคืนเราไม่เห็น เราก็เซ่อๆ มองนั้นมองนี้ เดี๋ยวท่านก็โผล่เสียงของท่านออก “ใครทางนี้” ท่านว่างั้นนะ อยู่ข้างๆ นี่ โอ้ย ! เมตรกว่าเท่านั้นถึงเรา กลางคืนมันไม่เห็นกัน “ใครมานี้” ท่านว่างั้น ทางนี้ก็บอกว่า “กระผม” ขึ้นเลยนะ “อันผมๆ นี้ตั้งแต่คนหัวล้านมันก็มี” เสียงดังขึ้นเลยไม่ใช่ธรมดา เงียบๆ พระเดินจงกรมอยู่ในป่าเหมือนไม่มีพระ จวนมืดกำลังพระท่านเดินจงกรม

“อันผมๆ นี้ตั้งแต่หัวล้าน มันก็มีผมตรงที่มันไม่ล้าน” ค้านซิ นี้ก็เปลี่ยนคำใหม่ปุ๊บ “กระผมชื่อพระมหาบัว” “เอ้อ ! ว่างั้นซิ นี่ผมๆ แม้แต่เด็กเขาก็มีผม” เอาอีกแหละ นั่นล่ะโดนเอาจนได้ ยิ่งชอบนะ ท่านว่านี้ยิ่งชอบ เอ๊ะ ! ทำไมท่านถึงพูดถูกต้องเอานักหนา “ผมๆ ตั้งแต่คนหัวล้าน มันก็มีผมตรงที่มันไม่ล้าน” แน่ะ “ตรงที่มันไม่ล้านล่ะมีผม คนหัวล้านก็มีใช่ไหม” ค้านซิน่ะเราจับเอาหมด พอเราตอบว่า “กระผมชื่อพระมหาบัว” “เอ้อ ! อย่างนั้นซิ นี่ผมๆ” ท่านแหย่เอานะ “ผมๆ ตั้งแต่เด็กมันก็มีผม” เอาอีกแหละ ขบขัน เรื่องท่านเด็ดเดี่ยว เด็ดเดี่ยวมาก มันถึงใจ

เวลาไปอยู่สำนักท่าน ดูพระเณรองค์ใด ตอนนั้นดูมีพระอยู่กับท่าน ๘ องค์นะตอนเราไป มีอาจารย์เจี๊ยะนี่ล่ะองค์หนึ่งอยู่ที่นั่น ดูพระองค์ไหนนี้เหมือนผ้าพับไว้ๆ จนไปยกพระทั้งหลายนี้ แล้วก็มาเหยียบตัวเอง โธ้ ! พระทั้งหลายเหล่านี้ท่านคงจะเป็นพระอรหันต์ด้วยกันหมดแล้วมัง จะเป็นลิงตัวเดียวแต่เราที่มาอยู่นี่เท่านี้ล่ะมัง พออยู่ไปๆ นี่คือความเรียบร้อยเข้าใจไหม ทุกสิ่งทุกอย่างมีสติสตังระมัดระวังตลอดเวลา ไปด้วยความปลื้มปิตินั่นล่ะ ดูพระเณรทั้งหลายเหมือนผ้าพับไว้ แล้วทำให้คิดไปอีกว่า เอ๊ ! พระที่ท่านมาเหล่านี้ไม่ใช่ท่านเป็นพระอรหันต์หมดทุกองค์แล้วเหรอ จะเป็นพระเซ่อๆ ซ่าๆ มีแต่เราคนเดียวเท่านี้เหรอ ครั้นอยู่ต่อไปสนทนาธรรมะก็ค่อยรู้เรื่องๆ ของกันและกันไป

นี่พูดถึงเรื่องความเด็ดเดี่ยวเฉียบขาด ตามหลักธรรมวินัยนี้สวยงามมาก เด็ดเดี่ยวเฉียบขาดแบบโจร แบบมาร แบบผู้ร้าย ดูไม่ได้นะ เด็ดเดี่ยวเฉียบขาดทางด้านอรรถด้านธรรม ยิ่งน่าเคารพเลื่อมใสเราได้ไปเห็นสำนักพ่อแม่ครูอาจารย์มั่น มองดูองค์ไหนเหมือนสติรอบตัวตลอดเวลา ท่านเป็นอย่างนั้น ผิดกันมากกับผู้ที่ไม่มีสติสตัง ความมุ่งมั่นต่อมรรคผลนิพพานมีน้อย กับผู้ที่มีความมุ่งมั่นต่อมรรคผลนิพพานมีมาก ผู้นั้นล่ะความสำรวมระวัง ความตั้งอกตั้งใจ ทุกสิ่งทุกอย่างจะเป็นไปด้วยความจงใจหมดเลย ทีนี้ก็น่าดู ไอ้แบบโกโรโกโสอยู่ได้อยู่ไป ไปได้ก็ไปนี้ไม่ได้หน้าได้หลังอะไรนะ อย่างพระที่ไปอยู่กับหลวงปู่มั่น ดูองค์ไหนน่าเคารพเลื่อมใสทุกองค์ฯ

นี่ล่ะเป็นปฐมฤกษ์ที่เราไปหาท่านทีแรก ยิ้มแย้มแจ่มใสพออกพอใจ นี่ล่ะเป็นปฐมฤกษ์ ไปถูกท่านขนาบเอาเสีย ใครมานี่ กระผมอันผมฯ นี้ ขึ้นเลยทันที ตั้งแต่คนหัวล้านมันก็มีผม โธ่ ! เอาใหญ่เลยนะ เงียบๆ นะพระเดินจงกรม เหมือนวัดร้าง เสียงท่านลั่นขึ้นพระทั้งหลายก็มาแล้ว นี่ล่ะเป็นปฐมฤกษ์ล่ะตั้งแต่เริ่มแรก



ที่มา พระอรหันต์ สายหลวงปู่มั่น