ธรรมะ อันเป็นที่พึ่ง

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ผู้เห็นภัย, 15 สิงหาคม 2009.

  1. ผู้เห็นภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    117
    ค่าพลัง:
    +476
    ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้น เห็นเรา "คถาคต"ขอท่านผู้เจริญในธรรม เพื่อนร่วมทาง สหายธรรมทุกท่าน ทุกคน ช่วยให้ความหมาย แปลความหมาย ของ พุทธวจน คำนี้ด้วยนะครับ
     
  2. Amoxcycol Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    296
    ค่าพลัง:
    +65
    เห็นธรรม แบบสัมมาทิฐิ ก็เห็นตถาคต
    ใจกายเป็นสุขเบาสะบาย ก็เห็นตถาคต
    มีศีลประจำกาย ประจำใจ ก็เห็นตถาคต
    ไม่ประมาทในชีวิต เห็นความตายเป็นเรื่องธรรมดา ก็เห็นตถาคต
    สวดมนต์อยู่ก็ได้เฝ้าพระตถาคต
    มีอีกหลายวิธี ที่เห็นตถาคต.......
     
  3. นิยายธรรม สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    108
    ค่าพลัง:
    +20
    ผมคิดว่า ผู้ยึดเอาพระธรรมคำสอนขององค์พระศาสดามาเป็นที่พึ่งยึดเหนี่ยวปฏิบัติตาม จนเห็นความเป็นจริง ผู้นั้นเหมือนได้พบพระองค์หรือได้ฟังธรรมจากพระองค์ เพราะมีอยู่คำหนึ่งที่พระองค์ทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า "ดูก่อน อานนท์ หลังจากเรานิพพานไปแล้วพระธรรมและวินัยที่ตถาคตแสดงไว้นั้นแหละจะเป็นครูสอนเธอ"
     
  4. jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    ความหมายตรงตัวครับ ถ้าไม่เข้าใจ

    จะอ้างอิงให้แล้วกัน

    ตถาคต พระนามอย่างหนึ่งของพระพุทธเจ้า เป็นคำที่พระพุทธเจ้าทรงเรียกหรือตรัสถึงพระองค์เอง แปลได้ความหมาย ๘ อย่าง คือ

    ๑. พระผู้เสด็จมาแล้วอย่างนั้น คือ เสด็จมาทรงบำเพ็ญพุทธจริยา เพื่อประโยชน์แก่ชาวโลก เป็นต้น เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ อย่างไรก็อย่างนั้น
    ๒. พระผู้เสด็จไปแล้วอย่างนั้น คือทรงทำลายอวิชชา สละปวงกิเลส เสด็จไป เหมือนอย่างพระพุทธเจ้าพระองค์ก่อนๆ อย่างไรก็อย่างนั้น
    ๓. พระผู้เสด็จมาถึงตถลักษณะ คือ ทรงมีพระญาณหยั่งรู้เข้าถึงลักษณะที่แท้จริงของสิ่งทั้งหลายหรือของธรรมทุกอย่าง
    ๔. พระผู้ตรัสรู้ตถธรรมตามที่มันเป็น คือ ตรัสรู้อริยสัจ ๔ หรือปฏิจจสมุปบาทอันเป็นธรรมที่จริงแท้แน่นอน
    ๕. พระผู้ทรงเห็นอย่างนั้น คือ ทรงรู้เท่าทันสรรพอารมณ์ที่ปรากฏแก่หมู่สัตว์ทั้งเทพและมนุษย์ ซึ่งสัตวโลกตลอดถึงเทพถึงพรหมได้ประสบและพากันแสวงหา ทรงเข้าใจสภาพที่แท้จริง
    ๖. พระผู้ตรัสอย่างนั้น (หรือมีพระวาจาที่แท้จริง) คือ พระดำรัสทั้งปวงนับแต่ตรัสรู้จนเสด็จดับขันธปรินิพพาน ล้วนเป็นสิ่งแท้จริงถูกต้อง ไม่เป็นอย่างอื่น
    ๗. พระผู้ทำอย่างนั้น คือ ตรัสอย่างใดทำอย่างนั้น ทำอย่างใด ตรัสอย่างนั้น
    ๘. พระผู้เป็นเจ้า (อภิภู) คือ ทรงเป็นผู้ใหญ่ยิ่งเหนือกว่าสรรพสัตว์ตลอดถึงพระพรหมที่สูงสุด เป็นผู้เห็นถ่องแท้ ทรงอำนาจ เป็นราชาที่พระราชาทรงบูชา เป็นเทพแห่งเทพ เป็นอินทร์เหนือพระอินทร์ เป็นพรหมเหนือประดาพรหม ไม่มีใครจะอาจวัดหรือจะทัดเทียมพระองค์ด้วยศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ และวิมุตติญาณทัสสนะ


    http://84000.org/tipitaka/dic/v_seek.php?text=ตถาคต
     
  5. แกะดำ2 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    38
    ค่าพลัง:
    +14
    ผมมีก็เคยสงสัยและหาคำตอบอยู่เหมือนกันครับและก็ได้อ่านมาหลายคำตอบแล้วเหมือนกันครับแต่ก็ได้แค่ความจำกลับไปปรุงคำตอบที่ได้ต่ออีกครับจึงทำให้ผมหลงไปกับความปรุงนั้นโดยไม่รู้ตัวเลยครับแต่พอมาปฏิบัติธรรมเองไปนานๆก็จะเข้าใจได้ด้วยผลของการปฏิบัติธรรมครับแล้วก็จะรู้คำตอบนี้ได้โดยไม่มีการสงสัยอีกเลยครับและจะรู้อีกว่าเราเกิดมาแล้วอย่าปล่อยเวลาโดยการหายใจทิ้งไปเปล่าๆครับมาทำลมหายใจของเราให้มีประโยชน์กันดีกว่าครับเกิดมาแล้วก็คือนาทีทองในการปฏิบัติธรรมครับขอให้เจริญในธรรมครับ
     
  6. jinny95 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    6,074
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +9,666
    การเดินตามทาง เดินบนทางที่ศาสดาเคยเดิน ทางที่เหล่าพระอริยะเดินล่วงไปแล้ว ย่อมน่าสรรเสริญ ^-^
     

แชร์หน้านี้