นอนกอดผีบนบ้าน

(kiss) สวัสดีค่ะ แวะมาเล่าสู่กันฟัง เพิ่งกลับมาบ้านต่างจังหวัด หลังจากไม่ได้กลับมาสองสามเดือน บ้านซีเป็นบ้าน 2 ชั้น ปกติจะนอนกันแต่ชั้นล่าง ห้องข้างบนจะเป็นโซนโต๊ะหมู่บูชาหิ้งพระก่อนถึงห้องนอนซีอีกที กลับมาถึงบ้านวันที่ 27 ก้อนอนห้องข้างล่างกับอาไม่มีราย แต่ร้อนอบอ้าวมากกว่าจะนอนได้

วันรุ่งชวนน้องไปช่วยเช็ดปัดกวาดพระ บนชั้นสอง เนื่องจากไม่ค่อยมีคนขึ้นไปทำความสะอาด ส่วนใหญ่คนที่ทำจะเป็นซีซะแต่ไม่ได้กลับนานรกฝุ่นเต็ม ตอนกลางคืนก้อเลยจะเปลี่ยนมานอนข้างบนเพราะเก็บกวาดดีและ อีกอย่างเย็นสบายกว่าข้างล่างแยะ ตอนกลางคืนสวดมนตร์นั่งสมาธิในห้องนอนแล้วก้อนอนปกติช่วงตีห้ารึหกโมงฝันว่า

ซีนอนอยุ่บนเตียงนี่แหล่ะ แต่มีผู้หญิงผอมแห้งมีแต่กระดูก ผิวดำ ผมสั้น มานอนกอด เราก้อดันนอนกอดเค้าซะด้วย ความรู้สึกนั้นเหมือนเค้ามาดี เหมือนคิดถึงเรา เราก้อฝันอย่างอื่นมั่วตั้วไป สักพักตื่นปวดชิ้งฉ่อง แล้วก้อมานอนต่อ ตื่นอีกทีสายๆ

ก็เลยก้ำกึ่งว่าใช่รึไม่ใช่ เพราะปกติจะเป็นคนเจอผีบ่อยทั้งที่หอพัก ที่ทำงาน แต่กะที่บ้านตัวเองยังไม่เคยเจอ ก็เลยคิดว่าต้องพิสูจน์ไม่อยากให้ค้างคาใจ กลางคืนวันนั้นเรียกขวัญและกำลังใจสุดฤทธิ์ ย้ายที่ไปสวดมนตร์นั่งสมาธิตรงหิ้งพระซะเลย อธิษฐานว่าถ้าฝันมากฟุ้งซ่านก้อไม่ต้องฝันซ้ำ ถ้าใช่ก็ให้มาหาเลย มีอะไรให้ช่วยก้อบอกถ้าเกิดมาดี แต่ขอมาสวยๆหน่อยถ้าทำได้ รึเป็นเจ้ากรรมนายเวรก้อจะทำบุญไปให้ด้วย พอเสร็จก็เข้าไปนอนเล่นสักพักเริ่มง่วง ก้อเตรียมตัวที่จะนอน

ปกติจะนอนภาวนาจนกว่าจะหลับ แต่ครั้งนี้ฟุ้งซ่านเกิดอาการกลัว ขึ้นมา ก้อเลยคิดว่าเค้าก้อเคยเป็นคนเหมือนเรา เราก้อเคยเป็นผีเหมือนเค้า จะกลัวอะไร บ้านก้อบ้านเรา เลยนอนภาวนาไปสักพักนานเหมือนกัน สักพักความรู้สึกตัวชาๆเย็นๆถ้าปกติจะนิ่งเงียบคือปล่อยหลับไปโดยปกติ แต่ครั้งนี้เหมือนถูกผีอำ ได้ยินเสียงคนกดสวิสต์เปิดประตู"แกร๊ก" เสียงประตูเปิดออก "แอ๊ดดดด" ในใจ "มาๆๆๆมาแล้ว อร้าย กลัว สู้ๆๆคุยเลยให้รู้เรื่อง เค้ามาดีๆ" ได้ยินเสียงฝีเท้า "ตึก ตึก ตึก ตึก" ผ่านมาข้างเตียง ไปหยุดตรงปลายเท้าพอดี

แต่ไม่เห็นคนรึรูปร่าง หลับตาอยู่ กลายเป็นฝันว่าคุยกะผู้หญิงคนเดิม แต่ไปที่วัดแห่งหนึ่งกับเค้า ซีบอกเค้าว่า "จะบวชชีพราหมณ์และอุทิศให้นะ" กลายเป็นไม่ได้ถามเลยว่าเป็นใครยังงาย หลังจากนั้นก้อหลุดตื่นมา ปกติจะนอนต่อได้ แต่ครั้งนี้รู้สึกใจสั่นหวิวๆ ไม่เคยเจอบ้านตัวเอง นอนภาวนาต่อครึ่งค่อนชม. ก้อนอนไม่หลับ นอนไม่ได้สักที ใจมันหวิวๆสั่นๆจนต้อลงไปนอนข้างล่าง. กว่าจะหลับได้นานเหมือนกันยังติดหูอยู่เลย

ปล.ไม่ต้องบอกนะ ว่าจะไปนอนห้องข้างบนคนเดียวอีก เป็นคืนที่ 3 รึเปล่า

 

ดีแล้วครับ..สนุกดีครับ.ได้อุทิศส่วนกุศลด้วย..ดีกว่านอนกอดคนครับ.
ไหนจะเสียงลมหายใจ เป็นไอร้อนๆอีกต่างหาก เผลอๆก็เสียงกรนอีก
ไหนจะกลิ่นเหงื่อ กลิ่นตัว ไอ้ร้อนเหนียวๆ ติดตัวเราอีก..
ไหนจะท่านอนพิศดารอันสุดแสนจะประทับใจเวลาหลับสนิท..
ไหนจะกิริยาแบบที่เป็นตัวเองเวลาหลับสนิทที่ทำแบบไม่รู้ตัวเช่น ดึงผ้าห่ม
แย่งผ้าห่ม ๕๕๕๕
สรุปแล้ว มีผีมากอดอย่างนี้ดีแล้วหละครับ...๕๕

 

แต่ผมชอบนอนกอดคนครับพี่ nopp

 

คนมีไม่กอด ชอบนอนกอดผีซะงั้นพี่นพ อิอิ

 

ดูไม่หลอนเหมือนนอนกอดผีเนาะ (kiss)

 

คุณน้องใหม่ค่ะ แต่ถ้าสวยแบบนางฟ้ามานอนข้างๆ คุณ น้องใหม่ อาจเปลี่ยนใจใหม่ก็เป็นได้ะคะ แซวเล่นนะคะ (deejai)

 

ดีจ้ะใหม่ ช่วงนี้เล่นไลน์ป้ะนี่ ตาสามก็แอบหนีพวกเราไปเที่ยวด้วย

 

เล่นไลน์อยู่ค่ะ ซี พี่สามแอบหนี ไปแล้วเพราะ แกมัวแต่ไปปลูกข้าวไรซ์เบอร์รี่อินทรีย์ อยู่อ่ะค่ะ 555 แซวเล่นะคะพี่สาม

 

อ้อจริงด้วย ไม่ได้ทำการบ้านส่งแกนาน เพิ่งไปจ้ะเอ๋มะวานซืนโน่น เด่วนี้เบื่อทำข้าวแช่มาทำอย่างอื่นซะและนี่ 55

 

อูยยยยย. ไม่ต้องระดับนางฟ้าก็ได้ขึ้นไปก็ได้นะ คุณน้องทั้งหลาย เด่วออร่า เด่วประกาย
จะส่งผลกับสายตาเรา และปะกายจะรบกวนประสาทหูเราด้วย..ยิ่งสูงกว่านี้ยิ่งเข้าใกล้ไม่ได้ เพราะแค่อาศัยการมอง.
เอาภูมิระดับถิ่นอาศัยเดียวกันกับโลกเรา. ที่พอมีฤิทธิ์พวกผิวสีขาวเหมือนแป้งหน้าคมตาคม
ผมเส้นเล็กชุดขาวยาวเรียบร้อย.ตรงตาดำเป็นสีเขียวนะ.หุ่นบางเพียวสวยเหมือนนางแบบ

พวกผิวออกเขียวใสแต่มองไม่ทะลุ หน้ากลมติดเหลี่ยมเล็กน้อย ชุดขาวหลวมๆ ผมหนาดูเหมือน
ไม่หวีผม สีผิวกลืนกันทุกส่วนตาโตเล็กน้อย .แบบนี้บางทีมาชุดไทยก็มีแต่ตาจะหวานกว่า
หุ่นเหมือนนางงามนพมาศ.
. พวกหน้ากลมๆชุดไทย รวบผมเรียบร้อย ตาโตมีแก้ม อวบเล็กน้อย รูปร่างสันทัดพอดี
เอาไว้เจอแบบนี้ก่อนนะ. แล้วค่อยคิดดูว่ากับคนเป็นอย่างไร. ๕๕๕
ปล.เล่าให้ฟังไม่เกี่ยวกับเรื่องกอดหรือเรื่องชอบนะครับ ๕๕
และส่วนตัวไม่เคยกอดผีก่อนครับ. มีแต่โดนกระทำก่อน แต่เรื่องแกล้งผีแบบเน้นฮานะพอมีบ้างคับ ๕๕๕

 

ผีสาว สวยๆ ที่คุณนพกานต์ได้สัมผัส เอ๊ย เห็น เนี่ย
ถ้าเทียบกับสาวชาวมนุษย์นี้ สวยกว่ามนุษย์มั๊ย
คือเคยอ่านๆ มา เค้าบอกว่าแค่ชั้นจาตุมหาราชิกา พวกนางฟ้าที่ขี้เหร่ที่สุด สาวชาวมนุษย์ที่สวยที่สุดก็ไม่อาจเทียบได้
แล้วพวกตาเขียว นี้เป็นกลุ่มพวกปีศาจรึป่าว ?

 

ที่คุณเข้าใจมาก็ถูกแล้วครับ.ไม่ต้องเค้าบอกหรอกครับ..
ว่างๆมีโอกาสไปดูเองให้เห็นด้วยจิตเราเลยครับ.จะได้เข้าใจลึกซึ้ง
.กลุ่มผีสาว สวยๆ
ที่ส่วนตัวเคยได้สัมผัส เอ๊ย!! เคยได้เห็นเนี่ย.๕๕๕ .เรื่องความสวยหรือไม่สวย
ขึ้นอยู่กับท้องที่และวัฒนธรรมด้วยครับ.พวกนี้มันขึ้นอยู่กับสัญญาของเราด้วยครับ.
ถ้าฝึกปฏิบัติไปอีกซักพัก จริงๆแล้วจะไม่รูปร่างไม่มีภาพอะไรครับ..
..และถ้าเทียบความสวยแบบไทยๆ.ก็สวยกว่ามนุษย์อยู่แล้วครับ..
ยกเว้นว่าผู้หญิงที่มากบารมีบางท่านจะสวยคล้ายๆระดับสูงๆที่ไม่เพศอยู่ครับ..
ก็ถึงบอกว่าไม่ต้องไปถึงระดับเทวดาก็ได้..แบบถิ่นอาศัยระดับใกล้เคียงกับเรา
ก็สวยกว่ามนุษย์อยู่แล้วครับ..ไม่นับแบบที่ชอบทางฝรั่ง ทางแขกนะครับ.คนละแบบ..
..พวกนี้ถ้ามีโอกาสเราจะสามารถจับถูกเนื้อต้องตัวได้นะครับ แต่ว่าเนื้อเค้าจะ
ไม่แน่นแบบกดพอยุบเหมือนมนุษย์ แต่จะกดลงแล้วคล้ายๆผ่านกลุ่มอากาสลง
ไปซึ่งความหนาแน่นของผิวหนังจะน้อยกว่ามนุษย์..ยกเว้นว่าเราจะจับเฉพาะจุด
แล้วเค้าดึงธาตุต่างๆมาอยู่ตำแหน่งที่เราจับ.ก็จะรู้สึกคล้ายๆมนุษย์ได้ครับ...
ส่วนตรงตาดำเป็นสีเขียวส่วนอื่นที่ตาบริเวณสีขาวๆจะเหมือนเราๆนะครับ.
เป็นสีตาปกติของภูมิที่มีถิ่นอาศัยใกล้เคียงพื้นโลกอยู่แล้วครับ.
กลุ่มนี้ไม่ใช่ปีศาจครับ.เป็นกลุ่มที่มีฤิทธิ์ให้ได้ทั้งคุณและโทษครับ.
พวกที่คนเค้าไหว้ขอโน้นขอนี้ หรืออยู่ตามไม้เก่าๆ
เรือเก่าๆอะไรก็ประมาณนี้หละครับ
.แต่พวกนี้โดยปกติจะชอบคนที่ชอบทำบุญ
ถือศีล ๕ อะไรมาณนี้หละครับ
ส่วนจะชอบใครแบบไหนสเปกอย่างไรไม่ทราบครับ.
.พอดีไม่เคยคุยด้วยครับ ๕๕๕๕

แต่จะมีอีกกลุ่มพวกที่ตรงตาสีขาวแบบเราจะเป็นสีดำและลูกในตาสีแดงเพลิง
ไม่เป็นประกายนะครับ..เป็นภูมิที่ภูต อสูรกายแบบหนึ่งที่ยังถือแรงและไม่ดีอยู่ครับ.
เป็นภูมินี้หละครับ ที่พอเรียกได้ว่าปีศาจ เพราะบางกลุ่มที่เค้าอยู่มานาน
ตั้งแต่สมัยก่อนพุทธการ เค้าไม่สนนะครับ ว่ามนุษย์หรือห่มเหลือง เค้าเล่นหมด
ถ้าไปหลบหลู่หรือทำอะไรเค้าก่อน.อีกทั้งตาสีดำลูกนัยต์ตาสีแดงแบบนี้
ยังเป็นได้ทั้งพวกที่เป็น ปอ ออบ ปอบ ที่เป็นรูปร่างคล้ายสัตว์ต่างได้ด้วยครับ..
เอาง่ายๆก็คือ สามารถทำร้ายมนุษย์ได้อยู่ครับและถึงกับเสียชีวิตได้เลยนะครับ..
..ส่วนภูมิอสูรกายที่เป็นกึ่งเทพกึ่งอสูรกายนั่นลูกนัยต์
ตาจะเป็นสีเหลืองเข็มและตรงตาขาวแบบเราจะเป็นสีเหลืองอ่อนกว่าเล็กน้อย
และมีเอกลักษณ์ตรงไม่ค่อยสบตาเราครับ.มีหน้าที่ของเค้าอยู่ไม่ยุ่งกับมนุษย์
ถ้าเราพอมีศีล ๕ เค้าถึงจะยอมเรา ถ้าต่ำกว่าศีล ๕ เค้าไม่เกรงใจเรานะครับ..
หากว่าได้มีโอกาศพบเจอ..
และมีอีกพวกที่ตาเหมือนกันแต่ว่าเป็นกึ่งสัตว์กึ่งอสูรกาย กลุ่มนี้ก็มีฤิทธิ์
จะเข้ามาทดสอบพวกนักปฏิบัติที่ฝึกฝนเกี่ยวกับด้านมีฤิทธิ์ต่างๆที่สามารถ
ทำให้บุคคลอื่นๆสัมผัสได้ รู้สึกได้. จะมีเอกลักษณ์
ตรงที่จะมาเป็นกลุ่มครับ.กลุ่มนี้ไม่ต้องกลัวนะครับ.
เค้าไม่ไปทดสอบแบบ
คนที่ฝึกมีฤิทธิ์ทางใจ ประเภทย้อนอดีต ย้อนอนาคต อ่านใจ หรือรับดูดวง
ทั้งหลายแหล่ครับ.เพราะเสียเวลาเค้าครับ.เป็นข้อดีอีกอย่างครับ....
กลุ่มสุดท้ายที่จะเล่าให้ฟัง คือ กลุ่มตาขาวดำปิ๊ดปี๊
ลูกนัยต์ตาแดงเพลิง พวกนี้ขาไม่ติดพื้น ลอยได้
แต่งตัวชุดหลวมๆออกปลิวๆ คล้ายในแฮรรี่พอตเตอร์
มีเอกลักษณะตรงสามารถแปลงร่างได้ ป่านว่าในหนัง๕๕๕
กลุ่มนี้จะเป็นกลุ่มที่มาทดสอบกำลังใจนักปฏิบัติ..
ไม่ทำร้ายเราแต่จะเข้ามาใกล้
เราในระยะประชิดห่างไม่เกิน ๑๐ เซนติเมตรครับ
.กลุ่มนี้ถ้าไม่สนใจเค้าก็จะไปเองครับ..
ปล.ประมาณนี้ครับ..

 

ถ้าจะรอให้เห็นเองคงยากอะคะ ชั่วชีวิตนี้ไม่รู้จะสามารถรึเปล่า
รู้สึกว่าจะไม่ค่อยมีวาสนาทางนี้ซะเลย
ที่บอกว่า ในชั้นภพภูมิที่บารมีสูงๆ มากๆ นั้น สวยแบบไม่มีเพศ
นี้คือชายกับหญิงรูปร่างหน้าตาเหมือนๆ กันรึเปล่าคะ
คือคล้ายๆ รูปวาดของอาจารย์จักรพันธ์ โปษยกฤษณ์

 

เรื่องเห็นหรือไม่เห็นไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไรครับ...
ส่วนการที่เราจะเห็นแบบไหน.ถ้ายังเห็นเป็นรูปร่างได้อยู่
แสดงว่ายังไม่พ้นสัญญาครับ แต่ก็จำเป็นเพื่อความจำได้ครับ..
ส่วนมากรูปบุคคลที่คุณอ้างถึงท่านวาด ลักษณะอย่างนั้นเป็นภูมิระดับใกล้เคียงเราอยู่ครับ..
แต่ก็อยู่สูงกว่าหน่อย..มีมากแถวพวกป่าเม็ดมะม่วงครับ..เยอะแยะครับ.
.ส่วนระดับสูงๆที่ไม่ใช่บุคคลที่เรารู้จักดีนะครับ..สำหรับการวาดที่บุคคลที่คุณอ้างถึง
เกี่ยวกับระดับสูงๆยังไม่ค่อยเหมือนเท่าไรครับ.หน้าจะกลมกว่าที่ท่านวาดกว่านี้หน่อย
ชุดที่สวมใส่ก็ยังดูไม่กลมกลืน.เพราะมันยังเหมือนมนุษย์ส่วมใสอยู่.
และแววตาไม่ใช่แบบที่ท่านวาดครับ..
แววตาระดับนั้นจะมีเมตตาออกมาจากแววตาครับ..
จะพ้นเรื่องเกี่ยวกับอกุศลต่างๆ.และไม่บิดบังอกุศลลึกๆไว้ในแววตา.
แต่ลักษณะแววตาที่ท่านวาดยังออกทางโลกมนุษย์อยู่ คือยังแฝงในเรื่องของ
การที่ยังต้องสัมผัสร่างกายกัน ตลอดจนซ่อนเรื่องอกุศไว้อยู่ครับ...
ปล.ประมาณนี้ครับ..

 

แล้วถ้าเป็นเทพฝรั่ง ที่อยู่ในระดับสูงๆ จิตไม่มีการแบ่งแยกเพศหญิง-ชายแล้ว
รูปของท่าน คล้ายๆ เทพทางเอเชียมั๊ยคะ

 

เห็นด้วยกะคุณนพฯ เรื่องตาสีเขียวครับ
พวกนี้ส่วนมากเป็นนางไม้ครับ แล้วแต่เขาจะมาให้เราสัมผัสในรูปแบบใด
ขึ้นอยู่กะสภาพจิตเราเป็นสำคัญ ไม่จำเป็นต้องชุดไทยเสมอไป

ถ้าเราเข้าไปในเขตของเขาหากเคยมีบุญสัมพันเกี่ยวข้องด้านใด เขาก็จะมาสื่อสารให้รับรู้ในรูปแบบของบุคคลนั้นเช่น เคยเป็นแม่ เป็นพี่สาว น้องสาว ฯลฯ

มีข้อสังเกตุอีกอย่างคือ เวลาสนทนาพูดคุยกะเราเขาจะไม่กระพริบตาเลยครับ!
นัยต์ตาเขียวใสปิ๊ง พูดน้อยพูดแต่ใจความสำคัญ เช่น มาแล้วหรือ,สบายดีมั๊ย,เป็นไงบ้าง,ทำอะไรอยู่ ฯลฯ ^_^

ภูมินี้เขาใช้เวลาสะแกนจิตเราไม่เกินสามวันครับ ในกรณีที่เขาอยากเจาะลึกข้อมูลสัญญาในจิตใต้สำนึกเรา เพื่อขอยืมร่างบุคคลที่เกี่ยวข้องในชาติปัจจุบัน
แล้วจำแลงกายเป็นคนนั้น ด้วยเหตุผลบางประการ เช่น ให้เรารู้สึกอบอุ่นไม่กลัวเวลาสนทนา เชื่อถ้อยฟังคำคุยกันง่ายไม่เหมือนคุยกะคนแปลกหน้า (ถ้ามาแบบผีหน้าเละหรืองามเกินไปด้วยเรายังมีกิเลสอยู่ย่อมหวั่นไหวเป็นธรรมดา)ฯลฯ บุคลิกทุกอย่างเหมือนกันหมด เพียงแต่ตาไม่กระพริบ! นี่อาจเป็นจุดสังเกตุที่ชัดเจนอีกอย่างก็ได้ครับ ว่าไปตามประสบการณ์ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ ^_^

 

ไม่คล้ายเลยครับ แต่งตัวคนละแบบคนละแนวเลยครับ..ถ้าคล้ายเราคงเห็นรูปปั้นและภาพวาดแบบเดียวกัน
แล้วทั่วโลกครับคุณหัวมัน..:'(๕๕๕
พวกภูตทางเวียดนาม ยังกับปลากัดผสมปลากระโห้บ้านเรา.๕๕๕.
เทพทางฝรั่ง ก็ออกกล้ามๆใส่ชุดขาวๆออกหลวมๆบางๆ หน้ามีเหลี่ยมทุกท่าน
ดูเข็มๆไม่ค่อยยิ้ม..ผมก็ดูเหมือนกับว่าไม่ได้หวี
อะไรทำนองนี้หละครับ หลักๆก็ดูตามภาพวาดหรือรูปปั้นเค้าก็ได้ครับ..
คือ คำว่าสัญญาเนี่ยหมายถึง ความจำได้ที่มีอยู่ในตัวจิตเราครับ
ไอ้ตัวนี้มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เรายังต้องกลับมาเวียนว่ายตายเกิดเช่นกันครับ...
กรณีที่สร้างเป็นภาพ..สัญญาตรงนี้มันจะเป็นตัวหนุนอย่างหนึ่งที่
ทำให้จิตสามารถสร้างขึ้นมาเป็นภาพได้.
เพื่อไปเชื่อมกับภายนอก.แล้วปรากฏเป็นภาพ..
..หรือไม่ก็สร้างขึ้นมาจากภายในตัวเองก็ได้..
หรือสร้างจากภายนอกเพื่อมาเชื่อมกับภายในก็ได้ครับ...
ถ้าไม่มีตรงนี้..เราจะเรียกเป็นภาษาสมมุติเพื่อความเข้าใจตรงกันไม่ได้
ซึ่งก็จะเรียกแตกต่างกันไปตามแต่ละท้องที่ด้วยครับ..
.เช่น ลูกกลมๆแบบนี้เรียกส้ม ลูกใหญ่ๆแบบนี้เรียกแตงโม.
เราเรียกว่าแมว พวกในป่าอาจเรียก อุอุอิอิ บางพวกเรียก คุคุคิคิ
แต่ก็คือแมวนั้นหละครับ..อะไรประมาณนี้
ที่นี้ในแต่ละทวีปแต่ละท้องถิ่นก็จะมีวัฒนธรรมที่
แตกต่างกันไปตามสภาพแวดล้อม และตามเหตุและปัจจัย
.อย่างยุคพระเจ้าชัยวรมันที่ ๗ พยานาคหน้าตาเป็นสี่เหลี่ยม
มายุคนี้เรียวขึ้นเป็นต้น ทั้งนี้ทั้งนั้นที่พยายามเล่าให้ฟังก็คือ

ถ้าเรายังมองเห็นเป็นภาพได้อยู่นั้น..ยังไงๆๆ
มันก็ยังจะต้องมีการปรุงแต่งจากจิตเราร่วมด้วยครับ.
.ตรงนี้อาจจะต้องปฏิบัติบ้างจะทำให้เข้าใจดียิ่งขึ้น...
แต่ไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรที่จำเป็นจะต้องเข้าได้เลยในตอนนี้...

แต่สิ่งหนึ่งที่มันไม่สามารถที่จะลอกเลียนแบบกันได้ ก็คือเรื่องของ
พลังงาน เรื่องของกำลังจิต เรื่องของกระแสจิต..
บ้านเราเรียกกันว่าเรื่องของพลังบุญ หรือ พลังบาปครับ..
บ้างก็เรียกว่าพลังงานเย็น พลังงานร้อน
พลังงานตรงนี้ถ้ามีมาก จะสามารถสร้างเป็นสัญญาภายนอก
อย่างไรก็ได้เพื่อมาเชื่อมกับสัญญาภายในจิตของเรา..
เราจึงมองเห็นเป็นรูป เป็นร่างได้ เราถึงเรียกได้ถูก
อย่างที่พลังงานนอกเค้าสร้างขึ้นมาครับ...
แต่มันก็เป็นดาษสองคม
พวกที่พลังงานไม่ดีทั้งหลาย..เค้ามองเราออก เค้าถึงพยายามสร้างตัวเอง
ให้เป็นระดับสูงๆที่ เราเคารพนับถือนั่นหละครับ
แต่ถ้าจับกระแสพลังงานจริงๆเราถึงจะทราบ..
หรือถ้าเราพอจะจับได้เราก็พอจะทราบว่าใครที่ชอบอวตาร
มาอวยกันเองโดยที่ไม่ต้องดู ip address นั่นหละครับ ๕๕๕๕
หรือถ้าเราไม่รู้อะไรก็ให้สังเกตุพฤติกรรมให้ดีๆครับ
ทั่วๆไปเค้าถึงให้เราสร้างสติทางธรรมให้มากๆ จะสามารถ
แก้ตรงนี้ได้ เพราะพลังไม่ดีที่พยายามสร้างภาพนั้น
จะไม่สามารถที่จะสร้างภาพหลอกเราได้นานนั่นเองครับ..
อย่างเทพองค์นี้บ้านเราเรียกท่านว่า บลาๆๆๆๆ แต่งตัวสวยงามหน้าตาเหมือนเทพบุตร
พอดวงจิตดวงเดียวกันนี้ไปอยู่ทางจีน..ท่านก็จะแต่งตัวออกเหมือนแนวนักรบ หน้าตา
เข็มๆดำๆหน่อย อะไรประมาณนี้.และที่แต่งตัวแบบจีนๆเลยจะเป็นทางมหายาน
ซึ่งก็มีเยอะเช่นกันครับ.ยังมีพวกที่มาจากอมรโคยานทวีปก็มี พวกนี้ประทับใน
ผู้เป็นเลิศตั้งแต่สมัยครั้งพุทธกาลก็มีครับ..นี่ยังไม่นับพวกดวงจิตมะนาวต่างตู๊ดนะครับ
บางครั้งจากสัญญาเดิมเราเห็นว่าท่านแต่งจีนๆแต่เรา
ไม่รู้กำลังจิตท่านเราอาจจะเค้าใจว่าเป็นเพียงบัณฑิตธรรมดาก็ได้ครับ..
ส่วนถ้าดวงจิตที่เป็นเทพทางบ้านเราไปปรากฏกายแต่งแบบทางบ้านเรา..
การปรากฏตัวจะยากที่จะทำให้คนที่นั่นเห็นได้ครับ..
เพราะว่าบุคคลที่อาศัยอยู่ถิ่นนั้น เค้าไม่มีสัญญาความจำได้แบบเราๆ ให้นึกยังไงก็นึก
ไม่ออกครับ.มันจึงเป็นการตัดการเชื่อมสัญญาที่มาจากภายนอกอัตโนมัติครับ...
ถ้าสมมุติว่าเราปฏิบัติมาจนที่จิตสามารถแค่รู้แล้วไม่ยึดได้จริงๆ เรียกว่าตัดสัญญาได้
แม้ว่าจะได้ยิน หรือได้ฟังมา..ข้อดีก็คือ จะไม่มีพลังงานภายนอกใดๆมาทำอะไรเราได้เลย..
พวกพลังงานต่างๆที่มาทำอะไรเราได้ก็เพราะสัญญานี่หละครับ
ไม่งั้นหมอผีก็คลองโลกแทนพี่กันแล้วครับ ๕๕๕๕
เพราะเราไปเผลอคิด แล้วเผลอ
ไปปรุงแต่งร่วมโดยที่ไม่รู้ตัว.และเรามักจะรู้ตัวก็ต่อเมื่อมันรวมกันไปแล้ว เราก็เลย
ว่าเรารู้ ว่าเราเข้าใจ ขนาดตัดแล้ว ผ่านมา ๕ ปี ๑๐ ๒๐ ปี ก็ยังพูดถึงนั้นหละครับ๕๕๕
ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม ถ้าเรื่องมันดีเราก็ดีใจ ถ้าเรื่องไม่ดีก็ทำให้เราเศร้าหมองไงคับ
เค้าเรียกว่าพูดทั้งๆที่ไม่มีสติแต่เข้าใจว่าตัวเองมีสตินั่นหละครับ.๕๕๕..
.ตรงนี้ก็เลยกลายเป็นช่องทางให้พลังงานพวกนี้เข้ามาเชื่อมกับจิต
ของเราได้เลยส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจและร่างกายของเราได้ เนื่องจากร่างกายของเรา
มันก็ประกอบด้วยธาตุทั้ง ๔ ที่เป็นพลังงานเช่นกัน เมื่อพลังงานไม่ดีมันเข้ามาในร่างกาย
ได้มากมันก็เลยทำให้ร่างกายเราพร่อง เป็นสาเหตุให้เราเจ็บป่วยได้นั่นหละครับ..
กรณีนี้ไม่นับการเสื่อมตามธรรมชาตินะครับ...
ปล.ประมาณนี้ครับ แห๋มๆคุณ Norlnorrakuln มีประการณ์ที่เป็นรูปธรรมด้วย..
ดีเหมือนกันนะครับ..ได้ความรู้ไปอีกแบบครับ

 

ยังมีภูมิที่้เขาฝึกกสิณไฟด้วยครับ ที่ตาขาวเป็นสีแดง เวลาเขามองเราทำตาเหลือบไปมาไม่จ้องมองตรงๆ คงกลัวจะแผดเผาเราทำให้ได้รับอันตราย
ไม่ทราบว่าคุณนพฯมีข้อมูลอะไรเพิ่มเติมไหมครับ?

เห็นว่าเป็นภูมิที่อยู่ใกล้มนุษย์ เล่าสู่ฟังบ้างคงพอเป็นประโยชน์ช่วยบรรเทาความสงสัย ^_^

 

เป็นภูมิอสูรกายครับ.
.เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ชอบมาทดสอบมนุษย์ที่
เค้าเห็นว่าพอจะสู้กับเค้าได้ครับ..ชอบมาเป็นกลุ่ม.โดยลึกๆแล้ว
มักจะคิดว่าตัวเองเก่งด้วยครับ.คุณ Norlnorrakuln เคยสังเกตุคนที่ชอบ
หาเรื่องด่าคน พอเค้าจะเอาเรื่องแล้วไม่ค่อยกล้าสบตาไหมครับ.เลยเป็นเหตุ
ที่ทำให้ดูเหมือนไม่ค่อยสบตาติดมาจนเป็นเรื่องปกติเค้าครับ.
.คือกลุ่มนี้เค้าจะใช้กสิณไฟได้เป็นปกติ เนื่องจากเคยฝึกมา
แต่จะใช้ได้เฉพาะกองนี้นะครับ..
ตอนที่ยังเป็นมนุษย์นั้นไปใช้ในทางที่เป็นอกุศลด้วยครับ..
และสมัยเป็นมนุษย์เป็นประเภทแบบพวกขี้หมั่นไส้คนครับ..
คือเห็นใครดีหน่อยก็ชอบไปแหนบ ไปแซะเค้า
หรือชอบไปลองของ สุดท้ายก็ว่าตัวเองเก่งที่สุดประมาณนี้ครับ..
พวกนี้เนื่องด้วยชอบมาเป็นกลุ่ม หากเราใช้กสิณไฟได้ในระดับ
ที่ออกทางฝ่ามืออย่างเดียวเราจะสู้เค้าไม่ได้ครับ..ยิ่งถ้าเค้าจับตัว
เราได้แล้วหละก็เราจะเสร็จครับ....
นอกจากว่าเราจะสามารถใช้กสิณไฟให้ออกทางเหนือระหว่างคิ้วได้
ถ้าเราทำได้ รัศมีที่ออกจากตรงนี้ก็จะทำให้กลุ่มนี้เค้าออกไปและเลิก
ยุ่งกับเราได้เองครับ..แล้วเค้าก็จะรอที่จะมาทดสอบคนต่อไปครับ
ประมาณว่านักเลงตีกันพอรู้ผลแล้วก็จบนั่นหละครับ....
ถ้าเราผ่านตรงนี้.ต่อไปในชีวิตปกติเราก็จะใช้พลังงานกสิณกองต่างๆ
แบบที่ทำให้คนอื่นๆสัมผัสได้เองครับ ถ้าผ่านด่านการทดสอบจากทาง
ภพภูมิข้างบนอีกซักประมาณ ๑๐ ถึง ๒๐ ครั้งต่อไปที่จะเจอได้ครับ..
ปล.ประมาณนี้ครับ..แต่มีอีกกลุ่มที่คล้ายๆกันที่ดูเหมือนคนแต่ว่า
ผิวหนังจะเหี่ยวๆก็มีนะครับ..คือกลุ่มที่สืบเชื้อสายกันมาแล้วไปผิดครูเข้าให้
แต่โดยปกติมักจะไม่ค่อยยุ่งกับใครครับ..
หรือมีข้อมูลอะไรอีกลองมาคุยๆแลกเปลี่ยนกันเล่นๆดูก็ได้ครับ
สนุกกว่านอนกอดผีช่วงปีใหม่อยู่ครับ ๕๕๕...
โอ้ยยยยข้างบ้างยิงปืนเสียงดังมากครับ ๕๕๕.

 

พี่นบค่ะแล้ว ถ้าเปนชายแก่ใส่ชุดขาว มีมือสีแดง ตาแดง มาสอนวิชาด้านฤทธิ์ ให้ ในบ้านเราเอง เค้ามาจากภมูไหนค่ะ มา 3 คน ชุดขาวมวยผมเหมือนกันหมด เราเองในฝันก็บ้าจี้ทำตามเค้าอีก