ช่วยในทางที่ช่วยได้ คิดมากปวดหัวอุเบกขา ครับ
ตอนนี้ควรจะมาคิดกันว่า เราจะช่วยผู้อื่นในสังคมให้เข้าถึงความดี และธรรมะ อย่างไร
จะดีกว่าไหม โดยเฉพาะเด็กๆ เริ่มปูพื้นฐาน ตั้งแต่ยังเล็กๆ อนาคต จะได้มีคนดีๆ เข้าไป
อยู่ในสังคมบ้าง ถ้าเป็นห่วงบ้านเมืองจริงๆ มันมีหลายอย่างครับที่เราสามารถช่วยกันได้
นักปฏิบัติคิดอย่างไรกับที่ไทยต้องเสียดินแดนให้เขมร หรือ วางเฉย ?
ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย กิดากร, 4 กรกฎาคม 2008.
หน้า 2 ของ 2
-
แบบจริงๆเลยนะครับ ที่ผมคิดกับเรื่องนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อน
พิจารณาถึงความถูกและผิด สิ่งที่ควรจะเป็นและเหตุใดถึงไม่เป็น พิจารณาถึงขีดความสามารถเราในการแก้ปัญหา บางครั้งเฟื่องตัวน้อยมิอาจทดหรือเป็นแรงขับเคลื่อนให้กับเครื่องจักรใหญ่ๆได้มากนัก ฝื่นไปเฟืองอาจจะรูดได้
ถ้าเราไม่อาจแก้ปัญหานั้นได้ และถ้าคิดแล้วเกิดความรู้สึกไม่สบายใจก็อย่าไปคิดครับ การปล่อยวางไม่ใช่การละทิ้ง การละทิ้งคือการไม่ทำในสิ่งที่เราควรจะทำแล้วทำได้ แต่การปล่อยวางน่าจะหมายถึงพิจารณาดูแล้วว่าปัญหาคืออะไร จะแก้ปัญหาได้อย่างไร จนเห็นว่าเราแก้ไม่ได้แน่ๆ ยิ่งคิดยิ่งไม่สบายใจ จึงควรปล่อยวาง -
วางเฉยจะผิดไหม
-
แล้วคุณจะหยุดปฏิบัติทำไม ถ้าทำต่อไปจะบรรลุธรรมหรือ ถ้าหยุดจะบรรลุธรรมหรือ ถามหน่อย
ถ้าหยุดปฏิบัติบ้านเมืองจะเจริญขึ้นเหรอ จะได้ดินแดนคืนมาเหรอ ตัวคุณจะมีสติปัญญา เป็นคนดีขึ้นเหรอ
นี่แสดงว่าที่ปฏิบัติมาไม่ได้เข้าใจเลยว่า ทุกอย่างมันไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เป็นทุกขัง อนิจจัง อนัตตา แล้วจะไม่สบายใจไปถึงเมื่อไหร่ เมื่อไหร่จะสบายใจ คนเรามันก็อยู่กับกองทุก กองโศก โรคภัย ความไม่สบายใจทั้งนั้น ถามหน่อยว่ามีใครสบายใจ
หากมัวแต่ไม่สบายใจไม่ปฏิบัติ พระพุทธเจ้ากล่าวว่า จิตตัง สังคลิฏฐัง ปาฏิกังขา ถ้าจิตใจเศร้าหมอง ตายไปย่อมไปสู่ทุคติ หากคุณตายตอนนี้ ไม่แย่หรือ ควรทำความเข้าใจดีๆ อย่าเอาจิตไปจับ
จริงอยู่คนไทย ย่อมรักชาติไทย ยอมพลีกายตายเพื่อความเป็นไทย
แต่ไม่นึกเหรอว่า เราเกิดตายอย่างนี้มามากเท่าใดต่อเท่าใด ยังอยากเกิดอีกเหรอ
สมมุติญาติผมตาย ผมเศร้า ผมไม่สบายใจ
ทำไมนะ ญาติผมก็เป็นคนดี เคยสร้างวัดสร้างวา ทำบุญ โรคปวดทองแค่นี้รักษาไม่ได้ ทำญาติผมตาย
ผมเลยไม่ปฏิบัติธรรม จนกว่าจะสบายใจ ไปกินเหล้าให้หายเซ็ง ไปเที่ยวให้สบายใจ
ถ้าเหตุแค่นี้ทำให้ผมไม่ปฏิบัติธรรมล่ะก็ เรียกผม ไอ้โมฆะบุรุษได้เลย เชิญด่าว่าผมโง่ได้เลย เพราะมันโง่จริงๆ
สรุปทำอะไรก็ทำไปเถอะ ถ้ามันไม่ผิดทำนองคลองธรรม ที่พระพุทธเจ้าสอน โตๆแล้ว คิดเอา จบ -
....สิทธิ...
....หน้าที่...
....เสรีภาพ... -
แผ่นดินนี้ไม่มีใครเป็นเจ้าของหรอกครับ เป็นแต่เราเข้าไปยึดถือเอาว่านั่นเป็นของเรา นี่เป็นของเขา สุดท้ายแผ่นดินมันก็ยังอยู่ของมันที่เดิมอยู่อย่างนั้น เราแบ่งแยกเชื้อชาิติและเผ่าพันธ์แต่เราไม่เคยนึกเลยว่านั่นเป็นเพื่อนร่วม เกิด แก่ เจ็บ ตาย กับเรา โลกมันถึงได้เป็นอย่างทุกวันนี้ไงครับมีแต่ความขัดแย้งกัน
-
หากปล่อยอารมณ์ไปตามปกติ ก็จะมีความรู้สึกเสียดาย ,หวงแหน, เจ็บแค้น
แต่เมื่อเอาอารมณ์ปฏิบัติ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วก็จะเกิดความวางเฉยได้ครับ -
...สิทธิ...เป็นข้อกำหนดกฎเกณฑ์เพื่อให้กลุ่มชนอยู่ร่วมกันอย่างไม่เบียดเบียนกัน หากมีการละเมิด หรือใช้จนเกินขอบเขตก็เป็นปัญหา......ศีล ก็ เป็นกฎเกณฑ์ กำหนด สิทธิ ให้สัตว์โลกอยู่ร่วมกันอย่างไม่เบียดเบียน......
...หน้าที่...เป็นแบบ ระเบียบ แผน ในการปฏิบัติตนอยู่ร่วมกัน เพื่อให้บรรลุความมุ่งหมายตามเกณฑ์ที่วางไว้...หากผู้ประพฤติปฏิบัติไม่รู้จักหน้าที่ ไม่เข้าใจหน้าที่ ไม่ทำหน้าที่ ที่พึงทำ พึงรู้ พึงเข้าใจ สังคมทั้งสิ้น ย่อมเกิดเหตุไม่คาดหมาย เดาไม่ได้ เราท่านจะได้พบสิ่งที่ไม่น่าพบมากมาย...อะไรก็เกิดขึ้นได้......ผิดเพี้ยนไปหมด....การมีสติ มีสมาธิ มีกำลังใจ ในการเกื้อกูรกันและกันภายใต้กรอบ ระเบียบแบบแผน ก็ เป็นหน้าที่...เริ่มต้นจากตนเอง...เริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆ ด้วยเมตตาจิต....
...เสรีภาพ...เป็นผลจากการใช้สิทธิ(ตามขอบเขต) และการทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์(ถูกต้องเหมาะสม).....เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา และไม่ต้องการให้ผู้ใดมาละเมิด.....เช่นกัน ผลแห่งความเข้าใจชีวิต โดยการไม่เบียดเบียน ด้วยการเกื้อกูรกัน ผลคือความสุขหลุดพ้นจากข้อผูกมัดพันธนาการต่างๆ จึงเป็นสิ่งปรารถนาของชาวเรา....(ไม่ช้าก็ตายแล้ว)
....ประชาธิปไตย...ย่อมเป็นการใช้สิทธิ(ตามขอบเขต) และทำหน้าที่(อย่างถูกต้องเหมาะสม) เพื่อเสรีภาพตามที่ปรารถนา....หาไม่แล้ว ย่อมมิใช่ประชาธิปไตย....
...ศีล สมาธิ ปัญญา.... -
สมบัติผลัดกันชม...
-
เวรกรรมมีจิงครับ ทุกวันนี้เราก็เห็นๆกันอยู่น่ะ กลับประเทศไม่ได้ เหอๆ นั้นคือตัวอย่างคนขายประเทศกิน
-
จะยึดติดกันไปทำไมไทยกับเขมรก็เหมือนพี่น้องกันยุคก่อนที่จะมีการกั้นเขตแดนเราอาจเกิดที่แดนเขมรก็ได้ เป็นนักปฏิบัติไม่สมควรยุ่งเรื่องแบบนี้ ถ้าเรื่องแบบนี้ทำให้เราขุ่นเคืองใจแล้วเราจะสำเร็จได้อย่างไรกันครับ
-
ลองพิจารณาดูครับ โลกของเราก็เปรียบบ้านหลัง 1 มีห้องหลายห้องมีคนอยู่อาศัยหลายคน ปรากฏว่าแต่ละคนจับจองห้องนั้นห้องนี้ จิตกิเลสปุงแต่งว่าห้องนี้สวย ต่างคนต่างแย่งเพื่ออยากได้ห้องนี้ เพราะจิตกิเลสบอกว่า ห้องนี้หน้าต่างบรรยากาศสวย ห้องนี้กว้างขวางสะอาดตา น่าอยู่ยิ่งนัก
อีกคนบอกว่าห้องนี้สวยกว่า ดูสิเพียบพร้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย
สิ่งต่างเป็นเพียงจิตกิเลสปรุงแต่งทั้งนั้น ทั้งที่อยู่บ้านหลังเดียวกันแต่กลับไปแกร่งแย่ง ชิงดีชิงเด่น บางคนบอกมี 1 ห้องไม่พออยากได้อีกห้องที่สวย อีกแบบ ของตัวเองก็สวยแล้วแต่ด้วยกิเลสมันหนา เลยอยากได้เพิ่มขึ้นมาอีก
ที่ดิน ต้นไม้ ทรัพยากร ล้วนเป็นวัตถุถ้าเรายังหลงอยู่กับพวกนี้ไม่มีทางพ้นทุกข์ได้หรอก สิ่งพวกนี้เป็นแค่ฉากประกอบแค่นั้นเอง
สิ่งต่าง ๆ ที่เราเห็นมันเป็นของลวงตา หลอกลวงทั้งสิ้น มีเกิดมีสลายเหมือนกันแล้วใยเราต้องไปยึดติดกับสิ่งที่มันไม่คงทนด้วยละ
สิ่งต่าง ๆ ในโลกนี้ไม่มีอะไรเที่ยง ดูอย่างเขมรเมื่อก่อนก็เป็นของไทยแล้วตอนนี้ละ ลองพิจารณาดูครับ -
ตถตา
หน้า 2 ของ 2