นักเตรียมพร้อมรับภัยพิบัติทุกท่าน มีใครเตรียม"อาวุธปืน"บ้างหรือไม่?

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย sunny430, 27 มกราคม 2012.

  1. sunny430

    sunny430 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,299
    ค่าพลัง:
    +5,425
    โอ้พระเจ้า จริงเหรอครับเนี่ย ได้ข่าวจากที่ใดครับ?
     
  2. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,224
    ค่าพลัง:
    +15,636
    มีผู้ที่อยู่ที่ภาคเหนือแจ้งข่าวมาทางเฟซบุ๊ค เขาเตือนให้ค่อยดูแลสถานที่ต่างๆให้ดี โดนเฉพาะศาสนาสถานอาจจะเสียหายได้
     
  3. nprofcomp

    nprofcomp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +339
    จริงๆ เคยมีข่าวแบบนี้ตั้งแต่ สมัยทักษิณ ก่อนที่จะถูกปฏิวัติ แล้วครับ

    เพื่อชีวิต..ใคร???: นี่..มันอะไรกัน ???
    วันจันทร์, ธันวาคม 12, 2005

    นี่..มันอะไรกัน ???


    TopCities Free Hosting For Everyone

    เวบ นี้มีข้อมูลที่น่าขน ลุกเกี่ยวกับการกระทำและผลพวงที่เกิดขึ้นจากการกระทำของนายก ฯ คนนี้ ใครที่ไม่มีลำโพงฟังเสียง เราช่วยถอดเทปมาให้แล้ว เป็นการโทรศัพท์เข้าไปในรายการวิทยุ เอฟเอ็ม 9225 วันที่ 24 เดือน 10 ปีนี้

    ถามพี่โทนเรื่อง กองบิน 23 หน่อยครับ
    Politics - Manager Online - รู้จัก กองบิน 23 อธิปไตยที่แลกด้วยเอฟ 16 เก่า 7 ลำ
    17 พฤศจิกายน 2547 10:14 น.

    ส รุปความน่ากลัวให้ฟังสั้น ๆ คือ การเปิดน่านฟ้าของเราทำให้จีนเคลื่อนทหารมาชายแดนไทย – พม่า สองแสนห้านาย และเล็งพิกัดหัวรบนิวเคลียร์มาที่เรา เผื่อเครื่องบินอเมริกามาใช้ฐานบินที่อุดร (อยากรู้อ่านรายละเอียดตอนกลาง ๆ เรื่อง) และทั้งอี – เมล์ อินเตอร์เนท และมือถือในระบบ AIS ถูกดักฟังโดยส่งสัญญาณเข้าตึกชิน (เป็นเหตุผลแท้จริงว่าทำไมที่ผ่านไปเร็ว ๆ นี้ บิล เกตต์มาไทย) และที่สำคัญ องคมนตรีต้องเปลี่ยนระบบรักษาความปลอดภัย (คิดเองว่าความปลอดภัยพระองค์ใด) เพราะพบว่าถูกดักฟังมือถือ

    อาคม: สวัสดีอาจารย์ทุกท่าน สวัสดีพี่น้องประชาชนที่ฟังคลื่นนี้อยู่ทุกท่าน เริ่มต้นนิดนึงก่อนเลยนะครับ ใจผมจริง ๆ นี่ ผมอยากให้พี่น้องประชาชนอีกสักกลุ่มนึงที่สะดวกและอยู่ใกล้บ้านจันทร์ส่องหล ้าไปชุมนุมกันที่นั่นดีกว่า เรียกร้องให้ตัดสินใจ ตกลงคุณจะเอายังไง เพราะอำนาจการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่นายก ฯ คนเดียว ไม่เข้าคือไม่เข้า ก่อนหน้าที่จะไปถึงเรื่องการไฟฟ้า ที่พรุ่งนี้ จะไปบางกรวยกันเนี่ย ผมมีข่าวสารสัก 2-3 เรื่องที่จะพูดให้เพื่อน ๆ พี่น้อง 9225 และอาจารย์ทุกท่านฟัง

    อาจารย์ทราบมาแล้วว่าตั้งแต่สึนามิปีที่แล้วที ่ผ่านมา ประมงไทยฝั่งทะเลอันดามันตายกันสนิท มาครั้งนี้ปีนี้ เวลาใกล้เคียงกัน ประมงไทยฝั่งอ่าวไทยของเรากำลังจะตายสนิท แต่ไม่ใช่เพราะสึนามิ เพราะนายก ฯ ไปตระบัดสัตย์กับนายก ฯ อินโดนีเซีย เรื่องการจัดซื้อเครื่องบินลำเลียงระดับกลาง แล้วทางโน้นเนี่ย ใช้อาการต่างตอบแทนคือ เขาตกลงกันว่าจะซื้อข้าวของเราไป แล้วเขาจะขายเครื่องบินให้กับเรา คือ รุ่น CAXACN 235 – 220 M เจ้าเครื่องบินรุ่นนี้นายก ฯ ไทยของเรา ท่านทักษิณไปตกปากรับคำว่าจะซื้อ แต่คุณต้องซื้อข้าวฉันก่อน คราวนี้ ประธานาธิบดีคนเก่า ท่านเมกาวตี ท่านก็ดำเนินการจัดซื้อข้าว แต่พอเครื่องบินเขาทวงถามมาครั้งแรก นายก ฯ ก็บอกว่า กำลังให้ดำเนินการที่โครงการฝนหลวง ก็ถามไปที่โครงการฝนหลวง โครงการฝนหลวงก็บอกว่า เครื่องบินลำเลียงขนาดนี้ใหญ่เกินกว่าใช้ในภารกิจทำฝนหลวง

    ผู้จัดรายการ: ถูกต้องครับ ถูกต้อง

    อ าคม: ทีนี้ พอท่านเมกาวตี ซูกาโน่ บุตรี ออกจากตำแหน่งไป ท่านบัมบังก็ขึ้นมา ก็ทวงถามอีกว่า ที่จะซื้อเครื่องบินฉันหนึ่งลำนี่ ตกลงว่าไง นายก ฯ ก็ถามไปที่กองทัพอากาศ ซึ่งตอนนั้น ท่านคงศักดิ์ วันทนายังเป็นผู้บัญชาการกองทัพอากาศอยู่ ท่านผู้บัญชาการกองทัพอากาศก็บอกว่าเราไม่มีโครงการจะจัดซื้อเครื่องบินรุ่น นี้ กลายเป็นว่าเราจะซื้อเครื่องบินของบราซิล รุ่นเอมบริโอ ปัญหาก็คือ คราวนี้ประธานาธิบดีอินโดนีเซียท่านก็เลยขู่มาว่า จากการที่ไทยไม่ดำเนินการให้ถูกต้องในเรื่องการจัดซื้อเครื่องบินและซื้อข้า วต่างตอบแทนกันเนี่ย เขาจะเตรียมการยกเลิกประมง ยกเลิกใบอนุญาตประมงในน่านน้ำอินโดนีเซียของไทยทั้งหมดที่มีอยู่ ซึ่งมูลค่าเป็นหมื่นล้าน แล้วพี่น้องประชาชนไทยที่ประกอบอาชีพประมง อย่างนี้เขาจะไม่ตายหรือครับ ในเรื่องประมงนี้เราเสียหายจากตอนราคาน้ำมันก็สาหัสแล้ว แล้วเรายังต้องเตรียมซื้อของแพงจากการที่เขาไปออกทำประมงนอกน่านน้ำไทยไม่ได ้ น่าเจ็บปวดนะ

    อีกเรื่องนึงครับ มาถึงเรื่องประปา ผมดูข่าวช่อง 11 เตรียมเอาเข้าตลาดหลักทรัพย์ภายในปีหน้า

    ผู้จัดรายการ: แน่นอนหรือครับ?

    อ าคม: ยืนยันมาแล้ว ออกข่าวชัดเจนเลย บอกว่ามีศักยภาพเต็มที่ในการแปรรูปเป็นบริษัท ประปานครหลวงจำกัด หงุดหงิดครับ เพราะว่าไฟฟ้าเนี่ย แปรรูปแล้วเขาประมาณการณ์ว่าจะต้องจ่ายค่าไฟแพงกว่า 3 เท่า คิดดูว่าถ้าน้ำประปาเป็นน้ำที่เราใช้ดื่ม ใช้กิน ใช้บริโภคกันทุกรูปแบบ เพราะน้ำลิตรเป็นขวด ๆ มันแพง อะไรจะเกิดขึ้น เราไม่ต้องซื้อน้ำลิตรนึงในราคา 20 กันหรือครับ น้ำ ไฟ โทรศัพท์ จะเอาอะไรนักหนา?

    ผู้จัดรายการ: พรุ่งนี้เรียนเชิญนะครับ ไปร่วมอภิปรายกัน

    (ทีเด็ดอยู่ตอนนาทีที่ 5 )

    อ าคม: ผมกำลังต่อสู้อีกแนวทางนึงครับ แนวทางที่ผมร่วมต่อสู้อยู่เนี่ย ร่วมกับทางอเมริกา เพราะว่าที่ธรรมกายเข้าโจมตีสมเด็จพระสังฆราชรวมทั้งสถาบันพระมหากษัตริย์อย ู่นะครับ เดี๋ยวเรื่องนี้ผมจะนำมาเล่าให้ฟังในวันหลัง แต่มีอีกเรื่องที่ผมอยากเล่าออกอากาศตรงนี้มานานแล้ว เพราะได้ข่าวจากเพื่อนมา วันนี้เป็นเวลาวันที่ 4 หรือ 5 แล้วนะครับ ค่อนข้างซีเรียส พี่น้องครับ ขอพูดตรงนี้ เป็นการพูดที่ไม่ออกหนังสือพิมพ์ทั่วไป ไม่ออกตามวิทยุทั่วไปด้วย คือผมพูด ทราบว่าอาจารย์ทั้ง 4 ท่านทราบแล้ว เรื่องการที่ไทยเปิดเสรีน่านฟ้า เปิดเสรีการบินให้อเมิรกา ยกฐานบินที่อุดรให้เขาเช่า 15 ปี ตรงนี้คือปัญหาครับ ปัญหาที่ตามมา คือ จีนมองว่านี้คือการคุกคามประเทศเขาผ่านนายหน้าของสหรัฐคือสิงคโปร์ แล้วการที่เครื่องบินสหรัฐสามารถบินบนน่านฟ้าไทยได้ จริง ๆ แล้วคือการอนุญาตให้เครื่องบินทางทหาร ซึ่งมีความสามารถในการสอดแนมรุกล้ำน่านฟ้าได้ด้วย ซึ่งเขาวิเคราะห์ออกมาแล้ว ว่าถ้าสมมุติใช้ฐานบินที่อุดร แล้วสวมรอยมาเป็นเครื่องบินสิงคโปร์บินจากอุดร สามารถบินไปโจมตีได้ถึงคุนหมิง เรื่องนี้ค่อนข้างซีเรียสครับพี่น้อง เพราะ ตอนนี้จีนเขาตอบโต้ยังไงรู้ไหมครับ? เขาเคลื่อนกำลังทหาร 250,000 นาย ตรึงกำลังตลอดแนวชายแดนไทย - พม่า และเขาเองตั้งพิกัดหัวรบนิวเคลียร์ของเขา ซึ่งมีสถานีภาพถ่ายจากชายแดนประเทศไทยไป 270 กิโลเมตร ให้มีพิกัดมาที่ประเทศไทยครับ
    [​IMG]
    http://palungjit.org/threads/6-30-%E0%B8%A1%E0%B8%B4-%E0%B8%A2-2555-%E0%B8%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B9%8B%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%9D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%9A-4-%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%AC%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B5-%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%B1%E0%B8%99-%E0%B8%A0%E0%B8%B1%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4-%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%A2-%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%A7.332300/page-110#post6233994
    12 พฤศจิกา 47
    ไทยทำสัญญาให้สิงคโปร์เช่าก
    องบิน 23 ที่อุดร 15 ปี มีค่าตอบแทนเป็นเครื่องบินเหลือใช้สงครามอ่าว(war surplus)เอฟ16AB รวม 7 เครื่อง (ถือ เป็นผลพวงจากการได้สมาชิกภาพ " MNNA" อย่างเห็นน้ำเห็นเนื้อและส่อผลระยะยาวที่จะกระทบต่อความมั่นคงของชาติในหลาก หลายมิติที่จะตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้ขณะนี้ก็ยังอยู่ในขั้นเริ่มต้นของวิบากกรรมนั้น เพราะที่รัฐบาลทักษิณปกปิดความจริงในขบวนการชักศึกเข้าบ้านช่วงเดียวกันนี้

    ผู้จัดรายการ: เขาก็จะหาว่าประเทศไทยไปให้ความร่วมมือกับอเมริกา สิงคโปร์

    อ าคม: ถูกต้องครับ นั่นคือสิ่งที่ทางจีนมองไว้ เพราะ ไอ้เหลี่ยมของเราเนี่ย ขอโทษที เพราะทักษิณของเราใช้นโยบายตีสองหน้า ทำตัวเป็นเณรน้อยให้กับทางจีนและก็สหรัฐ แต่ขอโทษครับ เณรน้อยคนนี้เนี่ยจะฆ่าหลวงจีน ผมเองมีเพื่อนทำงานข่าวกรองที่เพนตากอน เราเช็คข่าวกันมาและยืนยันได้ว่าจากภาพถ่ายดาวเทียมมีการเคลื่อนกองทหารจริง และขอโทษนะครับ ข่าวที่ลึกลงไปกว่านี้ พี่น้องประชาชนต้องทราบ จีนเองแจ้งมาถึงส่วนงานข่าวหลาย ๆ ส่วนที่ทำงานถวาย ว่าสหรัฐจะอาศัยดาวเทียมไทยคมในการชี้เป้าพิกัดทางทหารในประเทศจีน โดยใช้อุปกรณ์อัพลิ้งค์สัญญาณดาวเทียมซึ่งถูกส่งมาจากประเทศสหรัฐโดยการทำงา นของพวก ซีไอเอ ตอนนี้ประกอบอุปกรณ์กันอยู่ที่ประเทศอินเดีย นี่คือเหตุผลนึงที่ทหารสหรัฐถูกสั่งเคลื่อนกำลังไปประชิดตลอดชายแดนอัฟกานิส ถาน แล้วจีนเองก็เห็นเรื่องนี้ ผมยังหงุดหงิดว่าตั้งแต่เกิดมา ผมเพิ่งเคยทราบว่าจีนเขาจะหัวเสียกับเราขนาดนี้ พระเจ้าอยู่หัวและสถาบันทุกพระองค์รักษาความสัมพันธ์กับจีนมาตลอด

    ผู ้จัดรายการ: ผมอยากจะเรียนถามท่าน ในฐานะที่ท่านเป็นข่าวกรอง พอจะรู้บ้างไหมว่า ดาวเทียมไทยคมทุกดวงที่ขึ้นไปเนี่ย สหรัฐเป็นคนลงทุนให้ทั้งหมดจริงมั้ยครับ??

    อาคม: ยืนยันว่าจริงครับ นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐ...(ผู้จัดรายการถามต่อ)

    ผ ู้จัดรายการ: แล้วประโยชน์ที่ได้รับจากดาวเทียมไทยคมทุกดวงเนี่ย เพื่อจะให้มีการทำจารกรรม โดยงบประมาณทั้งหมดนั้น ท่านทักษิณไม่ได้จ่าย ส่วนหนึ่งคือทำธุรกิจบังหน้า และอีกส่วนหนึ่งคือยึดยุทธศาสตร์แถบเอเชี่ยน คุม เศรษฐกิจ

    อาคม: เขามีแผนยุทธศาสตร์มาในรูปแบบการทำธุรกิจที่ว่า คุณทักษิณต้องการยึดการสื่อสารผ่านอินเตอร์เนท ผ่านดาวเทียมให้ได้ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ผู้จัดรายการ: มันก็อย่างนี้นะครับ เท่าที่มีข่าวร่ำลือกันมาว่าสายส่งไฟฟ้าทั้งหมด ปกติสายไฟฟ้าเป็นสายส่งโทรคมนาคมได้ โดยไม่ต้องต่อครบวงจร อย่างเช่นสายส่ง สัญญาณทางเทคนิควิ่งได้เป็นดิจิตอล โดยไม่ต้องลงทุนครับ ถ้ากรณีอย่างนี้เนี่ย ถ้าทำแล้วเอามาขายคนไทยแพง ๆ แต่ต้นทุนนิดเดียวเนี่ย เราต้องสู้นะ

    อาคม: ถูกต้องครับ... เรื่องนี้ล่ะครับที่ไม่สามารถลงได้ตามหนังสือพิมพ์ แม้กระทั่งดูโทรทัศน์ ผมดู 3, 5, 7, 9, itv ทุกช่องรวมกันแล้วเนี่ยเศษเสี้ยวของข่าวสารเหล่านี้ก็ยังไม่ออกมา ประชาชนถูกปิดกั้น แม้กระทั่งสื่ออินเตอร์เนท ผมเรียนตามตรงว่าอี - เมล์ทุกเมล์ในประเทศไทยที่ทำงานแล้ววิ่งผ่านเมล์ บ๊อกซ์ของ Hotmail เซิฟเวอร์ถูกแปลงแล้วก็ส่งสัญญาณไปที่เซิฟเวอร์หลักที่ตึกชิน เพราะฉะนั้นความลับในอี – เมล์ของท่านไม่มี

    ผู้จัดรายการ: ท่านครับ ท่านครับ มีอีกประเด็นนึงครับ ผมตั้งข้อสังเกตุ แต่ไม่รู้ว่าจะเป็นจริงแค่ไหนไม่ทราบ คือ ประเด็นเรื่องการสื่อสารทางคอมพิวเตอร์ทางอินเตอร์เนทนี้ เป็นการล้วงความลับทั่วโลกในขณะนี้ ซึ่งใช้ไมโครซอฟท์เป็นแม่ข่าย

    อา คม: ไมโครซอฟท์เองนะครับ ในบทบาทล่าสุดที่เข้ามา จากการที่จะเปิด ที่ทักษิณไปคุยกับ บิล เกตต์ เอาไว้ล่าสุดที่บิล เกตต์มาบอกว่าเราเป็นศูนย์กลางเวบแอพพลิเคชั่น จริง ๆ แล้วเนี่ย เขามาสั่งการดำเนินการให้ไมโครซอฟท์นะครับสาขาสิงคโปร์ ซึ่งเป็นบริษัทแม่จริง ๆ ของเขา คอนโทรลมาที่บริษัทในประเทศไทย คือไมโครซอฟท์ประเทศไทยดำเนินการแฮคกิ้งระบบ รวมทั้งทำการเข้ารหัสสัญญาณการโอนไปที่สิงคโปร์ให้กับทางพี่เหลี่ยมของเราเน ี่ย ตอนนี้ไมโครซอฟท์เองโดยส่วนตัวของเขาปัจจุบันเขาทำของเขาเองอยู่แล้ว คือการส่งแบ๊ค ดอร์มาที่คอมพิวเตอร์ที่ใช้ไมโครซอฟท์ทุกตัว คอมพิวเตอร์ที่ใช้วินโดร์ โอ.เอส ไมโครซอฟท์เนี่ย มีแบ๊ค ดอร์ครับพี่น้อง และโครงสร้างของตัววินโดร์เองมันทำให้ล่มบ่อย ๆ เพื่อว่าพี่น้องจะได้ซื้อระบบวินโดร์ที่สูงขึ้น ราคาแพงขึ้น ทั้งทั้งที่โอ.เอส ปฏิบัติการฟรีอย่างเช่น ลีนุกซ์ ที่ประเทศไทยเคยพยายามจะผลักดันผ่านรัฐบาลของทักษิณสมัยหมอเลี้ยบทำงานอยู่ไ อซีทีเนี่ย มันพังไป เพราะตอนนั้นรัฐบาลไปตกลงรับซอฟแวร์ฟรีของทางไมโครซอฟท์มาใช้ เขาอ้างว่าไม่มีเวลาพัฒนา ทั้งทั้งที่ประเทศจีนทั้งประเทศและยุโรปเกือบทั้งหมดเนี่ย เขาไปใช้ลีนุกซ์เป็นระบบปฏิบัติการแทนวินโดร์กันหมดแล้ว มีแต่ประเทศไทยครับที่ยอมตัวเป็นทาสโดยระดับของผู้นำของเราเอง

    ผู้จัดรายการ: มีข้อสังเกตอีกอันนึงครับว่า ประเทศจีน เขาไม่ใช้ไมโครซอฟท์กันเลย แปลกมาก

    อาคม: ลีนุกซ์ ดราก้อนเป็นระบบปฏิบัติการของเขา

    ผู้จัดรายการ: ได้ข่าวว่าเขาบดขยี้เลยนะ เอารถบดถนนบดบนพื้นเลย แล้วใช้ลีนุกซ์ ซึ่งพัฒนาในประเทศเอง

    อ าคม: เพราะอะไรรู้มั้ยครับ? ทางจีนเองเขามีวิธีคิดที่ฉลาดมาก เขาซื้อเทคโนโลยี เขาลงทุนซื้อรถสปอร์ตอย่าง แลมเบอร์กินี่ อย่างปอร์เช่ ซื้อซอฟแวร์ระดับยาก ๆ แล้วไปวิเคราะห์โครงสร้างการทำงาน แล้วสร้างแบบของตัวเองขึ้นมา เสร็จแล้วนะครับ เขาก็สร้างรถยนต์สปอร์ตที่เหมือนกันมาก เหมือนกับทางยุโรป สหรัฐทุกอย่างเลย แล้วที่เหลือก็ คือ เขาก็ขายเป็นแบรนด์ของเขา เพราะเหตุนี้ไอ้กันถึงได้เกลียดประเทศจีนไง เพราะจีนสามารถขโมยเทคโนโลยีของสหรัฐได้ ในขณะที่ไทย...(ผู้จัดรายการแทรกขึ้นก่อน)

    ผู้จัดรายการ: เรื่องนี้เราต้องคุยกันอีกยาวนะครับ มีประโยชน์มากเลยนะครับ ที่จะให้ข้อมูลข่าวสารที่เป็นเทคโนโลยีที่ซับซ้อนอย่างนี้ ประชาชนคนไทยไม่รู้หรอกครับ

    อาคม: ผมขอเรียนเรื่องสุดท้ายที่ผมหงุดหงิดใจที่สุด บริษัท AIS สั่งซื้อเครื่อง HP Super Dome เป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่เร็วระดับ 300 ตัวต้น ๆ ของโลก มาเพื่อใช้ในการแทรกแซงระบบมือถือ เขาสามารถแฮคกิ้งผ่านระบบมือถือแล้วฟังทุกคนในประเทศนี้ได้จากศูนย์กลางที่ต ึก AIS ที่สำคัญเนี่ย ทราบไหมครับว่าทำให้องคมนตรีเปลี่ยนระบบรักษาความปลอดภัยใหม่ เพราะท่านทราบมาว่ามีการแฮคกิ้งโทรศัพท์มือถือ ดักฟังโทรศัพท์มือถือของท่านองคมนตรี

    ผู้จัดรายการ: โอ้ ก็ขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่ง

    อาคม: ขอบคุณที่ให้โอกาสครับ เพราะเรื่องนี้ประชาชนไม่รู้แน่ ๆ ผ่านสื่อครับ
    เราจะรอถึงเมื่อไหร่เหรอ สิ่งที่เขาทำอาชญากรรมระดับโลกชัด ๆ

    เขียนโดย ti @ 11:18

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=ioo-fUCCxoY"]president plan1 - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=p92N9__wy2Y"]president plan2 - YouTube[/ame]

    [ame="http://www.youtube.com/watch?v=z1WiZ9Xn7jw"]president plan3 - YouTube[/ame]

    [​IMG]
    [​IMG]

    http://www.atimes.com/atimes/China/EK22Ad02.html
    Nov 22, 2003
    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]CHINA MOVES ON MYANMAR
    Part 1: PLA masses on the border

    By Xu Er

    HONG KONG - On September 16, Chinese Foreign Ministry spokesman Kong Quan told a press conference that China had early that month changed its guard on the border with Myanmar in Yunnan province, with People's Liberation Army (PLA) soldiers taking over the border defense responsibilities from local armed police. He said the move was a normal adjustment and had been completed, adding that many journalists had asked him about the issue the day before.

    In fact, Kong's statement came out of the blue - nobody was asking any questions about the China-Myanmar border. The focus of the press conference was China's military buildup on its North Korean border. However, the Beijing government was evidently eager to let the world know that it was massing its forces on the Myanmar border as well, hence Kong's seemingly irrelevant statement.

    For despite China's preference for a low profile, it likes to keep the outside world posted on what's happening on its borders.

    Intrigued by Kong's remarks, Asia Times Online sent a team to the southern province of Yunnan, and into Myanmar itself, to investigate the nature and scale of the border "adjustment", and to try to determine why it is taking place. Had a US military force been secretly deployed inside Myanmar, as one rumor had it? Or, more likely, was Beijing worried that the embattled military dictatorship in Yangon was losing control of the country all on its own, without interference by Americans in the shadows?

    ATol found that Kong did not tell the whole truth by describing the deployment as a routine adjustment. The deployment is large, and existing border patrols have not been replaced, but have been reinforced by well-equipped units of the People's Liberation Army (PLA).

    A restaurant owner in a night market near the southern border witnessed the "military adjustment" one night in early September. He said the fleet of army trucks from Kunming, the capital of Yunnan province, and other places could have numbered in the hundreds, to say nothing of other vehicles. It took about 10 minutes for these trucks to pass by his door. They were heading toward Yunnan's border with Myanmar within the province's Xishuangbanna autonomous prefecture.

    As with the situation on the Sino-North Korean border at the end of September, the changes on the China-Myanmar border were clearly reinforcements, not replacements. The existing border police were not removed; in fact, to make things more complicated and mysterious, some of them were transformed into a "mobility brigade". For local residents, this is one of the signs of prewar preparations.

    The military buildup is most conspicuous in Jinghong, the capital of Xishuangbanna autonomous prefecture. Originally, there was one military branch zone and an armed-police branch stationed in the prefecture. The former was north of Jinghong, while the latter was on Jingdexi Road beside Jinghong Produce Market. Both of them were of division level. Military units 7702 and 7701, both under the branch zone of Xishuangbanna, have been stationed in Menghai and Mengla counties as well as Jinghong for a long time.

    At the same time, armed police of a regiment size have also been quartered respectively in places mentioned above. In Daluo town of Menghai, which is on the border, there is one checkpoint with 26 police officers. Though small in size, its head, surnamed Zhu, is nonetheless a lieutenant-colonel, equivalent to a battalion commander in the military. A large number of armed police have been removed from the border because of the "adjustment", but some 100 police officers (equivalent to a company in size) are still kept in this tiny town.

    The armed police that were stationed in Menghai and Mengla previously, one regiment in size each, seem to have been withdrawn. Yet a new mobility brigade with more than 300 officers has been set up along with existing forces: a squadron of armed police guarding the prison and a border brigade.

    According to informed sources, the evacuated armed police were not sent far, but were redeployed in the deep forests closer to the border for tighter defense, forming a garrison model of armed police in the first frontline and PLA troops in the second.

    On September 9, the newly arrived troops took over the barracks and the battalion headquarters from border police. Villages that were never garrisoned before were now for the first time fortified. According to informed sources, the reinforcements were PLA 13th Army field troops who were beyond the command of the Xishuangbanna Autonomous Prefecture Military Branch Zone.

    The 13th Army is nicknamed the Chuan Army (ie Army from Sichuan province) in the locality, for it has apparently never been back to Yunnan since 1968, when the province came under the Chengdu Military Zone. Since that time, the field army stationed in Yunnan has been the 14th Army. But now, the Chuan Army has broken the convention and marched into the "taboo" region, a possible indication of Beijing's desire to reinforce the border. The 13th Army is ranked as a Level A field army, equipped with sophisticated armored weaponry, while the 14th is an inferior Level B, largely consisting of infantry.

    The 13th Army has fielded troops in numerous towns and villages in the area. Radar and missile forces have been deployed in a deep valley near Mengzhi village, which has been demarcated as a forbidden zone.

    At the time of Asia Times Online's investigation in the area, rumors were rife that US paratroops had infiltrated northern Myanmar to establish an air force base there. ATol confirmed that the rumor originated from the PLA barracks and soon spread among the local residents. Informed sources in Washington and Bangkok told ATol that the rumors were totally groundless. Some Bangkok sources insisted that the Thai government would not tolerate any such unilateral US action in neighboring Myanmar.

    Other sources in Beijing told ATol that China's reinforcement is a result of its fear that the military government in Yangon might collapse because of domestic and international pressure. As Myanmar pro-democracy leader Aung San Suu Kyi has been put under house arrest for the third time, opposition voices are mounting. Internationally, the clamor against the junta has been mounting, even within the Association of Southeast Asian Nations, which is always reluctant to interfere in the internal affairs of a member state.

    Under these circumstances, even if the military government of Myanmar can hold on to its rule, its ability to control the border could deteriorate dramatically, leading to fighting among warlords in the region. For that and other reasons, China has seen the need to strengthen its own defense of the border.

    Next: Casino town loses out

    (Copyright 2003 Asia Times Online Co, Ltd. All rights reserved. Please contact
    content@atimes.com for information on our sales and syndication policies.)[/FONT]

    http://www.globalsecurity.org/military/world/china/13ga.htm

    13th Group Army
    "Chuan Army"


    The 13th Group Army consists of two divisions, an armored brigade, an anti-aircraft artillery brigade, a field artillery brigade and a communications regiment. The unit is considered to be a Category A unit indicating that the 13th's subordinate units are fully trained and have been fully equipped with modern weapons.

    The 13th Group Army traces its lineage to a military subdistrict of the T'aiyueh Military District in 1939. In 1945 the first subdistrict was reorganized and was redesignated as the Ta'iyueh Column and in 1946 the unit was again redesignated, this time as the 4th Column under the Second Field Army. In 1949 the 4th Column was reorganized and was redesignated the 13th Corps. The 13th was comprised of the 37th, 38th and 39th Divisions. In the early 1950s the 13th was reorganized and assigned to the 4th Army. At this time the 13th Corps was located in Yunnan and some of its subordinate units were transferred to the newly activated 14th Corps.

    In September 2003 the 13th Group Army is reported to have deployed along Yunnan's border with Myanmar (Burma) and relieved border guards. The 13th was apparently deployed to the region to offset any instability that might occur if the Myanmar government collapsed. Reports indicate that an air defense or AAA unit had deployed near Mengzhi village. The size of the deployment is unclear. (Asia Times 21 Nov 2003)

    http://www.atimes.com/atimes/Southeast_Asia/FE12Ae01.html
    May 12, 2004
    [FONT=Arial, Helvetica, sans-serif]A buildup on the border
    Under these circumstances, if the regime can hold on to its rule, its ability to control the border could deteriorate dramatically, leading to fighting among warlords in the region. For that and other reasons, China has seen the need to strengthen its own defense of the border. The Chinese argument is that, as with the situation on the Sino-North Korean border, the changes on the China-Myanmar border were clearly replacements, not reinforcements. But the existing border police were not removed; in fact, to make things more complicated and mysterious, some of them were transformed into a "mobility brigade". For local residents, this is one of the signs of prewar preparations. The military buildup of People's Liberation Army (PLA) 13th Army (nicknamed the Chuan Army, as it hails from Sichuan province) was most conspicuous in Jinghong, the capital of Xishuangbanna autonomous prefecture. Since that time, the field army stationed in Yunnan has been the 14th Army. To all intent, the Chuan Army has broken the convention and marched into the "taboo" region, a possible indication of Beijing's desire to reinforce the border and show support to the regime in Yangon.

    http://www.nidambe11.net/ekonomiz/2003q4/article2003oct16p1.htm

    [/FONT]"น่านฟ้าเสรี" สู่โลกาภิวัตน์ด้วยความเร็ว และเครือข่าย ทัศนะ : มร.เดวิด แอล คันนิ่งแฮม จูเนียร์ / ประธานเฟดเอ็กซ์ เอเชีย แปซิฟิก กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 16 ตุลาคม 2546
    ประเทศในเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก ต้องเลือกเอาว่า จะยึดติดกับนโยบายกฎเกณฑ์การบินที่ล้าสมัย หรือเลือกนโยบายน่านฟ้าเสรี ที่นำไปสู่การค้าเสรี เพื่อก้าวเป็นผู้แข่งขัน ระดับโลก
    ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า บรรดาผู้นำโลกและผู้นำธุรกิจจะมาเยือนประเทศไทยเพื่อร่วมการประชุมสุดยอดเอเปค 2003 ประเด็นต่างๆ เกี่ยวกับโลกาภิวัตน์และการค้าเสรี จะถูกหยิบยกขึ้นมาอภิปราย ซึ่งรวมถึงประเด็นที่เต็มไปด้วยอุปสรรคอย่างเรื่องการเปิดเสรีการบินหรือ "น่านฟ้าเสรี"
    การค้าเสรีกำลังเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจมากขึ้นสำหรับผู้ผลิต นักลงทุน นักธุรกิจ ผู้ส่งออก และผู้ให้บริการด้านการพาณิชย์อื่นๆ แต่ละบริษัทสามารถเลือกทำเลการค้าที่มีเศรษฐกิจเสรีเพื่อผลิตสินค้าและจัดจำหน่ายไปยังตลาดทั่วโลก แต่การค้าเสรีและโลกาภิวัตน์จะสัมฤทธิผลหรือไม่นั้น ต้องอาศัยความสามารถในการจัดส่งสินค้าอย่างเสรีจากประเทศหนึ่งสู่อีกประเทศหนึ่ง และสู่จุดหมายปลายทางทั่วโลกภายในเวลาที่กำหนด
    "น่านฟ้าเสรี" กล่าวถึงข้อตกลงของรัฐต่อรัฐที่อนุมัติบริการแบบไม่จำกัดของสายการบินต่างๆ ทั้งด้านขนส่งผู้โดยสารและขนส่งสินค้า ทำให้เครื่องบินสามารถบินไปกลับ และบินเหนือน่านฟ้าของประเทศอื่นๆ โดยปราศจากข้อจำกัดเรื่องความถี่ของเที่ยวบินหรือชนิดของเครื่องบิน
    มิใช่การกล่าวเกินจริงเลยว่า "น่านฟ้าเสรี" เป็นปัจจัยบ่งชี้ว่า การค้าเสรีจะก้าวสู่ยุคเฟื่องฟูหรือไม่ และมิต้องสงสัยเลยว่า การขนส่งทางอากาศจะช่วยจัดการกับสิ่งท้าทายแห่งยุคโลกาภิวัตน์และเขตเศรษฐกิจที่พึ่งพากันมากขึ้นเช่นภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ได้มากมายมหาศาลเพียงใด
    เมื่อเฟดเอ็กซ์บุกเบิกรูปแบบธุรกิจ Hub-and-Spoke ครั้งแรกเมื่อเกือบ 30 ปีก่อน โครงสร้างการทำธุรกิจแบบเดิมๆ ก็พลิกโฉมอย่างฉับพลันและตลอดไป ทุกวันนี้ความรวดเร็วและความน่าเชื่อถือไม่ใช่เรื่องที่จะมาเจรจากันได้สำหรับธุรกิจส่วนใหญ่ ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าด่วนทางอากาศกลายเป็นม้าเร็วของยุคนี้ บริษัทต่างๆ สามารถจัดส่งสินค้าถึงที่หมายปลายทางทั่วโลกได้ภายในเวลาไม่กี่วัน หรือแค่ไม่กี่ชั่วโมง
    การขนส่งสินค้าทางอากาศ กลายเป็นกำลังขับเคลื่อนในตลาดการค้าระหว่างประเทศ ทั้งนี้มีการคาดการณ์ว่ามูลค่ารวมของการขนส่งสินค้าทางอากาศจะเพิ่มขึ้น 4.4% เป็น 2.3 ล้านล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ มีการตั้งเป้าว่า ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศจะเติบโตถึง 6.7% ในอีก 20 ปีข้างหน้า หรือประมาณสามเท่าของอัตราการเติบโตในปัจจุบัน
    ตามหลักการแล้ว ธุรกิจขนส่งสินค้าและธุรกิจสายการบิน ขนส่งด่วนครบวงจรจะดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ายิ่งขึ้น หากตั้งศูนย์ปฏิบัติการในทำเลยุทธศาสตร์ต่างๆ
    สิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ มีข้อตกลงเปิดเสรีด้านธุรกิจการบิน ในขณะที่ฟิลิปปินส์ ยังใช้วิธีให้สิทธิการบินเสรี ส่วนประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา ได้วางแผนลงนามในข้อตกลง "น่านฟ้าเสรี" สำหรับธุรกิจขนส่งสินค้าในงานประชุมสุดยอดเอเปคที่กรุงเทพฯ ในเดือนตุลาคมนี้
    ประเทศเหล่านี้ล้วนอยู่ในฐานะที่สามารถแยกธุรกิจของตนออกจากประเทศในภูมิภาคเดียวกันที่ยังไม่ได้เปิดเสรีการบิน เพราะกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัดของการบินเสรี ช่วยสร้างข้อได้เปรียบด้านความรวดเร็วและความน่าเชื่อถือ ซึ่งบริษัทระดับโลกจำเป็นต้องใช้เพื่อแข่งขันในตลาดการค้าเสรี กล่าวได้ว่า ความสำเร็จของธุรกิจขนส่ง สินค้าด่วน ปูทางไปสู่ความสำเร็จของการค้าเสรี
    ท้ายสุดแล้ว ประเทศในเอเชียแปซิฟิกและทั่วโลก ต้องเลือกเอาว่า จะยึดติดกับนโยบายกฎเกณฑ์การบินที่ล้าสมัย ซึ่งจำกัดอำนาจทางการแข่งขันอย่างมาก หรือเลือกนโยบายน่านฟ้าเสรีที่นำไปสู่การค้าเสรีเพื่อก้าวเป็นผู้แข่งขันระดับโลก ที่มีพลังคล่องแคล่วและใช้ประโยชน์จากโอกาสทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยมีมาก่อนอย่างเต็มที่

    สำหรับประเทศไทย ข้อตกลง "น่านฟ้าเสรี" เพื่อการขนส่งสินค้าทางอากาศที่จะร่วมลงนามกับสหรัฐอเมริกาในงานประชุมเอเปคครั้งนี้ คือทางเลือกที่แสดงให้เห็นว่า ประเทศไทยมุ่งมั่นที่จะก้าวให้ทันโลกอย่างแน่นอน

    เรื่อง ข้อตกลงลับกับ CIA................

    จะมีใครสักกี่คนที่จะรู้ว่า<wbr> รัฐบาลไทยโดย ทักษิณ ชิณวัตร ได้ทําข้อตกลงกับCIA แบบปิดลับ
    เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2546 (สมัยแรกที่เข้ามาเป็นรัฐบา<wbr>ล)ข้อตกลงนั้นเขียนร่างโดย นายสุรเกียรติ
    ตามคําสั่งของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
    ..................
    ข้อมูลในข้อตกลงนั้นเป็นหลั<wbr>กฐานยืนยันให้เห็นได้ว่า มีเจ้าหน้าที่ CIA และทหารจากหน่วยงาน
    ของสหรัฐมาปฎิบัติการในราชอ<wbr>าณาจักรจริง

    ...

    " 3. When the United States extradited, surrenders, or otherwise transfers a person of
    the Kingdom of Thailand to the third country, the United States will not agree to the surrender
    or transfer of that person to the International Criminal Court by the third country,
    absent the express consult of the Government of the Kingdom of Thailand. "

    คำแปล....

    " 3. หากสหรัฐจะส่งมอบตัวบุคลากร<wbr>ชาวไทยไปยังประเทศที่สาม สหรัฐอเมริกาจะไม่ส่งบุคลาก<wbr>รผู้นั้น
    ไปยังศาลโลก โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากรั<wbr>ฐบาลไทยก่อน "

    .....ข้อความนี้ชี้ในเห็นว่<wbr>าสหรัฐอเมริกามีหน่วยงานCIA<wbr>ในประเทศไทยจริง และมีอิสรภาพทางอํานาจ
    พอที่จะจับกุมตัวคนไทยเมื่อ<wbr>ไรก็ได้ เพียงแต่จะต้องขออนุญาตรัฐบ<wbr>าลไทยก่อนส่งตัวออกนอกประเท<wbr>ศ
    เท่านั้นและที่สําคัญที่สุด<wbr>คือ ข้อตกลงนี้แสดงในเห็นว่าจะต<wbr>้องมีที่ควบคุมตัวนักโทษและ<wbr>ขังไว้ในพื้นที่
    แห่งใดแห่งหนึ่งภายในราชอาณ<wbr>าจักรไทยอย่างแน่นอน

    ..... รัฐบาลทักษิณ ได้พยายามปกปิดการจัดตั้งศู<wbr>นย์ Counter Terrorist Intelligence Center (CTIC)
    มาเกือบ 5 ปีแล้ว ศูนย์ลึกลับในภาคใต้นี้เป็น<wbr>ของสหรัฐอเมริกาและบริหารโด<wbr>ยหน่วยงาน CIA
    ตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา แต่ความลับนั้นกลับถูกเปิดเ<wbr>ผยโดยรายงานของ
    Center for Strategic and International Studies (CSIS) ของสหรัฐเสียเอง

    .......
    ได้ปรากฏหลักฐานตามรายงานขอ<wbr>ง CSIS ได้กล่าวถึงการจัดตั้งศูนย์<wbr> CTIC ในภาคใต้เพื่อต่อต้าน
    กลุ่ม JI และ Al Qaeda โดยมี CIA เป็นผู้วางโครงสร้าง ให้เงินทุนสนับสนุน และวางแผนการปฎิบัติงาน
    ทุกอย่าง นอกจากนี้แล้วตํารวจและทหาร<wbr>ไทยที่เกี่ยวข้องก็อยู่ภายใ<wbr>ต้การบัญชาการโดยตรง ของ CIA
    ความว่า...

    "Working directly with at least a score of CIA operatives, the Counter Terrorism Intelligence Center
    (CTIC) combines key personnel from Thailand's three main security agencies:
    the National Intelligence Agency; the Thai police, and the armed forces.The CTIC relies heavily on
    the CIA for its structure, guidance, and funding. The two agencies share facilities, equipment, and
    information on a daily basis....The Thai government, which has often asserted that Thailand is
    free of terrorist, has never publicly acknowledged the existence of the CTIC. "
    (อ่านรายงานทั้งหมดที่ http://csis.org/files/<wbr>media/csis/pubs/<wbr>ttu_0310.pdf )

    ปริศนาไฟใต้ ความลึกลับที่พล.อ.ชวลิต มิกล้าเอ่ย ได้มีการเปิดเผยข้อมูลลับกร<wbr>ณีไฟใต้ผ่านทางเวบไซค์ http://www.geocities.com/<wbr>thaifriendforum/secret.html (ไม่ทราบเป็นข้อมูลเดียวกัน<wbr>กับที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ แถลงตอบโต้ นายชวน หลีกภัย เมื่อครั้งการอภิปรายไม่ไว้<wbr>วางใจรัฐมนตรีเร็วๆนี้หรือไ<wbr>ม่
    [FONT=Ms Sans Serif,Tahoma]รัฐบาลชวน หลีกภัย แอบไปตกลงกับสหรัฐฯ ให้ CIA ตั้งศูนย์ต้านก่อการร้าย 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เปิดปูมหลัง ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน หัวหน้ากลุ่มเบอร์ซาตู

    ด้วยฝีมือของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี ที่ขุดหลุมล่อ นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ให้หล่นลงไปในกับดัก แล้วงัดหลักฐานขึ้นมาฟาด โดยท่านได้ระบุว่า รัฐบาลนายชวน หลีกภัย ได้ไปตกลงลับกับหน่วยงาน Confederete Intelligence Agency ของสหรัฐอเมริกา อันเป็นหน่วยงานข่าวกรองที่คนไทยรู้จักมักคุ้นในชื่อย่อ CIA ข้อตกลงลับที่ว่านั้น คือ การอนุญาตให้ CIA เข้ามาตั้งหน่วยงานที่มีชื่อย่อว่า CTIC หรือ Counter Terrorist Intelligence Center หรือ ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้าย ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หน่วยงานนี้ ตั้งมา 4 ปีแล้ว เป็นการตั้งขึ้นมาลับๆ พร้อมๆ กับการตั้งหน่วยเฉพาะกิจ 399 ด้านชายแดนไทย - พม่า ที่รัฐบาลชวน หลีกภัย แอบอนุญาตให้สหรัฐอเมริกา เข้ามาตั้งที่ภาคเหนือ โดยอเมริกันจัดส่งอุปกรณ์ ส่งหน่วยพิเศษเข้ามาร่วมงาน

    และทหารอเมริกัน ที่เข้ามารับผิดชอบ ชื่อ พ.อ.แบร์รี ชาปิโร เป็นเจ้าหน้าที่ CIA หน่วยเฉพาะกิจ 399 ตั้งขึ้นมา เพื่อนำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทันสมัย เข้าไปจับตาดูสถานการณ์ด้านพม่า และจีนตอนใต้ ตามนโยบายของสหรัฐอเมริกา ด้วยเพราะขณะนั้น ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุชไม่ไว้ใจจีนเป็นอย่างยิ่ง หลังจากเหตุการณ์วันที่ 11 กันยายน 2544 และสหรัฐอเมริกาได้ตัดสินใจบุกอัฟกานิสถาน พ.อ.แบร์รี ชาปิโร จึงถูกย้ายจากเมืองไทยไปอัฟกานิสถาน และยังคงอยู่ที่นั่น อันเป็นช่วงเวลาเดียวกัน กับที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โยก พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ จากผู้บัญชาการทหารบก ไปเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุด พร้อมกับยุติบทบาทของ พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ อดีตแม่ทัพภาค 3 ไว้ที่ตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก อย่าลืมว่านายทหารทั้ง 2 ร่วมกันก่อปฏิบัติการ OVER ACTION ภายใต้ข้ออ้างปราบปรามยาเสพติด จนเกิดเหตุกระทบกระทั่งกับรัฐบาลพม่าอยู่เป็นระยะ

    อันเป็นปฏิบัติการที่เกี่ยวพันแนบแน่น กับหน่วยเฉพาะกิจ 399 ในความรับผิดชอบของ พ.อ.แบร์รี ชาปิโร หลังเหตุการณ์ 11กันยายน 2544 สหรัฐอเมริกา ได้เปิดแนวรบและแนวรุก เพื่อยันไม่ให้ภัยการก่อการร้ายเข้าไปอาละวาดในสหรัฐอเมริกา โดยยกพลเข้าไปอยู่ตามจุดต่างๆ ทั่วโลก อันหมายรวมถึง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย ที่อยู่ติดกับประเทศมุสลิม คือ มาเลเซีย ด้วยความเชื่อว่ าอาณาบริเวณนี้ มีกลุ่มผู้ก่อการร้ายหลายกลุ่ม แอบเข้ามาฝังตัวอยู่ เมื่อเข้าไปตั้ง หน่วยต่อต้านการก่อการร้าย ที่ไหน ก็ต้องใช้คนที่นั่น เมื่อสหรัฐอเมริกาเข้ามาตั้งหน่วยงานนี้ ณ จังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงต้องใช้ตำรวจไทย ทหารไทย ต้องใช้คนในพื้นที่ ข้อตกลงอันนี้ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ บอกกับสภาผู้แทนราษฎร เมื่อกลางดึกย่างเข้าวันที่ 20 พฤษภาคม 2547 ด้วยเวลาเฉียด 01.00 น.ว่า เกิดขึ้นในสมัยรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์

    เป็นรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ ในห้วงปี 2543 ต่อต้นปี 2544 ที่มี นายชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มี นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มี พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นผู้บัญชาการทหารบก มี น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ เป็นที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคง
    เป็นข้อตกลงที่ทำให้เกิดหน่วยงานลับนาม Counter Terrorist Intelligence Center : CTIC หรือ ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้าย ณ จังหวัดชายแดนภาคใต้ นัยและรายละเอียดของหน่วยงานนี้ ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ของศูนย์ศึกษายุทธศาสตร์และกิจการระหว่างประเทศ หรือ Center for Strategic and International Studies หรือ CSIS ของสหรัฐอเมริกา ในชื่อ http:www.csis.org/tnt/ttu/ttu_0310.pdf โดยมี Link ที่เกี่ยวข้อง คือ http://fpc.state.gov/documents/organization/2753.pdf และ http://www.usembassy.it/pdf/other/RL31152.pdf
    http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9470000000621
    อันเป็นเว็บไซต์ ที่เหมือนกับศูนย์การวิเคราะห์จุดยุทธศาสตร์ของโลกที่ทุกคนเข้าไปดูได้ ในเว็บไซต์นั้น ปรากฏรายงานชิ้นหนึ่งระบุว่า ...

    Working directly with at least a score of CIA operatives, the Counter Terrorism Intelligence Center [CTIC] combines key personnel from Thailand's three main security agencies : the National Intelligence Agency ; the Thai police, and the armed forces.
    The CTIC relies heavily on the CIA for its structure, guidance, and funding. The two agencies share facilities, equipment, and information on a daily basis.

    เป็นรายงานที่ยืนยันว่า มีเจ้าหน้าที่ Confederete Intelligence Agency : CIA 10 กว่าคน เข้ามาตั้งศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยร่วมมือกับหน่วยงานด้านความมั่นคงของไทย ถึง 3 หน่วยงาน มีการประสานงานกันอย่างใกล้ชิด ระหว่าง CIA กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารของไทย โดย CIA ให้การสนับสนุนทางด้านการเงิน นั่นคือ หลังจากลงนามในข้อตกลง ในปี 2543 พอต้นปี 2544 หน่วยงานนี้ ก็เข้ามาปฏิบัติการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ความลับอันนี้ ถูกเปิดเผยโดยเว็บไซต์ CSIS ของสหรัฐอเมริกา รายงานของ CSIS ถือว่าน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะระบุชัดเจนว่า การจัดตั้งศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายในภาคใต้ของไทย เพื่อต่อต้านกลุ่ม Jamaah Islamiah : JI และ Al Qaeda นั้น CIA เป็นคนวางโครงสร้าง วางแผนปฏิบัติงาน และให้เงินสนับสนุนทุกอย่าง

    ประเด็นที่ควรให้ความสนใจอย่างเป็นพิเศษ ก็คือ ในส่วนของการปฏิบัติการ มีตำรวจและทหารไทยเข้าไปเกี่ยวข้อง โดยอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาโดยตรงของ CIA
    ถึงวันนี้ เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า การจับกุมคดี Jamaah Islamiah หรือ JI ในประเทศไทย นับตั้งแต่การจับกุมนายฮัมบาลี ต่อด้วยการจับกุมนายแพทย์แวมะฮ์ดี แวดาโอะ, นายมัยสุรุ อับดุลเล๊าะ, นายมุญาอิด อับดุลเล๊าะ จนมาถึงนายสมาน อาแวกะจิ ที่เข้ามอบตัวในภายหลัง แท้จริงแล้วเป็นฝีมือของหน่วยงานนี้ การเกิดขึ้นและดำรงอยู่ของหน่วยงานนี้ จึงเป็นเรื่องผลประโยชน์ อันพึงมีพึงได้ พึงปกป้องของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น ผลกระทบที่จะมีต่อวัฒนธรรมในพื้นที่ และสังคมของชาวบ้านในภาคใต้ จึงไม่อยู่ในการพิจารณาของหน่วยงานนี้ และรัฐบาลไทยแม้แต่น้อย

    ในเมื่อศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายอันนี้ กระทำการภายใต้คำสั่งของ CIA การกระทำใดๆ ของศูนย์แห่งนี้ ที่อาจจะเกิดความขัดแย้งภายในขึ้น ก็ไม่มีความหมายให้ต้องเก็บรับมาพิจารณา เจ้าหน้าที่ของศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายแห่งนี้ จึงสามารถไล่ล่าจับกุมคุมขังใครก็ได้ ที่ถูกกล่าวหาว่า ต่อต้านสหรัฐอเมริกา โดยไม่ต้องมีหมายศาล
    ด้วยเพราะ นี่คือ การทำงานของ CIA ภายใต้ภารกิจ war on terrorism ถึงแม้ในอนาคต บรรดาตำรวจและทหารไทย อาจจะเรียงหน้าออกมาปฏิเสธว่า CIA ไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้อง และไม่สามารถสั่งการตำรวจไทย - ทหารไทยได้ก็ตาม ทว่า ประเด็นที่สำคัญที่สุด ที่ไม่มีใครปฏิเสธได้ ก็คือ ศูนย์ต่อต้านการก่อการร้าย หรือ CTIC และ CIA เป็นหน่วยงานต่างชาติ ปัญหาที่เกิดขึ้น ณ จังหวัดชายแดนภาคใต้วันนี้ จึงไม่ใช่ปัญหาระดับชาติอีกต่อไป ด้วยเพราะรูปลักษณ์ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ เป็นลักษณะของ จักรวรรดินิยม อีกรูปแบบหนึ่ง ที่เหยียบย่างเข้ามาตั้งฐานปฏิบัติการในประเทศไทย ชนิดแจ่มแจ้งชัดเจนยิ่งแล้ว

    จากคุณ : chiangraiplus - [ 1 ส.ค. 49 14:33:20 ]
    [/FONT]
    http://bbznet.pukpik.com/scripts2/view.php?user=kiddingyou2004&board=1&id=493&c=1&order=numview)

    ว่ารัฐบาลไทยพยายามปกปิด การจัดตั้งศูนย์ Counter Terrorist Intelligence Center (CTIC) มาเกือบ ๓ ปีแล้ว ศูนย์ลึกลับในภาคใต้นี้เป็น<wbr>ของสหรัฐอเมริกา และบริหารโดยหน่วยงาน CIA ตั้งแต่ปี ๒๐๐๑ เป็นต้นมา แต่ความลับนั้นกลับถูกเปิดเ<wbr>ผยโดยรายงานของ Center for Strategic and International Studies (CSIS) ของสหรัฐ

    รายงานของ CSIS ได้กล่าวถึงการจัดตั้งศูนย์<wbr> CTIC ในภาคใต้เพื่อต่อต้านกลุ่ม JI และ Al Qaeda โดยมี CIA เป็นผู้วางโครงสร้าง ให้เงินทุนสนับสนุน และวางแผนการปฏิบัติงานทุกอ<wbr>ย่าง นอกจากนี้แล้วตํารวจและทหาร<wbr>ไทย ที่เกี่ยวข้องก็อยู่ภายใต้ก<wbr>ารบัญชาการโดยตรงของ CIA

    หมู่เกาะเกาะสแปรตลีย์ (Spratly Islands) กรณีพิพาทในน่านน้ำทะเลจีนใ<wbr>ต้ ยังเป็นปัญหาที่รัฐบาลต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกขบไม่แตก ยังมีการอ้างสิทธิ ในหมู่เกาะสแปรตลีย์ทับซ้อน<wbr>กันอยู่ ทั้งในส่วนย่อยและส่วนทั้งห<wbr>มดระหว่างบรูไน จีน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไต้หวัน และเวียดนาม แม้ว่าได้มีการทำสัญญาข้อตก<wbr>ลง จีน-อาเซียนว่าด้วยความร่วม<wbr>มือ ในประเด็นความมั่นคงแบบใหม่<wbr> (Joint Statement of China and ASEAN on Cooperation in the Field of Non-Traditional Security Issues) โดยตัวแทนรัฐบาลจีนแจ้งว่า หลังจากเหตุการณ์วันที่ ๑๑ กันยายน ๒๕๔๔ จีนได้ให้ความสำคัญเป็นอย่า<wbr>งมากต่อความร่วมมือ ในกรอบภูมิภาคและระหว่างประ<wbr>เทศ ในการต่อต้านอาชญากรรมข้ามช<wbr>าติ และประสงค์จะให้มีการจัดตั้<wbr>งกลไกความร่วมมือ และมีมาตรการที่เป็นรูปธรรม

    ต่อมา จีนได้เสนอร่างฉบับแก้ไขที่<wbr>ปรับปรุงให้สอดคล้องกับความ<wbr>เห็นจากประเทศสมาชิกอาเซียน<wbr> และเปลี่ยนชื่อจากแถลงการณ์<wbr>ร่วมฯ เป็นปฏิญญาร่วมจีน-อาเซียนว<wbr>่าด้วยความร่วมมือในประเด็น<wbr>ความ มั่นคงแบบใหม่ (Joint Declaration of China and ASEAN on Cooperation in the Field of Non-Traditional Security Issues) ซึ่งผู้นำอาเซียนและจีน ให้การรับรองในระหว่างการปร<wbr>ะชุมสุดยอดอาเซียน-จีน ในวันที่ ๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๕ ณ กรุงพนมเปญแล้วก็ตาม

    แต่ดูเหมือนว่าปัญหาความขัด<wbr>แย้งกลับมีความถี่มากขึ้น เฉพาะไตรมาสแรก ปี ๒๐๐๔ ประเทศที่อ้างสิทธิต่าง ๆ พยายามอ้างตัวเป็นเจ้าของอย<wbr>่างไม่หยุดหย่อน ทำให้เห็นว่าคำประกาศว่าด้ว<wbr>ยหลักปฏิบัติของฝ่ายต่างๆ ในทะเลจีนใต้ ที่จะต้องอดกลั้น ยังเป็นสิ่งที่น่าวิตกอยู่ ตามคำประกาศที่จีนลงนามร่วม<wbr>กับ ๑๐ ประเทศสมาชิกสมาคมอาเซียน ในปี ๒๐๐๒ นั้น ประเทศผู้อ้างสิทธิตกลงกันท<wbr>ี่จะหลีกเลี่ยงไม่สร้างความ<wbr>ตึงเครียดขึ้นในทะเลจีนใต้

    http://<wbr>mr2chang.igetweb.com/<wbr>index.php?mo=3&art=132574
    http://tortaharn.net/<wbr>contents/<wbr>index.php?option=com_conten<wbr>t&task=view&id=31&Itemid=7<wbr>5
    http://www.manager.co.th/<wbr>Politics/<wbr>ViewNews.aspx?NewsID=947000<wbr>0083134

    "เช่ากองบิน23" กับยุทธศาสตร์"ช่องแคบมะละกา"ของสหรัฐฯ

    โดย "เซี่ยงเส้าหลง" และทีมข่าวการเมือง 17 พฤศจิกายน 2547 01:07 น.

    •• ก็ตอบโต้กันมาว่า ไม่ใช่เรื่องการทำสงคราม – เป็นแค่การฝึกบินและการส่งกำลังบำรุง, ไม่ใช่ 15 ปี และ ไม่ใช่อเมริกา พูดไปก็เท่านั้น “เซี่ยงเส้าหลง” ขอยืนยันคำเดิมที่กล่าวไปเมื่อวานนี้อีกครั้ง ณ ที่นี้ว่า “...รัฐอาจจะหลอกคนไทยด้วยกันเองได้ว่าก็แค่มีเครื่องบินรบเอฟ 16 สัญชาติสิงคโปร์ 1 ฝูงสำหรับฝึกอยู่ที่ อุดรธานี แต่โลกทั้งโลกจะต้องโปรแกรมใหม่ให้กับหน่วยความจำของตนเองว่า เกิดมีฐานทัพอากาศสหรัฐอเมริกาขึ้นในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง หลังจากถอนออกไป 29 ปีเต็ม – เราพร้อมแล้วหรือกับการเลือกข้างเช่นนี้.” ทางที่ดี เปิดเผยให้หมด เลยดีกว่าถึง สารัตถะ ใน สัญญา 7 ฉบับ เรื่องนี้อย่าว่าแต่ ไม่ผ่านกระบวนการรัฐสภา แม้แต่ สภากลาโหม ก็ยัง ไม่ผ่าน เรื่องจะเข้าไปที่นั่นตามระเบียบวาระเพื่อ รับทราบ การลงนามของทั้ง ผบ.ทอ., รมว.กห. ที่ทำไปแล้วเมื่อ วันที่ 12 พฤศจิกายน 2547 ในช่วงปลายสัปดาห์หน้า วันที่ 25 พฤศจิกายน 2547 โน่นแหละ

    •• และถ้าจะ เปิดเผย ก็ขอให้รวมเปิดเผยถึง สัญญาการใช้ฐานทัพในประเทศไทยของสหรัฐอเมริกา ที่ทำกันในสมัย จอมพลถนอม กิตติขจร ด้วยว่าในทาง ลายลักษณ์อักษร แล้วยังคง หลงเหลือหรือไม่ ภายใต้ เงื่อนไขใด จะได้ไม่ต้องห่วงเรื่องของ เรื่องเล่า ที่มีมาเกี่ยวกับ สนามบินอู่ตะเภา, สนามบินตาคลี ด้วย

    •• จนถึงวันนี้ที่แกนนำภาครัฐประกาศเป็นครั้งที่ 100 ว่า ใกล้ได้ตัวผู้บงการแล้ว, พบแผนแบ่งแยกดินแดนแล้ว และ ฯลฯ น่าสงสัยและน่าตั้งคำถามอย่างยิ่งว่าใช่หรือไม่ว่า รัฐไทยกำลังขาดองค์ความรู้ แน่ใจหรือว่า มีผู้บงการ โลกยุคหลังกรณี 911 ขบวนก่อการร้ายไม่ได้มี การจัดตั้งแบบเก่า – รูปสามเหลี่ยม ชนิดที่มีสายงานการบังคับบัญชา จากบนมาล่าง หากแต่เป็นการจัดตั้งแบบ เซลล์ – เป็นอิสระโดยตัวเอง การจับกุมหรือการทำลายล้าง ณ จุดใดจุดหนึ่งทั้งไม่อาจ ตัดวงจร และไม่อาจ สาวถึงตัวผู้บงการ เพราะถึงที่สุดแล้วคือ ไม่มีผู้บงการเป็นตัวเป็นตนเป็นองค์กร โดยนัยเดียวกันนี้กับคำว่า แผน ทำไมไม่ตั้งคำถามบ้างว่าหรือแท้ที่จริงแล้ว ไม่มีแผน (ไม่ว่าจะ แผน 1,000 วัน, แผน 7 ขั้น หรือ ฯลฯ) โดยภาพรวมแล้ว ณ นาทีนี้เสมือนกับว่าแกนนำภาครัฐกำลังนำ กระบวนทัศน์เก่า, องค์ความรู้เก่า เข้าไปจับเหตุการณ์ร้ายที่เกิดจาก กระบวนทัศน์ใหม่, องค์ความรู้ใหม่ แกนนำภาครัฐมักจะพูดถึง ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ตามองค์ความรู้เดิมเมื่อ 30 – 50 ปีก่อน พูดโดยนัย ๆ ถึง ผู้อยู่เบื้องหลัง ที่ถึงที่สุดแล้ว เปลี่ยนแนวทางมาแล้วไม่ต่ำกว่า 25 ปี ยังไม่มีถ้อยคำใดที่แสดงให้เห็นว่าแกนนำภาครัฐ เข้าใจปัญหาใหม่ ที่เกิดจาก กระบวนทัศน์ใหม่, องค์ความรู้ใหม่ ที่พูดมานี้ไม่ใช่ว่า “เซี่ยงเส้าหลง” ที่เป็นเพียงคนเขียนหนังสือตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง รู้ทั้งหมด แต่เพราะ ไม่รู้ทั้งหมด นี่แหละจึงขอเสนอแนะว่าประเด็นสำคัญที่สุดวันนี้ของ ภาครัฐ ก็คือ เรียนรู้ใหม่หมด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรียนรู้จากสถานการณ์จริงจากภาคประชาชน ไม่น่าเป็นไปได้แต่ก็เป็นไปแล้วที่ภาครัฐยุคปัจจุบันพยายามจะพูดถึง สังคมแห่งความรู้ พยายามที่จะบอกว่าได้มีแนวนโยบาย สนับสนุนการอำนวยความรู้ในหมู่ประชาชน แต่เอาเข้าจริงแล้วเหมือน เส้นผมบังภูเขา เพราะถึงที่สุดแล้ว ภาครัฐขาดองค์ความรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์ความรู้เกี่ยวกับ โลกอิสลาม, ขบวนการมุสลิมจารีตนิยม และที่สำคัญที่สุด สถานการณ์ใหม่ในรอบ 3 – 4 ปีมานี้ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ความหนักของสถานการณ์ที่ทำให้นายกรัฐมนตรีคนที่ 23 ผู้ชนะมาทุกสมรภูมิต้องหลุดคำว่า “...มึนโว้ย.” และยอมรับในการปิดห้องสนทนากับ 22 ตัวแทนอาจารย์ในทำนองว่า “...เป็นปัญหาเดียวที่ผมขอยอมรับว่ายังไม่รู้จะแก้ยังไง.” บ่งบอก สถานการณ์ใหม่ ของ รัฐ ว่าเป็น รัฐที่ขาดการเรียนรู้ โดยแท้

    •• ย่อหน้าข้างต้น “เซี่ยงเส้าหลง” เกิดแรงบันดาลใจขึ้นจากการอ่าน ข้อเขียนชิ้นล่าสุด, การค้นพบครั้งล่าสุด ของ ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช ในเรื่อง รัฐที่เรียนรู้ : The State That Learns ที่มีเมตตาส่งมาให้ อ่านล่วงหน้า และขอให้ตีพิมพ์ลงเป็นพิเศษเพื่อให้แยกต่างหากจากข้อเขียนชุด ชีวิตที่เลือกได้ – ภาค 3 ที่เขียนเป็นประจำให้กับ ผู้จัดการรายวัน ลงตีพิมพ์ทุก ๆ วันจันทร์ใน หน้าบทความ หากเป็นไปได้ (หมายความว่า ไม่มีโฆษณาสินค้า) จะขออนุญาต บรรณาธิการบริหาร นำมาตีพิมพ์ในกรอบหน้านี้วันพรุ่งนี้

    •• คงจะจำกันได้ว่าหนึ่งในงานเขียนที่ขึ้นชั้น ตำราคลาสสิค ของเจ้าของสมญา Chaotic Man ท่านนี้ก็คือ ไตรลักษณ์รัฐกับการเมืองไทย ตีพิมพ์ครั้งแรกเมื่อ ปี 2530 ช่วงแรกเป็นการกล่าวถึง ไตรภาคของเหตุผลแห่งรัฐ ที่ท่านเห็นว่า รัฐ เกิดจาก ความกลัวของมนุษย์, ความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่รอดอย่างมีความสุข และ ความต้องการที่จะอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี เหตุทั้ง 3 ประการนี้เองเป็นจุดที่ก่อให้เกิด ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับสังคม คือ ความกลัวก็จะต้องทำให้เกิดความมั่นคงปลอดภัย, ความสุขก็จะต้องพัฒนาคุณภาพชีวิต และ ความมีศักดิ์ศรีก็จะต้องให้มีส่วนร่วม ไตรภาคของเหตุผลแห่งรัฐทั้ง 3 คือ การพัฒนา, การมีส่วนร่วม และ ความมั่นคง นี้จะหนักไปทางใดทางหนึ่งไม่ได้

    •• อันที่จริงคำว่า ไตรลักษณ์รัฐ หรือ Three-Dimensional State ที่ว่านี้ก่อนจะปรากฏเป็นหนังสือเล่มในย่อหน้าก่อนท่านได้ เอ่ยถึงเป็นครั้งแรก ในบทสุดท้าย บทที่ 5 ของงานเขียนที่เข้าขั้นหนึ่งใน ตำราคลาสสิค อีกเล่มหนึ่งชื่อสั้น ๆ ว่า รัฐ โดยท่านให้คำจำกัดความไว้ในทำนองว่า ไตรลักษณ์ รัฐ = รัฐที่ประสานเหตุผลของรัฐ 3 ด้านเข้าไว้ด้วยกัน คือ ด้านความมั่นคง ด้านการพัฒนา และด้านประชาธิปไตย มิติทั้งสามจะมีส่วนสำคัญในการผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมให้เป็น ไปในทางที่จะเป็นประโยชน์ต่อรัฐและประชาชนให้มากที่สุด ไม่ใช่หนักไปมิติใดมิติหนึ่งหรือ 2 มิติ

    •• ในงานเขียนชิ้นล่าสุดที่อยู่ในมือ “เซี่ยงเส้าหลง” ปราชญ์วัย 61 น่าจะมี แรงบันดาลใจจากวิกฤตภาคใต้ ที่ท่านเห็นว่า รัฐไทยล้มเหลว เพราะ ขาดการเรียนรู้ ท่านบอกว่านายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันมักจะพูดถึง The Nation That Learns แสดงความปรารถนาแรงกล้าให้ ไทยเป็นชาติที่เรียนรู้ แต่จริง ๆ แล้วท่านเห็นว่า “...เราจะต้องมี The State That Learns ด้วย ไม่ใช่เรียกร้องให้มี The Nation That Learns แต่อย่างเดียว – ที่จริงรัฐไทยในอดีตสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นรัฐที่เรียนรู้ดี แต่ต้องล้มไป เพราะพลังจากภายนอก โดยเฉพาะภาวะตกต่ำทางเศรษฐกิจด้านหนึ่ง กับการไม่เห็นความสำคัญของการเปลี่ยนแปลงทางความคิดของทหารและข้าราชการ กลุ่มใหม่อีกอย่างหนึ่ง.” ตัวท่านเองจึงหันไปทบทวนตัวแบบ ไตรลักษณ์รัฐ ให้เป็นตัวแบบ จตุลักษณ์รัฐ คือเพิ่ม มิติการเรียนรู้ เข้าไปอีกหนึ่ง “...เวลานี้บ้านเมืองเรามีปัญหามาก แต่ข้าราชการของเราทำงานประจำกันมาก ไม่มีเวลาในการเรียนรู้จากความขัดแย้ง และเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ทั้งที่เป็นคนไทย และคนกลุ่มน้อย.” รัฐไทยจะเรียนรู้ได้หรือไม่และจะทำอย่างไร “เซี่ยงเส้าหลง” เชื่อว่า ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช มี ข้อเสนอรูปธรรม อีก มากมาย ที่เป็นทั้ง การพลิกกลับกระบวนทัศน์เดิม และ การพลิกกลับกระบวนการเรียนรู้เดิม ข้อเขียนเรื่อง รัฐที่เรียนรู้ : The State That Learns ที่จะตีพิมพ์ที่นี่ หน้า 16 ผู้จัดการรายวัน ในวันพรุ่งนี้(ถ้าไม่มีโฆษณา)คงจะเป็น จุดเริ่มต้น ของงานเขียนใน แบบที่ท่านไม่ได้เขียนมานาน เวลานานพอสมควรที่ท่านดูเหมือนจะ เงียบ, ไม่ชนกับทุกปัญหาเหมือนเดิม ๆ หากใครติดตามอย่างใกล้ชิดพอสมควรจะพบว่าท่านยังคง สังเกต, ครุ่นคิด และพยายาม ตอบโจทย์ใหญ่ ที่ว่าด้วยความเป็นไปของ การเมืองไทยยุคหลังรัฐธรรมนูญ ที่ท่านเคยใช้คำว่า Post-Constitutional Politics ทั้งนี้เพราะในมุมมองของท่านนั้นสังคมไทยตั้งแต่ ปี 2475 เป็นต้นมาใช้ พลัง อยู่กับ การใฝ่หารัฐธรรมนูญที่ดี อันเป็นปัจจัยที่ บั่นทอนสังคมไทยมากที่สุด ระหว่างครุ่นคิดและตอบโจทย์ท่านก็ได้ ทดลองสร้างระบบการเรียนรู้ ให้กับ องค์กรภาครัฐ ที่ท่านเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องไม่ว่าจะที่ กฟผ., การบินไทย หรือ ธนาคารกรุงไทย ล้วนมี มิติใหม่ ๆ แห่งการเรียนรู้ เกิดขึ้นหลากหลายรูปแบบ รัฐที่เรียนรู้ : The State That Learns จึงเป็นบทที่ 1 ของ ผลึกความคิด ที่จะ เสนอต่อรัฐและสังคม ในท่ามกลาง ความมืด เช่นทุกวันนี้

    •• ปัญหาของโลกยุคนี้ ละเอียดอ่อนอย่างยิ่ง เมื่อความขัดแย้งทางด้าน ศาสนา, วัฒนธรรม และ ชาติพันธุ์ เข้ามาแทนที่ ลัทธิ-อุดมการณ์ การบริหารจัดการจำเป็นที่จะต้องอยู่บนพื้นฐานของ ความรู้, ความเข้าใจ โดยนัยแห่ง เข็มมุ่งพระราชทาน ที่ว่า เข้าถึง, เข้าใจ และ พัฒนา โชคไม่ดีที่ในระยะเวลา 50 – 60 ปีที่ผ่านมาโลกใช้เวลาไปมากกับ องค์ความรู้ว่าด้วยทุนนิยมและสังคมนิยม ทำให้ขาดการเรียนรู้ องค์ความรู้ในการอยู่ร่วมกันระหว่างโลกมุสลิมกับโลกอื่น นี่เป็นความเห็นของ พันศักดิ์ วิญญรัตน์ ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ควรหยิบมา พัฒนา, สานต่อ โดยเร็ว

    •• จริง ๆ แล้ว แนวหน้าของปัญหา อยู่ที่ ศาสนาอิสลาม, คริสต์ศาสนา (หรือ โลกตะวันตก vs โลกอิสลาม) ประเทศไทยในฐานะแกนกลางของ โลกพุทธ มีโอกาสสูงสุดที่จะสร้าง องค์ความรู้ที่ขาดหายไป นี้ขึ้นมา

    •• ไม่ใช่ กระโจน เข้าไปอยู่ร่วมใน แนวหน้าของปัญหา อย่างที่มี แนวโน้ม อยู่ในทุกวันนี้

    •• อันที่จริงก็ขอเรียนท่านผู้อ่านว่าไม่ใช่แต่เพียง ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช วันนี้ในมือ “เซี่ยงเส้าหลง” มี ข้อคิด, ข้อเสนอ ของ ปัญญาชนอาวุโสหลายท่าน ที่เสมือน เงียบ, ไม่ชนกับทุกปัญหาเหมือนเดิม ๆ แต่แล้วท่านกลับเสนอข้อคิดที่ แหลมคม ติดอยู่ที่ว่าหลายท่านที่กล่าวถึงนี้ ไม่ประสงค์จะให้เปิดเผยนาม, ไม่ประสงค์จะให้เปิดเผยข้อคิดข้อเสนอโดยตรง หนึ่งในจำนวนนี้ส่งงานเขียนเรื่องเกี่ยวกับแนวทางการแก้ปัญาหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ภายใต้ชื่อ อโหสิกรรม, เร่งคืนสู่ภาวะธรรมชาติ – หรือจะคอยเขาพระวิหาร 2 มาให้โดยมีหมายตุตัวโตกำกับไว้ว่า “...โปรดติติงและช่วยแก้ไข – แต่อย่านำไปเผยแพร่กับสื่อมวลชนหรือผู้ที่ไม่รับผิดชอบ.” ก็เลยจนใจที่ไม่อาจเผยแพร่ต่อได้โดยตรง

    •• ในฐานะที่ “เซี่ยงเส้าหลง” เป็นหนึ่งใน ศิษย์นอกห้องเรียน ขอแสดงความเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่ ศ.ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช กล่าวไว้ว่า “...รัฐไทยในอดีตสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นรัฐที่เรียนรู้ดี.” เพราะคราใดที่หยิบ ธนบัตร 500 บาท ขึ้นมาก็ให้เห็น พระราชดำรัส ใน พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว พิมพ์ไว้ด้วยตัวเล็ก ๆ ตรง มุมขวาล่าง อ่านยากสักหน่อยว่า “...การงานสิ่งใดของเขาก็ดี ควรจะเรียนร่ำเอาไว้ ก็เอาอย่างเขา แต่อย่าให้นับถือเลื่อมใสไปทีเดียว.” พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์สยามประเทศพระองค์แรกที่เริ่มทอดพระเนตรเห็น ภัยจากตะวันตก บรรทัดนี้ขอเสนอให้ กระทรวงการคลัง, ธนาคารแห่งประเทศไทย พิจารณา พิมพ์ด้วยอักษรโตขึ้น ได้ไหม

    •• เป็นเพียงแค่ ชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ แต่ไม่มีหลักฐานใดบ่งบอกว่า วิกฤติ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้, เส้นทางลำเลียงน้ำมันสำคัญของโลกที่ช่องแคบมะละกา, ยุทธศาสตร์กระจายฝูงบิน, เช่าฐานบินอุดร 15 ปี และ ฯลฯ เป็น เรื่องเดียวกัน ที่เกิดขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของอภิมหาอำนาจเดี่ยว สหรัฐอเมริกา แต่ก็ไม่ควร ปรามาส, ประมาท ว่าเป็นไปไม่ได้ทั้งหมดโดยสิ้นเชิง

    •• ก่อนหน้านี้ในอดีต สหรัฐอเมริกา ที่เคยมีอิทธิพลเหนือประเทศผู้ผลิตน้ำมันรวมแล้ว ร้อยละ 70 ของโลก คือ อิหร่าน, อิรัก และ ซาอุดิอาระเบีย ค่อย ๆ สูญเสียไป ทีละประเทศ จนบัดนี้มีแนวโน้ม เกือบทุกประเทศ เริ่มต้นจากการสูญเสียที่ อิหร่าน (นับแต่การปฏิวัติอิสลามของ อยาตอลล่า โคมัยนี) ต่อด้วยการสูญเสียที่ อิรัก (ที่แม้จะตัดสินใจ ทำสงครามรุกราน แต่จนบัดนี้สถานการณ์ก็ยังไม่กลับเข้าสู่ ภาวะปกติ) ล่าสุดที่น่าสนใจมากก็คือ ซาอุดิอาระเบีย ที่ มกุฎราชกุมารอับดุลลาร์ ที่ว่าราชการและครองอำนาจทางการเมืองการทหารแทนที่ กษัตริย์ฟาฮัด เปลี่ยนแปลงไปในทางที่จะ พิทักษ์ปกป้องทรัพยากรแห่งชาติมากขึ้น และเริ่มหันไปสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับ อิหร่าน โดยหันมา ขจัดอิทธิ พลของสหรัฐอเมริกาที่แฝงอยู่ในหมู่ผู้นำศาสนาบางกลุ่มอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดถึงกับ ปลดผู้นำศาสนา ที่เห็นว่า รับใช้ผลประโยชน์ตะวันตก ออกจากตำแหน่งรวมแล้ว 1,500 คน ทำให้ทรงถูกโจมตีว่า ไม่เป็นประชาธิปไตย – ละเมิดสิทธิมนุษยชน การเปลี่ยนแปลงภายในประเทศนี้ในอนาคตจะถือเป็น จุดหักเหของสถานการณ์ ไม่ว่ามกุฎราชกุมารพระองค์นี้จะ ขึ้นครองราชย์ หรือ ถูกโค่นล้ม ถ้าสถานการณ์ลงเอยด้วยทางแรกก็จะมีผลทำให้ สหรัฐอเมริกา ต้องสูญเสีย ฐานะบงการในทั้ง 3 ประเทศผู้ผลิตน้ำมันหลักจำนวนร้อยละ 70 ของโลก ย่อมจะส่งผลกระทบถึง ดุลกำลังทางเศรษฐกิจ การเมือง และการทหาร ของ โลก เพราะในอดีตการที่สามารถ บงการทิศทางน้ำมันร้อยละ 70 ของโลก ไว้ได้ทำให้ สหรัฐอเมริกา เสมือนถือไพ่เหนือกว่า ยุโรป, ญี่ปุ่น และอาจจะรวมถึง จีน ไว้ได้

    •• นักวิเคราะห์สถานการณ์จำนวนหนึ่งจึงเล็งเห็นว่า ก่อนจะถึงจุดชี้ขาด ณ วันนี้ สหรัฐอเมริกา จึงหันมาให้ความสำคัญกับ ช่องแคบมะละกา เพราะหากสามารถ คุมได้เบ็ดเสร็จ ก็เท่ากับยังคงสามารถ รักษาดุลกำลังน้ำมันโลก นอกเหนือจากการถ่ายเท กำลังทางนาวี จาก ยุโรป เข้ามาในภูมิภาคนี้แล้วยังมีสถานการณ์ใหม่ที่ค่อนข้างเอื้ออำนวยเกิดขึ้นอีกคือการเกิดขึ้นของ ประเทศใหม่ อย่าง ติมอร์ตะวันออก และแนวโน้มในอนาคตที่จะ มีโอกาสเป็นประเทศใหม่ คือ จังหวัดอาเจะห์ อินโดนีเซีย นักวิเคราะห์กลุ่มนี้จึงเห็นว่า สถานการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไม่อาจแยกออกจากสถานการณ์สากลว่าด้วยดุลกำลังน้ำมันโลก มีความเป็นไปได้สูงที่ พลังจากภายนอกประเทศ ที่เข้ามา โดป ปัจจัยภายในประเทศที่มีรากฐานของ ความขัดแย้งทางเชื้อชาติศาสนา-วัฒนธรรม จะไม่ได้มีเพียงจาก ขบวนมุสลิมจารีตนิยม เท่านั้นหากยังจะมีที่มาจาก เครือข่าย ของ สหรัฐอเมริกา ด้วยอีกทางหนึ่ง

    •• อย่าลืมว่า ใคร เป็นผู้สร้าง อุซะมะห์ บินลาเดน, มูจาฮิดดีน และ ซัดดัม ฮุสเซน เริ่มต้นก็ล้วนมาจากเครือข่ายหน่วยราชการลับของ สหรัฐอเมริกา เพื่อเป็น เครื่องมือทางยุทธวิธี สำหรับ รับใช้ภารกิจยุทธศาสตร์ ในแต่ละช่วงเวลาทั้งนั้น

    •• อย่าลืมว่า สหรัฐอเมริกา นั้นเป็น สัตว์เลี้ยงลูกด้วยวิกฤต – บริโภควิกฤตเป็นภักษาหาร ในอดีตเป็นที่รับรู้กันดีว่าเคยทำ จดหมายปลอม ในนาม พคท. – พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย มาถึง รัฐบาลไทย ยุค ศ.สัญญา ธรรมศักดิ์ เมื่อ วันที่ 4 มกราคม 2517 จดหมายฉบับเมื่อ 30 ปีก่อนใช้ชื่อ สหายจำรัส ชื่อจัดตั้งของ เปลื้อง วรรณศรี อ้างเหตุ ขอเจรจาสงบศึก วัตถุประสงค์ก็เพื่อ ชี้ให้เห็นถึงความมีอยู่และบทบาทของพคท. – เพื่อที่ตนจะธำรงบทบาททางการทหารอยู่ในประเทศไทยต่อไป คงไม่ลืมกัน

    http://www.nokkrob.org/<wbr>index.php?&obj=forum.view(cat_id=nkbd-1,id=63

    หลังจากสงครามยาเสพติดและกา<wbr>รฆ่าตัดตอนที่คร่าชิวิตชาวไ<wbr>ทยไป 2274 คน เจ้าหน้าที่จาก The US White House Office on National Drug control Policy ได้กล่าวชมเชยรัฐบาลทักษิณว<wbr>่า ดําเนินการได้เยี่ยมมาก และสัญญาว่า จะให้เงินสนับสนุนเพิ่มเติม

    "The US White House Office on National Drug control Policy administrator Mr. Crane in January promised Thailand more funds for doing a great job. The killing was started in February. Once again, American Trained personel including Task Force 399 of Mae Rim Chiang Mai
    http://www.eisc.com.cn/webdata/Data.asp?nRecno=52323&Recno=267925&kw=[Radar]
    http://www.rebound88.net/02/dec/30.html
    Rangoon urges army to end drills at border
    December 30 - 2002- Monday

    Wassana Nanuam

    Burma has asked Thailand not to conduct military exercises near its border to prevent confusion and to maintain good relations.Third Army commander Lt-Gen Udomchai Ongkhasing said Burma made the request during the 20th Thai-Burmese Regional Border Committee meeting in Moulmein on Dec 26-28.

    ``Burma does not want us to conduct military exercises near its border again, and wants advance notice if Thailand does plan exercises.''

    In May this year, the Third Army held a military exercise, code-named Surasee 143, involving about 20,000 soldiers, tanks and other weapons near the Burmese border in Chiang Mai, Chiang Rai and Mae Hong Son provinces.The situation became tense when Burma viewed it as a threat, claiming Thai soldiers had fired artillery rounds in support of the Shan State Army rebels fighting the Burmese soldiers.

    Then-defence minister Gen Chavalit Yongchaiyudh ordered the Third Army to cut short the exercise to reduce tension.Despite this, Burma still closed its borders with Thailand.

    A source said Burma had also expressed concern that the Thai-United States ``Cobra Gold 2003'' exercise would be held in the North, but it had been assured it would be held in central and eastern provinces.
    http://sydney.edu.au/mekong/documents/wp9.pdf
    Earlier, Burma had also complained over possible cross-border operations by Task Force 399, which was trained by US army personnel for drug suppression, during the Balance Torch exercise in Chiang Mai's Mae Rim district.

    During the RBC meeting, the Thai delegation told Burma that Her Majesty the Queen would stay at the Phu Phing Ratchanives palace in Chiang Mai from January to March next year.While in the North, Her Majesty will visit border villages in Chiang Mai, Chiang Rai and Mae Hong Son. To prevent confusion or misunderstandings, Thailand had asked Burma not to launch military operations near the border during that period.
    ." (http://sf.indymedia.org/<wbr>news/2003/05/1614635.php)

    พอถึงปลายปี 2546 ประธานาธิิบดี จอร์จ บุช ของสหรัฐอเมริกา เดินทางมาแสดงความยินดีกับน<wbr>าย ทักษิณ ชินวัตร โดยตรง และแต่งตั้งให้ประเทศไทยเป็<wbr>น "ชาติพันธมิตรหลัก นอกกลุ่มนาโต" (Major Non-NATO Ally)

    แต่ประชาชนชาวไทยจํานวนมากก<wbr>็ได้เริ่มตั้งคําถามแล้วว่า<wbr>สิทธิ์ "พิเศษ" นี้ว่าด้วยอะไรบ้าง และ ได้มาด้วยเหตุใด

    ข้อมูลที่เด่นชัดที่สุดนั้น<wbr>ไม่ได้มาจากรัฐบาลไทย แต่กลับถูกเปิดเผยโดยเอกสาร<wbr>ของสถานทูตสหรัฐเสียเอง

    ในวันที่ 29 มิถุนายน 2547 นาย Darryl N. Johnson เอกอัครราชทูตสหรัฐกล่าวขอบ<wbr>คุณรัฐบาลทักษิณ

    ที่เป็นลูกค้ารายใหญ่ ในการอุดหนุนอุตสหกรรมการผล<wbr>ิตอาวุธของสหรัฐ

    "For that, I would like to say: thank you."

    "We know you will make good use of these UH-1s, as you have the Black Hawks you have purchased
    [during] the past several years, and which we hope will be the long-term future of army aviation in Thailand,"

    "Last week, the U.S. Commander of Pacific Forces, Admiral Fargo, and I met with Prime Minister Thaksin.
    The prime minister mentioned the difficulty the Royal Thai Army (RTA) faces, in having been trained and equipped to fight communists in the jungle, or counter an invasion from outside the country"

    "Now the challenges are different, particularly in countering the unrest in the south, as well as in countering drug traffickers," (http://<wbr>bangkok.usembassy.gov/news/<wbr>press/2004/nrot044.htm )

    Darryl N. Johnson เอกอัครราชทูตสหรัฐ ยังกล่าวอีกว่าเขาหวังว่าอา<wbr>วุธที่สั่งซื้อไปนั้น จะได้นําไปใช้ใน สงครามยาเสพติด และการปราบปรามชาวมุสลิมในภ<wbr>าคใต้

    http://www.scoop.co.nz/<wbr>stories/HL0406/S00277.htm
    US Black Hawks Asist Thai War On Drugs/Militants

    Wednesday, 30 June 2004, 9:50 am
    Opinion: Richard S. Ehrlich

    BANGKOK, Thailand -- Washington has delivered 30 helicopters to Bangkok
    to help it crush Muslim militants in the south and guard against illegal drug trafficking
    in the north. "We know you will make good use of these UH-1s, as you have the Black Hawks
    you have purchased [during] the past several years, and which we hope will be the long-term
    future of army aviation in Thailand,"
    U.S. Ambassador Darryl N. Johnson told military officers.

    นายเทพ รู้สึกหดหู่ใจ เพราะตนก็เคยรับราชการทหารม<wbr>าก่อน
    แต่ก็ไม่คิดว่ารัฐบาลชุดนี้<wbr>จะขายเกียรติยศของทหารไทยเพ<wbr>ื่อผลประโยชน์ทางการค้าเพีย<wbr>งง่ายๆ

    "ก็อย่างว่าละครับ ผมเองก็ไม่รู้อะไรมาก เราจะไปว่ารัฐบาลก็คงไม่ได้<wbr> ทางรัฐบาลเขาก็ทําดีที่สุดแ<wbr>ล้วละครับ"

    แต่สิ่งที่ยังทําใจไม่ได้ก็<wbr>คือเรื่องแฟนสาวของตนกับทหา<wbr>รจีไอ นายเทพยังไม่เข้าใจว่าทําไม<wbr>จึงมี ทหารอเมริกันมาประจําการอยู<wbr>่ที่ขอนแก่นได้ ทั้งๆที่บริเวณนี้เป็นเขตที<wbr>่รัฐกําลัง จัดให้เป็นฐานทัพของ ประเทศสิงค์โปรเท่านั้น

    http://<wbr>www.heraldtribune.com/<wbr>article/20120424/APW/<wbr>1204240999
    Ex-spy: Destroying CIA tapes purged 'ugly visuals'
    By ADAM GOLDMAN and MATT APUZZO
    Associated Press
    Published: Tuesday, April 24, 2012 at 6:07 p.m.
    Last Modified: Tuesday, April 24, 2012 at 6:07 p.m.

    The tapes, filmed in a secret CIA prison in Thailand, showed the waterboarding of terrorists Abu Zubaydah and Abd al-Nashiri.

    http://topics.nytimes.com/<wbr>topics/reference/<wbr>timestopics/people/z/<wbr>abu_zubaydah/index.html
    The Times article, based on information from former intelligence officers who spoke on condition of anonymity, said Abu Zubaydah had revealed a great deal of information before harsh methods were used and after his captors stripped him of clothes, kept him in a cold cell and kept him awake at night. The article said interrogators at the secret prison in Thailand believed he had given up all the information he had, but officials at headquarters ordered them to use waterboarding.

    http://<wbr>www.asiamedia.ucla.edu/<wbr>article-southeastasia.asp?p<wbr>arentid=110673
    THAILAND: PM denies secret prison allegations
    Prime minister addresses 'Washington Post' report, calls it "old" and "groundless"

    Bangkok Post
    Tuesday, July 21, 2009

    Prime Minister Abhisit Vejjajiva insisted on Tuesday morning that there was no secret prison for torturing terrorists in Thailand as reported by The Washington Post newspaper.

    Mr Abhisit said there was no cooperation between the Thai government and the US in setting up a secret prison as alleged.

    "It's an old story and it is totally groundless as this government has never resorted to the use of violent means," Mr Abhisit said. The report would not affect the summit between Asean and its dialog partners being held in Phuket.

    http://2bangkok.com/<wbr>news05zc.html

    http://www.thaivisa.com/<wbr>forum/topic/<wbr>247254-thai-army-chief-deni<wbr>es-existence-of-secret-ame<wbr>rican-prison/
    No CIA prisoners brought here since 2003 - Bangkok Post, January 22, 2008
    ...Thaksin Shinawatra, the prime minister at the time of the interrogations, has always denied that there was any CIA "base" or "prison" in Thailand. Foreign sources have told the Bangkok Post that the denials were technically correct.
    The interrogations - or torture - of al-Qaeda suspects were carried out at so-called safe houses on a military base in Thailand, the sources said...

    http://www.foxnews.com/us/<wbr>2012/04/24/<wbr>ex-spy-destroying-cia-tapes<wbr>-purged-ugly-visuals/print

    http://bossip.com/577197/<wbr>wanksters-ex-cia-torture-an<wbr>d-interrogation-officer-ta<wbr>lks-burning-video-evidence<wbr>-and-being-disgusted-with-<wbr>president-obama-in-new-boo<wbr>k-hard-measures-43081/

    http://<wbr>www.activistpost.com/2012/<wbr>02/<wbr>string-of-global-bombings-b<wbr>lamed-on.html
    Boot also fails to mention that the current government ruling Thailand, is through proxy by Thaksin Shinawatra, a former Carlyle Group adviser, and recipient of extensive US backing, including lobbying services from fellow Carlyle member James Baker and his firm Baker Botts, warmonger Robert Blackwill of Barbour Griffith & Rogers, and PNAC signatory Kenneth Adelman of Edelman. During Thaksin's term in office from 2001 until a coup ousted him in 2006, upon the eve of which he was literally reporting to the Council on Foreign Relations in New York, he had committed Thai troops to the US invasion of Iraq and allowed the CIA to use Thailand for its abhorrent rendition program.
    ...
    In 2010, in a bid to return to power, Thaksin called for a people's war, fielding approximately 300 armed militants amongst a mob of approximately 15-30 thousand protesters in the streets of Bangkok and leading 2 months of violence that left 91 dead, thousands injured and wide scale arson called on by Thaksin's political lieutenants in the streets.

    http://www.matichon.co.th/<wbr>news_detail.php?newsid=1335<wbr>337494&grpid=01&catid&subc<wbr>atid
    ฮือฮา! "อดีตซีไอเอ"ออกหนังสือเผยเ<wbr>รื่องราว"เทปทรมานนักโทษในค<wbr>ุกลับในไทย"
    วันที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555 เวลา 09:00:58 น.

    สำนักข่าวเอพีรายงานว่า อดีตเจ้าหน้าที่สำนักข่าวกร<wbr>องกลางสหรัฐ (ซีไอเอ)วัยเกษียณ ผู้ถูกสั่งให้ทำลายวิดีโอกา<wbr>รทรมานนักโทษโดยการราดน้ำ เผยในหนังสือเกี่ยวกับเทปบั<wbr>นทึกภาพการทรมานนักโทษในคุก<wbr>ลับซีไอเอในไทยว่า เบื่อหน่ายที่ต้องรอระเบียบ<wbr>ที่เต็มไปด้วยพิธีรีตองของร<wbr>ัฐบาลในการตัดสินใจเพื่อปกป<wbr>้องชีวิตชาวอเมริกัน

    นายโฮเซ โรดริเกซ อดีตเจ้าหน้าที่ซีไอเอวัยเก<wbr>ษียณเปิดเผยในหนังสือของเขา<wbr>ชื่อ Hard Measures ซึ่งจะออกวางจำหน่ายในวันที<wbr>่ 30 เมษายนนี้ ว่า ได้สั่งทำลายเทปบันทึกภาพกา<wbr>รสอบสวนผู้ก่อการร้าย 2 คน ที่บันทึกในคุกลับของซีไอเอ<wbr>ในไทย เพราะหากเทปนี้รั่วไหลออกไป<wbr>จะเป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที<wbr>่ซีไอเอ

    เทปดังกล่าว ซึ่งถูกบันทึกในคุกลับของซี<wbr>ไอเอในประเทศไทย แสดงถึงการใช้วิธีทรมานนักโ<wbr>ทษที่เรียกว่า "Waterboarding หรือการนำผ้าขนหนูคลุมหน้าแ<wbr>ล้วเอาน้ำราดไปบริเวณหน้า เพื่อให้ผู้ที่ถูกทรมานสำลั<wbr>กน้ำ โดยเกิดขึ้นกับนายอาบู ซูไบดาห์ และนายอับด์ อัล-นาชิรี

    ข่าวการทำลายเทปนี้ถูกเปิดเ<wbr>ผยในปี 2007 จุดกระแสถกเถียงครั้งใหญ่ใน<wbr>แวดวงการเมืองสหรัฐฯ และเป็นตัวจุดประกายให้กระท<wbr>รวงยุติธรรมสหรัฐฯ สั่งสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้<wbr>น บางคนวิจารณ์นายโรดริเกซ ที่ปกปิดเรื่องการทรมานนักโ<wbr>ทษ และหลีกเลี่ยงการเปิดเผยควา<wbr>มโหดร้ายของซีไออต่อสาธารณช<wbr>น แต่บางคนยกย่องเขาที่กล้าตั<wbr>ดสินใจโดยไม่รอคำสั่งจากรัฐ<wbr>บาล

    http://www.manager.co.th/Daily/ViewNews.aspx?NewsID=9470000073293
    ซีไอเอเล็งไทยสู้ภัยก่อการร้าย ทุ่ม100ล.หนุนตั้งโรงเรียนด้านการข่าว

    โดย ASTVผู้จัดการรายวัน 28 ตุลาคม 2547 08:16 น.

    ผู้จัดการรายวัน - ซีไอเอ ทุ่ม 100 ล้านบาท ช่วยไทยตั้งโรงเรียนด้านการข่าว หลังเล็งเห็นไทยอยู่ในภูมิภาคที่เริ่มมีภัยคุกคามจากการก่อการร้าย ขณะที่ไทยเอง ก็ต้องการยกระดับงานด้านการข่าวให้เทียบเท่าระดับสากล โดยมีกองบัญชาการตำรวจสันติบาลเป็นแม่งานใหญ่

    วานนี้ (27 ต.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสันติบาล พล.ต.ท.ปรุง บุญผดุง ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.)เปิดเผยถึงการปรับปรุงการบริหารจัดการของ กองบัญชาการตำรวจสันติบาล เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ว่า ตามนโยบายของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่จะให้สันติบาลเป็นแม่แบบในการดำเนินงาน การด้านข่าวกรอง โดยมอบหมายให้เป็นเจ้าภาพด้านการข่าวของตำรวจ แบบบูรณาการ

    ดังนั้นจึงได้จัดตั้งโรงเรียนด้านการข่าวขึ้นมาเป็นการเฉพาะ โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการคือ การพัฒนาองค์ความรู้ด้านการข่าว และการนำองค์ความรู้ดังกล่าวมาฝึกอบรมและสนับสนุนการปฏิบัติงานของเจ้า หน้าที่เพื่อให้เกิดความทัดเทียมกับระดับสากล

    "โรงเรียนการข่าวที่กำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างนั้น จะประกอบไปด้วยพื้นที่ฝึกซ้อมการปฏิบัติการ ทั้งการรักษาความปลอดภัย การเจรจาต่อรอง การต่อต้านข่าวกรอง และการอบรมด้านการข่าว ซึ่งไม่เพียงแต่จะจัดอบรมให้ตำรวจสันติบาลเท่านั้น แต่พร้อมจะสนับสนุนหน่วยงานอื่นด้วย โดยได้รับการสนับสนุน ด้านงบประมาณ ทั้งการออกแบบและปลูกสร้าง จากมิตรประเทศ โดยไม่มีเงื่อนไข ขณะเดียวกันก็ได้รับอนุมัติที่ดินจากราชพัสดุ จำนวน 80ไร่ บริเวณริมถนนศรีสมาน-ปากเกร็ด จ"นนทบุรี ซึ่งจะแล้วเสร็จประมาณเดือนกันยายน ปีหน้า"

    ส่วนการข่าวด้านความมั่นคง ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลังเกิดเหตุ ความไม่สงบ ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะการสลายม็อบหน้า สภ.อ.ตากใบ จนเป็นเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก พล.ต.ท.ปรุง กล่าวว่า จากการข่าวเหตุการณ์ยังไม่มีอะไรที่บ่งบอกถึงความผิดปกติ โดยมีเฉพาะในพื้นที่ จ.นราธิวาส ที่ได้รับรายงานว่า มีการเคลื่อนไหว ของกลุ่มนักศึกษา กลุ่มองค์กรอิสระ และญาติของผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บ ที่พยายามออกมา เคลื่อนไหวเพื่อหวังตอบโต้เจ้าหน้าที่ แต่เพื่อความไม่ประมาท ทางสันติบาล ได้ติดตามข่าวการก่อเหตุร้ายอย่างใกล้ชิดต่อไป

    รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากที่ พล.ต.ท.ปรุง ได้เคยสนทนากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของ ซีไอเอ ที่ประจำการอยู่ในประเทศไทย และได้เล่าให้ฟังถึงโครงการจัดตั้งโรงเรียนการข่าว ทำให้เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวเกิดความสนใจและเสนอของบสนับสนุน ไปยังสำนักงานใหญ่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยใช้เวลาเพียงสองสัปดาห์ ก็ได้รับการอนุมัติเงินงบประมาณสนับสนุน 100 ล้านบาท

    สำหรับการสนับสนุนงบประมาณ ซีไอเอ ให้เหตุผลว่า เนื่องจากประเทศไทย อยู่ในภูมิภาคที่เริ่มมีภัยจากการก่อการร้ายสากล ซึ่งถือเป็นภัยที่คุกคามประชาคมโลก ไม่เฉพาะแต่ประเทศใดประเทศหนึ่ง ดังนั้น การพัฒนาขีดความสามารถด้านการข่าว จึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ไทยสามารถรับมือกับการก่อการร้ายสากลได้เป็น อย่างดี อันจะช่วยให้เกิดความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ได้อีกทางหนึ่งด้วย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • china mil1.gif
      china mil1.gif
      ขนาดไฟล์:
      32.3 KB
      เปิดดู:
      597
    • china mil2.gif
      china mil2.gif
      ขนาดไฟล์:
      13.5 KB
      เปิดดู:
      606
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2012
  4. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,224
    ค่าพลัง:
    +15,636
    หน่วยรบพิเศษอเมริกัน แปลงเป็นทหารสัญชาติใดก็ได้ ฝึกให้พูดได้หลายภาษา โดยหน่วยที่ต้องมาทำงานในเอเซีย อาจจะพูดภาษาไทยคล่อง เคยมีคนเอามาโพสต์ให้ดู หน่วยรบพิเศษแปลงเป็นชาวอาหรับขี่ม้าอยู่ในตะวันออกกลาง คนของเขามีขีดความสามารถหลายอย่าง เช่น ขับเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ก็ได้ คนเหล่านี้มีขีดความสามารถสูงทั้งนั้น
     
  5. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    เรื่องผีดิบตัวเป็นๆที่เดินอยุ่ในสังคมทุกวันนี้...



    สารเสพติดที่ระบาดในสังคมไทยทุกระดับ

    บวกกับการผลิตสื่อกระตุ้นอารมณ์ดิบของคน ...นั่นคือการทำให้คนมีสภาพอะไรไม่ต่างจากผีดิบ ที่มีสมองคิดมากกว่าในหนัง นั่นคืออันตรายกว่าในหนัง



    ...........หลายวันมานี้ ถ้าติดตามข่าวอาชญากรรม

    จะเห็นว่า คนร้าย มีอาวุธร้ายแรงครบมือ และจำนวนมากด้วย

    ขนาดตำรวจล้อมจับ ยังโดนยิงตาย


    ...ตำรวจมีปืนกึ่งอัตโนมัติ แต่คนร้ายมีตั้งแต่กึ่งอัตโนมัติ 11มม(.45ACP)ไปจนถึงอัตโนมัติ(FULL AUTO)ที่กฏหมายไม่อนุญาตให้คนดีๆ(เจ้าหน้าที่ดีๆ )


    การส่งสื่อบันเทิงที่กระตุ้นอารมณ์ดิบ ฝังไว้ในจิตใต้สำนึกของคนในสังคมบ้านเรา ไม่ว่า ด้านไหน .....ดูให้ดีสิ !!!! ( คอมพิวเตอร์ เข้าถึงลูกของคุณ ตังแต่อนุบาลแล้วนะ คุณตามดู ตามระวัง ทันไหม??? )


    .........คนเรา เมื่ออยากเสพกามมากๆ อยากเสพยามากๆ โกรธโดยไร้เหตุผลมากๆ ก็ไม่ต่างจากผีดิบที่ขาดสำนึก ความดี แต่มีปัญญาพลิกแพลงทำชั่วได้มากกว่าซอมบี้ในหนัง....


    ...ดูละเอียด และลึกๆ แล้วท่านจะเห็นว่า มันเข้ามาแล้ว
     
  6. nprofcomp

    nprofcomp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +339
    เห็นด้วยครับ เพราะใช้อยู่ มีทะเบียนถูกต้องครับ:cool:
     
  7. kon-ddd

    kon-ddd สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +22
    ดนดี ก็ทำเลวได้ ถ้ามีโอกาส
    คนเลว ก็ทำดีได้ บางโอกาส
    คนมีปืน ก็พร้อมจะใช้มันยิ่งๆๆ
    ยิ่งคนดี ยิ่งคนเลว และยิ่งตัวตาย
     
  8. NAMOBUDDHAYA

    NAMOBUDDHAYA ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    21,103
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,003
    ค่าพลัง:
    +69,974
    full auto เมืองไทยเราไม่อนุญาตให้พลเรือนทั่วไปมีไวั้ใช้ไม่ใช่หรือครับ
     
  9. nprofcomp

    nprofcomp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +339
    กฏหมายไม่ได้ห้าม ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าพนักงานครับ
    ลองหาข้อมูลเพิ่มเติม ได้ในเวปนี้ครับ:cool:
    เว็บบอร์ดสนทนาภาษาปืน - หน้าแรก


    Re: สื่อจีนห่วงขอใช้อู่ตะเภา แนะยิ่งลักษณ์หารือด่วน
    « ตอบ #16 เมื่อ: วันนี้ เวลา 09:21:22 AM »

    "รัฐบาล-ทหาร-สภาฯ และฐานทัพ"?

    เปลว สีเงิน

    19 June 2555 - 00:00

    พวกเราจะเชื่อใคร ระหว่าง "ยิ่งลักษณ์-สุรพงษ์-สุกำพล-ปลอดประสพ" ที่บอกนาซาจะขอใช้อู่ตะเภาขึ้นบินดูลม ๒ เดือนเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับการทหาร กับที่ "นายลีออน พาเนตตา" รมว.กลาโหมสหรัฐ ประกาศที่สิงคโปร์...สหรัฐจะจัดสมดุลอำนาจในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกนี้ใหม่ ด้วยการย้ายที่ตั้งกองกำลังทหาร และกองทัพเรือ ๖๐% กลับมาประจำการในภูมิภาคของเพื่อนเก่าอีกครั้ง!

    เพียงไม่ได้ระบุให้ชัดลงไปเท่านั้นว่า ที่จะกลับเข้ามาตั้งฐานทัพในภูมิภาคนี้นั้น ก็เพื่อ "คานอำนาจ" กับจีน เพราะถ้าขืนปล่อยให้จีนเป็น "ขาใหญ่" คุมภูมิภาคนี้
    สหรัฐมีโอกาส...เดี้ยง!
    เพราะไทยเป็น "จุดยุทธศาสตร์" การขนส่งน้ำมันและสินค้าทางทะเลจากฝั่งมหาสมุทรอินเดียทะลุสู่มหาสมุทร แปซิฟิก เป็นตัว "ย่นโลก" ในการขนส่งจากตะวันออกกลางสู่ประเทศแถบแปซิฟิกทั้งหมด โดยเฉพาะสหรัฐ

    ก็ตรง "ช่องแคบมะละกา" ปลายติ่งที่เชื่อมไทย-มาเลย์-สิงคโปร์ นั่นไง!

    การลำเลียงน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซีย ผ่านช่องแคบฮอร์มุซ มหาสมุทรอินเดียนั้น การจะไปสู่ปลายทางของประเทศของอีกฝั่งมหาสมุทรหนึ่งคือ แปซิฟิกและคาบสมุทรอินโดจีนทั้งหมด ต้องมา "ลอดช่องแคบ" จากตรงนี้
    และถ้าวันไหน "จีน-สหรัฐ" เกิดงัดข้อกันขึ้นมา แค่จีน "คุมเชิง" ไม่ให้เรือบรรทุกน้ำมันสหรัฐผ่านช่องแคบมะละกาแค่นั้น
    ถ้าเรือรบ-เรือบินสหรัฐ ใช้น้ำทะเลแทนน้ำมันได้ นั่นก็แล้วไป!

    นี่คือสาเหตุที่ทั้งนาซา-เพนตากอน ต้องมาเสนอเงื่อนไขกับรัฐบาลทักษิณ ขอใช้อู่ตะเภา เพราะคุณสมบัติพิเศษของอู่ตะเภาเป็น ๒ เพศ เป็นท่าจอดเรือรบก็ได้ เป็นสนามบินที่เครื่องเล็ก-ใหญ่ขึ้นลงได้ทั้งนั้น

    นาซามาในมาดนักวิจัยลม ส่วนเพนตากอนมาในมาดปิศาจคราบนักบุญ อ้างมนุษยธรรม ฝนตก-น้ำท่วมที่ไหนจะได้แจวเรือรบไปช่วย!
    รัฐบาลน้องสาวทักษิณเขาเชื่อ สุกำพลรัฐมนตรีกลาโหมเพื่อทักษิณ เขาก็เชื่อ แต่ดูเหมือนเหล่าทัพทั้งหลาย "ไม่อยากจะเชื่อ" รวมทั้ง ส.ส.และ ส.ว.ที่ไม่ใช่ทาสระบอบทักษิณ เขาอยากให้รัฐบาลนำเรื่องเข้ารัฐสภาพิจารณาตามรัฐธรรมนูญมาตรา ๑๙๐
    แต่รัฐบาล โดยนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศเพื่อทักษิณ บ่ายเบี่ยง อ้างว่ากฤษฎีกาดูแล้วบอก ไม่เข้าข่าย ๑๙๐ วรรค ๒ คือไม่ต้องให้รัฐสภาพิจารณา

    แค่ให้ ครม.ทักษิณเห็นชอบวันนี้ (๑๙ มิ.ย.๕๕) ก็พอแล้ว!?
    เอาล่ะ...อาจแค่ให้ใช้ดูลมตาที่รัฐบาลบอกก็ได้ แต่ก็นั่นแหละ รัฐบาลที่ไม่มีเครดิตให้ประชาชนเชื่อถือ พูดอะไร ใครก็ไม่เชื่อ ผมอยากให้ติดตามอ่านที่ท่านอาจารย์ "เขียน ธีรวิทย์" แจงประเด็นไว้ที่หน้า ๔ ไทยโพสต์ มีทั้งหมด ๕ ตอน อย่าพลาดเชียว
    และพอดี คุณ thanong khanthong (thanongkhanthong@gmail.com) ได้สรุปประเด็นเป็นการ "ขมวดปัญหาโลก" ในเรื่อง "ไม่รู้ผู้ก่อการร้ายมาฝังตัวบ้านเราหรือยัง สถานการณ์น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง" มาให้อ่านตั้งแต่วันเสาร์ เพื่อเห็นโลก-เห็นปัญหากว้างขึ้น ขออนุญาตนำเผยแพร่ ดังนี้

    "Panel to discuss use of U-Tapao - The Nation"

    เอาจนได้ ประวัติศาสตร์กำลังจะย้อนรอย ขณะนี้ซีเรียกำลังจะเป็นสมรภูมิแล้ว เพราะว่ากองกำลังทหารต่างชาติหมื่นกว่านายได้แทรกซึมเข้าไปในประเทศเรียบ ร้อยแล้ว
    กองกำลังทหารต่างชาติและกบฏภายในประเทศพยายามจะล้มประธานาธิบดีอาซัด โดมิโนตัวสำคัญ ก่อนที่จะลุยอิหร่านเป็นรายต่อไป เหมือนๆ กับที่ได้ล้ม ลิเบีย อิรัก อัฟกานิสถาน มาแล้ว

    แต่จะล้มซีเรียคงจะไม่ง่าย เพราะว่าจีนและรัสเซียได้ออกมาเตือนว่า ถ้าซีเรียถูกรุกรานจากภายนอก จะส่งกองกำลังไปช่วย
    ความตึงเครียดในตะวันออกกลางกำลังพุ่งสู่จุดอันตราย เพราะมีโอกาสมากที่สงครามจะขยายวงกว้าง กระทบมาถึงประเทศไทยด้วย
    อิหร่านจะต้องช่วยยันซีเรียให้ถึงที่สุด ก่อนที่ตัวเองจะเป็นเป้ารายต่อไปของอภิมหาสงครามที่กำลังก่อตัวทะมึนอยู่ข้างหน้า
    ซีเรียสนับสนุนกลุ่มฮิซบุลเลาะห์ มุสลิมปีกหัวรุนแรงที่เลบานอน ซึ่งเป็นศัตรูหลักของอิสราเอล ฮิซบุลเลาะห์ต้องการทำลายยิวให้สิ้นซาก ยิวก็อยากจะบุกบอมบ์อิหร่านให้รู้แล้วรู้รอด

    ที่ระเบิดขาขาดก่อการร้ายในซอยปรีดี สุขุมวิท 71 เมื่อต้นปีนี้ ยิวบอกว่าเป็นพวกฮิซบุลเลาะห์ต้องการทำลายยิวในไทย สุดท้ายเรื่องก็เงียบไปเหมือนเป่าสาก

    ทั้งยิว ซีเรีย อิหร่าน ต่างกำลังเผชิญหน้ากันอย่างตึงเครียด โดยมีมหาอำนาจคอยหนุน แบ่งฝ่ายกันอย่างชัดเจน ใครดี-ใครอยู่ คงได้เห็นกันในเร็ววันนี้ แต่ประเด็นที่สำคัญ ถ้าสหรัฐและพันธมิตรบุกซีเรีย ไทยจะถูกดึงเข้าไปร่วมวงด้วย
    เพราะว่าสหรัฐจำต้องใช้อู่ตะเภาเป็นฐานบำรุงกำลัง โลจิสติกส์ เป็นที่เติมน้ำมัน ใช้ดาวเทียมเพื่อบังคับเครื่องบินไร้คนขับ เชื่อมโยงกับสงครามอิหร่านที่จะตามมา และการปิดล้อมจีนในภูมิภาคนี้ ประเทศไทยกำลังเป็นจุดศูนย์กลางที่สำคัญในภูมิภาคนี้ ในอภิสงครามที่กำลังก่อตัวขึ้น

    Thai-US Panel to discuss use of U-Tapao - The Nation ข่าวนี้เป็นข่าวสำคัญที่กำลังจะตัดสินความเป็นความตายของประเทศไทย เพราะดูเหมือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังยอมให้สหรัฐใช้อู่ตะเภาเป็นฐานในการทำ อภิมหาสงคราม
    เรื่องความร่วมมือป้องกันภัยพิบัติธรรมชาติระหว่างไทยและสหรัฐที่อู่ตะเภา เป็นนิทานหลอกเด็ก ขณะนี้ได้ข่าวว่า ทางสหรัฐอเมริกาเริ่มขนคน อุปกรณ์ทางทหารเข้ามาประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีการตรวจสอบ
    ผู้นำอิหร่านได้ประกาศก้องว่า "มือผู้ใดที่ทำร้ายมุสลิม มือผู้นั้นจะถูกตัดให้ขาด" ไม่รู้ว่าคนที่เซ็น MOU เรื่องอู่ตะเภากับสหรัฐ รู้เรื่องนี้หรือเปล่า จีนก็ออกมาเตือนไทยอย่างลับๆ ว่า

    "ไทยยังคงเป็นมิตรกับจีนหรือเปล่า?"
    รัฐบาลยิ่งลักษณ์กำลังนำพาประเทศไทยเข้าสู่มหันตภัย เพราะว่าเรากำลังเลือกข้าง แทนที่จะวางตัวเป็นกลางในอภิมหาสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น

    เขมรฉลาดกว่าไทยเยอะ มือซ้ายรับความช่วยเหลือจากจีน มือขวาก็รับจากสหรัฐ เล่นได้ทั้งนั้น อินเดียบอกกับสหรัฐอย่างไม่เกรงใจว่า "ยูอยากจะรบกับจีนก็เรื่องของยู แต่อย่าเอาไอไปเกี่ยวข้องด้วย" แถมบอกด้วยว่า "ห้ามเอาดินแดนหรือทะเลของไอเป็นฐานของยูในการรบกับจีน"!
    สหรัฐถึงกับใบ้รับประทาน!

    แต่ไทยกำลังทำตัวไร้เดียงสา ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ช้างสารกำลังจะฟัดกัน เราเป็นมด ต้องรู้จักหลบหลีกในหญ้าแพรก ได้ข่าวว่า ทหารกลุ่มหนึ่งได้เข้าพบยิ่งลักษณ์เพื่อแสดงความไม่เห็นด้วย ที่เราจะยอมให้สหรัฐใช้อู่ตะเภาเป็นฐานทัพ
    แต่คงจะไม่มีผลอะไรมาก เพราะว่าน้องสาวทักษิณคนนี้ได้ตัดสินใจแล้ว เป็นเรื่องประโยชน์เฉพาะตนทั้งนั้น คือ 1.อยู่ฝ่ายสหรัฐได้ประโยชน์ 2. มีสหรัฐหนุนเสถียรภาพของรัฐบาล

    คอบราโกลด์ที่เราจะฝึกทหารร่วมกับสหรัฐและพันธมิตรเพื่อนบ้านที่เมืองไทย จะเป็นจุด "หัวเลี้ยวหัวต่อ" ที่สำคัญ เพราะสหรัฐจะส่งทหารเข้าร่วมฝึกเต็มพิกัด รวมทั้งขนอาวุธเข้ามาอู่ตะเภาด้วย

    @paisalvision : การฝึกคอบราโกลด์ที่ภาคเหนือเที่ยวนี้มาแปลก สหรัฐขนทหารเข้ามากที่สุดจาก ๕,ooo คน เป็น ๓๐,๐๐๐ คน และมีทหารยิวอีก ๕,ooo คน อาวุธหนักเพียบ มาแล้วคงจะอยู่ยาวเลย?

    ตอนที่ไทยอนุมัติให้สหรัฐใช้ฐานทัพอู่ตะเภาสมัยรัฐบาลถนอม ก็ตกลงกันแค่กระดาษแผ่นเดียว ไปๆ มาๆ ประเทศไทยกลายเป็นฐานทัพของสหรัฐในการถล่มอินโดจีน มีเครื่องบิน B-52 สามารถบรรทุกระเบิดได้ 300 ตัน มาลงเติมน้ำมัน ตอนนั้นเราไม่มีอำนาจอธิปไตย เป็นเมืองขึ้นทางทหาร เพราะเครื่องบินเขาจะขึ้นจะลง จะขนอาวุธอะไรมา เขาไม่แจ้งให้เราทราบ

    ตอนนี้คงไม่ต่างกันมาก ถ้าเรายอมให้สหรัฐใช้อู่ตะเภาเป็นฐานภัยพิบัติ ต่อไปอู่ตะเภาจะเป็นฐานทัพสหรัฐอย่างสมบูรณ์แบบโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว!!!
    ถึงตอนนั้นจะสายเกินไป เพราะว่าจีนจะทยอยลดระดับความสัมพันธ์ทางการค้า การทูตกับไทย ประเทศมุสลิมทั้งหลายที่กำลังรวมตัวกันต่อต้านสหรัฐและพันธมิตร ก็จะถือว่าเราเป็นศัตรูกับเขาไปด้วย

    ประเทศมุสลิมทั้งหลายที่กำลังรวมตัวกันต่อต้านสหรัฐและพันธมิตร ก็จะถือว่าเราเป็นศัตรูกับเขาไปด้วย ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนกับตอนสงครามเวียดนาม ตอนนั้นเป็นสงครามจำกัดวงเฉพาะในอินโดจีน ไม่ได้ขยายวงกว้าง แต่ตอนนี้สงครามจะขยายวงกว้าง มีความเป็นไปได้สูงที่จะพัฒนาเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3

    ที่จริงเรื่องอู่ตะเภาเป็นเรื่องใหญ่ เป็นความเป็นความตายของประเทศ จำต้องได้รับการถกเถียงกันในสภาฯ ท้ายที่สุดแล้ว จะเข้าเงื่อนไขรัฐธรรมนูญตามมาตรา 190 หมายความว่ารัฐสภาจะเป็นผู้อนุมัติหรือไม่อนุมัติเรื่องอู่ตะเภา เพราะเป็นเรื่องสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
    พูดกันอย่างกว้างๆ ตะวันออกและตะวันตกกำลังจะเผชิญหน้ากัน เพื่อตัดสินว่าใครจะเป็นผู้นำโลกในหลายๆ ร้อยปีที่จะตามมา ที่ผ่านมา 400-500 ปี ตะวันตกครองโลกผ่านวิทยาการที่ก้าวหน้ากว่า การทหารที่เข้มแข็งกว่า อันนำมาสู่ลัทธิล่าอาณานิคม

    - ผู้นำโลกตะวันตกหรือโลกเสรีขณะนี้คือ อังกฤษ สหรัฐ ผู้นำโลกตะวันออกคือ จีน และรัสเซีย
    - ฝ่ายแรกมีอาวุธทันสมัยกว่า มีแสนยานุภาพที่น่าสะพรึงกลัว
    - ฝ่ายหลังได้เปรียบที่ประชากรมากกว่าหลายเท่า อาวุธเทคโนโลยีไม่ห่างกันมาก

    ฝ่ายตะวันออกหลักจะมี จีน รัสเซีย ประเทศในกลุ่มโซเวียตเดิม อินเดีย ปากีสถาน อิหร่าน อัฟกานิสถาน และมุสลิมหลักๆ
    ฝ่ายตะวันตกคือ อังกฤษ สหรัฐ ยิว ซาอุฯ พันธมิตตะวันออกกลาง และนาโต

    ดูกันดีๆ เหมือนกับเป็น "สงครามครูเสด" สมัยใหม่!?
    ถ้าเราดำเนินนโยบายต่างประเทศผิด ประเทศไทยจะล่มจมทันที เพราะฉะนั้น เราต้องต้านการใช้อู่ตะเภาเป็นฐานทัพสหรัฐ ถ้าเรา "ชักศึกเข้าบ้าน" การก่อการร้ายจะตามมา ไม่รู้ว่า "ผู้ก่อการร้าย" มาฝังตัวกันแล้วหรือยัง สถานการณ์น่าวิตกเป็นอย่างยิ่ง?.

    ที่มา : http://www.thaipost.net/news/190612/58436

    http://www.manager.co.th/Politics/ViewNews.aspx?NewsID=9550000075185

    ครม.ถอยกรูด ไม่กล้าถกสหรัฐฯ ขอใช้อู่ตะเภา “ปู” สั่งตั้ง กก.ศึกษารายละเอียด
    19 มิถุนายน 2555 16:06 น.

    รัฐบาลถอยกรูดไม่กล้านำกรณีนาซาขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเข้าพิจารณา “นายกฯ ปู” สั่งตั้งคณะกรรมการศึกษารายละเอียดให้เกิดความชัดเจนก่อนเสนอเข้า ครม.อีกรอบ ยังปากแข็งที่สั่งชะลอไม่เกี่ยวถูกท้วงติง เชื่อสหรัฐฯ เข้าใจเพราะมีการชี้แจงอยู่ตลอดเวลา

    น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ที่ประชุม ครม.ไม่ได้พิจารณากรณีที่องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ขอใช้สนามบินอู่ตะเภา เพื่อเป็นฐานยอดอากาศยานสำหรับสำรวจสภาพภูมิอากาศในภูมิภาค เพราะไม่ได้มีอยู่ในวาระการประชุมตามที่เป็นข่าว เข้าใจว่าเพิ่งได้มีการหารือในเรื่องนี้กันมา อีกทั้งเรื่องดังกล่าวก็ยังอยู่ระหว่างการฟังความเห็นจากหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเสียก่อน ซึ่งเมื่อนำกลับมาแล้วจากนั้นจึงจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุม ครม.ต่อไป แต่ยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะเสนอเมื่อใด

    ด้าน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุม ครม.ว่า ที่ยังไม่มีการพิจารณากรณีนาซา ของสหรัฐอเมริกาขอใช้สนามบินอู่ตะเภาเพื่อสำรวจสภาพภูมิอากาศก็ถือเป็น เรื่องปกติ เพราะเรื่องนี้ต้องมีการคุยกันรายละเอียดใน 2 เรื่อง คือ ความร่วมมือ และการเป็นศูนย์ภัยพิบัติ ซึ่งทั้ง 2 เรื่องสืบเนื่องมาจากรัฐบาลที่ผ่านมา ทั้งนี้ ในเชิงของหลักการถือเป็นสิ่งที่ดี แต่เราจะให้มีการตั้งคณะทำงานขึ้นมาศึกษารายละเอียดก่อน หากมีความชัดเจนจึงจะนำเข้าที่ประชุม ครม.ตามขั้นตอน ถ้าขั้นตอนใดต้องปฏิบัติตามกฎหมายให้รัฐสภารับทราบ เราก็จะทำ

    ผู้สื่อข่าวถามว่า ส่วนหนึ่งที่ชะลอเรื่องนี้เป็นเพราะถูกท้วงติงจากหลายฝ่ายหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า ไม่ใช่ อันนี้อาจจะเป็นการได้ข้อมูลไม่ชัด และอาจมีการเข้าใจคลาดเคลื่อนกันไป ซึ่งในความเป็นจริงแล้วอยู่ในขั้นตอนของการหารือในความร่วมมือและแน่นอนต้อง หารือร่วมกับฝ่ายความมั่นคง และทางกองทัพด้วยเพื่อลงในรายละเอียด ซึ่งวันนี้เรายังไม่ได้รับรายละเอียด คงต้องขอรายละเอียดเพิ่มเติมจึงจะมาสรุปตัดสินใจอย่างเป็นทางการ และขอให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ

    ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายความมั่นคงได้มีการท้วงติงอะไรหรือ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า การคุยกับฝ่ายความมั่นคง เป็นการคุยในเนื้อหาว่ามีประเด็นอะไรบ้างที่เราต้องศึกษา และเป็นห่วง เพื่อหาข้อสรุปว่าต้องทำงานอย่างไร ซึ่งแน่นอนเรื่องความมั่นคง ผลประโยชน์ประเทศ เราต้องรักษาเป็นอันดับแรก ขณะเดียวกันเราก็ต้องรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย ดังนั้นจึงต้องคุยกันในแนวของการทำงาน ซึ่งที่ประชุมก็เห็นพ้องต้องกันให้ตั้งคณะทำงานในการศึกษาร่วมกัน จากนั้นถึงจะมีข้อสรุปเสนอเข้ามาอย่างเป็นทางการ

    ส่วนจะมีการนำเรื่องนี้เข้าสู่การประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า หรือไม่นั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ไม่เข้า ขึ้นอยู่กับระยะเวลา และบางส่วนยังไม่มีข้อสรุป ก็ต้องขึ้นอยู่กับทางกระทรวงการต่างประเทศด้วย จึงต้องหารือรายละเอียดก่อน คงต้องให้คณะทำงานได้ทำงานก่อน เมื่อได้ข้อสรุปอย่างไรจะดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป

    ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีผลกระทบต่อความรู้สึกของสหรัฐฯ ที่มาขอใช้สถานที่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวยืนยันว่าไม่มี เพราะเราได้มีการพูดจาและแจ้งให้ทราบเป็นระยะๆ อยู่แล้ว เมื่อถามว่าทางประเทศจีนไม่มีปัญหาใดใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวย้ำว่า เรายังไม่มีข้อสรุปที่เป็นทางการ เรารับเรื่องต่อมา และเราก็ต้องนำเรื่องนั้นเข้ามา โดยหลักการถ้าเรามีการพูดคุย มีแนวทางการทำงานที่ดีก็อาจจะเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์ ทั้งนี้ต้องขอดูในรายละเอียดว่าเขาจะมีเนื้อหาสาระอย่างไร

    “แน่นอนอะไรก็ตามที่เป็นความร่วมมือ อันไหนที่เราทำได้และเป็นสิ่งที่ไม่เสียผลประโยชน์ต่อประเทศชาติเราก็ควรจะ ให้ความร่วมมือ ทั้งนี้ต้องยึดในหลักการความมั่นคง และผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก” น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าว

    ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ทางนาซาจะเข้าใจเหตุผลของไทยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เข้าใจ เพราะเราก็มีการชี้แจงฝ่ายสหรัฐอเมริกาอยู่เป็นระยะ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2012
  10. nprofcomp

    nprofcomp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +339
    http://news.xinhuanet.com/english/indepth/2012-06/08/c_131640416.htm
    Planned use by U.S. of Thai naval base raises concerns

    English.news.cn 2012-06-08 15:53:58

    by N. Withitwinyuchon

    BANGKOK, June 8 (Xinhua) -- Although Thai officials have insisted that the planned use by the United States of the Thai naval base in U-Tapao is purely for humanitarian purposes, some skeptics are saying that the naval airfield would eventually be used for military operations.
    Defense Minister Sukamphon Suwannathat has already affirmed that the U.S. would use U-Tapao but only for humanitarian missions and not as combat command center.

    During his visit to Bangkok as part of his Asian tour, U.S. Army Gen. Marn E. Dempsey, chairman of the Joint Chiefs of Staff, discussed with key Thai leaders the plan to establish U-Tapao Navy Airfield as a permanent center for humanitarian assistance and disaster relief.
    On his visit Dempsey met with Prime Minister Yingluck Shinawatra, Defense Minister Sukamphon Suwannathat, Chief of Defense Forces Gen. Thanasak Patimaprakorn and the chiefs of the Royal Thai army, navy and air force.

    Dempsey, whose trip focused on strategy and cooperation with key allies and partners in the region, however, denied speculations that the U.S. is interested in using U-Tapao as a combat base for future American military operations in the Asia- Pacific.

    Dempsey's visit to Thailand coincided with the U.S. National Aeronautics and Space Administration (NASA)'s request to use U- Tapao as its base to conduct atmospheric studies in Southeast Asia which was unveiled a day earlier.

    The U.S. space agency announces in its website that the Southeast Asia Composition, Cloud, Climate Coupling Regional Study, or SEAC4RS, will take place in August and September this year from a base in U-Tapao.

    This mission, the NASA said, will address key questions regarding the influence of Asian emissions on clouds, climate, meteorology and air quality.

    Even without the U.S. proposal to set up humanitarian assistance and disaster relief center at U-Tapao, the opposition Democrat Party has already expressed skepticism that the airfield could be turned into a military base.

    In a related development, a U.S. international relations scholar said at a recent seminar here that "the U.S. and Thailand should increase their efforts to develop a regional hub for humanitarian assistance and disaster relief" since the region is frequently hit by natural disasters.

    The recommendation did not specifically identify U-Tapao as the proposed region disaster relief hub but U-Tapao has become the default mechanism on every natural disaster in Southeast Asia for the past five years, and so it's most likely that it would be, said Catharin Dalpino, the scholar from Simmons College in the U.S. at the seminar entitled "Reinvigorating the U.S.-Thailand Alliance for the 21st Century".

    U-Tapao once served as the U.S. military base during the Vietnam War but recently the airfield has been a center for humanitarian aid and played a role in the 2004 Indian Ocean tsunami, Cyclone Nargis in Myanmar in 2008, and the 2011 flood crisis in Thailand.

    It also serves as a logistics hub for the annual Cobra Gold joint military exercise, the U.S. largest multilateral military drill in the Asia-Pacific region.

    Panitharn Wattanayakorn, a political analyst, said that though the U.S. use of U-Tapao was nothing new, the country's policy shift in repositioning its forces in the region is what makes some people skeptical about the plan.

    The U.S. is also seeking some temporary basing arrangements with the Philippines and Singapore

    http://newscontent.cctv.com/news.jsp?fileId=130930
    U-Tapao Air Base, Thailand - Feb 7, 2012
    1. Wide of opening ceremony of Cobra Gold 12
    2. Mid of Ms. Judith Beth Cefkin, deputy chief of mission at the United States embassy in Thailand speaking at opening ceremony
    3. Mid of General Sakon Sajjanit, deputy supreme commander of Thailand
    4. Mid of high-ranking officials posing for photo
    5. Mid of cameramen taking pictures

    File: Thailand
    6. Pan right of high-ranking officials reviewing troops in 2011 Cobra Gold
    7. Various of troops
    8. Wide of plane flying by
    9. Various of helicopters
    10. Various of land troops conducting simulation drill
    11. Various of high-ranking officials watching military drill
    12. Various of land troops conducting simulation drill
    13. Wide of naval forces
    14. Mid of helicopters
    15. Wide of bombing
    16. Various of amphibious landing training
    17. Wide of naval forces
    18. Wide of soldiers landing
    19. Various of shooting at targets on seas
    20. Various of soldiers loading rockets onto helicopter

    Cobra Gold 2012, a U.S.-led annual multinational exercise and the largest of its kind in Southeast Asia, started Tuesday in east Thailand.

    A total of 13,180 personnel from Thailand, the United States, Singapore, Japan, Republic of Korea, Indonesia and Malaysia participated in the exercise. In the ranks were some 9, 000 Americans and more than 3,600 Thais.

    Australia, France, Canada, Britain, Bangladesh, Italy, India, Nepal, the Philippines and Vietnam had their observers at the military drill.

    The 10-day exercise will engage the participants in such missions as anti-terrorism, humanitarian rescue, amphibious assault and peacekeeping, in a bid claimed to strengthen cooperation in safeguarding border and regional security.

    In addition, the United States and Thailand also cooperated on concrete programs such as the construction of Thailand’s infrastructure and the restoration of water conservancy facilities.

    The Pentagon said that this was the largest multinational military exercises in the Pacific region so far. It would become commonplace to engage multinational efforts to tackle regional emergency. The United States will cooperate with friends and alliance in strengthening action capacity.

    The Cobra Gold, which was first held in 1982, now has developed into a multinational military exercise. The 2012 event marked the 31st military exercise.




    Thailand, US to set up panel for military base - Pacific - Stripes
    Thailand, US to set up panel for military base

    By Supalak Ganjanakhundee
    Asia News Network (MCT)
    Published: June 17, 2012

    Bangkok (The Nation/ANN) — Thailand and the United States have agreed to set up a working group to jointly develop a regional humanitarian assistance and disaster-relief training and readiness centre at U-Tapao airport in Rayong, Foreign Ministry spokesman Thani Thongpakdi said yesterday.

    The agreement was reached during the 4th Thai-US Strategic Dialogue in Washington on Thursday, which explored the possibility of using the airbase as a facility for humanitarian assistance and disaster relief.

    The previous Thai government led by Prime Minister Abhisit Vejjajiva initiated the idea to use the Navy airbase at U-Tapao for humanitarian assistance and disaster relief, but the idea has only recently come up for discussion.

    The issue was raised at the strategic dialogue for "fine-tuning" after it became a testy political topic in Thailand. The opposition Democrat Party suggested the government was allowing the US to bring equipment and personnel to U-Tapao for military purposes - to contain China in the Pacific - in exchange for a visa allowing former prime minister Thaksin Shinawatra to travel to America.

    Foreign Minister Surapong Towichukchaikul said the matter had nothing to do with Thaksin. It was purely concerned with humanitarian aid and disaster relief, the same as the Democrats proposed when they were in power.

    But it was still not clear whether the centre would be a project involving bilateral cooperation or a multilateral operation for regional benefit, Thani said.

    A joint working group would study and explore all possibilities and forms of cooperation before reporting to the next strategic meeting in Thailand next year, the spokesman said.

    The joint statement issued after the meeting in Washington did not give details on the cooperation scheme. It simply said "the two governments underscored the importance of strengthening cooperation on humanitarian assistance and disaster relief (HA/DR) activities and reaffirmed their determination to develop jointly a regional HA/DR training and readiness centre in Thailand. It also announced the establishment of a joint working group to report progress on this initiative at the next US-Thailand Strategic Dialogue.

    There was no clear idea who members of the working group would be, Thani said. "It might include many concerned agencies such as the Navy, which has facilities at U-Tapao. Basically, Thailand wants to see U-Tapao as just a place for ad-hoc operations for humanitarian assistance and disaster relief, not a permanent military command for that purpose," Thani said.

    "The humanitarian assistance and disaster relief centre should be a table-top executive to discuss standard operating procedures for assistance and disaster relief.
    "It would not be a place where the US can move troops and equipment to be stationed there permanently," he said.

    To eliminate doubt that China was the target of such cooperation, Foreign Minister Surapong had said he might invite other countries including China to join the move.

    "As long as it will be a regional scheme of cooperation for humanitarian assistance and disaster relief, many countries should participate," he said.

    The use of facilities at U-Tapao airbase is a fearsome scenario for Thailand, as it used to be a military airbase for the US during the war in Vietnam in the 1960s-70s, but Surapong guaranteed that things would not be the same.

    It was clear that the humanitarian aid and disaster relief centre had nothing to do with the National Aeronautics and Space Administration (Nasa)'s request to use U-Tapao for its weather research aircraft.

    Cabinet will discuss the use of U-Tapao for the two purposes next week. But if the projects became too much of a political burden for the government, Surapong said he would drop them.
    The foreign minister was in the US for four days up to yesterday. After the Strategic Dialogue in Washington, he visited the Thai community in Los Angeles.

    Surapong told Thais in LA that consulates in the US would, in September, be able to issue identity cards for Thai citizens whose ID cards had expired, been damaged or lost.

    jedi2002th: Viewing cable 08BANGKOK2977
    [​IMG]
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 19 มิถุนายน 2012
  11. sunny430

    sunny430 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มกราคม 2012
    โพสต์:
    1,299
    ค่าพลัง:
    +5,425
    อู่ตะเภายังอาจจะผ่านหรือไม่นะครับตอนนี้ผมจึงเอารูปอาวุธปืนที่อยากได้ ไว้ในชุดกระเป๋าเตรียมพร้อม กระบอกนี้มาให้ดูครับบบบ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • YDMP1.jpg
      YDMP1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      347.5 KB
      เปิดดู:
      109
  12. nprofcomp

    nprofcomp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2012
    โพสต์:
    90
    ค่าพลัง:
    +339
    เทารัส ขนาด .22 หรือเปล่าครับ เล็กดี รสโต...หรือเปล่า:cool:

    เพิ่งเห็นว่าขนาด .44 แต่จำ logo ไม่ได้ว่าของยี่ห้ออะไร
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 มิถุนายน 2012
  13. fang_aee

    fang_aee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +123
     
  14. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,224
    ค่าพลัง:
    +15,636
    ข่าวการสร้างสนามบินอาจจะมีความเป็นไปได้เพราะ อาจจะสร้างสนามบิน ฮ./เครื่องขึ้นลงทางดิ่งที่ใช้สนามร่อนลงจอดไม่ใหญ่มากตามยอดเขาก็ทำได้ และ ฮ.รุ่นใหม่ยังร่อนลงจอดกลางถนนที่ไม่มีเสา/สายไฟฟ้าได้ ผมเคยเห็น ฮ.อาปาเช่ ร่อนลงจอดได้ แม้แต่บนต้นไม้ก็ทำเป็นที่รับเสบี้ยงจาก ฮ.ได้
     
  15. Numtrn

    Numtrn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    1,408
    ค่าพลัง:
    +1,571
    เอาคนจีน ที่อาศัยอยู่ใน อเมริกา ไปไว้ที่ไหน หา?

    จริงอยู่ที่ดูเหมือนจะฮึ่มๆกัน แต่เขาไม่ยิงกันหรอก มันไม่คุ้ม มันควบคุมความเสียหายไม่ได้

    อเมริกา ปิดประเทศอยู่ ไม่ได้ แต่จีนเขาทำได้
    คนอเมริกาบริโภคนิยม ขืนทำสงครามกับจีน เท่ากับตัดสินค้าอุปโภคบริโภค ไปเกือบครึ่ง
    คนอเมริกาได้ปล้นสะดมกันเองตาย ไหนจะต้องรบกับคนจีนในประเทศตัวเองอีก

    การเงินภายในประเทศอเมริกา ยังอักเสบอยุ่ ไม่หายดี
    มีหรือจะกล้า ไหนจะฮึ่มๆกะอีหร่านอีก

    เปิดศึกพร้อมกันสองด้าน อเมริกาเขาไม่โง่ขนาดนั้น

    ที่เห้นก้แค่ ทำตัวเหมือนว่า เอาสีไปพ่นใส่ป้ายสถาบันเขา .."มีไรป่าวกรูทำได้"
    แต่ถ้าเอ็งเอาจริง กรุขอโทษ เรามาคุยกันดีกว่า เพราะประเมินแล้ว กรูไม่ไหว!


    โอย... จีนตั้ง หัวปลีนิวเมีย เล็งมาไทย ...โอย...บลาๆๆๆ
    เอาลงที่ไหนอ่ะพี่ เยาวราชเหรอ?
    หรือแถวๆ 57 ถนนรัชดา.......

    สงสัยต้องไปฝัง กู่เจิ้ง กระชับสายสัมพันธ์สองแผ่นดิน ให้มากๆหน่อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2012
  16. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
    ลูกซองพับพานท้ายได้ ยิงลูกโดดได้ ไว้เป่าซอมบี้อ่ะ dannce_
     
  17. Spammer

    Spammer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    976
    ค่าพลัง:
    +3,498
  18. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,224
    ค่าพลัง:
    +15,636
    ให้สังเกตเครื่องหมายของการฝึกคอบร้าโกลด์ ปกติเป้นรูปงูจงอางทอง แต่คราวนี้ เป็นอินทรีเหยียบโลก แต่ปกติเครื่องหมายอินทรีเหยียบโลกโดยมีแผนที่ทวีปอเมริกา เป็นเครื่องหมายของ US MARINE แต่คราวนี้รูปแผนที่อินทรีเหยียบโลกมีแผนที่ประเทศไทยอยู่ใต้อุ้งเท้าอินทรี แปลกแต่จริงคิดดู เขาเล่นฮ้วงจุ๊ยเหมือนกัน เขายังเอาเสาโรมันไปตั้งที่อเมริกาเพราะอาณาจักรโรมันแผ่ขยายอาณาจักรรุ่งเรืองมาก และยังใช้วิธีตั้งรหัส เรียกเครื่องบินรบของรัศเซียว่า เป็ดน้ำบ้าง ชาวนาบ้าง แบบว่าเป็นเครื่องรบแบบกระจอก เป็นวิธีที่ไทยเราเรียกว่า "ตัดไม้ข่มหนาม"
    ผมเคยฟังนักบินลำเลียง ของ U ..S M..RINE มีเรื่องปะทะกับตำรวจไทย แต่ไม่แน่ใจว่าใครผิด เขายิงตำรวจบาดเจ็บ และเขาได้แจ้งสถานฑูตอเ..ริกันว่า เขามีเรื่องยิงตำรวจบาดเจ็บ คุณรู้ไหมสถานฑูตอ..มริกันเขาบอกคนของเขาที่เป็นนักบินว่า "ไม่ต้องไปสนใจมันเลยเดี๋ยวเขาเคลียรให้" (เจ้าหน้าที่ฑูต)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 มิถุนายน 2012
  19. พลายวาต

    พลายวาต เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2012
    โพสต์:
    73
    ค่าพลัง:
    +369
    สวัสดีครับท่านสมาชิกเว็บโดยเฉพาะกระดานภัยพิบัติฯ ผมเป็นสมาชิกใหม่ที่สนใจเรื่องนี้มาก ตอนนี้ก็ได้เตรียมการไว้บ้างเช่น เตรียม go bag สะสมกระสุนไว้สำหรับปืน 3 กระบอก 9mm, .45 และลูกซอง และกำลังศึกษาเรื่องวิทยุติดต่อเพื่อจะซื้อไว้ใช้ในกรณีฉุกเฉินและเรื่องอื่นๆครับ คนรอบตัวไม่มีใครใส่ใจกับเรื่องแบบนี้จนผมมาพบและต้องมาอาศัยเว็บนี้ในการหาความรู้และพูดคุยเรื่องที่เชื่อครับ
     
  20. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,224
    ค่าพลัง:
    +15,636
    วิทยุเครื่องแดง [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]MIDLAND ตระกูล X-TRA TALK มีจำหน่ายทั่วโลกของ CTE International s.r.l. ประเทศอิตาลี (www.cte.it)และ MIDLAND International...ประเทศสหรัฐอเมริกา (Midland Radio - Midland Radio | Home) ในหลายย่านความถี่ เช่น FRS และ PMR...TH7 เป็นรุ่นใหม่ล่าสุดในตระกูล X-TRA TALK ย่านความถี่ 245 MHz 80 ช่อง ร่วมดีซายน์แบบ
    โดยบริษัท เวลฟอร์มสื่อสาร จำกัด เพื่อให้เหมาะกับการใช้งานในประเทศไทย
    ด้วยชื่อเสียงและประสบการณ์ในวงการวิทยุสื่อสารกว่า 30 ปี เน้นเรื่องคุณภาพเป็นสำคัญในราคาประหยัด
    [/FONT]
    [FONT=MS Sans Serif, Microsoft Sans Serif]ข้อดีอย่างหนึ่ง ใช้แบตเตอรี่ แบบถ่านไฟฉาย 2 Aได้ เมื่อฉุกเฉินเราใช้สำรองได้ง่ายและแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการติดต่อสื่อสารได้ ส่วนผมใช้ 2 เครื่อง 2 ยี่ห้ออ คือ สเปนเดอร์ 1 เครื่อง ราคาถูกคุณภาพใช้ได้แต่ใช้แบเตอรี่เฉพาะของเขา และมิดแลนด์ ควรเตรียมเสาแบบโมบาย แต่ต้องยื่นขอใบอนุญาต ถ้าจะติดตั้งกับรถตอนนี้ แต่เสียค่าขออนุญาตอีกต่างหากจากเครื่อง ผมซื้อเสาโมบายไว้แต่ไม่ติดตั้ง เอาไว้ยามฉุกเฉิน ค่อยเอามาใช้ ค่าขออนุญาต เครื่องแบบมือถือ 500 บาท เสาโมบาย 500 บาท เสาทาวเวอร์ติดตั้งคงที ที่บ้าน 1000 บาท ค่าปรับเป็นหมื่นถึงหลักแสน

    [/FONT]
     

แชร์หน้านี้

Loading...