นัยอันล้ำลึกของคำว่า "ขอบคุณ" บทความธรรมะดีๆ มีให้อ่านที่นี่ทุกวันค่ะ

ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย อรชร, 9 ธันวาคม 2010.

  1. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    ซิ]
    [​IMG]

    [​IMG]









    [​IMG]







    [​IMG]







    [​IMG]


    แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝน

    ต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืน

    ก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำ

    คนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้

    ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนทั้งวัน

    ก็ยังโง่เท่าเดิม

    ท่านว วชิรเมธี


    [​IMG]

    ขอบคุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้

    [​IMG]

    ขอบคุณความยากจน ที่ทำให้เป็นคนมุมานะ

    [​IMG]

    ขอบคุณความล้มเหลว ที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ

    [​IMG]

    ขอบคุณความผิดพลาด ที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม

    [​IMG]

    ขอบคุณความริษยา ที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่

    [​IMG]

    ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ

    [​IMG]

    ขอบ คุณความไม่รู้ ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์

    [​IMG]

    ขอบคุณความผิดหวัง ที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นมาใหม่

    [​IMG]

    ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้า ที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มือ อาชีพ

    [​IMG]

    ขอบคุณมหกรรมคอรัปชั่น ที่ทำให้เราอยากสร้างสรรค์การเมือง

    [​IMG]

    ขอบคุณความป่วยไข้ ที่ทำให้เราตั้งใจดูแลสุขภาพ

    [​IMG]

    ขอบคุณความทุกข์ที่ ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน

    [​IMG]

    ขอบคุณความพลัดพราก ที่ทำให้เราสละจากความยึดมั่น ถือมั่น

    [​IMG]

    ขอบคุณเพลิงกิเลส ที่ทำให้เรามีเหตุอยากถึงพระนิพพาน

    [​IMG]

    ขอบคุณความตาย ที่ทำให้ฉากสุดท้ายของชีวิตสมบูรณ์แบบ

    [​IMG]

    ขอบคุณความทุกข์ที่ ทำให้เรารู้ว่าความสุขมีค่าแค่ไหน

    [​IMG]
    http://atcloud.com/stories/62308 <DIV< p>
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 12 ธันวาคม 2010
  2. พระจิรวัฒน์ ญาณวโร

    พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 พฤศจิกายน 2009
    โพสต์:
    5,029
    ค่าพลัง:
    +17,452
    อนุโมทนาบุญ คุณโยมน่านนะซิ ที่นำสาระธรรมดี... ดี มามอบเป็น ส.ค.ส. 2554 ให้ผู้สนใจธรรมะได้อ่าน ได้รู้ ได้ปัญญา ได้นำมาปฏิบัติ ...ขอให้คุณโยมรักษาความดี นี้ไว้ตลอดไป
     
  3. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    ...มีไปทำไม...

    <TABLE class=floating-box-table><TBODY><TR><TD class=floating-box-c>[​IMG]

    [​IMG]
    </TD><TD class=floating-box-r> </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  4. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]
     
  5. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    พูดได้คำเดียวคำว่า ขอบคุณค่ะ
     
  6. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
    [​IMG]
     
  7. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465



    1. ครั้งที่แม่ตบลงไปบนหน้าลูกอาจก่อให้เกิดความสั่นสะเทือนลึกลงไปสุดใจของลูกทั้งชีวิต หนึ่งอ้อมกอดที่แม่บรรจงหยิบยื่นให้ลูกอาจก่อให้เกิดความพันผูกข้ามกาลเวลา ทุกๆ ปฏิสมัพนธ์เป็นได้ทั้งบาดแผลและดอกไม้สำหรับลูก

    2. คนใกล้ชิดเป็นศัตรูแม้กำแพง 7 ชั้น ก็ป้องกันไม่ได้ ศัตรูที่มาจากภายนอกต่อให้ยกมาถึง 9 ทัพ เราก็มองเห็นและเตรียมตัวทัน แต่ศัตรูที่มาจากคนในด้วยกันคือศัตรูที่อันตรายที่สุดเพราะเรามักมองไม่เห็น และไหวตัวไม่ทัน

    3. เวลาเรือเอียงเรามักจะมองเห็นและแก้ไขได้ทันท่วงที แต่ความลำเอียงในใจคนมักถูกปกปิดอย่างมิดชิดและแสดงออกอย่างแยบยล กว่าจะรู้ว่าคนที่เรารักมากด้วยความลำเอียงบางครั้งมันก็สายเกินไป

    4. ไม่มีแรงใดเสมอด้วยแรงกรรม แรงฟ้ามนุษย์แก้ได้ด้วยสายล่อฟ้า แรงน้ำมนุษย์แก้ด้วยการเปลี่ยนเส้นทางหรือสร้างกำแพงกั้นน้ำ แรงพายุมนุษย์แก้ได้ด้วยการปลูกป่า แต่แรงกรรมมีแต่ต้องก้มหน้ารับโดยส่วนเดียว

    5. อยู่คนเดียวจงระวังความคิด อยู่กับมิตรจงระวังวาจา อยู่กับมารดาบิดาจงระวังการปฏิบัติตน ถ้าคิดไม่ระวังจะกลายเป็นคิดฟุ้งซ่าน ถ้าพูดไม่ระวังมิตรจะเข้าใจผิด ถ้าปฏิบัติไม่ดีต่อมารดาบิดาจะเป็นการสร้างบาปให้ตนเอง

    6. ทำบาตรแตก ถ้วยแตก ชามแตก แก้วแตก ยังดีกว่าทำให้คนแตกกันเนื่องเพราะวัตถุที่แตกแล้วสามารถประสานให้ดีดังเดิม ได้อย่างง่ายดาย แต่ถ้าคนแตกสามัคคีกันเป็นฝักฝ่ายแล้ว บางทีทั้งชีวิตก็ไม่สามารถสนิทสนมกันได้อีก

    7. สิ่งที่เราให้คนอื่นแท้จริงแล้วคือของที่เราฝากให้แก่ตนเองในวันข้างหน้า เช่น วันนี้เราด่าเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาด่า วันนี้เราโกงเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาโกง วันนี้เราเนรคุณเขา วันข้างหน้าเราจะถูกเขาเนรคุณ

    8. ความดีที่ทำไว้ในหมู่คนพาลถึงมากมายมหาศาลก็สูญเปล่า การทำสิ่งดีๆใก้แก่คนที่ไม่เห็นคุณค่าก็ไม่ต่างอะไรกับการเทน้ำลงกองทราย ถึงเทอย่างไรก็ซึมหายหมด ดังนั้นจะทำดีกับใครควรใช้ปัญญาคิดให้รอบคอบ

    9. การมีความสุขที่ก่อความทุกข์ให้คนอื่นั้นไม่ใช่ความสุขที่แท้ มันเป็นได้แค่ความสุขจากการเกาขอบแผลที่กำลังคัน ยิ่งเกาดูเหมือนยิ่งสุข แต่แท้ที่จริงมันคือความทุกข์ที่แฝงมาอย่างแนบเนียน

    10. ดูข่าวการเมืองยิ่งดูยิ่งวุ่นวายยิ่งดูยิ่งฟุ้งซ่าน แต่หากกลับมาดูใจของตนอย่างมีสติ รู้เท่าทันทุกเรื่องที่คิด ทุกจิตที่ทำ ทุกคำที่พูด ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ความทุกข์มากมายจะดับลง ดูจิตวันละนิดจิตแจ่มใส

    11. น้ำขุ่นที่ใส่สารส้มลงไป น้ำที่ขุ่นนั้นก็ใสได้เหมือนกัน ใจขุ่นหากใส่สารแห่งความรู้สึกตัวลงไป ไม่นานเท่าไรใจนั้นก็แจ่มกระจ่างเหมือนกัน น้ำขุ่นแก้ได้ฉันใด ใจขุ่นก็แก้ได้ฉันนั้น

    12. คนที่ทำงานผิดพลาดแล้วป่าวประกาศว่าเป็นความผิดของคนอื่น คือคนที่มีแต่จะผิดพลาดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนคนที่ทำงานผิดพลาดแล้วลุกขึ้นมายอมรับอย่างองอาจเปิดเผย คือคนที่ไม่มีโอกาสผิดพลาดซ้ำอีกเลยในชีวิต

    13. ความไม่ประมาทเป็นทางแห่งความไม่ตาย ความประมาทเป็นทางแห่งความตาย ผู้ไม่ประมาทไม่มีวันตาย ผู้ประมาทไม่ต่างอะไรกับคนที่ตายแล้ว กวีบทนี้ทำให้พระเจ้าอโศกเปลี่ยนจากกษัตริย์ที่ดุร้ายมาเป็นชาวพุทธชั้นนำ

    14. คนไทยไปงานศพแทบทุกเย็นโดยไม่เคยรู้สักนิดว่าวันหนึ่งตัวเราจะเป็นศพ ดังนั้นเราควรฝึกไปงานศพตัวเองทุกวันด้วยการบอกกับตัวเองว่า ความตายอยู่ใกล้แค่ปลายจมูก

    15. อยากโชคดีไม่ใช่ไปหาวิธีลอดท้องช้าง แต่อยากโชคดีเริ่มกันที่การมีสติปัญญาในการดำเนินชีวิตประจำวัน ขอเพียงมีปัญญาโชคดีก็ไหลเข้ามาไม่ขาดสาย แต่ถ้าไร้ปัญญาโชคร้ายจะไหลเข้ามาเหมือนห่าฝน

    16. อ่านหนังสือเล่มนอกมากมายอาจทำให้รู้จักใครทั่วทั้งโลก แต่ไม่รู้วิธีดับทุกข์ในใจตัวเอง ส่วนการอ่านหนังสือเล่มใน แม้ทำให้ไม่รู้จักใครอย่างกว้างขวาง แต่นำไปสู่การรู้จักตนอย่างลึกซึ้ง ดับทุกข์ได้อย่างเด็ดขาด

    17. ในตัวเรามีทั้ง 3 ฤดู เมื่อความโกรธเข้าครอบงำจิต ใจร้อนเป็นไฟดั่งฤดูร้อน เมื่อใดความโลภเข้าครอบงำอยากได้ จิตใจก็เพลิดเพลินเหมือนฤดูฝนเย็นฉ่ำ เมื่อใดความหลงเข้าครอบงำจิตใจ ก็มืดมนไหวสะท้านเหมือนเดินอยู่กลางฤดูหนาว

    18. แม้ประตูคกปิดล็อกอย่างแน่นหนา แต่คนพาลมากมายทยอยสู่ที่คุมขัง ความเลวร้ายประดาในชีวิตเราไม่ได้เกิดจากมือที่มองไม่เห็นดลบันดาลให้เป็นไป แต่เกิดจากตัวเราพาตัวเข้าไปแส่หาด้วยความขลาดเขลาเบาปัญญาทั้งสิ้น

    19. ชีวิตแสนสั้นอยู่กันไม่นานก็ลาจาก ชีวิตเหมือนน้ำค้างสดใสในยามเช้าพอยามสายก็หายไป ชีวิตเหมือนพยับแดด มองไกลๆเหมือนมีตัวตนน่าสนใจ แต่พอเข้าไปใกล้กลับเหมือนแต่ความว่างเปล่า

    20. นิ้วทั้ง 5 ไม่เท่ากันฉันใด ความสามารถของแต่ละคนมีไม่เท่ากันฉันนั้น ธรรมชาติต้องการสอนให้เราอยู่ร่วมกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย บางสิ่งที่เขาขาดเราอาจมี บางสิ่งที่เขาดีเราอาจด้อย เราเกิดมาเพื่อเติมเต็มกันและกัน

    21. ในใจเรามีทั้งตัวสร้างและตัวเสื่อม ตัวสร้างคือธรรมมะ ตัวเสื่อมคือกิเลส เวลาอยากทำอะไรดีๆนั่นคือบทบาทของตัวสร้าง แต่ในขณะที่เราอยากทำดีกลับรู้สึกว่าไม่ควรจะทำ นั่นคือบทบาทของตัวเสื่อม

    22. วิกฤตมีเพื่อพิสูจน์ปัญญา ปัญหามีเพื่อพิสูจน์ความสามารถ สิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในชีวิตเราล้วนมีความหมาย ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นมาอย่างว่างเปล่า ถ้าใช้ปัญญาพิจารณาอย่างลึกซึ้งจะเห็นคุณค่าของทุกสิ่งที่เข้ามาในชีวิต

    23. น้ำที่ไหลแรงที่สุดคือน้ำใจ น้ำใจที่ปรารถนาจะช่วยคนทำให้คนจำนวนมากข้ามน้ำข้ามทะเลไปช่วยเพื่อนมนุษย์ ที่ตกยากได้อย่างไม่กลัวเหนื่อยล้า พรมแดนของประเทศก็ไม่สามารถขัดขวางน้ำใจคน

    24. ไฟจากเตาเผาไหม้มีแค่บางเวลา แต่ไฟกิเลสเผาไหม้อยู่ในใจตลอดเวลา ไฟที่ร้ายแรงที่สุดจึงเป็นไฟแห่งกิเลส กล้องที่ส่องได้ไกลที่สุดคือ กล้องปัญญา ที่ส่องทะลุทะลวงไปถึงอดีต ปัจจุบัน และ อนาคต

    25. นัยอันลึกล้ำของคำว่าขอบคุณ ขอบคุณความไม่มีที่ทำให้รู้วิธีลุกขึ้นสู้ ขอบคุณความยากจนที่ทำให้เป็นคนมุมานะ ขอบคุณความล้มเหลวที่ทำให้เกิดความเชี่ยวชาญ

    26. คนที่ปล่อยตัวปล่อยใจให้ตกเป็นทาสของความโกรธ ต่อให้นอนบนเตียงราคาแพงลิบลิ่ว ปูด้วยพรมขนสัตว์ที่มีลวดลายบุปผชาติประดับไปทั้งผืน ก็ไม่อาจทำให้หลับตาลงอย่างเป้นสุขได้เลยตลอดรัตติกาลอันยาวนาน

    27. นัยอันลึกล้ำของคำว่าขอบคุณ ขอบคุณความผิดพลาดที่ทำให้ฉลาดยิ่งกว่าเดิม ขอบคุณความริษยาที่ทำให้กล้าสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ขอบคุณคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ทำให้ผลิบานอย่างไร้ข้อตำหนิ

    28. แก้วที่คว่ำอยู่กลางสายฝน ต่อให้ฝนตกกระหน่ำทั้งคืนก็ไม่อาจเต็มไปด้วยน้ำ คนที่ไม่ยอมเปิดใจเรียนรู้ ต่อให้คลุกคลีอยู่กับนักปราชญ์ทั้งคืนก็ยังคงโง่เท่าเดิม

    29. นัยอันลึกล้ำของคำว่าขอบคุณ ขอบคุณความไม่รู้ที่ทำให้รู้จักครูที่ชื่อประสบการณ์ ขอบคุณความผิดหวังที่ทำให้ตั้งสติเพื่อลุกขึ้นใหม่ ขอบคุณศัตรูที่แกร่งกล้าที่ทำให้รู้ว่าเรายังไม่ใช่มืออาชีพ

    30. อยู่ให้คนเขารัก จากไปให้คนเขาอาลัย ล่วงลับไปให้คนเอ่ยอ้างถึง อยู่ให้คนรักคืออยู่อย่างผู้ให้ จากไปให้คนอาลัยคือก่อนจากสร้างสรรค์แต่สิ่งมีคุณค่า ล่วงลับไปให้คนระลึกถึงคือ เวลามีชีวิตทำแต่คุณงามความดีจนเป็นที่จดจำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 11 ธันวาคม 2010
  8. Mantalay

    Mantalay เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    1,679
    ค่าพลัง:
    +5,065
  9. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]

    .. ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่า
    แม้แต่คนโง่ที่สุดยังฉลาดในบางเรื่อง
    และคนฉลาดที่สุด
    ก็ยังโง่ในหลายเรื่อง ..
    .. ไม่มีอะไรเสียเวลาไปมากกว่า
    การคิดที่จะย้อนกลับไปแก้ไขอดีต
    ไม่เคยมีอะไรช้าเกินไป
    ที่จะทำใหสิ่งที่ตนฝัน ..
    .. คนที่ไม่เคยหิว
    ย่อมไม่ซาบซึ้งรสของความอิ่ม
    ความสำเร็จที่ผ่านความล้มเหลว
    ย่อมหอมหวานกว่าเดิม ..
    .. อันตรายที่สุดของชีวิตคนเราคือ การคาดหวัง
    อย่ายอมแพ้ ถ้ายังไม่ได้พยายามอย่างเต็มที่
    เหตุผลขอคนๆ หนึ่ง อาจไม่ใช่เหตุผลของคน
    อีกคนนึง ถ้าคุณไม่ลองก้าว คุณจะไม่มีทางรู้เลยว่า
    ทางข้างหน้าเป็นอย่างไร
    ปัญหาทุกอย่างล้วนอยู่ที่ตัวเราทั้งสิ้น
    ยินดีกับสิ่งที่ได้มา และยอมรับกับสิ่งที่เสียไป
    หลังพายุผ่านไป ฟ้าย่อมสดใสเสมอ
    มีแต่วันนี้ที่มีค่า ไม่มีวันหน้า วันหลัง ..
    .. คนเรา
    ไม่ต้องเก่งไปทุกอย่าง
    แต่จงสนุกกับงานทุกชิ้น
    ที่ได้ทำ ..
    หัวใจของการเดินทางไม่ได้อยู่ที่จุดหมาย
    หากอยู่ที่ประสบการณ์สองข้างทาง .. มากกว่า

    ท่าน ว.วชิรเมธี

    [​IMG]
     
  10. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    [​IMG]

    [​IMG]

    ตามน้องน่านมาจากห้องโน้นนนน...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 ธันวาคม 2010
  11. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    :cool:อนุโมทนา..สาธุในบทธรรมดี ๆ ค่ะน้องน่าน...
    พี่ใจจะเข้ามาอ่านเรื่อย ๆ นะคะ ได้ข้อคิดสาระพัดเลยคะ...:cool:
     
  12. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]
     
  13. หมั่นเพียร

    หมั่นเพียร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    254
    ค่าพลัง:
    +708
    ขอบคุณ และขออนุโมทนากับสาระธรรมดีๆ จากคุณน่านฯ และทุกท่านค่ะ :cool:
     
  14. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465

    [​IMG][​IMG][​IMG]
    1. ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนเรา คือ ตัวเอง คนเราส่วนใหญ่มักนึกว่า คนที่ไม่ดีกับเรา คือศัตรูของเรา

    แต่ว่าโดยความเป็นจริงแล้ว ศัตรูที่สำคัญที่สุดไม่ใช่คนอื่น แต่เป็นตัวเราเองเพราะว่า ศัตรูนอกกายเรามองเห็นได้ง่าย ง่ายที่จะป้องกัน แต่สำหรับตัวเองแล้ว ยากที่จะรู้จักตัวเองอย่างถ่องแท้ยากที่จะบังคับตัวเองได้

    ตัวเราไม่สามารถจะห้าม กิเลสและความโลภได้นิสัย ความโกรธแค้นก็ไม่สามารถระงับได้ เลยกลายมาเป็น ตัวเองเป็นศัตรูกับตัวเอง เที่ยวไปหาเรื่องและนำความเดือดร้อนมาใส่ตัว

    2. โรคประจำตัวที่ร้ายแรงที่สุดของเรา คือ ความเห็นแก่ตัว ร่างกายของคนเรามีเลือดเนื้อ ย่อมจะหลีกหนีไม่พ้นที่จะมีการแก่ ป่วย ตาย แต่ว่าความเจ็บป่วยในใจร้ายแรงกว่า

    ความเจ็บป่วยในใจคืออะไร คือความเห็นแก่ตัว เพราะความเห็นแก่ตัวจึงทำให้มีจิตใจคับแคบดังนั้น นอกจากเราจะต้องดูแลรักษาสุขภาพ ไม่ให้เจ็บป่วยแล้วยังต้องรักษาความเห็นแก่ตัวในใจให้หายด้วย

    3. สิ่งที่น่าเศร้าที่สุดของคนเรา คือ ความไม่รู้


    คนเราไม่ใช่ไม่มีทรัพย์สินเงินทอง ไม่มีอำนาจวาสนาไม่มีงานทำ แต่เป็นความไม่รู้ ไม่เข้าใจความเป็นจริงของโลกไม่รู้ว่าสิ่งต่างๆในโลก ล้วนเกิดจากเหตุและปัจจัย มีเหตุต้นผลกรรม

    4. สิ่งที่ผิดพลาดที่สุดในชีวิตของคนเรา คือ การมีมุมมองที่ผิด

    คนเราเมื่อทำความผิดแล้ว หากเป็นความผิดพลาดเรื่องงาน ยังทำการแก้ไขได้มุมมองที่ผิด ความคิดที่ผิด ไม่แต่ไม่รู้จักแก้ไขให้ถูก แต่ยังคิดว่าตัวเองคิดถูกทำถูกนี่เป็นสิ่งที่คนในสังคมยุคปัจจุบันเป็นกันมากที่สุด เป็นเรื่องที่น่ากลัวจริงๆ

    5. ความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่ของคนเรา คือ ความเย่อหยิ่ง

    ดังคำที่ว่า “ความอ่อนน้อมถ่อมตนมักจะนำผลประโยชน์มาให้ แต่ความเย่อหยิ่งจองหองมักจะนำโทษมาให้”

    คนเราไปไหนหากนึกแต่ว่าตัวเองเก่ง ตัวเองเลอเลิศไม่ว่าจะไปที่ไหน ย่อมไม่ได้การต้อนรับจากที่นั่นดังนั้นความเย่อหยิ่ง จองหอง จึงเป็นความพ่ายแพ้ที่ยิ่งใหญ่

    6. สิ่งที่ทำให้เราทุกข์กังวลที่สุดในชีวิตของ คือ กิเลส มีคนบอกว่าโลกของเราเต็มไปด้วยความทุกข์ เศร้า กังวล

    อะไรคือความทุกข์ที่สุดหรือ? บางคนบอกว่า ปากท้อง บางคนบอกว่าความรักแต่แท้จริงแล้ว สิ่งที่ทำให้เราทุกข์กังวลมากที่สุดคือ กิเลส

    ทรัพย์สินเงินทอง รูปร่างหน้าตา อาหารการกิน ลาภยศ วาสนา สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่ทำให้เราอยากมี อยากเป็น เมื่ออยากได้ไม่รู้จักพอย่อมเกิดความทุกข์กังวล จึงเป็นเหตุให้เราทุกข์ไม่มีสิ้นสุด

    7. สิ่งที่ทำให้เราไม่รู้ที่สุด คือ ความโกรธแค้น


    ไม่รู้คือความไม่เข้าใจในเหตุผลต่างๆ เมื่อประสบกับสิ่งที่ไม่สมหวังดังใจ ก็โกรธ เพ่งโทษผู้อื่น โกรธเคืองฟ้าดิน

    แม้แต่แม้กับคนในครอบครัว สังคม หรือประเทศชาติหรือขณะที่เคืองแค้นก็ขว้างปา ทำลายสิ่งของของตัวเองนี่คือความไม่รู้ที่สุดของคนเรา ไม่เคยโทษตัวเอง ได้แต่โทษผู้อื่น

    8. สิ่งที่คนเราเป็นห่วงกังวลที่สุด คือ ความเป็นความตาย


    ยังมีชีวิตอยู่ก็ชิงดีชิงเด่น อยากมีชื่อเสียง กลั่นแกล้งผู้อื่นครั้นเมื่ออนิจจังมาถึง ก็กลัว หน้าที่การงาน ทรัพย์สมบัติความรัก จะหายไปในชั่วพริบตา ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นหรือตายก็เป็นห่วงกังวลได้ทุกขณะ

    9. ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนเรา คือ การไปทำร้ายผู้อื่น

    ทำลายชีวิตของผู้อื่น ทำลายชื่อเสียง ขโมย หรือล่วงละเมิดทางเพศหรือทำสิ่งไม่ดีต่างๆนานา

    10. สิ่งที่ลำบากใจที่สุดในชีวิตของคนเรา คือ ถูกผิด

    มีคนพูดว่าอยู่ที่ไหนก็ต้องมีถูกผิด ถูกหรือผิดสร้างความลำบากใจให้เราได้ไม่มากก็น้อย ความถูกผิดมีได้ทุกที่หากเราไม่ไปฟังเรื่องราวของผู้อื่น ก็ย่อมจะไม่เกิดอะไรขึ้น

    เพียงแต่เราไม่ไปฟังเรื่องราวของผู้อื่น ไม่ไปต่อความยาวสาวความยืดของผู้อื่นก็ไม่ต้องนำความลำบากใจให้กับตนเอง จึงเป็นความพ่าย แพ้ที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตของคนเรา

    [​IMG]

    11. คุณธรรมอันดีงามที่สุดของคนเรา คือ ความเมตตา


    ความดีงามของคนเราไม่ได้อยู่ที่ความสวยงามการมีทรัพย์สินมากมาย มีความสามารถล้นเหลือดังนั้นยอมที่จะเป็นคนไม่มีความสามารถอะไรไม่มีการศึกษา แต่จะไม่ยอมให้ขาดความเมตตาเพราะความเมตตา คือ คุณธรรมอันแท้จริง

    12. ความกล้าหาญที่สุดของคนเรา คือ กล้ายอมรับผิด

    คนเราต้องมีความกล้า ความกล้าไม่ใช่กล้าชกต่อยกับผู้อื่นและก็ไม่ใช่ไปชิงดีชิงเด่นกับผู้อื่น เอาชนะคะคานกับผู้อื่นแต่เป็นการรู้สำนึกว่าบางสิ่งตัวเองไม่ควรพูด ไม่ควรทำอย่างนั้นไม่ควรไปขัดขวางอย่างนี้ คนที่สามารถรู้สำนึกว่าตัวเองผิดจึงจะเป็นผู้กล้าหาญที่สุด

    13. รายรับที่มากที่สุดของคนเรา คือ ความรู้จักพอ

    ทุกๆคนก็หวังแต่จะให้ตัวเองได้ ตัวเองประสบผลสำเร็จ ได้รับผลประโยชน์หากไม่รู้จักพอ แม้จะนอนอยู่บนวิมาน กับเหมือนกับนอนอยู่ในนรกหากรู้จักพออยู่ในนรก ก็เหมือนกับอยู่บนวิมานดังนั้นความรู้จักพอจึงเป็น เป็นรายรับที่มากที่สุด

    14. การบุกเบิกทรัพยากรที่มีอยู่ของตัวเองที่มีค่ามากที่สุด คือความศรัทธา

    ใครๆ ก็พูดกันว่า ต้องบุกเบิกทรัพยากรมาใช้ทรัพยากรนั้นไม่ได้หมายถึง สินแร่ในป่า สิ่งล้ำค่าในทะเล และก็ไม่ใช่ก๊าซธรรมชาติแต่ในความศรัทธามีทรัพย์สิน มีคุณธรรม มีสิ่งล้ำค่า

    15. สิ่งที่คนเราควรมีให้มากที่สุด คือ ความรู้สำนึกในบุญคุณของผู้อื่น

    คนประเภทไหนร่ำรวยที่สุด คนประเภทไหนยากจนที่สุดคนยากจนคือคนที่อยากจะได้อยู่ร่ำไป คนมั่งมีคือคนที่มีแต่ความรู้สึกขอบคุณและคิดแต่จะเจือจานช่วยเหลือผู้อื่นดังนั้น ผู้ที่มีความรู้สึกสำนึกในบุญคุณ ถนอมสิ่งที่ตนมีอยู่ จึงเป็นผู้ที่มีมากที่สุด

    16 . สิ่งที่ควรบ่มเพาะให้มีมากที่สุด คือ ความใจกว้าง

    ทุกคนก็หวังจะให้ตัวเองเป็นผู้มีการศึกษาอบรมดังมีคำกล่าวว่า “ปฏิบัติต่อผู้อื่นด้วยความนุ่มนวล แต่จะต้องเคร่งครัดต่อตัวเอง” คนอื่นจะปฏิบัติต่อเราดีหรือไม่ เราก็สามารถเข้าใจ และยอมรับได้ นี่คือสิ่งที่ควรบ่มเพาะให้มีมากที่สุด

    17. ต้นทุนที่มากที่สุดของคนเรา คือ ศักดิ์ศรี

    คนจะเป็นคนได้ต้องมีศักดิ์ศรี ก็เพราะว่าคนเรามีศักดิ์ศรี ด้วยเหตุนี้อะไรก็เสียสละได้ แต่ว่าเมื่อผ่านการบีบคั้นของ ความเสียสละก็ยังคงเหลือศักดิ์ศรีไว้ ดังนั้นสำหรับศักดิ์ศรีความเป็นคนของทุกคนจึงต้องให้ความสำคัญ และรักษามันไว้

    18. ความปลื้มปีติที่มากที่สุดของคนเรา คือ ความสุขจากรสพระธรรม

    คนส่วนใหญ่มักจะหาความสุขจากสิ่งล่อที่เป็นกิเลสและวัตถุ เช่นจากคำชมเชยเพียงคำเดียว ก็เป็นปลื้มไปเสียครึ่งวัน

    แต่ความสุขจากคำชมเชยเดี๋ยวเดียวก็ผ่านไปแล้ว ความสุขที่ได้จากการมีทรัพย์สิน แต่ว่าทรัพย์สินก็เหมือนสายน้ำไหล ชั่วประเดี๋ยวก็ใช้หมดแล้ว ความสุขที่ได้จากการท่องเที่ยว แต่ว่าพันลี้หมื่นลี้กระพริบตาผ่านไป ความสุขก็ผ่านไป

    มีความปลื้มปีติเพียงสิ่งเดียวที่จะยังอยู่ตลอดไปคือความสุขจากรสพระธรรม ปีติสุขจากธัมมะ ได้จาก ปัญญา ตัวรู้ และการภาวนา เป็นสิ่งที่สามารถมีได้ตลอดชีวิต ไม่สูญสลายตลอดไป

    19. ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคนเรา คือ ความปลอดภัย


    ทรัพย์สินเงินทองและเกียรติยศ เป็นสิ่งที่คนปรารถนาอยากมีมากที่สุดแต่ว่าเมื่อได้ทรัพย์สินและชื่อเสียงแล้ว ก็ขาดความปลอดภัยชีวิตอย่างนี้ย่อมไม่มีความหมาย ดังที่กล่าวว่าความปลอดภัย สงบสุขคือวาสนา

    20 . สิ่งที่ควรจะสร้างให้มีมากที่สุด คือ เพื่อประโยชน์สุขของมวลชน

    ประโยชน์สุขของมวลชนได้จาก เมตตาจิต ความมีน้ำใจที่ดีงามเช่นพูดในสิ่งที่มีประโยชน์ให้กับทุกคน ทำในสิ่งที่มีประโยชน์ให้กับทุกคนจะสร้างถนนหรือสร้างสะพาน ขอเพียงให้เป็นประโยชน์กับทุกคนตัวเองก็ยินดีที่จะเสียสละแรงงานและแรงใจที่จะไปช่วย

    [​IMG][​IMG][​IMG]


    บทความจาก : http://www.tamdee.net/main/read.php?tid-839.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 ธันวาคม 2010
  15. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
    [​IMG]
     
  16. ppojai

    ppojai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กันยายน 2005
    โพสต์:
    4,637
    ค่าพลัง:
    +9,971
    คัดมาจากหนังสือ คนโง่ คนฉลาด
    คนเจ้าปัญญา

    ด้วยความบ้า....
    คนโง่ เมาคำพูดประครองสติไม่อยู่ จึงพลั้งพูดพล่อยบ่อยๆสร้างกรรม และศัตรูมากมาย
    คนฉลาด บ้าความคิด เขม่าเต็มสมองจึงเต็มไปด้วยจิตหลอนสร้างมายาหลอกตน และคนอื่นมากมาย
    คนเจ้าปัญญา บ้าความสงบจึงพบสติเต็มตื่นรู้อยู่เป็นหลักให้ตน และคนอื่นได้
    [​IMG]
     
  17. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]

    Everyone comes into this world with a purpose.
    Nobody is born worthless or to be forgotten,
    Except those who try to make
    Others forget who they are.
    Every tree, every type of grass,
    Is comparable to a knot
    Produced to serve a specific mission
    At any one time.

    มนุษย์เกิดมาในโลกอย่างมีความหมาย
    ไม่มีใครเกิดมาไร้ค่าหรือเกิดมาเพื่อจะถูกลืม
    ยกเว้นแต่คนที่พยายามจะทำให้คนอื่นลืมตนเอง
    ไม้ทุกต้น หญ้าทุกชนิด
    ก็เช่นเดียวกับนอตทุกตัว
    ที่ถูกผลิตมาเพื่อเหมาะสมกับภารกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง
    ณ เวลาใดเวลาหนึ่งเสมอ

    (ปรัชญาหน้ากุฏิ หน้า ๑๒)



    Those who understand the world
    Enough to laugh off any dismal thought
    Will Enjoy longevity,
    Living in, but not fooled by the world.
    They will march across the world,
    Instead of having the world on their shoulders.
    These people are rare indeed,
    But they always make other people
    Happy wherever they are.

    คนที่เข้าใจโลก
    ถึงขั้นมองเห็นอะไร ๆ ที่คนอื่นเขาเครียดกันเป็นเรื่องขำขันได้
    จะมีอายุยืน
    อยู่ในโลก แต่ไม่หลงโลก
    อยู่ในโลกเพื่อเหยียบโลกเล่น ไม่ใช่แบกโลกไว้บนบ่า
    คนอย่างนี้หายาก
    แต่มีอยู่ที่ไหน คนอยู่ใกล้ก็มีความสุข

    (กำลังใจแด่ชีวิต หน้า ๖๒)



    There are always two sides to a coin,
    Depending on which side
    We choose to pick and adapt
    For maximum benefit.

    มีความจริงทั้งสองด้านรวมอยู่ในตัวมันเองเสมอ
    ต่างแต่ว่าเราจะเลือกหยิบด้านใดขึ้นมาประยุกต์ใช้
    ให้เกิดประโยชน์สูงสุดเท่านั้น

    (ธรรมะติดปีก หน้า ๒๘)


    People with positive attitudes are lucky
    And will always gain.
    Those with negative thoughts will be unable to capitalise
    Even from the good things that come into their lives.
    Our thoughts will define our future and destiny.
    We are what we think we are.
    Positive thinking leads to a positive life,
    Whereas negative thoughts will undoubtedly
    Lead to a negative life.

    คนที่คิดทางบวกเป็นคนที่โชคดีและได้กำไรเสมอ
    ส่วนคนที่คิดในทางลบ
    แม้เรื่องดี ๆ ผ่านเข้ามาในชีวิต
    ก็ยังไม่รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์กับตน
    วิธีคิดบ่งบอกอนาคต กำหนดชะตากรรม
    เราคิดอย่างไรก็จะกลายเป็นคนอย่างนั้น
    คิดบวก ชีวิตก็เป็นบวก คิดลบ ชีวิตก็ติดลบ

    (กำลังใจแด่ชีวิต หน้า ๓๙)


    Where there is a problem, there is a way.
    Problems and solutions are thus
    Two sides of the same, minted coin.
    With clever solutions,
    You will find and exemplary wisdom
    Boldly waiting to be discovered.

    ที่ใดมีปัญหา ที่นั่นย่อมมีทางออก
    ปัญหาและทางออกจึงเป็นเสมือนสองด้าน
    ของเหรียญกษาปณ์อันเดียวกัน
    เพียงมีสติรู้จักพลิกปัญหา
    ก็จะพบว่ามีภูมิปัญญาอันเลิศล้ำ
    รอให้ค้นพบอยู่อย่างท้าทาย

    (พระสงฆ์กับทางออกจากทุกขสัจของสังคม หน้า ๓)
    [​IMG]

    บทความจาก : http://www.tamdee.net/main/read.php?tid-390.html<SCRIPT type=text/javascript><!--playSound();showPoll();//--></SCRIPT> ​
     
  18. pimapinya

    pimapinya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กันยายน 2010
    โพสต์:
    883
    ค่าพลัง:
    +2,044
  19. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465

    ไม่มีสิ่งที่ควรหรือไม่ควรทำ
    สิ่งที่ไม่ควรทำในวันนี้
    พรุ่งนี้อาจสมควรทำอย่างยิ่ง

    สิ่งที่ควรทำกับคนหนึ่ง
    อาจไม่ควรทำกับคนอื่นๆ

    สิ่งที่ควรทำในสถานที่หนึ่ง
    อาจทำไม่ได้เลยในที่อื่นๆ

    ดังนั้น
    ควรไม่ควรไม่อาจระบุได้แน่นอน
    ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยที่เป็นอยู่เฉพาะหน้า

    ยังไม่ถึงวาระที่ต้องกระทำ
    ก็ไม่ต้องห่วงว่าจะกระทำอย่างไร

    อาหารในความคิดคำนึง
    ไม่อาจทำให้ท้องอิ่มได้
    เมื่อถึงวาระที่จะกระทำ
    ความรับผิดชอบแต่ชีวิตและสถานการณ์เฉพาะหน้า
    จะทำให้รู้เองว่าควรทำอย่างไรดี
    มีแต่ผู้อ่อนแอเท่านั้น
    ที่ยึดมั่นอยู่กับพันธะสัญญา
    สำหรับผู้เข้มแข็ง มั่นคง
    เพียงทำตามความเหมาะสมเฉพาะหน้า

    [​IMG]


    ใจเขาใจเรา

    อยู่ในสังคมมนุษย์
    สิ่งที่ต้องระวังไม่ใช่มนุษย์เสมอไป

    ใจที่เห็นแก่ตัวของเรานั่นแหละ
    คือสิ่งที่ควรระมัดระวังให้มาก

    เมื่อการกระทำต้องเกี่ยวพันกับผู้อื่น
    ไม่ต้องเอาใครไปใส่ใจใคร

    อย่าเอาเปรียบเขาก็พอ
    เมื่อมิได้คำนึงถึงสวัสดิภาพของตนเอง
    แต่ก็ต้องระมัดระวังสวัสดิภาพของผู้อื่น

    เราไม่โกรธ เราไม่กลัว เราไม่เจ็บ
    แต่ผู้อื่นอาจจะโกรธ อาจจะเจ็บ และอาจจะกลัว

    ถึงคราวที่จำเป็นต้องกระทำแล้ว
    ก็ลงมือกระทำด้วยสติปัญญาเถิด
    ไม่ต้องมัวไปคำนึงถึงใจเรา ใจเขา
    หรือแม้แต่ใจใครทั้งสิ้น


    พรหมจริยวัตร

    บทความดีๆ - Part 5
     
  20. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]...ใจ...[​IMG]

    เกรงใจ
    ไม่คำนึงผิดถูก
    เพราะต้องการ ทำให้ถูกใจ

    เอาใจ
    ไม่คำนึงถึงความพอดี
    เพราะต้องการ ทำให้พอใจ

    จริงใจ
    ไม่คำนึงถึงความเหมาะสม
    เพราะทำให้โดยไม่หวังผล

    เห็นใจ
    ไม่คำนึงถึงความสัมพันธ์และฐานะ
    เพราะทำให้โดยสงสาร

    เข้าใจ
    ไม่คำนึงถึงเหตุผล
    เพราะทำได้เหมาะสม
    ตามกาล สถานที่ และบุคคล
    เพราะเราไม่เข้าใจเขาก่อน
    เราจึงโวยวายว่าเขาไม่เข้าใจเรา


    [​IMG]
     

แชร์หน้านี้

Loading...