นั่งสมาธิแล้วเห็นแสงสีขาวๆ

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สายเมฆฝน, 23 เมษายน 2015.

  1. สายเมฆฝน

    สายเมฆฝน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2015
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +5
    คือ เริ่มสมาธิมาได้พอสมควรแล้วค่ะ

    แต่เห็นบางอย่างที่ยังไม่เข้าใจอยู่สองครั้ง

    ครั้งแรก นั่งสมาธิยังไม่เป็นสมาธิเลย หลับตาปุ๊บเห็นลูกแก้วสีขาวๆกลมๆ ประมาณลูกปิงปอง ลอยอยู่ระหว่างตาสองข้างชัดมาก แล้วเริ่มนั่งก็เริ่มตัวเบาๆเย็นๆ แต่พอตั้งว่ามันเป็นของที่ไม่แน่นอน มาให้เห็นได้ ก็หายไปได้ มันก็หายไป แต่รู้สึกยิ้มไปเอง วันนั้นเป็นวันที่แทบจะไม่มีอะไรเข้ามารบกวนจิตใจเลย

    ครั้งที่สอง ค่อยๆดูจิตตัวเอง มีอะไรเข้ามาก็ตั้งเหมือนเดิมอีก ทีนี้ที่ไม่ยอมหายไปคือ เป็นแสงสีขาว วิ่งจากซ้ายไปขวา วิ่งจากขวาไปซ้าย วิ่งไปวิ่งมาจนปาดเต็มเป็นสีขาวจ้าไปหมด คือเห็นแต่สีขาวจริงๆ ตอนนั้นตั้ง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา แล้วทีนี้ปัญหาคือ ด้วยความไม่เข้าใจ กะจะลืมตาออก มันลืมไม่ขึ้น กระดุกกระดิกตัวไม่ได้ อ้าปากไม่ออก แสงสีขาวก็วิ่งๆไปซ้ายไปขวา ขวาไปซ้าย กลับไปมา ทั้งที่มันขาวไปหมดแต่กลับรู้สึกว่ามันยังวิ่งอยู่ เลยบอกตัวเองว่า ค่อยๆถอยจิตออกมา มันจางๆไป ถึงจะออกสมาธิได้ค่ะ ตอนนั้นแทบไม่รู้เลยว่าตัวเองเหน็บกิน มารู้ได้ลางๆตอนบอกกับตัวเองว่าถอยจิต

    ถ้าเจอแบบนี้อีก ควรทำอย่างไรดีคะ?
     
  2. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    อย่าไปสนใจ นิมิต เค้าให้ละ ถ้าไม่เกี่ยวข้องกับกรรมฐาน อย่าไปติด ติดเอามาสงสัย ขวางผลการปฏิบัติครับ
     
  3. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    ครั้งแรกที่เจอนั้น ดวงกสิณ ครับ พอถอนออกมา จิตยังทรงอารมณ์สมาธิอยู่ อาการก็เลยเป็นแบบนั้นละครับ ไม่มีอะไรมากวนจิตใจ ถ้าไม่รักษาใจให้ดี ผ่านไปก็จะกลับไปเป็นเหมือนเดิม เพราะหลุดจากอารมณ์สมาธินั้นเองครับ ไม่ได้รักษาใจ

    ส่วนครั้งที่สอง นั้น จิตสงบจนเห็นนิมิต เป็นปรกติของผู้ปฏิบัติ ที่ทำใจให้สงบครับ เพราะ จิตเข้าสมาธิอยู่ กาย กับ ใจเลย แยกออกจากกัน ที่ลืมตาไม่ขึ้นก็เพราะว่า กำลังเข้าสมาธิอยู่นั้นเองครับ ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจ สงสัยว่าทำไมลืมตาไม่ขึ้น ของพวกนี้ มันตามกำลังจิต พอจิตหมดกำลัง ก็หลุดออกมา ลืมตาได้ปรกติ ครับ

    ส่วนพวกเส้นแสงอะไรนั้น อย่าไปสนใจ ให้สักแต่ว่า รับรู้ แล้วก็ปล่อยวาง ครับ ถ้าเจอครั้งแรก อาจสงสัยเพราะไม่เคยเจอ ไม่เข้าใจ แต่ปฏิบัติไปบ่อยๆ เดี่ยวก็ชินไปเอง แสงพวกนี้ ยิ่งไปสนใจเท่าไหร่ ก็จะมีแสงไม่สิ้นสุด ทำให้เสียเวลาปฏิบัติ ครับ

    เจอพวกนิมิต พวกนี้ แนะนำว่า อย่าไปสนใจ เดี่ยวจะหลงเหมือนบางคน ทำสมาธิ เห็นแสง นึกว่าตัวเองบรรลุอริยเจ้าไปได้ก็มี เข้าใจผิดๆ ทั้งๆที่เป็นแค่เรื่องพื้น ๆ เท่านั้นเอง ^^

    เวลาปฏิบัติให้ตั้งสติ อยู่กับกรรมฐานกองที่เราปฏิบัติ ครับ อย่าเผลอหลุดออกไปจับสิ่งอื่นมาแทนไม่รู้ตัวครับ จขกท.

    .
     
  4. สายเมฆฝน

    สายเมฆฝน สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 เมษายน 2015
    โพสต์:
    6
    ค่าพลัง:
    +5
    ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ ตอนนี้สบายใจขึ้นเยอะเลย
    (หากมีอะไรคงรบกวนท่านผู้รู้หลายๆท่านอีกหลายประเด็น กำลังพยายามฝึกอยู่ค่ะ)
     
  5. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    <table id="table1" border="0" cellpadding="3" cellspacing="3" width="100%"><tbody><tr><td style="font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: normal; font-size: 12pt; font-family: verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif" align="left" valign="top"> - ฌาน สมาบัติ
    ขณิกสมาธิ, ฌาน, อุปจารสมาธิ, ปฐมฌาน,
    นิวรณ์ ๕, ทุติยฌาน, ตติยฌาน (ฌาณ๓),
    จตุตถฌาน (ฌาน ๔) รูปฌาน, อรูปฌาน,
    สมาบัติ ๘, นิโรธสมาบัติ, เข้าผลสมาบัติ
    -
    นิมิต, -จริต ๖, -อิทธิบาท ๔, -สมาทาน
    - กฎการปฏิบัติกรรมฐาน

    อธิศีลสิกขา, ระงับนิวรณ์ ๕ ,
    เจริญพรหมวิหาร ๔, บารมี ๑๐,
    อุปกิเลสของวิปัสสนาญาณ ๑๐</td> <td style="font-style: normal; font-variant: normal; font-weight: normal; font-size: 12pt; font-family: verdana, geneva, lucida, 'lucida grande', arial, helvetica, sans-serif" align="left" valign="top"> - วิธีฝึกกรรมฐานด้วยตัวเองแบบง่ายๆ
    -
    เร่งรัดการปฏิบัติ - อริยะบุคคล
    -
    ทางสายเข้าสู่พระนิพพาน

    -
    สังโยชน์ 10
    - มหาสติปัฏฐานสูตร
    - คู่มือปฏิบัติพระกรรมฐาน
    -
    รวมคำสอนหนังสือหลวงพ่อฤาษีลิงดำ

    เสียงพระธรรมเทศนา
    -
    พระกรรมฐาน (เรื่องการทำสมาธิ)
    -
    แนวปฏิบัติเพื่อบรรลุอรหันต์ทั้ง ๔ แบบ</td> </tr> </tbody></table> <hr color="#CCCCCC" size="1">


    ลองอ่านดูครับ แนวทางการปฏิบัติ

    แนะนำว่า ตอนปฏิบัติ ให้วางให้หมด ละวางอารมณ์ต่างๆ จดจ่ออยู่กับกรรมฐานที่ปฏิบัติ ครับ

    .
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 เมษายน 2015
  6. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    ดูจากผลการปฏิบัติแล้วแนะนำว่า ต่อไป ถ้าไปรู้ หรือ ไปเห็นอะไรแปลกๆ เห็นโน้นๆนี้ เพิ่มเข้ามานี่ แนะนำว่า อย่าไปสนใจ ครับ

    เพราะดูแล้ว มีโอกาสจะไปรู้ ไปเจอเรื่องแปลก หรือ อะไรต่างๆเข้าไปอีกแน่ๆ

    เวลาเจอนิมิตอะไรก็แล้วแต่ ให้คุมใจ รักษาใจ ให้ดี อย่าไปตื่นกับนิมิตที่จะเจอ ครับ ให้มีสติในกรรมฐานที่เราปฏิบัติ ครับ

    ^^
     
  7. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,616
    ค่าพลัง:
    +3,015




    ลองฝึกเพ่งลูกแก้วดู
    อภิญญาจะเกิด


    โดยให้ฝึกเพ่ง จน แสงสีขาวจางลง
    จนเหลือแต่ ลูกแก้วใสๆ
    แล้วลองฝึกย่อ ขยาย ดู
    ฝึกบังคับมันดู
    คุณมีของเก่าอยู่แล้ว
    จะไปทิ้งมันทำไม
    ทำต่อไปเลยครับ


    ให้เน้นฝึกกสินลูกแก้วให้ชำนาญ
    อีกไม่นานเกินรอแน่
    แล้วลองอธิษฐานฤทธิ์ดู
     
  8. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493

    ปรากฎการณ์ตามที่เล่าๆมามันเกิดจากจิต ซึ่งเป็นสมาธิ

    ตรงนี้แหละเหมือนทางสองแพร่ง (ไม่สวยก็เลือกได้) จขกท. จะเอายังไง จะเอาสมถะล้วนๆ หรือจะเอาวิปัสสนาคู่สมถะ
     
  9. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    จักวาลมีในตัวเรา. ตัวเราก็มีในจักวาล. แสงสีอะไรๆมันก็มีเป็นเรื่องธรรมชาติ ผมเคยประจักษ์แสงสว่างแห่งจักวาลมาแล้วไม่มีอะไรสว่างกว่านี้อีกแล้ว
     
  10. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    ให้ จขกท.ดู

     
  11. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ท่าน นิล. ทำไมไปสอนให้เล่นของเล่นอยู่ล่ะครับ.แหมมดกันเลยอุสาห์หลงรัก อาตาปี สัมปะชาโน สะติมา. มีความเพียรให้กิเลสเร่าร้อน มีสัมปชัญญะ มีสติ,
    วิเนยยะ โลเก อะภิชฌาโทมะนัสสัง. พึงนำอภิชฌาและโทมนัส (ความยินดียินร้าย) ในโลกเสียให้พินาศ, นี่ตรงนี้ทางตรง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 เมษายน 2015
  12. บุรุษไร้เงา

    บุรุษไร้เงา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มกราคม 2007
    โพสต์:
    8,440
    ค่าพลัง:
    +35,473
    คุณ สายเมฆฝน ให้ลองสังเกตุดูใหม่นะครับว่าเป็นแบบไหน..
    คุณฝึกปฏิบัติมาคุณไปได้ทางด้านปัญญาทางธรรมมาก่อนครับ..
    แต่ว่าตัวจิตเรามันมีความสามารถทำงานได้ หรือมีความเป็นทิพย์ได้
    ในลักษณะที่แสงนำการทำงานของจิตเราเลยเกิดกิริยาอย่างนี้ได้ครับ
    เสมือนว่า เราไปซื้อของอย่างหนึ่งเพื่อใช้งานแต่ว่าเค้ามีของแถมมาให้เรา
    ขึ้นอยู่กับว่า เราจะมัวสนใจของแถมอยู่หรือไม่ ถ้าเราไม่สนใจของแถม
    เราก็จะใช้งานของที่เราตั้งใจไปซื้อตอนแรกได้เพียงแค่ศึกษาคุ่มือการใช้งาน
    เล็กน้อย.ไม่งั้นเราก็จะมัวสนใจแต่ของแถมจนเป็นเหตุให้เราลืมใช้งาน
    ของที่เราตั้งใจไปซื้อมาใช้ตอนแรกครับ..
    ให้ลองพิจารณาดูว่าเป็นอย่างไรนะครับ..
    ๑. ถ้าแสงสีขาวเป็นวงกลม แต่ว่ามันไม่คม เรารู้สึกเย็นร่วมด้วย
    พอเราลองกำหนดจิตไปดู แสงนี้มันเคลื่อนไหวได้แบบเย็นๆ
    เคลื่อนไหวหนีไปเรื่อย ไปดูปั๊บเคลื่อนที่หนีปุ๊บ...ถ้าอย่างนี้
    เป็นตัวปัญญาทางโลกที่มันแสดงให้เราดู.ในขณะที่จิตเริ่มสงบ
    ส่วนใหญ่นักปฏิบัติที่จิตจะมีความสามารถในความเป็นทิยพ์
    ที่จะไปทางด้านเดินปัญญาได้จะเจอครับ ถ้าเป็นแบบนี้ให้เลิก
    สนใจไปเลยนะครับ ไม่ต้องเก็บมาคิดอะไร ก็เกิดขึ้นอีกก็ไม่
    ต้องไปดูและไปสนใจ เพราะถ้าติดตรงนี้จะติดขัดการพัฒนา
    ความก้าวหน้าอีกหลายปี และติดขัดในเรื่องการพัฒนา
    การรับรู้ทางจิต..และเราจะไม่มีความสามารถในการเข้า
    ใจนามธรรมได้ถูกต้องด้วยครับและที่สำคัญ
    ต่อไปจะไม่มีใครสอนเราได้เพราะจะทำให้คิดว่าเราเก่ง
    และจะทำให้เราถึงขั้นวิปลาสได้ครับ...
    ถ้าเจอแบบนี้ให้ไม่สนใจประมาณ ครั้งที่ ๓ หรือ ๔ ในการ
    ทำสมาธิแบบพิธีการแสงแบบนี้ก็จะไม่ขึ้นมารบกวนเราอีก
    ถ้าหากเราไปคิดว่า มันคืออะไร หรือเผลอไปมองมันจะมา
    อีกเรื่อยๆ ทำให้เราเสียเวลาในการปฏิบัติเฉยๆครับ..


    ๒.แสงสว่างมากๆๆๆๆๆ แม้เรานั่งอยู่ในที่มืดๆ ก็จะเกิดแสงสว่างขึ้นเอง
    รอบๆบริเวณที่เรานั่นและรอบตัวเรา มีต้นกำเนิดในมุมเยื้องสูงจากศรีษะ
    เราขึ้นไปเล็กน้อย อาจมีจุดเริ่มต้นที่ด้านขวา ตรงกลาง หรือด้านซ้าย
    แต่สังเกตุต้นกำเนิดแสงนี้ จะมีเอกลักษณะตรงที่จะเคลื่อนที่ในแนว
    ระนาบเดียวกันและที่สำคัญคือแสงจะไม่เย็นครับ..และแสงแบบนี้
    ต่อให้เราลืมตาขึ้นมา แสงก็จะยังปรากฏอยู่ และต่อให้เรามีการพิจารณา
    หรือคล้ายๆมีความคิดได้ แสงก็จะยังปรากฏอยู่...
    ถ้าเป็นแบบนี้ เป็นแสงที่เกิดขึ้นได้ปกติในกำลังสมาธิก่อนที่จะถึง
    ระดับปฐมฌานครับ..เป็นลักษณะแสงสว่างที่เรา อย่าไปให้ความสนใจนะครับ
    เพราะว่าแสงแบบนี้หละครับ ที่มันสว่างมากๆๆๆๆ จนทำให้นักปฏิบัติหลายคน
    ไม่เข้าใจ คิดว่าตนเองได้บรรลุธรรม มีคุณธรรมวิเศษ และจะกลายเป็นคน
    หลงตัวเองแบบยึดมั่นในตัวตนได้ครับ...

    ถ้าเจอแสงแบบนี้ให้นั่งต่อไปเรื่อยๆไม่ต้องสนใจแสง เด่วแสงก็จะค่อยๆ
    สว่างน้อยลงจนกระทั่งจะค่อยๆกลับมาสว่างขึ้นอีกของมันได้เองครับ..
    และทั้ง ๒ กรณีที่ถามนี้ ระดับสมาธิของเรายังไปถือว่าเข้าระดับปฐมญานครับ
    ถ้าเราไม่เลิกสนใจ เราจะขาดการไต่ระดับสมาธิครับ และที่สำคัญมากๆ
    มันจะทำให้เราหลงคิดว่าตนเองบรรลุธรรม มีปัญญาทางธรรมมาก
    ทั้งๆที่ เราไม่เกิดเครื่องรู้พิเศษอะไรต่างๆ หรือการรับรู้พิเศษขึ้นมาเลย
    มันก็ทำให้นักปฏิบัติหลายๆต่อหลายคนหลงตัวเองมาจนบัดนี้
    มีตัวอย่างให้เห็นถึงทุกวันนี้ครับ..


    กรณีพิเศษเล่าให้ฟังเพื่อว่าอนาคตจะทำได้...
    ถ้าจะเป็นกสิณแสงสว่าง เนื่องจากในระดับกำลังสมาธิ
    ใกล้เคียงระดับปฐมฌาน..แสงที่สว่างที่เกิด นิมิตรที่เห็นมันใกล้เคียงกันมาก
    จนแยกได้ยากว่าอะไรเป็นอะไร ต่อให้เราพยายามบังคับให้ต้นแสงมัน
    ย่อหรือขยายทำอย่างไรก็จะทำไม่ได้ครับ ...
    ถ้าแสงมันขึ้นมาอีก ให้เราไม่ต้องสนใจนะครับ ให้เรารอจนกระทั่งแสง
    มันค่อยๆสว่างน้อยลง และมันก็ค่อยๆสว่างขึ้นมาเอง ช่วงนี้มันจะเป็นไป
    ของมันเองครับใช้เวลาหน่อยครับ..และไอ้แสงที่เริ่มสว่างขึ้นมานี่หละครับ
    ถ้าเราเห็นต้นกำเนิดแสงได้ มันจะเปลี่ยนไปตรงที่ มันจะไม่ใช่แค่แสงสว่าง
    แบบขาวๆนาลๆธรรมดา แต่มันจะเป็นแสงที่มีความสว่างในตัวเป็นพิเศษ
    ถึงตรงนี้ กำลังสมาธิสะสมเราถึงจะมีเพียงพอในการที่จะบังคับให้ต้น
    แสงเปลี่ยนรูปร่างได้ครับ. หรือเราจะลองอฐิษฐานดูก็ได้ครับ
    อฐิษฐานในทำนองอยากรู้อะไรก็ปรากฏ มันจะปรากฏในให้เห็นที่ต้นแสง
    นั้นหละครับ...ทำถึงจุดนี้ได้ ตัวจิตเราจะเริ่มมีกำลังจิตขึ้นมาครับ..

    โดยสรุป แม้ว่าจะเกิดอาการในข้อ ๑ หรือ ๒ ให้เลิกสนใจ เลิกคิด เลิกไปดูมัน
    เลิกไปพยายามสนใจที่จะรู้ เลิกใช้ความเห็นตีความ เพราะสังเกตุได้ต่อให้เรา
    เห็นบ่อยๆ ตัวจิตเราก็จะไม่มีการพัฒนาความพิเศษอะไรได้...
    แล้วนั่งสมาธิของเราต่อไปครับ...

    ถ้ามันจะพัฒนา ในเวลาปกติเวลาเราดูรูปภาพอะไร สายตาเราจะดีกว่าปกติ
    คือจะเริ่มเห็นนามธรรมต่างๆได้ด้วยตาเปล่า เราจะรับรู้เรื่องพลังงานภายนอก
    ต่างๆได้ดีขึ้น..การรักษาอารมย์ให้ปกติหรือภูมิต้านทานต่อการรับรู้ภายนอก
    ในเวลาปกติเราจะขึ้น..ความเข้าใจทางด้านนามธรรมเราจะดีขึ้นครับ..
    ถ้าไม่เลิกสนใจ สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นจะไม่เกิดกับเราซักอย่าง...
    แม้เราบอกว่าไม่อยากให้เกิด มันก็จะเกิดได้ของมันเองครับ..

    ถ้าเป็นกรณีพิเศษทำได้แค่ครั้งเดียว..
    สภาวะปกติตาเราจะดีเป็นพิเศษ เริ่มมองเห็นอะไรได้ด้วยตาเปล่า
    เริ่มสัมผัสพลังงานภายนอกต่างๆได้..เริ่มรับรู้อะไรที่พิเศษๆได้..
    ความเข้าใจทางนามธรรมเราจะดีขึ้น....

    ประมาณนี้ลองพิจารณาดูนะครับ...
     
  13. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    มีครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าท่านกล่าวว่าแสงสว่างอันใดหนอที่เกิดกับท่านช่างมหาศาลขนาดนี้. จักขุ ญาน ปัญญา วิชชา แสงสว่าง
     
  14. มาจากดิน

    มาจากดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2008
    โพสต์:
    5,913
    กระทู้เรื่องเด่น:
    10
    ค่าพลัง:
    +2,493
    เมื่อ จขกท. ดูทางแยกก่อนหน้าแล้ว หันมาดูแยกนี้บ้าง คุณจะไปทางไหน (ไม่ต้องสวยต้องหล่อแต่เลือกได้)


    ธัมมุทธัจจ์ ฟุ้งซ่านธรรม, หรือวิปัสสนูปกิเลส อุปกิเลสของวิปัสสนา, สภาวะที่ทำให้วิปัสสนามัวหมองข้องขัด, สภาพน่าชื่นชม ซึ่งเกิดแก่ผู้เจริญวิปัสสนาในขั้นที่เป็นวิปัสสนาอย่างอ่อน (ตรุณวิปัสสนา) แต่กลายเป็นโทษเครื่องเศร้าหมองแห่งวิปัสสนา โดยทำให้เข้าใจผิดว่าตนบรรลุมรรคผลแล้ว จึงชะงักหยุดเสีย ไม่ดำเนินก้าวหน้าต่อไปในวิปัสสนา มี ๑๐ อย่าง คือ

    ๑. โอภาส แสงสว่าง ซึ่งรู้สึกงามเจิดจ้าแผ่ซ่านไปสว่างไสวอย่างไม่เคยมีมาก่อน
    ๒. ปีติ ความเอิบอิ่มใจ รู้สึกเต็มเปี่ยมไปทั่วทั้งตัว
    ๓. ญาณ ความหยั่งรู้ที่เฉียบแหลมคมกล้า รู้สึกเหมือนว่าจะพิจารณาอะไรเป็นไปไม่มีติดขัด
    ๔. ปัสสัทธิ ความสงบเย็น เกิดความรู้สึกว่าทั้งกายและใจสงบสนิท เบา นุ่มนวล คล่องแคล่ว แจ่มใสเหลือเกิน ไม่มีความกระวนกระวาย ความกระด้าง หนัก ความไม่สบาย หรือความรำคาญขัดขืนใดๆเลย
    ๕. สุข มีความสุขที่ประณีตละเอียดอ่อนลึกซึ้งอย่างยิ่งแผ่ไปทั่วทั้งตัว
    ๖. อธิโมกข์ เกิดศรัทธาอย่างแรงกล้าประกอบเข้ากับวิปัสสนา ทำให้จิตใจมีความผ่องใสอย่างเหลือเกิน
    ๗. ปัคคาหะ ความเพียรที่ประกอบกับวิปัสสนา ซึ่งพอเหมาะพอดี เดินเรียบ ไม่หย่อนไม่ตึง
    ๘. อุปัฏฐาน สติที่กำกับชัด มั่นคง ไม่สั่นไหว จะนึกถึงอะไร ก็รู้สึกว่าระลึกได้คล่องแคล่วชัดเจน เหมือนดังแล่นไหลไปถึงหมด
    ๙. อุเบกขา ภาวะจิตที่ราบเรียบ เที่ยง เป็นกลางในสังขารทั้งปวง
    ๑๐. นิกันติ ความพอใจติดใจที่สร้างความอาลัยในวิปัสสนา มีอาการสงบ สุขุม ซึ่งความจริงเป็นตัณหาที่ละเอียด แต่ผู้ปฏิบัติไม่สามารถกำหนดจับได้ว่าเป็นกิเลส

    ธรรมทั้งหมดนี้ (เว้นแต่นิกันติ ซึ่งเป็นตัณหาอย่างสุขุม) โดยตัวมันเอง มิใช่เป็นสิ่งเสียหาย มิใช่เป็นอกุศล แต่เพราะเป็นประสบการณ์ประณีตล้ำเลิศที่ไม่เคยเกิดมีแก่ตนมาก่อน จึงเกิดโทษเนื่องจากผู้ปฏิบัติไปหลงสำคัญผิดเสียเองว่าเป็นการบรรลุมรรคผล
     
  15. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ..................เอ่อ....ทีตัว ยังบอกให้ฝีก ดู หนัง Av...อยู่เลย ทำไม ไม่ สอน ตัวแบบนี้บ้างละครับ...เอ่อ:cool:คุณนี่ หลงหลง ลืม ลืม นะ
     
  16. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ผมบอกว่าอย่าไปดูเลย. ถ้าจะดูก็ดูได้ดูอย่างไรเพื่ออะไร
     
  17. paetrix

    paetrix เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 เมษายน 2011
    โพสต์:
    2,478
    ค่าพลัง:
    +1,878
    ......ดริฟท์ ขั้นเทพเหมือนกัน อิอิ:cool:
     
  18. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,616
    ค่าพลัง:
    +3,015




    มนุษย์ แต่ละคนก็มีทางปฏิบัติ
    ที่ต้องแตกต่างกัน ไม่เหมือนกันเป๊ะๆ
    เราใช้ประสพการณ์ของคนอื่น
    มาเป็นครูของเรา


    ทางเลือก ก็ควรมีหลายทาง
    ผู้เลือกเท่านั้น ที่จะเข้าใจว่า
    ทางเลือกเส้นไหน เหมาะกับตัวเอง
    ต้องปฏิบัติลองดูเท่านั้น
    จึงจะเข้าถ่องแท้


    การปฏิบัติก็มีหลายทางให้เลือก
    บางคน ต้องขึ้น สมาธิ ก่อน
    บางคน ต้อง กสิน ก่อน
    บางคน ต้อง วิปัสสนา ก่อน
    บางคน ต้อง สติ ก่อน
    บางคน ต้อง สมาธิ คู่ วิปัสสนา

    การปฏิบัติที่เร็วที่สุด ก็คือ
    ต้องเริ่มจากของเก่าของเราเท่านั้น
    จะเป็น สมถะ หรือ วิปัสสนา
    ก็เป็นธรรมทั้งนั้น
    จะไปมัวคิดว่า ถูก หรือ ผิด ทำไม
    ลองปฏิบัติดู เดี๋ยวก็รู้เอง
    ว่าถูก หรือ ผิด

    เมื่อออกตัวได้ เดี๋ยวความพลิกแพลง ก็จะตามมาเอง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 เมษายน 2015
  19. bigtoo

    bigtoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    2,345
    ค่าพลัง:
    +1,448
    ท่านรู้ได้อย่างไรว่าทางนั้นคือทางที่เหมาะสำหรับเขา. อานาปานสติพระองค์กล่าวไว้ไม่ใช่เหรอครับ. อันชนเหล่าใดทำให้มากเจริญให้มากย่อมทำให้เข้าถึงวิมุติเลย
     
  20. nilakarn

    nilakarn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2011
    โพสต์:
    3,616
    ค่าพลัง:
    +3,015





    งั้นลองอธิบายมาทีครับว่า
    อานาปานสติ แบบไหนกัน
    ที่ทำให้ถึงวิมุตติได้
     

แชร์หน้านี้

Loading...