"นั่งหลับตาอยู่ในป่ารู้เห็นทุกอย่าง ขอให้ชาวไทยอยู่ในธรรม " ทำพินัยกรรมยกเข้าคลังหลวง

"นั่งหลับตาอยู่ในป่ารู้เห็นทุกอย่าง ขอให้ชาวไทยอยู่ในธรรม " ทำพินัยกรรมยกเข้าคลังหล

​

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี ได้เมตตาให้โอวาทว่า

"เราบวชมา เราก็ไม่เคย จะมาคิดเรื่องเกี่ยวกับการบ้านการเมืองช่วยชาติบ้านเมือง เรื่องเหล่านี้หรอก แต่นี้เราก็เป็นลูกมนุษย์ชาติไทยจะว่าไงความเกี่ยวโยงถึงกันอยู่ ไปบวชก็เป็นลูกของพี่ช้องชาวไทย บวชที่ไหนพระสงฆ์ก็เป็นพระสงฆ์ไทย ความได้ความเสียมันกระเทือนถึงกันอยู่"

นั่งหลับตาอยู่ในป่าหัวใจมันหลับเมื่อไหร่ ตาเห็นชั่วระยะนี้ ใจเห็นชั่วระยะไหน มีขอบเขตที่ไหน ทำไมจะไม่ทราบเรื่องกระทบกระเทือน ความได้ความเสียภายในประเทศของเรา มันต้องทราบจนได้ นอกจากจะพูดหรือไม่พูดเท่านั้น จะพูดมากพูดน้อยอะไรก็แล้วแต่ความจำเป็น เรื่องทราบนี้ปิดไม่อยู่ ต้องทราบ หัวใจมันเป็นนักทราบ หัวใจเป็นนักรู้ต่อเหตุการณ์ทั้งหลาย ต้องรู้
นี่ก็นำออกมาพูดให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบทั่วหน้ากัน

เวลานี้ชาติไทยของเราจะเหลือแต่ชื่อแล้วนะ ทั้งความวุ่นวายจากพวกไม่มีศีลไม่มีธรรม ถ้ามีธรรมก็มีธรรมกิเลส โลภ โกรธ หลง หวง อยากเป็นใหญ่เป็นโต กันทั้งนั้น ดีไม่ดี เขาจะเอาธงมหาภัยของชาติของเขามาปักตรงเมืองไทยของเรา เอาไปกินหมดแล้วไม่มีอะไรให้เขา อันนั้นก็ขายให้เขา อันนี้ก็ขายให้เขา เหล่านี้ต้องคิดไว้เป็นการณ์ใกล้การณ์ไกลทุกคน มันกลืนกินกันอย่างงี้ เพราะอำนาจแห่งปากกว้าง พุงหลวง กินไม่อิ่ม กินไม่พอ กลืนไปกลืนมา นั่นเป็นอย่างไง

นี่แหละนั่งหลับตาอยู่ในป่าในเขามันรู้หมด ประเทศไทยวุ่นวายอย่างไรรู้หมดเพียงแต่ไม่พูดเท่านั้น คนไทยเราให้ยึดธรรมของพุทธองค์เป็นที่พึ่งนะ จะหลับจะนอนไหว้พระสวดมนต์ เจริญสมาธิภาวนา อย่างน้อยวันละ 5 นาที พอ แล้ววันไหนมีศรัทธาก้ให้เพิ่มขึ้นวันละนาทีพอไปเรื่อยๆ นะ



-------------------------------



องค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี
ท่านทำพินัยกรรมจะยกเงินเข้าพระคลังหลวงทั้งหมดทุกบาททุกสตางค์
กลุ่มลูกศิษย์ชึ่งประกอบไปด้วยผู้พิพากษาศาลฎีกาและนักกฎหมายจำนวนหนึ่ง ได้เข้ากราบนมัสการหลวงตามหาบัว ชึ่งหลวงตาได้หารือกับศิษย์กลุ่มนี้อยู่ประมาณ 1 ชั่วโมง แล้วจึงออกเทศน์ใจความว่า

"หลวงตาฯได้ทำพินัยกรรมเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เผื่อว่าหากเป็นอะไรไปจะได้ไม่มีใครเอาเงินไปใช้ในทางที่เป็นอื่น และได้ปรึกษษกับนักกฎหมายเป็นที่เรียบร้อยแล้ว"

จากนั้นหลวงตามหาบัวได้ให้ลูกศิษย์อ่านเนื้อหาภายในพินัยกรรมชึ่งเขียนข้อความว่า

"ข้าพเจ้าพระธรรมวิสุทธิมงคล หรือหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน อายุ 87 ปี (ในปีนั้น ปัจจุบันปี 50 ท่านอายุ 94 ปี) อยู่วัดป่าบ้านตาด ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ขอทำพินัยกรรมฉบับนี้เพื่อให้ทราบโดยทั่วกันว่า เมื่อข้าพเจ้ามรณภาพแล้วให้จัดการทรัพย์สินและงานศพของข้าพเจ้าดังนี้

ระบุยกทรัพย์สินที่มีทั้งหมดช่วยชาติ​

ข้อ 1. บรรดาทรัพย์สินที่มีอยู่แล้ว ในขณะข้าพเจ้ามรณภาพ ให้บรรดาทรัพย์ต่างๆ ชึ่งได้รับบริจาคในงานศพของข้าพเจ้าให้จัดการดังนี้​

ข้อ 1/1 ส่วนที่เป็นทองคำ ให้หลอมเป็นทองคำแท่ง
ข้อ 2/2 ส่วนที่เป็นเงินไม่ว่าสกุลใด ให้นำไปซื้อทองคำแท่ง โยให้นำทองคำแท่งทั้งข้อ 1/1 และ 1/2 ไปมอบไว้แก่ธนาคารแห่งประเทศไทย โยข้าพเจ้าไม่มีเจตนาระบุให้บุคลหรือคณะบุคลใดนำไปใช้เพื่อการอื่น นอกจากจะให้เป็นทุนสำรองของประเทศไทยเท่านั้น​

ข้อ 2.ให้ตั้งคณะกรรมการเพื่อจัดการงานศพและร่วมกันจักการดูแลทรัพย์สินทั้งหมดที่มีอยู่ในขณะมรณภาพที่จะได้รับบริจาคในงานศพของข้าพเจ้า โยให้ดำเนินการอย่างเปิดเผยและดำเนินการตามเจตนาที่พินัยกรรมระบุในข้อ 1​

ข้อ 3.ให้คณะกรรมการตามข้อ 2.นั้ระบุจำนวน.....คน
ข้อ 4.ข้าพเจ้าขอตั้งให้นาย.....................เป็นผู้จัดการมรดกของข้าพเจ้า
เพื่อเข้าคลังหลวง
พินัยกรรมนี้จะทำไว้ 3 ฉบับ มีข้อความถูกต้องตรงกัน ยังไม่ขอบอกว่าเก็บไว้ที่ใด เราจะเป็นคนเก็บไว้เอง พินัยกรรมฉบับนี้ทำขึ้นด้วยความสมัครใจของข้าพเจ้า และข้าพเจ้ามีสติสัมปัชชัญญะสมบูรณ์ทุกประการ จึงลงชื่อไว้ต่อหน้าพยาน
ลงชื่อ หลวงตามหาบัว ญารสัมปันโน หรือพระธรรมวิสุทธิมงคล ส่วนด้านท้ายของพินัยกรรมนั้นระบุถึงผู้ที่จะลงนามเป็นพยานในการทำพินัยกรรมฉบับนี้​

หลังจาที่หลวงตามหาบัว อ่านพินัยกรรมจบ บรรดาศิษย์ยานุศิษย์ต่างพากันตะลึงตกใจ และมีสีหน้าเศร้าสร้อย ต่อจากนั้นหลวงตามหาบัวกล่าวอีกว่า​

เดี๋ยวมาต่อนะครับ​

 

ท่านเกิดมาเพื่อโปรดสัตว์โลกจริงๆ คนอายุเก้าสิบกว่ากี่คนที่จะทำอย่างหลวงตาได้ ขออานุภาพแห่งพระรัตนตรัยโปรดอภิบาลดูแลให้ธาตุขันธ์ของหลวงตามีความเเข็งแรง อยู่เพื่อช่วยสัตว์โลกตราบนานเท่านาน

 

สาธุ อย่าหมายถึงว่าหลวงตาจะละสังขารน่ะครับ สาธุ อยู่เป็นธงชัยแห่งพระศาสนาก่อนเทอญ สาธุ

 

อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
ในมหาบุญเพื่อชาติเพื่อแผ่นดิน
แม่ทัพธรรม แห่งพุทธศาสนา อย่าเพิ่งอ่อนล้าอยู่เป็นร่มโพธิ ร่มไทร
เป็นหลักชัย ให้ยึดเหนี่ยว
คนไทยจะได้มีที่พึ่ง

 

อนุโมทนาอย่างยิ่งคับ เหตุเกิดเมื่อ 7 ปีที่แล้ว / ยุคไอเอ็มเอฟ

 

คุณไตรภพเห็นความจริงจังในการช่วยชาติของหลวงตา..ต่อมาได้ตามไปช่วยเป็นพิธีกรในงานผ้าป่าดอลลาร์ 84000 กองๆ ละ 100 เหรียญสหรัฐฯ จากการร่วมพลังของคนไทยทั้งชาติทำให้ได้เกินเป้ารวมกว่าแสนกอง...


จะเซ็นพินัยกรรมก่อนตาย <O</O
หลังจากที่หลวงตามหาบัว อ่านพินัยกรรมจบ บรรดาศิษย์ยานุศิษย์ทั้งหลายต่างพากันตกตะลึงใจ และมีสีหน้าเสร้าสร้อย ต่อจากนั้นหลวงตามหาบัวได้กล่าวต่อไปอีกว่า<O</O

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top>

​

ได้ขออนุญาตนำข้อความที่น้อง GG โพสต์ไว้ในกระทู้ กองทุนวิทยุเสียงธรรมเพื่อประชาชนวัดป่าบ้านตาด มาตั้งเป็นกระทู้ใหม่เพื่อจะได้เห็นกันชัดขึ้นนะครับ เผื่อว่าใครพลาดพลั้งไปจะได้ไปกราบขอขมาท่านได้ทันครับ

--------------------------

มีใครเป็นแฟนประจำของวิทยุเสียงธรรม (ของหลวงตาบัว) บ้างไหมคะ อยากทราบว่ามีใครได้บังเอิญฟังเรื่องนี้ทางวิทยุหรือเปล่าเอ่ย?

มีเรื่องเล่าสนุกๆ + น่าอนุโมทนาให้ฟังค่ะ

เรื่องเล่าจากวัดป่าบ้านตาด

เมื่ออาทิตย์ก่อน คุณพ่อและคุณอาได้ไปกราบหลวงปู่ทุยที่วัดป่าด่านวิเวก
หลังจากสนทนาธรรมกันพอสมควร คุณอาก็บอกว่าที่ผมมีอาการอัมพฤกษ์และปากเบี้ยวขึ้นมานี่ คงเป็นเพราะวิบากจากการปรามาสพระอริยะ
ประกอบกับในอดีตก็ได้วิจารณ์หลวงตามาตลอด
หลวงปู่ทุยท่านรีบบอกเลยว่า ให้ไปขอขมาหลวงตาเดี๋ยวนี้เลย

วันรุ่งขึ้น คุณพ่อคุณอาจึงไปวัดป่าบ้านตาดแต่เช้า ระหว่างที่หลวงตาออกมารับบาตร
คุณอาก็พุ่งฝ่าฝูงขนเข้าไปกราบท่าน และบอกว่า
"ผมขอขมาหลวงตาด้วยครับ เมื่อก่อนผมเคยวิจารณ์หลวงตาว่า หลวงตาเมตตาไม่เท่ากัน
ท่านเมตตาคุณทักษิณ มากกว่าคุณชวน"
เท่านั้นแหละ ทั้งพระทั้งฆราวาสต่างกันหัวเราะเฮ!!! (ขณะนั้นได้ออกอากาศสดทางวิทยุเสียงธรรมด้วย)
ส่วนคุณพ่อเราไม่ได้ฝ่าฝูงชนเข้าไป แต่ก็นึกกราบขอขมาในใจ
หลวงตาก็มีเมตตา ท่านก็ให้อโหสิ และบอกว่า "อาตมาก็เมตตาเท่ากันแหละ ไม่ให้มันทะเลาะกัน"
ฝูงชนก็เลยพร้อมใจกันอนุโมทนาคุณอาที่มีความกล้ามาสารภาพบาป และขอขมาต่อหลวงตา
สักพัก ก็มีผู้ที่ฟังเสียงธรรมโทรศัพท์เข้ามาหลายสายเลย มีมาจากสุราษฎร์ก็มี เข้ามาอนุโมทนากันใหญ่

ทีนี้บรรดาลูกศิษย์ก็เลยเข้ามาคุยกับคุณอาและคุณพ่อกันใหญ่ (คุณอาเรากลายเป็นคนดังไปแล้ว )
ก็มีคนพูดขึ้นมาว่า เนี่ยคุณทั้ง 2 นี่โชคดีนะ ที่มีโอกาสมาขอขมาหลวงตา ในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่
(พ่อเล่าว่า ฟังแล้วขนลุกเลย)
และก็มีคนเสนอว่า น่าจะร่วมบุญกับหลวงตาด้วยนะ ฯลฯ
คุณอาเลยเข้าไปกราบเรียนหลวงตาว่า จะขอทำบุญเครื่องมือแพทย์กับหลวงตาจำนวน -,---,--- บาท ในวันที่ 2 ก.พ.นี้
(คุณอาไม่ทราบเลยว่า กำลังถ่ายทอดออกอากาศวิทยุอยู่)

เลยกลายเป็นว่า คุณอามี"แฟนคลับ"ทางวิทยุทั่วประเทศที่ได้ฟังในวันนั้น ซึ่งคอยลุ้นอยู่ว่า จะมาถวายปัจจัยในวันที่ 2 ก.พ.ตามที่ปวารณาไว้จริงไหม
วันที่ 1 ก.พ. ก็ได้ไปร่วมงาน วัดป่าดานวิเวกท่านพระอาจารย์ทุย (ปรีดา)
http://larndham.net/index.php?showtopic=24053&st=0

พอเช้าวันที่ 2 ก.พ. หลวงตาและคณะก็รอเลย ซึ่งคุณอาก็ได้ไปถวายเช็คซึ่งมากกว่าจำนวนที่ปวารณาไว้อีก 100,000 บาท บอกว่าเป็นดอกเบี้ยครับท่าน
ซึ่งเหตุการณ์ตอนที่ถวายปัจจัยนี้ ไม่ได้ถ่ายทอดสด
เลยมีแฟนๆทางบ้าน บ่นว่าน่าเสียดายๆๆๆ กันใหญ่ เพราะว่าลุ้นมาตลอดว่าคุณอาจะมาจริงไหม
ตลกดีเพราะ คุณพ่อใช้คำว่า "แฟนคลับ" เลย

เสร็จแล้วก็ไปทำบุญเป็นเจ้าภาพสวดอภิธรรมหลวงปู่เหรียญในวันที่ 2 ก.พ.ต่ออีก

วันนี้คุณพ่อและคุณอากำลังเดินทางกลับกรุงเทพฯค่ะ ขอให้คุณพระคุ้มครองเดินทางโดยสวัสดิภาพ

ขออนุโมทนากับคุณอาและคุณพ่อค่ะ
ขอให้กุศลจิตที่ได้บังเกิดขึ้นแล้ว จงส่งผลเป็นปัจจัยให้คุณพ่อและคุณแม่ของข้าพเจ้า มีสัมมาทิฏฐิ มีความเห็นตามความเป็นจริงคือธรรมะด้วยเทอญ


____________________________________


<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="94%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=postbody vAlign=top>ได้ยกข้อความเกี่ยวกับเรื่องนี้จากเว็บ luangta.com มาไว้ที่ด้านล่างครับ (คัดลอกจากธรรมเทศนาที่วัดป่าบ้านตาด เมื่อเช้าวันที่ ๒๔ ม.ค. ๕๐)

------------------------

....(ผมมาจากกรุงเทพ เคยพูดจาสบประมาทท่านตั้งหลายหน เมื่อ ๓ เดือนก่อนผมยังพูดจาชัดเจน เดี๋ยวนี้กลายเป็นพูดไม่ได้แล้ว ขอความกรุณาหลวงตางดโทษให้ผมด้วยครับ) ประมาทว่ายังไงว่ามาซิ (ทุกคนบอกว่าหลวงตาเสร็จกิจแล้ว ผมว่าไม่หรอก เพราะท่านไม่เมตตานายกฯชวนเหมือนท่านทักษิณ พระอรหันต์จะต้องเมตตาเท่ากัน ผมผ่านวัดหลวงตาหลายครั้ง ไม่เคยจะนึกเข้ามากราบท่าน แม้แต่เณรอายุ ๑๐ ขวบผมก็ยังกราบ แต่ไม่เคยศรัทธาหลวงตาเลย ผ่านที่นี้หลายครั้ง)

เอ้าว่าไปซิผู้กำกับ อธิบายให้ฟัง (เขาได้ยินข่าวมาว่าหลวงตาเป็นพระอรหันต์แล้ว แต่เขาไม่เชื่อเพราะว่าหลวงตาไม่เมตตานายชวน หลีกภัย ไปเมตตานายทักษิณ ชินวัตร เขาบอกไม่ยุติธรรม เรื่องมันนานแล้วครับเมื่อ ๗ ปีก่อน เขาเคยผ่านมาที่วัดนี้บ่อยๆ เขาก็ไม่เข้ามากราบ แม้เณรเขาก็กราบ แต่หลวงตาเขาไม่เข้ามากราบ เขาเลยพูดไม่ชัด จึงมาขอขมาหลวงตาครับ) เป็นยังไงจึงต้องมาขอขมา (เขาดีๆ อยู่ไม่เป็นอะไร พอไปคิดอย่างนี้เลยทำให้พูดจาไม่ชัด เขาเลยคิดว่าเป็นเพราะเขาประมาทพลาดพลั้งในองค์หลวงตา จึงมาขอขมาครับ)

(ในชีวิตผมก็ทำบุญมาเยอะ ผมสร้างพระไตรปิฎกมา ๒๐ กว่าล้านบาท ผมทำบุญในพระพุทธศาสนามามากกว่า ๔๐ ล้านบาท ทั้งโรงพยาบาลต่างๆ พิจารณาเห็นว่ามีแต่เรื่องนี้ที่ผมทำบาป) เขาว่าไง (เขาบอกเขาทำบุญมามากมาตลอดทั้งในพระพุทธศาสนาและโรงพยาบาลต่างๆ เขาคิดดูแล้วไม่มีเรื่องอื่นที่ทำให้เขาพูดจาไม่ชัด คิดว่ามีเรื่องเดียวเกี่ยวกับองค์หลวงตา จึงมาขอขมาครับ) เพราะอะไรกับเราจึงขอขมา (เขาบอกได้ประมาทหลวงตาเกี่ยวกับไม่เมตตาคนให้เสมอกัน ไปเมตตาทักษิณมากกว่านายชวน เขาคงเป็นพรรคพวกของนายชวน ประชาธิปัตย์ครับ) (ไม่ใช่ครับ ผมนับถือคนที่มีคุณธรรม)

อ้าว ทีนี้แก้ใหม่ ถ้าหากว่าเราประมาท เราเมตตาทั้งนายชวนทั้งลูกศิษย์นายชวนด้วย ทั้งทักษิณก็ลูกศิษย์ด้วย เมตตาด้วยกันทั้งนั้น แต่อย่ากัดกันเราไม่ใช่หมา เข้าใจไหม เท่านั้นละพอ (เขายังติดใจว่าหลวงตาให้อภัยเขาหรือเปล่าครับ) ให้ คิดผิดก็คิดใหม่เสียซิ (เมื่อสองวันก่อนผมไปกราบพระอาจารย์ทุยที่วัดป่าดานวิเวก ท่านบอกว่าผมต้องมาวัดป่าบ้านตาดมากราบหลวงตา แล้วทุกอย่างจะดีเอง)....

....ก็เท่านั้นละไม่เห็นมีอะไร ตะกี้นี้พูดมีข้อข้องใจตรงไหน (ที่ว่ามากราบขอขมาที่พูดไม่ชัดนี่ คนนี้หรือเปล่าที่ว่าที่หลวงตาบอก หลวงตาเมตตาทั้งนายชวนทั้งบริษัทบริวารนายชวน นายทักษิณ บริษัทบริวารนายทักษิณเท่ากันหมด) ก็เมตตาไปแล้ว (แล้วก็หลวงตาบอก เขาคิดอย่างนั้นไม่ดี ตอนนี้กลับไปคิดใหม่ในทางที่ดี) แล้วปากเป็นอะไรที่ว่าพูดไม่ชัด (ปากไม่ค่อยจะดีครับ ปากเสีย) ไหนว่าไง (ปากเบี้ยวแล้วพูดไม่ค่อยชัดเจน สามเดือนก่อนยังหล่ออยู่เลย)

มันเบี้ยวนี่ก็เบี้ยวใหม่เสีย เข้าใจไหม มันเบี้ยวทางหนึ่งมันผิดไป เบี้ยวใหม่เสียก่อน เท่านั้นละ เข้าใจไหม เบี้ยวให้ถูกเสีย (หลวงตาจับให้ตรงหน่อย) ไม่ว่าใจใครละมันคึกคะนองเหมือนกันหมดแหละ เป็นแต่เพียงไม่พูดออกมาเฉยๆ มันคึกคะนองอยู่ในใจ มันคิดซอกแซกซิกแซ็กบ้านั้นบ้านี้เป็นบ้า ใจคนเป็นอย่างนั้น เราก็ไม่มีอะไร จะให้อภัยอะไรอีก (หลวงตารับขมาเขาเขาก็คงจะสุขภาพสมบูรณ์ดีครับ หายเบี้ยวครับ) ก็มีเท่านั้นละไม่เห็นมีอะไร

(หนูขออนุญาตพูดกับคนนั้นหน่อยค่ะ เพื่อให้สุขภาพคุณดีเร็วๆ คุณทำบุญถวายหลวงพ่อสัก ๑ ล้านเรื่องเครื่องมือแพทย์ จะหายวันหายคืนเลยค่ะ) เท่านั้นละ เอาละหายละไม่ต้องถวายก็ได้ พอหายแล้วไม่ต้องถวายก็ได้ (หลวงพ่อครับเมื่อสามเดือนก่อน ผมเข้าไปรักษาที่โรงพยาบาลศิริราช ผมถวาย ๑ ล้านบาทให้ทันที แล้วก็บอกอีก ๘ ล้านบาท จะถวายภายใน ๒-๓ อาทิตย์นี้เกี่ยวกับโรคหัวใจ ผมป่วยครั้งนี้ก็เลยให้โรงพยาบาลศิริราช บริจาค ๙ ล้านบาท แล้วก็ถ้ามีโอกาสผมจะมาถวายให้ท่านอีก ๑ ล้าน )

เขาว่าไง (เขาไม่สบายไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลศิริราช เขาบริจาคไป ๑ ล้านบาทให้ศิริราช แล้วก็สัญญาว่าจะให้อีก ๘ ล้านบาท ที่ศิริราชนะครับ แล้วเมื่อกี้นี้อาจารย์นิดแนะนำในทางที่ดีที่ถูก เขาบอกเขาก็เลยตั้งใจจะมาทำบุญกับหลวงตา ๑ ล้านบาท ในโอกาสต่อไปครับ) เออ เราจะเตรียมรอโอกาสนะต่อไปนี้ (เป็นวันที่ ๒ เดือนหน้าครับ) จากนี้ไปถึงกุมภาพันธ์ คิดดอกจะประมาณเท่าไร อ้าว มันมีดอกนี่ ทุกอย่างมีดอกมีผลจะต้องคิดซิ จากนี้ไปถึงกุมภาพันธ์ คิดดอกวันละเท่าไร (เขาให้ดอกอีกแสนหนึ่งค่ะ ๑ ล้าน ๑ แสนค่ะ) เอาละมอบคืนไม่เอา มอบคืนไป เอาละพอ

เรามีอะไรกันกับนี้ตะกี้นี้ ว่าอะไร มีโทษมีกรรมอะไรต่อกัน (ของเดิมนะครับตามที่เขาเล่า เขาก็ไปคิดเองละครับ เขาว่าหลวงตาไปเมตตาทักษิณมากกว่านายชวน เป็นเรื่องอดีต ทีนี้หลวงตาไม่เอาทั้งสองคนละครับ เป็นเรื่องอดีตครับ เขาคิดว่าหลวงตาเมตตาทักษิณมากกว่านายชวน เขาก็คิดไป แล้วเขาเลยบอก เขาผ่านวัดหลวงตาบ่อยๆ เขาไม่เข้ามากราบ เขาก็ประมาทพลาดพลั้งว่า แม้แต่เณรเขาก็กราบ แต่มาหลวงตานี้เขาไม่เชื่อเขาไม่กราบ) เอ้อ ไม่เป็นไรๆ เอาละพอ

จาก : http://www.luangta.com/thamma/thamma_talk_text.php?ID=4300&CatID=0

____________________________________</TD></TR><TR><TD>

</TD></TR><TR><TD class=postdetails vAlign=bottom height=40>
</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR><TR><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ภาพหลวงปู่หล้า เป็นศิษย์หลวงปู่มั่น หลังหลวงปู่มั่นมรณภาพแล้ว ก็ฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงตา

</TD></TR></TBODY></TABLE>
​

หลวงตามหาบัว ... มหาบุราผู้ไม่ลืมคุณแผ่นดิน แม้เพียงเสี้ยวเม็ดทรายที่เหยียบย่าง ฝ่าอันตรายหักกงกรรมแห่งสังสารวัฏคือการเทียวเกิดเทียวตายได้แล้ว ก้ไม่ลืมผู้ยากไร้ที่อยู่เบื้องหลัง<O</O
มหาบุรุษผู้พักดีแผ่นดินเอย !!!

 

​

ท่านพระอาจารย์มั่น ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้า


..... พุทธศักราช 2482 .....เวลา 64 ปีที่ผ่านมา ท่านพระอาจารย์มั่น ภูริทัตตะมหาเถระ พระวิปัสสนาจารย์ใหญ่ผู้มีหลักธรรมอันแสนแยบยล มีญาณวิถีกว้างไกล หยั่งทราบอดีตอนาคต ท่านพระอาจารย์มั่นได้จาริกธุดงค์อยู่ทางภาคเหนือ ได้กล่าวยกย่องและทำนายภิกษุหนุ่มรูปหนึ่ง ชึ่งยังไม่เคยพบเห็นกันมาก่อน ด้วยอนาคตังสญาณว่า<O</O
“ในอนาคตกาลอีกไม่นาน จักมีพระหนุ่มรูปหนึ่งเข้ามาหาเรา เพื่อฝากตัวเป็นศิษย์ เธอจะทำประโยชน์ใหญ่แก่ประเทศชาติและพระศาสนา “<O</O
และต่อมาท่านพระอาจารย์มั่นจึงบอกแก่หมู่สงฆ์ จึงทราบกันทั่วแล้ว ว่าภิกษุหนุ่มรูปนั้นก็คือพระมหาบัว ญาณสัมปันโน<O</O
<O</O

วัดป่าหนองผือ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร​

ท่านพระอาจารย์มั่น แก้จิต 3 วาระ
<O</O
พุทธศักราช 2485 – 2492 พระมหาบัว ญาณสัมปันโน ได้เข้าไปศึกษาและปฏิบัติธรรมกรรมฐานในสำนักของท่านพระอาจารย์ใหญ่มั่น ภูริทัตโต เป็นเวลา 8 ปี ยอมสยบในภูมิจิตภูมิธรรมอันละเอียด อ่อนแยบยลที่ท่านพระอาจารย์มั่น อบรมสั่งสอนถึง 3 วาระ<O</O

วาระที่ 1 พระมหาบัวได้นั่งสมาธิภาวนาตลอดรุ่งติดต่อกันหลายวันจนกระทั่งก้นผุพองแตกน้ำเหลืองไหลเยิ้มออกมา ท่านพระอาจารย์มั่นได้ให้อุบาย “กิเลสมันไม่ได้อยู่ที่กายนะ มันอยู่ที่ใจ เหมือนสารถีฝึกม้า ถ้าม้าหายพยศ การฝึกหนักควรลดลง”<O</O

วาระที่ 2 พระมหาบัว ติดสมาธิอยู่ถึง 5 ปี จิตท่านสงบแน่วแน่ไม่หวั่นไหวดั่งภูผาหิน อยู่ที่ไหนสงบสบายหมด ท่านพระอาจารย์มั่นจึงให้อุบายว่า “สุขในสมาธิเท่ากับเนื้อติดฟัน สามธิทั้งแท่งเป็นสมุทัยทั้งแท่ง ให้ออกเดินทางในด้านปัญญาให้ถึงแก่นแท้”<O</O

วาระที่ 3 ท่านมหาบัว เพลินพิจารณาในด้านปัญญา ทั้งวันทั้งคืนเกินตัว ไม่หลับไม่นอน คิดตำหนิสมาธิว่า “นอนตายอยู่เฉยๆ ปัญญาต่างหากสามารถแก้กิเลสได้” ท่านพระอาจารย์มั่น รู้วาระจิตพระมหาบัว เลยเรียกมาให้อุบายว่า “บ้าหลงสังขาร” คือการพิจารณาเพลินเกินตัว ไม่รู้จักประมาณ สมุทัยแทรกเข้าในจุดนี้ ให้พักจิตเข้าสมาธิ
​

​

 

​

วิธีพิสูจน์พระอรหันต์​

<O</O
เราจะมีวิธีพิสูจน์ได้อย่างไร ว่าภิกษุรูปใดเป็นพะอรหันต์หรือไม่ เพราะเราไม่อาจทราบด้วยเครื่องหมายภายนอกใดๆ<O</O
พุทธดำรัส

 

​

พระมหาบัว ได้อุปัฏฐากรับใช้ท่านพระอาจารย์มั่น และรับอุบายธรรมภาวนาอยู่ 8 ปี จนกระทั่งพระอาจารย์มั่นมรณภาพนิพพานจากไปในวันที่ 11 พฤศจิกายน 2492<O</O
<O</O
<O</O
จารึกประวัติศาสตร์ครั้งที่ 1
<O</O
ประวัติศาสตร์ของพระพุทธศาสนาในยุคกึ่งพุทธกาลต้องจารึกไว้ว่า<O</O
พระมหาบัว ญษณสัมปันโน อายุ 37 ปี พรรษา 16 ออกปฏิบัติธุดงค์กรรมฐานอย่างเข้มงวด ตั้งสติไว้อย่างแม่นมั่นว่า

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ประตูวัดป่าบ้านตาด...เมื่อเปิดแล้วให้รีบปิด เพื่อกันสุนัข แมว หรือสัตว์อื่นๆ เข้าไปกัดกินไก่ป่า กระต่าย กระรอก กระแต ฯลฯ ....ทุกชีวิตปลอดภัยใน..วัดป่าบ้านตาด..</TD></TR></TBODY></TABLE>




<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>พระประธานบนศาลาวัดป่าบ้านตาด</TD></TR></TBODY></TABLE>



​

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ชั้นล่างของศาลาวัดป่าบ้านตาด เป็นบริเวณที่หลวงตาฉันภัตตาหารเช้า(ฉันวันละมื้อเดียว) เสร็จภัตตกิจหลวงตาจะเมตตาแสดงธรรมเป็นประจำทุกวัน</TD></TR></TBODY></TABLE>





<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ทางเดินจงกรมของหลวงตา ท่านยังคงเดินเป็นประจำทุกวันท่านเคยกล่าวว่าท่านเดินเพื่อพิจารณาข้ออรรถธรรมมิใช่เพื่อตนแต่เพื่อโลก ทั้งยังเป็นการรักษาธาตุขันธ์ของท่านเอง อีกประการหนึ่งเป็นการสอนพระเณรมิให้เกียจคร้านในการบำเพ็ญสมณธรรม</TD></TR></TBODY></TABLE>




<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=760 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top>ในวัดป่าบ้านตาดจะมีทางจงกรมประจำทุกกุฏิ หลวงตาจะเข้มงวดขันให้พระเณรขยันเดินจงกรม มีเป้าหมายปลายแดนเพื่อความพ้นทุกข์สิ้นเชิง</TD></TR></TBODY></TABLE>

<SCRIPT>SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114234051.jpg','ในวัดป่าบ้านตาดจะมีทางจงกรมประจำทุกกุฏิ หลวงตาจะเข้มงวดขันให้พระเณรขยันเดินจงกรม มีเป้าหมายปลายแดนเพื่อความพ้นทุกข์สิ้นเชิง'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114233904.jpg','กุฏิพระที่มีฝาผนังเป็นไม้สำหรับพระที่มีอายุพรรษาสูงขึ้น '); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114233802.jpg','ช่วงกาลกฐิน(หลังกฐิน 1 เดือน) พระเณรจะช่วยกันกะ ตัด เย็บ ย้อมผ้าชนิดต่างๆ เช่น สบง จีวร สังฆาฏิ เป็นต้น '); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114233653.jpg','ขณะกำลังย้อมผ้า สีเหลืองกรรมฐานย้อมด้วยแก่นขนุนตามพระวินัย สีแดงย้อมด้วยหินแดง ปัจจุบันมีสีวิทยาศาสตร์ท่านก็นำผสมผสานกับสีที่ได้จากธรรมชาติ '); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114233509.jpg','ทางเดินไปกุฏิหลวงตา เต็มไปด้วยแมกไม้ริม 2 ข้างทาง...ธรรมชาตินี้พาจิตใจให้สงบสงัดร่มเย็น'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114233447.jpg','ที่นี่เต็มไปด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร...และยังปลอดภัยอีกด้วยครับ..."ธรรมะ"มีพระคุณต่อพวกเราจริงๆ..'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114233229.jpg','ศรัทธาญาติโยมรอใส่บาตรทุกเช้า..บริเวณด้านหน้าวัดป่าบ้านตาด'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114233023.jpg','ชาวบ้านที่มาก็ไม่ดูดาย..ช่วยกันล้างถ้วย ล้างจาน แก้วน้ำ... เด็กยังช่วยเลย..'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114233014.jpg','วัดป่าบ้านตาดมี 5 ส.มาตั้งแต่ปี 2498 ที่เริ่มตั้งวัดแล้ว...ความสะอาด เป็นระเบียบเรียบร้อยภายใต้ความเรียบง่ายดูได้ที่นี่...'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114233005.jpg','เบื้องหลังความสะอาด...'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232953.jpg','ชีวิตของ"ปุ๊กกี้"ก็มีตารางเวลา...กำลังรอพระเอาข้าวมาให้กินครับ ที่นี่ดูแลผมอย่างดี (ตัวเหม็นก็)อาบน้ำให้ด้วย..'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232943.jpg','ผม"หยอง"ไงฮับ!! ที่หลวงตาพูดถึงผมบ่อยๆ ว่า แอบย่องไปกินขนมในโรงครัว..กินเสียเพลินจนลืมไปว่าใครกันแน่ที่เป็นเจ้าของเรา??'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232933.jpg','ผมชื่อ "สี่" ครับ..หมานะครับไม่ใช่หมู กลัวจะเข้าใจผิดจริงๆ... ที่เห็นสมบูรณ์อย่างนี้เพราะพระนะครับ เห็นท่านตั้งใจผสมอาหารให้..ผมเองไม่อยากกินเล๊ย(อุ๊ย! น้ำลายหก) แต่จำต้องกินมากๆ เกรงใจท่านหน่ะ..'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232919.jpg','อยู่บริเวณศาลาและรอบๆ ได้ครับ..มีอะไรให้ดูเยอะเลยทั้งด้านลนและด้านล่างศาลา.... แต่ด้านในสงวนความสงัดไว้ให้พระเณรท่านได้ "เดินจงกรม" และ "นั่งสมาธิ" ท่านจะได้เป็นที่พึ่งในใจของพวกเราอย่างแท้จริง..'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232908.jpg','น้ำต้มสำหรับไว้ซัก-ย้อมผ้า..ในยามบ่ายใช้เตาเดียวกันนี้ต้มน้ำฝนให้พระเณรได้ฉันน้ำร้อน'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232636.jpg','โกดังโรงทานขนาดใหญ่...เก็บพวกข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำมัน น้ำปลา ปลากระป๋อง น้ำตาล ขนมปังปี๊บ ไข่ลม... และอีกมากมาย จัดเตรียมไว้เป็นทานแก่โรงพยาบาล คนทุกข์คนจน มีมาเท่าไหร่หมดเกลี้ยงโกดังด้วย "ความเมตตา" ของหลวงตา'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232621.jpg','"อุ้ย"..คือชื่อผมครับ ผมอยู่นานกว่าน้องๆ สุนัขตัวอื่น เลยต้องทำท่าให้คล้าย"ราชสีห์" เข้าไว้เดี๋ยวน้องๆ จะไม่กลัว..แฮ่ม!!'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232503.jpg','กระต่าย เต่า ไก่ป่า สัตว์ที่นี่มีอาหารอุดมสมบูรณ์..'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232439.jpg',''); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232420.jpg','กระจงน้อยๆ เล็กกว่าแมวมีหลายตัวที่วัดป่าบ้านตาด'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232408.jpg','เตาเรียบง่ายแต่สารพัดประโยชน์ ใช้กันทั้งวัด...'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232318.jpg','พระเณร ฆราวาส เด็กน้อย.. ต่างก็ช่วยกันเช็ดแก้ว เช็ดกระโถนให้สะอาดเรียบร้อยตามหลัก 6 ส. (ส.ที่ 1 คือ สติ)'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232302.jpg','เดินจงกรม..ฝึกฝนสติปัญญา'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232252.jpg','นั่งสมาธิ..หลับตานอก เปิดตาในให้ตื่นด้วย "จิตตตภาวนา"'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232219.jpg','โลกข้างนอกวุ่นวายจริงหนอ...สถานที่เช่นนี้สงบสงัดจริงหนอ'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232145.jpg',''); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232134.jpg',''); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232110.jpg','จุดแสดงเขตพัทธสีมาของวัดป่าบ้านตาด...ที่นี่ไม่มีโบสถ์ ใช้ "ศาลา" เป็นทั้งสถานที่ฉันภัตตาหาร และ ทำสังฆกรรมต่างๆ'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232057.jpg','ปัดกวาดเช็ดถูศาลาและบริเวณให้สะอาดงามตา... ทำเร็วไม่เนือยนายแบบไม่ให้มีเสียงดัง...ที่สำคัญคือต้องมี "สติ" นี้เป็นสิ่งที่หลวงตาเน้นย้ำกับพระเณรตลอดมา'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232042.jpg','อาหารที่ได้จากการบิณฑบาตจำนวนมาก...เป็นประโยชน์ทั่วถึงทั้งพระเณร เด็ก ผู้ใหญ่ ชาวบ้าน อาคันตุกะผู้มาฟังเทศน์-เยี่ยมชมวัด ตลอดถึงสัตว์ทั้งหลาย...ไม่มีสั่งสม มีแต่แจกเป็นทานทั้งนั้น..'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232029.jpg','ตากผ้าไว้ทั้งวันทั้งคืน..แห้งแล้วไม่รู้จักเก็บนั้นเป็นสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงห้ามไว้ในพระวินัย...เท่ากับเป็นการไม่รักษาผ้า ไม่มักน้อยสันโดษ ท่านสอนให้รู้จักเก็บรู้จักรักษา...ไม่มีใครละเอียดรอบคอบยิ่งกว่าพระบรมศาสดาของเราแล้ว'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232017.jpg',''); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114232006.jpg','เต่าบก..ในวัดป่าบ้านตาด'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231953.jpg','นกน้อยในป่าใหญ่ ณ วัดป่าบ้านตาด'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231938.jpg','เตาเผาขยะทำแบบง่ายๆ แต่ประโยชน์มากมาย...ออกแบบโดยนายช่างใหญ่ประจำวัดป่าบ้านตาด.. ท่านอาจารย์ปัญญาวิศกรชาวอังกฤษ'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231924.jpg','กิ่งไม้แห้งในป่าหักทิ้งไว้เฉยๆ ไม่เป็นประโยชน์..เก็บมาทำฟืนต้มน้ำซักย้อมผ้า น้ำใช้น้ำฉันประโยชน์มากมาย'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231903.jpg','สงสัยไก่ป่าจะช่วยเฝ้าปากทางให้...เพราะเขตพระ ห้ามเข้า สงวนไว้เพื่อความสงบวิเวก เหมาะแก่การเจริญจิตตภาวนา'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231852.jpg','ซักย้อมผ้าจนกว่าสีจะได้มาตรฐานตามพระวินัย'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231841.jpg','พระเณรจะนิยมสีแก่นขนุนจากธรรมชาติเป็นพื้นฐานของการผสมสี และถูกตามพระวินัย '); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231824.jpg','โรงน้ำร้อน..ในยามบ่ายเป็นที่ฉันน้ำร้อนน้ำปานะของพระเณร... '); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231813.jpg','ภาพด้านหน้าโรงน้ำร้อน...ยามค่ำหลังการตรวจตราโกดังโรงทานหลังโรงน้ำร้อน หลวงตาจะมานั่งพักฉันน้ำที่นี่ และพูดคุยสนทนาธรรม'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231759.jpg','นกยูงก็มี..'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231747.jpg','นกยูงเดินได้ทั่ววัด..ปลอดภัยจากการเบียดเบียน'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231736.jpg','ด้านหลังศาลาวัดป่าบ้านตาด'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231726.jpg','นี่ก็ด้านหลังศาลา...'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231713.jpg','ด้านหน้าของศาลาวัดป่าบ้านตาด สร้างสมัยแรกๆ เป็นใต้ถุนเตี้ย ใช้งานด้านบนของศาลาเพียงชั้นเดียว ต้นปี 2539 จึงยกใต้ถุนให้สูงขึ้น ปัจจุบันจึงใช้ด้านล่างเป็นที่ฉันภัตตาหาร และหลังฉันก็ใช้เป็นที่แสดงธรรมของหลวงตา'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231646.jpg','ทางจงกรม...โต๊ะทำงานของพระ มีเป้าหมายของงานคือฆ่ากิเลสให้สิ้นออกจากใจ'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231635.jpg','บริเวณพื้นที่ของพระ จะเน้นความสงบสงัด ความเป็นส่วนตัว เสมือนอยู่แต่เพียงผู้เดียว เพื่อสะดวกต่อการบำเพ็ญสมณธรรม'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231623.jpg','ทางจงกรมในที่โล่ง-สว่าง เหมาะสำหรับเดินยามค่ำคืนโดยไม่ใช้ไฟตะเกียง'); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231513.jpg',''); SetPicVar('../upload/Resume_Image/b20021114231456.jpg','สวนแสงธรรม ถ.พุทธมณฑลสาย ๓ กทม. เต็มไปด้วยพี่น้องชาวไทยผู้มีน้ำใจรักและเสียสละเพื่อชาติ ต่างมุ่งมาบริจาคเงินทองหนุน"คลังหลวง"..'); SetCurPicInd(1); </SCRIPT>​

</TD><TD vAlign=top width=20 bgColor=#ffffff> </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=760 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width=8></TD><TD vAlign=top align=middle width=175 bgColor=#ffffff> </TD><TD vAlign=top width=1 bgColor=#3d5532></TD></TR></TBODY></TABLE>
​

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>นั่งสมาธิ..หลับตานอก เปิดตาในให้ตื่นด้วย "จิตตตภาวนา"</TD></TR></TBODY></TABLE>




<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>เดินจงกรม..ฝึกฝนสติปัญญา</TD></TR></TBODY></TABLE>





<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ภาพด้านหน้าโรงน้ำร้อน...ยามค่ำหลังการตรวจตราโกดังโรงทานหลังโรงน้ำร้อน หลวงตาจะมานั่งพักฉันน้ำที่นี่ และพูดคุยสนทนาธรรม</TD></TR></TBODY></TABLE>




<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ซักย้อมผ้าจนกว่าสีจะได้มาตรฐานตามพระวินัย</TD></TR></TBODY></TABLE>
​

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top></TD><TD vAlign=top>ทางจงกรมในที่โล่ง-สว่าง เหมาะสำหรับเดินยามค่ำคืนโดยไม่ใช้ไฟตะเกียง


</TD></TR></TBODY></TABLE>



<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>พระประธานประจำวัด อยู่ด้านบนศาลา

</TD></TR></TBODY></TABLE>





<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>หลวงตา หลังสนทนาธรรมขั้นละเอียดสุดแบบถึงพริกถึงขิงกับ หลวงปู่แหวน สุจิณโณ ศิษย์รุ่นแรกๆ ของหลวงปู่มั่น (ถ่าย ณ วัดดอยแม่ปั๋ง จ.เชียงใหม่)</TD></TR></TBODY></TABLE>




<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top> </TD><TD vAlign=top>หลวงตา เยี่ยมอาพาธ หลวงปู่สาม อกิญจโน พระชาวสุรินทร์ ศิษย์หลวงปู่มั่น</TD></TR></TBODY></TABLE>










หลวงปู่หล้า เขมัปปัตโต วัดภูจ้อก้อ จ.มุกดาหาร นำคณะศิษย์เข้ากราบหลวงตา ณ วัดป่าบ้านตาด ​

 

หลวงตามหาบัว มหัศจรรย์มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่

อนุโมทนาครับ



สารคดี หลวงตามหาบัว
มหัศจรรย์มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่

ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

Normal
Broadband



หนังสือหลวงตามหาบัว
มหัศจรรย์มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่

ดาวน์โหลดเพื่อเก็บไว้ในเครื่อง
ให้คลิกขวาแล้วเลือก Save target as .. จาก link ต่อไปนี้ :

หนังสือ หลวงตามหาบัว มหัศจรรย์มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่.pdf

หนังสือ หลวงตามหาบัว มหัศจรรย์มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ (1).pdf

หนังสือ หลวงตามหาบัว มหัศจรรย์มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ (2).pdf

หนังสือ หลวงตามหาบัว มหัศจรรย์มหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ (3).pdf

​

 

หลวงปู่บุญฤทธิ์ ปณฺฑิโต พบ หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน เมื่อวันที่ 17 เมษายน 2550

_________________________________________​

สิ่งที่ควรเข้าใจในการอ่านบทความที่ผมยกขึ้นมาจากหนังสือ

 

​

<O</O
<O</O
"

 

คลิกอ่านหนังสือ ชาติสุดท้าย



เพชรน้ำหนึ่งในวงกรรมฐาน








เพชรน้ำหนึ่งของหลวงตาฯหมายถึงพระอรหันต์
​

 

อนุโมทนา สาธุ ขอองค์หลวงตาอยู่โปรดเป็นเนื้อนาบุญให้ลูกหลานนานเท่านานด้วยเทอญ