นางงูเหลือม สืบชาติมาเกิดเป็นคน จำอดีตชาติได้
เรื่องนี้เกิดที่บ้านแซง อำเภอเลิงนกทา จังหวัดอุบลราชธานี เริ่มแต่ เด็กชายบัวลอย แสงวงศ์ ตัวเรื่องเกิดประมาณปี พ.ศ. ๒๔๙๘ เมื่อเริ่มรู้เรื่องราวกันในวงแคบๆ แล้ว ก็บอกเล่ากล่าวขานกันกว้างขวางออกไป มีคณะบุคคลร่วมกันไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงตามคำเล่าลือคณะหนึ่ง ประกอบด้วยพระคุณท่านเจ้าคุณพระมงคลเมธี เจ้าคณะจังหวัดอุบลราชธานี พระมหาถวัลย์ จารยสุโภ(วัดทุ่งศรีเมือง จ.อุบลราชธานี) ท่านปลัดอำเภอเลิงนกทา และบุคคลที่ไม่ได้กล่าวชื่ออีก ๕ คน กับภิกษุสามเณร และชาวบ้านผู้อยากรู้อยากเห็น ร่วมเดินทางไปอีกจำนวนมาก ในการพิสูจน์สอบสวนเด็กชายบัวลอยต้นเรื่องแล้วยังขอสัมภาษณ์ผู้เกี่ยวข้องอีกหลายราย พอสรุปเนื้อหาสาระได้ดั้งนี้
เด็กที่สืบชาติจากงูเหลือมมาเกิด ชื่อ เด็กชายบัวลอย แสงวงศ์ ขณะคณะบุคคลดังกล่าวไปพิสูจน์เมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๑ เขามีอายุ ๑๓ ปีแล้ว เขาเป็นลูกคนที่ ๘ ของ นายดา แสงวงศ์ กับ นางหนูพุก แสงวงศ์ ด.ช.บัวลอยจำอดีตชาติได้ ๒ ชาติ เขาเล่าแก่คณะพิสูจน์ว่า เขาจำได้แม่นยำในชาติก่อนหน้าที่เขาจะเกิดมาเป็นงูเหลือม เขาเคยเกิดเป็นกวางตัวเมียเคราะห์ร้ายถูกพรานป่ายิงตาย วิญญาณ(โอปปาติกะ)เขาออกจากร่างกวางไปพบเจ้าพ่อแห่งผีตนหนึ่ง ชื่อเจ้าศรีสงครามเจ้าพ่อแห่งผีให้เขาไปเกิดเป็นงู เฝ้าสมบัติ( พระพุทธรูป)ในถ้ำอ่างน้ำจาง ซึ่งอยู่ในท้องที่อำเภอเลิงนกทา ที่ถ้ำนี้มีงูเหลือมใหญ่เฝ้าสมบัติอยู่หลายตัว ชาวบ้านกลัวงูเหลือมเหล่านี้จึงไม่กล้าเข้าไปในถ้ำ ตัวเขาเอง(ตอนที่เป็นโอปปาติกะหรือวิญญาณกวาง)จึงได้ไปเกิดเป็นงูเหลือมตัวเมีย เมื่อตัวเขา(ตอนที่เป็นงูเหลือม)เติบโตเป็นงูสาวก็ได้สมสู่กับงูตัวผู้ในถ้ำ จนมีลูกในท้อง
คราวหนึ่งนางงูเหลือมท้องไปหากินที่ห้วยน้ำจาง มีหมา ๒ ตัว มาเห่ากระโชก นางงูเหลือมไม่กลัวคิดจะจับหมากินเสีย แต่ยังไม่ทันมีโอกาสได้จับกิน ก็มีเจ้าของหมา ๒ ตัวนั้น มาพบงูเหลือมแสดงท่าร้ายจึงเกิดต่อสู้กับงู งูเหลือมเมื่อได้โอกาสก็หนีไปได้ เมื่อไปถึงปากถ้ำอ่างน้ำจางอันเป็นถ้ำที่อยู่เฝ้าพระพุทธรูป ยังไม่ทันเข้าในถ้ำ นึกว่าปลอดภัยจึงนอนพักผึ่งแดดจนงีบหลับไปรู้สึกตัวอีกทีก็มีเชือกบ่วงรัดคอแน่น นางงูเหลือมเหลือบตาดูก็เห็นชายคนที่ต่อสู้กันที่ห้วยน้ำจาง กับชายอีกคนหนึ่ง ช่วยกันรัดคองูเหลือม(คือตัวเขา)แล้วใช้ท่อนไม้ร่วมกันตีหัวงูจนความรู้สึกดับวูบไปรู้สึกตัวอีกทีก็เป็นโอปปาติกะงู(วิญญาณงู) เห็นชายทั่งสองร่วมกันตัดร่างงูเหลือม(คือร่างเดิมของเขา)เป็นท่อน โอปปาติกะงู ติดตามไปจนกระทั่งเขานำเนื้องูเหลือมไปแกงกินกัน
เขาจำชายคนแรกที่สู้กลับเขาทำร้ายเขาได้ติดตา และโกรธเคืองไม่หาย(พยาบาท) ในบรรดาพวกคนที่เขากินเนื้องูกันอยู่ มีอยู่คนหนึ่งมาร่วมกินด้วย โอปปาติกะงูเห็นชายนั้นมีลักษณะท่าทางไม่ค่อยดุร้าย เมื่อพวกคนเขากินกันเสร็จแล้วก็พากันแยกย้ายกลับบ้าน โอปปาติกะงูตัดสินใจไปกับชายท่าทางใจดีคนนั้น โดยโดดเกาะไหล่เขาไป จนกระทั่งถึงบ้านของชายคนนั้น พอชายคนนั้นขึ้นบันไดบ้าน เขาจึงออกจากบ่าของชายคนนั้นไปอยู่บนเสารั้วใกล้ๆบันไดบ้าน
ต่อมาเขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งออกจากห้องมาดื่มน้ำ โอปปาติกะงูจึงโดดจากปลายเสารั้วไปหาหญิงนั้นเลยตกลงไปในขันน้ำ ผู้หญิงนั้นดื่มน้ำเข้าไปก็ติดโอปปาติกะลงท้องไปด้วย ต่อมาเขา(โอปปาติกะงู) ก็รู้สึกตัวว่าเขาได้เกิดมาเป็นเด็กชายบัวลอย ชายคนนั้นที่เขา(โอปปาติกะงู)เกาะบ่ามาก็คือ นายดา แสงวงศ์ พ่อของเขาเอง และผู้หญิงที่ดื่มน้ำติดเขา(โอปปาติกะงู) ลงท้องไปด้วยก็คือนางหนูพุก แสงวงศ์ แม่ในชาตินี้ของเขานั้นเอง
เด็กชายบัวลอย เกิดมาจำอดีตชาติได้ และผิวหนังประหลาด มีลายเป็นเกล็ดคล้ายเกล็ดงูเหลือมในชาติก่อนของเขา จะเช็ดถูอย่างไรก็ไม่หายเป็นอันเดียวกับหนัง เด็กชายบัวลอยรู้สึกนึกคิดเหมือนอย่างมนุษย์ธรรมดาทั่วไป แต่ความรู้สึกสะเทือนใจ เคียดแค้นเมื่อตอนที่เขาเป็นงูแล้วถูกคนฆ่าตายยังติดอยู่ในใจมาตลอดถึงชาตินี้
เมื่อเขาเป็นเด็กโตพอจำความได้ คราวหนึ่งเขาไปเที่ยวงานที่บ้านห้องแซง เขาพบชายแก่คนที่ฆ่าเขาเมื่อตอนที่เขาเป็นงูเหลือม แล้วตัดร่างเขา(งูเหลือม)ออกเป็นท่อนๆแล้วแกงกิน เขายังจำได้แม่นยำ เขาแสดงสีหน้าโกรธแค้นแต่เขายังเป็นเด็กทำอะไรชายแก่นั้นไม่ได้ เพียงแต่จับดึงผ้านุ่งของชายแก่จนหลุดเท่านั้น
ชายแก่ผู้นี้คือ นายเหี่ยว กุมารสิทธิ์ ในตอนนั้นเขารู้สึกมึนงงสงสัยว่า เด็กที่ไหนลูกเต้าเหล่าใครมาดึงผ้านุ่งของเขาจนหลุด แล้วยังมาทำหน้าดุๆใส่เขาอีก ต่อมาเขาได้ทราบจากครอบครัวของเด็กชายคนนั้นว่า เด็กชายบัวลอยคืองูเหลือมที่เขาเคยฆ่ามาแกงกินกลับชาติมาเกิด เขาจึงซื้อเสื้อผ้ามาให้และด้ายผูกข้อมือรับขวัญเด็กชายบัวลอย อธิษฐานขอขมาลาโทษ อย่าได้จองเวรจองกรรมกันเลย ต่อมานายเหี่ยว กุมารสิทธิ์ ก็กลายเป็นคนจิตใจอ่อนโยน กลัวบาปกลัวกรรมมากขึ้น และนายเหี่ยวก็เป็นคนหนึ่งที่พาคณะพิสูจน์ไปสัมภาษณ์ เด็กชายบัวลอย
นายเหี่ยว เล่าถึงความหลังให้ฟังว่า เขาเป็นคนบ้านสีแก้วห่างจากบ้านห้องแซงบ้านเกิดของ ด.ช.บัวลอย ประมาณ ๒๐ กม. คราวหนึ่ง(ประมาณปี พ.ศ.๒๔๙๗ ) เขาตั้งใจไปจับเต่าที่ห้วยน้ำจาง จึงพาหมาไปด้วย ๒ ตัว เมื่อไปถึงห้วยลำห้วยน้ำจาง ได้ยินหมาเห่ากระโชกอยู่ฝั่งตรงข้ามจึงข้ามลำน้ำไปดู ก็พบงูเหลือมตัวโต นายเหี่ยวเห็นก็คิดจะฆ่าเอางูไปเป็นอาหาร แต่พอจะจับงูก็สู้ เกิดการต่อสู้กัน สุดท้ายงูเหลือมตัวนั้นหนีไปได้ เมื่องูตัวนั้นเลื้อยหนีไปเขาจึงรีบกลับไปบ้าน พาเพื่อนคนหนึ่งมาช่วยตามจับงูด้วย พวกเขาตามรอยงูเหลือมไปจนไปพบมันนอนนิ่งอยู่(หลับ) ใกล้ปากถ้ำ พวกเขาจึงช่วยกันฆ่างูเหลือมตาย แล้วนำไปตัดเป็นท่อนๆ แล้วแกงกินกัน(เหตุการณ์ที่นายเหี่ยวเล่ามา ตรงกับคำบอกเล่าของเด็กชายบัวลอยชาติที่เป็นงูเหลือมถูกฆ่าทุกประการ)
และต่อมาเมื่อนายเหี่ยวทราบเรื่องราวการจำอดีตชาติได้ของเด็กชายบัวลอย ก็เชื่อมโยงเรื่องราวได้ว่า วันนั้นที่เด็กชายบัวลอยแสดงสีหน้าโกรธเคืองถึงกับกระชากผ้านุ่งเขาหลุด ในงานบ้านห้องแซง ทั้งที่เขาไม่เคยรู้จักหรือพบหน้ากันมาก่อนเลยนั้น ก็คืองูเหลือมที่เขาฆ่าตายสืบชาติมาเกิดนั่นเอง เด็กชายบัวลอยจำหน้าเขาได้ เมื่อครั้งที่เป็นงูเหลือมที่ต่อสู้กันและโดนเขาฆ่าตาย เอาเนื้อไปกินเมื่อครั้งกระโน้น
ข้อมูลเพิ่มเติม :
- ปัจจุบัน นายบัวลอย แสงวงศ์ อายุ 55 ปี
- ตอนตั้งท้อง ด.ช.บัวลอย นางหนูพุกผู้เป็นแม่ฝันว่ามีงูตัวใหญ่มากกลิ้งมาหาเธอ และขอมาอยู่ด้วย
- ด.ช.บัวลอย แสงวงศ์ มีรอยแผลเป็นขนาดใหญ่ที่ติดตัวมาตั้งแต่แรกเกิด 2 รอย ที่บริเวณหลัง และบริเวณรักแร้ ซึ่งเป็นร่องรอยบาดแผลที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ในอดีตชาติ ที่นางงูเหลือมถูกพรานเหี่ยวใช้มีดฟันจนตาย และจนถึงปัจจุบันนี้ก็ยังปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
- พรานเหี่ยวมีรอยแผลเป็นที่เกิดจากการถูกงูเหลือมฉกกัดที่บริเวณไหล่ขวา ในเหตุการณ์การต่อสู้ครั้งนั้นด้วย
ร่องรอยบาดแผลบริเวณไหล่ขวาของพรานเหี่ยว - นายเหี่ยว กุมารสิทธิ์ เมื่อได้พิสูจน์เรื่องราวการจำอดีตชาติได้ของ ด.ช.บัวลอย แล้วรู้สึกสำนึกผิดในบาปกรรมที่ทำไว้ เขาจึงบวชอุทิศให้กับงูที่ถูกตัวเองฆ่าในครั้งนั้น เป็นเวลา 3 พรรษา
คลิ๊กที่นี่เพื่อดูรายการวีไอพีย้อนหลัง
วันที่ 12 เม.ย. 2553 ช่วงเวลา 22.00-22.59 น. และ 23.00-23.59 น.
ติดตามเรื่องราวการจำอดีตชาติได้ของคนทั่วโลกได้ที่
เว็บไซต์ที่รวบรวมเรื่องราวของคนจำอดีตชาติได้ไว้มากที่สุดในโลก
นางงูเหลือม สืบชาติมาเกิดเป็นคน จำอดีตชาติได้
ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย TKKH, 18 เมษายน 2010.
หน้า 1 ของ 2
-
นานๆทีจะมีกรณีศึกษาที่อดีตชาติเป็นสัตว์เดรัจฉาน ที่จริงก็เคยรู้มาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ครั้งนี้ได้เตือนสติข้าพเจ้าอีกครั้ง จะไม่ฆ่าสัตว์ถ้าไม่จำเป็น เมื่อก่อนเจอสัตว์อะไรในป่าก็ฆ่าหมดทั้งเอามากินและทำไปเพื่อความสนุก ตอนนี้เห็นสัตว์แล้วสงสาร บางครั้งถ้าช่วยมันได้ก็จะช่วย
ความตั้งใจของผม ตั้งใจไว้ว่า ถ้าหมดภาระ การเลี้ยงดูครอบครัว จะบวชตลอดชีวิต -
ได้ดูเหมือนกัน พิธีกรถามเขาด้วยว่าชาติหน้าอยากเกิดเป็นอะไร เขาตอบว่า อยากกลับไปเกิดเป็นงูเหลือมอีกครับ ผมนึกว่าเขาจะตอบว่าไม่อยากเกิดอีก หรือไม่ก็เกิดเป็นมนุษย์ ซะอีก แต่เค้าเลือกเกิดเป็นงูอีกครับ แสดงให้เห็นว่า การระลึกชาติ ก็อาจทำให้เราเลือกทางผิด ได้เหมือนกันนะครับ ทำให้ยึดติดกับชาติภพ เลือกเป็นงูแล้วจะสร้างกรรมดีได้ยังไงล่ะครับ แต่ชาตินี้เขาก็บอกว่าเขากลัวบาป ตั้งใจทำแต่ความดี ก็อนุโมทนา ด้วยครับ
-
อ่า ติดใจภพงูซะแร้วว = ="
-
ที่จริงกลไกของการที่ผีงูเกาะไหลคนแล้วไปหล่นลงแก้วแล้วผู้หญิงกินน้ำแล้วท้อง
เลยได้มาเกิดภพมนุษย์นี่เรื่องนึง แล้วก็เรื่องติดใจในภพงู
ถ้าสมมติฐานนี้จริง
งั้นภพมนุษย์ คงไม่ได้มีแต่มนุษย์หล่ะ คงมีอุปนิสัยสัตว์ในกายมนุษย์
แม้ว่าคนมาอ่านเรื่องนี้แล้ว ไม่มีอุปนิสัยทางบุญก็ต้องปฎิเสธ ไร้สาระ ว่างมงายทันที
พร้อมจะทำชั่วต่อไปเหมือนเดิม
เพราะที่จริงมันก็น่าจะถูกแบ่งเป็น3กลุ่มเท่าที่เก็บข้อมูลมา คือ
1.มีสิทธิ์ในการเลือกพิกัดเกิด ที่เคยอ่านเจอก็ระดับพระกรรมฐาน ระดับถอดจิต
2.ไปตามบุญ ตามกรรมเลย คนทั่วๆไป
3.อ่านตามกฎแห่งกรรมพวกฟลุคเข้าท้อง ประเภทแย่งคนอื่นเค้าเกิด
(พวกที่ก่อความเดือดร้อนให้บ้านเมือง หลงผิดแบบไม่น่าเป็นไปได้)
ซึ่งเป็นกรณีผิดปกติ - ตามทฤษฎีความเหมาะสมของสมดุล ถือว่าผิดกฎ
เชื่อว่าต้องมีการลงโทษดับเบิ้ลพอยต์เมื่อไปที่จุดตัดสิน เพราะทำให้ระบบรวน
เอ หรือมันเกิดผิดกฎเยอะ โลกเลยต้องกดปุ่มรีเซ็ตนะ -
ศาสนาพุทธมีเรื่องแปลก ๆ อย่างนี้มาก บางเรื่องแทบไม่น่าเชื่อเลย จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่เราเอง ก็คงเป็นเรื่องเตือนสติอย่าได้ไปทำร้าย สัตว์ต่าง ๆ เลยมันจะเป็นเวรกรรม
-
น่าสนใจครับและคงเป็นประจักษ์พยานให้ผู้ที่สงสัยหรือไม่เชื่อว่า..ชาติหน้ามี บาปกรรมมีจริง ได้ศึกษาและทำความเข้าใจเพื่อที่จะได้เป็นเครื่องเตือนสติให้กระทำแต่ความดีต่อไป...ขออนุโมทนากับเว็บพลังจิต รายการวีไอพี และทุกๆท่านด้วยครับ
-
อืมเนี้ยแหละที่เป็นเครื่องพิสูจน์ไว้ว่า "ชาติก่อนมีจริง ชาติหน้ามีจริง การเกิดการตายเวียนว่ายในภพภูมิต่าง ๆ มีจริง ดังที่พระพุทธองค์ทรงตรัสไว้"
พวกที่บอกว่าชาติหน้าไม่มี ดูกันไว้น๊ะ และคิดกันไว้ (ถ้าเป็นผู้อาศัยผ้าเหลืองอยู่แล้วไม่เชื่อรบหลู่พระพุทธองค์ ระวังตนไว้ให้จงดี) ถ้าไม่เชื่ออยู่ลองตายดูเดียวรู้เองว่าสิ่งที่ตนทำไม่ดีต่าง ๆ มันส่งผลหรือสิ้นสุดไปไม่มีชาติต่อไปอีก -
สัตว์ทั้งหลายยังคงเวียนว่ายตายเกิด ไปตามวัฎสงสาร ยังหาจุดหลุดพ้นไม่ได้ แล้วอย่างงี้ยังอยากเกิดอีกหรือ เกิดมาก็เป็นทุกข์ ล้วนแล้วแต่เป็นทุกข์ ทั้งหมดทั้งสิ้น
-
ถ้าเป็นจริง ........ เล่าเป็นเรื่องที่เห็นได้ชัดเจน เห็นเป็นฉากๆ
อนุโมทนาสาธุ ที่ให้เห็น วิญญาน การเวียนว่ายตายเกิด เป็นเรื่องจริง คนเราควร คิดถึงเรื่องบาป บุณ คุณ โทษ -
เป็นตัวอย่างที่ดีในการช่วยปลุกจิตสำนึกของการสร้างกรรมดี ขอนุโมทนาด้วยครับ
-
เค้าคงเห็นอ่ะคับว่า มนุษย์ใจร้ายเหลือเกิน ตอนเค้าเป็นงูคงได้อยู่อย่างสงบสุข ได้มีหน้าที่คอยเฝ้าสมบัติล้ำค่าของศาสนา นั่นก็ถือเป็นกรรมดีอย่างนึง
-
555+
มาแล้ว รอดูอยู่เลย
วันนั้นได้ดูรายการ VIP พอดีเลย
ว่าแล้วต้องมีคนเอามาโพส -
โมทนาบุญด้วยครับ
แสดงให้เห็นว่า ภพชาติ การเวียนว่ายตายเกิด มีจริงครับ
หมั่นสร้างบุญกุศลกันไว้เถิด เกิดเป็นคน -
ท่านใดตั้งใจละเนื้อสัตว์ได้ เว้นจากการเบียดเบียนผู้อื่นสัตว์อื่น
นับว่าเป้นมหากุศล มหาทาน ผมขออนุโมทนาสาธุด้วยครับ -
ดีครับ อนุโมทนาบุญด้วย เรื่องนี้เตือนสติผู้คนให้ทราบว่า ชาติ ภพ มีจริง ตราบใดที่ยังไม่บรรลุถึงพระนิพพาน กรรมก็ยังนำไปเกิดต่อไปตามเหตุแห่งกรรมที่ทำมา
-
ขอบคุณครับ
-
อนุโมทนาสาธุ
เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร การเวียนว่ายตายเกิดเป็นเรื่องน่าเบื่ออย่างยิ่ง ไหนเลยจะสุขเท่าพระนิพพาน ที่สุดแห่งการหลุดพ้นจากการ เกิด แก่ เจ็บ ตาย -
สวัสดีค่ะ ลุงๆ ป้าๆ ผู้ใจดีทุกท่าน หนูชื่อน้องเนยค่ะ ตอนนี้หนูอายุ 2 เดือน
กว่าๆ หนูเป็นเด็กพิการแต่กำเนิดค่ะ ตอนอยู่ในท้องแม่ คุณหมอบอกว่าหนูครบ
สมบูรณ์ดี แต่พอคลอดออกมาหนูมีแขน ( ที่ไม่สมบูรณ์ ) เพียงข้างเดียวเท่านั้น
ตอนนี้หนูกินนมเก่งมากๆ หนูรบกวนลุงๆป้าๆที่ใจดี ช่วยเหลือค่านมหนู ครอบครัวหนู
รายได้น้อยเพราะพ่อทำงานคนเดียว ถ้าลุงๆป้าๆอยากช่วยเหลือหนูให้ติดต่อป้าจิ๋ว ,
ป้าตาล , ป้าแอ๊ด วางแผน AIC นะคะ หนูขอขอบพระคุณลุงๆป้าไว้ล่วงหน้าค่ะที่ช่วย
เหลือค่านมหนู ค่ะ
ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ
- น้องเนย กินนม ดูเม็กซ์ Pre - Bio แรกเกิด – 1 ปี - ใช้มามิโปะโกะ size S
ค่ะ เคยลองยี่ห้ออื่นแล้ว น้องเนยม มีอาการแพ้ มีผื่นคัน
- เลขที่ บัญชีของ ธ.กรุงไทย สาขา นิคมอุตฯ ลาดกระบัง 028-037-9897 ชื่อบัญชี
นส. จันจิรา เกิดแก้ว เพื่อ ดญ.พลอยประภัส บุญขุนทศ
บิดา ชื่อ นายเจนรบ บุญขุนทด มารดา ชื่อ น.ส.จันจิรา เกิดแก้ว Tel 08-09821003
แม่น้องเนยเองค่ะ
ที่อยู่ (เผื่อใครอยากส่งของเล่นมาให้หนู) 789/96 ม.9 ซ.รุ่งนภา ถ.ฉลองกรุง
แขวง ลำปลาทิว เขตลาดกระบัง กรุงเทพฯ 10520
คุณแม่น้องเนยชื่อน้ำค่ะ คุณพ่อน้องเนยอายุ 18 นะคะคุณพ่อเจนรบ ทำงานที่บริษัท
แอนด์เซลล์นิคมอุตสาหรรมลาดกระบัง ทำมาได้ประมาณ 6-7เดือนแล้วค่ะ
เงินเดือนถ้าไม่มีโอทีตก6,000-8,000บาท ถ้ามีโอทีราวๆ90,00-10,000
อยู่ด้วยกันมาราวๆปีกว่าแล้วอยู่ที่บ้านคุณพ่อ ตอนนี้ขาดทุนทรัพย์เพราะว่าต้อง
พาน้องเนยไปหาหมอ
ถึง 3 โรงพยาบาล นวมินทร์ ศูนย์สิรินทร์ รพ.เด็กอนุเสาวรีย์
หากท่านใดประสงค์ช่วยเหลือน้องเนย สามารถส่งของเล่นของใช้ไปให้น้องเค้าโดยตรง
ได้นะคะ
-
กุศลดึงขึ้นๆ...บาปดึงลงๆ(คำสอนองค์หลวงตามหาบัว) สรรพสัตว์ล้วนเกิดมาพบทุกข์ทั้งสิ้น...สาธุ
หน้า 1 ของ 2