กลางสัปดาห์หน้าที่ปรึกษาจะมา ตจว. ซึ่งผมจะนัดพบท่านเพื่อให้ท่านพิจารณาพญาปักษาโดยละเอียดต่อไป เพื่อวางแผนการเสก
การเสกชุดพญาพาลี พญาปักษานี้จะต่างจากที่ปลุกเสกมาทั้งหมดครับ โดยท่านจะวางหลักไว้ 2 ครูบา และ ฆราวาสอีกไม่กี่ท่าน โดยจะให้ท่านที่มีเงินล้านถนัดด้านวิชามหาลาภใหญ่เท่านั้น ส่วนมหาอำนาจก็ลงเสริมตามหลักวิชา...
เรียกว่าผู้เสกน้อยกว่าทุกรายแต่ลงเน้น ๆ ครับ....เพราะมวลสารเราเสกมาเยอะแล้ว งาพิฆาตก็เสกมาเยอะแล้ว.....
แผนการเสกวางไว้ 28 หรือ 29 ปลายเดือนนี้เป็นต้นไปครับ....
นิทานสนุก..พระเครื่องและเครื่องราง (ที่สุดแห่งปี...รุ่นอภิญญาใหญ่)
ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย konun88, 20 มิถุนายน 2016.
หน้า 132 ของ 271
-
-
-
Plan การเสกไว้คร่าวๆ ชุดนี้เมตตามีน้อยนะครับ เน้นข่มขู่ รีดไถ..คว้า ฉวยเอาทรัพย์มาให้มากที่สุด.ฯลฯ..!!!!
-
พระภควัม ตำนานวิชาไร้รูปลักษณ์แห่งหริภุญชัย
บันทึกเป็นตำนานนะครับ เพราะโครงการนี้ต้องเก็บเข้ากรุไว้ เนื่องจากเป็นโครงการที่ยากเกินไป....และช่างแกะก็มีคิวงานมากเหนื่อยในการตามงาน จึงเก็บเป็นบันทึกตำนานไว้... มาเล่าให้ฟังสนุก ๆ ครับ...
พูดถึงพระปิดตา ทุกท่านย่อมรู้จักกันดีโดยหากเสริชประวัติจากเน็ต ก็มีมากมาย
จนพูดถึงกัน 2 กระแสว่าที่มาแห่งตำนานพระปิดตา มาจากพระมหากัจจายนะเข้านิโรธสมาบัติ
อีกตำนานก็ว่า ในสมัยพุทธกาล มีพระอรหันต์ นามว่า ควัมปติ และอีกท่านคือพระมหากัจจายนะ
ทีนี้ ในแง่ของที่ปรึกษาท่านบอกไม่ลงลึกขนาดนั้น มาลงลึกในหลักวิชากันเลย...
ทีนี้ หากเราค้นหาประวัติพระปิดตาก็คงทราบว่ามีมายุคหลัง ดังเช่นสมัยอยุธยา ในตำนานขุนช้างขุนแผนก็กล่าวถึงไว้เช่นกัน ...
ประวัติต่าง ๆ ต้องไปค้นหาในเน็ตนะครับ ซึ่งอ้างอิงตรงกันว่าค้นพบพระปิดตาครั้งแรกสร้างในสมัยอยุธยา...
แต่ในแง่หลักวิชา มีมาแต่ครั้งสร้างอาณาจักรหริภุญชัยครับ แต่ไม่ใช่สร้างพระปิดตานะ เขาสร้างวิชาขึ้นมา เรียกว่า พระภควัมไร้รูป...... คือเป็นวิชาอาจสร้างเป็นเสื้อยันต์รึตะกรุดก็มิอาจตอบได้
-
ย้อนตำนานการสร้างอาณาจักรหริภุญชัย ซึ่งก็คือ จ.ลำพูนในปัจจุบัน เราอาจได้ยินจากการสร้างพระรอดมหาวันหนึ่งในเบญจภาคีว่า สร้างโดย ฤาษีวาสุเทพ และหลายๆ ท่านในยุคนั้น และเชิญเจ้าแม่จามเทวีมาครองเป็นปฐมกษัตริย์
ทีนี้ ตำนานความงามของเจ้าแม่จามเทวีเป็นที่เลื่องลือ และสมัยนั้นมีการรบพุ่งอยู่บ่อยครั้ง
ศึกที่หนักนาสาหัสก็ศึกกับขุนหลวงวิรังคะนั่นเอง ที่เกิดการรบครั้งใหญ่ ต่อมาเพราะขุนหลวงวิรังคะนั้นเก่งกล้าการรบและคาถาอาคมมาก...
ตามตำนานเจ้าแม่ท้าทายขุนหลวงวิรังคะให้เขวี้ยงหอกมาปักในเมืองหริภุญชัยได้จะยอมแพ้ ทีนี้ขุนหลวงก็รับคำท้า เขวี้ยงมาปรากฎว่าเจออำนาจพระสกุลลำพูนที่ฝังไว้รอบเมืองทำให้หอกไปปักนอกเมืองเกิดหลุมใหญ่(ตำนานว่ามานะครับ)
หลุมแห่งนั้นก็ต้องมนต์อาคมทำให้ต้องมีการทำพิธีล้างอาถรรพ์กัน
เมื่อเห็นอำนาจของขุนหลวงวิรังคะ จึงต้องทำอุบายล้างอาคมขุนหลวงวิรังคะ....
ตำนานเล่าว่าเจ้าแม่ได้แกล้งเอาของต้องห้ามสำหรับผู้เรียนอาคม แอบไว้ในหมากพลู และซ่อนไว้ในหมวกส่งไปให้ขุนหลวง ทำอุบายว่าอ่อนน้อม
ขุนหลวงวิรังคะพลาดท่า ทานของเหล่านั้นที่ซ่อนไว้และสวมหมวกนั้นผลคือ อาคมอ่อนอำนาจ....
พอเขวี้ยงหอกต่อไป ผลคือหอกไปได้ไม่ไกลจึงรู้แล้วว่าต้องอุบายล้างอาคม...
จากนี้มีหลายตำนานว่า เกิดการรบครั้งใหญ่ แล้วแพ้ในการรบขุนหลวงวิรังคะจึงฆ่าตัวตาย บ้างก็ว่าแพ้หนีไป ก็แล้วแต่ตำนานครับ
ประเด็น ในศึกสงครามนี้จึงเกิดวิชา พระภควัมไร้รูปขึ้นมา...... เพื่อกันเสื่อม
ดังที่ครูบาข่ายกล่าวไว้ มี 2 วิชาเท่านั้นกันเสื่อมได้คือ มหายันต์แม่ย่า และวิชาพระภควัมไร้รูป...
-
ดังที่ครูบาข่ายกล่าวไว้ มี 2 วิชาเท่านั้นกันเสื่อมได้คือ มหายันต์แม่ย่า และวิชาพระภควัมไร้รูป...
วิชามหายันต์แม่ย่าสร้างไปแล้ว...
วิชาพระภควัมไร้รูป.... (เหตุที่ชื่อไร้รูป เพราะสมัยโบราณไม่ได้สร้างเป็นพระปิดตา มาสร้างกันในยุคหลัง)...
ตำราต้นฉบับตามในภาพ...และเกี่ยวข้องกับครูภควัมที่จะมาเล่าในภายหลัง....
-
วิชา ภควัมไร้รูป ตำนานที่ต้องเป็นตำนานต่อไป....(ซ้ายสุดเป็นพระปิดตาต้นแบบที่ผมหามาครับสวยดี ให้แกะเป็นแบบพระไม้แกะ แต่อย่าไปเลียนแบบเขาเดี๋ยวโดนฟ้องเอา55)
หลังจากขุนหลวงวิรังคะรู้ว่าโดนอุบายของเจ้าแม่จามเทวีทำให้อาคมเสื่อม จากของต้องห้ามที่เจ้าแม่แอบซ่อนและส่งมาให้ไว้....(คงไม่ต้องบอกนะครับของต้องห้ามคืออะไร)
จึงโกรธมาก และยกทัพมาต่อสู้ทันที ที่ปรึกษาเล่าว่าครูบาอาจารย์สมัยก่อนเล่า
การต่อสู้สมัยก่อนต้องหยั่งเชิงก่อนคือสู้ด้วยอาคม ท้องฟ้าเป็นสีเลือดกันเลย
และฝ่ายเจ้าแม่จามเทวีก็กลัวว่า ขุนหลวงวิรังคะจะเล่นกลับคือทำให้โอรสของท่านเสื่อมอาคมไปด้วย จึงคิดค้นวิชาพระภควัมไร้รูปขึ้นมา .....
ตามตำรานี้ว่ากันว่าสามารถทำเป็นตะกรุดหรือเสื้อยันต์ หรือสักยันต์ก็ได้ โดยแบ่งเป็น 3 ภาคคือ...
1.เมตตา
2. กันเสื่อม เสริมบารมีคุ้มครองดวงชะตา
3. คงกระพัน มหาอำนาจ....
โดยอาศัยกำลังแห่งครูภควัม... ตามภาพ
ที่มาของครูภควัมคือ...ที่ปรึกษาได้พบผ้ายันต์เก่าแก่ เลยถามครูบาข่าย ว่ารูปพระในภาพ เป็นพระอะไรมีเขี้ยวด้วย หน้าดุมาก
ครูบาข่ายกล่าวว่า นั่นคือ ครูภควัม เป็นครูแห่งวิชาภควัมไร้รูป...ที่มาผ้ายันต์นี้ท่านบอกเป็นของครูบาอาจารย์
ที่ปรึกษาไม่ได้ถามต่อครูบาอาจารย์เจ้าของผ้ายันต์คือใครแต่จากการเทียบลายมือก็พอเดาได้ว่าคือ.........(เจ้าของวิชาปราบพิภพ..แหวนมหาชะตานั่นเอง)
ซึ่งตรงกับตำนานการสร้างหริภุญชัยที่สร้างวิชาโดยมหาฤาษี ....
-
ปัจฉิมบทปิดท้ายตำนานวิชาพระภควัมไร้รูป
สู่รูปลักษณ์พระภควัมตรึงไตรภพ... ตำนานที่ต้องเป็นตำนานต่อไป....
หลังจากหารูปแบบพระปิดตาสวย ๆ ได้ส่งไปสู่ที่ปรึกษา แรก ๆ ก็คิดฝันสวยหรูจะแกะจากไม้โพธิ์นิพพานฟ้าผ่า แต่ก็เกิดอุปสรรคมากมาย ช่างก็ติดงานคิวยาว
ที่ปรึกษาก็อาพาธบ่อย และเหนื่อยกับการเดินทางไปตามงานตั้งแต่กุมารทองผ่านไตรภพ ช่างก็เจอฤทธิ์ไม้มะขามฟ้าผ่า เจอฤทธิ์ไม้โพธิ์ฟ้าผ่าอีก ไข้ป่วยไม่หยุดขอจบการแกะพระปิดตานี้...
จึงขอหยุดโครงการไว้เท่านี้ โดยแกะมาได้ 6 องค์ ช่างขอไป 1 องค์และขอองค์ปิดตาต้นแบบไปด้วย 5555 (ผมอุตส่าห์ไปประมูลฟัดกับเขามาเพราะสวยมาก กะมาฝังทองพระธาตุแต่ปรากฎตรงก้นตื้นเกินฝังได้น้อยเลยส่งมาแกะพระปิดตาแทน)
สรุป มาถึงที่ปรึกษา 5 องค์มีโยมสนิทท่านขอไป 1 นั่นละครับ.....
ที่ปรึกษาได้ประยุกต์จากตำราภควัมไร้รูปมาเป็นรูปตะกรุดทองคำ พร้อมอุดด้วยผงงาพิฆาต (ไม่มีการอุดผงพุทธคุณเพราะท่านบอก อำนาจไม้โพธิ์ตายพรายฟ้าผ่ามีอำนาจแรงด้านพุทธบารมีอยู่แล้ว คือจะไม่ลงพุทธคุณเพิ่ม)
....สรุป พระปิดตาจึงเป็นตำนานต่อไปเพราะสร้างยาก และมีอำนาจพุทธบารมีในตัวอยู่แล้ว จึงต้องระวังเรื่องการใส่มวลสารเพราะเราจะไม่เน้นพุทธคุณ เน้นมหาอำนาจ (ท่านบอกพุทธบารมีไม่ใช่มหาอำนาจที่เราต้องการ)
จบ....ปิดตำนาน ไม่มีการสร้างให้บูชานะครับ โครงการนี้ ปิดตำนานไปตลอดกาล.... ในภาพคือองค์ Demo...
-
สรุป โครงการนี้เป็นตำนานต่อไป คือไม่มีการสร้างอีกแล้ว....(ในความคิดตอนนี้นะครับ) เพราะ
1.วิชานี้แต่เดิมคือวิชาพระภควัมไร้รูป เขาทำเป็นตะกรุดรึเสื้อยันต์กันคิดค้นตอนศึกสงครามแต่ 1,300 ปีก่อน การมาแปลงเป็นรูปพระปิดตาคือทำเป็นตะกรุดทองคำสอดไว้แล้วสวดคาถาประจุ ซึ่งครูแรงมากตามภาพ ครูภควัม ที่ปรึกษาเคยถามครูบาข่าย พระอะไรมีเขี้ยว....ท่านจึงบอก ครูภควัม แรงมาก ๆ
2. ช่างแกะ เจอฤทธิ์ตั้งแต่กุมารทองไม้มะขามฟ้าผ่าป่วยบ่อย มาเจอไม้โพธิ์ฟ้าผ่าเลยขอจบงานนี้เลย พร้อมอิ๊บพระต้นแบบผมไป 555 กะ พระไม้แกะ 1 องค์เป็นที่ระลึก
3. ที่ปรึกษาอาพาธบ่อยช่วงหลัง
จึงขอปิดตำนานพระภควัมเพียงเท่านี้ครับ....ผมขอบันทึกเป็นความทรงจำไว้....
ทุกท่านรอชม พญาปักษาคว้าลาภ กับตะกรุดพญาพาลีฯ ได้นะครับ.... -
มีสองในสามสุดยอด ก็ถือว่าเป็นวาสนาแล้วครับ ภายหน้าถ้าครูท่านเปิดทางค่อยว่ากันครับ
-
พญาปักษาคว้าลาภ(เนื้อพิเศษ) กับตะกรุดพญาพาลีฯ นั้นต่างกันยังไง แล้วขุนแผนมีโอกาศจะสร้างอีกใหม
-
ขุนแผนมวลสารไม่มีแล้ว ต้องมีมวลสารถึงสร้างได้ครับ -
สาธุ
-
ปูเสื่อรอ
-
วันนี้ไปพบที่ปรึกษาแล้ว ได้นำพญาปักษาไปขอท่านสัมผัสกระแสแบบทางการ
"สุดยอด ๆ โห เนื้อสวยมาก พลังแรงกล้าจริง ๆ "
"QC บอกมีพลังดูดสิ่งที่ดีสิ่งมงคลเข้ามาด้วยนะครับ มาจากผงมวลสารและการลบผงเหรอครับ"
"ใช่ ๆ กว่าจะลบผงได้ไม่ใช่ง่าย ๆ นะ"
"เห็น QC บอกพอว่าคาถาหัวใจพญาพาลี ดูดพลังรอบข้างเข้ามาได้เลยแต่ยังจับทางการดูดตรงๆ ไม่ได้คงต้องเสกก่อนหรือครับ"
"ใช่ กระแสพลังนั่นละคือลาภผลดูดลาภลอย.."
สรุป รอการปลุกเสกที่กำหนดแผนไว้แล้วครับ ท่านคิดคร่าว ๆ ไว้แล้วจะลดจำนวนฆราวาสเสกลง ให้เฉพาะผู้มีเงินล้านแบบหลวงบุญ แต่... แต่.... อาจมี surprise คอยติดตามครับ ผมขอท่านอีก surprise อาจเป็นสายโหดแบบสุดโหดที่สุดในบรรดาฆราวาสทั้งหมด...หรือ surprise แบบคาดไม่ถึงแล้วแต่สวรรค์กำหนดครับ
-
ไขปริศนาพระภควัมตรึงไตรภพ ในแง่ทัศนะครูบาข่าย
พระปิดตา หรือพระภควัม มีที่มาที่ชัดเจนคือ เป็นปางของพระอรหันต์ระดับสุดยอดเข้านิโรธสมาบัติครับ
คำว่าเข้านิโรธสมาบัติ ต่างจากเข้านิโรธกรรมที่พระดังๆ เข้ากันนะครับ
อ้างอิง...
https://pantip.com/topic/35225403
พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน กล่าวว่า นิโรธสมาบัติ [นิโรดทะสะมาบัด, นิโรดสะมาบัด] (แบบ) น. การเข้าสู่นิโรธ เป็นวิธีพักผ่อนของพระอรหันต์. (ป. นิโรธสมาปตฺติ).
สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ท่านกล่าวว่า นิโรธสมาบัติ การเข้านิโรธ คือ ดับสัญญา ความจำได้หมายรู้ และเวทนา การเสวยอารมณ์ เรียกเต็มว่า เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ, พระอรหันต์และพระอนาคามีที่ได้สมาบัติ ๘ แล้ว จึงจะเข้านิโรธสมาบัติได้ (ข้อ ๙ ใน อนุปุพพวิหาร ๙)
พระธรรมกิตติวงศ์ (ทองดี สุรเตโช) ท่านกล่าวว่า นิโรธสมาบัติ (อ่านว่า นิโรดสะมาบัด, นิโรดทะ- ) แปลว่า การเข้านิโรธ, การเข้าถึงความดับ หมายถึงการเข้าถึงความดับสัญญา (ความจำ) และเวทนา (ความรับอารมณ์) ทั้งหมด ซึ่งสามารถดับได้ถึง ๗ วัน เรียกว่าเข้านิโรธสมาบัติ เรียกย่อว่า เข้านิโรธ เรียกเต็มว่า เข้าสัญญาเวทยิตนิโรธ
นิโรธสมาบัติ ต้องเป็นพระอรหันต์และพระอนาคามีผู้ได้สมาบัติ ๘ จึงจะสามารถเข้าได้ ถือกันมาว่าผู้ได้ถวายอาหารแด่พระสงฆ์ผู้ออกจากนิโรธสมาบัติมื้อแรกจะได้รับอานิสงส์ในปัจจุบันทันตา ทั้งนี้เพราะเป็นอาหารมื้อสำคัญหลังจากที่ท่านอดมาถึง ๗ วัน ร่างกายจึงต้องการอาหารมากเป็นพิเศษ
-
นิโรธสมาบัติ หรือสัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัตินั้นเป็นสมาธิชั้นสูงในพระพุทธศาสนา เป็นการเข้าสมาธิที่ดับสัญญา ความจำได้หมายรู้และเวทนาความรู้สึกทั้งปวงมีสภาวะละเอียดกว่าอรูปฌานเพราะผู้ที่เข้าฌานขั้นนี้ต้องสามารถละขันธ์ ๕ เข้าสู่ความไม่มีตัวตน สิ้นไปจากรูปและนาม อยู่ในสุญญตวิหารธรรม การเข้านิโรธสมาบัตินั้นจึงทำได้เฉพาะพระอนาคามีและพระอรหันต์เท่านั้น การเข้าแต่ละครั้งจะกินเวลานานสูงสุด ๗ วัน โดยทั้ง ๗ วันจิตจะดับความรู้สึกความสืบต่อทั้งหมด ภาวะนั้นร่างกายดับลมหายใจ ไม่กินไม่ถ่ายไม่นอน ทรงสภาวะธรรมนั้นโดยตลอด ๗ วัน
เมื่อถอนสมาธิออกมาผู้เข้านิโรธมักออกโปรดคนยากจนที่มีศรัทธา หากใครได้ถวายทานเป็นมื้อแรกหลังจากการออกจากนิโรธจะได้บุญมหาศาล จากคนจนจะเปลี่ยนฐานะเป็นคนรวยภายในวันนั้นทันที ในสมัยพุทธกาลพระสารีบุตรเคยเข้านิโรธสมาบัติขณะนั้นมียักษ์นิสัยพาลเอากระบองมาทุบศีรษะ พระสารีบุตรมิได้เป็นอันตรายแม้ปลายเส้นขน เพราะพลังแห่งนิโรธสมาบัตินั้นคุ้มครอง
ที่มาอ้างอิง..
https://www.tnews.co.th/religion/34...มายทุบศีรษะก็ไม่เป็นผล-สมาธิสูงสุดในพุทธศาสนา
-
สมัยเจ้าแม่จามเทวี เมื่อเกิดศึกกับขุนหลวงวิรังคะตามเล่าไปแล้ว มหาฤาษียุคนั้นจึงคิดค้นวิชา ภควัมตรึงไตรภพขึ้นมา โดยสมัยโบราณ นำมาบังบ้านบังเมือง...คือจากการเล่าของครูบาอาจารย์อาศัยอำนาจแห่งการเข้านิโรธสมาบัติ ที่ตำราพุทธศาสนากล่าวว่า อันตรายใด ๆ ก็ทำร้ายไม่ได้ และปิดบังการมองเห็นของผู้อื่น (การมองของผู้มีฤทธิ์ หรือโดนส่องนั่นละครับ) และป้องกันการเสื่อมของอาคมด้วย
โดยท่านเล่าว่า เป็นการทำหลักหมุดแห่งวิชาไปปักตามเขตต่าง ๆ ตามการไหลของยันต์และวิชาจนบังเมืองได้สำเร็จ
เมื่อขุนหลวงวิรังคะยกทัพเข้ามา ตำนานเล่าว่า สามารถฝ่าด่านต่างๆ มาได้ มีด่านหนาม ด่านแม่น้ำ ด่านต่อแตนอาคม (สมัยก่อนคนเก่งมีมากเสกต่อแตนไปทำร้ายคนได้) ซึ่งทัพขุนหลวงวิรังคะฝ่ามาได้หมด (เพราะท่านเก่งอาคมมาก)
แต่มาถึงประชิดเมืองก็มองไม่เห็นเมือง โดนบังตา..... จนขุนหลวงวิรังคะโมโห แกล้งด่าทอเจ้าแม่
ขณะนั้นเองในตำนานบอก โอรสของเจ้าแม่ พระเจ้าอนันตยศ พระเจ้ามหันตยศที่ยกทัพกับช้างทรงคู่บารมีเจ้าแม่ไป ทนไม่ไหวเมื่อโดนขุนหลวงด่าถึงพระมารดาจนโมโหยกทัพออกมาจากการบังด้วยวิชาภควัมตรึงไตรภพ แล้วเกิดการรบกันขึ้น ตามตำนานบอก เจอช้างคู่บารมีเจ้าแม่ทำให้ช้างม้าศัตรูยกมาแตกตื่นเลยครับ
ช้างคู่บารมีเจ้าแม่ไม่ใช่ช้างธรรมดาไปค้นประวัติได้ครับ ปัจจุบันมีกู่ช้างบรรจุร่างพญาช้างท่านนี้อยู่.....
ที่ปรึกษาเล่าว่า สมัยก่อนครูบาข่ายท่านเคยเข้านิโรธสมาบัติ แต่ไปเข้าบนดอยที่มีวัดร้างเก่าแก่นะครับ เข้าแบบเงียบ ๆ มีโยมท่านนึงคอยดูแล ปัจจุบันโยมท่านนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว
โดยก่อนเข้านิโรธสมาบัติ ท่านได้วางวิชาภควัมตรึงไตรภพไว้รอบ ๆ สถานที่ด้วย บังตาทั้งคน สัตว์ และผีร้าย...ไม่ให้มาก่อกวน
.........
-
ไขปริศนาวิชาพระภควัมตรึงไตรภพ....(ปิดท้าย)
โดยหลักแห่งวิชานี้ ท่านเล่าว่า ครูบาข่ายได้แปลงหลักแห่งวิชามาเป็นอักขระและเคยให้ศิษย์แกะพระปิดตามาในช่วงมีเคราะห์กรรม (มาแปลก) เป็นเคล็ดแห่งตำนานพุทธศาสนาที่บอกว่า การเข้านิโรธสมาบัติ แม้กรรมก็ทำอะไรไม่ได้ (โดยเข้าใจว่า หลบหลีกช่วงระยะเวลานึงจนกว่าจะออกนิโรธสมาบัติ)
ซึ่งมีอานุภาพด้านอื่น ๆ เช่นบังตาศัตรู บังตามาร และกันเสื่อมจากอาคมต่าง ๆ ด้วย....
วิชาในภาพ ที่ปรึกษาได้เคยไปตรวจสอบมาแล้วตอนคุยกับบรรดาผู้ทรงวิชาตำราโบราณ ผลคือ ไม่มีใครเหมือน มีคล้ายก็ที่นึงแต่การไหลของยันต์ต่างกัน
จึงเป็นเรื่องแปลกและน่าบันทึกเป็นความรู้อย่างยิ่ง....
ผมได้แหย่เล่นๆ งั้นแกะจากไม้พญางิ้วดำเลย ท่านว่า ไว้ปีหน้าค่อยว่ากัน... เพราะมีงานใหญ่รออยู่คือ ไหว้ครู.....
-
การปลุกเสกสุดยอดแห่งลาภผลแบบคาดไม่ถึง แห่งตะกรุดพญาพาลี และพญาปักษา
วันนี้ท่านว่าโชคดีขณะที่พิจารณา มีโยมท่านนึงมาดูแล้วทักว่า "พญาปักษาที่ไหน...." จึงเป็นนิมิตที่ดียิ่ง
เรื่องการเสกหายห่วงครับ เพราะท่านก็ตรวจชะตาไว้พร้อมแล้วจะได้ดูอำนาจแห่งลาภด้วย เพราะงวดที่ผ่านมาก็ถูก 3 ตัวแล้ว 555
การปลุกเสกได้ล็อคคิว 2 ครูบาสุดยอดแห่งลาภไว้แล้ว และ 1 ฆราวาส ที่เหลือรอพบสิ่งที่ไม่คาดหมายครับ (ท่านใดพลาดเสียใจหนัก ๆ แน่ เพราะจะมาถามหาแบบรุ่นก่อน ๆ ไม่มีนะครับ)
จากนั้นก็ได้พักยาวของจริงต่อไป.....
หน้า 132 ของ 271