555+ ดิฉันทราบค่ะ ว่าคุณมีจินตนาการขนาดไหน? คุณจะให้ดิฉันเล่า ทั้งๆที่เจ้าตัวต้นเรื่อง อาจจะอยู่ในนี้เหรอคะ? ดิฉันไม่กล้าหรอกค่ะ 555+
นิทาน เรื่อง "พญานาค"
ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย คุรุวาโร, 31 ธันวาคม 2011.
หน้า 913 ของ 1157
-
-
-
ส่วนตัวจะำไม่ค่อยนานค่ะ เปลี่ยนเร็ว รับเร็ว...ส่งเร็ว
เหงานานไป เดี๋ยวไม่มีเพื่อน ฮ่าฮ่า -
-
รักและคิดถึงทุกๆท่านค่ะ..โชคดี.. -
-
-
-
แต่ว่าก็ว่านะ มันไม่เกี่ยวกับคอมฯ เลย
ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจนิ ขายใจดีกว่ามั้ง ฮ่าฮ่า -
รักข้ามภพข้ามชาติ อาจรักกันมากจนไม่สามารถจะรักใครได้อีก เลยกลายเป็นพันธะสัญญาผูกพันตามกันมา ว่าหากแม้นเกิดที่ไหน ฉันใดแล้ว จะขอรักแต่คนคนนี้เพียงคนเดียว ไม่เอาคนอื่น ก็เลยต้องตามรักกันต่อไปล่ะมั้งคะ :cool:
แถไปเรื่อย 555+ -
ตอนนี้ไม่คอยว่างครับ มีแต่ความฝัน ซึ่งความฝันนั้นแตกต่างจากการทำสมาธิครับ เพราะถูกปรุงแต่งด้วยสาเหตุต่างๆครับ ฝันว่า ไปเที่ยวเมืองบาดาลครับ..ฟังไหม หนอ..
-
รออ่านหนอค่ะ คนเล่านิทานหาย...ยยยย อีกแ้ย้ว
-
-
ภาวนาแล้วเผลอนอนหลับไปครับ ฝันไปว่า ตนเองยืนอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ข้างหน้านั้น มีงูมีหงอนตัวใหญ่(ก็พญานาคนั้น แหละครับ) นอนขดอยู่ เขามีสีเงินครับ ข้างๆนั้น มีกองไฟครับ พองูมีหงอนเห็นคุรุวาโร เขาก็ลืมตาแล้วหันหัวมาทางคุรุวาโร เขาก็กล่าวว่า...
-
งูพูดได้อ่ะ...ทำไมไม่ฉกล่ะหรือพ่นพิษใส่ก็ได้
-
ทำอย่างไร จะตัดใจเรื่องสัญญาของใจนั้นได้ จะได้ปฏิบัติธรรมได้ดีกว่านี้ คุรุวาโร เลยตอบว่า พระอาจารย์ มั่น กล่าวไว้ว่า ใจ นั้นเป็นใหญ่ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ ใจ มี ใจ เป็นผู้กำหนด พอคุรุวาโรพูดเสร็จ ก็มี ผู้หญิงสองคนถือถาด ผู้หญิงสองคนนั้นแต่งตัวแปลกๆครับ
-
เขาแต่งตัวนุ่งสไปสีขาวนวล ใส่ผ้านุ่งสีกลมท่า เกล้าผม แต่มีดวงตาสีแดง ในถาดนั้นมีของบางอย่างครับ แล้วเขาก็วางไว้ให้งูมีหงอนนั้น และทำท่าเคารพงูมีหงอนนั้น เขาทำท่าจะกลับ คุรุวาโร เลยถามผู้หญิงสองคนนั้นว่า ท่านผู้ที่นอนอยู่นี้มีนามว่ากระไรครับ ผู้หญิงนั้นตอบว่า....
-
เรื่องที่ 25 สุขไม่ได้สอน แต่ทุกข์สอน
ในวัยหนุ่ม(เหลือ)น้อย ของผม รู้สึกว่าน่าจะมีอะไรแบ่งปันกันได้ในแง่คิดดีๆ และเมื่อคิดทบทวนดูชีวิตของผมมีต้นทุนเป็นความทุกข์ชนิดที่คงไม่มีใครอิจฉาแต่อย่างใด และนี่คือสิ่งที่คุณครูแห่งความทุกข์ได้บรรจงสอนผมอย่างเข้มงวดกวดขันที่สุด
1. ความทุกข์ทำให้เรามีความสุขได้ง่ายขึ้น กินง่ายๆ อยู่ง่ายๆคนเราแค่มีปัจจัยสี่พอประมาณ มีสุขภาพเป็นปกติก็มีความสุขแล้ว สิ่งอื่นๆเป็นส่วนเกิน ยิ่งหา ยิ่งแบก ยิ่งมีภาระมาก
2. ความทุกข์สอนให้เรามีน้ำใจ คนที่ขาดแคลนเคยลำบากย่อมต้องมีจิตใจที่เข้าใจคนที่เคยมีความทุกข์ด้วยกัน ย่อมมีน้ำใจ อยากช่วยเหลือคนอื่น มากกว่าคนที่ไม่เคยลำบาก ชีวิตสุขสบาย ยิ่งเรายิ่งให้ได้มากเราก็ยิ่งมีความสุข
3. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนกตัญญู ทุกคนที่เคยช่วยเหลือเรา
จากความยากลำบาก ล้วนมีพระคุณที่เราควรตอบแทน
4. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนมีความอดทน ทนได้ต่อความทุกข์
ทนได้ต่อความยากลำบาก ทนได้ต่อช่วงเวลาที่ยาวนานของความทุกข์ที่ดูเหมือนจะไม่มีวันหมดสิ้น ไปจากชีวิต
5. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนแกร่ง ไม่ย่นย่อต่อความลำบาก เหมือนเหล็กร้อนที่ผ่านไฟย่อมแข็งแกร่งขึ้น คนที่เคยลำบาก แล้วผ่านมาได้ด้วยความอดทนพยายาม จะไม่กลัวต่อความยากลำบาก เหมือนที่คนโบราณกล่าวว่า”ลำบากเสียให้เคย แล้วจะไม่ลำบากอีก”
6. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนซื่อสัตย์ เพราะว่าคนที่ยืนได้ด้วยขาของตัวเอง เคยลำบากมาก่อน ย่อมไม่คิดจะหลอกลวงใคร เพราะทุกคนก็ล้วนมีความทุกข์มากบ้างน้อยบ้าง ต่างก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ เกิดแก่ เจ็บตาย เราไม่อยากคดโกงผู้ใดให้เขาต้องทุกข์ขึ้นไปอีก การคดโกงในปัจจุบันแล้วทำให้ความสุขลดน้อยจากบาปในใจหรือต้องใช้กรรมในภายหลัง ไม่คุ้มกันเลย
7. ความทุกข์สอนว่า ไม่มีสิ่งใดที่เป็นสิ่งที่จีรังยั่งยืน ความทุกข์มาแล้วก็ไป ความสุขมาแล้วก็ไป ร่างกายนี้เป็นที่มาของความทุกข์ ความคิดความรู้สึกก็เป็นที่มาของความทุกข์ ความสุขแบบโลกๆ อยากได้อะไรแล้วก็ได้มา ก็เป็นแค่การบรรเทาทุกข์ที่มีให้น้อยลงไปแค่นั้นเอง สักพักก็ต้องอยากและมีความทุกข์อีก
8. เมื่อตกอยู่ในความทุกข์ ทุกอย่างเป็นจริงเป็นจังหนักหนาสาหัสถึงขั้นปลิดชีวิตเราได้ แต่เมื่อผ่านความทุกข์นั้นมา ความทุกข์นั้นก็เสมือนดังฝันร้ายไม่ได้เกิดขึ้นจริง แถมเมื่อมองย้อนกลับไปและตอบตัวเองอย่างมีสติ กว่าแปดสิบเปอร์เซ็นต์ของความทุกข์เป็นความคิดแง่ลบและความวิตกกังวลเกินเหตุ การไม่เข้าใจโลกตามที่เป็นจริงมากกว่า
9. ความทุกข์สอนให้เราเป็นคนที่ไม่แสดงความกร่าง แสดงความยึดติดในความคิดของตัวเองมากจนเกินไป คนจนๆ คนไม่ค่อย
มีโอกาสในสังคม เป็นคนที่เจียมเนื้อเจียมตัว รู้จักกาลเทศะ รู้จักสิ่งที่ควรไม่ควรเสมอ
10. เงินทองและความสำเร็จในทางโลกเป็นแค่ปัจจัยในการอยู่ในสังคมแค่นั้น บุญกุศลและความสุขจากการภาวนา จึงจะเป็นความสำเร็จที่แท้จริง คนที่มีเงินร้อยล้านพันล้าน ที่กำลังใกล้ตาย ก็เอาเงินซื้อเวลาสักวินาทีก็ไม่ได้ ซื้อความสุขจากความทุกข์ทรมานก็ไม่ได้เลย ไม่มีใครช่วยเราได้เมื่อมีความทุกข์ การกระทำหรือบุญที่คิดถึงแล้วมีความสุขความสงบ จิตที่ฝึกไว้ดีแล้ว จะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้
ความทุกข์เป็นสิ่งที่ทุกคนที่เกิดมาย่อมต้องเจอ การมีความทุกข์เสมือนเราได้ต้นทุนในชีวิตที่มีค่าอย่างยิ่ง ขอเพียงเรามีความอดทนไม่ยอมแพ้มัน การเรียนรู้ความทุกข์ด้วยการหาที่พึ่งอันได้แก่ธรรมะ การมีสติ สิ่งที่เราได้เรียนรู้ต่อมานั้นคือปัญญา จะเป็นสิ่งที่มีค่าที่สุดที่จะติดตัวเรา อันนำมาซึ่งความสุข ความสำเร็จ ได้ตลอดชีวิต
นี่คือสิ่งที่”สุขไม่ได้สอนแต่ความทุกข์สอน"ครับ
http://www.dhammathai.org/dhammastory/view.php?No=352 -
สวัสดีค่ะ ท่านประธาน และชาวเมืองคุรุวาโร ทุกท่าน
......ขอแอบอ่านเงียบๆ นะคะ งานกำลังยุ่ง..หลายประการ
ที่ต้องเข้ามาดู..ก็เพราะไม่รู้ว่าใครคิดถึง..หรือ คนึงหา..แฮะ..
รู้แต่ว่า..อยู่ไม่เป็นสุขเลยอันว่าตัวข้าพเจ้านี้...เหอ..เหอ.. -
พอกล่าวเสร็จหญิงสองคนนั้นก้ไปครับ สภาพบรรยากาศเหมือนอยู่ในถ้ำครับ มันมืดๆ มีแสงสลัวๆครับ ข้างๆที่งูตัวใหญ่นั้นนอนอยู่ มีรูปปั้นเหมือนพญานาคที่อยู่ตามทางบันไดของวัดครับ แต่สวยงามกว่ามาก แถมมีการจารึก ที่คุรุวาโร อ่านไม่ออกครับ แต่ดูท่าทางน่าจะเป็นนาคีครับ เพราะดูสวยสด งดงามมากครับ
หน้า 913 ของ 1157