-
นโมพุทธายะ๕
ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม
ทีมงาน
ผู้ดูแลเว็บบอร์ด
น้ำใจกระแตโพธิสัตว์
การปรารถณาพุทธภูมิมิใช่เป็นเรื่องของผู้ที่เป็นพระโพธิ์สัตว์แต่เพียงคนเดียว หรือเป็นเรื่องของกระแตน้อยที่ต้องรับผิดชอบบำเพ็ญเพียรสั่งสมบารมีเพื่อบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
แล้วมาโปรดมนุษย์ให้พ้นจากความทูกข์ ดู ดู มนุษย์ช่างเอาเปรียบกระแตน้อยเสียกระไร
ความเป็นพุทธ
มีอยู่ในสรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าใครจะอาจหาญตั้งจิตประกอบความเพียร บำเพ็ญบารมี ตั้งความปรารถณาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคต
ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มิได้ขึ้นยู่กับสิ่งใดๆ ขึ้นอยู่กับใจ
ทุกชีวิตมีสิทธิ์โดยชอบธรรมที่จะเป็น "พระสัมมาสัมพุทธเจ้า"
---------------------------------------------------------------------------------------------
กระแตโพธิสัตว์
กาลเมื่อ สมเด็จพระจอมมุนี ยังสร้างสมบารมีเป็นพระโพธิสัตว์ซึ่งต้องท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดใน วัฏสงสารนั้น ปรากฏว่าครั้งหนึ่ง พระองค์อุบัติในดิรัจฉานภูมิเสวยพระชาติเป็นกระแตสัตว์เดียรฉานมีนิวาสสถาน อยู่ ณ ที่ใกล้มหาสมุทรทะเลใหญ่
อยู่มาวันหนึ่ง เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมมาเป็นอันมากกระแสน้ำซึ่งมีกำลังเชี่ยวกรากดุดัน พัดผันพาเอารังพร้อมทั้งลูกของพระโพธิสัตว์ลงไปสู่มหาสมุทรทะเลหลวงหายไป ฝ่ายพระโพธิสัตว์ เมื่อได้รับอุปัทวเหตุเช่นนี้ ก็มีใจเศร้าเฝ้าคิดสงสารลูกของตนเป็นหนักหนา เสวยทุกขเวทนาดั่งว่าจะขาดใจตายไปตามบุตร สุดที่จะคิดถึงเหตุผลประการใด มีใจมุ่งหมายครุ่นคิดอยู่แต่ว่า
“เราจะกระทำความเพียร วิดน้ำในมหาสมุทรนี้ให้แห้งแล้วจะค้นหาลูกเราจนพบให้จงได้”
ครั้นเกิดมุมานะฉะนั้นแล้ว ก็เริ่มกระทำความเพียรเอาหางของตนจุ่มลงไปในน้ำพอเปียกชุ่มแล้วก็วิ่งขึ้นไป สลัดน้ำลงบนที่ดอน แล้วก็ย้อนกลับมาเอาหางจุ่มน้ำ และวิ่งไปสลัดน้ำลงบนที่ดอนอีก แต่พระโพธิสัตว์เจ้าเฝ้าวิดน้ำในมหาสมุทรด้วยหางแห่งตนอยู่อย่างนี้
จนสรีระร่างกายได้รับความบอบช้ำเหน็ดเหนื่อยนักหนา เป็นเวลาถึง 5 – 6 วัน น้ำนั้นจะพร่องไปสักนิดก็หามิได้ ก็มันจะพร่องไปได้อย่างไรเล่า เพราะว่าไม่ใช้น้ำในตุ่มในไห แต่เป็นน้ำในมหาสมุทรใหญ่ทะเลหลวงซึ่งมีมากมายเหลือคณนา แม้ว่าจะเป็นอย่างนี้ สัตว์ผู้มีใจเด็ดคือ กระแตโพธิสัตว์นั้นก็มีใจมั่นคง จะได้ย่อท้อหย่อนจากความเพียรเสียก็หามิได้ กลับตั้งใจมานะพยายามวิดน้ำในมหาสมุทรต่อไปอีกอย่างไม่ลดลง
ด้วยเดชะวิริยะบารมีแห่งพระโพธิสัตว์ ซึ่งตั้งใจกระทำอย่างผิดธรรมดาในครานั้น ก็บันดาลให้บัณฑุกัมพลศิลาอาสน์ขององค์สมเด็จพระอมรินทราธิราช ผู้ทรงเป็นจอมเทพยเจ้าเบื้องสวรรค์ชั้นไตรตรึงษ์ถึงอาการแข็งกระด้างเป็น อัศจรรย์ ครั้นองค์มัฆวานทรงส่อทิพยเนตรทราบประพฤติเหตุนั้นแล้วจึงเสด็จลงมาจาก เทวโลกในวันที่ 7 แปลงเพศเข้าไปหากระแตโพธิสัตว์เจ้า
ซึ่งกำลังเอาหางวิดน้ำในมหาสมุทรอยู่อย่างอุตลุดแล้วทรงมีเทววาทีเอ่ยถาม ขึ้นมา
“ดูกร ท่านผู้เป็นกลันทกชาติ คือ กระแต่ ท่านมาทำอะไรพิกลอยู่ที่นี่”
“เรากำลังทำการวิดน้ำในมหาสมุทร” พระโพธิสัตว์ตอบ
“ท่านมีความประสงค์สิ่งใดๆ จึงถึงกับต้องวิดน้ำทั้งมหาสมุทรทีเดียว”
“เรากระทำความเพียรในครั้งนี้ เพื่อหวังจะให้น้ำในมหาสมุทรนี้แห้ง แล้วจะค้นหาบุตรของเราที่ถูกน้ำพัดพามาจมลงที่มหาสมุทรนี้ให้พบ”
สมเด็จพระอมรินทราธิราช จึงตรัสว่า
“การที่ท่านจะวิดน้ำในมหาสมุทรนี้ให้แห้งนั้น เห็นทีจะขัดสนนัก คือ ข้าพเจ้าเห็นว่า ท่านจักต้องตายเปล่าเสียเป็นแน่แท้ ท่านมิแลดูดอกหรือว่า น้ำในมหาสมุทรนี้มากมายนัก สุดวิสัยที่ผู้ใดผู้หนึ่งจักวิดให้แห้งได้ ไฉนท่านจึงมากระทำการอันสำแดงความโง่ออกมาให้ปรากฏเห็นปานฉะนี้ หยุดเสียเถิด อย่าได้พยายามต่อไปเลย จะตายเสียเปล่าๆ”
“ท่านนั่นแหละโง่” พระโพธิสัตว์ผู้เป็นกลันทกชาติกล่าวตอบแล้วจึงพูดต่อไปตามประสาแห่งตนว่า “ตัวท่านเป็นคนโง่ เพราะเป็นผู้มีใจเกียจคร้านหาความเพียรมิได้ ขึ้นชื่อว่าคนเกียวคร้านเหมือนเช่นตัวท่านนี้ หาควรที่เราจะเจรจาด้วยไม่ตั้งแต่ท่านมาชักชวนเจรจาอยู่นี้ ก็เป็นการเสียเวลาเราอยู่เป็นอันมาก เราเสียดายเวลานัก ท่านจงไปเสียให้พ้นเถิด อย่ายืนอยู่ที่นี่เลย อ้าว ว่าอย่างไรเล่า บอกว่าไปให้พ้น”
พระโพธิสัตว์ตวาดไล่พระอินทร์ดังนี้แล้ว ก็ก้นหน้าก้มตาวิดน้ำในมหาสมุทรด้วยหางของตนต่อไปอย่างขะมักเขม้น โดยไม่ยอมพักผ่อนหยุดยั้ง ข้างฝ่ายสมเด็จพระอมรินทราธิราช เมื่อถูกตวาดเช่นนั้น จึงทรงพระดำริว่า แท้จริงธรรมดาว่า สัตว์ผู้เป็นหน่อเนื้อพุทธางกูรนี้ ย่อมมีความเพียรใหญ่ประจำอยู่ในสันดานอย่างเอกอุ ดูเอาเถิดในกาลบัดนี้ถึงแม้จะกระทำสิ่งที่เหลือวิสัย เราลองน้ำใจบอกให้เลิกละเสียด้วยเหตุผลอันสมควรนักหนาก็หาละทิ้งความตั้งใจ เดิมเสียไม่ ช่างมีน้ำใจเด็ดเดี่ยวอาจหาญน่าสรรเสริญนัก
เมื่อมีเทวดำริเช่นนั้น จึงทรงไปนำเอาลูกกระแตซึ่งยังไม่ตายมามอบให้แก่พระโพธิสัตว์ด้วยเทวานุภาพ แล้วก็สำแดงองค์ให้ทราบว่า พระองค์เป็นจอมเทพเบื้องสรวงสวรรค์ เปล่งรัศมีพรรณรุ่งเรืองโอภาส เสด็จกลับไปสู่ไพชยนตปราสาท อันเป็นเทวสถานพิมานที่ประทับอยู่แห่งพระองค์
เรื่องที่เล่ามานี้ ย่อมจะชี้ให้เห็นว่า
พระโพธิสัตว์คือท่านผู้ปรารถนาเพื่อจะได้ตรัสรู้เป็น สมเด็จพระจอมมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคตกาลนั้น ย่อมจะมีมนัสมั่นคงนักหนา ถึงแม้ว่าจะพลาดพลั้งไปถือกำหนดเป็นสัตว์เดียรฉานก็ดี ก็ย่อมมีน้ำใจมั่นคงเด็ดเดี่ยวเต็มไปด้วยวิริยะอุตสาหะเป็นยอดเยี่ยม ถ้าลงได้ตั้งใจกระทำสิ่งใดแล้ว แม้จักยากแสนยากเพียงใดก็ตาม การที่จะมีความเพียรอันย่อหย่อนหรือเลิกล้มความตั้งใจเสียกลางคันนั้นเป็น อันไม่มีอย่างเด็ดขาด นี่แหละท่านทั้งหลายคือความมั่นคงเด็ดเดี่ยวแห่งน้ำใจของพระมหาบรมโพธิสัตว์ เจ้า ผู้เฝ้าปรารถนาเพื่อจักได้ตรัสพระปรมาภิเษกสัมโพธิญาณ
นำมาจาก
การปรารถนาพุทธภูมิ
พุทโธ ธัมโม สังโฆ
ทานศีลเนกขัมมะปัญญาวิริยะขันติสัจจะอธิษฐานเมตตาอุเบกขา
พระโพธิ์สัตว์เริ่มต้นเหมือนกันหมดคือการบำเพ็ญทาน ขอความปรารถณาจงบังเกิดในจิตใจทุกท่าน
ขออนุโมทนาบุญ
โพสต์เมื่อ 25th April 2011 โดย
sunisa
http://dhammaforlife1.blogspot.com/2011/04/blog-post_25.html
-
-