บทความสร้างสรรค์ที่ชาวพุทธควรอ่าน สรุปคือ "พุทธศาสนาไม่จำเป็นต้องโฆษณา"

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย กระเจียว, 18 พฤศจิกายน 2004.

  1. กระเจียว

    กระเจียว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,354
    ค่าพลัง:
    +2,010
    "ไม่จำเป็นต้องทำการตลาดให้พระพุทธเจ้า"

    "ตอนนี้กระแสทั่วโลก พุทธศาสนามีคนสนใจอย่างมากมาย เพราะอะไร เพราะเขาตั้งคำถามว่า สิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาเกี่ยวกับพุทธศาสนานั้นจริงหรือไม่ เมื่อสงสัยแล้วก็ต้องปฏิบัติ การปฏิบัติก็คือการเจริ_สติภาวนานี่เอง เมื่อปฏิบัติแล้วเกิดปั__ารู้เห็นตามความเป็นจริงก็ไม่มีใครหลอกได้"

    ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มดีเค คอนซัลแทนส์ (ประเทศไทย) จำกัด และสำนักพิมพ์ดีเอ็มจี นักการตลาดรุ่นใหม่ที่นำการบริหารเชิงพุทธมาใช้ในบริษัทกล่าว และเมื่อถามถึงการนำการตลาดกลับไปรับใช้พระพุทธศาสนาบ้าง เขาตอบว่า เราไม่จำเป็นต้องทำการตลาดให้กับพระพุทธเจ้า เพราะบริษัทของพระองค์ ที่พระองค์ทรงเป็นประธานผู้ก่อตั้งนั้นอยู่มากว่า 2,547 ปีแล้ว มีหลักการปฏิบัติและเป้าหมายชัดเจนที่สุด มีกลยุทธ์ มีการบริหารตนเอง บริหารชีวิตในชีวิตประจำวัน บริหารครอบครัว บริหารองค์กร บริหารสังคมเพื่อไปสู่การพ้นทุกข์ ด้วยการปฏิบัติตามหลักมรรคมีองค์ 8

    "เพียงแค่เราปฏิบัติ เริ่มต้นด้วยมีสัมมาทิฐิ คือมีความเห็นชอบด้วยปั__า แล้วเราก็จะไม่หลงทาง"

    เพราะอะไร ดนัยอธิบายต่อมาว่า เพราะพระองค์ทรงวางแผนการเดินทางไว้ให้มากที่สุดถึง 84,000 พระธรรมขันธ์ รอการพิสูจน์อยู่ตลอดเวลา ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำการตลาดให้พระองค์ เพราะเรื่องภาษาบางครั้งปิดกั้นสัจธรรมความเป็นจริง

    "ธรรมะสื่อกันด้วยกาย วาจา และใจ ปฏิบัติเองรู้เอง เป็นปัจจัตตัง คือรู้ได้เฉพาะตน ภาษาเป็นเพียงสิ่งสมมติเท่านั้นเอง เราอย่าไปมองกรอบนอก พุทธศาสนาคือสิ่งที่สัมผัสได้ สิ่งที่เราควรรักษาไว้คือการสื่อออกไปตรงๆ อย่างแรกคือบอกเขาว่า ห้ามเชื่อ แต่ต้องมาพิสูจน์เอง มาปฏิบัติการทางจิต มาเข้าห้องแล็บในตัวเอง เราเรียนรู้ทุกอย่างนอกตัวเราไปจนถึงนอกโลก แต่ภายในตัวเราเคยศึกษาไหม?"

    ในบริษัทที่ดนัยเป็นเจ้าของ จึงเปิดโอกาสให้พนักงานลาไปปฏิบัติธรรมได้โดยไม่ต้องใช้วันลา เพื่อให้พิสูจน์สัจธรรมด้วยตนเอง นอกจากนี้เขายังทำชมรม 'คนรู้ใจ' (ตัวเอง) ขึ้น เพื่อเปิดโอกาสให้คนนอกและคนในบริษัทได้มีโอกาสสัมผัสกับกิจกรรม และกุศโลบายเกี่ยวกับการปฏิบัติธรรมอย่างหลากหลาย นอกจากนี้

    "ผมทำโครงการปฏิบัติธรรมให้กับคนทำสื่อด้วย ผมบอกว่า เรามาหยุดกัน หยุดเขียนเรื่องของคนอื่น แต่มาเขียนเรื่องตัวเอง บ่อยครั้งที่เรารู้จักคนอื่นมากกว่าตัวเอง แต่จะมีอะไรที่ดีไปกว่าการรู้จักตัวเอง พุทธศาสนาไม่ได้สอนอะไรนอกจากสอนให้รู้จักตัวเองก่อน เมื่เรารู้จักตัวเอง เราก็จะรู้จักผู้อื่นด้วย"

    เขาบอกว่า เพราะหัวใจของพระพุทธศาสนาคือตัวปั__านี่เอง ผมเพิ่งกลับจากงานมหกรรมหนังสือ แฟรงค์เฟิร์ต บุ๊คส์แฟร์ ประเทศเยอรมนี พุทธศาสนาที่นั่นมาแรงมาก กลุ่มแพทย์ วิศวกร นักธุรกิจระดับผู้บริหาร ตลอดจนชนชั้นปกครองที่เขาไม่ต้องกังวลเรื่องทำมาหาเลี้ยงชีพ เขาเริ่มศึกษาพุทธศาสนาอย่างจริงจังในเรื่องที่เขาได้ยินได้ฟังมาว่าจริงหรือเปล่า

    "ในสหรัฐเมริกาเอง การเจริ_สติภาวนาก็ได้รับความสนใจอย่างมากเช่นกัน เพราะวัตถุภายนอกที่เขามีอยู่ไม่สามารถตอบสนองความสงบสุขภายในได้ ที่เห็นชัดๆ คือ หลังตึกเวิลด์ เทรดถล่ม คนหาที่พึ่งทางใจกันอย่างมาก เขาก็ค้นหาจนได้ศึกษาพุทธศาสนานี่แหละที่มาเยียวยา เพราะพุทธศาสนาไม่ให้พึ่งปัจจัยภายนอก แต่ให้พึ่งตนเอง ทุกอย่างเกิดจากการกระทำของเราเอง ในสังคมที่มีปั__าพุทธศาสนาจะเบ่งบาน สังคมไทยก็เป็นสังคมที่มีปั__า แต่เราก็ต้องตั้งคำถามว่า ที่เป็นอยู่เป็นพุทธหรือเปล่า ? พิธีกรรมไม่ใช่หลักธรรมของศาสนา พิธีกรรมเป็นเพียงการนำศรัทธาน้อมเข้าสู่การศึกษาตัวเอง"

    ดนัยเล่าว่า นิตยสาร TIME ฉบับวันที่ 4 สิงหาคม ที่ผ่านมา เขาทำสกู๊ปเรื่องเกี่ยวกับพุทธศาสนาในระดับโลกว่าได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกาและเยอรมันได้สแกนสมองมนุษย์ออกมา ผลการวิจัยเขาได้สัมผัส พลังของคลื่นสมองของผู้ปฏิบัติธรรมเจริ_สติสมาธิภาวนา ว่าคลื่นสมองของคนเหล่านี้มีระเบียบ มีการจัดคลื่นสมองที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้ร่างกายสมดุลปราศจากโรคมะเร็ง ไมเกรน หรือโรคต่างๆ

    "นอกจากนี้ยังทำให้เซลล์สมองที่มีอยู่ 100% ซึ่งปกติเราใช้เพียง 7% นั้น สามารถใช้ประโยชน์ได้มากกว่าที่เป็นอยู่ เช่นเดียวกันที่เราใช้คอมพิวเตอร์ เรามักใช้เพียง 1% ของคุณสมบัติที่มันมีอยู่ บางทีเราไม่รู้เลยว่า มันทำอะไรได้ตั้งมากมาย เราปล่อยให้อีกตั้ง 90 กว่าเปอร์เซ็นสู_เสียการใช้ประโยชน์ไป เช่นเดียวกับตัวเรา ทุกคนมีศักยภาพของตัวเองอยู่ ทุกอย่างอยู่ในตัวเรา คัมภีร์ชีวิตอยู่ในกายกับใจเรานี่เอง"

    นั่นคือคำตอบที่ว่า ทำไมพุทธศาสนาจึงไม่ต้องอาศัยการตลาดในการโปรโมท และประชาสัมพันธ์เป็นเงินหลายร้อยหลายพันล้านบาท

    "พระพุทธองค์ตรัสรู้ธรรมก็ขณะที่ท่านเป็นมนุษย์ ท่านรู้ทุกอย่างเพราะท่านใช้ศักยภาพในตัวเองอย่างเต็มเปี่ยม ซึ่งเดี๋ยวนี้พิสูจน์ได้แล้วทางการแพทย์ สังคมตะวันตกตื่นเต้นกันมากกับการค้นพบตัวเองตามแนวทางที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้พิสูจน์กันเอง"
    และจากการศึกษาและปฏิบัติธรรมาตั้งแต่เด็กของดนัย เขาค้นพบว่า พุทธศาสนามีความเป็นสากล

    "คือความสามารถที่จะรู้ทุกสิ่งทุกอย่างตามความเป็นจริง คนที่มีสภาวะธรรมสูงก็จะอยู่ในทุกๆ ที่อย่างสงบสุข และมีประสิทธิภาพ"

    สำหรับหนังสือธรรมะที่พิมพ์แจก ดนัยเห็นว่า ก็เห็นพิมพ์แจกกันมากมาย แต่ถามว่า อ่านแล้วปฏิบัติกันหรือเปล่า? นั่นอีกเรื่องหนึ่ง

    "สำนักพิมพ์ดีเอ็มจีของผมเอง ก็แจกหนังสือธรรมะเป็นธรรมทานเหมือนกัน จริงๆ แล้วการเป็นพุทธที่ดีไม่ต้องแจก ถ้าเรามีความสุข น้อมนำธรรมเข้ามาอยู่ในตัวเอง อยู่ตรงไหนก็ทำให้คนอื่นมีความสุขไปด้วย model ที่ดีที่สุดคือตัวเรา อุปกรณ์ทุกอย่างเป็นเพียงตัวเสริมเท่านั้น"

    เพราะพุทธศาสนาไม่ใช่เรื่องที่เพียงแต่เข้าใจ แต่ต้องเข้าถึงด้วย ดนัยยกตัวอย่างว่า ส่วนให_่ ดีชั่วรู้หมด แต่อดใจไม่ไหว ถ้าหลักธรรมอยู่ในใจเราแล้ว ดีชั่วรู้หมดแล้วก็อดใจไหวด้วยทั้งต่อหน้าและลับหลัง เหมือนมีองครักษ์ 2 องค์ คือ 'สติ' และ 'สัมปชั__ะ' ซึ่งจะคอยเตือนเราทั้งความดีและความชั่ว อย่างเช่น ทำไมยังโกรธอยู่ ทำไมยังว่าคนอื่นอยู่ เพราะเรายังเข้าไม่ถึงธรรมนั่นเอง

    "ตอนนี้สังคมไทยกำลังเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้ เราต้องหันมาศึกษาแก่นธรรมคำสอนของพระพุทธองค์กันจริงๆ จังๆ จะได้ไม่มีใครมาหลอกเรา เพราะเวลาเรามีความทุกข์ เราจะไปอ้อนวอนใครให้คลายทุกข์ เราต้องทำตัวเองให้มีภูมิคุ้มกันความบกพร่องทางใจด้วยตนเอง"

    แล้วอะไรที่เป็นวัคซีนคุ้มกันความบกพร่องทางใจได้ดีที่สุด ดนัยยืนยันว่า ก็คือหลักธรรมคำสอนของพระพุทธองค์นั่นเอง ซึ่งเรามีพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นแสงสว่างนำทางเราเท่านั้น แต่ตัวเราต้องปฏิบัติจนกระทั่งเป็นแสงสว่างให้กับตัวเองให้ได้

    และจากประวัติศาสตร์การก่อร่างสร้างชาติมา ประเทศไทยก็เป็นประเทศที่ใจกว้างมาก ตั้งแต่สมัยที่เป็นราชอาณาจักรสยามเราโอบอุ้มทุกศาสนาทุกเชื้อชาติมาโดยตลอด ดนัยเล่าว่า ทุกศาสนาเข้ามาเผยแผ่ตั้งแต่สมัยพระนารายณ์มหาราชจนถึงปัจจุบัน นั่นทำให้พุทธศาสนามั่นคงและสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน ชาวพุทธแต่งงานกับคนที่นับถือศาสนาไหนก็ได้ ประเทศไทยถือว่าเป็นดินแดนหนึ่งในโลกที่หลากหลายศาสนาอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขมาตลอด

    ในประเด็นนี้ดนัยเห็นว่า ทุกศาสนา ทั้งคริสต์ อิสลามและพุทธ ต่างมีหลักในการเจริ_สติ สมาธิภาวนาเหมือนกัน ทุกศาสนาสอนให้ปฏิบัติธรรมเรียนรู้ตัวเองกันทั้งนั้น

    "ดังนั้นใครจะมาเผยแผ่อะไร เราไม่ต้องกลัว น่าจะเป็นสิ่งที่ดีมากกว่า เราจะได้ตื่นตัวในการปฏิบัติธรรมกันมากขึ้น เราต้องฉลาดในการที่จะใช้ประโยชน์จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเรา บางครั้งเราไม่สามารถควบคุมปัจจัยภายนอกได้ แต่เราดูแลและเรียนรู้จากปัจจัยภายนอกที่มากระทบเราได้

    เพราะศาสนาพุทธให้เรากลับมาเอกซเรย์ตัวเอง เห็นตัวเอง เราบกพร่องอะไรก็ดูตัวเราเองก่อน" ก่อนที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่น!
     
  2. pun

    pun สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +10
    ขอบคุณครับ
    สำหรับบทความดีๆ
     
  3. Star Platinum

    Star Platinum เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    355
    ค่าพลัง:
    +1,152
  4. piromsuparp

    piromsuparp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    97
    ค่าพลัง:
    +2,754
    ดีมากครับ (smile) (||)
     
  5. telwada

    telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ขออภัยข้าพจ้าไม่ได้เข้ามาหาเรื่องนะ แต่ใคร่ขอถามว่า
    บทความที่คุณนำมาลงเนี่ย มันเป็นการ โฆษณาหรือไม่ มันต่างกันตรงไหน
    หรือว่า ทำอย่างหนังสือ พลังชีวิตไม่ได้ ก็เลย อิจฉา ขออภัยเอากันตรงๆไม่อ้อมค้อม อย่าคิดว่าเป็นการด่าหรือเป็นการยั่วยุ ขอตอบให้สักหน่อยเถิด
    ขออภัยอีกครั้ง เพราะระยะนี้ เขียนอะไรตรงๆไป กลายเป็นการด่าเขา ว่าเขา เสียความรู้สึกของเจ้าของกระทู้ ขออภัย ขออภัย ขอรับ
     
  6. เมฆคล้อยอนิจจัง

    เมฆคล้อยอนิจจัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กันยายน 2004
    โพสต์:
    57
    ค่าพลัง:
    +150
    บทความที่คุณกระเจียวนำมาเป็นบทความที่ดีมากเลยครับ จริงแท้และแน่นอน

    คนเราทุกวันนี้มักจะมองแต่ผู้อื่น เพ่งโทษผู้อื่น แล้วก็เอามาเดือดร้อนใจตนเอง
    หารู้ไม่ หนทางที่ดีที่สุด คือเรียนรู้ในตนเองให้ถ่องแท้ ดูในตนเองไว้เหอะ ผิดพลาดเมื่อใดก็ติมันเลย แล้วแก้ไขมันซะ
    จะให้ดีก็ติก่อนที่จะผิดพลาด แล้วจะไม่ผิดพลาด เอาสติตามรู้ให้เท่าทัน
    หากผู้ใดเข้าใจตนอย่างถ่องแท้ ย่อมไขประแจสู่ขุมคลังในตัวเองได้
    นั่นแหละ คือ "หนทาง" นั่นแหละคือ "หลักธรรมแท้" เพราะธรรมะ มาจากคำว่า ธรรมชาติ
    คือศาสตร์ที่รู้เนื้อแท้แห่งธรรมชาติ ไม่หลงไหลไปกับสิ่งปรุงแต่งทั้งมวล(sing)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 พฤศจิกายน 2004
  7. jumpman

    jumpman เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    303
    ค่าพลัง:
    +885
    การโฆษณาคือวจีกรรมรูปแบบหนึ่ง ผมคิดว่าควรมีวจีกรรมอย่างนี้ ซึ่งก็คือควรโฆษณา

    การกระทำมีอยู่ 3 อย่าง
    มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม
    หากคุณต้องการเผยแพร่ธรรมหรือประกาศธรรม
    ทางใดเป็นทางที่ทำได้บ้าง
    ทางที่ดีก็คือ คุณนำเอาหลักธรรมมาปฏิบัติให้ได้ผลแล้วให้คนอื่นเป็นแบบอย่าง
    ซึ่งต้องมีวจีกรรมหรือการพูดมาเกี่ยวข้องแล้ว
    หากเพื่อนถามคุณว่านับถือศาสนาอะไร คุณค่อยตอบนั้น นั่นเป็นกรณีหนึ่ง
    หากคุณปฏิบัติแล้วได้ผลดีนั้น ชักชูงหรือป่าวประกาศโดยไม่ต้องรอให้เพื่อนถาม นั่นเป็นอีกกรณีหนึ่ง จังหวะนั้นดีหรือไม่ดีขึ้นอยู่กับคนฟัง
    เช่นเพื่อนคุณยอมลองปฏิบัติตามได้ง่าย คุณรีบๆบอกเพื่อนให้ลองทำ นั่นก็ดีกว่ารอให้เพื่อนมาถาม หรือเพื่อนคุณมีเยอะป่าวประกาศออกมาเลยนั่นก็ดี ไม่ต้องรอให้เพื่อนแต่ละคนมาถาม
    ซึ่งกรณี"พลังชีวิต"เข้าข่ายนี้ ป่าวประกาศให้คนทั้งประเทศรู้
    ผมไม่คิดว่าศาสนาพุทธไม่ต้องโฆษณา แต่ว่าก็ไม่ต้องร้อนตัว เพราะความเห็นผม โฆษณาเป็นวจีกรรมรูปแบบหนึ่ง เลือกใช้ตามสถานการณ์ที่เหมาะสมเป็นดี
     
  8. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,045
    ค่าพลัง:
    +17,915
  9. cwyp

    cwyp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กันยายน 2004
    โพสต์:
    270
    ค่าพลัง:
    +529
    ใช่แล้วครับ

    พุทธศาสนาไม่ต้องโฆษณา เพราะเป็นของที่ปฏิบัติเองรู้เอง เป็นของจริงอยู่แล้ว ใครไม่ได้สัมผัสก็จะไม่รู้ว่าที่พระพุทธเจ้าสอนนั้นจริงแท้แค่ไหน ฝากไว้เท่านี้แหละครับ
     
  10. นายฉิม

    นายฉิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    2,105
    ค่าพลัง:
    +2,695
    ศรัทธาเพิ่มเข้ามาอีกเป็นระยะๆ รู้สึกดีใจที่ได้เกิดมาเจอพุทธศาสนา
     
  11. casy99

    casy99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กันยายน 2004
    โพสต์:
    311
    ค่าพลัง:
    +449
    หลักของศาสนาพุทธอยู่ที่พระธรรม ซึ่งผู้ปฏิบัติตามพระธรรมของพุทธศาสนา จะพึงเห็นได้เอง(สันทิฏฐิโก) สามารถปฏิบัติได้ตลอดกาล(อะกาลิโก) เป็นสิ่งที่ควรน้อมเข้าหาตนเอง(โอปะนะยิโก) เป็นสิ่งที่รู้ได้เฉพาะผู้ที่ปฏิบัติด้วยตนเอง(ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ) สิ่งมีค่าไม่ต้องเร่ขาย กลิ่นแห่งศีลย่อมฟุ้งกระจายทวนลมและเป็นที่ชื่นชมแห่งสัปปุรุษเสมอ
     
  12. sinsflea

    sinsflea สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    อาชัญ

    จากที่อ่านบทความของคุณแล้ว มีความคิดเห็นดังนี้ เป็นเรื่องจริงที่ทุกศาสนามีคำสั่งสอนให้ทุกๆคนเป็นคนดี เป็นเรื่องดีที่คนทุกคนควรจะศึกษาคำสั่งสอนของศาสนาด้วยตนเอง ไม่จำเป็นต้องนำเวลาไปปฎิบัติธรรม ฟังธรรม หรือเข้าวัด เพื่อศึกษาพระธรรมคำสอน เพียงแค่รู้ใจตนเองเท่านั้น ในโลกปัจจุบันนี้ ความคิดเห็นของทุกๆคนนั้น ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว ดังนั้น คนที่มีความคิดเห็นแตกต่างก็ไม่ถือว่าผิด บางคนอาจจะไม่นับถือศาสนา แต่ปฎิบัติตนดีก็ดี บางคนอาจจะนับถือศาสนาใดๆก็ตาม แต่ไม่ได้ศึกษษคำสอน แต่ปฎิบัติตนดีก็ดี เราไม่สามารถบังคับให้คนอื่นเป็นคนดีได้ แต่ตัวเราเองสามารถบังคับใจตนเองให้เป็นคนดีได้ไม่ว่านับถือศาสนาใดๆทั้งสิ้น เพียงแค่ต้องรู้ใจตนเองอยู่เสมอ

    อาชัญ
     
  13. gugdum

    gugdum สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    เห็นด้วยกับข้อความนี้นะครับเพราะพุทธศาสนาเป็นสิ่งที่ต้องเข้าถึงด้วยตัวเองและพระธรรมต้องให้ปฏิบัติด้วยตนเองจึงจะเข้าใจดังนั้นจึงไม่จำเป็นจะต้องโฆษนาอะไรเพิ่มเติมอีก และผลจากการปฏิบัติธรรมก็มีให้เห็นอยู่จึงไม่ต้องโฆษนาอะไรเพิ่มเติมอีกแล้ว

    กฤดิธร
     
  14. somluan

    somluan สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมเห็นด้วยในเรื่องที่พุทธศาสนานั้นเป็นสิ่งที่ต้องเข้าถึงและเป็นที่พึ่งทางใจอย่างดีแก่มนุษย์ทั้งหลาย และสิ่งที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้นเป็นเรื่องที่ จริงและสามารถดำเนินตามพระองค์ไปแล้วประยุกต์ใช้ได้ในหลายๆสายอาชีพหรือชีวิตประจำวันและต้องปฎิบัติด้วยตนเองไม่มีใครสามารถปฎิบัติแทนได้

    แต่ผมก้ไม่เหนด้วยในเรื่องที่จะไม่ต้องโฆณาอะไรเลยเพราะพุทธศาสนาบางทีอาจจะมีขีดจำกัดด้านเชื้อชาติและภาษาควรโฆณาล้างแต่ไม่ควรให้เกินงามเพื่อให้คนในหลากหลายที่จากหั่วโลกได้รู้ซึ้งถึงพระพุทธศาสนาและเข้าถึงได้ด้วยตัวของตัวเอง


    พิริยธรณ์
     
  15. thananvc

    thananvc สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    อันที่จริงแล้ว พุทธศาสนาไม่ต้องโฆษณา เพราะเราชาวพุทธก็ต้องฏิบัตกันซึ่งพวกเราก็เชื่อมั่นในศาสนาของเราอยู่แล้ว ใครไม่ได้ปฏิบัติก็จะไม่รู้ว่าที่พระพุทธเจ้าสอนนั้นมันเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอบย่างไร แต่การที่นำมาโฆษณาพระพุทธศาสนานั้นผมไม่เห็นด้วยนะคับ

    ฐานรรฆ์
     
  16. gugdum

    gugdum สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    4
    ค่าพลัง:
    +0
    ทศกรณ์

    เห็นด้วย เพราะ พระธรรมพระพุทธศาสนาอยู่ได้ด้ววยคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า พุทธศาสนาไม่ต้องโฆษณา เพราะเป็นของที่ปฏิบัติเองรู้เอง เพราะ คนเราธรรมะสื่อกันด้วยกาย วาจา และใจ ปฏิบัติเองรู้เอง เป็นปัจจัตตัง คือรู้ได้เฉพาะตน เพราะศาสนาพุทธให้เรากลับมาเอกซเรย์ตัวเอง เห็นตัวเอง เราบกพร่องอะไรก็ดูตัวเราเองก่อน
     
  17. ชนภัทร

    ชนภัทร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    ชนภัทร

    เห็นด้วยครับเพราะว่าถ้าเรามีสัมมาทิฐิ เราก็จะมีปัญญาแล้วเราก็จะไม่หลงทาง
    ธรรมะนั้นสื่อกันด้วยทางกาย วาจา และใจ ปฏิบัติเองรู้เองจึงไม่จำเป็นจะต้องโฆษนาอะไรเพียงแต่เราจะตั้งใจ เชื่อมั่นหรือเปล่า
     
  18. kongkhrit

    kongkhrit สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    3
    ค่าพลัง:
    +0
    เราชาวไทย เป็นชาวพุทธ นับถือศาสนาพุทธ เราจำต้องรู้ถึงหลักขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ว่าท่านตรัสสิ่งใดไว้ พระองค์ไม่ได้ทรงให้เราเชื่อในพระองค์
    ทุกๆอย่าง แต่!!!พระองค์ให้เราเรียนรู้ ศึกษาด้วยตนเอง

    ไม่ใช่ว่าเราต้องมาบอกต่อๆกันหรือมาโฆษณา แต่เป็นการให้สิ่งดีๆต่อๆกัน
    ด้วยไม่หวังผลตอบแทน

    การทำสมาธิคือการรู้ว่าเราทำอะไรอยู่ เพื่ออะไร ทำไม ต้องการอะไร และให้จิตนึกคิด ไม่กระวนหระวาย

    ปล.เป็นข้อความที่ดีมาก เตือนสติของคนหลายๆคน : )

    ก้องกฤษฎ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2011
  19. tigervc85

    tigervc85 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    2
    ค่าพลัง:
    +0
    ผมคิดว่าถ้าพระพุทธศาสนา มีการโปรโมต หรือโฆษณา บ้างเล็กน้อย น่าจะเป็นผลดีกว่า ไม่โฆษาณาเลย เพราะว่าอย่างน้อยก็ได้ทำให้ผู้ที่ได้ฟังได้ฉุกคิดถึงธรรมะว่าเป็นยังไง ผลดีของมันเป็นยังไง ผลเสียเป็นยังไง แล้วถ้าปฏิบัติตามหลักธรรมะ แล้วจะได้อะไร

    ผมคิดอีกอย่างว่า ถึงแม้เราจะโฆษณาธรรมะมากเท่าใด แต่ถ้าผู้ที่รับฟัง ไม่ปฏิบัติตาม ก้จะไม่เกิดประโยชน์ อะไรเลย กับตัวเอง ผมคิดว่ามันอยุ่ที่การกระทำตัวของตัวเองมากกว่า ว่าจะเป็นไปแบบไหน ต่อให้ไม่มีการโปรโมต แล้วยังมีคนคิดดี ทำดี อยู่บนโลกใบนี้ ก้จะทำให้สังคมของเราดี ถึงแม้อาจจะมีคนไม่ดีบ้าง แต่คนดีก้คงที่จะทำให้ คนไม่ดีกลับมาเป็นคนดีได้ ถ้าคนไม่ดียังมีจิตสำนึก และระลึกถึงพระพุทธศาสนา ที่มียาวนานมาถึง 2554 ปีแล้วว
    ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ที่ตัวเรามากกว่า

    ธรรศ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 กุมภาพันธ์ 2011
  20. boat85

    boat85 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 กุมภาพันธ์ 2011
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    รวิวัฒน์ นรอ่อน

    เห็นด้วย เพราะ พระพุทธศาสนานั้นเปนสิ่งที่เราต้องทำความเข้าใจอย่างลึกซึ่ง
    ถึงจะเข้าถึงแก่นพระพุทธศาสนาได้ ซึ่งธรรมนะสามารถสื่อด้วยอะไรก็ได้หลายๆๆอย่าง แต่ผมก็ไม่ต้องการโฆษณษอย่างนี้ เพราะ พระธรรมนั้นควรทำจากจิตสำนึก
     

แชร์หน้านี้

Loading...