บทความ ดูดวงหมากรุกจีน ฮวงจุ้นคน

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย mojira, 11 มีนาคม 2013.

  1. mojira

    mojira สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +14
    ผู้คนทั่วไปมักจะมองโหราศาสตร์เป็นเรื่องของความงมงาย เพราะหมอดูมักจะพูดกันในแง่ของไสยศาสตร์ เรื่องผีสางนางไม้ โดนของโดนคุณไสย ต้องไปแก้กรรมสะเดาะเคราะห์ต่อชะดวงตาบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ด้วยหวังว่าจะช่วยแก้กรรม ซึ่งเป็นวิธีที่ผิดและก็ไม่มีทางที่จะแก้กรรมอะไรได้เลย จึงเกิดอคติกับใครหลายๆ คนที่พูดถึงอาชีพหมอดู จนกลายเป็นคำพูดที่พูดติดปากกันว่า “หมอดูคู่กับหมอเดา”
    โหราศาสตร์ความจริงแล้วก็คือหลักธรรมชาติที่เกิดจากการสังเกต คิด วิเคราะห์ และเก็บเป็นสถิติ จากความหมายของดาวและความหมายของธาตุตามลักษณะต่างๆ โหราศาสตร์จึงไม่ใช่เรื่องงมงาย เป็นเรื่องของเหตุและผล ในวิชาหมากรุกจีนฮวงจุ้ยคน จะเป็นการเปิดเผยให้คุณได้เห็นกรรมในอดีต และจะเปิดเผยถึงแนวโน้มที่จะเป็นไปในอนาคต โดยใช้ปัจจุบันเป็นตัวแก้ไขตามแนวทางของศาสตร์วิชา การแก้กรรมที่ถูกต้องคือการเปลี่ยนพฤติกรรม เปลี่ยนการกระทำ เปลี่ยนทรรศนะคติ เปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนเจตนา เพราะกรรมปัจจุบันสำคัญที่สุด ถ้าเราอยากมีอนาคตที่ดีต้องสร้างปัจจุบันที่ดี กรรมในอดีตส่งผลให้มีปัจจุบัน ถ้าเราอยากรู้อนาคตของเรา เราก็ดูจากปัจจุบัน ดังนั้นเราต้องสร้างเหตุปัจจุบันที่ดีเพื่ออนาคตที่ดี
    วิชาหมากรุกจีนฮวงจุ้ยคน เป็นวิชาที่ว่าด้วยการวิเคราะห์โชคชะตาของคน โดยการถอดรหัสจากวันเดือนปีและเวลาเกิดออกมาเป็นธาตุต่างๆ ที่มีอยู่ในตัวเรา ถ้าเราเข้าใจธรรมชาติของธาตุต่างๆ เราก็จะเข้าใจตัวเองและสร้างความสมดุลให้กับตัวเองได้ จะเรียกได้ว่าวิชานี้เป็นแผนที่ชีวิต หรือคู่มือสำหรับการใช้ชีวิตของมนุษย์ก็ว่าได้
    ทำไมฮวงจุ้ยคนจึงสำคัญกว่าฮวงจุ้ยบ้าน?
    ฮวงจุ้ยบ้านเป็นสิ่งที่เราปรับแก้ได้ง่าย และมีวิธีเยอะแยะมากมายในการแก้ไข บางสิ่งก็เป็นการเรียนรู้ได้เองโดยธรรมชาติ เช่น ถ้าบ้านมีกลิ่นอับกลิ่นเหม็นเราก็แค่เปิดประตูหน้าต่างให้ลมพัดระบายอากาศเสียออกไป เพิ่มช่องระบายอากาศ หาน้ำอบน้ำหอมมาปรับกลิ่น บ้านที่ค่อนข้างมืดก็ติดไฟให้มีแสงสว่างเพียงพอ บ้านที่รกก็ทำความสะอาดจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย บ้านที่พื้นต่ำฝนตกน้ำท่วมขังเป็นประจำก็ปรับถมพื้นให้สูงขึ้น ฯลฯ หรือถ้าแก้ไขอะไรไม่ได้เลยเราก็ยังสามารถที่จะย้ายที่อยู่ได้
    ดวงชะตาเป็นสิ่งที่ติดตัวเรามาตั้งแต่เกิด เราต้องอยู่กับมันไปตลอดชีวิต แต่จะมีสักกี่คนที่รู้ว่าเราควรจะดำเนินชีวิตไปในแนวทางไหนที่เหมาะสมกับดวงชะตาของเรา อาชีพอะไรที่ทำแล้วเจริญรุ่งเรือง ฮวงจุ้ยในตัวเราจึงสำคัญกว่ามาก เราจึงควรเรียนรู้โชคชะตาของเราและปรับแก้ที่ตัวเราก่อน แล้วจึงค่อยเลือกฮวงจุ้ยบ้านให้สอดคล้องกับดวงชะตา
    เนื่องจากดวงชะตาของคนเราไม่เหมือนกัน บางคนเหมาะกับอาชีพทำไร่ทำสวน บางคนเหมาะที่จะเป็นลูกจ้างกินเงินเดือน บางคนรับราชการแล้วดี บางคนเหมาะกับการค้าขาย ฯลฯ เพราะการทำอาชีพของมนุษย์มีตั้งมากมายหลายอย่าง ถ้าเรารู้ว่าเราควรจะทำอะไรตั้งแต่แรก เราก็ไม่ต้องลองผิดลองถูกมั่วไปมั่วมา และมีโอกาสจะประสบความสำเร็จได้ง่ายกว่าเร็วกว่ามาก
    ฮวงจุ้ยคน เป็นการศึกษาและวิเคราะห์ดวงชะตาของมนุษย์ว่าเป็นอย่างไร มีพฤติกรรมเช่นไร ทำสิ่งใดที่จะให้คุณ ทำสิ่งใดที่จะให้โทษ และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือ สามารถบอกแนวทางแก้ไขที่ถูกต้องด้วยตัวเราเอง โดยไม่ต้องพึ่งพาไสยศาสตร์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดๆ ทุกสิ่งทุกอย่างสามารถบอกได้อย่างมีเหตุและผล โดยต้องเปลี่ยนนิสัย พฤติกรรม วิธีการและการกระทำ เมื่อเราเปลี่ยนนิสัยและสร้างกรรมใหม่ที่ดี การกระทำที่ดี ก็เท่ากับเราสร้างชะตาที่ดี สร้างอนาคตที่ดีได้ด้วยตัวเราเอง

    “ฮวงจุ้ยคนยังแก้ไม่ได้ ฮวงจุ้ยบ้านจะมีความหมายอันใด”

    หมากรุกจีน ฮวงจุ้ยคน | Facebook
     
  2. mojira

    mojira สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +14
    หยิน-หยาง ทฤษฎีของสรรพสิ่ง

    ระบบการพยากรณ์ทุกระบบล้วนต้องเริ่มต้นจากการตั้งสมมติฐานว่าทุกสิ่งย่อมเป็นไปตามกฎเกณฑ์ขั้นพื้นฐานหรือระบบจักรวาล แนวคิดจากคติจักรวาลของจีนเชื่อว่ามีแบบแผนพื้นฐานในโลกใบนี้ที่ควบคุมทุกสรรพสิ่ง นั่นก็คือ “ไท่จี๋” หรือวงกลมหยินหยาง คือพื้นฐานของสรรพสิ่งบนโลก เป็นสัญลักษณ์ที่ทุกคนต้องเคยเห็น แต่น้อยคนนักที่จะเข้าใจถึงความสำคัญและความหมายของมัน การเข้าใจไท่จี๋เราต้องเริ่มจากวงกลมที่ว่างเปล่าที่เรียกว่า “อู๋จี๋” ซึ่งมีความหมายว่า “ความว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง” อู๋จี๋มาก่อนไท่จี๋ มีความหมายว่าถึงสภาวะก่อนที่สิ่งต่างๆ จะถือกำเนิดขึ้นในจักรวาลซึ่งไร้แก่นสารและว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง จากนั้นไท่จี๋ก็ถือกำเนิดตามมา ซึ่งสื่อถึงสภาวะที่สรรพสิ่งมีสองด้าน เช่น ดำและขาว ดีและเลว สุขและทุกข์ ขึ้นและลง ซ้ายและขวา ร้อนและเย็น มืดและสว่าง ฟ้าและดิน ผู้ชายและผู้หญิง ฯลฯ

    แนวคิดที่ว่าโลกมีแต่ความว่างเปล่าและไร้แก่นสารโดยสิ้นเชิง สถานที่เช่นนี้ถือว่าเป็นที่ที่ว่างเปล่า และแน่นอนว่าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นได้ในโลกที่ว่างเปล่าใบนี้ แต่เมื่อมีการรับรู้ว่าทุกๆ สิ่งย่อมมีสองด้าน โลกใบนี้จึงมีชีวิตขึ้นด้วยความมีแก่นสาร มีชายและหญิง มีขาวและดำ มีสุขและทุกข์ มีดีและเลว จากนั้นสิ่งต่างๆ จึงเกิดขึ้น และเช่นนี้เองที่ไท่จี๋กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นของโลกเช่นเดียวกับที่เป็นพื้นฐานของสรรพสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ สัญลักษณ์ไท่จี๋มีสองส่วน ส่วนสีขาวแทนหยาง(ชาย) และส่วนสีดำแทนหยิน(หญิง) รูปทรงของไท่จี๋เป็นรูปทรงกลม เป็นสัญลักษณ์ของความสอดประสานกันระหว่างหยินและหยาง หยิน-หยางถูกวาดให้มีลักษณะเหมือนปลาสองตัวที่ผสานรวมเข้าด้วยกัน โดยส่วนที่ใหญ่ที่สุดของหยางอยู่ด้านบนซึ่งมีความหมายถึงฟ้าและส่วนที่ใหญ่ที่สุดของหยินอยู่ด้านล่างแทนผืนดิน หยางค่อยๆ เล็กลงมากลายเป็นหยิน ส่วนหยินก็ค่อยๆเล็กขึ้นไปสู่หยาง เป็นสัญลักษณ์ว่าความสัมพันธ์ระหว่างหยินและหยางไม่ต่อต้านกัน ผสมผสานเข้ากันอย่างลงตัว ภายในส่วนของหยางมีจุดสีดำและภายในหยินมีจุดสีขาว แสดงถึงในหยินก็มีหยางและในหยางก็มีหยิน เป็นสัญลักษณ์ว่าทั้งสองส่วนเข้ากันและไม่มีวันแยกจากกัน

    สรรพสิ่งในโลกล้วนเริ่มต้นจากสิ่งที่เป็นหยินหรือหยางก่อน โดยหยินหยางเป็นหลักการของพลังงาน 2 ด้านที่เป็นองค์ประกอบของกันและกันหรือผูกพันธ์ในสิ่งที่เป็นลักษณะตรงข้ามกัน ด้านทั้งสองนี้จะต่อต้านกันแต่ขณะเดียวกันก็ควบคุมและเป็นเอกภาพแก่กัน สรรพสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจักรวาลนี้ล้วนประกอบไปด้วยหยินหยางทั้งสิ้น หยินหยางเหล่านี้มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์ซึ่งกันและกันตลอดเวลา และการเปลี่ยนแปลงนี้เองที่เป็นตัวกำหนดปรากฏการณ์ธรรมชาติทั้งปวง รวมทั้งการเจริญเติบโตและการเปลี่ยนแปลงของชีวิตมนุษย์


    ลักษณะพื้นฐานของหยิน-หยาง
    1. หยิน-หยาง เป็นคุณสมบัติสองด้านที่ขัดแย้งกัน
    2. หยิน-หยาง สามารถแบ่งได้แต่แยกไม่ได้ สรรพสิ่งสามารถแบ่งเป็นหยิน-หยางได้ไม่มีที่สิ้นสุด แต่จะแยกออกจากกันไม่ได้เด็ดขาด
    3. หยิน-หยาง ต่างพึ่งพาอาศัยกัน และทำให้เกิดซึ่งกันและกันได้
    4. หยิน-หยาง มีการแปรเปลี่ยนซึ่งกันและกันได้
    5. หยิน-หยาง ต่างควบคุมซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดภาวะสมดุลขึ้น

    หยิน-หยาง ไม่เพียงแต่มีผลต้านกัน ตรงข้ามกัน แต่ยังมีความสัมพันธ์กันภายในส่วนของหยิน-หยางเองแฝงอยู่ จึงกล่าวได้ว่า “ในหยินมีหยาง ในหยางมีหยิน” ซึ่งอธิบายความสัมพันธ์ในลักษณะขัดแย้งของหยิน-หยางจึงเป็นสภาวะเคลื่อนไหว ไม่ใช่แน่นิ่งหรือสัมบูรณ์ทั้งต้านกันและเป็นเอกภาพกัน ด้วยลักษณะเช่นนี้ของหยิน-หยางจึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนา
    หยิน-หยางมีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิดมาก ไม่ว่าเราจะกล่าวถึงสิ่งใด สิ่งนั้นจะต้องมีหยิน-หยางประกอบอยู่ในตัว ถึงแม้เราจะแบ่งย่อยสิ่งนั้นๆ ออกอย่างไร ในส่วนย่อยๆ นั้นก็ยังมีหยินและหยางประกอบอยู่ เราสามารถเปรียบเทียบให้เห็นได้ เช่น แม่เหล็ก (เทียบขั้วเหนือเป็นหยิน ขั้วใต้เป็นหยาง) จะต้องมีสองขั้วเสมอ คือขั้วเหนือและขั้วใต้ ไม่ว่าเราจะแบ่งย่อยแม่เหล็กท่อนนั้นออกเป็นกี่ส่วน แบ่งอย่างไร หรือแบ่งเล็กขนาดไหนแต่ละส่วนที่แบ่งนั้นต้องประกอบด้วยขั้วทั้งสอง (ขั้วเหนือและขั้วใต้)เสมอ หยิน-หยาง ก็เช่นกัน
    สรรพสิ่งมีหยิน-หยางในตัว ถึงแบ่งอย่างไร หยิน-หยางย่อมต้องไปด้วยกันเสมอ นั่นคือโดยธรรมชาติ “หยิน-หยางแบ่งได้ แต่แยกออกจากกันไม่ได้โดยเด็ดขาด” แต่มีข้อยกเว้น คือ หยิน-หยางอาจแบ่งได้ในลักษณะที่มีการเปลี่ยนแปลง เช่น กลางวันเป็นหยาง กลางคืนเป็นหยิน
    หยาง เป็นความเคลื่อนไหวหมายถึงชีวิต หยิน เป็นความหยุดนิ่งหมายถึงความตาย แต่ในความหมายที่ขัดแย้งต่อต้านกันของหยินและหยางนี้ มิได้หมายความว่า “หยาง” ซึ่งมีสภาพเป็นบวกจะดี ในขณะที่ “หยิน” มีสภาพเป็นลบจะไม่ดี เพราะแต่ละสิ่งในจักรวาลจะคงสภาวะปกติอยู่ได้ต้องอาศัยสมดุลแห่งคุณลักษณะที่ขัดแย้งกันของหยินและหยาง หากปริมาณหรือคุณภาพของตัวใดตัวหนึ่งมากไปหรือน้อยไป สภาวะปกติก็จะแปรเปลี่ยนไป นอกจากนี้หยินและหยางในสรรพสิ่งก็มิได้ประกอบกันอยู่ในอัตราส่วนที่แน่นอนตายตัว หากมีการแปรเปลี่ยนอยู่ทุกขณะ แต่เป็นการเปลี่ยนที่มีเงื่อนไขสัมพัทธ์ต่อกัน สมดุลของหยินและหยางที่แปรเปลี่ยนอยู่ทุกๆ ขณะนี้เองคือสาเหตุที่ทำให้กลางวันเปลี่ยนเป็นกลางคืน สว่างเปลี่ยนเป็นมืด ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนเปลี่ยนเป็นฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวหมุนเวียนอยู่เช่นนั้นตลอดไป

    ลักษณะของหยิน-หยาง

    หยิน-หยาง สามารถใช้เปรียบเทียบกับทุกสรรพสิ่งได้
    “หยิน” มีแนวโน้มที่จะหดตัว ไหลลงเบื้องล่าง และเข้าภายใน หยินถูกเปรียบเทียบในสิ่งที่อ่อนนุ่ม เย็น ช้า อ่อนกำลัง หยุดนิ่ง มืด เบา
    “หยาง” มีแนวโน้มที่จะแผ่ออก ไหลขึ้นเบื้องบน และออกด้านนอก หยางถูกเปรียบเทียบในสิ่งที่แข็ง แน่น ร้อน รวดเร็ว มีกำลัง เคลื่อนไหว สว่าง หนักแน่น

    http://www.facebook.com/pages/หมากรุกจีน-ฮวงจุ้ยคน/175450492490852?ref=hl
     
  3. mojira

    mojira สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มีนาคม 2013
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +14
    หลักการใช้เบญจธาตุกับการเลือกอาชีพที่ถูกโฉลก

    หลักการใช้เบญจธาตุกับการเลือกอาชีพที่ถูกโฉลก

    มนุษย์แต่ละคนที่ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกแห่งนี้ต่างก็จะได้รับการสะสมพลังธรรมชาติของธาตุทั้งห้ามากน้อยแตกต่างกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับชะตากำเนิด วัน เดือน ปี และเวลาตกฟากของแต่ละคน ซึ่งถ้าหากคำนวณดวงชะตาของท่านแล้ว ท่านเป็นคนธาตุอะไร และธาตุที่ให้คุณในดวงชะตาของท่านคือธาตุไหน ท่านก็จะสามารถนำมาใช้ประโยชน์โดยการเลือกประกอบอาชีพได้อย่างเหมาะสม ถูกโฉลก มั่งคั่ง ร่ำรวย และมีความสุขกับงานได้อย่างแท้จริง

    เคล็ดลับในการเลือกอาชีพจากหลักการของธาตุทั้งห้า

    1. ผู้ที่มีดวงชะตาธาตุไม้ให้คุณ

    ธาตุไม้ (อาชีพเกี่ยวกับการพัฒนา เมตตา วิชาการ ความคิดสร้างสรรค์ )

    - อาชีพที่ต้องใช้พลังของธาตุไม้ เช่น นักประพันธ์ อาจารย์ นักออกแบบ นักประดิษฐ์ ประชาสัมพันธ์ การสื่อสาร การท่องเที่ยว การขาย ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ศิลปิน เป็นต้น

    - อาชีพที่มีวัตถุธาตุเป็นธาตุไม้ เช่น ขายไม้ เฟอร์นิเจอร์ไม้ การเกษตร จัดสวน ขายดอกไม้ เครื่องเขียน ขายหนังสือ ขายกระดาษ โรงพิมพ์ ขายผลไม้ ขายยา อาชีพเกี่ยวกับเสื้อผ้า เป็นต้น

    2. ผู้ที่มีดวงชะตาธาตุไฟให้คุณ

    ธาตุไฟ (อาชีพเกี่ยวกับความโดดเด่น ชื่อเสียง การแสดงออก การให้ความอบอุ่น การให้ความรู้ให้กระจ่าง)

    - อาชีพที่ต้องใช้พลังของธาตุไฟ เช่น โฆษณา ดารา นักร้อง นักแสดง เสริมสวย ห้างสรรพสินค้า นักวิทยาศาสตร์ ที่ปรึกษา นักปราชญ์ ครูอาจารย์ พระ นักสังคมสงเคราะห์ เป็นต้น

    - อาชีพที่มีวัตถุธาตุเป็นไฟ เช่น ไฟฟ้า อิเล็คโทรนิค คอมพิวเตอร์ ร้านถ่ายรูป ช่างไฟฟ้า ช่างเชื่อม ร้านขายแก๊ส พลังงาน น้ำมัน พลาสติก อาหารปิ้งย่างอาหารที่ต้องใช้ความร้อน งานที่อยู่กับความร้อน เป็นต้น

    3. ผู้ที่มีดวงชะตาธาตุดินให้คุณ

    ธาตุดิน (อาชีพเกี่ยวกับความมั่นคง หนักแน่น อดทน ยึดมั่น)

    - อาชีพที่ต้องใช้พลังธาตุดิน จะเกี่ยวกับเรื่องเครดิตความน่าเชื่อถือ งานเกี่ยวกับความมั่นคงเช่น รักษาความปลอดภัย งานราชการ ที่ปรึกษา บัญชี หรือเกี่ยวกับการเป็นจุดศูนย์กลางรองรับเรื่องอื่น เช่น ตัวแทนจำหน่าย นายหน้า ออแกนไนเซอร์ ฝ่ายอำนวยการ เป็นต้น

    - อาชีพที่มีวัตถุธาตุเป็นดิน เช่น อสังหาริมทรัพย์ ที่ดิน ก่อสร้าง วัสดุก่อสร้าง กระเบื้อง หิน ปูน ทราย กระเบื้องเคลือบ เซรามิค โกดัง เหมืองแร่ เพชร พลอย หยก อาหารสัตว์ เป็นต้น

    4. ผู้ที่มีดวงชะตาธาตุทองให้คุณ

    ธาตุทอง (อาชีพเกี่ยวกับความชัดเจน เร็วแรง เฉียบคม ความแข็ง)

    - อาชีพที่ต้องใช้พลังธาตุทองเช่น นักปฏิวัติ นักปฏิรูป ทนายความ ผู้พิพากษา นักปกครองบริหาร เป็นต้น

    - อาชีพที่มีวัตถุธาตุทอง (โลหะ) เช่น การเงิน เงินทุน หลักทรัพย์ โรงรับจำนำ ทองคำ ขายรถยนต์ เหล็ก อุปกรณ์โลหะ เครื่องจักร อาวุธ นาฬิกา เป็นต้น

    5. ผู้ที่มีดวงชะตาธาตุน้ำให้คุณ

    ธาตุน้ำ (ปัญญา ความลึกซึ้ง การพลิกแพลง ปรับตัว เรื่องเพศ)

    - อาชีพที่ต้องใช้พลังธาตุน้ำเช่น งานวิจัย นักสืบ นักข่าว นักสำรวจ ซื้อขายแลกเปลี่ยน นักขาย นักการทูต การเดินทาง การขนส่ง จัดทัวร์ท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการเคลื่อนไหวทั้งทางบก ทางเรือ ทางอากาศ ฝ่ายการเงิน ธนาคาร บัญชี งานบริการ เป็นต้น

    - อาชีพที่มีวัตถุธาตุน้ำ เช่น ชลประทาน ขายน้ำเครื่องดื่ม ไอศกรีม น้ำแข็ง บาร์เบียร์เหล้า ไนต์คลับ คาราโอเกะ อาบอบนวด สถานที่เริงรมย์ งานประมง ผลิตขายเกลือ เลี้ยงสัตว์น้ำ อาหารทะเล งานประเภทที่ทำเวลากลางคืน เป็นต้น

    เมื่อเราทราบความเป็นธาตุของแต่ละอาชีพแล้ว เราก็สามารถเลือกอาชีพที่เป็นธาตุให้คุณและหลีกเลี่ยงอาชีพธาตุให้โทษกับตัวเราได้ เพื่อเป็นประโยชน์ในการปรับชะตาชีวิตให้ดีขึ้น

    https://www.facebook.com/pages/หมากรุกจีน-ฮวงจุ้ยคน/175450492490852?ref=hl
     

แชร์หน้านี้

Loading...