บัญญัติจากตำราที่ความหมายแตกต่างกัน

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย ธรรมแท้ว่าง, 22 พฤศจิกายน 2018.

  1. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    คนเราถ้าเชื่อใจตนเองไม่ได้ก็ไม่ควรเชื่อสิ่งใด คงอาศัยประโยชน์จากการเชื่อในสิ่งนั้นเพื่ออะไรคงขึ้นอยู่กับ...แล้วแต่จะคิด ภาษาอักษรมีมากแต่ไม่ใช่ตัวแปรในทางสายตาแต่อย่างใด อารมณ์ความรู้สึกก็เช่นกัน เพราะสมมุติบัญญัติไม่ใช่แค่เพียงสิ่งที่ตามองเห็นเท่านั้น สิ่งที่ตามองไม่เห็นก็เป็นสมมุติบัญญัติเช่นกันคับ
     
  2. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    มีอะไรจะกล่าวเสริมหรือชี้บอกก็กล่าวมา เวลามีน้อยขอจงใช้กันให้เกิดประโยชน์
     
  3. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    เวลาเข้ามาอ่านข้อความในนี้ทีไรก็จะเห็นเพียงจำนวนบุคคลที่เข้าอ่านแต่ไม่เห็นชื่อของคนที่เข้าอ่านทั้งๆที่ไม่เห็นจะมีความหมายอะไรถ้าแสดงให้เห็นว่าได้มีความสนใจใคร่รู้ แม้จะเป็นเรื่องผิดหรือถูกก็ยังเป็นเพียงสมมุติที่เราทั้งหลายเป็นผู้ตั้งไว้ ไม่ใช่ความเป็นจริง ชื่อที่ใช้ยังไม่อาจแสดงได้แล้วอะไรเล่าจะแสดงได้จริง อะไรเล่าเรียกว่าเป็นจริง ถ้ามองในแง่กิเลส นี่หรือไม่คือการยึดมั่นถือมั่น ละมันสิถ้าทำได้ สื่อสารกันสิแบบตรงมาตรงไป อะไรที่พูดๆกันไปก็เหมือนจะรู้แต่ไม่เห็นเอามาใช้กันเลย อิจฉา ริษยา บ้าง รู้ทั้งนั้นเลยแต่ไม่นำพา เปิดออกมาสิ ใครจะเอาไปทำอะไรนักหนา คนถ้าดีจริงใครจะทำอะไรได้ แค่นี้ก็สอบไม่ผ่านแล้ว ไม่ต้องไปสอบจิตหรอก
     
  4. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    คนเดิมๆทั้งนั้นแต่ไม่เคยรู้ตัวเองเลย
     
  5. kenny2

    kenny2 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 กุมภาพันธ์ 2017
    โพสต์:
    1,966
    ค่าพลัง:
    +1,483
    เวลาไปสอบจิตนะถ้าไม่ใช่เพราะว่าตั้งใจจริงแล้ว หลวงปู่หลวงตาหลวงพ่อหลวงพี่ท่านจะให้กำลังใจแต่ไม่ได้หมายความว่าให้มามโนต่อ ถ้าสายธรรมยุตจะตรงไปตรงมาผิดก็ว่าผิดถูกก็ว่าถูก ถ้าสายคามวาสียังมีรักษาน้ำใจ ในการกล่าวสอนสิ่งใดขึ้นอยู่กับสติปัญญาว่าจะรู้ไหมว่าท่านด่าหรือท่านชมแต่ท่านก็เมตตาให้กำลังใจนะ แต่คนเรานี่สิชอบมโนเอาเองว่าผ่านแล้วดีแล้วตามคำบอกเล่า นั่นหมายความว่า ถ้ายังไม่บวชเป็นพระหรือภิกษุณี การจะรู้รสชาติของธรรมนั้น ค่อนข้างยากเว้นไว้เพียงคนที่กระทำตนไม่แตกต่างจากภิกษุหรือภิกษุณีเท่านั้นที่ตะรู้นสธรรมจริงๆนอกนั้น มีแต่มโน แลอนาคตคนจะเกิดลูกเป็นลิงหมายถึงจะสับสนวกวนเพราะความมโน ร้อยปีก็เอาให้ถึงก่อน ถ้าไม่ถึงก็ดำรงไว้ให้ได้สักแปดสิบแต่พิจารณาชีวิตด้วยว่าทำอะไรมาบ้าง ปาณาติปาตามาเท่าไหร่ ภพปัจจุบันทำเท่าไหร่ อดีตภพทำมาเท่าไหร่ อย่ามโน สุดท้ายในความเป็นจริงคือ ไม่นานเลย ตอนนี้น่าจะสัก80ปีคงหมดอายุดับไป มากกว่านั้นก็แล้วแต่ว่าอยู่เพื่ออะไร มีสองทรงเลย ชดใช้กรรม กับต่อบุญให้คนอื่นและตัวเรา การมโนมันไม่ดีเลย ทำในสิ่งที่เห็นจริงดีที่สุด
     
  6. ไม่ใช่ตัวตน

    ไม่ใช่ตัวตน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 กันยายน 2018
    โพสต์:
    397
    ค่าพลัง:
    +175
    รู้สึกขยับร่างกาย

    มันจะมีทุกข์และตัวขี้เกียจ สลับกัน

    ขึ้นอยู่ว่าแต่ละคนสร้างเหตุปัจจัยอะไร

    ตื่นเช้าแบบไม่มีตัวขี้เกียจ
    ทุกข์ล้วนๆ ไม่ไหว ไม่ไหว ต้องหาอะไรทำ
     
  7. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในธรรมของทุกท่านด้วยความเคารพครับ

    ข้าพเจ้าขออนุญาตอธิบายสภาวะรู้ที่ข้าพเจ้าพอจะทราบนะครับ ผิดพลาดประการใดต้องขออภัยด้วยครับ

    หากวางจิตไว้ที่รู้ในสภาวะ โดยใช้เพียงแค่ลมหายใจเป็นตัวนำ เราจะรู้ถึงสภาวะต่างๆที่แปรเปลี่ยนไปตามลำดับ หรือสภาวะอื่นที่มาแทรก เช่น เรารู้การเปลี่ยนแปลงของลมหายใจที่ละเอียดขึ้น รวมถึงการรับรู้สภาวะต่างๆของจิตที่ละเอียดขึ้น (นี่เองที่เรียกกันว่าสภาวะละเอียด). รู้ถึงความบางเบาของลมหายใจ และรู้ถึงความบางเบาในสัมผัสทางอายตนะ รู้สึกว่าเรามีความมั่นคงขึ้น ไม่ว่าจะพิจารณาในสิ่งใด ในสภาวะนี้จะชัดเจน ไหลลื่นและไม่ขาดหายตกหล่น หรือจิตหลุดลอยออกไปไหน
    เพียงแค่เรารู้จักสภาวะละเอียด เราก็จะรู้จักสภาวะหยาบ (สภาวะหยาบจะรู้สึกถึงการรู้ในสิ่งต่างๆแบบมึนๆหนักๆ ไม่ละเอียดละออ) และเมื่อเรารู้จักสภาวะที่จิตสงบ เราก็จะรู้ว่าเมื่อจิตไม่สงบเป็นอย่างไร (เมื่อไม่สงบจะมีความรู้สึกถึงการสั่นๆทางใจ แวบๆวาบๆไปทั่ว) และเมื่อเรารู้จักสภาวะที่จิตมีความมั่นคง เราก็จะรู้ว่าจิตที่ไม่มั่นคงเป็นอย่างไร (เมื่อไม่มั่นคง เจอสภาวะอะไรก็ไหลไปตาม หรือเจออะไรแปลกๆก็ตื่นเต้นตกใจถอยหนี)
    นี้แล เมื่อเรารู้จักแหล่งของมันแล้ว เราจึงเข้าถึงมันได้ง่ายในคราวต่อไป คือการจดจำสภาวะนั้นได้

    อนึ่งการวางจิตไว้ที่รู้ ควรวางให้อยู่ในเส้นทางสายกลาง

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปทุกท่านครับ
     
  8. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    ม่ายช่ายซี่คร้าบ

    เวลา เหนความแตกต่าง แปรเปลี่ยน ตั้งอยู่ไม่ได้

    ให้ เอ๊อะ จิตมันจำสภาวะ อนิจจัง ทุกขัง ใน
    อารมณ์(สิ่งที่จิตไปรู้)

    แล้วก้เหน อาการ อนิจสัญญา ทุกขสัญญา
    ที่ตะกี้ มันสัมปยุตกับจิต แปปเดียว ก้หายไป
    กลับไปเผลอ กับ เพ่งจนนิ่ง

    แทนที่จะเหนได้ต่อเนื่อง แม้นจิตที่มีญานสัมปยุติ
    ประกอบด้วย ไตรลักษณญาน ก้มี ธรรมชาติ ดับ
    ไปเหมือน สรรพอารมณ์ทั้งหลาย....

    รู้ต่อเนื่องว่า ญานสัมปยุตก้ดับเปนธรรมดา สติไม่
    ขาดสาย มีสัมปชัญญะในการ ยกสิกขา

    ก้จะ พรากออกจากจิต ละวางวิญญานธาตุ ลงได้

    วางวิญญานแล้วได้อะไร ได้ละขันธ์5 สลัดคืนไม่เหลือ

    ยกอาการ เอ๊อะ ระลึกได้ว่า ลักษณะจิตที่อบรม
    ดีแล้ว สลัดวาง สลัดคืนจืตได้ ก้ยกสิกขาเข้า
    สู่ โพชฌงค์ ธรรมเครื่องละวางขันธ์5 เริ่มนับหนึ่ง
    เปน พุทธมามะกะ ไม่มีใครสอน เพราะวางขันธ์5
    ได้ จึงหมดสภาพสัตว์สอนสัตว์ สัตว์ยิ้มกับสัตว์
    สัตวตัวประถม ไม่มีทางเสนอหน้าเข้ามาได้ใน
    ธรรมชาตินี้(อมตธาตุ เพราะ พ้นขันธ์5, มี ธรรมเอก , สงบ ไม่กำเริบกลับหลัง , เหนือฌาณ)

    ไม่ต้อง เจตนา จงใจ วางกลาง วางอย่างงี้สิดี วางอย่างงี้สิถูก (ภพ คือ อาการดิ้นรนทางใจ )
     
  9. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    สภาวะ การสลัดคืน ที่ยกขึ้น สัมผัสได้ อย่างถูกวิธี
    ก้สามารถเอามาระลึก ตามเหนความเกิดดับ แม้น
    สภาวะระลึกได้ว่าสลัดคืนไม่เหลือ

    เมื่ออาสัย อานาปานสติ สับหว่าง ไม่จมแช่
    ในการเพ่ง จ้อง แล ปล่อยปละละเลย จิตมี
    ปรกติ ตามเหนการสลัดคืนเปนประจำ

    อันนี้ เขาถึงเรียกว่า ภาวนาละเอียด

    ถ้ายังเปนเพียง การทำฌาณชนิดต่างๆ เขาเรียก
    ว่า จมอยู่ใน โลกียผล เปนของหยาบ เปนของตื้น
    เปนของชาวบ้าน อัน ปุถุชนหมั่นสดับ ไม่ข้องอยู่
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ น่าจะ "ใช้ภาษา" ไม่ตรงนะ
    +++ จิต สามารถ "วาง" ในสภาวะอื่น ๆ ได้ แต่ไม่สามารถ "วางในสภาวะรู้" ได้
    +++ ก่อนที่จะเป็น "ภาษาพางง" ให้ทำความเข้าใจไว้ที่ "จิต กับ กิริยาจิต (สังขารจิต)" ให้ดี ๆ

    +++ บางคนใช้คำว่า "จิต = ตัวกู/ของกู ซึ่งตรงนี้เป็น กิริยา/สังขารจิต"
    +++ และบางคนใช้คำว่า "จิต = วิสังขาร ซึ่งเป็น สภาวะรู้"

    +++ ตรงการใช้ภาษาที่ว่า "1. วางจิต 2. ไว้ที่รู้ 3. ในสภาวะ"
    +++ หากใช้ภาษาได้ "ตรงตามอาการ" จริง ๆ นั้น
    +++ ไอ้ตัว "จิต" ที่โดน "วาง" ไว้ที่ "รู้ในสภาวะ" นั้น จะ "ไม่ใช่สภาวะรู้"

    +++ สภาวะรู้ เท่านั้นที่ "รู้" จิตที่ โดนวาง
    +++ และ จิตที่เอามาวางนั้น "เป็น ตัวดู" เท่านั้น

    *** หมายเหตุ "คนปกติ โดยทั่วไป" มักจะเข้าใจว่า "จิต = ตัวกู/ของกู เป็น กิริยา/สังขารจิต" ไม่ใช้ "จิต = วิสังขาร" ***

    +++ ดังนั้นคุณ Supop ควรระบุคำว่า "จิต" ของคุณว่า "เป็น สังขาร หรือ วิสังขาร" ด้วย
    +++ ตรงนี้เป็น "อนุสติ 10 ในหมวด อานาปานสติ" รู้ลมหายใจ หยาบ/ละเอียด ต่าง ๆ
    +++ ตรงนี้ยังเป็น "ดู" ลมหายใจอยู่ ยังไม่นับเป็น "รู้" ลมหายใจแต่อย่างไร
    +++ ลองทำการ "รู้ทั้งตัว รู้เฉย ๆ ทั้งตัว" แล้วอยู่อย่างนั้น
    +++ จากนั้นจึง "ปล่อยให้ร่างกายมัน หายใจเอาเอง"
    +++ ก็จะ "รู้" ถึงความแตกต่างระหว่าง "รู้ VS ดู" ลมหายใจได้เอง
    +++ แล้วก็จะ "รู้" วิธีทำ "กายคตาสติปัฏฐาน" ได้ในเวลาที่รวดเร็ว
    +++ ขอให้คุณ Supop เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไป นะครับ
     
  11. เตรียมตัว

    เตรียมตัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +156
    พยายามทำความสงบให้ได้ก่อนให้จิตมีความพร้อมก่อน ด้วยอุบายวิธีอะไรก็ช่างตามใจเลย ไม่ต้องไป...ตามรู้อะไรมัน หมูหมากาไก่ เวลาเราไล่มันตวาดมัน มันยังหนี ก็เพราะมันรู้นั่นไง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 ธันวาคม 2018
  12. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    หลวงพ่อพุธ พระป่า1000% นักกสิณ แนะว่า..

    ถ้าหากจะภาวนาให้จิต แน่วนิ่ง สิบปีผ่านไป
    ยี่สิบปีผ่านไป มันจะไม่ตายก่อนเหรรอ ที่จะเริ่ม
    เดินทาง พุทธแท้ ด้วยการ พิจารณา

    หลวงตามหาบัว ก้ อุตสาห์ ร่ายคาถา ปัญญาอบรม
    สมาธิ พิจารณาไปเนี่ยะ ก้ เกิด สมาธิ จิตแน่วได้

    แต่ สาวกจานรา...ก้ยัง ไม่นำพา ธรรม

    จะเอาแต่จิตสว่างโล่ สบายๆ เบา แต่ไม่เคย
    ยกเข้าพิจารณาอะไร พอ จิตแน่วหายไแ
    ก้ อยากเปนเช่นนั้นไม่ได้อีก สามสิบปีผ่านไป
    สี่สิบปีผ่านไป แก หงำเหงือก ตาย!ปลี้ๆ

    เพราะอะไร


    เพราะ รู้จริงรู้ปฏิบัติเพิกปริยัติ มัวแต่
    จะเอาของจริง จิตก้จิตจริงๆ แน่ว....ไม่พ้นนา.....

    รู้แจ้งเหรจริงคุยกับเทวดา องค์ปลาถม ได้หมด

    แต่ ทน สัทธรรม ตำรา มหาพิชัยสงคราม ไม่ได้

    กิเลสมั่นสั่นสู้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2018
  13. เตรียมตัว

    เตรียมตัว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 มีนาคม 2015
    โพสต์:
    61
    ค่าพลัง:
    +156
    ผู้บรรลุมรรคผลยังมีอยู่ให้เห็น ทุกคนสามารถบรรลุธรรมได้ ปัญหามันอยู่ที่ตัวเจ้าของ ไม่จริงไม่จังปฎิบัติภาวนาเหมือนเด็กเล่นขายของ กิเลสเอาไปกินหมด แล้วเที่ยวไปโทษว่า ไม่ถูกจริตบ้าง ช้าบ้าง สมาธิไม่ต้องบ้าง ใช้ปัญญาไปเลยบ้าง มันจะไปแบบนั้น กิเลสมันพาไป ปัญญาอบรมสมาธิ ของหลวงตา สุดท้ายก็จิตรวมลงเป็นสมาธิก่อน ในขั้นนี้ยังไม่ใช่ปัญญาฆ่ากิเลส แต่เป็นอุบายวิธีการอย่างหนึ่งเพื่อเข้าถึงความสงบได้ ด้วยความเมตตาของหลวงตาด้วยความเชี่ยวชาญรอบรู้ขององค์ท่านจึงได้มอบวิธีการนี้ไว้ให้ผู้ที่คิดว่าถูกจริต แต่องค์ท่านเองภาวนาบริกรรม พุทโธ จนจิตสมาธิแนบแน่นเชี่ยวชาญ แล้วเข้าสู่ขั้นปัญญาต่อไปจนบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์องค์สำคัญของโลกองค์หนึ่ง หากยังทำความสงบเข้ามาไม่ได้ การใช้ปัญญาไปเลยใช้ได้ แต่ต้องเป็นไปเพื่อการฝึกซ้อมให้จิตอยู่ในธรรม ดีกว่าไปคิดฟุ้งซ่านเรื่องโลกโลก แต่ยังไม่ใช่เพื่อไปฆ่ากิเลส ซึงมันฆ่ากิเลสไม่ได้ เพราะจิตไม่มีกำลังมันจะฟุ้งซ่านไปเท่านั้น.....
     
  14. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    มำไมหลวงตามหาบัว ถึง เทศนา ปัญญาอบรมสมาธิ

    ก้เพราะ ความเหนผิด เรื่อง จิตรวมก่อน "เกาะผู้รู้ ไม่เสีย"

    ท่านจึง ติด สมาธิอยู่หกปี เข้าใจว่า จบกิจแล้ว

    แต่ ธรรมมาเตือน จิตฝุ่งซ่านนั่นแหละ แต่เปนฝุ้งธรรม

    ท่านจึงเอะใจ ว่า ตายหละ เน้นจิตรวมอึ๊ก เดี๋ยวปัญญาเกิดเอง ตอน มันถอยมาพิจารณา แลโลก

    ที่ไหนได้ ngo อยู่หกปี ....พ่อแม่ครูบาอาจารย์
    ที่จะถามได้ มรณะ ไปหมดแล้ว เน้นจิตรวมเลย
    เข้าใจว่าไม่ต้องไปถาม ฮ่าน อะไรใครอีก

    ท่านจึง แก้คำสอนใหม่

    ปัญญาอบรมสมาธิ ไม่ใช่ ทำเพื่อเอาจิตรวม

    ปัญญาอบรมสมาธิ คือ สมาธิมันมีความngo
    ในตัวสมาธิ จิตอึกให้ตาย หกปี ไม่ได้เฮียอะไร
    ปัญญาไม่เกิดแม้นกระดิ่งแมว

    ดังนั้น อบรมปัญญาเข้ามาไว้ก่อน ให้จิตมันคุ้น
    ฐานที่ตั้งแห่งการงาย พอสมาธิเกิดรวม พอถอย
    มาก้ ผั๊วะ ไม่ใช่ รวมแล้วรวมอีก รวมค้างเติ่งหก
    ปีดักดานรวมอยู่นี่น คืดว่า ถอยออกมาแล้วจิต
    จะพิจารณาฮ่านอะไรเอง
     
  15. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    รู้ธรรมตาม ขิปาก หลวงตา มันจะต่างอะไรกับ จำตำรา

    ทำให้เหมือน ปฏิบัติเปนพิธี เปน ฆราวาส

    จะไปเฮียอะไนกับ การรักษาวงศ์กรรมฐาน เยี่ยง เพศ พระ

    กล่าวเหมือนหลวงตา จนวันตาย ก้ไม่ได้ เฮียอะไร

    นาหญ้าขึ้นรกเหมือนเดิม

    ไม่งั้น เอาจิตรวมดีใช่ไหมตอนนี้ มะ อึง เหาะ สิ อายสัตยาบันเตรียมอยู่นั้น

    เฮียยยยยย!!!

    ก้เหนอยู่ ที่มันลอย สูงจากพื้รได้ มี แต่หัวกา
    มหารวย ของ มะ อึง อายนั่นแหละ ที่เหาะ
    ทุกเช้า หรือยามเจอ ฮีแมนยกสองภูเขา
     
  16. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    "การใช้ปัญญาไปเลยใช้ได้ แต่ต้องเป็นไปเพื่อการฝึกซ้อมให้จิตอยู่ในธรรม ดีกว่าไปคิดฟุ้งซ่านเรื่องโลกโลก แต่ยังไม่ใช่เพื่อไปฆ่ากิเลส ซึงมันฆ่ากิเลสไม่ได้ เพราะจิตไม่มีกำลังมันจะฟุ้งซ่านไปเท่านั้น....."

    ประโยคเนี่ยะ อธิบายด้วย พระป่าชั้นหลัง

    ดัดแปรงธรรมของหลวงตา ให้กลายเปน
    "ธรรมศึกษาชั้นประถม" ห่างไกลความเปน
    ภาษาปฏิบัติอุกกฤษ สงครามธาตุ สงครามขันธ์

    กลายเปน ธรรม คลี่ๆ คลายให้กับกิเลส อนุบาล

    เอ้า สีล เอา ทาน เอาคิดดี ทำดี ก้พอ

    เฮีย!!!
     
  17. Supop

    Supop เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    587
    ค่าพลัง:
    +3,154
    ข้าพเจ้าขออนุโมทนาในธรรมของทุกท่านครับ
    ด้วยความเคารพครับ และขอขอบคุณในคำแนะนำตักเตือนของคุณ เล่าปังและคุณธรรมชาติครับ เริ่องที่แนะนำไว้ข้าพเจ้าจะพิจารณาปฏิบัติต่อไปครับ

    ส่วนเรื่องจิตลงไปนอนแช่นิ่งเฉยๆนั้น หลังจากเกิดเหตุการณ์นั้นที่จิตติดอาการฌาณออกมาภายนอกกับข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าไม่เคยเข้าไปนอนแช่เช่นนั้นอีกเลย (มันหายไป)

    ส่วนเรื่องการอธิบายของข้าพเจ้านั้น ข้าพเจ้าอาจจะใช้คำผิด ข้าพเจ้าเองก็ไม่รู้จะใช้คำเช่นใดดีนะครับ
    น่าจะเป็นการวางจิตไว้ที่ฐานแล้ว อยู่กับการดูหรือเปล่าครับ แต่เป็นที่ข้าพเจ้ารู้ว่าวางจิตไว้อยู่ที่ใด พร้อมๆกับการรู้ในสภาวะอื่นๆอีก ประมาณนั้นครับ

    ขอขอบคุณอีกครั้งครับ

    ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปครับ
     
  18. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    อย่าเข้าใจผิด ว่า ไม่ใหนอนแช่ นะขอรับ

    ธรรมาปฏิบัติ ถ้า มี สัมมาทิฏฐิถูกต้อง

    จะแช่ ก้ ยังเกิดสคิ

    จะเกิด ก้ เกิดสติ

    จะออก ก้ ยังเกิดสติ

    จะดับ ก้ยังเกิดสติ

    จะอันตรธานหายไป ไม่เกิดขึ้นอีก ก้เกิดสติ

    ถ้า เอามายกเปน สติ ไม่ได้ ก้ไม่ต้องนับหนึ่ง
    สติปัฏฐาน

    อย่าไป สนใจ การเข้าใจ การสื่อสาร ใครเข้าใจ
    หรือ ไม่เข้าใจ

    ถ้ามันเปน ธรรม มันจะแนบกันสนิท โดยธรรม

    ส่วน ความแตกต่าง เปน เรื่องของ สัญญาขันธ์

    ไม่มีนักภาวนาคนไหน ไปหัวเสีย กับ สัญญขันธ์
    เปนตน ของตน เปนเขา ของเขา เซนโอนลอย
    สลัดคืน พวงดอกไม้แห่งมารออก มันจะไม่ได้
    ผลิกลายเปน ผล ให้มานั่งสาระวน คนในโลก(ของ
    ขันธ์) ม่ายข้าวจาย แม้นแต่ พัดลม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2018
  19. pattcmt

    pattcmt เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กันยายน 2010
    โพสต์:
    121
    ค่าพลัง:
    +195
    แสดงว่า ฝึกให้เห็นเกิดดับได้ตลอดเลยใช่ป่าวคับ
    ให้เห็นความไม่เที่ยงโดยยังไม่ต้องมีกำลังของจิตได้เลยไหม
    ผมกำลังสะสมกำลังแบบว่าแรงน้อยอยุ่นะคับ 55
     
  20. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,801
    ค่าพลัง:
    +7,939
    นั่นหละๆ

    ความคล่องตัว จิตอ่อน ควรแก่การงาน

    เหมือน เหล็กที่เดี๋ยว ตบะสุมไฟ เดี๋ยวจุมน้ำ
    เพื่อตี เปน ดาบคมกริบ

    หรือ จะเหาะ ก้ได้ หากไม่หน้าดำ.....

    คร่ำเครียดเกินไป

    จิตอ่อน คือ จิตไม่แล่นไปทาง อุปาธิว่า
    จิตคือเรา เราคือจิต

    พอปล่อยจิตได้ ไม่หวงแหน ประครองรักษา
    ให้เที่ยง จะเหาะเหิน เดินดิน กินข้าวแกง
    ก้ แจ้ดนุพลแก้วการ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ธันวาคม 2018

แชร์หน้านี้

Loading...