ในทศบารมีที่เหล่าพุทธภูมิต้องบำเพ็ญ บารมีข้อใด ถือว่ายากที่สุด หรือ หากเป็นไปตามจริตของแต่ละคน จริตแบบไหนที่บำเพ็ญบารมีใด ที่ถือว่ายากที่สุด
บารมีใดในทศบารมี ที่ทำได้ยากที่สุด
ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย piranatch, 11 พฤศจิกายน 2013.
หน้า 1 ของ 3
-
พระโพธิสัตว์ต้องมีจิตน้อมไปใน เนกขัมมะ
ความที่จิตยินดีในพรรมจรรย์เห็นโทษในกาม รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส
เนกขัมมะ นี่แหละศูนย์รวมบารมีทั้งหลาย -
เพราะอุเบกขาเป็นอารมณ์ใกล้บรรลุที่สุดล่ะ
อุเบกขา ระงับกิเลสได้(อุเบกขาในฌาน)
บารมีอื่นๆ ใช้วิธีข่มกายไว้ได้
แต่อุเบกขาเป็นเรื่องของใจ ห้ามไม่ให้รู้สึก ยากที่สุด -
ท่านใดเห็นเป็นเช่นไรบ้างครับ -
โดยส่วนตัวเห็นว่า ขันติครับ ความอดทนต่อความลำบากในการบำเพ็ญ ทนต่อการกระทบ และแรงเสียดทานต่อคนรอบข้าง ทนต่อกระแสของโลก ความสงบระงับ ต่อกิเลสของตนเอง ก็ต้องอาศัย ขันติ
ทางมันไกล ขันติไม่ไหวก็เลิกล้มกลางครัน -
สำหรับผม ทศบารมีที่ต้องแลกด้วยชีวิต เช่น ให้ชีวิตเป็นทาน. รักษาสัจจะด้วยแลกกับชีวิต รักษาศีลอันเป็นเครื่องอดกลั้นด้วยแลกกับชีวิต เป็นต้น ชื่อว่าเป็นของยากและเป็นยอดของบารมีนั้นๆ
-
... ทานบารมีครับ เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก บำเพ็ญได้ยากครับ อย่าไปคิดถึงทานลูกทานเมีย เอาแค่ให้ข้าวน้ำหมาข้างถนน นี่เราก็ทำได้ยากแล้ว
-
-
อาจจะฟังดูกวนๆแต่ผมว่า ทำให้มันครบทั้ง10อันนี้อ่ะยากสุด ในความรู้สึกผมนะ ^^
-
ธรรมของพระโพธิสัตว์ ( ประจำใจพระโพธิสัตว์อยู่เสมอทุกชาติ )_/\_ _/\_ _/\_
ธรรมเหล่านี้สัมพันธ์กันตลอดเวลาไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลย เพราะธรรมแต่ละข้อนั้นต่างอาศัยกันและกันเกิดขึ้น.....
เมื่อพระโพธิสัตว์ให้ ทาน จุดมุ่งหมายในการให้ก็เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขแก่ผู้รับไม่มีคิดที่จะเป็นเหตุให้เกิดการเบียดเบียนผู้อื่น
การไม่มีความคิดที่จะเบียดเบียนผู้อื่นทั้งกาย วาจา ใจ นี้จัดเป็น ศีล
เมื่อเกิดความคิดในการให้ทาน จิตใจย่อมผ่องใสปราศจากนิวรณ์
การที่จิตปราศจากนิวรณ์ จัดเป็น เนกขัมมะ
แน่นอน ในการบำเพ็ญทานนั้น ย่อมตั้งใจใช้การพินิจพิจารณาเหตุผล เพื่อให้ทานเกิดประโยชน์มากที่สุด
การพินิจพิจารณาเช่นนี้ จัดเป็น ปัญญา
ความตระหนี่เป็นอุปสรรคสำคัญในการบำเพ็ญทาน พระโพธิสัตว์จำต้องพยายามละความตระหนี่ที่เกิดขึ้นขัดจังหวะอยู่ตลอดเวลา
การพยายามละความตระหนี่เช่นนี้ จัดเป็น วิริยะ
นอกจากพยายามละความตระหนี่ซึ่งเป็นบาปที่คอยขัดขวางไม่ให้การทำความดีก้าวหน้าแล้ว พระโพธิสัตว์จะต้องยอมทนทุกข์ทรมานจากการเสยสละ
เพราะในบางครั้งสิ่งที่สละนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากหรือเสมอด้วยชีวิต แต่เมื่อเห็นว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้รับ ถึงตนเองจะต้องลำบากท่านก็ยอมสละให้ได้
การยอมทุกข์ทรมานเพื่อให้ผู้อื่นเป็นสุขเช่นนี้ จัดเป็น ขันติ
พระโพธิสัตว์ เมื่อตัดสินใจให้ทานแล้วก็ย่อมทำตามการตัดสินใจ หรือเมื่อพูดว่าจะให้อะไรแก่ใครแล้ว ท่านก็พร้อมจะให้เสมอ ไม่เคยกลับคำ
การพูดหรือทำตรงตามการตัดสินใจนั้น จัดเป็น สัจจะ
การทำอย่างที่พูดหรือตัดสินใจไปแล้วนั้น บางครั้งทำไปแล้ว อาจจะมีอุปสรรคเกิดขึ้นขัดขวางซึ่งทำใหเกิดความท้อถอยแต่พระโพธิสัตว์จะยึดมั่นอยู่ในสัจจะนั้น พยายามฝ่าฟันอุปสรรคเพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ให้ได้
ความมั่นคงแน่วแน่เช่นนี้ จัดเป็น อธิฐาน
การให้ของพระโพธิสัตว์ย่อมตั้งอยู่บนพื้นฐานของความปรารถนาดี และเป็นความปรารถนาดีชนิดที่เป็นอัปปมัญญา ไม่มีขอบเขตจำกัดไม่เลือกที่รักมักที่ชัง เป็นความปรารถนาดีที่แผ่ไปให้แม้กระทั้งศัตรู
ความรักความปรารถนาดีอย่างกว้างขวางนี้ จัดเป็น เมตตา
แน่นอนว่า ในการให้นั้น พระโพธิสัตว์ย่อมมิได้มุ่งหวังผลตอบแทนหรือเพื่อเกียรติยศชื่อเสียง ท่านสามารถบังคับใจให้อยุ่เหนือสิ่งตอบแทนทางวัตถุเหล่านี้ ทั้งนี้เป็นเพราะท่านรู้จักปล่อยวางประคับประคองใจให้เป็นกลาง
การวางใจให้เป็นกลางได้เช่นนี้ จัดเป็น อุเบกขา
จากเหตุผลดังกล่าวนี้ แสดงให้เห็นว่า ธรรมะเหล่านี้ย่อมสัมพันธ์กันอยู่เสมอ เพื่อเกื้อหนุนให้พระโพธิสัตว์ได้บรรลุถึงพระนิพพานอันเป็นจุดหมายปลายทาง ฉะนั้น จึงเรียกว่า " บารมี " แปลว่า " คุณธรรมเครื่องช่วยให้ถึงฝั่งคือพระนิพพาน
ที่มา http://palungjit.org/threads/ปรารถนาพุทธภูมิ.213364/page-13 -
ถ้าดูตามลำดับทศชาติที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญมากว่าจะตรัสรู้เป็นพระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าของเราแล้ว สงสัยว่าจะเป็นทานปรมัตถบารมี (รวมบริจาคลูกเมีย) นะครับ
-
หากแม้การสละชีวิตอันเป็นของมีค่าที่สุดเพื่อบำเพ็ญบารมีเป็นของยากแล้ว
สิ่งที่ยากยิ่งที่สุดเห็นจะเป็นการสละสิ่งอันเป็นที่รักยิ่งกว่าชีวิตของตนนั่นแล
เห็นด้วยกับทานบารมีครับ -
ผู้หญิง ถ้าตั้งดำริอย่างนี้ว่า เราจะยอมยกตัวเราให้หนุ่มอันเป็นคนที่เรารัก และหากเขาร้องขอให้ช่วยกิจการงานอันใด ก็จะยินดีขวนขวายทำในกิจการงานนั้นด้วยดี เหล่านี้ ได้ชื่อว่าทำทานบารมีหรือไม่?
และคนเป็นพ่อ ซึ่งมีลูกสาวอันเป็นที่รักดุจแก้วตาดวงใจ แล้วถ้ามีหนุ่มมาขอลูกสาวไปแต่งแยกออกไปมีครอบครัว ชื่อว่า ได้ทำทานบารมีหรือไม่?
ถ้าใช่ ท่านพร้อมสละยกลูกสาวท่านแล้วหรือยัง? ^^
-
การสละเป็นทานมิใช่เพื่อเหตุแห่งการเป็นไปทางโลก
หากแต่เป็นการเสียสละเพื่อให้ได้มาซึ่งบารมีคือจิตใจที่บริสุทธิ์ตั้งมั่นในโพธิญาณ
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม เสียสละได้แม้ทุกสิ่ง
ต้องถามก่อนว่าหญิงที่สละร่างกายให้ชายที่รักทำเพื่ออะไร
พ่อที่ต้องยกลูกสาวให้ชายที่มาสู่ขอตามประเพณีหวังผลในสิ่งใด -
ตามที่กระผมเข้าใจนั้น ขอแสดงความเห็นว่า
ปัญญาบารมีมีความสำคัญที่สุด แต่ก็ต้องอาศัยพื้นฐานบารมีอื่นๆเป็นสิ่งประกอบกันขาดไม่ได้และบารมีพื้นฐานทั้งหมดนั้น ล้วนเป็นสิ่งที่ทำได้ต้องสร้างสั่งสมให้มาก
บารมีพื้นฐานที่กล่าวได้ว่าเป็นบารมีที่ทำได้ยากและต้องทำให้ได้อย่างยิ่งยวดนั้นคือ ทานบารมีและขันติบารมี ครับ สาธุ
อุปมาง่ายๆดังพระประวัติของพระพุทธเจ้า พระชาติสุดท้ายของพระองค์คือมหาทานบารมี อันเป็นปรมัตทานบารมีนั่นเองครับ สาธุ -
หากทานบารมีเป็นสิ่งที่ทำได้ยากสุด เหตุใดพระโพธิสัตว์เวสสันดร เมื่อบริจาคลูกทั้งสองให้กับชูชก เห็นชูชกเฆี่ยนตีลูกต่อหน้าต่อตา จึงหยิบพระขรรค์หมายจะฆ่าชูชก
-
ก็มีเหตุผลครับ ปัญญามีลักษณะที่ไม่ตายตัว ถ้าเอามาแจกแจงทั้งหมดก็คงซับซ้อนน่าดู
ผมชอบอันนี้มากเลย: สมัยเจ้าชายสิทธัตถะยังเป็นเด็ก ไปเทียวเล่นกับพระญาติซึ่งมีพระเทวทัตด้วย ครั้งนั้นพระเทวทัตเห็นนกแล้วยกคันธนูยิง ด้วยความแม่นยำ โดนนกตัวนั้นตกลงมา เจ้าชายสิทธัตถะเห็นเข้าจึงรีบวิ่งไปเก็บนกมาช่วยชีวิต พระเทวทัตเดินไปเพื่อขอนก แต่เจ้าชายไม่ให้เพื่อหวังช่วยชีวิตนกนั้น. สุดท้ายจึงเกิดการโต้แย้งว่ากัน ซึ่งเจ้าชายอ้างว่า ชีวิตต้องเป็นของผู้ที่ให้ชีวิต ไม่ใช่เป็นของผู้ที่จะทำลายชีวิต !
ปล. หายไปนานนะท่าน ท่านอสุรินทร์คิดถึงแล้วนะ
-
แล้วพระเวสสันดรได้สังหารชูชกหรือไม่ ทานที่ให้ไปแล้วสละไปแล้วย่อมเป็นกรรมสิทธิ์
ของผู้รับนี่ละบารมีเกิดตรงนี้ พระเวสสันดรทำอย่างไรต่อล่ะครับ
นี่เป็นเพียงข้อคิดเห็นมิได้กล่าวว่าผิดหรือถูก ดีใจที่ท่านถามครับ -
-
หน้า 1 ของ 3