บุญกุศลต้องทำให้ต่อเนื่อง โอวาทธรรม.. หลวงปู่พิศดู ธรรมจารี พระอภิญญาเจ้าสายธรรมแห่งพระอุปคุต

ในห้อง 'พุทธภูมิ - พระโพธิสัตว์' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 16 มิถุนายน 2020.

  1. นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    ...บุญกุศลต้องทำให้ต่อเนื่อง...

    " บุญกุศลถ้าทำให้ต่อเนื่องได้จะดี จะทำมากทำน้อยก็ได้ เมื่อมีโอกาสก็ให้ทำไปตามกำลัง.."
    (เมื่อทำบุญได้อย่างต่อเนื่อง อานิสงส์ก็ย่อมส่งถึงเราอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ผู้นั้นจะเป็นผู้มีแต่ความโชคดีอยู่เสมอ)

    " ถ้าไม่มีเงิน หรือข้าวของที่จะทำบุญ ก็ให้ สาธุๆๆ อนุโมทามิ กับคนที่เขาทำ ก็ได้บุญเหมือนกัน.."

    " บุญ เป็นของจริง ถ้าทำจริง ศรัทธาจริง ก็ได้ผลจริง.."

    " ทานรวย ศีลสวย ภาวนาฉลาด.."
    (การทำบุญมีอยู่หลายทาง แต่ละทางก็ให้ผลต่างกันไป
    ใครอยากรวย ให้ทำทานมากๆ ใครอยากเกิดมาหล่อสวย ก็ให้รักษาศีลให้บริสุทธิ์เสมอ ใครอยากเกิดมามีปัญญาดี ก็ให้เจริญภาวนามากๆ )

    ชีวิตคนเรานั้นไม่แน่นอน จงอย่าคิดว่า ชีวิตนี้เราทำบุญไว้เยอะแล้ว หรือเมื่อไหร่ค่อยทำก็ได้ เพราะบุญที่ทำเปรียบเสมือนอริยทรัพย์ที่สะสมเอาไว้ใช้ในอนาคต หรือในภพหน้าๆ ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ เราสามารถตักตวงบุญกุศลได้ตลอดเวลา การเกิดเป็นคนนั้นเป็นเรื่องยาก และคนเรานี้แหละที่สามารถสร้างสมบุญ กุศล บารมี ได้ดียิ่งกว่าภูมิใดๆ เพราะครบถ้วนด้วยองค์ประกอบที่จะกระทำได้

    บุญที่ทำนี้อาจส่งผลได้ภายในชาตินี้ หรือชาติหน้าก็ได้ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยหลายอย่าง เราไม่จำเป็นต้องไปคาดหวังหรือเร่งให้บุญส่งผลให้เราสมปรารถนาโดยเร็ว เพราะอาจจะทำให้บุญนั้นกลายเป็นอัตตาบุญไป

    และเมื่อทำบุญแล้ว จะอธิษฐาน หรือไม่อธิษฐานก็ได้ ยังไงอานิสงส์แห่งบุญนั้นย่อมให้ผลแก่เราตามเหตุปัจจัยอันเหมาะสมเป็นแน่แท้อยู่แล้ว แต่ถ้าเราต้องการจะอธิษฐาน ครูบาอาจารย์ท่านสอนว่า บุญเป็นของดี เป็นของสูง บุญเป็นของพึ่งได้จริง เพราะฉะนั้นให้อธิษฐานในเรื่องสูงๆไว้ก่อน เช่น ขอบุญที่ทำนี้จงเป็นปัจจัยต่อมรรคผลนิพพาน หรือ หากข้าพเจ้ายังไม่ถึงซึ่งพระนิพพาน ก็ขอให้เกิดมาพบพระพุทธศาสนา ขอให้มีปัญญารู้แจ้งในธรรมได้โดยฉับพลัน ส่วนจะอธิษฐานให้รวย ให้สวย ให้ฉลาด หรือให้สุขภาพแข็งแรงนั้น เข้าใจว่าคงไม่จำเป็นนัก เพราะอย่างไรเสีย ผลลับในการกระทำนั้นย่อมสะทัอนกลับมาเป็นแม่นมั่น ใครที่บริจาคทานก็ต้องรวย ใครรักษาศีลบริสุทธิ์ก็ต้องสวย ใครภาวนามากก็ต้องฉลาด ใครไถ่ชีวิตสัตว์ สร้างสถานพยาบาล หรือดูแลผู้ป่วย ก็ย่อมมีสุขภาพแข็งแรง มีอายุยืน เป็นเช่นนี้เอง(ตถตา)

    และการทำบุญนั้นยังมีรายละเอียดปลีกย่อยอีกมากมาย ซึ่งผู้ที่เป็นนาบุญ หรือองค์แห่งบุญเหล่านั้น ก็ยังมีผลต่างเช่นกันอีก เช่น เมื่อทำบุญกับพระอริยะ ก็ย่อมได้อานิสงส์มากกว่าทำบุญกับพระที่ทรงศีลปกติ ทำบุญกับพระที่ทรงศีล ก็ย่อมได้อานิสงส์มากกว่าทำบุญกับพระที่ศีลไม่บริสุทธิ์ ลดหย่อนกันไปตามลำดับ...
    แต่บุญที่สามารถทำได้กับตนเอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องไปทำที่อื่น และไม่ต้องลงทุนใดๆ ก็คือการเจริญจิตภาวนา เรื่องนี้หลวงปู่สอนว่า..

    " แค่ภาวนา พท-โธ ก็ได้บุญแล้ว ไม่ต้องลงทุนอะไร พุท-เข้า โธ-ออก บอกทางบุญ.."
    ( ภาวนาดูลมหายใจเข้า-ออก )

    และการทำบุญ หรือทำความดีต่างๆนั้น เราสามารถอุทิศให้แก่ใครก็ได้ ให้เขาได้อนุโมทนา เพื่อให้มีส่วนในบุญที่เราได้ทำนี้ ไม่ว่าผู้นั้นจะยังมีชีวิตอยู่ หรือล่วงลับไปแล้วก็ตาม

    แต่สิ่งสำคัญที่สุด การทำบุญให้ได้ผลดีนั้น จำเป็นต้องประกอบด้วยใจศรัทธา ทำแล้วไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น และพยายามลดละซึ่งบาป อกุศลอันเศร้าหมองต่างๆ เพื่อยกระดับจิตของตนให้สูงยิ่งๆขึ้นไป...

    โอวาทธรรม.. หลวงปู่พิศดู ธรรมจารี

    วัดเทพธารทอง จ.จันทบุรี

     
  2. นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    ขออนุญาตคุณ Dekdoi chiangmai เจ้าของประสบการณ์นี้ด้วยนะครับ ขออนุญาตนำมาลง เพื่อร่วมเผยแผ่บารมีองค์หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี ครับ..

    ประเด็นคือผมไม่เคยรู้จักหลวงปู่มาก่อนเลยครับ..แล้วมีประเด็นว่าเมื่อคืนหลังจากไหว้พระสวดมนต์เสร็จ ซึ่งก็เป็นกิจวัตรอยู่แล้วครับ.. ทีนี้นอนไปครึ่งหลับครึ่งตื่น เห็นหลวงปู่องค์แก่ ๆ องค์หนึ่งมาหา ผมก็เข้าไปกราบท่าน..ท่านก็ยิ้ม ๆ สักพักก็สะดุ้งตื่น...

    หลังจากนั้นก็ไม่นอนอีกเลย ก็คิดว่าเป็นหลวงปู่องค์ไหนมาหาหนอ.. จนตอนเช้าแล้ว มาทำงาน ก็นั่งหาดูอะไรไปเรื่อย จนมาดูในกลุ่มของครูบากฤษดาท่าน.... ปรากฏว่าเห็นรูปครูบาท่านไปกราบหลวงปู่(พิศดู) ก็มานั่งดูแล้ว พิจารณาหลายรอบมาก ว่าหลวงปู่องค์นี้นี่นาที่ท่านมาหาเมื่อคืน... เป็นอะไรที่แปลกมากครับ.. ผมไม่เคยเห็นท่านมาก่อนเลยครับ.. เลยมีเรื่องเรียนสอบถามประมาณนี้ครับผม..

    ***************************************

    " ไม่ใช่เลือด ใช่เนื้อ... แต่มีใจเอื้อเฟื้อ ก็เหมือนเนื้อ อาตมา...
    ถึงใช่เลือด ใช่เนื้อ... แต่ไม่มีใจเอื้อเฟื้อ...ก็เหมือนเนื้อ ในป่า..."

    " จะกราบเรา กราบที่ไหนก็ได้.. แค่คิดถึงก็พอ เรารู้ "

    คำกล่าวนี้ลูกศิษย์ของหลวงปู่พิศดู ธัมมจารี วัดเทพธารทอง มักได้ยินหลวงปู่พูดบ่อยๆ

    ถึงแม้หลวงปู่จะละสังขารไปแล้ว แต่บารมีธรรมและดวงจิตท่าน ยังคอยช่วยเหลือ คุ้มครองผู้ศรัทธาอยู่ มิได้วางธุระเลยแม้แต่น้อย ท่านมักบอกอีกว่า..

    " ลูกศิษย์เรา เราคุ้มได้หมดทุกคน ผ่านมา(นับถือ ศรัทธา) แล้วมักจะไม่พลาด.."

    " ปกติพระปัจเจกเขาไม่ค่อยมีบริวารหรอก
    แต่เรา..พระปัจเจกมีบริวาร.."

    #หมายเหตุ :: หลวงปู่พิศดู ท่านเคยตั้งปณิธาน ปรารถนาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้ามาก่อนหลายกัป จนมาในชาติสุดท้ายนี้ บารมีท่านเต็มแล้ว ท่านได้ตัดสินใจลาปัจเจกภูมิเอาพระนิพพานในชาตินี้ เพื่อช่วยเป็นกำลังให้แก่พระศาสนาของพระพุทธโคดม และเพื่อโปรดบริวารของท่านที่ตามมาเกิดในชาตินี้กันมาก ซึ่งเป็นยุคที่อยู่ยากที่สุด

    ทว่า..แต่เดิมก่อนที่ท่านจะมาปราถนาซึ่งพระปัจเจกภูมินั้น ท่านก็ยังเคยปรารถพุทธภูมิมาก่อนยาวนานนับชาติไม่ได้ ท่านจึงมีบริวารต้องโปรดมากมาย )



    *******************************************************
     
  3. นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    "ต่อไปข้างหน้าหากมีภัยมาก
    ท่านพ่ออุปคุต...สามารถป้องกันภัยได้
    ใคร...บูชาท่านด้วยความเคารพ...จะอยู่รอดปลอดภัย"

    โอวาท หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี วัดเทพธารทอง จ.จันทบุรี

    Cr : Sira Pop


     
  4. นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    #อุบายอันแยบยล..
    เวลาที่ลูกศิษย์ได้อยู่รับใช้องค์หลวงปู่พิศดูในยามค่ำคืน ท่านก็จะให้พากันสวดมนต์บ้าง อ่านหนังสือธรรมะบ้าง บางครั้งก็ให้นั่งสนทนากับท่านบ้าง ตามแต่ท่านจะสั่ง ก็มีหลายครั้งที่ต้องอยู่กับท่านนานจนกินเวลากว่า 5 ทุ่ม เที่ยงคืน ลูกศิษย์บางคนก็มีอาการง่วงแสนง่วง ได้ขออนุญาตหลวงปู่กลับไปพักผ่อน บางครั้งท่านก็ยังไม่ยอมให้กลับ บอกว่า..

    " ถ้าง่วงก็ไปเดินจงกรม ไม่ก็นอนกบไป(นั่งหมอบ) ถ้าไม่ไหวก็นอนยืดไปเลยก็ได้.."

    ถ้าท่านไม่สั่ง หรืออนุญาต ท่านจะไม่ยอมให้กลับไปพัก เป็นเช่นนี้บ่อยๆ ตอนแรกผู้เขียนก็เข้าใจว่า หลวงปู่ท่านต้องการฝึกสติ และความอดทนให้พวกเรา ไม่ให้เห็นแก่ความสุขสบายจนเกินไป เป็นลูกศิษย์พระกัมมัฏฐานต้องรู้จักวิธีทรมานกิเลส..

    ความเข้าใจดังกล่าวนี้ก็นับว่ามีส่วนถูกอยู่ แต่นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเหตุผลสำคัญข้ออื่นอีก.. ผู้เขียนได้มีโอกาสอยู่รับใช้หลวงปู่ในยามวิกาล มาได้ระยะหนึ่ง จนมีอยู่วันหนึ่ง วันนั้นหลวงปู่ได้ขึ้นเอ่ยขึ้นว่า..

    " รู้ไหม..ว่าตอนนี้ไม่ได้มีแค่พวกเราเท่านั้นที่อยู่ตรงนี้.. แต่ว่ามีเทวดาเขามาห้อมล้อมฟังเราอีกมากมายนับไม่ถ้วนเลย.."

    นับแต่วันนั้นเอง จึงเป็นการไขข้อข้องใจในเรื่องนี้ของผู้เขียน โดยที่เราไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากถามท่านเลย(หลวงปู่ท่านรู้วาระจิต และความคิดเราได้อย่างละเอียด) ท่านจึงได้พูดออกมาเอง และเรื่องเทวดาหลวงปู่ท่านก็รู้ ท่านก็เห็นของท่านเป็นปกติ และยังรู้อารมณ์ใจของเทวดาอีกด้วยว่า.. ต้องการมาฟังธรรมลักษณะใด เทวดาบางเหล่าต้องการฟังเสียงสวดมนต์ต่างๆ บางครั้งเทวดาก็อยากฟังธรรมะ(จากการอ่านหนังสือที่หลวงปู่จะเป็นผู้เลือกให้ลูกศิษย์ได้อ่าน) บางครั้งเทวดาก็อยากฟังการสนทนาในเรื่องต่างๆ เป็นที่บันเทิงใจ เพราะเรื่องบางเรื่อง เทวดาท่านก็ยังไม่เคยฟังหรือทราบมาก่อนก็มี ฯลฯ เมื่อได้เวลากลับ พวกเทวดาเขาก็จะพลอยอนุโมทนาสาธุการ พวกเราก็พลอยได้รับอานิสงส์นี้ได้ด้วย คือเป็นที่รักของเทวดาไปโดยไม่รู้ตัว..

    ครูบาอาจารย์ผู้บรรลุคุณธรรมขั้นสูงแล้ว ท่านรู้ ท่านเห็น ท่านทราบ ได้กว้างไกล และละเอียดต่างจากเรามากมาย ท่านจึงเป็นครูบาที่คอยสอนสั่งศิษย์ได้เป็นอย่างดี อย่างเช่นเรื่องนี้เท่ากับว่า หลวงปู่ท่านเมตตาโปรดทั้งคน และเทวดาไปพร้อมๆกัน ได้รับประโยชน์กันไปทุกผ่ายนั่นเอง..

     
  5. นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    หลังจากหลวงปู่พิศดูได้มรณภาพไปเพียงไม่กี่วัน ผมก็ได้ฝันเห็นองค์หลวงปู่
    ในฝันท่านนั่งอยู่ที่อาสนะไม้ตัวหนึ่ง ฝันครั้งนี้ดูท่านผ่องใส และอารมณ์ดีมากเป็นพิเศษ ผมจึงคลานเข้าไปกราบแทบเท้าองค์หลวงปู่อย่างนอบน้อม ท่านยิ้ม และหัวเราะเบาๆด้วยความเมตตา.. จากนั้นหลวงปู่ท่านได้หยิบไม้เกาอันหนึ่ง (อันเดียวกับในภาพ) ซึ่งเป็นอันเดียวที่ท่านเคยใช้ประจำตัวเมื่อสมัยที่ยังทรงขันธ์อยู่นานนับสิบๆปี (ไม้เกาอันนี้จะมีอักขระจารอยู่เต็มตลอดทั้งอัน) หลวงปู่ท่านหยิบไม้เกามาเขียนยันต์ให้ที่ศีรษะของผม ท่านเขียนไปก็สวดมนต์ไป แล้วเป่าลงมาที่ศีรษะ ทำอย่างนี้สลับกันไปอยู่ 3 ครั้ง แล้วท่านก็บอกว่า..

    " ให้หมั่นภาวนา พุทโธ เข้าไว้นะ อย่าทิ้ง พุทโธ.."

    จากนั้นท่านก็หยิบปากกา มาเขียนอักขระยันต์ลงไปที่ไม้เกาหลังอันนั้นซ้ำอีก เมื่อเขียนยันต์เสร็จแล้วท่านก็ใช้ 2 มือของท่านจับประคองไม้เกาด้ามนั้น ที่บริเวณด้าม และบริเวณปลาย แล้วจึงส่งมอบให้ผมกับมือของท่านเอง ผมจึงใช้ 2 มือแบรับไม้เกานั้นมาด้วยความเคารพนอบน้อมเป็นที่สุด พอรับไม้เกามาจากองค์หลวงปู่มาแล้ว ก็ปรากฏว่าไม้เกาด้ามนั้นก็กลับกลายเป็นพระขรรค์สีทอง เล่มใหญ่ ความยาวประมาณ 1 ศอกกว่าทันที บังเกิดความอัศจรรย์ใจ และปิติใจอย่างบอกไม่ถูก แล้วผมก็ตื่นขึ้นเป็นเวลาใกล้เช้า..

    พอตื่นมาก็ยังรู้สึก ปิติใจอย่างมากล้น ยกมือไหว้ท่วมหัว สาธุ... กราบลง...
    พ่อแม่ครูบาอาจารย์อย่างองค์หลวงปู่พิศดูท่าน ไม่เคยทิ้งลูกศิษย์จริงๆความเมตตาขององค์ท่านยังคอยดูแลลูกศิษย์อยู่เสมอ..

    ด้วยความฝันอันเป็นมงคลนี้ เชื่อว่าหลวงปู่ท่านน่าจะมาสื่ออะไรเป็นปริศนาธรรมบางอย่าง..
    ซึ่งทำให้คิดถึงประวัติที่องค์หลวงปู่ได้เคยเล่าถึงพระขรรค์วิเศษเล่มทอง(พระขรรค์คู่บารมีของท่าน ที่มีเทวดานำมามอบให้..)

    ซึ่งไม้เกาอันดังกล่าวนี้ เคยมีลูกศิษย์มาขอหลวงปู่ไปก่อนหน้าท่านจะมรณภาพไม่นาน
    และต่อมาหลังจากความฝันครั้งนี้ ก็มีเหตุให้ผมได้ไม้เกาอันนี้มาบูชาจริงๆโดยไม่คาดคิดมาก่อน

    ผมเชื่อของผมเองว่า หลวงปู่ท่านคงอธิษฐานเอาอานุภาพของพระขรรค์เล่มทองคู่บารมีของท่าน ใส่ไว้ในไม้เกาอันนี้
    การมอบพระขรรค์คู่บารมีให้ ถ้าเปรียบก็คงเหมือนกับกระบี่อาญาสิทธิ์ ในการมอบหมายให้ทำหน้าที่สำคัญบางอย่างก็เป็นได้..




    ********************************************************
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    หลวงปู่พิศดู ธัมมจารี เมตตากล่าวถึงครูบากฤษดา สุเมโธ

    1.""" เรากับพระกฤษดา เป็นสายเดียวกันสายท่านพ่ออุปคุต""

    2."""พระกฤษดา ครูบาฟ้าฮ้อง เป็นพระโพธิสัตว์มีบุญบารมีสูงมากๆ ต่อไปจะดังคล้ายดั่งครูบาเจ้าศรีวิชัย"""

    3. ""ให้พระกฤษดา เท พระกริ่งแทนเราได้ เพราะท่านทำมามาก และทำได้ดี""

    4. โยม : หลวงปู่ครับ ครูบากฤษดา ท่านมีฤทธิ์ไหมครับ
    หลวงปู่พิศดู :: โอ้ววว มากๆเลยแหละ

     
  7. นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    "กายนคร..(กาย-ยะ-นะ-คอน)"


    หลวงปู่พิศดูเคยกล่าวไว้ว่า " กายนคร " เป็นนครไม่ใหญ่ แต่ก็ไม่เล็ก มีพื้นที่หนาคืบ กว้างศอก ยาววา (นั่นก็คือร่างกายเรานี้เอง..)
    เวลาใดที่หลวงปู่ท่านผจญกับโรคาพาธ ท่านจะใช้ขันติ(ความอดทน) กำหนดจิตแยกธาตุ แยกขันธ์ และเพ่งดูความเป็นไปของกระบวนการร่างกาย หากช่วงนั้นมีญาติโยมมาหา ท่านก็สามารถสงเคราะห์เขาได้เป็นปกติ โดยจะไม่แสดงอาการเจ็บป่วยให้เห็นเลย ดูภายนอกเหมือนคนปกติ (นอกเสียจากแพทย์หรือลูกศิษย์ที่ถวายการดูแลท่านอย่างใกล้ชิดจึงจะทราบได้) หลวงปู่จึงนับว่าเป็นพระผู้ทรงไว้ซึ่งมหาสติ และมีขันติบารมี เป็นตบะอันสูงยิ่งทีเดียว..
    ท่านเคยเล่าเอาไว้อย่างน่าสนุกว่า เมื่อยามว่างจากรับแขกแล้ว โดยเฉพาะเวลาท่านพักผ่อนในยามค่ำคืน บางครั้งท่านก็คิดๆอยากจะรู้ว่าที่มีอาการเจ็บป่วยอย่างนั้นอย่างนี้ มีอะไรเป็นสาเหตุ ท่านก็จะเข้าสมาธิขั้นสูง แล้วกำหนดจิต ย่อขนาดกายทิพย์ให้มีขนาดเล็กระดับเดียวกับอณู แล้วท่องเที่ยวไปในกายนคร เพื่อไปนั่นดูนี่ ไปเพ่งดูรังของโรคบ้าง เข้าไปตามอวัยวะ เส้นเลือดน้อยใหญ่ ไหลทะลุไปตรงนั้นตรงนี้บ้าง จนเป็นที่พอใจ เรียกได้ว่าขันธ์ 5 ร่างกายนี้ ท่านพิจารณาจนทะลุปรุโปร่งหมดแล้ว ท่านชอบพูดเป็นโศลกธรรมสั้นๆไว้ว่า..
    " ท่องเที่ยวไปในกายนคร ประกอบด้วยเมตตา.."
    จิตของพระอริยเจ้าเป็นอะไรที่มหัศจรรย์มากๆ เกินกว่าเราจะไปคิดหรือเข้าใจ(อจินไตย) ยิ่งพระที่ท่านทรงคุณธรรมมีความรู้ระดับพิเศษ เหนือโลก เหนือธาตุ เหนือขันธ์ อย่างองค์หลวงปู่พิศดู ท่านย่อมทรงญาณความรู้ ความสามารถครอบครบทุกอย่างโดยพิสดาร และมีจิตเมตตาอันหาประมาณมิได้ แม้แต่การท่องเที่ยวไปในกายนครตามที่ท่านบอก ก็ยังประกอบด้วยเมตตา คือเมตตาต่อตนเอง และผู้อื่นที่อาศัยอยู่ในกายนครเดียวกันกับท่าน..
    Cr.Sira Pop
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  8. นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,372
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,120
    ค่าพลัง:
    +70,467
    ขอลงภาพหลวงปู่พิศดูและพระอุปคุต
    เพื่อเป็นกำลังใจให้ทุกท่านครับ
    สวดมนต์เยอะๆ เทวดารักษาคุ้มครอง
    คาถาบูชาหลวงปู่พิศดู
    "นะโมธัมจารี สุขังเสติ ปิยังมะมะ"
    คาถาบูชาพระอุปคุต
    "นะโม อุปะคุตโต จะ มหาเถโร ปิยังมะมะ"
    "คาถาป้องกันภัย ของหลวงปู่พิศดู"
    ตั้งนะโม ๓ จบ
    " ทิตะทิลา ทัณมัณฑะโล กะลิลา กะละลา สะติโส
    จะถิโถ คะหะตะเน อิติสุคโต อะระหังพุทโธ
    นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภูมะเทวา
    ขมามิหัง ปะโตเมตัง ปะระชีวินัง สุขะโตจุติ
    จิตะเมตะ นิพพานัง สุขะโตจุติ "
    คาถาดีที่หลวงปู่พิศด๔ทิ้งเอาไว้ให้ลูกหลาน
    ได้หมั่นสวดทุกวันครับ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  9. lotusbudth สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ตุลาคม 2020
    โพสต์:
    131
    ค่าพลัง:
    +155
    สาธุเจ้าค่ะ
     
  10. bat119 เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กันยายน 2009
    โพสต์:
    14,586
    ค่าพลัง:
    +30,872

แชร์หน้านี้