สาธุเจ้าค่ะ คุณธนแก้ว ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ีะ มีให้คุณเช่นกันนะค่ะ จำประสบการณ์ทุกคนไว้เป็นบทเรียน และอย่าทุกข์เพราะรักนะค่ะ รักใครก็ขอให้สมหวัง มีแต่ความสุขค่ะ
เว็บพลังจิต บุญอะไรที่ทำให้คนได้พบคู่ดี
ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย world500, 17 พฤศจิกายน 2008.
หน้า 5 ของ 8
-
-
-
เป็นคนขี้เหงา เข้าใจบ้างซิ มีใครบ้างเป็นห่วงเป็นใย
แล้วที่ฉันไม่สบายรู้หรือป่าว ข่าวคราวถามถึงกันไม่มีบ้างเลย
ทิ้งให้คนป่วยน้อยใจตามเคย นานเลยกว่าจะหาย -
ลองอ่านทุกความเห็นดูแล้ว รู้สึกว่า...
กระทู้นี้มีแต่คนอาภัพรักนะครับ...555++
เป็นกำลังใจให้ทุกท่านนะครับ... -
ลองฟังเรื่องกรรมพยากรณ์สิครับ ได้แง่คิดดีมาก
-
ขออนุโมทนากับคุณภัทรอังคารด้วยค่ะขอให้ธรรมรักษากายรักษาใจให้ถึงซึ่งพระนิพพานเทอญ
-
-
-
-
เอางี้ ดีกว่าค่ะ พี่ภัทร เป็นหญิงนั้นต้องใจแกร่งไว้เสมอ ต้องลุกขึ้นมาหยัดยืนให้ได้สิคะ อย่าใจอ่อน ใจต้องเข้มแข็งเข้าไว้ หักดิบมันไปเลยค่ะ ความรัก..ความลวง หนูส่ง pm ไปหาพี่แล้ว หักดิบเท่านั้นช่วยได้ค่ะพี่ -
เป็นกำลังใจให้นะครับ
ได้อ่านแล้วก็รู้สึกดีๆ เหมือนเป้นเรื่องของตัวเองก็ว่าได้ เลยเข้าใจความรู้สึกครับ
ความรักเหมือนเป็นความผูกพันที่เรียกร้องเราให้ออกไปตามหา... แต่การลาจากมันทรมานอย่างเป็นที่สุดเลยก็ว่าได้นะครับ
สำหรับผม ผมยอมรับว่าตั้งแต่สามารถเริ่มที่รู้สึกจะรักใครได้ ความรักของผมเบ่งบานอย่างมากและก็พยายามเสาะหาคนที่ใช่เพื่อการได้ครองคู่กัน หากได้เจอคนที่คิดว่าใกล้เคียงว่าใช้ คนเองทุ่มแรงไปกับความรักโดยทั้งหน้ามือและสว่างมาเรื่อยๆตามลำดับ แต่ก็มีแฟนแค่2คนเท่านั้น....
เพื่อนๆมักจะบอกว่าผมโรแมนติก ทั้งดอกไม้ การ์ดทำเอง ซ้อนแหวนในเค้ก อะไรเยอะแยะที่มันกรองออกมาจากใจ เพื่อคนๆหนึงที่เรารักเพราะต้องการเอาใจกันและกัน .... ไม่มอะไรมากกว่าการทำให้เค้ายิ้มได้ที่อยู่ด้วยกัน ....
แต่พอเวลามันมาถึง ทุกคนก็ต้องมีทางต้องไป อย่างผมเองก็ไม่ทราบอย่างแน่ชัดว่าทำไม ทั้งๆที่ไม่เลิกรัก ไม่มีคนใหม่ ไม่ได้เกลียดกัน แต่อยู่ไปแล้วดันมีความสุขและความทรมาน จนเค้าเดินจากไปและผมก็ไม่ได้ห้ามอะไร คงไม่ใช่เพราะความเบื่อแน่นอน
... ผมคิดว่าบางที บางคน เมื่อถึงเวลา คุณก็ต้องยอมรับมัน...
....ปัจจุบัน เวลาผมเห็นคำว่ารัก หรือเรื่องราวที่คนอื่นเล่า ผมมักจะยิ้มตาม แต่พอมองย้อนมาดูตัวเอง ผมบอกว่า ผมพอแล้วกับคำว่า...รัก.... แถมอธิฐานไม่อยากจะมีใครมากวนการปฏิบัติ ไม่ให้มีลูก หรืออะไรที่เป้นการผูกพัน หากแม้ชาตินี้ไม่สามารถเข้าถึงพระนิพพานได้...ผมไม่ได้คิดว่า อกหักรักคุดเลยหนีโลก เบื่อความเจ็บปวด ไม่ใช่เลย ..ดันคิดว่าน่ารักดีซะอีกกับคู่อื่นๆ ...ถ้าใครได้อารมณ์นี้คงจะเข้าใจ...
ผมก็พึงจะมาเข้าใจได้ไม่นานนี่แหละครับ ว่ามันน่าจะเพราะอะไร หลังจากเราได้ปฎิบัตมาเรื่อยๆ ก้าวหน้าบ้าง ก้าวหลังบ้าง ... ทำไมรักต้องรอ พอไม่หาแล้วมันมาเอง พอหาก็ไม่คบใครเลย ... ทำไมรักต้องสั้น...ทำไมเรารักเค้าที่เราแอบชอบไม่ได้ ....
มีใครเคยมีความรู้สึก อยู่ๆมันก็หายไปจากหัวใจ ถึงแม้จะไม่100เปอเซนกับคำว่าอยากรักใครและจูงมือกัน...แต่มันก็แห้งแล้งมากๆ ไม่ทรมาน ไม่มองหาใคร เหมือนกับว่าพอแล้ว หยุดได้แล้ว รักมากก้ทุกข์มาก...มนุษย์หนอ การจากการลา สูยเสียของรักมัน ทุกข์แต้ๆ....ฮือๆ
อ่านที่ตัวเองเขียนแล้วไร้สาระยังไงไม่รู 55 :cool: -
ดิฉันคิดว่าน่าจะเป็นกรรมเก่าที่เคยสร้างร่วมกันมา ทั้งกรรมดีและกรรมชั่ว จึงทำให้พบพาเป็นคู่กัน ใช้ชีวิตเวรใช้กรรมร่วมกัน
แต่เคยได้ยินว่า คนเรากว่าจะได้มาใช้ชีวิตร่วมกัน ร่วมเรียงเคียงหมอนกัน เป็นคู่ผัวตัวเมียกันในชาตินี้ ต้องทำบุญสร้างกรรมด้วยกันมาไม่รู้กี่ชาติต่อกี่ชาติเลยนะค๊ะ -
เรื่องบุญกรรมช่างซับซ้อนนัก
-
ก่อนอื่นต้องขอออกตัวไว้ก่อนนะครับว่า ผมไม่ได้มีเจตนาอะไรที่ไม่ดีหรือจะแนะจะสอนใคร ทั้งนี้การเสนอแนวคิดของผมก็เพียงเพื่อแบ่งปันวิธีคิดหรือแชร์ประสบการณ์ ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่ประสบความสำเร็จในเรื่องนี้คนหนึ่ง จากที่อ่านมาในหลายๆความคิดนี้ก็มักจะคล้ายๆกัน หากแต่ว่าบางครั้งตัวเรา ใจเรา จิตเรามุ่งเน้นเรื่อง เวรกรรมเก่ามากเสียจนลืมดูจิตของตัวเอง ไม่ว่าจะด้วยบุญเก่าก็ดี กรรมเก่าก็ดี แรงอธิษฐานก็ดี ล้วนแต่สืบเนื่องมาแต่ชาติปางก่อนการทำบุญหรืออาศัยแรงบุญเพียงเพื่อให้ได้พบเนื้อคู่ดีๆ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของกรรมดีหากแต่กรรมดีที่สร้างในชาตินี้น้อยนักที่จะส่งผลให้เห็นทันตาในชาตินี้จะมีเพียงเศษบุญที่เราสร้างส่งผลให้เรารู้สึกดีบ้างการทำกรรมดีเพื่อหวังให้ส่งผลถึงชาติหน้าหรือชาติไหนเป็นสิ่งที่ควรเพราะเราไม่สามารถบอกได้ว่าจะได้ใช้บุญที่สร้างไว้นั้นที่ชาติไหน หากทำแล้วนั้นสามารถสร้างแรงใจกำลังใจ หรือแรงบันดาลใจให้จิตใจผ่องใสขึ้นกว่าปัจจุบันที่เป็นอยู่นั่นถือว่าสมควรยิ่ง การไม่มีคู่หรือการพลัดจากคู่การอยู่แบบไร้คู่ นั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นอานิสงค์อันเนื่องมาจากบุญหรือกรรมเก่าเสียทีเดียว หากแต่ลองคิดลองพิจารณาดูว่ากรรมเหล่านี้อาจเกิดจากการกระทำในชาตินี้ เป็นไปได้หรือไม่ กรรมเก่า บุญเก่าที่ติดตัวมาเราโดยที่เราไม่สามารถหยั่งรู้ได้นั้นไม่ได้เป็นต้นเหตุแห่งปัญหา เพียงแต่เกิดจากการคาดเดาเอาว่ามันเกิดจากกรรมเก่า หากคิดเช่นนี้แล้ว กรรมเก่าบุญเก่า ก็คงเป็นเหมือนแพะที่ใครต่อใครก็คอยกล่าวหาและยกให้เค้าเป็นจำเลยจนลืมทำกรรมดีกันไป ลองหันมามองกรรมใหม่บุญใหม่ที่เกิดจากการกระทำของเราในชาตินี้กันบ้างดีหรือไม่ แล้วลองพิจารณาไตร่ตรองดู ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเองนั้น มันผิดมันพลาดที่ตรงส่วนใด เป็นไปได้หรือไม่ที่จริตของเขาและเราไม่ตรงกัน หากแต่ถ้าจริตนั้นตรงกันแล้วทำไมถึงต้องเลิกรากัน สังคมและความเป็นอยู่ สภาพแวดล้อม นิสัยส่วนตัว หรือแม้กระทั่งทิฐิ ที่สำคัญพื้นฐานทางจิตใจของแต่ละกันไม่เหมือนกัน การที่คู่บางคนสามารถอยู่กินกันจนแก่เท่าได้โดยที่เค้าไม่ได้ทำบุญเป็นเพราะอะไร จิตเรานี่สำคัญที่สุดอย่าโยนให้กับบุญหรือกรรมเสียอย่างเดียว กรรมแปลว่าการกระทำ ฉะนั้น เหตุเกิดจากอะไร เกิดจากการกระทำทั้งนั้น แล้วอะไรเป็นตัวสั่งให้เรากระทำ สติไม่ใช่หรือ สติเท่านั้นที่เป็นตัวสั่งให้เราทำ ไม่ว่าจะกรรมดีหรือกรรมไม่ดีก็อยู่ที่สติทั้งนั้น แต่เมื่อเป็นเช่นนี้เเล้วทำไมยังยึดติดกับอดีตยังยึดติดอยู่กับความรู้สึกเดิมๆจิตที่หดหู่ จิตที่ล้มเหลว จิตที่หม่อนหมองนั้นไม่สามารถทำให้เกิดปัญญาได้แต่คนเราก็มักจะยึด เกาะไว้เป็นหลักไว้เป็นเพื่อนคู่ใจ ลืมไม่ลง (ผมเองก็เช่นกัน) การคิดและยึดติดกับสิ่งเหล่านี้ไม่ได้เป็นผลดีกับตัวเราเองเลย มีแต่บั่นทอน เวลาที่คิดที่ฟุ้งซ่านนั้นลองใช้สติตั้งเป็นอารมณ์รู้แล้วเปลี่ยนความคิดที่ยุ่งเหยิง หม่นหมอง นั้นเป็นการแผ่เมตา แผ่ให้เค้าคนนั้นที่เราและเขาไม่สามรถไปด้วยกันได้รวมถึงเทวดาที่คุ้มครองดูแลรักษาเค้าคนนั้น จริงอยู่ที่ทำใจยากและลำบากแต่หากทำให้เป็นนิสัยจิตที่เคยหม่อนหมองนั้นจะบอกเราเองว่า เราควรคิดอย่างไร ทำอย่างไรและอยู่อย่างไร อย่าปล่อยให้อารมณ์มาอยู่เหนือจิต แต่เราต้องให้จิตอยู่เหนืออารมณ์ การแบกทุกข์นี้ไว้ “เหมือนน้ำหนึ่งแก้วที่เราถือไว้ ทั้งๆที่รู้ว่ามันก็ไม่หนักมากมายอะไรเลย แต่ถ้าเราถือมันไว้เป็นเวลานานล่ะจะเป็นเช่นไร” เช่นเดียวกันความทุกข์ที่มีอยู่หากเราเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยแต่ความเล็กน้อยนี่เองที่เป็นตัวบั่นทอนจิตใจ ปล่อยวางกันดีมั้ย เพื่อนและคนที่ดียังมีอีกถมไปถ้าเราให้โอกาสและที่สำคัญก่อนที่จะเปิดโอกาสให้ใครเราต้องเปิดโอกาสให้ จิต ใจและสติของตัวเราเองก่อน…
-
การที่จะพบคู่ดีนั้นต้องแล้วแต่บุญเสมอกันด้วย ถ้าเรามีบุญจากการทำความดีเช่นการที่เลี้ยงดูพ่อแม่หรือเป็นคนใจบุญอยู่ในศีลในธรรมนั้นแล้วก็จะทำให้มองเห็นถึงนิสัยของผู้ที่จะมาเป็นคู่ของเราออกว่าเขาเป็นคนดีจริงหรือไม่ ดีแบบเดี่ยวเดียวหรือดีถาวรนั้นก็เป็นผลของบุญในตัวเราที่ได้ก่อร่างสร้างไว้ส่วนหนึ่ง แต่การที่เราเป็นคนดีนั้นก็สามารถได้คู่ดีแน่นอนไปกว่าเกินครึ่งแล้วหล่ะคะ นอกเสียจากจะเกิดกรรมผูกพันธ์เก่าก่อนที่เราทำไว้ในอดีตชาติที่เราไม่ทราบกำลังส่งผลให้เราต้องเจอคู่ที่อยู่กันไม่ยืดยาว ก็ขอให้ทำใจคิดเสียว่าเป็นการชดใช้กรรมเก่าเสียคะ แล้วเราก็มุ่งมั้นทำความดีต่อไปในชาตินี้คะ ปล่อยว่างในกองทุกข์เรื่องคู่ไปซะ ที่มีคู่ดีอยู่แล้วก็ทำใจกลางๆไว้ก่อน เพราะชีวิตนั้นเป็นของไม่แน่นอน ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงได้เสมอคะ ถ้าวันหนึ่งของที่คิดว่าดีกลับกลายเป็นเป็นของไม่ดีขึ้นมาหล่ะก็จะได้รู้เท่าทันอารมณ์ของเราคะ
-
-
-
-
นโมโพธิสัตโต ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ผู้ดูแลเว็บบอร์ด สมาชิก Premium
ข้อความของคุณเซฟาโร่
เป็นการตั้งจิตใจ ลงในปัจจุบันธรรม
...ผมก็เห็นเช่นนั้นครับ เราโยนให้อดีตทั้งหมดไม่ได้ ปัจจุบันทำดีที่สุด เพื่อประโยชน์ปัจจุบันและอนาคต...ทั้งทางโลกและทางธรรม
..ต่อให้คนที่เคยรักกันมามากกี่ชาติ มาเจอกันอีก แล้วฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่คงคุณธรรมอันเป็นเครื่องปลูกไมตรี ปลูกความรัก ความพอใจ ความเคารพนับถือ แก่กันแล้ว
ก็ต้องพังกัน ชาตินี้ ปัจจุบันนี้เลยครับ..
และ จิตผ่องใส เหนืออารมณ์ได้บ่อยๆ ทำให้เราตั้งสติสัมปชัญญะ ได้ว่า
ควรจัดการทุกสิ่งอย่างไร ให้ดีที่สุด ในความเป็นคน ของ เรา
..ต่อให้มีบางสิ่งคอยบอก คอยช่วยให้เป็นต่างๆนาๆ
แต่หากใจไม่มีสติสัมปชัญญะ เหนืออารมณ์ จนจิตผ่องใสได้เร็วแล้ว
ตัวเรานั่นเองแหละ ที่จะทำทุกอย่างพัง ( ผมเอง ก็เคยพลาดมาเอง เช่นกัน )
อนุโมทนา สาธุครับ
[MUSIC]http://palungjit.org/attachments/a.840232/[/MUSIC] -
หน้า 5 ของ 8