บุพกรรมของพระสีวลี

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ariyabut, 11 กรกฎาคม 2010.

  1. ariyabut

    ariyabut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +2,415
    [​IMG]

    พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ยกย่องพระสีวลีเถรเจ้าด้วยพระวาจาว่า “ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็นสาวกของเราตถาคต พระสีวลีเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลาย เป็นผู้บริบูรณ์ด้วยลาภ”

    และตามคัมภีร์มโนรถปูรณี ในเรื่องของพระสีวลีก็ได้กล่าวไว้ว่ายกเว้นแต่พระตถาคตเจ้าแล้ว ไม่มีผู้ใดเลิศด้วยลาภเหมือนพระสีวลีเถรเจ้า

    ในอดีตชาติ (ครั้งพุทธกาลแห่งพระวิปัสสีสัมมาสัมพุทธเจ้า) มีกุลบุตรผู้หนึ่งได้เกิดในบ้านเล็ก ๆ ตำบลหนึ่งใกล้เมืองพันธุมดี ในสมัยนั้นชาวเมืองกับพระราชาได้จัดการถวายทานแด่พระวิปัสสีพระพุทธเจ้าเป็นการแข่งขัน

    วันหนึ่งพวกชาวเมืองเตรียมจะกวายทานก็ได้พบว่าในทางของพวกตนนั้นขาดน้ำผึ้งและเนยแข็ง จึงได้จัดคนส่งออกไปหาน้ำผึ้งกับเนยแข็ง โดยคอยดักดูผู้คนจากชนบทที่เดินทางเข้าเมืองว่าผู้ใดมีสิ่งที่พวกตนต้องการบ้าง

    บังเอิญวันนั้นกุลบุตร (คือพระสีวลีในชาติต่อมา) ก็จะเดินทางเข้าเมือง โดยนำกระบอกเนยแข็งมาด้วยหมายจะแลกสิ่งของในเมือง แต่ระหว่างทางก่อนจะเข้าเมือง ในที่นั้นได้พบรวงผึ้งรวมหนึ่งโตขนาดงอนไถ

    เมื่อเดินทางเข้าสู่เมือง ชาวเมืองจึงได้ขอซื้อในราคาถึงหนึ่งพันมหาปนะ ซึ่งทำความแปลกใจให้กุลบุตรเป็นอย่างมาก เพราะลำพังเนยแข็งกับน้ำผึ้งไม่ใช่ของมีราคาเพียงนี้ จึงทำเป็นไม่ขาย เพื่อใคร่รู้ราคาที่แท้จริง ชาวเมืองเกรงจะแพ้พระราชา จึงขึ้นราคาให้ถึงสองพันมหาปนะ

    พอรู้ว่าจะไปถวายทานแด่พระวิปัสสีพระพุทธเจ้า ก็เกิดความคิดว่า ตนเองมีสิ่งของที่เป็นของสำคัญในการถวายทาน ก็ควรจะเป็นผู้ถวายทานครั้งนี้ด้วย จึงบอกกับชาวเมืองว่าตนไม่ขายแล้ว แต่จะขอร่วมถวายทานด้วยมือของตน

    [​IMG]


    ครั้นถวาย เมื่อพระวิปัสสีพระพุทธเจ้า ทรงรับทานของกุลบุตรแล้วก็อธิษฐานว่า อย่าให้น้ำผึ้งของกุลบุตรหมดไปจนกว่ากุลบุตรจะได้ถวายทานแด่พระภิกษุสงฆ์ครบทุกองค์ ซึ่งทำให้กุลบุตรได้ใส่บาตรด้วยน้ำผึ้งครบทุกองค์ และได้ขอพรจากพระวิปัสสีพระพุทธเจ้าว่า

    “ด้วยผลแห่งกุศลที่ตนได้กระทำ ขอให้ตนเองเป็นผู้เลิศด้วยลาภเถิด” พระองค์ก็ทรงอนุโมทนาให้ ต่อมากุลบุตรนั้นก็ได้สร้างกุศลอยู่เสมอจนสิ้นชีวิต

    ครั้นในชาติต่อมาคือในสมัยพระโคดมสัมมาสัมพุทธเจ้าของเรานี้ กุลบุตรนั้นถือปฏิสนธิในพระครรภ์ของพระนางสุปปวาสาธิดาแห่งโกลิยวงศ์ พระนางต้องทรงพระครรภ์ถึง 7 ปี 7 เดือน มิได้ประสูตรพระกุมาร พระนางต้องได้รับทุกขเวทนาในการเจ็บพระครรภ์เป็นอย่างมาก พระนางจึงให้พระสวามีไปกราบถวายบังคมพระศาสดา

    พระองค์ก็ทรงตรัสประทานพรให้ว่า “พระนางสุปปวาสา ผู้เป็นพระราชธิดาของพระเจ้ากรุเทวทหะ จงเป็นหญิงมีความสุขปราศจากโรคาพยาธิ ประสูติพระราชบุตรผู้หาโรคมิได้เถิด”
    ครั้งครบ 7 วันแล้วก็ทรงประสูติได้อย่างง่ายดายเปรียบประดุจน้ำไหลออกมาจากหม้อ ด้วยอำนาจแห่งพุทธานุภาพ และในระหว่างที่พระนางทรงครรภ์อยู่นั้น ก็บริบูรณ์ไปด้วยลาภสักการะ ด้วยมีผู้นำมาถวายทั้งเช้าและเย็น

    พระนางทรงใช้สอยไปอย่างๆก็ไม่รู้จักพร่อง ทั้งนี้เป็นด้วยอำนาจของบุญกุศลของบุตรที่อยู่ในครรภ์ อันเนื่องมาจากศุภนิมิตอันเป็นมงคลนี้พระญาติทั้งหลายจึงได้ถวายพระนามพระโอรสของพระนางว่า "สิวลีราชกุมาร"

    เนื่องจากพระสีวลีราชกุมาต้องอยู่ในครรภ์ถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน พอประสูติออกมาจึงมีความรู้มาก ในวันที่เจ็ดพระสารีบุตรได้สนทนากับพระสีวลี พระนางสุปปวาสาเห็นพระโอรสประสูติได้เจ็ดวันก็พูดได้ก็ถามพระสารีบุตรว่า

    พระสีวลีกล่าวว่าอย่างไร พระสารีบุตรตอบว่า พระสีวลีบอกถึงการระลึกถึงทุกข์ที่อยู่ในครรภ์ตลอดมา ถ้าหากได้รับอนุญาตให้บรรพชาก็จะขอบรรพชา พระนางก็ทรงอนุญาต

    ขณะเมื่อบรรพชาพระสารีบุตรได้สอนให้พระสีวลีพิจารณาถึงทุกข์ที่อยู่ในครรภ์ โดยให้พิจารณาเป็นทุกข์ลักษณะขึ้น ครั้นในขณะที่จรดมีดโกนเพื่อปลงผมในครั้งแรกนั้น พระสีวลีก็ได้สำเร็จโสดาปัตติผล เวลาจรดมีดลงในครั้งที่สองก็ได้สกิทาคามิผล และได้อนาคามิผลในเวลาโกนผมเสร็จ คือพอหมดศีรษะก็สำเร็จเป็นพระอรหันต์ขีณาสพ

    นับแต่พระสีวลีได้บรรพชาแล้ว ก็มีปัจจัยลาภเกิดแก่หมู่สงฆ์ ตามปรารถนาเสมอมา แม้นท่านจะไปอยู่ที่ไหนจะไปอยู่ที่ใด ๆ แม้นแต่พระพุทธเจ้าจะเสด็จพาพระสงฆ์ไปในที่กันดารก็ยังต้องเอาท่านไปด้วย มีอยู่คราวหนึ่งพระพุทธเจ้าเสด็จไปกรุงสาวัตถี พระสีวลีได้ทูลขอทดลองในบุญของท่าน โดยขอพระภิกษุสงฆ์ 500 องค์ พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตครั้งนั้น

    เทวดาที่สิงสถิตอยู่ที่นั้นก็ได้ถวายทานแก่พระภิกษุสงฆ์ทั้ง 500 องค์นั้น โดยมีพระสีวลีเป็นประธานอยู่ตลอด 7 วัน จากสาเหตุนั้นเอง สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตั้งพระสีวลีไว้ในตำแหน่งอันเลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้ถึงซึ่งความเลิศด้วยลาภในพระพุทธศาสนา หลังจากนั้นพระสีวลีก็ดำรงชีวิตอยู่ถึงอายุขัยของท่าน แล้วก็เสด็จเข้าสู่นิพพาน

    ส่วนในคัมภีร์พระธรรมบทนั้น กล่าวถึงสาเหตุที่พระนางสุปปวาสารทรงตั้งครรภ์อยู่ถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน นั้นก็เนื่องมาจากบุพกรรมในอดีตชาติเมื่อครั้นเสวยชาติเป็นพระราชา ได้ทรงยกกองทัพไปล้อมเมือง โดยชาวเมืองนครนั้นที่ถูกล้อมนั้น ได้เข้าออกเพื่อนำฟืน และน้ำเป็นต้นจากภายนอกทางประตูเล็กของนคร

    [​IMG]

    พระธาตุ พระสิวลี


    จึงสามารถครองตนอยู่ได้แม้ถูกข้าศึกล้อมอยู่ ถึง 7 ปี 7 เดือน 7 วัน พระราชชนนีจึงแนะนำพระราชา(พระสีวลีในอดีต)ว่าให้ปิดประตูเล็กเสีย พระราชาทรงปฏิบัติตาม เมื่อชาวเมืองออกไปภายนอกไม่ได้ จึงปลงพระชนม์พระราชาของตนเองเสียในวันที่ 7 แล้วถวายราชสมบัติแก่พระราชา(พระสีวลีในอดีต)นั้น

    ด้วยบุพกรรมนี้ติดตามมาสนองท่านพร้อมกับพระมารดาพระนางสุปปวาสาในชาตินี้

    ที่มา : หนังสือ"พระปัจเจกพุทธเจ้า"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กรกฎาคม 2010
  2. น้ำดี1

    น้ำดี1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    13,402
    ค่าพลัง:
    +43,432
    พระธาตุพระสิวลีสวย ๆ มากทุกองค์เลยค่ะ
     
  3. อรชร

    อรชร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 เมษายน 2010
    โพสต์:
    1,768
    ค่าพลัง:
    +11,465
    [​IMG]

    อภิวาทวันทา
    อนุโมทนา สาธุ...สาธุ...สาธุ...
    อนุโมทามิ
     
  4. chai9000

    chai9000 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    65
    ค่าพลัง:
    +591
    นะชาลีติ ประสิทธิลาภา ภวันตุ เม .

    โมทนา สาธุ สาธุ สาธุ อนุโมทามิ. :cool:
     
  5. ติงติง

    ติงติง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มีนาคม 2009
    โพสต์:
    38,275
    ค่าพลัง:
    +82,733
    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=message align=left colSpan=2>
    อิมินา สักกาเรนะ สีวะลีเถรัง อภิปูชะยามิ

    เมื่อบูชาแล้วกำหนดภาวนาในใจว่า
    "สีวะลี จะ มหาเถโร อินโท พรัมมาจะ ปูชิตัง สัพพะลาภัง
    ประสิทธิเม เถรัสสะ อานุภาเวนะ สัพะโสตถี ภะวันตุเม ฯ"
    พระสีวลีหรือพระฉิมนี้ มีไว้ประจำบ้าน
    สถานที่ของตนหรือประจำตัวจะเป็นสิริมงคล
    เป็นเมตตามหานิยมและป้องกันภัยอันตราย
    ผู้หมั่นสักการบูชาอยู่เสมอ
    จะเจริญด้วยลาภ ถ้าไปค้าขายหรือไปหาลาภ
    ภาวนาคาถาพระฉิมนี้เป็นอารมณ์ไปก็ยิ่งดี

    คำอธิฐานขอลาภจากพระสีวลี
    (แต่งโดยหลวงพ่อเกษม เขมโก แห่งสุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง )
    คำไหว้บูชาขอลาภจากพระสีวลีเถระ มีดังนี้
    ตั้ง นะโม ๓ จบ
    สิวะ ลีมะหา เถรัง วันทามิหัง (ว่า ๓ จบ) แล้วว่า
    มะหาสิวะลี เถโร มะหาลาโภ โหติ
    มะหาสวะลี เถโร ลาภัง เม เท ถะ
    </TD></TR><TR><TD colSpan=2>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 กรกฎาคม 2010
  6. ดาวจรัสแสง

    ดาวจรัสแสง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 ตุลาคม 2009
    โพสต์:
    542
    ค่าพลัง:
    +3,015
    ชอบอ่านพุทธประวัติ อัครสาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามากค่ะ กำลังไล่อ่านไล่ฟังประวัติท่านที่ประพฤติดี ประพฤติชอบ บรรลุโสดาบัน เป็นพระอรหันต์ ทั้งสนุกและได้ข้อคิดในแนวทางธรรมะ อ่านไป ฟังไป น้ำตาคลอไป(อินค่ะอิน โดยเฉพาะประวัติของพระอานนท์ ให้สุรเสียงการอ่านโดยพระบรมราชินีนาท ซาบซึ้งมากค่ะ)

    นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ทราบประวัติของพระสีวลี ไม่ทราบว่ามีเวชั่นที่ยาวกว่านี้ไหมคะ? แห่ะๆ เป็นคนชอบอ่านน่ะค่ะ

    กราบขอบพระคุณในการให้ธรรมทาน และ ขออนุโมทนาสาธุค่ะ
     
  7. ariyabut

    ariyabut เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +2,415
    ถ้าจิต เราละเอียด เราก็จะสามารถ เข้าถึงธรรมมะ ที่ละเอียดขึ้นได้ นะ
    เรื่อง ประวัติ นี่ ถ้าสนใจ ผมมีทุก หลายเวอร์ชั่น ครับผม บอกได้เลย ครับ อยากอ่านของใคร
     

แชร์หน้านี้

Loading...