หลวงปู่กาหลงละสังขารแล้ว
ท่านละสังขารเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา หลวงปู่กาหลงท่านเป็นพระอริยะผู้มีจริยาวัตรงดงาม เมตตาต่อลูกหลานไม่เลือกที่รักที่ชัง วัตถุมงคลทุกชิ้นของท่านได้ประจักษ์ว่าศักดิ์สิทธิ์เหนือคำบรรยาย ท่านไม่ใช่พระเล่นของ หากแต่เป็นพระผู้มากด้วยพรหมวิหารสี่และมากด้วยอุบายดึงมนุษย์ที่เต็มไปด้วยกิเลสต่างๆนาๆ เดินเข้าสู่เส้นทางธรรมะของพระพุทธองค์อย่างแท้จริง
ขอกราบแทบเท้าหลวงปู่ด้วยอาลัย
บ้านป้าแน๊ต - ธรรมะ..ธรรมชาติ..ธรรมดา
ในห้อง 'จักรวาลคู่ขนาน' ตั้งกระทู้โดย pinkdemon, 16 เมษายน 2009.
หน้า 63 ของ 86
-
:z7คิดถึงป้าแน๊ตจังเลย
เรื่องบอกบุญกฐินที่จะบูรณะวัดไปถึงไหนแล้วคะ
ช่วยแจ้งให้ผู้มีจิตศัทธาทำบุญร่วมกันทราบด้วย
เจ้าค่ะ wel lcome_mokey -
hello
everyone ,now i am in swiss for 2 nights,will go to paris on saturday stay for 2 nights,and then to belgium and go back to thailand on 22 in the morning,how are u? eveybody, i am fine and very happy i miss thai food verz much i wnt to eat noodle and som tum and tomyum
thai food in denmark is very expensive i order krapao kai ,kaidao it cost 850 baht oh my god coke 1 bottle price is 150 baht ,i want to go home
miss all of u -
คิดถึง นะ
ของฝาก
ไม่ต้อง (มาก)
55555555555 -
-
-
บูรณะวัดน้อยนอก ลงสื่อไปพอสมควรแย้ว มีดาราร่วมพอควรค๊า -
-
-
--- ตอนนี้หมดอาไรตายอยาก เซ็งๆๆๆๆๆ ---
-
-
-
-
(good)(good)(good)(good)jaah
-
-
ป้านะอยู่ใจเสมอคับ ศิราณีของไอ้บอสโดยแท้
ร๊ากน่า จุ๊บ จุ๊บ -
Day 1 : พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสว่า บุคคลเปรียบด้วยบัว 4 เหล่า
พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสว่า บัวมี 4 เหล่า
เรามักได้ยินได้ฟังเสมอที่มีผู้พุดว่า “เปรียบด้วยพระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลเปรียบด้วยดอกบัว 4 เหล่า ขอเน้นตรงที่ “พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลเปรียบด้วยดอกบัว 4 เหล่า”
<O:pอันนี้ที่พระพุทธเจ้าตรัสจริงๆ เป็นดอกบัว 3 เหล่า เท่านั้น 4 เหล่าไม่มี ที่ 4 เหล่านั้นเป็นเนื้อความในอรรถกถาหลายแห่งเหมือนกันที่ท่านอธิบายบุคคล 4 จำพวก<O:p
บุคคล 4 จำพวกที่พระพุทธเจ้าตรัสทรงแสดงไว้ในคัมภีร์อังคุตรนิกาย จตุกนิบาต พระไตรเล่ม 21 ข้อ 133
<O:p</O:p
ประเภทที่ 1 อุคติตัญญู คือ คนที่รู้อะไรได้เร็ว เพียงแต่ยกหัวข้อขึ้นแสดงก็รู้ได้ อย่างที่พระอัสสชิแสดงธรรมแก่พระสารีบุตรหรือท่านอุปติสสะ ตอนนั้นยังเป็นพวกปริพาชกอยู่ พระอัสสชิยกหัวข้อขึ้นแสดงเพียงแต่ว่า “ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าตรัสเหตุของธรรมนั้น และความดับของธรรมเหล่านั้นเพราะเหตุดับไป พระมหาสมณะคือ พระพุทธเจ้า มีปกติตรัสอย่างนี้” <O:p</O:p
เพียงเท่านี้ท่านอุปติสสะหรือพระสารีบุตในกาลต่อมาก็ได้สำเร็จโสดาปัตติผล
<O:p</O:p
ประเภทที่ 2 วิปจิตัญญู ต้องจำแนกแจกแจงหัวข้อให้ละเอียดแล้วจึงจะเข้าใจ เพียงแต่ยกหัวข้อขึ้นแสดงธรรมไม่สามารถเข้าใจได้ ไม่สามารถจะรู้ธรรมดไ ต้องแจงหัวข้ออกไปให้ละเอียด
</O:p
ประเภทที่ 3 เนยยะ เป็นพวกที่พอแนะนำได้ เป็นเวไนยโย เป็นบุคคลที่พอแนะนำได้ ต้องคอยพร่ำสอนกันไปเรื่อยๆ บ่อยๆ
<O:p</O:p
ประเภทที่ 4 ปทปรมะ แปลว่า มีบทเป็นอย่างยิ่ง คือ สอนให้รู้อะไรมากไม่ได้ พอรู้ได้บ้างเล็กน้อย
<O:p</O:p
นี่คือสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงบุคคล 4 จำพวกเอาไว้ ทีนี้ พระอรรถกถาจารย์ไปอธิบาย 4 จำพวกเปรียบด้วยดอกบัว 4 เหล่า
<O:p</O:p
บุคคลประเภทที่ 1 เปรียบเหมือนดอกบัวที่โผล่พ้นน้ำแล้ว รอรับแสงอาทิตย์พร้อมที่จะบาน เมื่อรับแสงอาทิตย์ก็บาน
<O:p</O:p
บุคคลประเภทที่ 2 เปรียบเหมือนดอกบัวที่อยู่เสมอน้ำ ซึ่งจะโผล่มาพ้นน้ำในวันต่อไป
<O:p</O:p
บุคคลประเภทที่ 3 เปรียบเหมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ จะโผล่มาพ้นน้ำในวันต่อไป
<O:p</O:p
บุคคลประเภทที่ 4 เปรียบเหมือนดอกบัวที่ติดตม หรือดอกบัวใต้ตม ซึ่งจะตกเป็นอาหารเหยื่อของปลาและเต่า
<O:p</O:p
อันนี้เป็นคำอธิบายของพระอรรถกถาจารย์ มีในอรรถกถาหลายแห่ง เช่น อรรถกถาทีฑนิกาย อรรถกถามัชฌินิกาย อรรถกถาสังยุตนิกาย ก็ปรากฏพระอรรถกถาจารย์อธิยายไว้
<O:p</O:p
แต่ที่พระพุทธเจ้าทรงปรารภจริงๆ นั้น ท่านปรารภถึงดอกบัว 3 เหล่าเท่านั้น ไม่มีเหล่าที่ 4!
<O:p</O:p
ในวินัยปิฎกเล่ม 4 ข้อ 9 พระค้นธรจนาจารย์ได้เล่าถึงพุทธประวัติสั้นๆ ย่อๆ มาถึงตรงที่พระพุทธเจ้าทรงพิจารณาที่จะไปโปรดหมู่สัตว์ ซึ่งหมู่สัตว์ทั้งหลายมีอินทรีย์แก่บ้าง อ่อนบ้าง มีปัญญาที่จะพอแนะนำได้เร็วบ้าง แนะนำได้ช้าบ้าง มีอาการดี มีอาการทรามบ้าง พอสอนให้รู้ได้ง่ายบ้าง สอนให้รู้ได้ยากบ้าง เปรียบเหมือนดอกบัวซึ่งมี 3 เหล่า คือ เหล่าที่ 1 ก็โผล่ขึ้นมาพ้นน้ำ เหล่าที่ 2 ก็อยู่ปริ่มน้ำ เหล่าที่ 3 ก็อยู่ใต้น้ำ มีเท่านี้ ดอกบัวที่อยู่ติดตมไม่มี พระพุทธเจ้าไม่เคยปรารภ ไม่เคยตรัสถึง ไม่เคยพูดถึง
<O:p</O:p
ทีนี้ในพระไตรปิฎกเล่ม 12 มัชฌิมกาย มูลปัณณาสก์ ข้อ 323 ชื่อ ปาสราสิสุตร พระพุทธเจ้าทรงเล่าเอง ทรงเล่าความเป็นมาของพระองค์ตั้งแต่ปรารภที่จะเสด็จออกบรรพชา เรื่อยมาจนถึงตรงนี้ คือ ทรงปรารภที่จะโปรดสัตว์ พระพรหมทรงอาราธนาให้แสดงธรรม ในมัชฌิมนิกาย มัชฌิมปัณณาสก์ พระไตรปิฏกเล่ม 13 ข้อ 115 ก็มีข้อความเหมือนกัน และปรากฏในสังยุตนิกาย สคาถวรรค พระไตรปิฎกเล่ม 15 ข้อ 557 อันนนี้ พระคันธรจนาเป็นผู้เล่า
<O:p</O:p
ตกลงว่าที่พระพุทธเจ้าทรงเล่ามี 2 แห่ง คือ ในปาสราสิสุตร พระไตรปิฎก เล่ม 12 กับโพธิราชกุมารสูตร พระไตรปิฎกเล่ม 13 นอกนั้นเป็นคำที่พระคันธรจนาจารย์ผู้รจนาคัมภีร์ได้เล่าเอาไว้ แต่เนื้อหาเหมือนกันทั้ง 4 แห่ง ที่ยกมาเป็นตัวอย่างนี้เพียงแต่ปรากฏอยู่ในที่ต่างกัน พระพุทธเจ้าทรงเล่าเองบ้าง พระคันธรจนาจารย์เป็นผู้เล่าบ้าง
<O:p</O:p
คราวนี้ลองมาพิเคราะห์ดูที่เราพูดกันทั่วไปเกือบทั้งบ้านทั้งเมือง “พระพุทธเจ้า ตรัสว่า บุคคลเปรียบเหมือนดอกบัว 4 เหล่า” นี่คงเอามาจากอรรถกถาที่พระพุทธเจ้าตรัสจริงๆ หรือแม้แต่พระคันธรจนาจารย์เล่า แต่ปรากฏว่าพระพุทธเจ้าทรงปรารภก็จะเป็นดอกบัว 3 เหล่าตลอด ไม่เป็นดอกบัว 4 เหล่า
<O:p</O:p
มาวินิจฉัยตรงปทปรมะ ที่เปรียบเหมือนดอกบัวติดตม มีแต่จะเป็นเหยื่อของปลาและเต่าตามที่ว่าไว้ในอรรถกถา สำหรับดอกบัวนั้นเป็นไปได้ที่มันอยู่ติดตม ก็จะเป็นเหยื่อของปลาและเต่า แต่พอเรามาพิจารณาถึงบุคคล บุคคลที่เกิดมาแล้วพัฒนาได้มันจะไม่สูญไปเลยเหมือนดอกบัวเหล่าที่ 4 ดอกบัวเหล่าที่ 4 พอปลาหรือเต่ากินแล้วมันจะสูญไปเลย
<O:p</O:p
แต่บุคคลประเภทปทปรมะนี้ไม่ได้หมายความว่า ให้เราทิ้งบุคคลประเภทนี้ สอนได้ยาก รู้อะไรได้ยาก แต่สอนได้ คนทุกจำพวกสอนได้ จะสอนได้เร็ซ สอนได้ปานกลาง หรือสอนได้ช้าก็ตาม สมมติว่า ในชาตินี้เขาเกิดมาเป็นปทปรมะ รู้อะไรได้ช้า สอนให้รู้ได้ช้า แต่ในโอกาสต่อไปเขาค่อยๆ พัฒนาขึ้นทีละน้อยๆ เขากลายเป็นคนฉลาดได้ คือ มนุษย์เรานี้ บางชาติก็ฉลาด บางชาติก็โง่ ดูตัวอย่างพระจูฬปันถก บางชาติก็ฉลาด บางชาติก็โง่แสนโง่ ในชาติที่สำเร็จเป็นพระอรหันต์ก็โง่เหลือเกินเกือบจะเป็นปทปรมะทีเดียว แต่เสร็จแล้วพระพุทธเจ้าก็ทรงโปรดให้สำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้
<O:p</O:p
เพราะฉะนั้น คิดว่าพระพุทธเจ้าทรงแสดงบุคคลประเภทที่ 4 คือ ปทปรมะก็จริง แต่ไม่น่าจะเปรียบด้วยดอกบัวเหล่าที่ 4 ซึ่งจะต้องเป็นเหยื่อของปลาและเต่า เพราะว่า ดอกบัวเกิดมาแล้วอยุ่ติดตม และถ้าเป็นอาหารของปลาและเต่าก็หายไปเลย ปรากฏไม่ได้ แต่คนเราพัฒนาได้ อย่างที่เรียนให้ทราบแล้วว่า บางชาติจะเป็นคนโง่ บางชาติจะเป็นคนฉลาด หรือคนที่โง่มาก่อน ถ้าพัฒนาให้ถูกต้องก็จะต้องค่อยๆ ฉลาดขึ้นได้ทำนองนี้ ทางพุทธศาสนาไม่ได้สอนให้เราทอดทิ้งบุคคลประเภทนี้ แต่ให้ค่อยๆ สอนไป แล้วเขาก็จะดีได้เหมือนกัน อันนี้เป็นวินิจฉัยของ อ.วศิน สำหรับเรื่องดอกบัว 3 เหล่า หรือ 4 เหล่า
<O:p</O:p
ขอได้โปรดจำไว้เพียงว่า อย่าพูดว่า พระพุทธเจ้าตรัสว่า บุคคลเปรียบด้วยดอกบัว 4 เหล่า ถ้าเปรียบด้วยดอกบัวก็เปรียบด้วยดอกบัว 3 เหล่า พระพุทธเจ้าไม่เคยตรัสว่า บุคคลเปรียบด้วยดอกบัว 4 เหล่า แต่ถ้าจะพูดว่า เปรียบเทียบด้วยดอกบัว 4 เหล่า ก็ไม่พูดว่า พระพุทธเจ้าเป็นผู้ตรัส เป็นแต่เพียงว่า เป็นข้อความที่ปรากฏในอรรถกถา
<O:p</O:p
(จากหนังสือ สิ่งที่ควรทำความเข้าใจกันใหม่ เพื่อความถูกต้อง / ธรรมลีลา หน้า 17 / อ.วศิน อินทสระ)<O:p</O:p
-
;ปรบมืà¸;ปรบมืà¸;ปรบมืà¸
แจ่มแจ้ง แดงแจ๋คับป้า
ทำให้เกิดปํญญาเพิ่มขดหยักในสมองผมอีก 1 ขดหยัก แล้วจะมาอ่านทุกวันนะคับ เผื่อจะพ้นน้ำกับเขาบ้าง
-
วันที่: วันพฤหัสบดี, 3 กันยายน 2009 16:15 น. ข้อมูลนี้เพิ่งได้รับมาเมื่อวานเมื่อทำการทดลองแล้วปรากฏว่าต้องทิ้งลิปสติกไปทั้งหมด 5 แท่ง
เพราะเป็นดิออร์ 4 แท่ง เอสเต้ 1 แท่ง 2 ใน 5 แท่งยังไม่ได้ใช้เลยเสียดายมาก
แต่บังเอิญใส่แหวนทองคำมาจึงลองทดสอบถู ๆ แล้วก็พบว่าสีลิปติกเปลี่ยนเป็นสีดำอย่างน่ากล้ว
เพื่อสุขภาพจึงโยนลงถังขยะ ตอนแรกบอกน้องที่ทำงานเขาบอกน่าจะเป็นกลยุทธ์การทำลายคู่แข่ง
แต่ปรากฏว่าลองทดสอบมีของน้องที่ทำงานเขามีลิปสติกยี่ห้อไม่ดังจากญี่ปุ่นทดสอบแล้วไม่เปลี่ยนสี เขาจึงเชื่อข้อมูลดังกล่าว
ก่อนตัดสินใจซื้อลิปสติกควรทดลองก่อนนะคะเพราะลิปสติกอยู่บนทวารหนึ่งใน 5 ของร่างกายเรา
ดังนั้นเราไม่ควรเอาสารก่อมะเร็งใส่ในร่างกายเราโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์นะคะ
ข้อมูลข้างล่างนี้สำหรับผู้ที่ใช้ลิปสติคและแหวนทองคำ
ยากที่จะคิดว่าสองสิ่งนี้เกี่ยวข้องกันได้อย่างไร
หากลิปสติคไม่มีความปลอดภัยอีกต่อไป อะไรจะเกิดขึ้นตามมา ? ตราสินค้าไม่ได้หมายถึงทุกสิ่งทุกอย่าง
เมื่อเร็วๆนี้ ตราสินค้าที่มีชื่อว่า ' Red Earth' ได้ลดราคาสินค้าจาก $67 ลงมาเหลือเพียง $9.90 เนื่องจากพบว่ามีตะกั่วเป็นส่วนผสม ซึ่งตะกั่วเป็นสารที่เป็นต้นเหตุของการเกิดมะเร็ง
ตราสินค้าที่คาดว่าจะมีตะกั่วเป็นส่วนผสม คือ :
1. CHRISTIAN DIOR
2. LANCOME
3. CLINIQUE
4. Y.S.L
5. EST EE LAUDER
6. SHISEIDO
7. RED EARTH (Lip Gloss)
8. CHANEL (Lip Conditioner)
9. MARKET AMERICA- MOTNES LIPSTICK
สินค้าที่มีตะกั่วเป็นส่วนผสมยิ่งมาก ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะก่อให้เกิดมะเร็งได้มากขึ้น หลังจากการทดสอบลิปสติคหลายแท่ง พบว่า ลิปสติคของ Y.S.L. มี ส่วนผสมเป็นตะกั่วมากที่สุด ระวังการใช้ลิปสติคที่ติดได้ทนนาน เพราะลิปสติคที่ติดได้ทนนานของคุณ เป็นเพราะมันมีส่วนผสมของตะกั่วอยู่นั่นเอง คุณสามารถทำการทดสอบได้ด้วยตัวเองโดย
1. ทาลิปสติคลงบนมือของคุณ
2. ใช้แหวนทองคำถูลงบนลิปสติคนั้น
3. ถ้าลิปสติคเปลี่ยนเป็นสีดำ
4. คุณก็รู้ได้ว่าลิปสติคนั้นมีส่วนผสมของตะกั่ว
โปรดส่งข้อความนี้ไปยังเพื่อนผู้หญิง , ภรรยา และสมาชิกครอบครัวที่เป็นสตรี -
ไม่รู้ว่าเคยอ่านกันรึยัง... ไงๆ อ่านแล้วก้อคิดด้วยน๊า
จากหนังสือ ค.คน ....
เบื้องหลังการผลิตมือถือ
1,222,245,200,000คือ ยอดขายโทรศัพท์มือถือในปี 2551
จากสถิติ ของ Worldwatch institute ระบุว่า ระยะเวลาเฉลี่ยในการใช้โทรศัพย์<wbr>มือถือ 1 เครื่อง ในปัจจุบันมีอยู่ราว 14 เดือน ก่อนจะเปลี่ยนเครื่องใหม่ นับว่าน้อยกว่าอายุการใช้งานจริ<wbr>งที่ควรจะเป็น
ทั้งๆที่มือถือยุคใหม่ไม่ได้<wbr>ทำอะไรออกมาสนองความต้<wbr>องการมากนัก และระยะเวลาในการใช้งานอาจจะน้<wbr>อยเกินไปกว่านั้น
ในกลุ่มผู้ใช้มือถือที่เห็นเป็<wbr>นเพียงอุปกรณ์เสริมความมั่นใจ เปลี่ยนเครื่องใหม่ทุกครั้งเพื่<wbr>อให! ้แน่ใจว่าอยู่ในเทรนด์ และได้ของที่ฉลาดสุดๆอยู่ในมือ
แต่รู้หรือไม่ว่า เบื้องหลังความพอใจที่ได้อิ<wbr>นเทรนด์นี้
ยอดขายหลายล้านๆเครื่องในแต่<wbr>ละปี หมายถึง น้ำตา ฝันร้าย
และความตายของชาวคองโกนับล้านชี<wbr>วิต
นี่ยังไม่นับรวมการฆาตกรรมหมู่<wbr>ในป่าลึก,
ความตายของกอริลล่ายักษ์ที่<wbr>อาจเหลือฝูงสุดท้ายในรวันดา
ตัวเชื่อมที่ทำให้มือถือโยงไปถึ<wbr>งสงครามร้ายแรงที่สุด
ในประ! วัติศาสตร์แอฟริกาคือ โคลัมไบต์-แทนทาไลต์
หรือแร่โคลแทนที่พบมากในแอฟริ<wbr>กากลาง,แน่นอน...ในคองโก
ด้วยคุณสมบัติทนความร้อนสูง ทำให้ผงแทนทาลัม
ที่สกัดได้จากโคลแทน กลายเป็นวัตถุดิบจำเป็นที่อยู่<wbr>ในมือถือ
คอมพิวเตอร์,เพลย์สเตชั่นฯลฯ
โคลแทน กลายเป็น black gold ในขณะเดียวกัน
สงครามคองโกครั้งที่ 2 ทำให้แร่สีดำชนิดนี้
กลายเป็นแร่สีเลือด blood coltan
เพราะการลักลอบทำเหมืองและส่<wbr>งออกโคลแทน
กลายเป็นแหล่งหารายได้ที่เติ<wbr>มเชื้อไฟให้กับAfrican World War
ในจำนวนประเทศทั้ง8 ที่ติดหล่มสงคราม
และกองกำลังติดอาวุธกว่า20กลุ่ม
หลายกลุ่มหาผลประโยชน์จากพื้นที<wbr>่คองโก
ที่ประเมินว่ามีแร่โคลแทนมากถึง 80% ของปริมาณโคลแทนในโลก
การดิจิไทซ์โลก ถนนทุกสายจึงมุ่งไปที่พื้นดิ<wbr>นของคองโก
กองกำลังประชาธิปไตย กลุ่มปลดปล่อยรวันดาหรือ FDLR
ที่มีชาวฮูตูเป็นแกนนำ เป็นตัวอย่างที่เห็นชัด
ของการทำเหมืองแร่ในคองโกอย่<wbr>างผิดกฏหมาย
แม้จะต้องเสี่ยงจากการถู<wbr>กปราบปรามจากรัฐบาลคองโก
แต่FDLR และอีกหลายกลุ่ม
ก็เห็นว่ามันเป็นความเสี่ยงที่<wbr>คุ้มค่าอยู่ดี
เพราะแทนทาลัมเพียง 1 ปอนด์ทำเงินร่วม หมื่นบาท
แทนทาลัม 1 ปอนด์ เป็นได้ทั้งตัวเก็บประจุในโทรศั<wbr>พท์มือถือเครื่องใหม่
และแปลงเป็น AK-47 พร้อมกระสุนให้กับกองกำลังติ<wbr>ดอาวุธ
หน่ำซ้ำในกระบวนการร่อนแร่<wbr>หาโคลแทน
แรงงานที่ถูกบังคับให้ทำเยี่<wbr>ยงทาส ก็คือเด็กๆคองโกลีส
ซึ่งองค์การสหประชาชาติรายงานว่<wbr>า ในบางพื้นที่ของคองโก
ในเด็ก 100 คนจะมี 30 คน ที่ต้องใช้เวลาทั้งวัน
ไปกับการแยกโคลแทนออกจากเศษหิ<wbr>นอื่นๆ
เงินค่าจ้างไม่ถึง 35 บาท ต่อการหาโคลแทนให้ได้ 1 ปอนด์
เรื่องมือถือเปื้อนเลือดถูกพู<wbr>ดถึงเมื่อหลายปีก่อน
บริษัทระ ดับโลกอย่าง N! okia,Ericsson,Moto,Acer ,Compaq
ออกมาปฎิเสธเสียงแข็งว่า โคลแทนที่ใช้ในการผลิตของตน
ไม่ได้มาจากคองโก แต่มีซัพพลายเออร์ที่เชื่อถื<wbr>อได้หามาให้
ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้<wbr>วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่บอกได้<wbr>ว่า
แทนทาลัมในมือถือที่พกติดตั<wbr>วจนกลายเป็นอวัยวะที่33
นั้นมาจากคองโกหรือเปล่า
การตรวจสอบเส้นทางของแทนทาลัมนั<wbr>้น
ต่อให้ใช้วิธีตามไปดูถึงที่<wbr>แบบกบนอกกะลา
ก็ยังไม่สามารถบอกที่มาได้
โคลแทนได้ถูกลั<wbr>กลอบเอาออกนอกคองโก
เข้าสู่ตลาดมืด และขายทอดต่อไปเรื่อยอีกอย่างน้<wbr>อย 10 ทอด
กว่าจะไปถึงผู้จัดหารายใหญ่ ที่บริษัทบิ๊กๆเลือกเป็นคู่ค้า
ความพยายามทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้วัตถุดิบ
มารองรับความต้องการการซื้อมื<wbr>อถือในตลาดโลก
นอกจากจะมีส่วนสร้างประวัติ<wbr>ศาสตร์เลื อดให้กับอัฟริกาแล้ว
ยังส่งผลร้ายต่อสัตว์ป่าด้วย สัตวป่าน้อยใหญ่ กอริล่า และช้างป่านับพัน ถูกฆ่าจากการโดนบุกรุกของมนุษย์<wbr>เพื่อหาโคลแทน
เพราะในพื้นที่ๆขุดหาโคลแทน มันคือบ้านของ กอริลล่าภูเขา
ที่เหลืออยู่บนโลกนี้ไม่กี่ร้<wbr>อยตัว
สัตว์ร่วมวงศ์กับมนุษย์ ที่แสนจะขี้อาย สุภาพ
ไม่เพียงถูกเหมืองคุกคามถิ่นที่<wbr>อยู่
พวกทำเหมืองยังล่าพวกมันเอาหัว บางทีก็ชำแหละนำเนื้อมากินด้วย
สวนสัตว์ในแอฟริกาหลายแห่ง รณรงค์การรีไซเคิลมือถือ
เพื่อลดอัตราการใช้<wbr>โคลแทนในการผลิตมือถือใหม่
ด้วยหลังจะชะลอการสูญพันธุ์<wbr>ของกอริลล่าภูเขาในคองโกได้บ้าง
แต่ดูเหมือนไม่ทันต่ออั<wbr>ตราการเติบโต
ของอุปกรณ์ที่เป็น “มากกว่าใช้พูด” แต่ส่วนใหญ่”ก็ใช้แค่พูด”เท่านั<wbr>้น
ในทวีปแอฟริกาเอง พิษภัยจากมือถือคุกคามชีวิ<wbr>ตและทรัพยากรตัวเอง
แต่อัตราการใช้มือถือก็เพ! ิ่มขึ้น 1000%
เช่นเดียวกับจำนวนคนบริสุทธิ์ที ่ล้มตายลง
ในสงครามกลางเมืองคองโก ประมาณการณ์กันว่า
นับแต่ปี 2547 ซึ่งเป็นปียุติสงครามอย่างเป็<wbr>นทางการ
ยังมีผู้เสียชีวิตจากความรุ<wbr>นแรงรูปแบบต่างๆถึงเดือนละ 45,000คน
หรือปีละ 540,000
คน ตัวเลขนี้ยังไม่รวมถึง
ผู้หญิงหลายหมื่นที่ถูกทารุ<wbr>ณทางเพศ
ของกลุ่มติดอาวุธต่างๆ เพียงแต่พวกเธอยังไม่ตาย
1,222,245,200,000 กับ 540,000 อาจมีหน่วยนับต่างกัน
แต่อัตราการขยายตัวกลับแปรตามกั<wbr>นอย่างน่ากลัว
ถ้าความอินเทรนด์ของคุณ นำมาซึ่งตัวเลขที่มีหน่วยศ พเพิ่มมากขึ้น
คุณยังอยากเปลี่ยนมือถือทัชสกรี<wbr>นมาใช้เล่นอีกสักเครื่องไหม ...!?!
จากคอลัมภ์ "ไม่ซื้อ..ไม่ตาย" นิตยสาร ค คน
หน้า 63 ของ 86