ประกาศชี้แจง เรื่องหลักธรรมะ

ในห้อง 'Black Hole' ตั้งกระทู้โดย telwada, 28 ตุลาคม 2007.

  1. telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ขออนุญาตเวบฯมาสเตอร์ เพื่อชี้แจงต่อสาธารณะชน

    เนื่องจาก ปัจจุบัน ได้มีร่างพระราชบัญญัติอุปถัมภ์ และคุ้มครองพุทธศาสนา กำลังอยู่ในระหว่างพิจารณา ดังนั้นข้าพเจ้าขอประกาศว่า
    หลักการหรือหลักธรรมะของข้าพเจ้าที่เคยได้สอนหรือเผยแพร่ไป และยังอาจจะเผยแพร่หรือสอนให้กับผู้ที่สนใจได้ศึกษา ต่อไปในอนาคต
    คงจะไม่สามารถบรรจุไว้เป็นแม่บทแม่แบบแห่งพระไตรปิฏกที่มีอยู่เดิมได้ เพราะจะไปขัดต่อกฎหมายอุปถัมภ์และคุ้มครองพุทธศาสนา ข้าพเจ้าจึงขอยกเลิกการอนุญาตให้นำเอาหลักการหรือหลักธรรมะของข้าพเจ้าไปบรรจุไว้ในพระไตรปิฏก แต่ถ้าหากผู้เกี่ยวข้องหรือผู้มีอำนาจเกี่ยวกับศาสนาต้องการที่จะนำไปบรรจุไว้ในพุทธศาสนา ก็ให้ติดต่อข้าพเจ้าโดยตรงเท่านั้น และขอตั้งชื่อหลักการหรือหลักธรรมะของข้าพเจ้าว่า
    "หลักการหรือหลักธรรมะ ศรีอาริยะเมตไตย หรือจะเรียกสั้นๆ ว่า หลักการหรือหลักธรรมะ ศรีอาริย์"
    ซึ่งหลักการหรือหลักธรรมะของข้าพเจ้านอกเหนือจากที่ได้ยื่นจดลิขสิทธิ์ไว้
    มีดังต่อไปนี้

    1.ภาค ธรรมะ
    2.ภาค ปฏิบัติธรรม อันนับเข้าอยู่ในภาค ธรรมะ ในข้อ "สรรพอาชีพ,ประพฤติ
    ภาคปฏิบัติธรรมนี้ จะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือ
    1. สมาธิ(การเอาใจจดจ่อในสิ่งนั้น หรือการเอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้น หรือการเอาใจผูกอยู่ในสิ่งนั้น)
    2.ญาณ
    3.วิปัสสนา

    ภาคธรรมะ ได้แก่
    เครื่องดิ้นรน แห่งสรรพสิ่งอันมีองค์ 8 ล้วนเป็น ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
    ประกอบไปด้วย
    1. ทาน 2. การครองเรือน
    3. กตัญญู 4. เจรจา
    5. สรรพอาชีพ 6. ประพฤติ
    7. ระลึก 8. ดำริ

    ทั้ง 4 คู่ 8 ข้อ ล้วนเป็นเหตุให้เกิดอารมณ์ ความรู้สึก ล้วนเป็นเหตุที่ทำให้เกิดสภาพสภาวะจิตใจในรูปแบบต่างๆ อันจักเรียกไปตามศัพท์ภาษาใดใดก็ตาม

    หลักการปฏิบัติธรรม ตามหลักการหรือหลักธรรมะของข้าพเจ้าแล้ว จะแบ่งเป็น 3 ชนิด หรือ 3 อย่างคือ
    1. การฝึกเอาใจจดจ่อในสิ่งนั้น หรือการฝึกเอาใจฝักใฝ่ในสิ่งนั้น หรือการเอาใจเข้าไปผูกอยู่ในสิ่งนั้น เพื่อให้เกิดสมาธิ หรือจะเรียกสั้นๆว่า "การฝึกสมาธิ" ก็ได้ แต่ที่ถูกต้องเรียกข้อมรรค ไม่ใช่เรียกข้อ ผล แต่จะเรียกอย่างไรก็ได้ ถ้ามีความเข้าใจแล้ว
    2. ญาณ คือ ความรู้ หรือ ความปรีชาหยั่งรู้ หรือปรีชากำหนดรู้ ซึ่งก็มีความหมายถึง" ความปรีชาหยั่งรู้ หรือกำหนดรู้ ในความรู้ ความเข้าใจ ในสิ่งที่ได้รับการขัดเกลา ในสิ่งที่ได้รับการอบรมฝึกสอน หรือได้รับจากประสบการณ์ อันได้จดจำไว้ในสมอง อันได้จดจำไว้ใน สรีระร่างกาย อันนับเข้าในวิปัสสนา หมายถึงความรู้ทั้งหลาย ไม่ว่าเป็นหลักการหรือธรรมะที่เป็นหัวข้อหลัก ตลอดจนรายละเอียดปลีกย่อย ซึ่งล้วนหาได้จากประการณ์ในการทำงาน และอื่นๆ รวมไปถึงหลักวิชาการสามัญทั่วไปเช่น วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ สังคมศาสตร์ เกษตรศาสตร์ แพทย์ศาสตร์ พยาบาลศาสตร์ และอื่นๆ เท่าที่มนุษย์จะมีการเรียนการสอนอยู่ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมด เอาเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวัน เกี่ยวข้องกับ สิ่งมีชีวิตทั้งหลาย ซึ่งจะเรียนรู้ทั้งหมดได้ก็ยิ่งดี เพราะล้วนนับเข้าในวิปัสสนาได้ทั้งนั้น เพียงแต่ว่า จะได้ใช้หรือไม่ได้ใช้เท่านั้น
    3. วิปัสสนา คือ ความเห็นแจ้ง หรือความสามารถในอันที่จะนำเอา ญาณ หรือ ความรู้ต่างๆ ซึ่งประกอบด้วยสมาธิ มาใช้ให้บังเกิดผล หากจะกล่าวให้เกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น วิปัสสนาก็คือการนำเอาความรู้ทั้งหลายเหล่านั้น แปลงเป็นการปฏิบัติโดยอัตโนมัติซึ่ง การวิปัสสนานี้ ก็มีหลายรูปแบบ คือนับตั้งแต่ระดับ ปุถุชนคนทั่วไป จนถึงผู้ที่ใฝ่ทางธรรมมุ่งสู่อริยะบุคคล ในทางหลักการหรือหลักธรรมแห่งศรีอาริยเมตไตย
     
  2. telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    จึงประกาศ ชี้แจงให้ทราบโดยทั่วกัน

    ขอขอบคุณเวบมาสเตอร์ และทีมงาน มา ณ.ที่นี้ด้วยขอรับ
     
  3. telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ประกาศชี้แจงเพิ่มเติม
    เนื่องด้วย หลักการหรือหลักธรรมะของข้าพเจ้านั้น แท้จริงแล้ว เป็นหลักการหรือหลักธรรม แห่งวิชชา 3 วิชชา 8

    แต่หลักการหรือหลักธรรม แห่ง วิชชา 3 วิชชา 8 ซึ่งข้าพเจ้าได้ศึกษา ค้นคว้า และวิจัย อีกทั้งยังได้ฝึกปฏิบัติ จนได้ผลเป็นที่น่าพอใจนี้ ได้รวมเอา หลักวิชาการของศาสนาต่างๆเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นศาสนาพราหมณ์ ฮินดู ,ศาสนาพุทธ,ศาสนาคริสต์ , ศาสนาอิสลาม ,และศาสนาซิกส์ และอื่นๆ
    ดังนั้น ในหลักการหรือหลักธรรม ของข้าพเจ้า จึงมีหลักการบางอย่างของแต่ละศาสนาบรรจุอยู่
    เช่น
    หมวดบทเรียน ,,,,เครื่องดิ้นรนแห่งสรรพสิ่ง อันมี องค์ 8 ล้วนเป็น ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ,,,,,,,,
    คำว่า " ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค" เป็นศัพท์ภาษาที่มีอยู่เดิมในทางศาสนาพุทธ รวมเรียกว่า "อริยะสัจสี่"
    แต่ในหลักการหรือหลักธรรม แห่ง วิชชา 3 วิชชา 8 แห่งข้าพเจ้า ศรีอาริย์ นี้ ไม่เรียกว่า อริยสัจสี่ แต่เรียกว่า" เครื่องดิ้นรนแห่งสรรพสิ่ง อันมีองค์ 8 ล้วนเป็น ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค" และประกอบไปด้วยหลักธรรมะ 4 คู่ 8 ข้อ ซึ่งในทางศาสนาพุทธ ไม่มีและไม่ได้บอกไว้ว่า อะไรคือ ทุกข์ สมุทัย และนิโรธ
    มีแต่ มรรค อันมีองค์ 8 และก็มีหลักการไม่เหมือนกับหลักธรรมของข้าพเจ้า
    ตรงจุดนี้ จึงอาจเป็นช่องให้ผู้ไม่ประสงค์ดี กล่าวร้ายข้าพเจ้าได้
    อีกทั้ง หลักการหรือหลักธรรมะ ในหมวดบทเรียน "เครื่องดิ้นรนแห่งสรรพสิ่งอันมีองค์ 8 ล้วนเป็นทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค นี้ ก็เป็นเพียง 1 หมวดบทเรียน ในจำนวนหลายๆหมวดบทเรียน ในหลักการหรือหลักธรรม วิชชา 3 วิชชา 8 แห่ง ศรีอาริยเมตไตย
     
  4. ก้านคอคลับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +183
    อะโห
    หนูสีอาน
    หลักการของแต่ละศาสนาที่หนูว่ามาน่ะ ไม่เหมือนกันเลยนะจ๊ะ
    หลายศาสนาที่ยกมา เชื่อและนับถือพระเจ้า นอกจากนั้น หลัการก็ยังเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า พระเจ้าห้ามกินหมู พระเจ้าห้ามเลี้ยงหมา เป็นต้น (เป็นใบ เป็นดอก เป็นผล)
    แต่พุทธศาสนาไม่เหมือนกัน แล้วจะเอาหลักมารวมกันอย่างไร
    ถ้ารวมกันได้จริง อธิบายแจกแจงมาหน่อย ว่ารูปร่างหน้าตาของหลักการที่หนูสีอานอุตส่าห์ทำมานั้นเป็นยังไง
    ที่ว่าเอาหลักการมาบางอย่างน่ะ มันเป็นยังไง เพราะหลักหรือหัวใจของศาสนาต่าง ๆ ที่ยกมาน่ะ มันต่างกันเกือบจะสิ้นเชิง เช่น เรื่องพระเจ้า เป็นต้น
    อธิบายมานะหนูนะ เอาชัด ๆ
    ก็หนูอุตส่าห์มาเขียนประกาศเอาไว้อย่างนี้ ถ้ามีผู้สนใจเรียนถามหนู หนูก็ต้องตอบให้ได้สิจ๊ะ
    ฝึกเอาไว้ ๆ เวลาหนูจะไปประกาศศาสนาของหนูในภายภาคหน้า หนูจะได้มีความอดทน ที่จะไม่สำแดงโทสะ หรือกิริยาอันต่ำทรามออกไป เวลาที่มีผู้ทักท้วงไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่หนูแสดงธรรม


    ดูตรงนี้ก่อน -1
    แล้วตามด้วย -2
    ตรง -1 บอกว่า มี ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
    แต่ -2 บอกว่า ไม่มี และไม่ได้บอกว่าอะไรคือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
    ตกลงว่า หลักการของหนูน่ะ มี ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค หรือไม่มี
    หนูเขียนวกวนมาก

    ถ้าจะบอกว่า ไม่เป็นอย่างที่กำลังอธิบายนี้
    แต่เป็นว่า
    ซึ่งจะไปกันใหญ่
    เพราะบอกว่า ในศาสนาพุทธไม่มีและไม่ได้บอกเรื่อง ทุกข์ สมุทัย และนิโรธ

    ตกลงมันอย่างไรกันแน่
    วกวน วุ่นวาย จัดเรียงความคิดไม่ถูก ส่งผลมาถึงการเขียนที่สะเปะสะปะ วรรคตอนผิดพลาด มัวไปหมด
    เช่น การเขียนว่า "ไม่เจอกันนานนม โตขึ้นเป็นกอง"
    ถ้าเขียนวรรคตอนผิด อาจเป็นว่า "ไม่เจอกันนาน นมโตขึ้นเป็นกอง"
    ความหมายผิดไปไหมหนูสีอาน

    ของหนูสีอานน่ะ
    นอกจากวรรคตอนจะมั่วแล้ว
    หลักความหมาย ความเข้าใจยังมั่วอีก
    แสดงว่า ตอนที่เขียนน่ะ ยังไม่ได้กินยาใช่ไหม
    อ้อ แล้วอย่าลืมไปตรวจที่ ร.พ.จิดเวชบ้าง นะหนูนะ
     
  5. telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ขอบอกให้รู้หลักธรรมะของข้าพเจ้า ได้มาจาก การศึกษา ค้นคว้า และวิจัย
    ถึงแม้จะมีข้อความบางอย่างที่เหมือนในศาสนา ต่างๆ แต่ก็มิใช่การลอกเลียนแบบ หรือบิดเบือน หากแต่เป็นเพราะหลักธรรมหรือหลักการในศาสนาต่างๆเหล่านั้น ควรค่าต่อการเก็บรักษาไว้
    ข้าพเจ้าจะไม่ใช้ศัพท์ภาษาที่เป็นศัพท์ภาษาที่มีอยู่เดิมก็ได้ จะตัดออกไปเสียก็ยังได้ แล้วใช้ศัพท์ภาษาไทยล้วนก็ยังได้
    เช่น
    "เครื่องดิ้นรนแห่งสรรพสิ่งอันมีองค์ 8 ล้วนเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิด อารมณ์ ความรู้สึก และสภาพสภาวะจิตใจ ที่เรียกว่า ความทุกข์
    "เครื่องดิ้นรนแห่งสรรพสิ่งอันมีองค์ 8 ล้วน เป็นสิ่งที่ก่อให้เกิด อารมณ์ ความรู้ สึก และสภาพสภาวะจิตใจ ที่เรียกว่า ความสุข
    "เครื่องดิ้นรนแห่งสรรพสิ่งอันมีองค์ 8 ล้วนเป็นสิ่งที่ก่อให้เกิด ความรู้ ความเข้าใจ และเกิดปัญญา ในอันที่จะขจัดอาสวะ แห่งความทุกข์ และความสุข อันเกิดจาก อารมณ์ ความรู้สึก และสภาพสภาวะจิตใจ

    พวกคุณจะพิสูจน์ไหม เพราะไม่ใช่จะมีแต่หลักธรรมะศรีอาริย์ เพียงอย่างเดียว หลักการหรือหลักธรรมะที่ได้ชี้แจงไป ข้าพเจ้าก็ปฏิบัติ จนได้ผลสำเร็จถึง 99 เปอร์เซนต์แล้ว เหลืออีกเปอร์เซนต์เดียว คือ เรื่องของนิพพานเท่านั้น เพราะการปฏิบัติตามหลักธรรมของข้าพเจ้า จึงทำให้เกิดมีปรากฏการณ์ทางสรีระร่างกาย อันเป็นวิทยาศาสตร์ทางจิตชนิดหนึ่งที่พวกคุณไม่รู้ดอก
    ปรากฏการณ์ทางสรีระร่างกายของข้าพเจ้า จะปรากฏ ฉัพพรรณรังสี หรือแสงสีต่างๆ ขณะขจัดอาสวะแห่งกิเลส สีแสงที่เกิดขึ้นนั้น เป็นไปตามสภาพสภาวะจิตใจและอารมณ์ที่ได้รับจากภายนอก เป็นส่วนใหญ่
    จะพิสูจน์ไหม หรือว่าจะให้เดินทางไปพิสูจน์ ต่อหน้าพวกคุณ หรือต่อหน้าบุคคลใดใด ที่ชอบโอ้อวด แอบอ้างว่า แตกฉานและเชี่ยวชาญในทางศาสนาใดใด ให้พวกเขาได้เห็นกับตาพวกเขาเลยนะ
    ว่ามีจริง ของจริง
    แต่ถ้าจะให้ข้าพเจ้าเดินทางไปพิสูจน์ต่อหน้าพวกคุณ หรือต่อหน้าผู้ใด จะต้องออกค่าใช้จ่ายให้ข้าพเจ้า ก็เท่านั้น
    และไม่ต้องอ้างโน้นอ้างนี่
    พิสูจน์กันให้เห็นกับตาเลยจะดีกว่า มานั่งเขียนภาษาเปรตนรกอย่างพวกคุณนะ

    --------------------------------------------------------------------------------
     
  6. ก้านคอคลับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +183
    ตกลงว่า ที่เขียนมาเนี่ย อธิบายแล้วใช่ไหม หนู
    ตกลงว่า อธิบายไม่ได้ใช่ไหม ที่ถามไปใน #4เพื่อหาความชัดเจนว่า
    ตรง -1 บอกว่า มี ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
    แต่ -2 บอกว่า ไม่มี และไม่ได้บอกว่าอะไรคือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
    ตกลงว่า หลักการของหนูน่ะ มี ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค หรือไม่มี


    โทสะและโมหะเนี่ย ในภาษาวิชาของหนูเขาเรียกว่ากิเลส อย่างที่หนูได้เขียนมานี่หรือเปล่า
    ถ้าใช่ ก็สงสัยว่า ฉัพพรรณรังสีของหนูเนี่ย คงหลบหายไปนานแล้ว เพราะแต่ละคำที่ส่งมาแสดงเนี่ย มันเต็มไปด้วยโทสะ และเปี่ยมไปด้วยโมหะ อย่างชุ่มโชก

    ก็ถ้าหนูจะมา บอกวันเวลาและสถานที่ ที่หนูสะดวกในกรุงเทพฯ มาได้เลย
    จะจัดส่งค่ารถค่าราไปให้ บอกเลขบัญชีมา จะโอนไปให้ทันที
    วงเงินเท่าไหร่ก็ได้ แต่จะโอนให้ไม่เกิน 300.-
    ตกลงป่ะ
    ถ้ากล้าจริง อย่าเกี่ยงเรื่องเงินเลย หนูสีอาน
    ถ้าโอนไปเป็นพัน เป็นหมื่น แล้วหนูไม่มา มันก็สูญเท่านั้นเอง
    ยิ่งพฤติกรรมของหนูเป็นอย่างนี้ ยิ่งปากกล้าขาสั่นอยู่ด้วย จะเชื่อใจได้รึ

    อะโห ภาษาเปรตนรก ที่ว่ามาเนี่ย ภาษาไทย นะหนู
    เป็นภาษาไทย ของบรรพบุรุษไทย ที่หนูควรมีกตัญญุตาคุณต่อท่าน
    อย่างนี้ เข้าข่ายเนรคุณ นะหนูนะ หนูสีอาน
    ทำอะไรก็เข้าตัวเองตลอดเลยนะเนี่ย หนูเนี่ย


    จ๊ากกกกกก....ข้านี้หรือคือพะสีอาน..........อะจ๊ากกกกกกกก
     
  7. ก้านคอคลับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +183
    มั่วละ telwada
    ดูนี่นะ

    ในความเห็นที่ #3

    แต่ว่า ในความคิดเห็นเรื่อง ภาวะโลกร้อนจริงหรือ หรือว่าเกิดจากอะไร
    http://palungjit.org//showthread.php?t=96590&page=2
    อะโห
    ตกลงมันอย่างไรกันแน่จ๊ะหนูสีอาน
    กลับกลอก ปลิ้นปล้อน จำคำพูดตัวเองไม่ได้
    วันนี้กล่าวอย่างนึง วันพรุ่งกล่าวอีกอย่าง
    มั่วไหมจ๊ะ หนูสีอาน

    จ๊าก.......ข้านี้หรือคือพะสีอาน.......อะจ๊ากกกกกก
     
  8. telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ท่านทั้งหลายที่ได้แวะเข้ามาอ่านกระทู้นี้ กรุณาทำใจหน่อยนะขอรับ
    คือผู้ที่ใช้ชื่อว่า "ก้านคอคลับ"นั้น ชอบโอ้อวดว่า ฉลาด แต่ความจริงแล้ว โง่
    หรือ โอ้อวดว่า อ่านหนังสือภาษาไทยเก่ง ตอบเก่ง แต่ความจริงแล้ว ไม่กระดิกในทางความหมายของภาษา
    เขาเรียกว่า เข้ามาก่อกวนโดยเฉพาะ
    แถมยังหนังหนา เหมือนหนังวัว หนังควาย เพราะเขาคิดว่า คงไม่มีผู้ใดรู้ว่าเขาเป็นใคร
    ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า
    ข้าพเจ้าไม่อยากเถียงกับ มนุษย์เศษสวะ ขยะสังคม ขยะศาสนา อย่างเขา ก็เลยเขียนเตือนสติเขานิดหน่อยขอรับ
     
  9. ก้านคอคลับ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    56
    ค่าพลัง:
    +183
    หนูสีอาน
    แล้วตกลงว่า หลักการของหนูน่ะ
    มัน รวม/ไม่รวม มี/ไม่มี หลักของศาสนาอื่นอยู่ด้วยล่ะ

    ยกหลักฐานมาให้ดูข้างบนแล้วเนี่ย
    อธิบายได้ไหมล่ะ

    ข้อเท็จจริงก็คือว่า
    ในความคิดเห็นที่ #4
    ตรง -1 บอกว่า มี ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
    แต่ -2 บอกว่า ไม่มี และไม่ได้บอกว่าอะไรคือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค
    อย่างนี้บอกชัดเจนเลย ว่า ใคร ที่ไม่กระดิกในทางความหมายของภาษา
    ชัดเลยจ๊ะหนูสีอาน


    โอ๊ว.....ถามดี ๆ ก็หาว่าก่อกวนนะจ๊ะหนู
    ที่บอกว่าหนาน่ะ อะไรหนาล่ะ เขียนภาษาไทยไม่ชัดอีกแล้วนะจ๊ะ
    ขาดประธาน + กริยา + กรรม ขาด คุณศัพท์,บุพบท ฯลฯ อีกมากมาย
    เรียนจบจากที่ไหนมาจ๊ะหนูสีอาน จบชั้นไหนมาล่ะ
    อ๊ะๆ อย่าบอกนะ ว่าจบจากสวนปรุง


    อะโห เลี่ยงอย่างหน้าด้าน ๆ เลยนะเนี่ย
    หาเรื่องไม่ตอบล่ะซี เค้ารู้นะ ตัวเอง

    สุดท้าย ก็ตอบอะไร ชี้แจงอะไรไม่ได้สักอย่าง


    จ๊าก.....ข้านี้หรือคือพะสีอาน...........อะจ๊ากกกก
     
  10. sence เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    71
    ค่าพลัง:
    +770
    ข้าพเจ้าก็ปฏิบัติ จนได้ผลสำเร็จถึง 99 เปอร์เซนต์แล้ว เหลืออีกเปอร์เซนต์เดียว คือ เรื่องของนิพพานเท่านั้น
    แสดงว่าพี่กำลังปฎิบัติเพื่อละสักกายทิฐิเรื่องมานะอยู่ใช่ไหมครับ ตัวเดียวที่พี่ว่ามา
    ตอนนี้ผมสงสัยว่ามานะกับสักกายทิฐิมันเกี่ยวกันตรงไหน พี่สงเคราะห์ผมที อยากรู้
     
  11. telwada เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 กันยายน 2004
    โพสต์:
    1,606
    ค่าพลัง:
    +1,817
    ไม่ใช่ดอกคุณ ตามหลักการของข้าพเจ้า ธรรมชาติของมนุษย์ย่อมรู้ว่า ตัวเองเป็นใคร หรือรู้ว่าตัวตนของตนนั้นมีอยู่จริง ณ.ปัจจุบัน ซึ่งเป็นความหลงอย่างละเอียด ความหลงนั้นมีอยู่เยอะแยะ เพียงแค่ได้เห็นคนที่รู้จักก็เป็นความหลง เพียงแค่ได้รู้ก็เป็นความหลง แต่ความหลงทั้งหลายเหล่านั้น ขจัดได้ด้วยหลักการหรือธรรมะของข้าพเจ้า
    มานะ คือความถือตัวว่าเป็นนั่นเป็นนี้
    ในทางหลักการของข้าพเจ้า ก็เป็นเรื่องธรรมดาของมนุษย์ จัดอยู่ในข้อการครองเรือน ซึ่งคุณจะมีมานะก็ได้ เพราะเป็นธรรมชาติที่ได้รับการขัดเกลามา เช่นถือว่าเป็นลูก ถือว่าเป็นเจ้าของบ้าน อันเป็นไปตามสังคมการเป็นอยู่ร่วมกัน แต่การมีมานะ หรือการถือตัวว่าเป็นนั่นเป็นนี้ เป็นความหลงชนิดหนึ่ง
    ขจัดได้ด้วย การคิดพิจารณา ตามหลักธรรมะของศรีอาริย์ เพราะหลักการหรือธรรมะศรีอาริย์ เป็นหัวข้อหลักเป็นหัวข้อใหญ่
    ข้าพเจ้าไม่สนใจคำศัพท์ภาษาบาลีอะไรของคุณดอกนะ เพราะการฝึกปฏิบัติตามหลักธรรมศรีอาริย์ จะสามารถขจัดอาสวะหรือขจัดคลื่นความคิดความหลงได้ เพราะตราบใดที่ยังใช้ชีวิตในสังคมเป็นอยู่ร่วม
    กัน กับบุคคลอื่นๆ ความคิด(นี้ก็เป็นหลักธรรม)ในเรื่องต่างๆย่อมเกิดมี
    หากขจัดได้ ก็ไม่คิดมาก
    ที่ว่า เหลือ 1 เปอร์เซ็นต์ คือเรื่องของนิพพานนั้น ก็เพราะยังไม่เข้าใจในเรื่องของนิพพานอย่างแท้จริง
    ว่านิพพานที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างๆ ถึงแม้จะพอรู้อยู่บ้างจากปรากฏการณ์ทางสรีระร่างกาย คือร่างกายโปร่งแสง สามารถมองทะลุผ่านได้ ขาวใส บุคคลรอบข้างสามารถมองเห็นได้ แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะข้าพเจ้าเองก็ไม่รู้ว่า นิพพาน(เป็นศัพท์ทางพุทธศาสนา) แท้จริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่
     
  12. 6270n สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 มกราคม 2008
    โพสต์:
    8
    ค่าพลัง:
    +20
    ถ้าเป็นศรีอาริย์จริงก็น่าจะรู้ทุกอย่างนะ ที่กล่าวว่า "ถึงแม้จะพอรู้อยู่บ้างจากปรากฏการณ์ทางสรีระร่างกาย คือร่างกายโปร่งแสง สามารถมองทะลุผ่านได้ ขาวใส บุคคลรอบข้างสามารถมองเห็นได้ แต่ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะข้าพเจ้าเองก็ไม่รู้ว่า นิพพาน(เป็นศัพท์ทางพุทธศาสนา) แท้จริงแล้วเป็นอย่างไรกันแน่" แสดงว่าหลักธรรมของท่านมิอาจทำให้พ้นทุกข์ได้อย่างแท้จริงใช่หรือไม่ เพราะนิพพานในทางพุทธศาสนา คือ การหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด และผมว่ามันไม่น่าทำให้ร่างกายโปร่งแสงได้นะ
     
  13. namprighom เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 มกราคม 2008
    โพสต์:
    190
    ค่าพลัง:
    +373
    ขออย่าได้ร้อนรุ่ม ในทุกข์โมหะอีกเลย

    ขอจงพ้นนรกขุมนี้โดยเร็วเถิด

    สาธุ
     
  14. vnoen เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    156
    ค่าพลัง:
    +827
    พระศาสดาของทุกศาสนาต่างก็มีจิตใจเมตตาอารีด้วยกันทั้งสิ้น..แต่ชนรุ่นหลังๆนี่แหละที่ชอบเพิ่มเติมกันไปต่างๆนาๆ เปรียบดังเนื้อร้ายที่เริ่มก่อตัวเป็นมะเร็งท้ายที่สุดก็ย่อมทำลายตัวของมันเอง ศาสนาพุทธก็เช่นเดียวกัน
    ...พุทธทาส...

    ฉะนั้นเพิ่มได้..แต่อย่าเพี้ยนครับ
     
  15. neung48 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 ตุลาคม 2006
    โพสต์:
    465
    ค่าพลัง:
    +457
    ไร้รูป ไร้ตัวตน ไร้โลภะ ไร้โทสะ ไร้โมหะ ไร้ทุกข์ ไร้ธรรม เท่านี้ก็สงบสุขแล้ว
     
  16. iofeast เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มีนาคม 2007
    โพสต์:
    4,174
    ค่าพลัง:
    +7,815
    ฮ่าฮ่าฮ่า ถามมาเป็นเดือนแล้วครับพี่น้อง ว่านิโรธประกอปด้วยอะไร ก็ตอบไม่ได้ใบ้กิน นี่ยังไม่รวมคำถามอื่นอีกนะเนี่ย ฮ่าฮ่าฮ๋า
     

แชร์หน้านี้