ประวัติการสร้างพระรอดปลอดภัย(หลัง อ.)วัดสันป่ายางหลวง...ที่มีคุณเทียบเท่าพระรอดมหาวัน

ข้อความทั้งหมดนี้คัดลอกมาจากหนังสือ แม่หม่อนเล่าและย้อนอดีตวัดสันป่ายางหลวง จากนิมิตของคุณ ไพศาล แสนไชย เรียบเรียงโดย คุณ ประสิทธิ์ เพชรรักษ์ ทั้งหมดครับ
....เพื่อเป้นการเผยแพร่ข้อมูบให้ทุกท่านได้ทราบถึงพระรอดซึ่งทรงคุณค่าและได้รับการรับรองจากดวงวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของพระแม่จามเทวี(แม่หม่อนหรือคุณทวด)ว่ามีคุณเปรียบดังพระรอดที่ท่านได้สร้างไว้เมื่อ 2000 กว่าปีมาแล้วครับ

ประวัติพระรอด<O</O​

คนส่วนใหญ่มากเมื่อพูดถึงเมืองลำพูน มักจะเล่าสู่กันฟังถึงความวิจิตรสายงามของพระธาตุภุญชัย อันตั้งเด่นตระหง่านเป็นพันปี เท่าอายุของนครหริภุญชัยหรือลำพูน ในปัจจุบัน เช่น พระเจดีย์วัดจามเทวีและกู่บรรจุอัฎฐิพระแม่จามเทวี ปฐมกษัตริย์ของหริภุญชัย ตลอดจนพระวัดวาอารามต่างๆ อีกหลายแห่ง ซึ่งล้วนแต่มีประวัติอันยาวนานคู่บ้านคุ่เมือง<O></O>
วัดที่รู้จักกันดีในบรรดาพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ เพราะเป็นที่บรรจุพระเครื่องสำคัญเป็นอันที่รู้จัก และเป็นที่นิยมกันทั่วไปนับได้ว่าเป็นลัญญสักษณ์อย่างหนึ่งของเมืองลำพูน คือ วัดพระคงฤาษี ซึ่งอยู่ทางทิศเหนือของตัวเมืองลำพูน เป็นที่ประดิษฐานบรรจุพระคง หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่าพระลำพูนดำ หรือ ลำพูนแดง แล้วแต่สีของพระ อีกวัดหนึ่งคือวัดมหาวัน ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของตัวเมืองลำพูน เป็นวัดที่ประดิษฐานบรรจุพระเครื่องสำคัญ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขว้าง ทั้งคนในเมืองลำพูน และคนทุกภาคทุกจังหวัดของประเทศไทย ต่างก็พยายามเสาะแสวงหามาไว้บูชาพกพาติดตัวเพื่อพึ่งพลังอิทธิฤทธิ์ ให้แคล้วคลาดจากภยันอันตรายทั้งหลายทั้งปวงอันอาจจะประสบเข้ากับตนเอง และด้วยอำนาจพระพุทธคุณ พระธรรมคุณ พระสังฆคุณอันบรรจุไว้ในองค์พระรอดนี้ ได้ช่วยให้ผู้ที่บูชากราบไหว้อยู่เสมอ ให้แคล้วคลาดหลุดพ้นจากเหตุการณ์อันตรายได้โดยปลอดภัยราวกับปาฎิหาริย์ มานับครั้งไม่ถ้วน มีหลักฐานบุคคลที่ประสบเหตุการณ์พอที่จะสอบถามได้อยู่มาก <O</O
เหตุที่พระรอดเป็นพระเครื่องที่ทรงไว้ ซึ่งอิทธิปาฎิหาริย์อันยิ่งใหญ่ดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้นเป็นเพราะ<O</O
1. ผู้สร้างพระรอด (รวมทั้งพระคง และพระลือ) สร้างขึ้นมาด้วยจิตอันบริสุทธิ์ ประกอบด้วยเมตตาธรรมเป็นที่ตั้ง หวังให้บุคคลผู้มีไว้ครอบครอง และบูชาอยู่เป็นนิจ ได้รับความร่มเย็นเป็นสุข รอดพ้นจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวงที่จะมาเบียดเบียนชีวิต ทั้งนี้ โดยไม่หวังผลเป็นอามิสไดๆ ทั้งสิ้น <O</O
2. นอกจะมีไว้เพื่อปกป้องประชาชนแล้ว ท่านผู้สร้าง ยังมุ่งหวังเพื่อจะให้คุ้มครองบ้านเมืองให้แคล้วคลาดปราศจากภยันตรายทั้งหลายทั้งปวง ดังนั้นการสร้างก็อธิฐานไปในทางข่มศัตราวุธและอำนายให้เกิดความแคล้วคลาด (รายละเอียดการสร้างพระรอด โปรดหาอ่านได้จากหนังสือ

 

เหตุที่สร้างพระรอดวัดสันป่ายางหลาวง

เหตุที่สร้างพระรอดวัดสันป่ายางหลาวง​

ในกาลปัจจุบันนี้ ถ้าเรามองสถานการณ์ทั่วไป ทั้งทางด้านการเมืองการเศรษฐกิจ การสังคม ตลอดทางด้านสุขภาพพลานามัย ของปวงมนุษย์ชาติทั่วโลก อย่างพินิจพิจารณาแล้วจะเห็นได้ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่กล่าวมาแล้วนั้นเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายหาความสงบสุขได้ยากขึ้นทุกที เราท่านทุกผู้ทุกนามที่เกิดมามีชีวิตร่วมยุคร่วมสมัยก็ย่อมได้รับผลกระทบด้วยกัน ทุกคนไม่อาจหลีกเว้นได้ เพราะโลกปัจจุบันนี้ การสือสารติดต่อสามารถกระทำได้อย่างรวดเร็ว เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจุดไหนในโลกก็ย่อมส่งผลดีหรือผลร้าย เหตุการณ์เช่นนี้ นักวิชาการทางโลกต่างก็ให้เหตุผลกันไปต่างๆ นาๆ เช่นว่าเป็นการสมดุลทางธรรมชาติ ที่ต้องเกิดการทำลายล้างเพื่อรักษาดุลธรรมชาติไว้จึงทำให้เกิดสงคราม เกิดภัยธรรมชาติต่างๆ เกิดทุกภิกขภัย เช่น ขาดแคลนอาหาร โรคร้ายหลายอย่างเกิดขึ้นมาเบียดเบียน นอกจากนี้อันตรายจากการดำเนินชีวิตประจำวัน เป็นต้นว่าอุบัติเหตุจากยวดยวนพาหนะ เครื่องจักรกลต่างๆ อาหารเป็นพิษ มลภาวะในอากาศหรืออากาศเป็นพิษ การประทุษร้ายต่อกันเพื่อแย่งชิงผลประโยชน์เป็นต้น นักวิชาการหลายท่าน ก็เสนอวิธีแก้ไขสถานการณ์เหล่านี้มากมายหลายวิธีตามความคิดเห็นของแต่ละคน แต่เหตุซ้ำไป ไม่มีทีท่าว่าจะลดน้อยลง<O</O
ทุกข์,ภัย, โรค,ทั้งหลายที่กล่าวมาแล้ว ถ้ามองในแง่ของชาวพุทธตามพุทธวัจนะที่ตรัสไว้ว่า<O</O
กัมมัสสะโกมมะหิ เราเป็นมีกรรมเป็นของตน<O</O
กัมมะทายาโท เราเป็นทายาทผู้รับผลกรรม<O</O
กัมมะโยนิ เราเป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด<O</O
กัมมะพันธุ เราเป็นผู้มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์<O</O
กัมมะปะฏิสะระโณ เราเป็นผู้มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย<O</O
ยังกัมมัง กะริสสามิ เรากระทำกรรมอันไดไว้<O</O
กัลป์ยาณังวา ปาปะกังวา ดีหรือชั่วก็ตาม<O</O
ตัสสะทายาโท ภะวิสสามิ เราจะต้องได้รับผลของกรรมนั้น<O</O
เราย่อมเข้าใจว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่บังเกิดขึ้นนั้น เนื่องมาจากกรรมเป็นเหตุ การที่เราเกิดมาในยุคสมัยที่เดือดร้อน วุ่นวายและจำเป็นต้องได้รับผล คือความไม่สงบสุขร่วมกับชาวโลกทั้งมวลก็ต้องเนื่องมาจาก ผลกรรมที่เราสร้างสมมาแล้วตั้งแต่อดีตอันยาวไกล แม้ในปัจจุบันนี้หลายท่านได้พยายามขัดเกลากิเลส ยกระดับจิตใจของตัวเองให้สูงขึ้นสู่ความเป็นแสงสว่างส่องนำทางดำเนินชีวิต ขจัดความ โลภ โกรธ หลง ให้น้อยลงๆ ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ทั้งแก่ตนและผู้อื่น ในทางตรงกันข้ามกลับพยายามสร้างกุศลผลบุญให้มากยิ่งๆ ขึ้น เพื่อความสุขทุกขื ให้ได้รับความร่มเย็นนี้ด้วย <O></O>
แต่กระแสแห่งเมตตาธรรมที่บรรดาอารยะชนและ อริยะบุคคลทั้งหลายแผ่กระจายออกไปนี้ ก็ไม่อาจต่อต้าน กระแสดำมือของกิเลสที่สร้างความปั่นป่วนได้ เพราะกระแสแห่งความร่มเย็นนี้มีน้อยกว่ากระแสแห่งความร้อนรน หรือถ้าจะพุดตามประสาชาวโลก ก็คือคนในโลกปัจจุบันนี้ คนดีมีศิลธรรมมีน้อยกว่าคนที่ยังหนาแน่นด้วยกิเลสไม่คำนึงถึงศิลธรรม ถึงอย่างไรก็ตามพลังอำนาจแห่งเมตตาธรรมของท่านผู้บำเพ็ญจิต จนเกิดกำลังกล้าแข็งก็ก็ยังคงมีอยู่ และท่านเหล่านั้นก็เป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ที่เพ่งเพียงประพฤติปฏิบัตธรรมชำระจิตให้ สะอาด สงบ และสว่าง ตลอดอายุพรรษาของท่าน บางองค์ก็บวชปฏิบัติมาตั้งแต่เป็นสามเณร ติดต่อเรื่อยมาจนเป็นพระภิกษุที่มากด้วยพรรษาและมากด้วยพลังจิต พระสุปฏิปันโนเหล่านี้ยังคงมีอยู่หลายองค์พอที่จะขอเมตตาพึ่งพาท่านได้ เพื่อบรรเทาความทุกข์เป็นการเฉพาะตัวของผู้ที่เคารพเลื่อมใส<O</O
วิธีการที่จะรับกระแสพลังเหล่านี้ ก็โดยการขอความเมตตาจากพระคุณท่าน แผ่พลังลงประจุไว้ในวัตถุธาตุ และวัตถุธาตุนั้นก็ต้องบริสุทธิ์และทรงคุณค่าในตัวของมันเอง เป็นเสริมพลังให้กล้าแข็งยิ่งขึ้น วิธีการเช่นนี้ได้มีมาแล้วนับเวลาเป็นพันปี ตั้งแต่สมัยของพระแม่เจ้าจามเทวี นั่นคือการสร้างพระเครื่องบูชาองค์เล็กๆ เพื่อสะดวกในการพกพาติดตัวไปได้ทุกทีสถานที่คือ พระรอด พระคง พระลือ<O</O
แต่พระเครื่องที่สร้างใยสมัยพระนางจามเทวี บัดนี้เป็นของหายาก บุคลธรรมดาไม่มีโอกาสจะได้ไว้ในครอบครองบูชา พระอาจารย์อินทรปัญญาวัฑฒโน เจ้าอาวาสวัดสันป่ายางหลวง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ซึ่งเป็นพระกรรมฐาน องค์หนึ่ง ผู้มีจิตอันเปี่ยมล้นด้วยเมตตาต่อสัตว์โลกทุกหมู่ทุกเหล่า จึงได้ปรารภเหตุและดำริการสร้างพระรอดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง แก่คณะปฏิบัติธรรมที่วัดสันป่ายางหลวง ทั้งพระ เณร และคฤหัสถ์ชายหญิง ทุกคนก็เห็นด้วยและร่วมอนุโมทนาในการสร้างพระรอด ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างบุญสร้างกุศลเผื่อแผ่แก่สรรสัตว์ ให้ดำรงชีวิตอยู่อย่างผาสุกและแคล้วคลาดจากอันตราย ทั้งหลายทั้งที่จะเข้ามากระทบรบกวน และพร้อมที่จะอุทิศแรงกาย แรงใจ และกำลังทัพย์ เพื่อร่วมกองบุญครั้งนี้โดยไม่ได้มุ่งหวังผลประโยชน์ตอบแทนในรูปอามิสใดๆ ทั้งสิ้น<O</O

 

เหตุการณ์มหัศจรรย์

เหตุการณ์มหัศจรรย์<O</O​

ในระยะที่ทางคณะผู้จัดสร้างพระรอด กำลังดำเนินงานกันอยู่นี้ คุณไพศาล แสนไชย ผู้สามารถติดต่อกับเทวโลกได้ และนรกได้ ทำหน้าที่ทูตจากเทวโลกและนรกโลกมาเป็นเวลานานแล้ว ได้นำข่าวจากเทวโลกมาแจ้งให้แก่พระอาจารย์อินทรว่า การสร้างพระรอดครั้งนี้ทางพระสงฆ์ที่อยู่บนเทวโลก ท่านก็ได้ทราบแล้วและทุกท่านที่ทราบ เช่น ท่านครูบาคัณธา คัณธาโล ครูบาสรีวิชัย หลวงพ่อโอภาสี ก็ขอร่วมอนุโมทนา ในเจตนารมณ์อันเป็นบุญเป็นกุศลนี้ และแจ้งด้วยว่าในวันพุทธาภิเกพระนั้น ทุกท่านก็จะลงมาร่วมด้วยพร้อมกับพระสงฆ์อีกหลายรูปที่อยู่บนเทวโลก ในโอกาสนี้ท่านครูบาคัณธา คัณธาโลก สั่งมาว่าขอหัยสาธุเจ้าอินทร ไปบอกกล่าวแก่เทวดาผู้รักษา ดอยไซและขอดินที่ดอยไซมาร่วมผสมทำพระรอดด้วย เพราะเทวดาท่านนี้ในอดีตสมัยพระนางจามเทวีท่านชื่อ ขุนเจ้าคำบุญ เคยร่วมสร้างพระรอดโดยเป็นเจ้าพิธีในการทำทุกขั้นตอน ส่วนท่านพญาพิงคราช ก็กำชับมาว่าอย่าลืมเอาว่านเพชรหลีกมาผสมด้วย จะทำให้พระรอดนี้มีอิทธิทางแคล้วคลาดหลีก พ้นจากอันตราย หลวงพ่อโอภาสี ได้ขิให้ครูบาคัณธา นำท่านไปพบกับหลวงปู่บุญ หรือพระพุทธวิถีนายก วัดกลางบางแก้ว อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นอาจารย์ของท่านเมื่อยังทรงสังขารอยู่ในมนุษย์โลก แต่ขณะนี้ได้มาสถิตอยู่บนพรหมโลก ท่านมีความรู้เรื่องการสร้างพระเครื่องดีมากเมื่อพบกันแล้วโดยไม่ต้องแจ้งความจำนง หลวงปู่กล่าวออกมาทันทีที่คณะของครูบาคัณธา ไปถึงว่า

 

เริ่มดำเนินงาน

เริ่มดำเนินงาน<O</O​

การดำเนินการสร้างพระรอดในครั้งนี้ พระอาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com</st1ersonName>อินทร ปัญยาวัฑฒโน และบรรดาผู้ร่วมงานได้ตกลงจะจะปฏิบัติตามแบบฉบับเดิมของพระแม่เจ้าจามเทวีได้ปฏิบัติมา ซึ่งองค์พระแม่เจ้าได้เล่าเรื่องการสร้างพระรอด พระคง พระลือ อย่างละเอียดผ่านคุณ<st1ersonName w:st="on" ProductID="ไพศาล แสนไชย">ไพศาล แสนไชย</st1ersonName> และได้จัดพิมพ์เป็นรูปเล่มเรื่อง

 

การอธิษฐานจิตแผ่เมตตาให้แก่แบบพิมพ์พระ

การอธิษฐานจิตแผ่เมตตาให้แก่แบบพิมพ์พระ<O</O​

แบบพิมพ์พระรอดนี้ ได้จ้างผู้ที่มีความรู้เรื่องพระรอดและเคยแกะต้นแบบพระรอดมาแล้วจนชำนาญ เป็นผู้แกะต้นแบบจัดทำพิมพ์พระให้แต่ก่อนที่จะนำแบบพิมพ์ทั้งหมดมาทำการพิมพ์พระ ท่านอาจารย์อินทร ได้นำเอาแบบพิมพ์เหล่านั้น ไปขอความเมตตาจากครูบาสังฆะที่มากด้วยพรรษา และเปี่ยมด้วยบารมีธรรมช่วยแผ่พลังจิตอธิษฐาน เพื่อให้พระรอดทุกองค์ที่กดออกจากแบบพิมพ์นั้น ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ ครูบาสังฆะที่พระอาจารย์อินทร ได้ไปขอความเมตตาจากพระคุณท่าน คือ<O</O
1. ครูบาอินตา อินทปัญโญ วัดห้วยไว อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน<O</O
2. ครูบาอิ่นแก้ว วัดวาลุการาม (ป่าแงะ)<O</O
อำเภอดอยสะเก็ด จังหวัดเชียงใหม่<O</O
3. ครูบาคำตั๋น อารามดอย อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่<O</O
4. พระครูวรวุฒิคุณ (ครูบาอินทร) วัดฟ้าหลั่ง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่<O</Oแล้วได้ฝากแบบพิมพ์ทั้งหมด ไว้กับท่านครูบาอินทรเป็นเวลา5 วัน กับ 5 คืน เพื่อขอรับบารมีจากครูบา<O</O
<O</O

 

การกดพิมพ์พระ

การกดพิมพ์พระ​

พระรอดวัดสันป่ายางหลวง ได้ฤกษ์ลงมือกดพิมพ์พระตามแบบโหราจารย์ภาคเหนือ ในวันที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2532 ตรงกับวันศุกร์ ขึ้น 11 ค่ำ เดือน 3 เหนือ ยามเช้า พระเณรในวัดสันป่ายางหลวงและคณะศรัธธาผู้ร่วมสร้างพระรอด ได้ช่วยกันนำวัตถุมงคลทุดอย่าง ที่ต้องใช้ในการกดพิมพ์พระรอด เช่น ดินผสม ผงยา และผงว่าน ที่จะนำมาคลุกดินอีกครั้งหนึ่งก่อนการกดพิมพ์พระรอด น้ำทิพย์ที่นำมาผสมดินให้อ่อนนิ่ม ทั้งหมดได้นำมารวมไว้กลางพระอุโบสถ แล้ววางรูปพระเกจิอาจารย์สำคัญๆ อันเป็นที่รู้จักและเคารพสักการะของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศไว้รอบๆ กองวัตถุมงคลนั้น เพื่ออธิษฐานของความเมตตาจากพระคุณท่าน ช่วยแผ่พลังบารมีมาปกป้องคุ้มครองพร้อมกับร่วมประจุพลังลงในวัตถุมงคลนั้นด้วย พระสงฆ์ภายในวัดสันป่ายางหลวง อันมีพระอาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-comอินทร ปัญญาวัฑฒโน</st1ersonName> เจ้าอาวาสเป็นประธาน ได้ร่วมกันสวดชยันโต ประพรมน้ำทิพย์ซึ่งนำมาทำน้ำพระพุทธมนต์ลงไปตามวัตถุมงคลเสร็จแล้วจึงลงมือกดพิมพ์พระ โดยพระอาจารย์อินทร เริ่มประเดิมเป็นองค์แรกพิมพ์ละองค์ทุกๆ พิมพ์ การสร้างพระครั้งนี้ ท่านพระอาจารย์อินทร ได้ตั้งใจไว้ว่าจะทำให้ได้ แปดหมื่นสี่พันองค์ เท่ากับจำนวนพระธรรมขันธ์ และเท่ากับจำนวนที่พระนางจามเทวีได้เคยสร้างไว้ครั้งแรก<O</O
<O</O

 

การอาบว่านยา

การอาบว่านยา​

การอาบว่านยาเริ่มตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2532 ไปจนถึงวันที่ 5 มกราคม 2533 รวมเวลา 9 วัน เริ่มด้วยพิธีการด้วยการเทศน์หนึ่งกันฑ์พระสงฑ์สวดชัยมงคลคาถา อุบาสกพิธีกรรมร่วมกับพระเณร ช่วยกันนำรพะลงอาบแช่น้ำว่านยา เป็นเวลาพอสมควร ให้เนื้อพระดูดซับเอาน้ำว่ายาไว้ แล้วนำขึ้นผึ่งบนแท่นที่ปูลาดด้วยผ้าเหลืองภายในปริมณฑล พระสงฑ์สวดชยันโตแล้วคลุมทับด้วยดอกไม้นานาชนิด ประพรมด้วยน้ำมนต์ น้ำอบน้ำหอม ทำพิธีเช่นนี้ติดต่อกันทุกเช้าเวลา 09.09 น. เป็นต้นไป จนถึงวันครบกำหนดคือ วันที่ 5 มกราคม 2533 และในตอนกลางคืนทุกคืน ได้รวมพระรอดกองไว้แล้วพระสงฑ์ภายในวัด สวดชัยมงคลคาถาเป็นประจำจนเสร็จพิธีอาบว่านยา <O</O
หลังจากนั้นวันสุดท้ายคือ วันที่ 5 มกราคม 2533 ได้นำพระรอดทั้งหมดมาประพรมและคลุกด้วยน้ำมันมนต์ อันประกอบด้วยน้ำมันงา , น้ำมันจันทน์ , น้ำมันมะพร้าว , น้ำมันมะกอก , น้ำมันละหุ่ง , น้ำมันหมื้อ , ชมด , ผงจันทร์เทศ , และกฤษณา น้ำมันนี้ได้เก็บไว้ในโบสถ์ และทำพิธีสวดด้วยธรรมจักร ทุกวันพระตลอดพรรษา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2525 จนกระทั่งเนื้อพระดูดซับเอาน้ำมันมนต์ฉ่ำทั่วองค์พระแล้ว จึงนำออกผึ่งให้แห้ง พอพระรอดทั้งหมดแห้งพอดี ก็ลำเลียงเข้าสู่บริเวณพิธีที่จะทำพิธีอธิฐานจิตแผ่เมตตาต่อไป<O</O
<O

<O

 

การอธิฐานจิตแผ่เมตตา

การอธิฐานจิตแผ่เมตตา<O</O​

เมื่อขั้นตอนทั้งหลายผ่านพ้นไป และได้สำเร็จเป็นองค์พระตามที่ต้องการแล้ว พิธีสำคัญยิ่งคือพิธีพุทธาภิเษก หรือการอธิฐานจิตแผ่เมตตาประจุไว้ในองค์พระ สถานที่ประกอบพิธีกรรมภายในโบสถ์ วัดสันป่ายางหลวง ด้วยเห็นว่า โบสถ์นั้น เป็นสถานที่ของสงฑ์โดยเฉพาะการทำพิธีกรรมของสงฑ์ เช่น การอุปสมบท การปลงอาบัติ ฟังพระปาฏิโมกข์ ก็ทำได้เอาเฉพาะในโบสถ์เท่านั้น ดังนั้น โบสถ์จึงเป็นสถานที่หมดจดสะอาดปราศจากสิ่งเลวร้ายและมลทิน<O</O
การจัดสถานที่ได้จัดเอาบรรดาศาสตราวุธทุกชนิดเท่าที่จะจัดหาได้บางอย่างก็ต้องใช้ของสมมุติแทนสิ่งมีพิษทั้งหลาย เช่น บรรดายาพิษทั้งหลายที่ชาวบ้านใช้กัน สัตว์มีพิษ และดุร้าย เช่น งูพิษ ตะเข็บ ตะขาบ ฯลฯ เสือ สิงโต กระทิง ควายป่า ช้าง ฯลฯ สัตว์ร้ายเหล่านี้ต้องใช้ของประดิษฐ์แทนของจริง ของทั้งหมดจัดนำมาเพื่อข่มพิษร้ายโดยจัดวางไว้ใต้แท่นที่วางพระแล้วปูทับด้วยผ้าขาวโรยทับด้วยดอกไม้อันมีดอกพุธ ดอกมะลิ และดอกไม้หอมอื่นๆ อีกมาก หมายถึงการลดความเลวร้ายลงและเปลี่ยนจากร้ายให้กลายเป็นดีในที่สุด ชั้นบนเป็นชั้นที่จัดวางพระรอดที่จะนำมาเข้าพิธีอธิฐานจิตแผ่เมตตา ปูลาดด้วยผ้าขาวแล้วจึงวางเกลี่ยพระลงบนชั้นนั้น ประพรมด้วยน้ำอบ น้ำหอมจนทั่วกองพระ แล้วปูทับด้วยผ้าขาวอีกชั้นหนึ่ง ชั้นบนสุดก็โรยด้วยดอกไม้อันเป็นมงคล และมีกลิ่นหอม การโรยดอกไม้ชั้นนี้ ได้โรยทับขึ้นไปทุกคืน ตลอดระยะเวลา 9 คืน<O</O
พิธีสำคัญนี้ได้ฤกษ์เริ่มพิธีในวันที่ 6 มกราคม 2533 ตรงกับวันเสาร์ขึ้น 14 ค่ำ เดือน 4 เหนือ ไปจนถึงวันที่ 14 มกราคม 2533 พิธีเริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น. ไปจนถึงเที่ยงคืน หลังเที่ยงคืนไปแล้ว ก็ยังคงเปิดโบสถ์จุดเทียนชัยไว้ แล้วกล่าว อัญเชิญเทพเทวาทั้งหลาย และพระสงฑ์จากพรหมโลก เทวโลก ขอให้มาร่วมแผ่เมตตาและอนุโมทนาในกองกุศลนี้ด้วย พิธีกรรมนี้ทำติดต่อกันไปรวมเวลาได้ 9 คืน ในพิธีอธิฐานจิตครั้งนี้ ทางวัดได้นำพระพุทธรูปขนาดหน้าตักกว้าง <?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-com9 นิ้ว</st1:metricconverter> จำนวน 205 องค์ พระพุทธรูปใหญ่ปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="69 นิ้ว">69 นิ้ว</st1:metricconverter> 1 องค์ พระพุทธรูป<O</O
ยืนปางห้ามมารสูง 4 ศอก 1 องค์ พระพุทธรูปปางประธานพรแบบอินเดีย ขนาดหน้าตักกว้าง <st1:metricconverter w:st="on" ProductID="39 นิ้ว">39 นิ้ว</st1:metricconverter> 2 องค์ เข้าร่วมพิธีด้วย<O</O
พระเกจิอาจารย์หรือครูบาสังฆะ ที่นิมนต์มาร่วมในพิธีอธิฐานจิตครั้งนี้ทั้งหมด 32 รูป ส่วนมากจะมีอายุ 70 พรรษาขึ้นไป และได้บำเพ็ญจิตภาวนาสั่งสมบารมีมาตลอด แม้บางองค์จะมีอายุพรรษาน้อยกว่านั้น แต่ก็เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ และสั่งสมบุญบารมีด้วยการบำเพ็ญจิตเรื่อยๆมาไม่ขาดสาย นับได้ว่าเป็นบุญอย่างยิ่งของคณะผู้ดำเนินการสร้างพระ ที่ได้รับความเมตตาอย่างสูงจากพระคุณเจ้าทุกรูป บางองค์ แม้จะสูงอายุสังขารร่างกายก็ทรุดโทรมตามปกติไม่รับนิมนต์ที่ไหนไกลๆ แต่ก็ยินดีมาร่วมพิธีกรรมครั้งนี้โดยเฉพาะ<O</O
<O

 

รายนามพระสงฆ์ที่มาร่วมพิธีอธิฐานจิตแผ่เมตตา

<O</O รายนามพระสงฆ์ที่มาร่วมพิธีอธิฐานจิตแผ่เมตตา<O</O

พระรอดปลอดภัยและพระพุทธรูปบูชา<O</O​

วันที่ 6 มกราคม 2533<O</O
1. พระมหาเจติยารักษ์ วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร แสดงธรรม “ไชยะสังคะหะ “ เริ่มพิธีกรรม<O</O
2. ครูบาดวงจันทร์ จันวโร วัดป่าเส้า อ.เมือง ลำพูน<O</O
3. ครูบาปั๋นคำ วัดสวนลำไย อ.เมือง ลำพูน<O</O
4. พระมหาบุญช่วย วัดสวนลำไย อ.เมือง ลำพูน<O</O
วันที่ 7 มกราคม 2533 <O</O
1. ครูบาสิงห์แก้ว สิริวิชโย วัดป่าขาม อ.เมือง ลำพูน<O</O
2. พระครูสุทธิธรรมสุนทร วัดบ้านหลุก อ.เมือง ลำพูน<O</O
3. ครูบาอินตา ธนักขันโธ วัดวังทอง อ.เมือง ลำพูน<O</O
4. ครูบาต่วน อริยวังโส วัดหนองปลาขอ อ.เมือง ลำพูน<O</O
วันที่ 8 มกราคม 2533<O</O
1. พระครูสังวรญาณ วัดพระเจ้าสะเลียมหวาน อ.บ้านโฮ่ง ลำพูน<O</O
2. พระครูรัตนวงศ์วิวัฒน์ วัดห้วยแทง อ.บ้านโฮ่ง ลำพูน<O</O
3. พระครูศิรินันทคุณ วัดช้างค้ำ อ.ป่าซาง ลำพูน<O</O
4. ครูบาซอน ธันมชโย วัดดอนหลวง อ.ป่าซาง ลำพูน<O</O
วันที่ 9 มกราคม 2533<O</O
1. พระครูชยาลังการ วัดทาดอยแช่ อ.แม่ทา ลำพูน <O</O
2. พระครูรัตนวงศ์วิวัฒน์ วัดปทุมสราราม อ.ป่าชาง ลำพูน<O</O
3. ครุบาจันทร์ จันทวังโส วัดสันเจดีย์ริมปิง อ.เมือง ลำพูน<O</O
4. ครูบาสุจินดา สุมังคโส วัดม่วงชุม อ.พาน เชียงราย<O</O
วันที่ 10 มกราคม 2533<O</O
1. พระครูชยาลังการ วัดทาดอยแช่ อ.แม่ทา ลำพูน<O</O
2. พระครูรัตนวงศ์วิวัฒน์ วัดประทุมสราราม อ.ป่าซาง ลำพูน<O</O
3. ครูบาจันทร์ จันทวังโส วัดสันเจดีย์ริมปิง อ.เมือง ลำพูน<O</O
4. ครูบาสุจินดา สุมังคโล วัดม่วงชุม อ.พาน เชียงราย<O</O
วันที่ 10 มกราคม 2533<O</O
1. ครูสิงหวิชัย สิริวิชโย วัดฟ้าฮ่าม อ.เมือง เชียงใหม่ <O</O
2. ครูบาอินตา อินทปัญโญ วัดห้วยไซ อ.เมือง ลำพูน<O</O
3. ครูบาแสง วัดล้อมก่องข้าว อ.สันกำแพง เชียงใหม่<O</O
4. พระครูพิทักษ์ปัจจันตเขต วัดพระชินธาตุดอยตุง อ.แม่สาย เชียงราย<O</O
วันที่ 11 มกราคม 2533<O</O
1. พระครูคันธวงศ์วิวัฒน์ วัดหนองผำ อ.ป่าซาง ลำพูน<O</O
2. ครูบาสม โสภโน วัดเจดีย์สามยอด อ.ป่าซาง ลำพูน<O</O
3. ครูตุ่น ปัญญาวิลาโส วัดบ้านล้อง อ.ป่าซาง ลำพูน<O</O
วันที่ 12 มกราคม 2533<O</O
1. พระครูญาณภิรัต วัดป่าเจริญธรรม อ.สันป่าตอง เชียงใหม่<O</O
2. พระครูศรียูรมงคล วัดทุ่งแป้ง อ.สันป่าตอง เชียงใหม่<O</O
3. พระครูบวรสุขบท วัดป่าซางน้อย อ.ป่าซาง ลำพูน<O</O
วันที่ 13 มรกราคม 2533<O</O
1. พระครูวรวุฒิคุณ วัดฟ้าหลั่ง อ.จอมทอง เชียงใหม่<O</O
2. พระครูธรรมภาณี วัดดอยชัย อ.สันป่าตอง เชียงใหม่<O</O
3. พระครูญาณภิรัต วัดป่าเจริญธรรม อ.สันป่าตอง เชียงใหม่<O</O
วันที่ 14 มกราคม 2533<O</O
1. พระครูสุขบทบริหาร วัดห้างฉัตร อ.ห้างฉัตร ลำปาง<O</O
2. พระครูโถมมณียคุณ วัดบ้านเป้า อ.ห้างฉัตร ลำปาง<O</O
3.พระครูรัตนาคม วัดพระธาตุเสด็จอ.เมือง ลำปาง<O</O
4.พระครูรักขิตคุณ วัดม่อนพญาแช่ อ.เมือง ลำปาง<O</O
<O</O
นอกจากพระเถระที่นิมนต์มาแล้ว ทุกคืนพระสงฆ์ภายในวัดสันป่ายางหลวงอันประกอบด้วย<O</O
1.พระปลัดอินทร ปัญญาวัฑฒโน เจ้าอาวาส<O</O
2.พระมหาเจริญ ชุตินธโร<O</O
3.พระอุทัย อภิญญาโณ<O</O
4.พระชัยพร สิริปัญโญ<O</O
5.พระคัชเชน โชติธัมโม<O</O
ได้ร่วมพิธีอธิฐานจิตแผ่เมตตา กับพระเถระเป็นประจำทุกคืน ตั้งแต่คืนเริ่มต้นจนถึงคืนสุดท้าย พระภิกษุรูปอื่นที่ไม่เข้าร่วมพิธีอธิฐานจิตแผ่เมตตา ก็เข้าไปสวดพระคาถาพุทธาภิเษก ร่วมกันกับสามเณร ตั้งแต่เริ่มพิธีจนจบพิธีกรรมทุกๆ คืน<O</O

 

พระสงฆ์จากเทวโลก พรหมโลกที่มาร่วมอธิฐานจิตแผ่เมตตา

ทุกคืน หลังจากพิธีกรรมทางมนุษย์โลกจบสิ้นแล้วเวลาตั้งแต่ 24.00 น.เป็นต้นไป ได้มีพระสงฆ์จากพรหมโลก เทวโลก มาร่วมอธิฐานจิตแผ่เมตตาต่อไปอีก จนถึงเวลา 05.00

พระสงฆ์จากเทวโลก พรหมโลก<O</O


ที่มาร่วมอธิฐานจิตแผ่เมตตา พระรอดปลอดภัย
วันที่ 6 มกราคม 2533<O</O​

1.ครูบาคัณธา คัณธาโล วัดเมืองสร้อย ตาก<O</O
2.ครูบาศรีวิชัย วัดบ้างปาง ลี้ ลำพูน<O</O
3.ครูบาบุญทา วัดสันป่ายางหลวง ลำพูน<O</O
4.ครูบาอภัยสะระทะ วัดฝานหิน เชียงใหม่<O</O
<O</O
วันที่ 7 มกราคม 2533<O</O
1.ครูบาอุปาละ วัดดอยเต (บ้านทา)ลำพูน<O</O
2.หลวงพ่อคล้าย วัดสวนขัน นครศรีธรรมราช<O</O
3.หลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ชุมพร<O</O
4.หลวงปู่เขียว วัดหลงบน นครศรีธรรมราช<O</O
<O</O
วันที่ 8 มกราคม 2533<O</O
1.หลวงพ่อยิ้ม วัดเจ้าเจ็ดใน อยุธยา<O</O
2.หลวงพ่อปาน วัดคลองด่วน สมุทรปราการ<O</O
3.หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค อยุธยา<O</O
4.หลวงปู่รอด วัดทุ่งศรีเมือง อุบล<O</O
<O</O
วันที่ 9 มกราคม 2533<O</O
1.สมเด็จลูน ประเทศลาว<O</O
2.หลวงพ่อโอภาศรี วัดบางมด<O</O
3.หลวงปู่บุญ นครปฐม<O</O
4.หลวงปู่สงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ชุมพร<O</O
<O</O
วันที่ 10 มกราคม 2533<O</O
1.ครูบาสุริยะ วัดเท้าบุญเรือง เชียงใหม่<O</O
2.ครูบาเถิ้ม วัดแสนฝาง เชียงใหม่<O</O
3.ครูบาอินทรจักร วัดป่าลานห้วยยาบ ลำพูน<O</O
4.ครูบาอุปาละ วัดดอยแต (บ้านทา) ลำพูน<O</O
<O</O
วันที่ 11 มกราคม 2533<O</O
1.หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา<O</O
2.หลวงพ่อหมุน วัดเงาตะแคงตะวันตก พัทลุง<O</O
3.หลวงพ่อเอีย วัดบ้านด่าน ปราจีน<O</O
4.ครูบาอุปาละ วัดดอยแต (บ้านทา) ลำพูน<O</O
<O</O
วันที่ 12 มกราคม 2533<O</O
1.หลวงพ่อน้อย วัดศรีษะทอง นครปฐม<O</O
2.หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม นครปฐม<O</O
3.ครูบาอ้าย อินทรปัญโญ วัดสะปุ๋งน้อย (ป่าซาง) ลำพูน<O</O
<O</O
วันที่ 13 มกราคม 2533<O</O
1.ครูบาดง ชวโน วัดดงเหนือ แพร่<O</O
2.ครูบาแก้ว อินทรจักโก วัดเขื่อนคำลือ แพร่<O</O
3.พระครูเนกขัมมะวิสุทธิ์ วัดดอนตัน น่าน<O</O
4.ครูบาขันแก้ว วัดสันพระเจ้าแดง ลำพูน<O</O
<O</O
วันที่ 14 มกราคม 2533<O></O>
1.ครุบาคำแสน วัดสวนดอก เชียงใหม่<O</O
2.ครูบาคำแสน วัดป่าดอนมูล เชียงใหม่<O</O
3.หลวงปู่คำปัน วัดสันโป่ง เชียงใหม่<O</O
4.หลวงปู่ภู วัดอินทร์วิหาร กรุงเทพ<O</O
<O</O
พระมหาเถระที่มีชื่อประจำวันนี้ ท่านจะมาร่วมอธิฐานจิต ตั้งแต่เที่ยงคืนจนถึง 5โมงเช้า ตามรายการ นอกจากนี้ยังมีพระเถระอีกนับร้อยรูปจากพรหมโลก ผลัดเปลี่ยนเวียนกันมาร่วมอธิฐานจิต องค์ละประมาณ10-15 นาที แล้วกลับ ตลอดระยะเวลาพิธีอธิฐานจิต ตั้งแต่วันเริ่มต้นจนวันสุดท้าย แต่ไม่อาจจะนำรายนามท่านมาลงได้ทั้งหมด เพราะมีจำนวนมากและบางองค์คุณไพศาล ก็ไม่รู้จัก<O</O
ในคืนเริ่มต้นและคืนสุดท้ายของพิธีกรรม พระแม่เจ้าจามเทวี ได้เสด็จมาร่วมอนุโมทนา และแผ่เมตตาด้วยแต่อยู่ภายยอกโบสถ์ พระแม่เจ้าได้ตรัสกับไพศาลว่า พระรอดปลอดภัยนี้ดีเท่ากับพระรอดในสมัยที่แม่หม่อน(พระแม่จามเทวี)สร้างสามารถปราบแป๊ (ชนะ)ภูตผี เงือกหงอน ได้ด้วย ใครมีบูชาก็จะอยู่เย็นเป็นสุข จำเริญรุ่งเรือง แม่หม่อนขออนุโมทนากับผู้ใดก็ตามที่ได้ไว้บูชาทุกผู้ทุกคน ขอให้เคารพนบยำอย่าได้เหยียบย่ำข้ามกลายเป็นอันขาด(นี่คือคำยืนยันจากดวงพระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของพระนางจามเทวี)<O</O

 

นี่คือรูปพระรอดหลังอ.หรือพระรอดปลอดภัย ที่ผมมีไว้บูชาครับ

ส่วนประสบการณ์นั้นสุดยอดครับ เช่นเมื่อปีที่แล้วที่พิษณุโลก ตำรวจท่านหนึ่งเป้นสายยาเสพติดโดนจับได้เลยโดนล็อกคอจ่อยิงหลายนัดแต่ไม่ออกแม้แต่นัดเดียว และที่ผมตามเก็บก็เพราะว่าอ่านประวัติการสร้างแล้วแถมด้วยไอ้เพื่อนพวกเดียวกันนี่แหละครับ เมาแล้วทะเลาะกับแฟน โดนบังตอคมกริบไปที่ก้านคอกับต้นแขน เสื้อขาดแตไม่เข้าครับ....ผมเลยตามเก็บไว้ซะหลายองค์ ซึ่งตอนี้ก็เริ่มหายากพอควรแล้วหละครับ องค์สวยชนะประกวดก็เคยเห็นเปลี่ยนมือกันไปก็ครึ่งหมื่นอะครับ
....ใครมีโอกาสพบเจอหาเก็บไว้บูชานะครับของดีที่ไม่ค่อยมีคนรู้.....

 

หมายกำหมดการพิธีอธิฐานจิตแผ่เมตตา

หมายกำหมดการพิธีอธิฐานจิตแผ่เมตตา ประจุพลัง


พระรอดปลอดภัย พระพุทธรูปบูชา<O</O​

วันที่ 6 ถึง 14 มกราคม พ.ศ. 2533 รวม 9 คืน<O</O
เวลา 20.09 น. อุบาสกพิธีกรรม ไหว้พระ สมาทานศีล<O</O
เวลา 20.29 น. พระสงฆ์ 9 รูป เจริญพระพุทธมนต์<O</O
เวลา 21.09 น. พระเถระขึ้นนั่งอาสนะ<O</O
อุบาสกพิธีกรรมลั่นฆ้องชัย 9 ครั้ง<O</O
พระสงฆ์ 9 รูป เริ่มเจริญชัยมงคลคาถา<O</O
พระสงฆ์มหาเถระเริ่มแผ่เมตตา ประจุพลัง<O</O
การแผ่เมตตาบางเป็นคืนละ 3 วาระ วาระหนึ่งใช้เวลา 1 ชั่งโมง แล้วหยุดพักจนถึงเวลาประมาณ 24.00 น. เป็นเสด็จพิธีในแต่ละคืน<O</O
หลังจาก 24.00 น. ไปแล้ว พระอาจารย์<?xml:namespace prefix = st1 ns = "urn:schemas-microsoft-comอินทร เจ้าอาวาส</st1ersonName> จุดพรหมโลก เทวโลก ขอให้มาร่วมแผ่เมตตา ประจุพลัง พระรอดปลอดภัยและพระพุทธรูปบูชา แล้วเปิดโบสถ์สถานที่ประกอบพิธีกรรมไว้ตลอดคืน<O</O
สำหรับคืนวันที่ 6 มกราคม 2533 ซึ่งเป็นคืนแรกหลังจาก อุบาสกพิธีกรรมไหว้พระ สมาทานศีล พระมหาเจติยารักษ์ วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ได้แสดงธรรม “ไชยะสังคะหะ” เพื่อเป็นมงคลในพิธีกรรมและขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายทั้งหลายมิให้เข้ามากวนในบริเวณพิธีเมื่อแสดงธรรมจบแล้ว พระเถระจึงเริ่มพิธีแผ่เมตตา ประจุพลัง<O</O
คืนสุดท้าย วันที่ 14 มกราคม 2533 ได้มีการสวดเบิก หลังจากพิธีอธิฐานจิต 3 ชุด คืนนี้ตลอดคืนมีการกวนเข้าวมธุปายาสหรือ “ข้าวทิพย์” ให้เสด็จทันตอนรุ่งสว่างเพื่อใส่บาตรพระ ตอนใกล้รุ่งพระสงฆ์ 19 รูป สวดเบิกพระเนตรพระพุทธรูปบูชา แกะสีผึ้งเปิดพระเนตร เปิดผ้าคลุมพระพักตร์พระพุทธรูปที่เข้าพิธี 209 รูป อุบาสกพิธีกรรมเก็บรวบรวมพระรอดปลอดภัยลงบรรจุถุง เพื่อเตรียมไว้แจกจ่ายแก่ศรัธาทั้งหลายต่อไป<O</O
ตอนเช้าวันที่ 14 มกราคม นี้มีการทำบุญใส่บาตรพระที่มาร่วมพิธีถวายภัตตาหาร ถวายไทยทาน พระสงฆ์อนุโมทนาให้พรแล้ว ก็แจกจ่ายพระรอดปลอดภัยนี้ได้แจกจ่ายติดต่อกันไปอีกหลายเดือน เพราะมีผู้เลื่อมใสได้ยินกิติศัพท์เลื่องลือถึงคุณวิเศษของพระรอดปลอดภัยแล้ว ได้เข้ามาขอเพื่อสักการบูชา และเป็นเครื่องคุ้มครองตนไม่ขาดสาย หลายคนอุตส่าห์เดินทางมาจากจังหวัดไกลๆ เช่น กรุงเทพ นครปฐม นครราชสีมา พิษณุโลก เป็นต้น เพื่อหวังจะได้พระรอดปลอดภัยไว้คุ้มครองไว้คุ้มครองตัวเองและครอบครัว แม้ผู้ที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งได้มองข้ามความสำคัญไปเพราะคิดว่าเป็นของแจกฟรี ไม่มีคุณค่า จึงไม่มาในวันแจกพระวันแรก ก็ต้องเปลี่ยนใจมาขอรับพระไปภายหลัง<O</O

 

แนะนำให้รู้จักพระรอดปลอดภัย

แนะนำให้รู้จักพระรอดปลอดภัย​

พระรอดปลอดภัยนี้เป็นพระรอดพิมพ์ต่อ องค์พระต้นแบบนั้นมีเพียงองค์เดียว แต่ทำแบบพิมพ์ออกมาจำนวนหลายสิบพิมพ์ ด้วยวัสดุชนิดหนึ่งเรียกว่า “ดีโกว่า” “ดีโกว่า” นี้ มีลักษณะคล้ายขี้ผึ้งแต่แข็งกว่า เมื่อนำมาทำแบบพิมพ์ระแล้วมีการชำรุด และแปรเปลี่ยนรูปทรงได้ง่าย เพราะไม่ค่อยจะทนต่อแรงกด ความกัดกร่อน และความร้อนได้มากนัก จึงมีอายุการใช้งานสั้น ต้องนำมายุบแล้วนำทำแบบพิมพ์ใหม่บ่อยครั้ง ประกอบกับผู้ที่มาช่วยกดพิมพ์ระรอดปลอดภัยมีจำนวนมาก จึงทำให้พระรอดแต่ละองค์มีความแตกต่างกันออกไป เช่น บางองค์รูปทรงกว้าง บางองค์แคบสูง บางองค์ฐานสั้น บางองค์ฐานยาว บางองค์มีรายละเอียดชัดเจน แต่บางองค์ก็กลางเลือน เป็นต้น จึงหาลักษณะพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ในองค์พระไม่ได้ แต่กลับมีลักษณะพิเศษที่ด้านหลังองค์พระ คือ พระรอดปลอดภัยทุกองค์จะมีอักษร “อ” ประทับไว้ด้านหลัง ที่ไม่มีอักษร “อ” เพราะอาจจะหลงลืมประทับก็คงมีอยู่บ้างแต่ก็น้อยเต็มที ถึงอย่างไรก็ตามพระรอดปลอดภัยทุกองค์จะมีลักษณะองอาจผึ่งผาย มีอำนาจน่าเคารพสักการะเป็นที่ยิ่ง ยิ่งเป็นองค์ที่มีรายละเอียดที่สมบูรณ์มีพระเนตร พระนาสิก และพระโอษฐ์ ชัดเจนด้วยแล้วยิ่งเพิ่มความงามสง่าขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ก็มีจำนวนน้อยมาก เพราะผู้ที่จะพิมพ์พระที่สมบูรณ์แบบแบบนี้ออกมา ต้องใช้สมาธิและความประณีตเป็นอย่างสูงทำไปช้าๆ ไม่หวังผลทางด้านปริมาณ<O</O
สีขององค์พระ พระรอดปลอดภัยนี้ขณะที่นำออกจากเตาเผาใหม่ๆ มีสีสดใสชัดเจนมากพอจะแยกออกไปเป็น 9 สี โดยไม่นับสีสลับในองค์เดียวกัน มีสีเหลืองสด สีเหลืองอ่อน สีกรัก สีแดง สีมันปู สีขาว สีเขียว สีเทา และสีดำ เมื่อนำมาเทจากหม้อเผาลงมารวมกัน มองดูคล้ายกองดอกไม้ต่างสีสวยงามมาก แต่หลังจากผ่านการอบว่านยา และคลุกน้ำมันมนต์แล้วก็ทำให้สีหมองลงไห้สดใสเหมือนเดิมแต่ก็ยังแยกออกว่าเป็นสีอะไร ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ พระรอดปลอดภัยนี้จะมีลักษณะจะมีกลิ่นหอมนี้อาจระเหยไปก็ได้ แต่อำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของว่านยานั้นจะยังคงอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย<O</O

<O</O​

พระรอดปลอดภัยนี้เป็นพระรอดพิมพ์ต่อ องค์พระต้นแบบนั้นมีเพียงองค์เดียว แต่ทำแบบพิมพ์ออกมาจำนวนหลายสิบพิมพ์ ด้วยวัสดุชนิดหนึ่งเรียกว่า “ดีโกว่า” “ดีโกว่า” นี้ มีลักษณะคล้ายขี้ผึ้งแต่แข็งกว่า เมื่อนำมาทำแบบพิมพ์ระแล้วมีการชำรุด และแปรเปลี่ยนรูปทรงได้ง่าย เพราะไม่ค่อยจะทนต่อแรงกด ความกัดกร่อน และความร้อนได้มากนัก จึงมีอายุการใช้งานสั้น ต้องนำมายุบแล้วนำทำแบบพิมพ์ใหม่บ่อยครั้ง ประกอบกับผู้ที่มาช่วยกดพิมพ์ระรอดปลอดภัยมีจำนวนมาก จึงทำให้พระรอดแต่ละองค์มีความแตกต่างกันออกไป เช่น บางองค์รูปทรงกว้าง บางองค์แคบสูง บางองค์ฐานสั้น บางองค์ฐานยาว บางองค์มีรายละเอียดชัดเจน แต่บางองค์ก็กลางเลือน เป็นต้น จึงหาลักษณะพิเศษที่เป็นเอกลักษณ์ในองค์พระไม่ได้ แต่กลับมีลักษณะพิเศษที่ด้านหลังองค์พระ คือ พระรอดปลอดภัยทุกองค์จะมีอักษร “อ” ประทับไว้ด้านหลัง ที่ไม่มีอักษร “อ” เพราะอาจจะหลงลืมประทับก็คงมีอยู่บ้างแต่ก็น้อยเต็มที ถึงอย่างไรก็ตามพระรอดปลอดภัยทุกองค์จะมีลักษณะองอาจผึ่งผาย มีอำนาจน่าเคารพสักการะเป็นที่ยิ่ง ยิ่งเป็นองค์ที่มีรายละเอียดที่สมบูรณ์มีพระเนตร พระนาสิก และพระโอษฐ์ ชัดเจนด้วยแล้วยิ่งเพิ่มความงามสง่าขึ้นเป็นทวีคูณ แต่ก็มีจำนวนน้อยมาก เพราะผู้ที่จะพิมพ์พระที่สมบูรณ์แบบแบบนี้ออกมา ต้องใช้สมาธิและความประณีตเป็นอย่างสูงทำไปช้าๆ ไม่หวังผลทางด้านปริมาณ<O</O
สีขององค์พระ พระรอดปลอดภัยนี้ขณะที่นำออกจากเตาเผาใหม่ๆ มีสีสดใสชัดเจนมากพอจะแยกออกไปเป็น 9 สี โดยไม่นับสีสลับในองค์เดียวกัน มีสีเหลืองสด สีเหลืองอ่อน สีกรัก สีแดง สีมันปู สีขาว สีเขียว สีเทา และสีดำ เมื่อนำมาเทจากหม้อเผาลงมารวมกัน มองดูคล้ายกองดอกไม้ต่างสีสวยงามมาก แต่หลังจากผ่านการอบว่านยา และคลุกน้ำมันมนต์แล้วก็ทำให้สีหมองลงไห้สดใสเหมือนเดิมแต่ก็ยังแยกออกว่าเป็นสีอะไร ที่สำคัญอีกอย่างก็คือ พระรอดปลอดภัยนี้จะมีลักษณะจะมีกลิ่นหอมนี้อาจระเหยไปก็ได้ แต่อำนาจความศักดิ์สิทธิ์ของว่านยานั้นจะยังคงอยู่อย่างไม่เสื่อมคลาย<O</O

 

ขอรับ 1 ชุด ถ้าให้ติดต่อมาทาง pm

 

หากอยากทราบว่าขั้นตอนการสร้างพระรอดมหาวันเป็นอย่างไรก็ตามที่ทุกท่านได้อ่านนี่แหละครับ เพราะว่า พระแม่จามท่านมาบอกกล่าวขั้นตอนในการสร้างการปลุกเสกทั้งหมด ผ่านคุณไพศาลเพื่อนำข่าวมาบอกแก่ท่านพระอาจารย์อินทร ทั้งสิ้น หาได้คิดขั้นตอนการทำเองไม่ครับ

 

ภาพขั้นตอนทั้งหมดและพระรอดสีต่างๆครับ

........................................

 

ตัวผมพอมีเก็บอยู่จำนวนหนึ่งจึงขอนำออกมาเผยแพร่ให้เพื่อนๆชาวเวปได้ของดีไว้บูชากันครั

องค์ที่ 1...600...คุณjimmyuroบูชาครับ

 

องค์ที่ 2

...450...คุณศราวุธ<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_1784299", true); </SCRIPT> บูชาครับ

 

องค์ที่ 3

...550...คุณwat.Rบูชาครับ

 

องค์ที่ 4

...450...