ประวัติชาติไทยตั้งแต่ต้นกัป พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ(พิมพ์เป็นตัวอักษร)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เก่ากะลา, 27 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    ชิ้นส่วนดินเผานี้ เป็นฐาน เข้าใจว่า ฐานวงล้อธรรมจักร์ นายบุญมี เกลี้ยงหมดจด ได้ ณ บ้าน สระโบสถ์
    แต่ตัววงล้อธรรมจักร์แตกหมดเหลือแต่ฐาน มีลายสือไทยอ่านได้ว่า

    [​IMG]

    ลายเซ็นชื่อ ขุนแสนไพล ได้จารึกไว้ จึงรู้ว่า วงล้อธรรมจักร์ดินเผาชิ้นนี้ ขุนแสนไพลได้กระทำไว้
    เข้าใจว่า คงจะพร้อมกับจารึกข้างบนนั้ัน
    มีระบุว่า พ.ศ.๓๐๐
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0208.jpg
      scan0208.jpg
      ขนาดไฟล์:
      215.7 KB
      เปิดดู:
      2,023
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2013
  2. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    แผ่นที่ ๔๕๐ นี้ ยาว ๒๗ นิ้วเศษ กว้าง ๑๑ นิ้ว
    เล่าถึง ตวัน ได้หินแก้วก้อนใหญ่
    สี เขียว ขาว แดง
    มีชื่อ มนขอมพิสสณุ นำมาเฉพาะหน้า ๑
    พ.ศ. ๒๘๕ นี้ ก่อนประวัติพระแก้วมรกฏฯ

    a.2245775.jpg
    ตวัน อธิ ราช (กลับ)

    จาก เมือง อินทร
    จัมปา ได้แก้ว สี

    แสง เขียว ฃาว

    แดง ก้อน ใญ (ใหญ่)

    เอิ้น หา มน

    ฃอม พิ ส ส ณุ


    ตวันอธิราช (กลับ)จากเมืองอินท จัมปา (ได้) แก้วสีแสง เขียว ขาว แดง (ก้อนใหญ่) เอิ้นหา มนฃอมพิสสณุ
    ตวันสั่ง งามตัว เดือนเด่นฟ้า เดือน นิมนต ญาณจรณเถร มีอุตตร มูนีย
    นังช่วยมนขอม ขอมเฉย ขอมเมือง ช่างมั่นหาญ รวมทำพุทธสมาธิ แล มารแพ้ นังเทสน
    แล้วขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๘ ปีพุทธสาสนกาล ๒๘๕
    a.2249400.jpg a.2249419.jpg
    (ซ้าย)พระแก้วมรกต ที่ยืนยันชื่อแก้วว่าหินใส แก้วนี้คือหินหยกสาแหรก ว่ามีสายจากรัสเซียถึงเปอร์เซีย
    แต่สัดส่วนแสดงว่าแบบไทย หยกชนิดนี้ ที่เขาเรียกว่า ฟลูโอไรท์ แร่นี้มีสายลงมาจากเชียงรายถึงปัตตานี ที่เป็นลายสาแหรกนี้ คงมีแต่ยังไม่พบ หรือพบแล้วไม่รู้

    (ขวา)พระแก้วหินหยกลายขาว-ม่วงดำ อยู่ในเจดีย์วัดทุ่งคอกอู่ทอง
    ที่ดีๆ๙๒องค์ ทั้งองค์ใหญ่องค์เล็ก ถูกนำเอาไปขายเมืองนอกเกือบหมดแล้ว


    ถ้าดูสัดส่วนแล้วจะเห็นเหมือนกัน จึงแน่ใจว่า ที่ตะวันจารึกไว้ว่า กลับจากอินทร ได้แก้วมา๓ก้อน สีแดง ขาว เขียว ให้ มาขอม และ ขอมอื่น สลักพระพุทธรูป๓องค์ ๑๕ปีเสร็จ อาจเป็นองค์หินเขียวนี้ก็ได้
    ถ้าทำที่อื่นที่นั้นคงมีหลายองค์ แต่ที่ภาคกลาง คือ ทุ่งคอก มีตั้ง๙๒องค์นั้น ยืนยันหลักฐานอยู่แล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  3. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    แผ่นที่ตวันเขียนประกาศเชิญพระญาณจรณกับองค์อื่นๆรวม ๒,๕๐๐ องค์ ยาว ๒๗นิ้วเศษกว้าง ๑๑ นิ้ว เขียนพระไตรปิฎกลงหินและใบลาน ใบลานคงผุไปหมด
    ส่วนที่ลงหินได้เคยถ่ายรูปตัวที่ชัดๆ แต่ไม่เห็นกระจ่าง
    คราวนี้ถ่ายได้บ้างและทำแบบแล้ว(แผ่นที่ ๔๕๗ หน้า ๑)
    a.2245736.jpg

    ๑.ต วัน อธิราช เจ้า ไทย กรุง สุ วั ณ ณ ภู มิ เ มื อ ง ท อ ง

    ๒. ขอ เชิญ ญาณ จรณ เถร เขียน ลง หิ น ทั้ ง ใ บ

    ๓. ลาน ประ ดิษ ฐาน พระ พุทธ สา สนา เมื่อ พุทธ กาล ๓๐๐ แล

    ตวันอธิราชเจ้าไทย กรุงสุวัณณภูมิ เมืองทอง ขอเชิญญาณจรณ เขียนลงหิน ทั้งใบลาน ประดิษฐานพระพุทธสาสนา เมื่อพุทธกาล ๓๐๐ แล

    ตวัน เชิญ ญาณจรณ พร้อมภิกขุสงฆ ๒๕๐๐ มนฃอมพิสสณุ ทำหินด้วยดินดาน ยางกบก
    ฃุนเดือน หาต้นใบลาน บ้านคอนช้างก้อง
    เขียนขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๕ ปี ๓๐๐
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0214.jpg
      scan0214.jpg
      ขนาดไฟล์:
      434.6 KB
      เปิดดู:
      1,038
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  4. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    จารึกพระไตรปิฏก ธัมฺมจักฺกัปปฺวัตฺตนสูตร ยาว ๓๕นิ้วฟุต กว้าง๑๑นิ้ว(เอวมฺเม สุตํ ฯลฯ โปถุชฺชนิโก)
    หน้านี้ว่า(๔๔๖)หน้า๑

    a.2245774.jpg

    -อนริโย อนฎฐสณฺ ฐิโฏ (ปัจจุบัน อนตฺถสญฺหิโต)

    -เอเต ภิกฺขเว อุ

    -โภ อนฺเต อนุปคมฺม

    -มชฺฌิมา ปฏิปทา ตถาคเตน

    -อภิสมฺพุทฺธา จกฺขุกรณี ญาณกร

    -ณี อุปสมาย อ

    -ภิญฺญาย สมฺโพธาย

    -นิพฺพานาย สํวตฺตติ

    -กตมา จ สา ภิกฺขเว มชฺฌิมา

    -ปฏิปทา ตถาคเตน

    -อภิสมฺพุทฺธา จกฺขุกรณี
    ญาณกรณี อุปส
    มาย อภิญฺญาย สมฺโพธาย นิพฺพานาย (สํวตฺตติ)
    (๓บรรทัดนี้ซ้อนกัน)
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0048.jpg
      scan0048.jpg
      ขนาดไฟล์:
      1,017.3 KB
      เปิดดู:
      1,120
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  5. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    สิริงามตัวอธิราชินี กองก่อส้างวัดสุวัณณภูมิ
    ตวันผู้ผัวเห็นว่าเมียเมื่อมีดีต่อบ้านเมือง พุทธสาสนา ให้เงินทอง
    พริบพลอยเสรอเมอมลาก แม่งามตัวเอาเข้าเจดียสุวัณณภูมิ เงิน ๑๐ อ่าง ทอง ๒ เถ้ง
    งามตัวอธิราชินี มาพริบพรี นำเงินทอง (๑)พริบ (พลี) พลอย ๓ อ่าง
    เข้าฝังฐานเจดียวัดพริบพลี เพื่อเป็นพุทธบูชา ธัมมบูชา สงฆบูชา วันแรม ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีพุทธกาล ๓๐๐
    ...................................................................................................
    (๑)พริบ พลี พลอย พริบ กระพริบ คือ เพชร พริบเป็นคำไทยเดิมก่อนที่ วชิร วชฺร พัชร เพชร จะเข้ามาสู่คำไทย และได้สูญไปแล้วจากความรู้ของไทย เหมือนชื่อโตนด ซึ่งสูญไปเมื่อเร็วๆนี้ พร้อมกับมีชื่อว่าตาล เข้ามาสู่แทน
    พลี คือ ไพลิน พลอย บางแห่งก็เรียก พลี แต่พลอยนี้ เป็นจำพวกหินใสทึบแสง หรือไม่มีแสงกระจ่าง หรือไม่มีรุ้ง
    พลีไทย ก็คือ หินเขี้ยวใสกระจ่างแสง แต่เปราะเจาะหินไม่ได้
    เฉพาะน้ำแล้วกระจ่างกว่า
    พริบ พลี พลอย นี้ ไทยโบราณรู้จักดี จึงตั้งชื่อเรียกไว้ได้
    a.2250599.jpg
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0221.jpg
      scan0221.jpg
      ขนาดไฟล์:
      81.2 KB
      เปิดดู:
      967
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  6. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    เดือนเด่นฟ้า นำแม่ถึงเมืองเพชรพริบพรี พร้อมตวัน (อธิราช)
    แสง (สายทอง ดาวเด่นฟ้า) แล ญาณจรณ สามเณรภูมหาน มาใน (วัน) ขึ้น ๑ (ค่ำ) เดือน ๗ (ปี) พุทธกาล ๓๐๐

    งามตัวเทวี(๒) มาเพชร ลาตวัน (แล้ว ) ญาณจรณ อุปัชฌา
    ให้บวชเปนชี(คงให้บวชแบบสามเณร คือ ติสรณคมนูปสัมปทา
    มีชื่อว่า สิริหัสสา(๓) เมื่อเดือน ๘ ขึ้น ๕ ค่ำ ในปีพุทธกาล ๓๐๐ (เท่าที่แบบบวชสามเณรปรากฎอยู่บัดนี้ คือ กล่าวคำขอบวชแล้วครองผ้าตามแบบ เข้ากราบขอสรณและสีล ท่านจะให้ว่าสรณจบที่ ๓ สำเร็จเพศ จึงให้รับสิกขาซึ่งชีสากิยานีคงรับเพียง ๘ แบบองคอุโบสถสีล ที่ถือเคร่งก็ถือสิกขาบท ๑๐

    ------------------------------------------------------------------------------------------

    (๒)เข้าใจว่าเสมียนคงเผลอเขียนราชทินนามเดิม

    (๓) เป็นที่น่าสังเกตว่า สมัยนั้น บวชชีมีชื่อบาลี หรือนามฉายา เหมือนบวชพระภิกษุ และอาจเป็นธรรมเนียมกันมา ซึ่งกุลธิดาชาวราชบุรี และ เพชรบุรี มักนิยมบวชก่อนเข้าพรรษา และนิยมบวชกันก่อนแต่งงานเหมือนผู้ชาย เวลานี้เสื่อมไปมาก แต่ก็ยังมีเหลือให้เห็นได้

    สิกขาบท ๑๐ (ข้อต้องศึกษา)ซึ่งอนุปสัมปันนเพศสามเณร และชีสากิยานี นำมาประพฤติปฏิบัติเพื่อเป็นสมณวรรณะ และสมณวรรณินีที่ดีนั้น ยังมี นาสนังค อีก ๑๐ อัชฌาจาร ๕ อนาจาร และเสขิยวัตร ๗๕ จึงรวมเป็น ๑๐๕ สิกขาบท

    สำหรับชีสากิยานีไทย นำสิกขาบทเหล่านั้นประพฤติปฏิบัติ
    และยังได้นำครุธรรม ๘ บางข้อ หรือทุกข้อ เช่น ถามอุโบสถ ฟังเทศน์
    ซึ่งเท่ากับรับโอวาท เอาเป็นข้อประพฤติปฏิบัติเป็นประจำ
    และยังมีการกระทำที่ไม่สมควร ซึ่งมีพระพุทธบัญญัติอยู่ เช่น
    พระภิกขุนีให้เด็กดื่มนม ต้องปาจิตตีย ชีได้นำเอาประพฤติปฏิบัติอยู่
    การรักษานี้เป็นการสมัครใจกระทำ ถึงจะล่วงละเมิดก็ไม่เป็นอาบัติ
    เพราะไม่ใช่พระภิกขุนี แต่ได้นำมาประพฤติเป็นธรรมนิยม
    ฉะนี้ สิกขาบทจึงยังไม่สูญจากผู้ประพฤติปฏิบัติ ซึ่งไทยทั้งชายและหญิงได้ดำรงธรรมวินัยของพระบรมศาสดาอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าตลอดกาลมานี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  7. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    [​IMG]
    พระพุทธรูปวัดมหาธาตุคงสัก
    จีวรกลีบที่เรียกกันว่า กลีบปล้องอ้อย
    เฉพาะวงพระพักตร์ดูเป็นวงกลม จึงบอกว่าเดือน อันยืนยันว่าสร้างสมัยเดือนเด่นฟ้า
    มีน้ำหนักมาก อาจตันหรือใช้ทองคำประสมหล่อไว้
    และพระองค์นี้กับจีวรกลีบอยู่วัดเพชรพลี มีสนิมขาว เข้าใจว่า หล่อประสมมั้ง(อลูมิเนียม)


    [​IMG]
    พระพุทธรูปโกสินราย
    ส่วนมากมีประภามณฑลช่อ อันแสดงรูปดวงตะวันหรือเดือนทรงกลดรัศมีช่อ
    ที่ทำประภามณฑลเป็นรัศมีช่ออย่างนี้ แสดงเป็นสวงเดือนหรือดวงตะวันก็ได้
    องค์ยืน ซ้าย-ขวา นั้น ที่พวกเขาขุดค้นมาได้ จึงแจกองค์ดีออกไปขายกัน
    ได้เก็บรักษาจึงอยู่ได้ พอรู้ก็ประกาศว่าของปลอม ของจริงก็ที่แตกๆหักๆเหลืออยู่ในกรมนั้น

    [​IMG]
    พระพุทธรูปปางสีหไสยาส
    ที่พนักพระปริษฎางค์ ทำเป็นรูปวงกลมมีรัศมีเป็นลายออกเป็นดวงตะวัน หรือเดือน ก็ได้
    เฉพาะองค์จีวรกลีบหลับพระเนตร แสดงอิริยาบถเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0228.jpg
      scan0228.jpg
      ขนาดไฟล์:
      122.1 KB
      เปิดดู:
      1,624
    • scan0229.jpg
      scan0229.jpg
      ขนาดไฟล์:
      214.7 KB
      เปิดดู:
      1,792
    • scan0230.jpg
      scan0230.jpg
      ขนาดไฟล์:
      181.7 KB
      เปิดดู:
      1,740
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2013
  8. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    ตวันอธิราชเจ้า ตั้งบาเรียนให้แก่ภิกขุ ๒๕ (องค)สามเณร ๑๑ (องค) วันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ พุทธกาล ๓๐๑
    ตวันอธิราช ตั้งคนชายให้เปนขอมชาย ๓๕๐ (คน) ญิงเปนขอมญิง ๕๓ คน มีเสื้อครุย หมวกยอด เมื่อเดือน ๖ ขึ้น ๑ค่ำ ปี ๓๐๑

    เดือนเด่นฟ้า แทน (ตวัน) คุมคนชาย ญิง ให้เรียนสือจบ
    สอบได้เปนขอม นำมาเปนเสมียน
    จัดแบ่งที่ ให้ลูกศึกผู้กลับ (เอาต้น) โตนด เปนแดน(หลักเขต) ที่ไม่มี (ต้นโตนด) ให้ปลูกโตนดเปน (หลักเขตแดน)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  9. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    ...........................สุวัณณภูมิ เมืองทอง............................
    ...........สมัยเดือนเด่นฟ้าอธิราชเจ้า ล้ำเข้าไปในตวัน พ.ศ.๒๕๕ - ๓๓๖................
    .........................ต้นนับผู้รุกราน แล ต้นยอมตัวกระทำ.................................

    เดือนเด่นฟ้า สุวัณณภูมิ อธิราชเจ้าเมืองไทย ผู้ขึ้นครองเมืองทองแทนอธิราชตวัน ผู้พ่อ
    ตัวตวันตาย ปีรกา ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๘/๘ พุทธกาล ๓๐๔ ตั้งในเรือนใหญ่ สวดธัมม ๑๐ เดือน เลี้ยงพระ ๑๐๐ องค์ทุกวัน
    เทสนหน้าผีในวันปักข ให้มีฟ้อนรำในคืน หน้าผีพ่อ มีธัมมให้พ่อฟัง
    ผู้ลูกแทนผู้นับถือพ่อเมืองทอง

    เดือนเด่นฟ้า สุวัณณภูมิ อธิราชผู้ใคร่ส้างเรือนยอดเผาผีผู้พ่อ เรือนยอดน้อย(๑) เหม(ไม้หอม)(๒) แท่น ล้วนทองปดับงาม
    เดือน ๕ ปีจอ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ชุมไฟในที่เรือนยอด หน้าเมือง
    มีพระพันองค เยี่ยมบังสุกุลขุนเมือง ๑๓๘ เมืองมากราบผีพ่อ
    ชุมไฟแล้วเอากดูกใส่ฐานเจดียวัดสุวัณณภูมิ

    -------------------------------------------------------------------------------------------
    (๑)เรือนยอดน้อยทอง เปลี่ยนเป็นชื่อ พระเมรุมาศ ที่พบในสมัยอยุธยา

    (๒)เหมทอง ต่อมาเปลี่ยนเป็น โกศทอง เหม เท่าที่เห็นฝีมือช่างชาวราชบุรี เพชรบุรี ทำเป็นแบบโกศไม้ ๑๒ บ้าง โกศโถบ้าง กลมบ้าง ใช้ไม้ระกำทำช่อและลาย
    จริงอยู่ คำชื่อว่า เหม ถ้าเป็นคำมคธ แปลว่า ทอง แต่ "เหม"ไทยเป็นชื่อโกศใส่ศพ จะประดับ หรือ ทาทองก็ตาม
    เหมนี้เป็นคำไทยแท้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  10. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    a.2250159.jpg
    ทั้ง ๓ รูปนี้ ทำด้วยปูนโคลนสอเขียว-เทา หักง่าย ความจริงดูจะเป็นคนละชุดซึ่งหาเจออย่างนี้
    ๑.ศรีสายทองงาม จะเห็นหมวกยอด คือ งอบยอด ถือดอกบัวเฉียงสองบ่า ผ้านุ่งลายหน้านาง มีตัวหนังสือไทยบอกอยู่ข้างแขนซ้าย-ขวา
    ๒.เดือนเด่นฟ้า จะเห็นหมวกยอด คือ หมวกฟางดุนยอดสูง และแลเห็นผ้าขาวม้าพาดบ่าทับผ้าห่มเฉียง มีหนังสือบอกอยู่ที่ฐานขวา
    ๓.เฆื่อมสุนาฃัลลตู จะเห็นมือขวาถือม้วนหนังสือ มือซ้ายถือดอกบัวกินสาย
    ลายผ้านุ่งชัดเจนว่าลายชวา มีหนังสือบอกอยู่ที่ฐานชั้นใต้

    รูปเหล่านี้มีผู้จำคราบดินแดงและคราบดินขาวนวลได้ว่า ออกจากถ้ำภูเขาบันไดอิฐเพชรบุรีมานานแล้ว
    ที่รู้จักชื่อและเรียกถูกเพราะมีหนังสือบอก
    ทั้งหมดนี้น่าจะทำตั้งแต่สมัยเดือนเด่นฟ้าอธิราชเจ้า พ.ศ.๓๐๔-๓๓๖
    มีลงรัก ลงทองผง และคราบดิน ของอยู่ในถ้ำอับแดด ลม ฝน
    เมื่อก่อนเป็นป่าไม่มีใครเข้าไปแผ้วพาน มีโอกาสคงทนอยู่ได้
    กับทั้งในสมัยนั้น เมื่อทำนำเข้าไปไว้ในที่นั้นๆ ทุกคนทราบว่า เป็นของหลวงตั้งเป็นที่เคารพบูชา คงไม่มีใครเข้าไปทำอันตราย และกระทำไว้มาก จึงเหลือเศษๆมาให้พบ
    กระนั้น แตกหักเสียหายไปก็มาก และท่านพระครูพิศิษฐ์ศิลปาคม ยังได้มาจากวัดกำแพงแลงอีกหลายรูป -ธ.ว.(ธรรมวงศ์เวที - พระราชกวี


    เดือนเด่นฟ้า ลูกขุนเมืองตวันธัมมีราชาสุวัณณภูมิไทย ในเดือนอ้าย แรม (ราชาภิเษก) เปนราชาลว้า พุทธกาลสามร้อยห้า เปนอธิราช เมียชื่อ แม่นางศรีสายทองงาม ท้องคลอดลูกชื่อ ไทยสรวงฟ้า ยุพราชพระยาสุวัณณภูมิ ในสุวัณณภูมิราชนเวสน(๑) คลฉลองงานแผ่นดินทอง ๑๐ วัน งานมี กลอง เพลง เมืองเรา
    แต่คนในราชนเวสน สึกสาเปนตามศกุล ในวังต้องซ้อม ร้อง เรียน รำ ทุกวัน ท้านเห้าผู้สาวคุมฟ้อนนางตรงทีท่วงกับนายโรงชาย งานจบ
    ราชสกุลชา(วก)หาเล่นในงานสาวกฉัน ส่งสื่อสารลักขนหาคนเมืองสุวัณณภูมิ
    ส่งตัวนางเภา(ตัว)กวักทองมา เหืองสือ (ไม่) ต้องใจ ผู้นำสานในเพราะสาสนสหายสงครามเมืองนางชาวก สู้กันในเดือน ๘ ๗ฯ๙ ๘/๘
    ปีพุทธกาล ๓๐๖ แพ้นางเจ้าแล้ว กลับสู้ ได้ตัวนางแม่มาเมืองทอง เมื่อเดือน ๓ ปีพุทธกาล สามร้อยแปด

    เดิม นางเปนเมียขุนสวันชาวก เนากรุงพุทธภูมิ เมื่อขุนเมืองตาย นางขึ้นนั้น พุทธกาล ๓๐๔ เมื่อแม่นางสู่เมืองทองนั้น แม่ผู้สาว ๒๙ ขวบปี

    เดือนเด่นฟ้าอธิราชเจ้า แห่ง เมืองสุวัณณภูมิ ได้เมียนางชาวกผู้เปน (ใหญ่) เมืองพุทธภูมิ
    ให้แม่นางส้างอุโบสถวัดเวฬุวัน ในพุทธภูมิ จึงนิมนตภิกขุธมฺมสุนนฺโท ไปเปนหัวพระกำหนดเขตลูกนิมิตตสีมา แล้วสวดญัตติกัมม ถูกในพุทธบัญญัติ พร้อมสงฆให้อุปสมบทชาวก ๑๐ เปนภิกขุในพุทธสาสนาธัมมวินัย ในเวฬุวันขันธสีมาพุทธภูมิ
    ภิกขุ เขมิโย อยู่ (อยู่จำพรรษา) ธมฺมสุนนฺโท เขียน พุทธกาล ๓๑๕
    -------------------------------------------------------------------------------------------
    (๑)น่าจะเป็นราชนิเวสน แต่ต่อไปก็เห็นเขียนอย่างนี้ และพระธัมมสุนันท เรียนจบจากชมพูทวีป น่าจะเขียนไม่ผิด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0216.jpg
      scan0216.jpg
      ขนาดไฟล์:
      118.2 KB
      เปิดดู:
      890
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  11. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    ภิกขุ ผิว กัจจายน ได้ฟังข่าว เฆื่อมสุนาขัลลตู ปี ๓๐๕ ธัมมสุนันท ไม่ใคร่ใฝ่รบพุ่ง เหนควนย้าย (ไป) บ้านฆนน เอาถ้ำเขาหลวง ตั้งป้อง (กัน) ได้
    เดือนเด่นฟ้า เหน (ว่า) ถ้าไป ใครเฝ้าเมือง วนว่า เฝ้าเมืองได้ เฆื่อมคงยอมตัวเอง

    กัจจายโน แล ธัมมสุนันโท ผู้ว่า (กับ) เดือน ว่า คนคงต้องตาย ถ้ารบกัน ไม่รบกันดีกว่า ทำตัวดังกลัวแพ้ ด้วยไปถ้ำเขาหลวง รอให้เฆื่อมเข้าสู่สุวัณณภูมิ เอาสึกกาญจนอู่ทอง เถือมทอง เข้าล้อมไว้ กดไว้แล้วหมดเสบียง (เฆื่อม) ต้อง (ยอมแพ้)

    กัจจายน ธัมมสุนันท ว่า เฆื่อมสุนาฃัลลตู อยู่นานเข้า แลมีคน๕หมื่น หมดเสบียงคนไม่มีเรี่ยวแรงรบ คนต้องบังคับเฆื่อมให้ยอม ไม่ต้องรบกัน คนไม่ตาย
    (ขอ) เดือนเด่นฟ้า (สั่งให้) ธัมมราช ปราน เอาศึกเรือออกดักปล้นเอาเสบียงในทเล ตัดกำลังให้หมดแล้ว ขุนญิงเฆื่อมยอม ศึก (อัน)ขุนยอมตัวตนแล้ว คนอื่นคงยอม เหนไม่ต้องรบ ได้ชนะ

    กัจจายโน ธัมมสุนันโท อยู่เฝ้าเมืองสุวัณณภูมิ คอยนางเฆื่อม สุนาฃัลลตู มีสามเณรหาญใจ วีรมโน แล ขุนชนะชาวก เปนสิส เฆื่อมสุนาฃัลลตู เคยคุ้นมาแต่นางยังเปนเดก เมื่อมูนียไปชาวก ปีพุทธกาล ๒๗๖-๒๗๗ (กลับ) มาธัมมราช ปี ๒๗๘ ขุนลตูสุวาเทียม ก่อส้างเมืองพุทธภูมิ ปี ๒๘๗ พ้อตาย นางทำต่อ ผัวตาย เปนฃุนญิง

    เดือนเด่นฟ้า ให้ ธัมมสุนันท เขียนเล่า เมื่อเฆื่อมสุนาฃัลลตู มาอยู่สุวัณณภูมิ แลตัวเฆื่อมได้เหนธัมมสุนันท กัจจายน ได้พูดเรื่องด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  12. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    ธัมมสุนันท แล กัจจายน เฝ้าเมือง (สุวัณณภูมิ) เดือนเด่นฟ้าย้าย(ไป) อยู่เมืองพริบพรี ย้ายแม้คนญิงชายทั้งสิ้น เมืองว่าง เมื่อเฆื่อมมิเหนคน นางมาหาถึงห้องที่วัดมหาธาตุ ปากถาม ผู้คนไปไหนหมดทั้งเมือง เมื่อเฆื่อมว่าแล้ว กัจจายน ว่า เมื่อคนยินศึกถึงเมือง คนมิใค (ใคร่) ฆ่าคน แฉไฉเมือฆนน ถ้ำเขาหลวง แล ศึกอู่ทองมาขนาบ ที่คลองแค แล(คลอง)ช้างสี่หมื่น เถือมทอง(ตั้งอยู่) บ้านบางช้าง (ถึง) นกแฝก กาญจน คุ้มช่องสดึง (แลเขา) ช้าง เดือน ดาว คุมที่พริบพรี (แล)บางเคม

    ธัมมสุนันโท กัจจายโน อยู่ เมื่อเฆื่อมเข้าหา ว่า คนศึกอดหนัก เมื่อได้ข้าวแล้วจะยอมแพ้
    กัจจายน ว่า ข้าวมีมาก ที่ว่า คงคำไว้ เฆื่อม ว่า มีหมู (อยู่) ในหม้อ (แล้วจะ) กลัวอะไร
    เฆื่อมลงคำให้ธัมมสุนันโท หาข้าวให้ หมื่นถัง เฆื่อมมอีกว่า ตุยตยมิเอา (ด้วย) ขอให้เปนเมียเดือน ผิวว่า อันนั้น (ที่ยังไม่ยอมอาจต้อง) ฆ่ากันมาก (ขอ) หยุดก่อน

    ธัมมสุนันโท อันกัจจายน (อยู่ด้วย) เฝ้า (เมืองสุวัณณภูมิ) เอาไฟแสงขึ้น(ยอด)ไม้ ให้รู้ทั่ว ตีเกราะให้ศึกรู้ว่า ภิกขุยังอยู่ เฆื่อมถาม ธัมมสุนันทว่า แจ้งภิกขุ(ยัง)อยู่
    มิฉนั้น ศึกบุกถึงฆ่ากันมาก แจ้งไฟแก่เดือน เมื่อขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔ ปี ๓๐๗ (ว่า) เฆื่อมยอม ขุนศึก (ตุยตยยัง) คงสู้ ให้เบิกศึกแต่ง(คำ) ขู่ให้ยอม (เมื่อ)เฆื่อมค้อมแล้ว ผู้อื่นต้องค้อม มิต้องให้ สู้ฆ่ากัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  13. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    เดือนเด่นฟ้า อยู่ถ้ำเขาหลวง เมื่อเฆื่อมยกศึกเรือคนหมื่นสู่ถิ่นเมืองทอง แม้สู้ผู้คนตายมาก ย้ายคนไปพริบพรี เมื่อเฆื่อมเข้าเมืองร้าง(๑) เฆื่อมหมดเสบียง เมื่อศึกอู่ทอง เถือมทอง นองทอง ล้อมขนาบ ปราน ธัมมราช ออกตัดกำลังส่ง เฆื่อมจะยอมแพ้เอง

    เดือนเด่นฟ้า ถ้ำเขาหลวง ให้ดาวเด่นฟ้า เปนหัวศึก ขุนชนะ ขุนปก เปนมือศึก เดือนเปนขุนศึก ให้คนศึกห้าพัน ออกเดินในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๕ ปีพุทธกาล ๓๐๗ ให้คุมเชิงล้อม ให้เฆื่อมยอมแพ้แก่ตัวเอง

    เดือน ๕ วันเอือย(พฤหัสบดี) อันตัวนางเฆื่อมมีสือว่าจะคืนเมืองให้ อย่าฆ่าคนให้คนไปเมืองบ้าน เฆื่อมยอมเปนเมีย เดือน(เด่นฟ้า)(๒) สั่งเฆื่อมให้มาหา วันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน๗ พุทธกาล ๓๐๗ เฆื่อมไม่ห่มผ้า(๓) เข้าหาอย่างข้า
    -----------------------------------------------------------------------------------------------
    (๑)ดูตามกระเบื้องนี้จะเห็นว่าไม่ได้รบกัน แต่อาจเป็นได้ว่า ให้ทหารอยู่เฝ้าเมืองเล็กน้อย ได้ปะทะกองศึกนางเฆื่อมพอเป็นพิธีแล้ว ยอมแพ้ตามแผนการของเดือนเด่นฟ้า พระธัมมสุนันท จึงเขียนไว้ว่ายอมแล้วกลับสู้ใหม่ได้ตัว จากแผ่นนี้ไป ๖ แผ่น ท่านพระครูพิศิษฐ์ศิลปาคมว่าได้จากถ้ำเขาหลวง และเวลานี้ยังเก็บไว้ที่วัดเพชรพลี

    (๒)ดูตามหนังสือขออย่าศึก กินเวลาเกือบ ๒ เดือน นางอาจไม่แน่อนอน คงถูกนายทัพ นายกองคัดค้านอย่างรุนแรงที่ยึดเมืองได้แล้วต้องยอมแพ้ ที่ถูกควรชนะมากกว่า อาจต้องโต้เถียงกันอยู่นาน ฝ่ายกองทัพไทยที่ล้อมอยู่อาจขู่ตะคอก ถ้าไม่ยอมจะรบชิงเมืองคืน เมื่ออดหนักเข้า และเดือนเด่นฟ้าอาจเห็นว่าล่าช้า จึงมีหนังสือบังคับไปอย่างนั้น

    (๓) อาจเป็นธรรมเนียมในขณะนั้น ที่ผู้หญิงซึ่งนำตัวไปขายไม่ปิดอก เพื่อให้ชายเห็นส่วนสัดแล้วเกิดต้องการ นางเฆื่อมเข้าหาอย่างข้าจึงไม่ห่มผ้า
    แม้ในขะแม(เขมร) เมื่อนางไม้ไผ่ (Willoleaf) หรือ หลิวเหย่ ต้อนรับโกณฑัญญพราหมณ(Kaundinya)อ่านตามตัวว่า "คอนดินยะ" เห็นตามกระเบื้องจารเขียนชื่อไว้ว่า ขุนต้นเทียนไทย คริสตศตวรรษที่ ๑ พ.ศ. ๕๔๓ ก็ไม่ห่มผ้า (ในเรื่องว่าแก้ผ้าเปลือย)คงถือธรรมเนียมอย่างนี้ซึ่งนักเขียนชาวจีนไม่รู้ก็เลยเขียนว่าอย่างนั้น จนถึงฝรั่งเขียนด้วย
    อนึ่ง ได้ทราบว่า ธรรมเนียมชาวทะเลใต้ หญิงโสด ชายโสด ถือว่าร่างกายบริสุทธิ์ จึงปล่อยท่อนบนเพื่อประกาศความบริสุทธิ์ในร่างกาย ถือเป็นธรรมเนียม ถ้าปกปิดก็เท่ากับประกาศตัวเองว่ามีโรคน่ารังเกียจจึงปกปิดไว้
    ฉะนี้ จึงถือเป็นธรรมเนียมปล่อยอกอย่างสบาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  14. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    a.2250186.jpg a.2250187.jpg a.2250188.jpg
    ๑.ขุนหญิง หรือ พระราชินีเฆื่อมสุนาขัลลตู ทรงเครื่องขุนหญิงไทย ผ้านุ่งเป็นลายชวา มีขอบคอ ขอบแขน แสดงว่ามีเสื้อ
    ๒.ขุนหญิงเฆื่อมฯ ทรงเครื่องไทย แต่เปลือยอก หมายตอนเข้าหาเดือนเด่นฟ้า เปิดคู่ดูงาม

    ทั้ง ๒ รุปนี้ มือขวาถือดอกบัวเครื่องยศ มือซ้ายถือสมุดข่อยเซ็นสัญญายอมแพ้ และผ้านุ่งลายลง คือผ้าลายสีลาวเดิม(ซึ่งผิดจากเชียงใหม่-ลายขวาง) กับมีจีบหน้าผ้า ซึ่งเป็นธรรมเนียมนุ่งผ้าจีบหน้าเช่นเดียวกัน


    ๓.ขุนหญิงเฆื่อมฯ ทรงเครื่องพระราชินีชวา มือขวาถือดอกบัวตูม มือซ้ายถือม้วนกระดาษสัญญายอมแพ้ ตั้งม้วนขึ้น

    จะเห็นความคิดของช่าง
    รูป๑.แสดงมีเสื้อ ทำเฉพาะขอบคอ ขอบแขน ตัวเสื้อ ถ้าทำจะปิดหมดเหมือนรูป๓
    รูป๒.แสดงไม่มีเสื้อ จะเห็นไม่มีขอบคอ ขอบแขน พร้อมนุ่งถุงไทยลายลาวเดิม คือลายลง ซึ่งผิดจากเชียงใหม่-ลายขวาง
    รูป๓.ทรงเครื่องพระราชินีชวา มีครบ จะเห็นหมวกยอด เสื้อทรงปิดตลอด ผ้าถุงลายชวา


    เฆื่อม สุนาฃัลลตู เมืองทอง สุวัณณภูมิ ฃุนเดือน(เด่นฟ้า)ให้เขียนยอมค้อมอยู่
    เฆื่อม สุนาฃัลลตู หาขอมเสมียนไทย ทั้งขอมเอื้อน ขอมอ่อน ไทยเขียนปี ๓๑๑ ขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๕ แพ้(แล้วเขียนไว้)

    เฆื่อมสุนาฃัลลตู ลูกขุนลตูสุวาเทียม ขุนเมืองจอกกาตอ
    เมื่อใหม่ชื่อ พุทธภูมิ ขวบ ๒๐ มีผัว ขวบลุ ๒๒ ผัวตาย คลองเมือง เข้าขวบ ๒๘ สู่ถิ่นทอง มีผัวอีก ขวบ ๓๕ กลับสู่พุทธภูมิ

    เฆื่อม สุนาฃัลลตู ยอมต่อขุนเดือน(เด่นฟ้า)

    เฆื่อม(สุนาฃัลลตู)(๑) ต้องทิ้ง(ผ้าห่ม)เปิดคู่ดูเผยงาม ให้นายเห็นเท่าดีได้ใจรัก
    เฆื่อม ยอมพ่ายแพ้ เดือน ๕ ขึ้น ๕ ค่ำ ปีพุทธกาล ๓๐๗ แพ้เรียบร้อยแล้ว ปีพุทธกาล ๓๐๘

    เดือนเด่นฟ้า ตั้ง เฆื่อมสุนาฃัลลตู ให้เป็น ขุนญิง ให้สนม ผ้าแต่งตัวไทยเท่าต้นขุนญิง
    เฆื่อม-ขัลลตู ยอมตนออมสีสินถนนเมียผู้ที่สอง เดือนเด่นฟ้าให้เฆื่อมขึ้นเปนเมีย
    เฆื่อม สุนาฃัลลตู วางเงินทอง ๓๕๑๒ ชั่ง เมือง(หลวง กรุง)พุทธภูมิ ชวกบากนาย บาบะนิง มลง กามเผง กทา
    เฆื่อมต้องค้อมต้นผัว เพื่อเชื่อถือในใจ

    เฆื่อม พร้อมตุยตยสีเสือม ทั้งฅนศึกครบ ๗๕๑๒๗ คน เฆื่อมฃัลลตู มอบ เรือกองศึก สามพันห้าร้อย ดาบ น่าไม้ กสุน

    เฆื่อมหาเดือน ถามว่า ข้าผู้กองคนเรือ(ทั้งหมดเหล่านี้)อันหากินที่ถิ่นควนไหน
    เดือนว่า คนในกองเรือ มิใช่ข้า ทั้งหมดควรกลับเมืองบ้าน

    ขุน(ญฺง)เฆื่อม สุนาฃัลลตู ดอมตนฆ้อมตน เทินอัน(ประกัน)
    เฆื่อม ออกคำ(สั่งประกาศแก่แม่กองศึก) ตุยตยสีเสือม ให้คุมฅน คืน(เมือง) เดือน ๔ ปี๓๑๐
    ------------------------------------------------------------------------------------------
    (๑)เท่าที่นางเฆื่อมสุนาฃัลลตูเขียนอธิบายไว้อย่างนี้ จึงเป็นการแจ่มแจ้งถึงธรรมเนียมในขณะนั้น เป็นความนิยมจนกระทั่งเป็นที่รู้ทั่วไป ทั้งผู้ยอมตน และผู้รับรอง ไม่ต้องนัดหมายกันก็กระทำถูก อย่างทั้งสองฝ่ายได้กระทำและจดอธิบายไว้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0066.jpg
      scan0066.jpg
      ขนาดไฟล์:
      43.2 KB
      เปิดดู:
      867
    • scan0067.jpg
      scan0067.jpg
      ขนาดไฟล์:
      35 KB
      เปิดดู:
      909
    • scan0068.jpg
      scan0068.jpg
      ขนาดไฟล์:
      39.8 KB
      เปิดดู:
      874
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  15. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    เดือนเด่นฟ้า ต้อนรับ เฆื่อมสุนาฃัลลตู ห่มตัวนางด้วยผ้าห่มไหม(๑)
    เฆื่อมขอรับผิดทุกอย่าง
    เดือนว่าเรานี้ไม่ได้รบกัน คนไม่ตาย ไม่ผิด(อะไรเลย)เชิญพักตามใจ
    เดือนเด่นฟ้า เฆื่อมสุนาขัลลตู ไปถ้ำเหนเดือน เหนตวัน(๒)
    ช่วยสร้าง(พระ)พุทธรูป ปางรับมธุปายาสแต่นางสุชาตา ให้กำลังเพื่อแจ้ง(ตรัสรู้)

    เดือนเด่นฟ้า อยู่พริบพรี(๓) เหืองพ่ายเฆื่อมมาตั้งสู้ เมื่อเฆื่อมหมดอาหารต้องยอมแพ้ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ๕ ปีพุทธกาล ๓๐๘(๔) ปีฉลู
    เมื่อยอมมอบลูกศึก พร้อมคืนเมืองสุวัณณภูมิ ยอมเปนเมีย
    เดือนว่า ใครใคร่กลับ จงกลับ ใครใคร่อยู่ (จง)อยู่
    เมืองทอง (และเมือง)ชาวก เปนเมืองผัวเมีย(ทุกขสุขร่วมกัน)

    เดือน เฆื่อม อยู่ถ้ำ(๕) ทำร่างขุนเดือน คู่ เฆื่อม ให้เรียกคน(ศึก)ของเฆื่อม ทำอุโบสถคู่ เจดียกลาง หาหินส้างพุทธเจ้า(โปรดรูป)นันทา

    ............................................................................................
    (๑)เป็นธรรมเนียมในกาลนั้น เมื่อรับก็ห่มผ้าให้ และรับในฐานันดรศักดิ์เมีย
    เดือนเด่นฟ้าจึงประกาศอย่างนั้น

    (๒)มีถ้ำชื่อเห็นเดือนเห็นตะวัน ณ ภูเขาบันไดอิฐ เดี๋ยวนี้เรียกถ้ำพระจันทร์ ถ้ำอาทิตย์ ภายในถ้ำมีช่องทะลุกลมเล็ก เมื่อมองขึ้นไปเห็นวงกลมขาวคล้ายพระจันทร์เพ็ญ
    อีกถ้ำหนึ่งมีช่องทะลุใหญ่แสงแดดเข้าได้ จึงดูคล้ายพระอาทิตย์ส่องแสง

    พระพุทธรูปรับมธุปายาสและโปรดรูปนันทา เมื่อไปดู ยังไม่รู้ จึงไม่แน่ว่าองค์ไหน แต่ได้ทราบว่าถูกซ่อม ถูกลัก ถูกขน ไปมาก อาจไม่เหลืออยู่แล้วก็ได้

    (๓)พ่ายตอนั้นอาจแปลได้ว่า หลบหลีก

    (๔)กว่าจะยอมแพ้กันเสร็จ อาจเป็นเวลาขนาดนั้น

    (๕)ถ้ำไม่ได้บอกชื่อว่าที่ไหน แต่สร้างอุโบสถคู่ เข้าใจว่าที่เขาบันไดอิฐ
    เขาเล่าให้ฟังว่า พระอุโบสถคู่นั้นคือ อุโบสถเมียหลวงเมียน้อย แต่อาศัยที่สร้างพระเจดีย์ไว้กลาง คงหมายถึงตกลงกันได้ด้วยนับถือพระพุทธธรรมเหมือนกัน จึงสร้างพระพุทธรูปปางโปรดพระรูปนันทาเถรี เท่ากับว่า เดือนโปรดเฆื่อมให้พ้นทุกข์ในการแพ้ศึก
    ส่วนรูปขุนเดือนคู่เฆื่อมเดิมนั้น อาจอยู่หรือหายไปแล้ว ยังไม่ได้สำรวจ

    a.2248516.jpg
    พระพุทธรูปหิน จีวรกลีบ ส่วนต่างๆสั้น มีประภามณฑลด้านหลังเป็นรูปธรรมจักร
    ด้านหน้า ชั้นนอกเป็นรูปฟ่อนข้าวเรียง ด้านในเป็นรูปกลีบบัวบาน หมายว่าเมืองข้าวน้ำ
    รูปฟ่อนข้าว เหมือนลายธรรมจักรคูบัว
    ในสมัยเดือนเด่นฟ้า พ.ศ.๓๐๘ ยังได้ร่วมกับ เฆื่อมฯ สร้าง
    และยังมีปางโปรดนางสุชาดา หรือรับมธุปายาส ยังไม่ได้แบบมา

    พระรูปนันทาเถรี (พระรูปครึ่งองค์ หรือด้วนทั้งหมด)เจอ ๖รูป ที่เก็บมาเพียง๒รูป
    ทำปางตัดกิเลส คือ พระพุทธเจ้าทรงพา นันท คู่ออกในวันแต่งงาน พระนางจึงหม้าย ยังสาวบริสุทธิ์
    มนขอม ออกแบบ ถึงมีก็เหมือนไม่มี จึงตัดผม แขนทั้งสอง เต้านมทำพอเห็นเหมือนไม่มี ตัดท่อนล่างหมด เป็นเพียงเปรียบเทียบเท่านั้น
    พระนันท และ พระนางรูปนันทา เป็นพี่น้องร่วมบิดามารดา แต่งงานกันเอง บิดาคือพระเจ้าสุทโธทน มารดาคือพระปชาบดีโคตมี
    เมื่ออภิเษก พระนันท อายุ ๓๘ พระนางรูปนันทา ก็คง๓๐กว่า
    กาล ราชาภิเษก และอุปภิเษก เป็นพระราชาและพระราชินีแห่งกบิลพัสดุ์
    ครั้นพระพุทธเจ้าทรงพาพระนันท ออกบวชแล้ว พระนางก็ยังเป็นพระราชินีอยู่ในราชสมบัติ เมื่อสละออก จึงตัดพระอิสริยยศ อิสริยศักดิ์หมด
    มนขอมพิสสณุ ช่างบรมครูสมัยนั้น จึงออกแบบเช่นนั้น คือ ตัดทุกชนิดในพระองค์เอง
    ซึ่งถือว่าเป็นพระขัตติยานี
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0203.jpg
      scan0203.jpg
      ขนาดไฟล์:
      99.8 KB
      เปิดดู:
      1,110
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  16. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    เดือนเด่นฟ้า ชวนศรีสายทอง ทำอุโบสถยอดเขา นิมนต ธัมมสุนันท พร้อมภิกขุ กำหนดนิมิต สีมา ขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ พุทธกาล ๓๐๙

    เดือนเด่นฟ้า สู่เมืองพริบพรี เหืองพ่ายเฆื่อมฃัล เมื่อเฆื่อมยอมแพ้ ขุนออกชนะจับเฆื่อมฃัลลตู(ได้)
    เมื่อเฆื่อมมาน้อมเท้า ค้อมหัว(ขอ)เข้าอยู่ในเมือง มีฃ้ารับใช้เทียบถึงเมีย หามีเข้าสู่ห้องสราญ(ไม่)(๖)

    เดือนเด่นฟ้า ตั้ง เฆื่อมฃัลลตู เปนแม่อยู่หัวเมือง ชวก มลก เดือน ๑๒ ค่ำ พุทธกาล ๓๐๙
    เดือนเด่นฟ้า(๗) ศรีสายทอง ไทยสรวงฟ้า เฆื่อมสุนาฃัลลตู ร่วมถวายผ้ากฐินวัดศรีมหาธาตุวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๑๒ ปี ๓๑
    ญาณจรณ ตัดอันตรวาสกคลองเข้า (ตอนกลาง) คืน สงฆ (ภิกขุจำพรรษาวัดศรีมหาธาตุ) ๑๗๔ อนุโมทนาต่อญาณจรณ

    (แผ่นนี้]พระญาณจรณคงจารึกเอง จึงเล่าเรื่องไว้ จะเห็นว่าได้สืบกฐินัตถารกิจพิธีตลอด ตั้งแต่พิธีทอด กะ ตัด เย็บ ย้อม กราล และอนุโมทนานั้น ถูกต้องตามวินัยกรรม ซึ่งเป็นพระพุทธบัญญัติทุกประการ และกฐินัตถารกิจพิธีการตามพระพุทธบัญญัตินี้ ยังคงอยู่มาถึงปัจจุบัน ได้เป็นประเพณีไทยแล้วตลอดกาล ๒๒๐๐ปีมาแล้วและในการปัจจุบันยังมีพิธีการจัดหาทุนเป็นค่าหัตถกรรมบูรณะซ่อมแซม ก่อสร้าง เพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนา และพระพุทธสถานให้มีคงอยู่ต่อไป
    ------------------------------------------------------------------------------------------
    (๖)คงจะจริง เพราะไทยลว้าไม่ชอบมากนัก คือ ไม่ใช่พวกบ้ากามคุณ เช่น ชาวชนบทแม้ปล่อยอก และเปลือยอาบน้ำ ก็ไม่มีอะไร จึงมีเกิดน้อยตลอดกาลนานมา
    (๗)เมื่อเจอกเบื้องจดรายการอย่างนี้กระทำให้แน่ใจว่า เนื่องจากบ้านเมืองมีศึกสงครามจึงต้องหยุดพระราชพิธีทอดกฐินไปหลายปี เมื่อสงบเรียบร้อยแล้ว จึงเริ่มกันใหม่ ต้องจดเหตุการณ์ไว้ เพราะถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  17. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    แสงสายทองมาหาแม่ (ที่เมืองเพชรพริบพรี) เมื่อก่อน แต่งงานกับ ขุนทองสองเมือง (เมืองเถือมทอง)เมื่อขวบ ๒๘ มีลูก ๖ คน คนพี่(ชาย)ชื่อ ทองไทย (ชายชื่อ) ทองเมือง(หญิงชื่อ) ฟ้าสี(หญิงชื่อ) แสงฟ้า (หญิงชื่อ) สายแสงฟ้า (ชายชื่อ) ไทยแสงฟ้า
    แสงสายทองมาถึง(เมืองเพชร) พริบพรี แม่หาธัมมสุนันโท ผู้อุปัชฌาย ให้บวชชีมีชื่อ สุวัณณปภา เมื่อวันขึ้น ๑๑ ค่ำ เดือน ๖ ปี ๓๑๒

    ญาณจรโณ ทองดี(๑) เมื่อเหนตนใกล้ตายแน่ ไม่เที่ยง ถึงตนทั่วคนตัวสัตต เท่ามีเกิดต้องตาย
    สั่งหาเดือนเด่นฟ้า พร้อมเมีย ลูก แลขุนศึก ขุนฃอม ให้ชุมนุมในวัด สุวัณณภูมิ ในเดือน ๗ แรม ๑ ค่ำ พุทธกาล ๓๑๓

    เดือนเด่นฟ้า ไทยสรวงฟ้า คัปประคองญาณจรณ เมื่อคราวป่วยแต่ต้นเดือน ๗ ถึงต้นเดือน ๘
    เดือนเด่นฟ้า ญาณจรณ ดี ธัมมปาโมกขสังฆราช ตาย วันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีพุทธสาสนกาล ๓๑๓(อายุ ๙๘)

    เดือนเด่นฟ้า(๒) เมื่อเฆื่อมสุนาฃัลตู ขอตัวดาวเด่นฟ้า ไปคลองแทนขุนสวรรยชาวก เมืองพุทธภูมิ
    ชาวก นับถือขุนผัวนาง สู้มาแห่ เฆื่อมขอขุนเปนผัว ตั้งดาวเปนลเด่นเมืองผัว วันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๒ ปี ๓๑๔

    เดือนเด่นฟ้า ส้างเรือนยอดเผาผีญาณจรณสังฆราชา เผาเดือน ๓ ขึ้น ๑๒ค่ำ ปี ๓๑๔
    ดูกเกบวัดมหาธาตุ เถ้าถ่านปั้น ผสมก่อตัว ตามจิง ให้เหนเหมือน ๒๑๘ รูป

    a.2245709.jpg
    รูปพระญาณจรณ สร้างด้วยปูนขาวประสม
    เล่าว่า ประชุมเพลิงศพท่านแล้วได้เก็บกระดูกและเถ้าถ่านประสมทำรูปท่านไว้
    บางรูปทำด้วยหิน ณ ใต้ฐานมีลายสือว่า ทองดี บ้าง ญาณจรณ บ้าง



    ---------------------------------------------------------------------------------------------
    (๑)พระญาณจรณ (ทองดี) พระธัมมปาโมกขสังฆราช เมื่อใกล้มรณภาพ ท่านมีสติดีจึงเรียกประชุมเยี่ยงอย่างพระอุปัชฌาย แต่ประชุมด้วยเรื่องอะไร ไม่เจอแผ่นกเบื้องจาร กเบื้องจารชุดนี้ เมื่อให้เขานำมามีผู้ลอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ยึดเอาไป สืบหาไม่พบ เป็นอันว่าต้องสูญเรื่องราวไปเพราะพวกสับประทุนอย่างนี้

    (๒)นางคงอธิบายว่า ประกาศว่าเป็นเมีย เมื่อถูกแห่ไปไม่มีผัวไปด้วย จึงผิดประกาศ เดือนเด่นฟ้าจึงยกนางให้แก่น้องเช่นนั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0212.jpg
      scan0212.jpg
      ขนาดไฟล์:
      76.8 KB
      เปิดดู:
      891
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  18. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    เดือนเด่นฟ้า สุวัณณภูมิ ตั้ง ธัมมสุนันโท เปน ธัมมปาโมกขสังฆราช วันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ ปีพุทธกาล ๓๑๔

    เดือนเด่นฟ้า อธิราชเจ้าแห่งเมืองสุวัณณภูมิ ได้เมียนางชาวกผู้เป็นใหญ่(ใน)เมืองพุทธภูมิ ให้แม่นาง(ไป)สร้างวัดเวฬุวันในพุทธภูมิ จึงนิมนต ภิกขุธัมมสุนันโท ไปเป็นหัวหน้าพระ กำหนดเขตลูกนิมิต สีมา แล้วสวดญัตติกัมม ลูกพุทธบัญญัตติให้อุปสมบท (ชาย) ชาวก ๑๐ (คน)เป็นภิกขุในพุทธสาสนาธัมมวินัยในเวฬุวัน ขันธสีมาพุทธภูมิ ภิกขุเขมิโยอยู่(อยู่ประจำ) ธัมมสุนันโท เขียนพุทธกาล ๓๑๕

    เดือนเด่นฟ้า(๓) ตรุงสุวัณณภูมิ เอื้อมเอาอย่างผู้พ่อ ให้ดาวเด่นฟ้าอนุชาธิราชคุมผู้คน เดินเรือไปถึง ในเมืองชาวก เมียแม่ผู้น้อย ชื่อ ยิวะเฆื่อมสุนาฃัลลตู ปีพุทธกาล ๓๑๔ ยอมให้นางผู้น้อย ทั้งขุนเมือง (เปน) รางวัลชนะศึกคราวเมืองชาวกถึงถิ่นไทย ออกขุนชนะชาวกผู้หัวหน้าหมู่คนไทย โดยคุมคนไปส่งเมืองชาวกพุทธภูมิ
    (เขียน)ในพุทธนิพพานกาล ๓๑๕

    เดือนเด่นฟ้า ให้ตัวขุนชนะชาวก ขุนปกเมืองทอง คุมฅนหญิงชายไทยลวะ(ขวบ)เข้า ๒๐ ฝุกฝน รู้ธนู ท่า บุก รบ รับ ครบลูกศึก ช้าง (ศึก) ม้าศึก หัวศึกใหญ่ เปนหัวหน้ารวังคนศึก เปนศึกเติม ช้าง(ศึก) ม้าศึก เรือศึก ให้รู้เคลื่อน ถอยกลับ รู้ค่ายคูศึก ดูตั้งค่ายคูรบ หอคอย มองศึก ตั้งสู้ เข้าทลวง บุกทำลายให้แหลก
    แล้วขับให้แตกพ่าย คนผู้เจบป่วยให้หมอช่วยแผล ผู้ตายทำงานให้บุญ

    เดือนเด่นฟ้า เขียนในพุทธกาล ๓๑๕
    ................................................................................................

    (๓)ตรุง (กรุง) ซึ่งในแผ่นเป็นตัว ต. ตามธรรมดา คำไทย ต. กับ ก. ใช้แทนกันได้ เช่น กรอก ตรอก โกรก โตรก กรอม ตรอม ฉะนี้ กรุง เป็น ตรุง ก็ไม่แปลก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  19. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    a.2245717.jpg

    เดือนเด่นฟ้า อธิราช สุวัณณภูมิ เมืองทอง เอาอย่างผู้พ่อ
    ให้ขุนศึกคุมคนส้างเรือน หมออู่ไข้ต่อเติมเตม ให้ส้างพระอุโบสถ กุฏิสงฆ อาราม (๑)พระพุทธรูป ธัมมจักกวางหมอบ
    ให้นิมนต ภิกขุธัมมสุนันโท ทองวน สิสญาณจรโณ ดี อานันโท เที่ยง ฐานีโย โอ ญาณาสโย ขุม ติสฺสโร เม่น อาสโภ ภู่ เป็นหัวหน้าผูกลูกนิมิตขันธสีมา เดือน ๔ ขึ้น ๑๕ ค่ำ ฉลู พุทธกาล ๓๒๑
    ให้ก่อเจดีย ใส่ธาตุ ญาณจรณ ดี ให้หาปรมธาตุ พระสัมมาสัมพุทธอรหันตสงฆ(บัญจุยอด) ให้ชื่อ วัดศรีพุทธาราม เมื่องไทย ในตอนเหนือเมือง (ให้) ไทยสวงฟ้าคลองเมืองไทย เมื่อพุทธกาล ๓๒๔ มเสง

    พุทธกาล ๓๒๖
    (จริงอยู่ ตอนหลัง แต่เรื่องอยู่ในแผ่นเดียวกัน ใส่เต็มตามแผ่นเขียน เพื่อง่ายเวลาค้นหา)
    เดือนเด่นฟ้า มีสัทธาเข้าหา อุปัชฌาย ธัมมสุนันโท เจ้าวัดศรีพุทธาราม
    อุปสมบทเปนภิกขุ ชื่อ จนฺทอมฺพโร(ผู้มีเดือนในฟ้า) ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖
    อยู่วัดศรีพุทธารามเมืองไทยนั้น
    ไทยสวงฟ้า จัดงานฉลอง ๑๐วัน กลองยาวแห่เข้าวังใน
    สวดมนตเยน คืน เล่นเพลงชายญิง เรื่อง ขุนโล นางโห่มาดี ผู้สร้างเมืองทอง
    ----------------------------------------------------------------------------------------------
    (๑)คำว่า พระ ไทยว่ามาจากคำว่า วร ปาลี โดยเอา ว. เป็น พ. ถ้าเช่นนั้นก็ต้องอ่านว่า พะระ จึงไม่ใช่ พระ
    พระ จึงเป็นคำไทยมาแต่โบราณ หมายถึง ผู้ที่เคารพนับถือ เช่น พระ(สงฆ) พระเจ้าแผ่นดิน พระภูมิ พระเคราะห์ ฯลฯ จึงว่า พระ เป็นคำไทย
    เพราะลองพูดให้แขกฟังดูแล้วไม่รู้ความหมาย และแขกไม่มีใช้ จึงว่าเป็นคำไทย
    ถ้าไทยไม่ยอมรับ ก็เป็นคำไทยลว้า

    มีพระพุทธรูปหลายแบบ ณ วงรัสมี มีลายกนก
    ท่านพระครูพิศิษฐศิลปาคม วัดเพชรพลี ซึ่งท่านเป็นช่างฝีมือลวดลาย ว่าหลักวิชาลวดลายไทยมีลายหนังสือ หรือ เขียนตัวหนังสือเข้าเป็นลวดลายไทยได้
    ลายกนกนี้ชื่อ ลายกนกหนังสือไทย ซึ่งเป็นแบบเขียนแกะสลักของช่างฝีมือไทย
    ถ้าอ่านเป็นหนังสือจะได้ความว่า เดือนเด่นฟ้าสุวัณณภูมิ

    พระพุทธรูปที่มีลายไทย เป็นลายสือไทยสมัย"เดือนเด่นฟ้า สุวัณณภูมิ"
    ขอมทั้งหลายออกแบบไว้ต่างๆกัน จะเห็นได้ถึง๕แบบ

    a.2249483.jpg
    ลายเครือวัลย์ที่ประภามณฑล ออกแบบเป็นลายกนก เป็นลายสือไทยว่า
    "เดือนเด่นฟ้าสุวัณณภูมิ"ได้ใส่ลายกนก เข้าไปอย่างนี้จึงเห็นยากมาก


    a.2249484.jpg
    ด้านหลังมีวงล้อธรรมจักร และกวางหมอบ จะเห็นแบบต่างๆกัน ดำ,ขาว ,เป็นโลหะ

    a.2249495.jpg
    เส้นขาว ณ ประภามณฑล อ่านว่า "เดือนเด่นฟ้าสุวัณณภูมิ" จะเห็นด้านขวา(พระ)เขียนเรียงขึ้นซ้าย(พระ)เขียนเรียงลง
    จารึกตัวขอมที่ฐาน อ่านว่า"เดือน พส. บง ศีล" ท่านผู้รู้หลายคนเคยอ่านให้ฟังว่า "เดือนรับบงศีล" ขอเจริญพรท่านผู้รู้ทั้งหลาย ขอโปรดเห็นแก่สิ่งที่ถูกซึ่งจะได้ช่วยกันกระทำขึ้น
    เดือน พส ก็คือ เดือนกาลพรรษา รับศีล ถือศีลอุโบสถ เรียกว่า เดือนพรรษา อย่างเทียบพรรษา
    ๒.ที่ประภามณฑลอ่านได้ว่า "เดือนเด่น ฟ้าสุวัณณภูมิ "
    จารึกตัวขอมที่ฐาน "เดือน ธัมธุรสี ปันศีล"
    เดือน ธัม คือ ธรรม เป็นธรรมธุรสี คือธุรสี แปลว่า มีธุรธรรม
    เดือนธัมธุรสี ปันศีล คือ เดือนนอกพรรษา พระพุทธองค์และพระสงฆ์มีธุระปันศีล เป็นกาลธรรมจาริกเที่ยวไปแสดงธรรมและปันศีลให้ศีล

    ตัวเดือนทั้ง ๒ เห็นเพียง ดิ เท่านั้น นอกนั้นอยู่ล่าง ถ้าอ่านตรงตัว
    ดิ อ/น พส บง ศีล
    ๒.ดิ อ ธธ/นม สระอุ ร สี ปัน ศีล คิดอยู่ ๙ ปี ได้อย่างนี้จึงอธิบายไว้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0020.jpg
      scan0020.jpg
      ขนาดไฟล์:
      603.7 KB
      เปิดดู:
      1,089
    • scan0219.jpg
      scan0219.jpg
      ขนาดไฟล์:
      104.1 KB
      เปิดดู:
      2,243
    • scan0220.jpg
      scan0220.jpg
      ขนาดไฟล์:
      186.6 KB
      เปิดดู:
      2,006
    • scan0218.jpg
      scan0218.jpg
      ขนาดไฟล์:
      317.5 KB
      เปิดดู:
      1,308
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
  20. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    เดือนเด่นฟ้าสุวัณณภูมิ เมื่อมาสู่เถิงบ้านฆนน
    ดูเหนเหิมขอม นางคุ้มเมียขอม หล่อรูปขุนอินเขาเขียว กวักทองมา คุมตัวมาสุวัณณภูมิ
    ให้ทำตัวตวัน คู่ สิริงามตัว วันขึ้น ๓ ค่ำ เดือน ๖ ปี ๓๒๐

    a.2250532.jpg
    พระพุทธรูปสุวัณณภูมิ ราชบุรี พ.ศ.๓๒๐
    ประทับนั่งขัดตะหมาดเพชร
    พระหัตถ์ซ้าย ยกช้อนธรรมขึ้น พระหัตถ์ขวา ประทับลงปางเทศนา


    พระพุทธรูปชุดนี้ กระทำหน้าสวยและเรียบร้อยจึงเห็นกันว่าเป็นของใหม่
    เมื่อขัดดูแล้วปรากฏว่ามีทองคำประสม
    มีทองแดงมากจึงมีสนิมเขียวมรกต และมีสีดำจึงแน่ใจว่ามีเงินประสม มีสนิมเหล็กแน่ว่ามีเหล็กประสม
    ทั้งนี้จึงเป็นสำริดไทย และมีสัดส่วนแบบเดียวกับขุนสือไทย ไทยงาม ฯลฯ จึงแน่ว่าชุดเดียวกัน

    a.2250536.jpg
    สำหรับที่อุทิศแม่นั้น
    องค์ซ้าย เป็นแม่ที่ไม่ใช่ขุนหญิง ไม่มีเครื่องยศ
    องค์ขวา เป็นแม่ที่เป็นขุนหญิง จึงถวายเึครื่องยศขุนหญิง

    เฉพาะองค์กลาง ที่อุทิศแก่ขุนหญิงโห่มาดี พระศกเม็ด
    มือขวาถือดอกบัวบาน มือซ้ายถือลูกโตนดสุก เป็นเครื่องฐานันดรศักดิ์เฉพาะ

    แบบนี้จะเห็นเหมือนกับรูป ขุนสือไทย ไทยงาม ฯลฯ
    ได้ที่ถ้ำเทือกเขางูแห่งเดียวกัน ยืนยันช่างชุดเดียวกัน
    มั่นหาญขอม ช่างราชบุรี
    ขอมเหิน ขอมหญิงคุ้ม ช่างเพชรบุรี
    ร่วมกันสร้างตามบรมราชโองการ เดือน พ.ศ.๓๒๐
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0226.jpg
      scan0226.jpg
      ขนาดไฟล์:
      145.8 KB
      เปิดดู:
      1,294
    • scan0227.jpg
      scan0227.jpg
      ขนาดไฟล์:
      315.1 KB
      เปิดดู:
      1,432
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 26 เมษายน 2017
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...