ประวัติชาติไทยตั้งแต่ต้นกัป พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ(พิมพ์เป็นตัวอักษร)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เก่ากะลา, 27 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    ขุนบานเมือง รัชกาลที่๔

    พ่อขุนบานเมือง เมื่อพ่อขุนพระราชบิดาเสด็จสวรรคตแล้ว ในฐานะพระลูกเจ้าพระองค์ใหญ่ก็ถึงวาระ พระประยูรญาติพร้อมประชาชนพลเมืองมีพระรามคำแหงเป็นประธาน ทั้งสมณชีพราหมณ์ อันมีสมเด็จพระมหาเถรศรีสรัทธาราชจุลามุนี ฯลฯ เป็นต้น พร้อมใจกันอันเชิญขึ้นครองสุโขทัยศรีสัชนาลัยสืบต่อ ณ พ.ศ.๑๘๐๒ นั้น

    ทรงครองสุโขทัยศรีสัชนาลัยได้ ๑๐ ปี ไม่ปรากฎว่าทรงมีพระมเหษีและพระราชโอรสธิดา ทั้งไม่ทรงทำอะไรเป็นพิเศษ หรือทำไว้ แต่ไม่มีการจารึกจึงไม่ปรากฎพระองค์ ปรากฎพระนามในจารึกของพ่อขุนรามว่า พี่กูชื่อบานเมือง และทรงจารึกไว้ว่า กูเอามาเวนแก่พ่อกู พ่อกูตาย ยังพี่กู กูพร่ำบำเรอแก่พี่กู ดังบำเรอแก่พ่อกู พี่กูตายจึงได้เมืองแก่กูทั้งกลม

    พ่อขุนบานเมือง ได้ครองสุโขทัยประมาณ ๑๐ ปีจึงเสด็จสวรรคต พ่อขุนรามไม่ทรงจารึกปีไว้ จึงคาดว่าคงจะเป็นปี พ.ศ.๑๘๑๒ ซึ่งพ่อขุนรามทรงจารึกไว้ว่า พี่กูตายจึงได้เมืองแก่กูทั้งกลม

    จากปีพระราชสมภพ พ.ศ.๑๗๘๐ ถึงปี ๑๘๑๒ จึงมีพระชนมายุได้ ๓๒ พรรษา หรืออาจประสูติก่อน พ.ศ.นี้ก็ได้ กระทำไว้เพียงเลาๆก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กันยายน 2012
  2. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    พระเจ้ารามคำแหงมหาราช รัชกาลที่ ๕

    เป็นพ่อขุนพระเจ้ากรุงสุโขทัยศรีสัชนาลัย

    ผู้ทรงรับ ปราบ ๔ ทิศ รวบรวมไทย ทรงสร้างแบบลายสือไทย ระบบสุโขทัย ทรงสร้างกระดิ่งร้องทุกข์
    ทรงทำขดานหินบรรยายธรรม สร้างพระธาตุหรือวัด ขยายไปถึงชวา มีชื่อ ลวุ สุขุ เจลา และพระร่วงไปปรากฎ ณ ชวา


    a.2261363.jpg
    พ่อขุนรามคำแหง พระปริวิชานมหาราชเจ้า
    ทรงรัดเกล้ายอด มีผ้าคาดพระพาหุ(แขน)
    พระหัตถ์ทั้งสองมีลูกกลม
    พระหัตถ์ซ้ายถือลูกนิมิตสร้างวัด พระหัตถ์ขวาถือรูปลูกโลก สร้างบูรณเมือง คือ ทำทางโลก
    พระนางเรืองราศี ยกขึ้นไปเป็นพระนางลักษมี แล้ว
    ทรงรัดเกล้าชั้นผลโป่ง ทรงสะไบเปิดพระอุระขวา พระหัตถ์ซ้ายยกกวักลูก
    เพื่อให้ผิดรูปเคารพนางกวัก พระหัตถ์ขวาแบขึ้น


    พ่อขุนรามคำแหง เมื่อทรงเข้าสงครามกับพระราชบิดา ได้ทรงกระทำยุทธหัตถี กับ ขุนสามชน กระทั่งขุนสามชนหนีไป
    จึงขึ้นชื่อลือพระนามเป็นที่เกรงขามอยู่
    ครั้นพ่อขุนบานเมืองเสด็จสวรรคต ทั้งไม่มีพระราชโอราธิดาด้วย ก็ถึงวาระสมบูรณ์ ฉะนี้ ทั้งพระประยูรญาติข้าราชการทั้งทหารและพลเรือนตลอดประชาชนสมณชีพราหมณ์ได้พร้อมใจกันอัญเชิญขึ้นครองสุโขทัยศรีสัชนาลัย ณ พ.ศ.๑๘๑๒ ได้กระทำราชาภิเศกเป็นกระบวนครบทุกประการ ได้อุปภิเศก พระนางเรืองราศีกัลยาณี เป็นเอกอรรคมเหษี เป็นพระนางพระยาแม่อยู่หัว หรือพระราชินีนาถ
    ทรงมีพระราชโอรสและธิดาที่ปรากฎเพียง ๒ พระองค์ คือ
    พระเจ้าธรรมราชาลือไทย ซึ่งประสูติ พ.ศ.๑๘๑๓
    พระนางเทพสุดาสร้อยดาว (พระมเหษีพระเจ้าฟ้ารั่วหรือมะกะโท) ประสูติ พ.ศ.๑๘๑๔
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0314.jpg
      scan0314.jpg
      ขนาดไฟล์:
      472.5 KB
      เปิดดู:
      2,220
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  3. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    พระราชอาณาจักรที่ปรากฎในจารึกหลัก ๑ มีว่า

    ปราบเบื้องตะวันออกรอดสระหลวง สองแคว ลุมบาจายสคาเท้าฝั่งของ ถึงเวียงจันทร์เวียงคำเป็นที่แล้ว
    เบื้องหัวนอน(ใต้)รอดคนที่พระบางแพรก สุพรรณภูมิ ราชบุรี เพชรบุรี ศรีธรรมราช ฝั่งทะเลสมุทรเป็นที่แล้ว
    เบื้องตะวันตกรอดเมืองฉอด เมืองหงสาวดี สุมทรห้าเป็นแดน
    เบื้องตีนนอน(เหนือ) รอดเมืองแพร่ เมืองน่าน ... (๑) เมืองพลั่วพ้นฝั่งของ (๒)เมืองชวาเป็นที่แล้ว
    -------------------------------------------------------------------
    (๑) เมืองพลั่วนี้คือเมืองชื่อเดิมที่แปลงเป็น กัมพูชา และ ละแวก คือ พ.จาก พู และ ล. ว. คือ ละแวก และ ขแม หรือ แขมระ คือ เขมร จึงอยู่พ้นฝั่งของ ตามเรื่องเล่ากันและเป็นที่เชื่อถือกันแล้วว่าเวลานั้นเขมรลงไป หรือเดินทางไปอยู่ชวามาก จึงมีปราสาทหินของขอมอยู่ทั่วไป

    (๒)เมืองชวาก็มีชื่ออยู่แล้ว สมัยนั้น เข้าใจว่าคงจะมีอาณาเขตเป็นอันเดียวกัน จึงมีชื่ออยู่เช่นนั้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  4. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    พ่อขุนรามคำแหง เป็นขุนเมืองกรุงสุโขทัยศรีสัชนาลัยในระยะกาล ๑๐ ปี จาก พ.ศ.๑๘๑๖ ถึง ๑๘๒๕
    คงได้เสด็จปราบตะวันออก และหัวนอน คือทิศใต้ เบื้องตีนนอนคือทิศเหนือและตะวันตก
    กะไม่ถูกว่าเสด็จที่ไหน พ.ศ. เท่าไร รวมความว่าเสด็จทั่วไป ตลอดถิ่นแดนมีชื่อนั้นๆแล้ว

    ในกาลก่อนถึงกาลนั้นๆ พระองค์คงศึกษาทั้งการปกครอง การพระศาสนา และ ประวัติ ตลอดจนกระทั่งพิชัยสงครามปรากฎในจารึกว่า

    "ลูกพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ผู้หนึ่งชื่อพ่อขุนรามราชปราชญ์รู้ธรรม"

    เมื่อดูตามโอวาทที่ชื่อว่า สุภาษิตพระร่วงนั้น มีว่า "อย่าริร่านแก่ความ" เล่นความ หรือ เป็นความนั้น คงมีตั้งแต่นั้นและคงจะตรากฎหมายอันเป็นเครื่องเจริญแก่บ้านเมืองไว้ แต่ไม่พบ จะเรียงเรื่องย่อๆ

    พ.ศ. ๑๘๑๖ พ่อขุนรามคำแหง ได้เป็นขุนในสุโขทัยศรีสัชนาลัย จึงแขวนกระดิ่งไว้อันหนึ่ง ณ ปากประตูเมืองนั้น

    "ไพร่ฟ้าหน้าปกกลางบ้านกลางเมือง ไปสั่นกระดิ่งอันท่านแขวนไว้ พ่อขุนรามคำแหงเจ้าเมืองได้ยินเรียก
    เมื่อถามสวนแก่มันด้วยซื่อ ไพร่เมืองสุโขทัยนี้จึงชม สร้างป่าหมากป่าพลู ฯลฯ ทั่วเมืองทุกแห่ง

    เบื้องหัวนอนเมืองสุโขทัยนี้ มีกุฏิพิหารปู่ครูอยู่ มีสริดภงส (ทำนบ) มีป่าพร้าว ป่าลาง มีป่าม่วง ป่าขาม มีน้ำโคก(น้ำตก)

    มีพระขะพุงผี เทพดาในเขาอันนั้น เป็นใหญ่กว่าทุกผีในเมืองนี้ ขุนผู้ใดถือเมืองสุโขทัยนี้แล้ ไหว้ดีพลีถูก เมืองนี้เที่ยง เมืองนี้ดี
    ผีไหว้บ่ดีพลีบ่ถูก ผีในเขาอันบ่คุ้มบ่เกรง เมืองนี้หาย"


    พ.ศ.๑๘๒๑ ทรงปลูกไม้ตาล (ไม้โตนด) ได้ ๑๔ เข้า จารึกลงว่า พ.ศ.๑๘๓๕ (มหาศักราช๑๒๑๔) ต้นตาลมีอายุได้ ๑๔ ปี จึงทรงปลูกมาใน พ.ศ.นี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 23 กันยายน 2012
  5. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    [​IMG]

    พระพุทธรูปหินไพลิน สีคราม (ได้มา ๖องค์ สีขาว ๓ สีคราม ๓)
    ต่างเพียงพระเมาลี
    องค์ซ้ายทำชั้นเดียว มีจารึกมหาศักราช ๑๒๐๗ พ.ศ.๑๘๒๘ ข้างหลังมีจารึกว่า พ่อขุนรามคำแหง พ่อเมืองแหง
    องค์กลาง พระเมาฬี ๒ชั้น ใต้ฐานมีลายสือว่า อุทิศขุนศรีอินทราทิตย์
    องค์ขวา มีเมาฬี ๓ชั้น จารึกว่า อุทิศแม่นางเสือง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0315.jpg
      scan0315.jpg
      ขนาดไฟล์:
      294.2 KB
      เปิดดู:
      2,151
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2013
  6. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    ............................ สุโขทัย อาจมีอยู่ก่อนแล้ว.................................

    ....ตามจารึกว่า ศก ๑๒๐๕ คือ มหาศักราช (พ.ศ.๑๗๒๒-๒๐๐๐)...

    พ.ศ. ๑๘๒๕-๖ (ม.ศ.๑๒๐๕) พ่อขุนรามคำแหง ทรงดำริจารึก จึงให้หาหินทำเป็นเสาสี่เหลี่ยม ๓ อัน
    ยังไม่ทันจะพร้อม ก็พอดีมีศึกอิสลามมลายูยกขึ้นมายึดครองทางใต้ รุกขึ้นมา
    จึงทรงเกณฑ์กองทัพทั้งบกและเรือ
    ทรงให้ออกญาเดโชชัย(ชิด)เป็นแม่ทัพบก
    ให้ออกญานาวายุทธ(ชวน)เป็นแม่ทัพเรือ
    ได้เสด็จลงไปตั้งพลับพลาบัญชาการรับและต้านศึกครั้งนั้น ณ คลองกระแชง เพชรบุรี
    ที่นี้ ต่อมาให้ยกขึ้นเป็นวัดพลับพลาชัย
    ที่นั่นยังมีเจดีย์และศิลปสุโขทัยสถิตอยู่บ้าง
    สงครามครั้งนี้มีระยะกาลถึง ๖ ปี

    (๑)และปี พ.ศ.๑๘๒๕ นี้ ตามจดหมายเหตุจีนเล่าว่า พระเจ้าหงวนซิโจ๊ว ปฐมกษัตริย์จักรพรรดิแห่งราชวงศ์หงวน ได้ส่งราชทูต ชื่อ โฮจือจี มาสุโขทัย ต้องเดินทางไปเฝ้า ณ เพชรบุรี
    ในการส่งราชทูตมาครั้งนี้ พวกมลายูอิสลามยังกล่าวฟ้องว่าไทยขับไล่

    วนไทยก็แจ้งว่า พวกนั้นรุกรานขึ้นมายึดครอง ต้องต่อสู้และขับไล่ ราชทูตจึงต้องกลับ
    เมื่อคณะทูตานุทูตกลับไปแล้ว ไทยได้ทุ่มกำลังตีแตกทำลายให้ถอยกลับไป
    และ ออกญาเดโชชัย กับ ออกญานาวายุทธ ได้ยกตามลงไปถึงชวา และบาหลี
    จึงมีชื่อไปปรากฎอยู่ ณ ชวา ทั้งส่วนกลาง และตรงเหนือเกาะบาหลี ณ ส่วนกลางนั้นมีชื่อ ลวุ สุขุ เจ-ล่า
    ส่วนใต้ ตอนเหนือบาหลี มีชื่อ ร่วงเมรปิ คือ ภูเขา หรือถาวรวัตถุพระร่วง

    พ่อขุนรามคำแหงได้เสด็จไปด้วยจึงไปตั้งชื่อว่า ลวุ สุขุ เจ-ล่า คือ ลโว้
    สุโขทัย จเลลล ซึ่งหมายความว่า พระองค์ทรงรวบรวมได้แล้ว และได้นำชื่อลงตั้งไว้ว่า ร่วงเมระปิ นั้นด้วย

    เพราะพระราชสงครามครั้งนี้มีเขตแดนยาวไกลไปหลายประเทศ
    จึงได้ใช้เวลาอยู่ ๖ ปี พระองค์จึงเสด็จกลับสุโขทัย พ.ศ.๑๘๓๐

    (๒)และในปี พ.ศ.๑๘๓๐ นี้ พ่อขุนรามคำแหงได้เสด็จกลับมานั้น
    ขุนวัง คือ มะกะโทได้เป็นเสนาบดีว่าการวังมานาน ได้รักกับ พระนางเทพสุดาสร้อยดาว อีกชื่อหนึ่งว่า นางสุวรรณเทวี
    ได้พาพรรคพวกญาติพี่น้องมี นางอุ่นเรือน เป็นน้องสาว
    และพระนางเทพสุดาสร้อยดาว พระราชธิดาพ่อขุนรามคำแหงไปด้วย

    ได้ทราบข่าวเสด็จกลับ จึงทำหนังสือปักไว้ ณ เขตแดน ขอพระราชทานอภัยโทษไว้ด้วย
    และกราบทูลว่ายังซื่อสัตย์สวามิภักดิ์ตลอดไป
    เมื่อทรงทราบแล้วจึงยกกองทัพติดตามไปได้พบหนังสือเช่นนั้น
    ทรงนึกถึงความดีความชอบของขุนวังจึงเสด็จกลับ
    ขุนวังได้ไปพักกับ อลิมามาง ณ เมืองเมาะตะมะ ได้ยกนางอุ่นเรือนผู้น้องสาวให้ จึงสนิทสนมกันมากขึ้น
    ต่อมาเกิดวิวาทกัน ขุนวังจึงฆ่าเสีย
    แล้วตั้งตัวเป็นกษัตริย์ครองเมืองเมาะตะมะเป็นราชธานี
    ได้ขอพระราชทานนามและเป็นเมืองออก
    พ่อขุนรามคำแหงจึงทรงพระราชทานนามไปว่า พระเจ้าฟ้ารั่ว
    ในจารึกจึงมีว่า รอดเมืองหงสาวดี

    ------------------------------------------------------------------------------------------

    (๑)ที่อ้างมานั้นตามประวัติการสัมพันธ์ระหว่างชาติไทยกับชาติจีน โอยลิขิต ฮุนตระกูล ตามประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑๕ ว่า พ.ศ.๑๘๓๘ เข้าใจว่าคงจะคลาดเคลื่อน เพราะปรากฎในจารึกวัดเชียงมั่นว่า ปี พ.ศ.๑๘๓๘ มีการประชุมกระทำสัตย์เชียงมั่น ปรากฎพระเจ้ารามคำแหงฯเสด็จไปด้วย ทั้งในจารึกก็ทรงระบุเมืองชวาด้วย

    (๒)ตามหนังสือพระราชพงศาวดารว่า พ.ศ.๑๘๒๔(จ.ศ.๖๔๓)ในเรื่องเดิมเล่าว่า มะกะโท พาไปนั้น พระเจ้ารามคำแหงเสด็จพระราชสงคราม จึงกล้าหลบไป
    ครั้นเสด็จกลับทรงทราบแล้วจึงยกกองทัพตามไปได้พบหนังสือ จึงเสด็จกลับ จึงแน่ใจว่า ในการสงครามครั้งนี้ พ่อขุนรามเสด็จไปถึง ๖ ปี ขุนวังจึงมีเวลาพอและรู้เป็นโอกาสดีทุกประการ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  7. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    พ่อขุนรามคำแหงเสด็จกลับประทับ ณ กรุงสุโขทัยศรีสัชนาลัยแล้วจากปี ๑๘๓๐ ได้ทรงจารึกเรื่องเป็นจำนวน ๓ หลัก
    อันหนึ่ง มีในเมืองชเลียง
    อันหนึ่งมีในถ้ำพระราม
    อันหนึ่งมีในถ้ำรัตนธารในกลางป่าตาล และป่าตาลทรงปลูกได้ ๑๔ เข้า จาก พ.ศ.๑๘๒๑ ถึงปี ๑๘๓๕ (๑) จึงให้ช่างฟันขดารหินตั้งหว่างกลางไม้ตาลนี้

    ขดารหินนี้ชื่อ มนังศิลาบาตร์

    ต่อไปทรงเล่าว่า ก่อน พ.ศ.๑๘๒๖ (ม.ศ.๑๒๐๕)ยังไม่มีลายสือไทย
    จึงทรงดำริสร้างมาแต่นั้น และได้ทรงจารึกทั้งให้ช่างต่อจนเต็ม
    ทั้งยังได้ให้ช่างฟันขดารหินไว้อีก
    ได้ขุดพระบรมธาตุสร้างพระธาตุบรรจุให้ชาวชนได้บูชาสักการะกันทั้ง ๒ กรุง

    ตอนพระธาตุทรงให้จารึกไว้ว่า

    (๒)"พ.ศ.๑๘๒๘ (๑๒๐๗ ศกปีกุน)ให้ขุดเอาพระธาตุออก ทั้งหลายเห็น กระทำบูชาบำเรอแก่พระธาตุได้เดือนหกวัน
    จึงเอาลงฝังในกลางเมืองศรีสัชนาลัย ก่อพระเจดีย์เหนือหกเข้าจึงแล้ว ตั้งเวียงผาล้อมพระมหาธาตุสามเข้าจึงแล้ว"


    ขดารหินนี้ ทรงจารึกความสำคัญไว้ว่า

    "๑๒๑๔ ศกปีมะโรง(พ.ศ.๑๘๓๕)พ่อขุนรามคำแหงเจ้าเมืองสุโขทัยศรีสัชนาลัย ปลูกไม้ตาลนี้ได้ ๑๔ เข้า
    จึงให้ช่างฟันขดารหินตั้งหว่างกลางไม้ตาลนี้ วันเดือนดับ เดือนออก(ข้างแรม-ข้างขึ้น) แปดวัน วันเดือนเต็ม เดือนบ้าง (วันเพ็ญ-วันดับแรม)แปดวัน
    ฝูงปู่เถรมหาเถรขึ้นนั่งเหนือขดารหินนี้สวดธรรมแก่อุบาสกท่วยจำศีล
    ผิใช่วันสวดธรรม พ่อขุนรามคำแหงเจ้าเมืองสุโขทัยศรีสัชนาลัย ขึ้นนั่งเหนือขดารหิน ให้ฝูงท่วยลูกเจ้าลูกขุน ฝูงท่วยถือบ้านถือเมืองกัน วันเดือนดับเดือนเต็ม
    ท่านแต่งช้างเผือกกระพัดลยาง(สายรัดกุมภู่ประดับ) เทียมญ่อมทองงา ... ขวาชื่อรูจาศรี พ่อขุนรามคำแหง ขึ้นขี่ไปนบพระ ... อรัญญิก แล้วเข้ามา"

    พ.ศ. ๑๘๓๙ จ.ศ.๖๕๘ พ่อขุนรามคำแหงได้เสด็จไปนพีสีเชียงใหม่
    เข้าประชุมกับ พระญาเมงราย พระยางำเมือง
    พระนามพระองค์มีจารึกระบุว่า พระญาร่วง ได้เข้าประทับร่วมกันกระทำสัตยสาบาลเพื่อให้เชียงมั่นคงตลอดไปนั้น
    ต่างได้กินได้นอนร่วมกัน ณ บ้านเชียงมั่นนั้น ต่อมาได้ยกขึ้นเป็นวัดเชียงมั่น
    ทั้งได้กระทำจารึกไว้ด้วยจึงทราบเรื่องได้

    --------------------------------------------------------------------------------------------------

    (๑)เพราะได้เห็นตัวเลขปีอย่างนี้ จึงแน่ใจว่าทรงจารึกในกาลนี้

    (๒)ปรากฎอย่างนั้น ตอนนี้คนอื่นจารึก ยังไม่เสด็จกลับ อาจมีพระราชโองการให้กระทำก่อน ครั้นเสด็จกลับจึงทรงกระทำต่อ หรืออาจเสด็จกลับไปชั่วคราวแล้วทรงสั่งไว้ให้บันทึกไว้ก่อน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  8. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    หลักที่ ๗๖ สมัยอยุธยา

    ศิลาจารึก วัดเชียงมั่น จังหวัดเชียงใหม่
    ตอนต้นเล่าความ พ.ศ.๑๘๓๙ ตอนปลายหน้า ๒ มี จ.ศ.๙๔๓ พ.ศ.๒๑๒๔
    จ.ศ.นี้ พระนเรศวรมหาราชเจ้าเสด็จไปละแวก จึงว่าจารึกเมื่อสมัยอยุธยา
    นำมาเป็นตัวอย่างลายตัวจารึก ตัดตอนดวงฤกษ์ออก
    แต่เรื่องอยู่ตอนนี้จึงได้เอามาลงไว้ เพื่อเป็นหลักฐาน(ประชุมจารึกภาคที่ ๓ รูปที่ ๔๓ก. หน้า ๒๐๙) a.2262158.jpg
    ๑.สกราช ๖๕๘ ปี รวายสันเดือนวิสาออก ๘ ค่ำ วัน ๕ไทยเมิงเปลวยาม
    ๒.แตรรุ่งแล้วสองลูกนาทีปลายสองบาดนวลักคนาเสวิยนวางปรหัสในมี
    ๓.นยราศีพรญามังรายเจ้าแลพรญางำเมืองพรญาร่วงทั้งสามตนตั้งหอนอ(น)
    ๔.นในที่ไชยภูมราชมนทยรขุดคือก่อตรีบูญทังสี่ด้านแลก่อพรเจดียทัดที่
    ๕.หอนอนบ้านเชียงหมั้นในขณยามเดียวนั้นที่นั้นลวดส้างเป็นวัต หื ทานแก่
    ๖.แก้วทังสามใส่ชือว่าวัดเชียงหมั้นต่อบัดนี้ตั้งแต่วันสร้างมาเถิงปีรวงเหมา
    ๗.ได้ ๑๗๕ ปี สกราช ๘๓๓ พรดิลกราชเจ้าก่อพรเจติยด้วยหินแลง เป
    -----------------------------------------------------------------------------------------

    แต่ในที่นี้ระบุชื่อว่าพระญาร่วง
    ฉะนี้ เมื่อก่อน ๑๙ เข้าคงจะมีพระนามว่า "พระร่วง" ครั้นกระทำยุทธหัตถีชนะแล้ว จึงได้รับพระราชทานนามใหม่ว่า พระรามคำแหง หรือว่าตอนนี้ยังนิยมกล่าวพระนามกันว่า พระร่วง เหมือนสมัยปัจจุบันนี้ นิยมกล่าวกันว่า "ในหลวง"
    กาล พ.ศ.ยังบอกในรัชกาลของพ่อขุนรามคำแหง จึงแน่ใจกันตลอดมา และทั้งยังมีเรื่องเล่าว่า พระร่วงฟันหินที่โซก(ซอก)พระร่วง เพื่อให้น้ำไหลผ่านได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0321.jpg
      scan0321.jpg
      ขนาดไฟล์:
      308.2 KB
      เปิดดู:
      1,753
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  9. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    [​IMG]

    ๑.พระเจ้าสุทโธทนมหาราช พระพุทธบิดา ในอิริยาบถประทับพระแท่น เบือนพระพักตร์ทอดพระเนตรว่าราชการ
    ๒.พระนางสิริมหามายาเทวี พระพุทธมารดา ในพระอิริยาบถประทับนั่งจะเสด็จลง
    ๓.พระบรมโพธิสัตว์ สิทธัตถพระราชโอรส ในพระอิริยาบถทรงกระจับปี่ หรือ ซึง ทรงแสดงศิลป ๑๘ ประการ
    สมัยสุโขทัย
    สร้าง หรือ ปรากฏที่เพชรบุรี ทองคำประสม ซึ่งยืนยันศิลปไทยนอกสุโขทัย และช่างพริบพลีแท้

    เท่าที่สังเกตเป็นรูป ทั้งเป็นขุนและนักเพลง กับนักเครื่อง แต่จะหล่อรูปตัวเองก็เกรงว่าจะไม่เป็นที่เคารพทั่วไป จึงทำเป็นรูปเคารพที่ระบุนามมาแล้ว
    ตัวนายโรง แต่งเครื่องชุดนั้นแสดงว่าเป็นขุน ขัตติยราชาในสมัยนั้นจะเป็นรัดเกล้ายอด สร้อยพวงระย้า และสายทิ้ง
    แขนซ้ายจะเห็น ต้นและดอกมะลิซ้อนตูม บอก มกุล (มะลิ)
    พระนาง คือ ตัวนาง แต่งเครื่องนาง จะเห็นรัดเกล้าเซิดใบสีช่อ
    ยอดเลข๙ และ๖ คือลายเวียนขวา-ซ้าย แต่ขดลายเส้นรวมกันขึ้นหางเป็นยอด
    มีสร้อยพวงคอ สะไบ ยกทรง เอาไปเป็นประภามณฑลหลังหักพุ่มยอดลงจะเห็นเป็นทับทรวง
    พุ่มคู่จะเป็นขอบเต้า เท่าขวาเลื่อนจากพับเพียบลงจะย่าง
    คู่มือจีบนิ้วในท่าจะลุก ฯลฯ
    ตัว นัก (นักดนตรี นักเพลง คือ ทำเครื่องรับ) นั่งท่าโอ่โถง ถือกระจับปี่
    แต่งเครื่องแบบนักดนตรีสมัยนั้น รัดเกล้าทอง ลายยอดบัวตูม ทั้งเสื้อและผ้ามีลายทอง
    แผงช่อบอกฐานะว่าเป็นลูก
    กล่าวไม่หมดเพราะยังเหลือศิลปลักษณะอีกมากซึ่งไม่ได้กล่าว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0322.jpg
      scan0322.jpg
      ขนาดไฟล์:
      314.5 KB
      เปิดดู:
      1,864
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2013
  10. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    พ.ศ. ๑๘๔๓ (๑) ได้ส่งราชทูตไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับจีน เพื่อใกล้ชิดติดต่อกัน
    ซึ่ง โฮจือจี ได้มาติดต่อแล้ว จึงได้มีการส่งทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกันเสมอมา

    พ.ศ.๑๘๔๙ (๒) พระเจ้าฟ้ารั่ว[ มะกะโท ครองเมืองเมาะตะมะ
    ได้ถูกลูกชาย ๒คนของ ตยาพระยา ที่ถูก เจ้าฟ้ารั่ว จับประหารชีวิตนั้นได้ลอบไปปลงพระชนม์ จึงเสด็จสวรรคต
    มกะตา คือ ขุนลอ เป็นอนุชา ได้ราชสมบัติให้เข้ามาทูลให้พระร่วงตั้งนาม ได้รับพระนามว่า พระเจ้ารามประเดิด(เสียงไทยว่ารามประดิษฐ์)
    พระเจ้ารามประเดิดมีพระราชโอรสองค์หนึ่ง พระนามว่า สอออ

    ในกาลนั้นอาณาจักร์ลานนา ได้ส่งกองทัพมารบกวนหัวเมืองมอญ
    พระเจ้ารามประเดิดไม่คิดต่อสู้ป้องกัน(๓)
    พวกอำมาตย์โกรธแค้น จึงฆ่าพระเจ้ารามประเดิด
    จึงยก สอออ ขึ้นครอง ได้เข้ามาทูลขอพระนามต่อพระร่วงเจ้า พระราชทานนามว่า พระเจ้าแสนเมืองมิ่ง พ.ศ.๑๘๕๓ (๔)
    และพระเจ้าขุนรามคำแหงได้พระราชทานพระราชธิดาพระองค์หนึ่ง ให้อุปภิเศกกับพระเจ้าแสนเมืองมิ่ง

    พ.ศ.๑๘๖๐ พ่อขุนรามคำแหงประชวร และทรงชราภาพจึงเสด็จสวรรคต ประสูติ พ.ศ.๑๗๘๒ พระชนมายุได้ ๗๘ พรรษา
    ทรงครองสุโขทัยศรีสัชนาลัยได้ ๔๘ พรรษา

    --------------------------------------------------------------------------------
    (๑)ตามพงศาวดารฉบับพระราชหัตเลขา เห็นมีพระนามและเรื่องตามที่ปรากฎและกาล พ.ศ. ด้วย จึงนำมาลงเพื่อให้ได้ความ

    (๒)พงศาวดารไทย พงศาวดารฉบับพระราชหัตถเลขา ว่า ๑๘๕๖ ตรงกับ จ.ศ.๖๗๕

    (๓)พงศาวดารไทยฉบับฯว่า พระเจ้ารามประเดิด ครองได้ปีหนึ่ง สมิงมังละ พี่เขย ปลงพระชนม์พระเจ้ารามประเดิดเสีย ยกเจ้าอาว บุตรใหญ่ของตนซึ่งเป็นหลานของพระเจ้าฟ้ารั่วขึ้นครองราช ปีขาล พ.ศ.๑๘๕๗ ได้เข้ามาทูลขอพระนามได้รับพระราชทานนามว่า พระเจ้าแสนเมืองมิ่ง

    (๔)ฉบับพระราชหัตถเลขา ว่า ๑๘๕๗
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  11. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    พระเจ้าลือไทย รัชกาลที่ ๖

    พระเจ้าลือไทย หรือ เลือไทย หรือ เลอไทย หรือ ฤทัยชัยเชษฐ์ หรือ พระเจ้าธรรมราชาที่ ๑ พระราชโอรส
    ครั้นพ่อขุนรามคำแหงมหาราช พระราชบิดาเสด็จสวรรคตแล้วได้ครองเป็นพระเจ้าลือไทยชัยเชษฐ์ธรรมราชา
    พระเจ้ากรุงสุโขทัยศรีสัชนาลัย พ.ศ.๑๘๖๐ นั้น ทรงมีพระชนมายุได้ ๔๗
    ได้ทรงอุปภิเษกพระนางพระยารุ่งสุริยารัตน(๑)เป็นพระอรรคมเหษี
    ได้ประสูติพระราชโอรสพระองค์แรก ทรงพระนามว่า ลิไทย พ.ศ.๑๘๖๒

    พ.ศ. ๑๘๖๑ พระเจ้าแสนเมืองมิ่ง พระเจ้ากรุงเมาะตะมะ ซึ่งเดิมชื่อ สอออ หรือ เจ้าอาว
    ได้เข้ามาทูลขอพระนาม พ่อขุนรามคำแหง พระราชทานนามว่า พระเจ้าแสนเมืองมิ่ง
    และได้พระราชทานพระราชธิดาให้อีกพระองค์หนึ่ง ได้ครองมาแต่ พ.ศ.๑๘๕๗ (พ.ศ.๑๘๕๓ บ้าง)

    ครั้นทราบข่าวพ่อขุนพระรามคำแหงเสด็จสวรรคตแล้ว
    ได้ทรงยกกองทัพมาตีเอาเมืองทวาย (ท่าหวาย) และเมืองตะนาวศรี เอาคืนไปจากไทย พ.ศ.๑๘๖๑ นั้น ซึ่งส่อเหตุว่าพระเจ้าลือไชยเชษฐ์ ไม่ทรงยินดีแผ่พระเดชานุภาพแม้ในแว่นแคว้นแดนพระราชอาณาจักรของพระราชบิดาซึ่งตกทอดมาถึงนั้น
    เมื่อเสร็จการศึกแล้ว ก็สงบเรียบร้อยตลอดกาล ๑๐ ปีนั้น

    ------------------------------------------------------------------------------------------

    (๑)พระนามนี้ ได้คิดเอาตามที่จะเป็นเสียงพระนามพระลูกเจ้า จะอย่างไรก็ตาม พอเป็นเค้าๆ เมื่อพบชื่อเมื่อไรจะได้แก้ให้ตรงกับที่เป็นจริง แน่ใจว่าคงมีจารึกไว้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  12. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    พระเจ้าลือไทยชัยเชษฐ์ ได้ทรงสืบพระจริยาวัตร์มา
    ได้ทรงสร้างทะนุบำรุงพระพุทธศาสนา
    ทรงเรียนศึกษาทั้งพระปริยัติปฏิบัติ
    และอาจถึงปฏิเวธด้านโลกียธรรม หรืออาจถึงโลกุตตรธรรมก็ได้
    พระองค์ทรงทะนุบำรุงทั้งสุโขทัยและศรีสัชนาลัย
    จึงทรงปฎิบัติได้ผลแล้วจึงทรงเชื่อเป็นอจลสัทธา
    เมื่อได้ผล ในครั้งสุดท้ายจึงทรงเปิดเผยให้ปรากฎ

    โดยทรงสำแดงให้ปรากฎอันตรธานหายไปในน้ำ
    อันเป็นพระเกียรตินามกระฉ่อนถึงเชียงใหม่และปัจจุบัน

    พระนางเรืองราศรีกัลยาณี อรรคมเหษีพ่อขุนรามคำแหง พระมาดาพระเจ้าลือไทย หรือเลอไทย ผู้เป็นต้นชื่อนางพระยา หรือนางพระร่วง ได้อุปภิเศกเป็นพระนางพระยา และมีพระราชโอรสคือ พระเจ้าลือไทยแล้ว

    มีพระราชธิดาเทพสุดาสร้อยดาว (ที่ไปเป็นเมียมะกะโทหรือพระเจ้าฟ้ารั่ว)

    ได้ร่วมไปบูรณะวัดมหาธาตุศรีสัชนาลัย และสร้างวัดนางพระยาแล้วสมัยโอฆบุรีกระทบวิปโยคนั้น จึงเบื่อ ทรงลาพระราชสวามีอยู่นานจึงได้รับอนุญาติ

    ได้เข้าถือเพศพระสากิยาณีชีไทย ต่อหน้าสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (แชล่ม) วัดรังแร้ง
    ท่านถวายชื่อมคธ ว่า ปัญจกัลยาณี ออกเสียงใหม่ว่า เบญจกัลยาณี
    คราวแรกปลูกตำหนักอยู่วัดนางพระยา
    ภายหลังไปปลูกตำหนักอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ศรีสัชนาลัย
    ครั้นล่วงไป พ.ศ.๑๘๖๕ พระเจ้าลือไทยจึงสร้างพระรูปขึ้นเป็นพระรูปลักษณะพระพุทธรูป
    แล้วเฉลิมพระนามให้คงอยู่ว่า พระพุทธเบญจกัลยาณี เรืองราศรีพระยาบรมรามราช
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  13. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    ในกาลที่พระเจ้าลือไทยชัยเชษฐ์ ทรงทำนุบำรุงนี้
    ได้ทรงสร้าง ณ วัดศรีชุม หรือ วัดฤษีชุม เดิมนั้น ซึ่งได้มี พระอจน สถิตอยู๋แล้ว
    พระองค์อาจให้จารึกเรื่องความ หรือ สมเด็จพระมหาเถรศรีสรัทธาราชจุลามุนี ให้จารึก
    หรืออาจทรงให้บาธรรม หรือ บาเรียน กระทำจารึกเล่าเรื่องตั้งแต่พ่อขุนศรีนาวนำถม สร้างนครสองอัน
    อันหนึ่งชื่อ สุโขทัย
    อันหนึ่งชื่อ ศรีสัชนาลัย
    ตลอดมาถึงหลานพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ผู้หนึ่งชื่อ ธรรมราชา คือพระเจ้าลือไทยธรรมราชา
    และเล่าถึงประวัติกับทั้งการกระทำถาวรวัตถุต่างๆซึ่ง สมเด็จพระศรีสรัทธาราชจุลามุนี ฯลฯ ให้รู้ได้จึงเป็นหลักฐานว่า ทรงจารึก-จารึกวัดศรีชุม คือ จารึกหลักที่ ๒ ใน พ.ศ.๑๘๖๕-๑๘๗๕ นี้[

    พ.ศ.๑๘๗๓ พระเจ้าแสนเมืองมิ่ง กรุงเมาะตะมะสวรรคตแล้ว
    พระยารามไตย อนุชา ได้เสวยราชสมบัติ
    ได้ย้ายราชธานีจาก เมาะตะมะ ถอยเข้ามาตั้งที่ กรุงหงสาวดี ประกาศแข็งเมืองเป็นอิสระเอกราช
    และตอนนี้ ไทยแคว้นใต้ที่เมืองเทพนครชัยศิริ ได้โอกาส จึงยกกองทัพไปตีเอาเมืองทวายและเมืองตะนาวศรี ซึ่งเสียไปแต่ พ.ศ.๑๘๖๑ นั้น ได้กลับคืนมาเป็นพระราชอาณาจักรไทยอีก

    และพระยารามไตย มอญทั้งหลา ได้เห็นพม่าในเวลานั้นมีกษัตริย์เป็นไทยใหญ่ปกครองอ่อนแอ
    เห็นได้โอกาสจึงยกกองทัพขึ้นไปตีเมืองแปร หรือ ปรม
    ซึ่งเป็นราชธานีที่พม่าตั้งขึ้นใหม่ จึงถูกต่อสู้ต้านทานเข้มแข็ง
    กองทัพพระยารามไตย ต้องถอยกลับ พระยารามไตยเลยถูกปลงพระชนม์
    พวกข้าราชการจึงยก อายกำกอง พระราชโอรสพระเจ้าแสนมิ่งเมือง ซึ่งเกิดด้วยพระราชธิดาพ่อขุนรามคำแหงมหาราชขึ้นครองราชสมบัติ

    แต่พระนางจันทรมังคละ มเหษีพระยารามไตย ได้วางยาพิษปลงพระชนม์เสีย ยึดอำนาจให้ เจ้าอายลาว ครองราชสมบัติ และยอมเป็นมเหษีของเจ้าอายลาวด้วย
    ตามพระราชประเพณีมอญพม่าว่า
    พระนางจันทรมังคละเป็นพระมเหษีกษัตริย์องค์เก่าจะต้องเป็นพระมเหษีกษัตริย์องค์ใหม่ด้วย
    เมื่อเหตุการณ์เป็นเช่นนี้ เป็นข่าวมาถึงพระเจ้าลือไทยชัยเชษฐ์ธรรมราชา กรุงสุโขทัยศรีสัชนาลัยแล้ว
    เพราะพระเจ้าอายกำกองทรงเป็นเชื้อพระราชวงศ์ของพระองค์
    จึงส่งกองทัพสุโขทัยออกไปปราบ ถูกต่อสู้ป้องกันเข้มแข็ง จึงไม่สำเร็จและถอยกลับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  14. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    พ.ศ.๑๘๘๓ พระเจ้าลือไทยชัยเชษฐ์ได้ทรงตั้งพระราชโอรสลิไทย เป็นพระศรีธรรมราช เป็นพระมหาอุปราชไปครองเมืองศรีสัชนาลัย
    พระศรีธรรมราชลิไทยทรงปกครองได้เรียบร้อยตลอดกาล ๗ปี

    พระเจ้าลือไทยชัยเชษฐ์ธรรมราชา ได้ทรงสร้างพระที่นั่ง ณ ถ้ำบาดาลใต้น้ำ
    ความจริงนั้น พระเจ้าลือไทยนี้ ได้ทรงกระทำสมณธรรมมานาน อาจได้โลกียธรรมญาณหรืออาจถึงโลกุตตรธรรมญาณก็ได้
    ครั้นทรงนั่งมีแสงสว่างนำให้มองเห็นถ้ำบาดาล ณ ฝั่งน้ำช่องปากถ้ำมีน้ำท่วมเต็ม
    ถ้าธรรมดาแล้วจะมุดน้ำอึดใจไม่ทัน จึงเข้าไม่ได้
    เมื่อได้ธรรมระเบิดน้ำเป็นช่องอาย(อากาศ)ได้ หรือหยุดหายใจได้ จึงเข้าไปได้ พระองค์ทรงได้คุณพิเศษนั้นแล้วจึงใช้ธรรมนั้นเป็นกำลังระเบิดแหวกน้ำเสร็จเข้าไปในถ้ำนั้นได้

    ทรงพบเห็นตามความเป็นจริงถ้ำนั้นกว้างใหญ่ มีแสงสว่างทั้งสะท้อนและทะลุซอกกับระแหงเข้าไปได้กระทั่งสว่างมองเห็นชัดได้ทั่วทั้งถ้ำ
    ได้ทอดพระเนตร์เห็นพระพุทธรูป และรูปพระร่วงกับทั้งพระนางพระยา ซึ่งทำด้วยโลหะสำริดและหินมีขนาดต่างๆกัน มีทั้งเตียง ตั่ง แท่น หิน จึงทรงทราบว่า
    ณ ที่นี้เคยมีพระภิกษุ ปะขาว แม้พ่อแม่ชี กับทั้งบาธรรม ปะขาว
    พระองค์ทรงชอบถ้ำวิเวกสถานเช่นนั้น และทรงคุ้นกับท่านต้นๆทั้งหลาย
    จึงเสด็จเข้าประทับเสมอมาหลายปีแล้ว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  15. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    ครั้น พ.ศ.๑๘๙๐ พระเจ้าลือไทย ทรงมีพระชนมายุได้ ๗๗ พรรษา ทรงประชวรเสมอ แต่ก็ระงับได้ด้วยผลของสมณธรรมนั้น
    ครั้งนี้ทรงพิจารณาเห็นและทรงทราบชัดว่าทรงหมดอายุสังขารแล้ว
    จึงทรงตกลงพระทัยว่า จะเสด็จไป ณ ถ้ำบาดาลใต้น้ำนั้น
    ครั้นทอดพระเนตรเห็นพระมหาอุปราชพระศรีธรรมราช พระเจ้ากรุงศรีสัชนาลัยซึ่งได้เสด็จลงมาเยี่ยมและเฝ้าพระอาการประชวร
    ได้ทรงปลอบพระทัยให้กลับ โดยตรัสว่า ทรงประชวรไม่หนักหนาอะไรนัก
    ครั้นทรงทราบว่าพระมหาอุปราชพระศรีธรรมราชเสด็จกลับไปศรีสัชนาลัยแล้ว
    จึงเสด็จไปยังตำหนักพระอรรคมเหษี และท้าวนางกับพระสนมทั้งหลายต่างได้ถวายบังคมแล้ว
    ก็ทรงเปลื้องพระอาภรณ์จากพระองค์และ(๑) เจ้าพสุจกุมาณพ พระราชโอรสของท้าวศรีสัจจาพรรณ ได้เสด็จเข้ามาถวายบังคม

    จึงมีพระราชโองการตรัสสั่งเจ้าพสุจกุมารว่า กูจะไปอาบน้ำมิเห็นกูมา เจ้าเป็นพระยาแทนที่เถิด

    เจ้าพสุจกุมารไม่รู้สำคัญว่า ว่าเล่นๆ
    ครั้นพระองค์ลงไปอาบน้ำ ณ ท่าหน้าเมือง
    ได้อันตรธานหายไปไม่ปรากฎกลับมา
    ได้เสด็จเข้าไป ณ ถ้ำบาดาลใต้น้ำนั้น ได้ประทับอยู่ ณ ถ้ำนั้น
    จะทรงพระชนม์ชีพอยู่อีกกี่วันไม่ทราบได้ และเสด็จสวรรคต ณ ถ้ำนั้น ปี พ.ศ.๑๘๙๐

    ในกาลหลังต่อมา มีพระและนักสิทธิ์มีโอกาสเข้าไป ณ ถ้ำบาดาลนั้น
    ได้ไปพบพระอัฐิและพระร่วงทั้งหลาย กลับออกมาเล่าว่า ยังอยู่ตลอด
    บางท่านยังขอพระเล็กๆมาเป็นพยานหลักฐานก็มี

    ถ้ำบาดาลนี้ ว่าอยู่ ณ ฝั่งแม่น้ำศรีสัชนาลัย
    พระเจ้าลือไทยชัยเชษฐธรรมราชาทรงระเบิดน้ำเสด็จไปใต้น้ำ
    และด้วยเรื่องมีนี้เอง พระองค์จึงทรงมีชื่ออีกชื่อหนึ่งว่า พระร่วงจมน้ำ
    ซึ่งในชินกาลบาลีปกรณ์ ได้แต่งชื่อเป็นบาลีว่า "อุทกโชตฺถตราช"
    อันแปลว่า พระราชาจมน้ำ

    พระองค์ประสูติ พ.ศ. ๑๘๑๓ เสวยราชสมบัติ พ.ศ.๑๘๖๐ มีพระชนมายุได้ ๔๗ พรรษา
    ทรงครองได้ ๓๐ พรรษา จึงมีพระชนมายุ ๗๗ พรรษา เสด็จสวรรคต พ.ศ.๑๘๙๐

    -------------------------------------------------------------------------------------------
    (๑)ที่เล่านั้น พระนามนี้ปรากฎในพระราชนิพนธ์เที่ยวเมืองพระร่วง ข้อ ๘ หน้า ๒๑๒
    ส่วนพระมารดาคิดตามชื่อพสุจเป็น ศรีสัจจาพรรณ
    และในนั้นผิดจากที่เล่านี้ ปรากฎเป็น พ.ศ. ๑๒๐๐ และว่า
    พระร่วงเจ้าเมืองมาถึงเมืองศรีสัชนาลัย และเจ้าพสุจกุมารก็เข้าไปกราบบังคม จึงมีพระราชโองการ ฯลฯ
    ครั้นพระองค์ลงไปอาบน้ำที่แก่งกลางเมืองก็อันตรธานหายไปไม่ปรากฎ
    ในพระพุทธศักราช ๑๒๐๐ พระร่วงสิ้น"ทิวงคต"
    ต่อจากนั้นเป็นพระราชนิพนธ์อธิบายความที่ขัดกัน และทรงลงพระมตินั้นๆ ถ้าต้องการก็ค้นดูเถิดจะได้ความละเอียด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  16. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    [​IMG]

    พระพุทธรูป ๓ องค์นี้ เป็นหยกเขียวขาว ที่เห็นเป็นรอยด่างนั้นคือขาว
    จะเห็นว่ามีแก้วหินประดับอันแสดงว่าเป็นของหลวงสมัยนั้น
    มีองค์หนึ่งจารึกว่า อุทิศเลอไทย
    อีกองค์หนึ่ง(ไม่ได้ถ่ายรูป)สมเด็จพระพุทธโฆษณาจารย์ แชล่ม
    จึงเข้าใจว่า องค์นี้คงรวบรวมและสร้างสมัยนั้น
    มีองค์เล็กๆอีก ไม่ทราบว่าเท่าไร
    และรูปพระร่วงอีก๓องค์ บุศราคัมนั้นจะพบต่อไปและอยู่ในชุดเดียวกันนี้
    เล่ากันว่า เมื่อพระแก้วมรกต มาสถิตที่สุโขทัย ได้รวบรวมและสร้างใหม่ ครั้งแรก ๑๐๘องค์
    และสร้างอีกชุดหนึ่งอีก ๑๑๕ องค์

    [​IMG]
    พระพุทธรูปหินสีต่างๆสมัยสุโขทัย จะเห็นพระแม่เมาฬี ๓ ชั้น ๒ ชั้น
    ชั้นเดียวเฉพาะองค์ซ้ายสุด จะเห็นทำจีวรกลีบอีกแบบหนึ่ง และหนักมาก แบบนี้อาจถึงสมัยสุวัณณภูมิ
    ซึ่งถูกเก็บไปรวมไว้ ว่าบรรจุไว้ในโอ่ง ใช้ทรายใส่ ฝังไว้ใต้ฐานอิฐพระอุโบสถหรือโบสถ์ร้าง วัดรังแร้ง
    ที่พบ ๑๑๕ องค์ ยังมีปรางค์อีก ๓๕ ปรางค์ เก็บได้เพียง ๘๐
    เหลืออยู่ ๔๒ องค์ นอกนั้นถูกขายไปนอกทั้งองค์บ้าง หักเป็นท่อนๆขายออกไปบ้าง
    ที่เหลืออยู่นี้เพียงเศษๆเท่านั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0316.jpg
      scan0316.jpg
      ขนาดไฟล์:
      157.5 KB
      เปิดดู:
      1,598
    • scan0317.jpg
      scan0317.jpg
      ขนาดไฟล์:
      181.4 KB
      เปิดดู:
      1,968
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2013
  17. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    พระเจ้าศรีสุริยพงศราม มหาธรรมราชาธิราช

    พระเจ้าลิไทย พระศรีธรรมราช รัชกาลที่ ๗


    (ทรงใช้พระนามพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ และพ่อขุนพระราม มา สถาปนาพระนามว่า พระเจ้าศรีสุริยพงศรามมหาธรรมราชาธิราช เป็นพระองค์แรก
    และพระองค์ทรงปรีชาญาณเรียนจบพระไตรปิฎก เป็นโหร เป็นนักคำนวณ
    ตลอดกระทั่งทรงผนวช และปรารถนาพระโพธิญาณ ทรงแสดงมหัศจรรย์ได้)

    ด้วยพระราชโองการตรัสว่า "กูจะไปอาบน้ำ มิเห็นกูมา เจ้าเป็นพระยาแทนที่เถิด" พระเจ้าลือไทยพระราชบิดาได้อันตนธานหายไปในน้ำแล้ว
    เจ้าพสุจกุมารได้สดับพระราชโองการนั้น จึงทรงปฏิบัติตามพระราชโองการสั่ง
    ได้ตระเตรียมจะขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระเจ้ากรุงสุโขทัย ปี พ.ศ.๑๘๙๐ นั้น

    ฝ่ายพระเจ้าลิไทย ซึ่งยังดำรงพระนามพระศรีธรรมราช เจ้าเมืองศรีสัชนาลัย
    เมื่อพระราชบิดาได้สั่งให้กลับ ก็ได้เสด็จกลับไปและฟังข่าวอยู่
    ครั้นสดับข่าวพระราชบิดาอันตรธานไปในแม่น้ำแล้ว
    ทั้งได้สดับข่าวที่เจ้าพสุจกุมารกำลังจะครองราชสมบัติตามพระราชโองการนั้น
    ดังนั้นพระศรีธรรมราชทรงใช้เวลาตระเตรียมพลทัพเสร็จ
    กรุงศรีสัชนาลัยและกรุงสุโขทัยนั้นมีระยะทางประมาณ ๓๐๐๐ เส้น จึงทรงเดินทัพ ๑๑ วัน ถึงสุโขทัย เมื่อวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ พ.ศ. ๑๘๙๐ ได้เสด็จทางประตูเมืองทิศพายัพ
    เจ้าพสุจกุมาร ทรงแต่งพวกทัพออกต่อสู้ทรงช้างออกกระทำยุทธหัตถี
    พระเจ้าศรีธรรมราชมีพระบัญชาพลเสนาทั้งหลายให้โอบล้อมแล้วทรงไสช้างเข้าบุกทะลวงถึงเจ้าพสุจกุมาร
    จึงทรงใช้ขวานประหารอริราชศัตรูทั้งหลายแล้วจึงเสด็จเข้ากรุงสุโขทัย ได้ปราบดาภิเษก
    และสถาปนานามว่า พระเจ้าศรีสุริยพงศรามมหาธรรมราชาธิราช
    พระเจ้ากรุงสุโขทัยศรีสัชนาลัย พ.ศ.๑๘๙๐
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  18. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    พระเจ้าลิไทยมหาธรรมราชา ได้ทรงศึกษาวิทยาการมาก ทั้งลายสือไทยและขอมกระทั่งจบพระไตรปิฎกและอัฎฐกถาคัมภีร์ต่างๆ
    ชำนาญทั้งทางไสยศาสตร์ สถาปัตยกรรม ศิลปศาสตร์ คณิตศาสตร์ และโหราศาสตร์
    ทรงอาจถอดถอน จะยกลดปีเดือน คำนวณได้มิคลาดเคลื่อน แม้ในทางไสยศาสตร์สืบสายประเพณี เช่นจารึกหลัก๑ มีว่า

    พระขะพุงผี เทพดาในเขาอันใหญ่กว่าทุกผีในเมืองนี้
    เมื่อได้ไหว้ดีพลีถูก จะกระทำให้เมืองเที่ยง
    แม้ในทางพระศาสนาก็ทรงสืบพิธีวิสาขะบูชา พิธีลอยกระทง
    ได้ทรงวางแผนสร้างกรุงสุโขทัย ทั้งวัง วัด ศาลา พระธาตุ เจดีย์

    ครั้นได้ครองเป็นพระเจ้ากรุงสุโขทัยศรีสัชนาลัยแล้ว ได้ทรงพบ"นพมาศ"ซึ่งได้ศึกษามีความรู้มาก จึงทรงนำมาตั้งเป็นท้าว ครั้นต่อมาได้ทรงตั้งเป็น พระนางพระยาศรีจุฬาลักษณ์(๑) และได้ประสูติพระราชโอรส พระนามว่า ไสยลือไทย พ.ศ.๑๘๙๑ พระนางได้เขียนหนังสือชื่อ "นางนพมาศ" เล่าถึงพิธีวิสาขะบูชา พิธีลอยกระทง และสิ่งประดิษฐ์ต่างๆในประเพณีนั้นๆ

    สถานที่ต่างๆในกรุงสุโขทัย พระนางได้บันทึกไว้ว่า มีโรงช้าง โรงม้า โรงรถ โรงเรือ ฉางข้าว ฉางเกลือ ฯลฯ
    และสถานเทวาลัย เช่น พระเสื้อเมือง พระทรงเมือง ตลอดคลังปืน กระสุน ฯลฯ
    พระที่นั่งต่างๆ พระที่นั่งอินทราภิเษก พระที่นั่งอดิเรกภิรมย์ พระที่นั่งอุดมราชศักดิ์ พระที่นั่งชัยชุมพล พระที่นั่งชลพิมาน พระที่นั่งพิศาลเสาวรส พระปรัศรัตนนารี และปรัศศรีอัปษร

    และว่าทรงสร้างปราสาทราชมณเฑียรแล้ว
    ได้จัดให้มีพระสงฆ์เรียนพระไตรปิฎก
    และให้มีพวกพราหมณ์เรียนศิลปศาสตร์ แม้พวกชาวไทยก็ให้เรียน เช่น โหราศาสตร์ และหนังสือทั้งไทยขอม และเรียนภาษาต่างๆ ในเรื่องนางนพมาศได้ระบุภาษาไว้ถึง ๖๐ กว่าภาษา ทั้งวิชาเลข ก่อสร้าง ทำอิฐ ทำปูน ทำสวน การประมง การป่าไม้ ตลอดถึงขนบธรรมเนียม พระราชประเพณี พระราชพิธี กฎหมาย ระเบียบการ กิริยามารยาท ฯลฯ และเรียนถึงวิชาการต่างๆวิชาเครื่องปั้นดินเผา เครื่องเคลือบ ตลอดวิชาแพทย์ทั้งป่วยไข้ และยา กับนวด จับ บีบ เส้นเอ็น ถึงหมอคลอด หมอปัดรังควาน
    ฉะนี้ กรุงสุโขทัยและศรีสัชนาลัย จึงเจริญมากมายถึงสุดขีด

    -----------------------------------------------------------------------------------

    (๑)ตามโคลงบานแผนกว่า นพมาศนามแม่นี้ เดิมมา โปรดเปลี่ยนศรีจุฬาลักษณ์ล้ำ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  19. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    พ.ศ.๑๘๙๓ พระเจ้าลิไทยมหาธรรมราชาธิราช ครองสุโขทัยศรีสัชนาลัยได้ ๒ ปี
    เกิดทุพภิกขภัยข้าวยากหมากแพง ในเมืองเหนืออดอยากระส่ำระสาย
    พระเจ้าอู่ทอง หรือพระเจ้ารามาธิบดีที่ ๑ ซึ่งได้สร้างกรุงเทพทวารวดีศรีอยุธยา ณ หนองโสนแล้ว ณ พ.ศ.๑๘๙๓ ทรงเห็นได้โอกาสด้วยเหตุนั้น
    จึงทรงให้พระบรมราชาขุนหลวงพะงั่ว ยกกองทัพไปยึดชัยนาทเป็นเมืองชายแดนเข้ามาเป็นของอยุธยา
    แม้ครั้งนี้ พระเจ้าลิไทยธรรมราชาไม่ทรงสามารถปราบปรามได้ กระนั้นก็ทรงเจรจาขอคืนโดยยอมให้กรุงศรีอยุธยาเป็นอิสระเท่าเทียมกรุงสุโขทัย[
    ซึ่งพระเจ้าอู่ทองก็ทรงตกลงยอมคืนและรับสัมพันธไมตรีนั้น ตลอดกาล
    จึงมีความสัมพันธไมตรีอันดีตลอด

    พ.ศ. ๑๘๙๖ ทรงพระราชนิพนธ์ เตภูมิกถา คือไตรภูมิพระร่วง
    คัมภีร์นี้ทรงอ้างพระคัมภีร์ต่างๆ ทั้งพระไตรปิฎก อัฎฐกถา ฎีกา อนุฎีกา ปกรณ์ต่างๆ กระทำให้รู้ได้ว่าคัมภีร์ตำรานั้นๆมาถึงแล้ว
    พระองค์ได้ระบุพระเถราจารย์ และราชบัณฑิต เช่น อุปเสนราชบัณฑิตย์ ทรายราชบัณฑิต กับทั้งยังระบุถึงพระศรีอาริยไมตรีเจ้าด้วย

    พ.ศ. ๑๙๐๐ (ม.ศ.๑๒๗๙) ทรงจารึก-จารึกนครชุม หลักที่ ๓
    ทรงเล่าเรื่องได้นำพระบรมสารีริกธาตุมาจากลังกา
    ได้สร้างพระศรีรัตนมหาธาตุ คือ พระเจดีย์เป็นที่บรรจุพระตรีรัตนมหาธาตุ
    ทรงเล่าเรื่องพระศาสนา พระศาสนาอันตรธานทรงลงมหาศักราชไว้

    พระศรีรัตนมหาธาตุพระองค์นี้สถิตอยู่ ณ เมืองนครธม(เมืองเก่าอยู่หลังเมืองกำแพงเพชรเดี๋ยวนี้) และได้สร้างเป็นวัดมหาธาตุ หรือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 เมษายน 2017
  20. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,402
    [​IMG]
    ๑.พระพุทธรูปปางลีลาตระกวลสุโขทัย
    ๒.พระพุทธรูปปางลีลาสุโขทัย ทรงโย้หน้า ทองคำเปลวปิดเป็นดอกๆ
    ๓.พระพุทธรูปปางลีลาสุโขทัย แต่ทำที่ราชบุรี พบใต้กองอิฐต้นโพธิ์ เกาะพลับพลา
    สังเกตจะเห็นพระพาหาเล็กกว่า ที่นาภีก็ไม่มีพุงยื่น

    [​IMG]
    พระพุทธรูปปางลีลา สมัยสุโขทัย ว่าพบที่สุโขทัย
    ตัดออกจากหนังสือประมวลภาพประติมา ของ ม.ร.ว.ทันพงศ์ กฤดากร
    จะเห็นส่วนทั้งหมดเป็นผู้ชาย คือ แขนงวงช้าง นิ้วลำเทียน ทุกส่วนเต็มอิ่มหมด
    และผ้าห่ม ผ้านุ่ง คือ นุ่งแบบสะบง ไม่มีม้วนหน้า ผ้าห่มแบบจีวรก็ไม่มีลูกบวบ
    ส่วนต่างๆผิดหมด นี่แหละยืนยันของไทย
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0318.jpg
      scan0318.jpg
      ขนาดไฟล์:
      201.9 KB
      เปิดดู:
      2,185
    • scan0319.jpg
      scan0319.jpg
      ขนาดไฟล์:
      131.4 KB
      เปิดดู:
      1,732
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2013
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...