ประวัติชาติไทยตั้งแต่ต้นกัป พุทธสาสนสุวัณณภูมิปกรณ(พิมพ์เป็นตัวอักษร)

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย เก่ากะลา, 27 สิงหาคม 2012.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401

    a.2266329.jpg

    พระบาทสมเด็จพระปฐมบรมนาถบพิตร พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
    สมัยอยุธยา ประมาณ พ.ศ.๒๓๐๓ ได้เป็น หลวงยกบัตรเมืองราชบุรี จึงอยู่ ณ ราชบุรี
    ทรงแต่งงานกับ นาก มีพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ต่อมาได้เข้ารับราชการ ณ กรุงธน
    แล้วสถาปนากรุงเทพ ได้เสด็จเถลิงถวัลยปราบดาภิเษกฯ



    สมเด็จพระปฐมบรมนาถบพิตรมหาราชเจ้า
    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๑

    พ.ศ.๒๓๒๕ - ๒๓๕๒

    "ตั้งใจจะอุปถัมภก ยอยกพระพุทธศาสนา
    ป้องกันขอบขัณฑสีมา รักษาประชาชน และ มนตรี"


    เมื่อทรงได้สถาปนาเป็นสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกนั้น เท่ากับว่าทรงพระกรุณาให้เป็นพระมหากษัตริย์โดยพระราชทินนามนั้นแล้วทรงกระทำทุกอย่างตามพระราชปฏิญญาณ
    ได้เถลิงถวัลยบรมนาถบพิตร
    และให้ตั้งพระราชพิธียกหลักเมือง วันอาทิตย์ ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๖ ปีขาล พ.ศ.๒๓๒๕
    วันจันทร์ เดือน ๖ แรม ๑๐ ค่ำ ตั้งพระราชวังใหม่

    ขึ้น ๙ ค่ำ เดือน ๘ ตั้งการพระราชพิธีปราบดาภิเษกสังเขป

    วันพฤหัสบดี ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๘ ได้เสด็จข้ามมหาคงคา มา ณ ฝั่งตะวันออก เสด็จขึ้นยังพระราชมณเฑียรสถาน เสด็จขึ้นปราบดาภิเศกถูกต้องตามพระราชประเพณี

    ทรงปรับปรุงและจัดพระสงฆ์พระพุทธศาสนา
    ดำรัสให้สมเด็จพระสังฆราช พระพุฒาจารย์ พระพิมลธรรม ซึ่งพระเจ้าตากให้ถอดนั้น
    โปรดให้คงที่สมณฐานันดรศักดิ์ให้คืนไปอยู่ครองพระอารามเดิม
    ให้นิมนต์พระอาจารย์สุก วัดท่าหอย คลองตะเคียนกรุงเก่า ลงมาครองวัดพลับ ให้เป็นพระญาณสังวรเถร

    ทรงสร้างพระราชวัง และวัด มีวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดพระเชตุพนฯ
    กรมพระราชวังบวร ทรงปฏิสังขรณ์วัดสลักแล้ว ตั้งนามว่า วัดนิพพานาราม คือวัดมหาธาตุ ฯลฯ

    ได้ส่งกองทัพไปปราบญวน พ.ศ. ๒๓๒๘
    ทรงรับกองทัพพม่า ยกเข้ามาทั้งเหนือ กลาง ใต้ พ.ศ.๒๓๒๙
    ทรงรับศึกสงครามพม่า ๒๓๓๑

    สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิสสรสุนทร กับอื่นๆ ได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนา
    ได้ทรงรำลึกถึงพระไตรปิฎก อัฎฐกถา ฎีกา คันถ ปกรณ ที่กระจัดกระจาย และคัดลอกกันมาจะวิปัลลาสคลาดเคลื่อน
    ครั้งก่อน พ.ศ.๒๐๒๖ พระธัมมทินนเถร แห่ง นพิสี เชียงใหม่
    พิจารณาเห็นจึงถวายพระพรแด่พระเจ้าดิลกราชาธิราช
    ทรงอุปถัมภ์และได้ชำระกันมากระทำเป็นสังคายนาครั้งที่ ๘

    จึงอาราธนาสมเด็จพระสังฆราชให้จัดเป็นหมวด กอง ชำระ สอบสวน ทั้งอักษาลาว รามัญ ขอม แล้วจารเป็นตัวขอมลงใบลาน ได้ลงรักปิดทอง กระทำเป็นสังคายนาครั้งที่ ๙[
    กระทำในวัดนิพพานาราม เรียกว่า ฉบับทองใหญ่ คู่กับ ฉบับครูเดิม แล้วนำมา ณ หอพระมณเฑียรธรรม

    ครั้งนี้ พระพิมลธรรม ได้รจนา คัมภีร์สังคีติยวงศ์ เล่าเรื่องไว้ตลอด

    พ.ศ.๒๓๓๘ทรงรับศึกสงครามพม่าที่เชียงใหม่ พ.ศ.๒๓๔๕ ทรงรับศึกสงครามที่เชียงใหม่

    สวรรคต พ.ศ.๒๓๕๒
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0344.jpg
      scan0344.jpg
      ขนาดไฟล์:
      261.6 KB
      เปิดดู:
      2,215
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  2. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    [​IMG]
    สมเด็จพระสังฆราช(สี)เป็นที่เคารพเชื่อถือพระองค์ที่๒กรุงธน ที่๑กรุงเทพฯ
    ในพระประวัติทรงภูมิคุณธรรมสูง แตกฉานพระธรรมวินัยสมัยอยุธยา
    สำนักวัดพนัญเชิงเรัยกขานกันว่า พระอาจารย์สี
    ได้หลบภัยสงครามไปอยู่นครศรีธรรมราช ได้มาอยู่วัดบางว้า
    สมัยกรุงธนได้เป็นสมเด็จพระสังฆราชต่อจากพระอาจารย์ทองดี
    แล้วถูกนำไปลงโทษที่วัดหงสาราม พร้อมกับสมเด็จพระพุฒาจารย์วัดบางว้าน้อย พระพิมลธรรมวัดโพธาราม
    รัชกาลที่ ๑ ได้ทรงคืนให้เป็นสมเด็จพระสังฆราช พ.ศ.๒๓๓๑
    ทรงรับเป็นพระองค์ประธานและแม่กองชำระ และรวบรวมจารึกพระไตรปิฏก สัททาวิเสส ตลอด
    ด้วยลายสือขอมเป็นฉบับทองใหญ่
    พ.ศ.๒๔๓๖ รัชกาลที่ ๕ พร้อมคณะสงฆ์ได้เปลี่ยนเป็นหนังสือไทย จัดพิมพ์เป็น ๔๕ เล่ม
    เป็น สยามรัฐไตรปิฏก
    พ.ศ.๒๕๐๐ ได้แปลพระไตรปิฏกนั้นเป็นคำไทย และพิมพ์เป็นหนังสือ ๘๐เล่ม
    ครั้งที่ ๒ จัดเป็น ๔๕ เล่ม ตามสยามรัฐเตปิฏก
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0085.jpg
      scan0085.jpg
      ขนาดไฟล์:
      199.8 KB
      เปิดดู:
      2,258
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2013
  3. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2266338.jpg

    ท้าวเทพกษัตรีย ท้าวศรีสุนทร (ภูเก็ต)

    ท่านท้าวทั้งสอง กับหญิงชายชาวถลาง (ภูเก็ต) อีกประมาณ ๕๐๐ ได้กระทำอุดมวีรเกียรติกรรม ไว้แล้ว
    พ.ศ. ๒๓๒๘ ไทยถูกสงครามพม่าถึง ๙ กองทัพ

    ก่อนนั้น พระยาพิมลฯ พระยาถลางสามี ได้กลับไปเป็นพระยาเจ้าเมืองอีกครั้งหนึ่ง พ.ศ.๒๓๒๐ ได้ปืนจากกัปตันบังเกน ๔๙๐ กระบอก ๘ ปี พม่ายกทัพเข้าชุมพร พระยาถลางป่วยอยู่แล้วถึงอสัญกรรม

    พระยาธรรมไตรโลกได้เกณฑ์คุณหญิงจันทร์พร้อมกับชายฉกรรจ์ไปตั้งรับที่ปากพระและถูกพม่าตีแตก
    พระยาธรรมไตรโลกตาย ข่าวแพร่ไปถึงถลาง ผู้คนแตกตื่น ขนทรัพย์สินหนี
    คุณหญิงจันทร์ รีบกลับสู่ถลาง พร้อมกับคุณมุกน้องสาวและ บุตร ซึ่งเป็นพระยาทุกขราษฎร์
    ด้รวบรวมหญิงชาย เฉพาะหญิง ประมาณ ๕๐๐ แต่งตัวเป็นชาย อยู่ในบังคับบัญชาของคุณหญิงจันทร์และคุณหญิงมุก
    ชาย อยู่ในบังคับบัญชาของพระยาทุกขราษฎร์

    ผู้หญิง ซึ่งแต่งตัวเป็นทหารชายนั้น
    กลางคืนออกเอาทางมะพร้าวทำเป็นปืนถือ
    กลางวันก็เข้าทำเป็นกองหนุนเข้าสมทบในค่าย
    ส่วนพลรบแท้ก็ใช้ปืน ๔๙๐ กระบอกหรือกว่านั้น ยิงกระหน่ำพม่า

    พม่าเข้าตีหลายครั้งก็ถูกกระหน่ำต้านถอยกลับทุกคราว
    ครั้งสุดท้าย ได้ส่งทหารหญิงออกไป
    โดยทำเป็นหาเสบียงอาหารส่งค่าย
    ถูกจับได้ ต่างใช้กลมารยาให้พวกพม่ากินเหล้าเมา อาหารว่าใส่กัญชา
    พอได้ที พวกทหารแท้ทั้งชายหญิง ซึ่งมีคุณหญิงจันทร์กับคุณมุกและพระยาทุกขราษฎร์เป็นผู้บัญชาการ ได้ยิงกระหน่ำกรูออกโจมตี
    กองทัพพม่าได้ถอยออกห่าง และลงเรือแล่นหนีออกไป
    ทั้งได้ถูกกองทัพซึ่งกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาททรงเป็นแม่ทัพได้ตีกองทัพที่ปากแพรก กาญจนบุรีแตกแล้ว
    จึงเสด็จลงไปโจมตีพม่าให้แตกกลับไปตลอดภาคใต้

    พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงทรงสถาปนาคุณหญิงจันทร์ เป็น ท้าวเทพกษัตรีย คุณมุกเป็นท้าวศรีสุนทร
    ต่อมาชาวภูเก็ตได้สร้างอนุสาวรีย์รูปอุดมวีรสตรีคู่พี่น้องยืนถือดาบอย่างที่เห็นนั้น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0091.jpg
      scan0091.jpg
      ขนาดไฟล์:
      176.9 KB
      เปิดดู:
      3,939
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  4. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    [​IMG]

    สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส
    ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่๗ กรุงเทพฯรัตนโกสินทร์
    เป็น พระราชโอรส พระองค์ที่ ๒๘ (พระองค์เจ้าวาสุกี)
    ประสูติ พ.ศ.๒๓๓๓ พระชนมายุ ๑๒ ทรงผนวชเป็นสามเณร พ.ศ.๒๓๔๕ ประทับวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
    พระชนมายุ ๒๐ พ.ศ.๒๓๕๓ อุปสมบท สมเด็จพระสังฆราช(สุก)เป็นพระอุปัชฌาย์
    สมเด็จพระพนรัตน(พระพิมลธรรมฉิม)เป็นพระอาจารย์
    ในรัชกาลที่ ๒ ทรงเป็น กรมหมื่นอนุชิตชิโนรส
    รัชกาลที่ ๓ โปรดให้ซ่อมพระอุโบสถวัดพระเชตุพนฯใหม่ โปรดให้ทรงรับเป็นภาระธุระ
    จึงทรงปรับปรุงให้เป็นมหาวิทยาลัยแห่งสรรพวิทยาการ มีจารึกศิลา และนิทรรศการพระพุทธศาสนา
    วรรณคดี แพทยศาสตร์ ประวัติพงศาวดาร เทศมหาชาติ ลิลิตตะเลงพ่าย และพระราชพิธีต่างๆ
    ตำราพิชัยสงคราม โหราศาสตร์
    ได้จัดส่งพระสงฆ์ไทยไปลังกา
    ได้ทรงเป็น กรมสมเด็จพระปรมานุชิตชิโนรส ศรีสุคตขัตติยวงศ์สมเด็จพระสังฆราชเจ้า
    ต่อมาได้สถาปนาเป็น สมเด็จพระมหาสมณเจ้า พระองค์ที่ ๑
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0086.jpg
      scan0086.jpg
      ขนาดไฟล์:
      215 KB
      เปิดดู:
      2,368
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2013
  5. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2266361.jpg

    a.2266362.jpg

    สมเด็จพระบรมรัตนกวีมหาราชเจ้า
    พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒

    พ.ศ. ๒๓๕๒ - ๒๓๖๗

    รัชกาลที่ ๒ สมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย สมเด็จเจ้าฟ้าอิสสรสุนทร พระบรมรัตนกวีมหาราชเจ้า
    เมื่อพระราชบิดาเสด็จดำรงพระยศเป็นหลวงยกกบัตรเมืองราชบุรี[
    ครั้งแรกคงมีเคหสถานอยู่ ณ เมืองราชบุรี ตรงที่มีวัดตาล - วัดอมรินทรวิหาร
    ประสูติ ปีกุน ขึ้น ๗ ค่ำ เดือน ๔ พ.ศ.๒๓๑๐ ก่อนกรุงเก่าเสีย ๑ เดือน

    ครั้นทรงแต่งงานกับ "นาก" ซึ่งเป็นชาวบ้านอัมพวา จึงมีนิวาสถานอยู่ที่นั้น
    เมื่อพระเจ้าตากสินกู้อิสรภาพคืนได้แล้ว สร้างกรุงธน จึงมารับราชการ และตั้งเคหสถานอยู่ใต้วัดระฆัง ตอนนั้นยังมีชื่อว่า วัดบางว้าใหญ่
    ทรงเป็นศิษย์วัด และเรียนหนังสือ อักษรสมัย วรรณคดี ประวัติ นิทาน ชาดกต่างๆในวัดนั้น

    ครั้นพระขนมายุ ๘ ขวบ ได้เสด็จตามพระราชบิดาไปสงครามตลอด
    จึงทรงชำนาญ ป่าเขาลำเนาไม้ ภูมิประเทศและเผ่าพันธุ์ชนตลอดไป ขบวนทัพยุทธวิธี พิชัยสงคราม และทรงชำนาญศิลปกรรมทุกชนิด โดยเฉพาะพระราชนิพนธ์วรรณคดีไทย และฝีพระหัตถ์ศิลปะแกะสลัก

    พ.ศ.๒๓๓๑ ทรงอุปสมบท ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม
    แล้วเสด็จไปจำพรรษา ณ วัดสมอราย
    ได้ครองราชสมบัติ พ.ศ.๒๓๕๒
    พวกพม่า ยกกองทัพเข้ามาตีภาคใต้ ภูเก็ต พังงา ชุมพร ฯลฯ ให้ยกกองทัพออกไปตีขับไล่ได้ตลอด

    พ.ศ.๒๓๕๕ ให้กองทัพไปสงบเรื่องร้าย ณ กัมพูชาประเทศ
    และได้ให้นำพระพุทธบุษยรัตน์ เข้ามาสถิตในพระมหานคร
    พ.ศ.๒๓๕๖ ทรงสร้างมณฑปพระพุทธบาท
    พ.ศ.๒๓๕๗ สร้างนครเขื่อนขันธ์
    พ.ศ.๒๓๕๗ -๕๘ ส่งสมณฑูตไปลังกา
    พ.ศ.๒๓๕๘ ทรงชำระพระสมณศักดิ์ ต้องอธิกรณ์หลายองค์
    ทรงให้แต่งโอวาทานุสาสนี
    พ.ศ.๒๓๖๐ ทรงให้ทำพิธีวิสาขบูชาเป็นครั้งแรกในสมัยรัตนโกสินทร์

    ทรงสืบต่อ ปรับปรุง สร้างเพลง ทั้งทางเรี่อง เครื่องรับ ทางรำและทางร้อง
    เช่นกลอนอ่านเป็นทำนองเรื่องก็ได้ ร้องเป็นทำนองเพลงก็ได้ ชั้นเดียว สองชั้น สามชั้น
    ทำเครื่องรับและท่ารำ เช่น ที่เรียกกันว่า โขน ละคอน ร้องส่งคำพากย์
    จัดเรื่องไว้ในความหมาย เช่น เสภาขุนช้างขุนแผน โขนรามเกียรติ์ ละคอน อิเหนา เทศน์มหาชาติ และเรื่องพื้นเมือง เช่น หุ่นกระบอก

    ทรงสร้างวัดท้ายตลาด พระราชทานนามว่า วัดพุทไธศวรรย์ แล้วเปลี่ยนว่า วัดโมลีโลก
    ส่วนวัดแจ้ง ทรงสร้างพระอุโบสถใหม่ มีระเบียงรอบพระประธานในพระอุโบสถ ซึ่งทรงปั้นด้วยฝีพระหัตถ์
    ส่วนพระปรางค์ใหญ่ ทรงกะที่ไว้ ยังไม่ได้สร้าง
    พระราชทานชื่อวัดแจ้ง เปลี่ยนเป็นว่า วัดอรุณราชวราราม ให้ฉลองในปีมะโรง พ.ศ.๒๓๖๓ มีละครหลวงเรื่องรามเกียรติ์ ตอน บุศลพ

    ทรงสร้างวัดสุทัศน์ พระวิหารใหญ่เป็นที่สร้างพระโต ซึ่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าฯ เชิญลงมาจากวัดมหาธาตุเมืองสุโขทัย
    บานประตูพระวิหารนั้นโปรดให้สลักลายขุดด้วยไม้แผ่นเดียว
    กรมหมื่นจิตรภักดีเป็นนายงาน
    เมื่อคิดอย่างสำเร็จเรียบร้อยแล้วให้ยกเข้าไปในท้องพระโรง ทรงสลักด้วยฝีพระหัตถ์ก่อน แล้วจึงใช้ช่างทำต่อไป ในปีมะเมีย พ.ศ.๒๓๖๕ และ ในปีมะโรง พ.ศ.๒๓๖๓ นั้น อหิวาตกโรค ระบาด
    จึงมีพระราชพิธีอาพาธพินาส ได้มีพิธีสังคายนาสวดมนต์ ให้แปลสวดมนต์ทุกสูตร ตลอดภาณวารและภาณยักษ์ ทรงให้ฝ่ายในสวด พระเจ้าน้องนางเธอพระองค์เจ้าศศิธรเป็นหัวหน้า

    ได้ติดต่อกับชาวต่างประเทศตลอดไปถึงยุโรป

    เสด็จสวรรคต พ.ศ. ๒๓๖๗ พระชน์มายุ ๕๘ พรรษา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0093.jpg
      scan0093.jpg
      ขนาดไฟล์:
      206.9 KB
      เปิดดู:
      1,664
    • scan0094.jpg
      scan0094.jpg
      ขนาดไฟล์:
      249 KB
      เปิดดู:
      1,906
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  6. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    [​IMG]

    สมเด็จพระสังฆราชไก่เถื่อน
    เดิมชื่อ สุก
    ทรงคุณธรรมพิเศษแผ่เมตตา จนไก่ป่าเชื่อง จึงมีชื่อว่า ไก่เถื่อน
    ได้มาอยู่ วัดพลับ วัดราชสิทธราม
    เป็นพระญาณสังวร
    เป็นสมเด็จพระญาณสังวร
    เป็นสมเด็จพระสังฆราช ในรัชกาลที่ ๒
    ทรงเป็น พระกรรมวาจาจารย์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0095.jpg
      scan0095.jpg
      ขนาดไฟล์:
      216.2 KB
      เปิดดู:
      3,340
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2013
  7. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    [​IMG]

    ในรัชสมัยรัชกาลที่ ๒ นี้ ทรงได้ช้างเผือกหลายเชือก
    ฉะนี้ รัชกาลที่ ๒ จึงมีพระปรมาภิไธย อีกอย่างหนึ่งว่า พระเจ้าช้างเผือก
    และพระองค์ได้ทรงสถาปนาเป็น
    พระยาเศวตกุญชรอดิศรประเสริฐศักดิ์เผือกอัครไอยราฯสุนทรลักษณะเลิศฟ้า
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0096.jpg
      scan0096.jpg
      ขนาดไฟล์:
      112.8 KB
      เปิดดู:
      2,377
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 9 กรกฎาคม 2013
  8. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2267227.jpg
    นางเบ็ญกาย เหาะขึ้นตามควันไฟ หนุมานทะลึ่งโลดโดดตามข้ามอัคคี
    ปรากฏใน วรรณคดี พระราชนิพนธ์รามเกียรติ์
    ขอนำมาเป็นหลักฐาน ท่ารำ ตามพระราชนิพนธ์ และเพลงเดี่ยวเชิดนอก


    พระบรมรัตนกวีมหาราชเจ้า - จุดเด่น

    จุดเด่น ณ อุดมวรรณคดี ซึ่งทรงเสกสรรค์ขึ้น และเด่นตระหง่านอยู่มา ซึ่งยังไม่มีการกระทำขึ้นเทียมเท่าได้ หรือทับได้ แม้เพียงเลียนแบบ ก็ยังไม่ถึง

    พระราชนิพนธ์กลอน ได้เป็นแบบโขน แบบเสภา แบบละคอน แบบเพลง และเครื่อง
    ได้ทรงพระนิพนธ์แล้ว จัดเข้าเสียงร้องเป็นเพลง กับ จัดเข้ในท่ารำ ทั้งท่าชายและหญิง ตลอดถึงท่าสัตว์
    จัดเข้าในเครื่อง เช่น ปี่พาทย์ เครื่องสายมโหรี ปี่วง แคนวง เช่น รามเกียรติ์ หรือ โขน
    จัดเป็นเพลงเชิดนอกในทางเดี่ยว ปี่ ระนาด ซอด้วง กระจับปี่ ซึง
    มีท่ารำ ทั้งท่าชายและหญิง
    ในระยะกาลที่มีเครื่องบินแล้ว ได้ฟังเดี่ยวกระทำเสียงเหมือนเครื่องบินที่ถูกยิงเครื่องขัดนั้น ถึงจะไม่ทรงทั้งหมด ก็คงทรงพระดำริ และแก้ไข
    ได้อ่านฟังดูแล้วก็เห็นเป็นอัศจรรย์

    กลอนนี้ดูในรามเกียรติ์ว่า พระราชนิพนธ์รัชกาลที่ ๑ ซึ่งไม่เหมือนกัน
    บทนี้เข้าใจว่า แก้ให้เข้ากับท่า และการรำ

    สำหรับที่แต่งเป็นเพลงเชิดนอก กับ จัดเข้าเป็นเสียงเครื่อง และจัดขึ้นท่ารำก็ตาม อาจเป็นทีหลัง เท่าที่คิดดูแล้ว ท่านที่คิดเป็นแบบ คงได้ดูจากกลอนบรรยายไว้ก็จัดเข้าในท่าชายและหญิง ก็ได้ชื่อว่า นำมาจากพระราชนิพนธ์นั้น

    เนื้อ - เพลงเชิดนอก

    เมื่อนั้น ถูกลมมุ่งเขม้นเห็นยักษี
    ทะลึ่งโลดโดดตามข้ามอัคคี ขุนกระบี่ขับไล่ไขว่คว้า
    สะกัดกั้นกันนางกลางโพยม เข้าจู่โจมจับเป็นไม่เข่นฆ่า
    แล้วเหาะลงตรงยังพสุธา พามาเฝ้าองค์พระหริรักษ์

    เพลง - กราวใน
    อีกบทหนึ่งในเรื่อง ขุนช้าง-ขุนแผน ได้เอาเข้าเป็นบทร้องเพลงกราวในทางเดี่ยว
    ซอด้วงบ้าง ซออู้บ้าง ระนาดบ้าง จะเฆ่บ้าง กะจับปี่บ้าง ซอสามสายบ้าง
    คงมีท่ารำ ได้เคยเห็น

    เนื้อ - เพลงกราวใน

    ยักษ์รับกราบลาทะลึ่งโลด ข้ามโขดเขาเขินคีรีศรี
    ยูงยางหักลงเป็นผงคลี เหยียบเสือช้างบี้ด้วยบาทา

    ตับนก
    เพลงนี้ เป็นเพลงชมนกในป่า เป็นพระดำรัสตรัสถาม และ สังคามระตา ทูลตอบ
    ได้เคยเห็นมีแต่ง และใช้ หัวนกชื่อนั้นๆรำออกมา
    คงจะมีแต่เดิม และแก้ไขเปลี่ยนแปลงกันมา
    ซึ่งยืนยันว่า เรื่อง, กลอน ,เพลง ,เครื่อง ,ท่ารำ ,เนื้อร้องมีเสียงนกโพระดก ,นกกาเหว่า ,ไก่ขัน ,นกประหรอด ,นกกางเขน,นกคลิ้งโคลง,นกเอี้ยงสาลิกา
    ที่จำได้ก็เพียง นกโพระดก บทเดียว

    เนื้อ - เพลงตับนก
    เสียงนกโพระดก มันร้องโฮกโป๊ก-โฮกโป๊ก อยู่หนไหน
    พระพุทธเจ้าข้า จับกิ่งเพกานั่นเป็นไร ตัวมันเขียวๆบินเลี้ยวไป เข้าอยู่โพลงไม้ ทางโน้นเอย

    เพลง-พระอาทิตย์ชิงดวง เป็นเพลง-ดอกสร้อย

    เพลงนี้ เป็นเพลงเชยชม ทั้งธรรมชาติ และสัตว์เที่ยวไป
    มีบทดอกสร้อยว่า ดอกสวาท,ดอกจิก ,ดอกรัก,ดอกซ่อนกลิ่น
    ผู้แสดงเป็นสุริยเทพ ,จันทรเทวี,ดารา,เทพธิดา
    มีสวนอุทยานดอกไม้ มีแต่งเป็นหิ่งห้อนกระพือปีก และแมลงทับ บินไปมา
    จำได้เพียงบทเดียว คือ บทพระราชนิพนธ์
    สำหรับ บทดอกสร้อย คงแต่งเข้าไปใหม่
    ส่วนบทร้องต่อไป คงแต่งในภายหลังเช่นเดียวกัน

    เนื้อ - เพลงอาทิตย์ชิงดวง

    พระอาทิตย์ชิงดวงดาราเด่น ดาวกระเด็นใกล้เดือนดาราดับ
    หิ่งห้อยพล้อยไม้ไหวระยับ แมลงทับท่องเที่ยวสะเทื้อนดง
    ดอกเอ๋ย-เจ้าดอกสวาท หัวใจจะขาด ขาดเสียแล้วเอย

    เพลงสะเพรา หรือ เพลงเชิดจีน

    เพลงนี้ เดิมเป็นเพลงเดินทาง
    ในท่ารำ และ เดิน มีท่าชาย มีท่าหญิง กับ ท่าม้า
    มีพระเกเป็นขุนแม่ทัพชำนาญช้าง-ม้า และ อาวุธ-ดาบ
    นางเอกซึ่งอยู่แต่ในบ้านไม่เคยแม้ขี่ม้าจึงกลัว และ ม้าฝีเท้าดีเจนศึก
    ได้ฟังเป็นเพลงพระฉันก็มี
    ถ้าจัดเป็นท่ารำ ก็คงร่วมกันทั้งหญิงและชาย ร่วมกันรำในท่ายกสำรับนำไปถวายพระ
    เคยเห็นแต่งเป็นเจ้าชายไทย ก็คล้ายเจ้าพราหมณ์ ต่างเพียงใส่รัดเกล้ายอด
    เจ้าสาวไทย แต่งตัวแบบเจ้าหญิงไทย ห่มสะไบ ใส่รัดเกล้ายอด
    บางทีแต่งเป็น แม่ศรี คือ ห่มสะใบสีทับทิม ไม่ใช้รัดเกล้า
    เคยเห็นเล่นกันสมัยเป็ํนเด็กๆ ครั้งนั้น ปู่ย่าตายายลุงป้าน้าอา
    ซึ่งเคยเป็นพ่อเพลงแม่เพลง-ชา และเพลงพวงมาลัย เก่งๆ ยังอยู่ ก็นัดกันได้
    มักตัดต้นกล้วยปักกลางลานบ้าน ใช้กิ่งคูนหรือราชพฤกษ์ หรือคำใต้ และกิ่งราชพฤษ์ กิ่งทองหลางที่มีดอก ปักต้นกล้วยให้ยื่นกิ่งห้อยพวงดอกรอบต้น
    พวกสาวไทย(เพียงชื่อ-บางคนแก่ก็ลงเล่นสอนลูกหลาน)เข้ามาในลาน
    มีต้นเสียงร้องเพลง-แม่ศรี และ ฉุยฉาย
    พวกแม่สาว จะรำก้าวเดินเก็บดอกไม้รอบๆไป จะกี่เที่ยวก็ไม่จำกัด เท่ากับรำเก็บดอกไม้ในสวนอุทยาน
    และจากนั้น เจ้าหนุ่มไทย ซึ่งมาพร้อมแล้ว จะมีคนร้องเพลงขึ้น เรียกกันในสมัยนั้นว่า เพลงสะเพรา อย่างน้อยก็ใช้ระนาดหนึ่งราง ตีเดี่ยวตลอด
    ถ้าไม่มีก็ใช้เสียงร้องว่า น็อยะ น้อยะ น็อยะ น้อยะ น้อยะ หน่อยะ น้อยะ น้อยะ
    พร้อมกับปรบมือ หรือตบมือพร้อมๆกัน เป็นจังหวะ ฯลฯ
    เจ้าหนุ่มไทยจะเดินก้าวเร็ว และวิ่งบ้าง กระโดดบ้าง ในท่าเก็บดอกไม้
    ซึ่งคงจะไำปเป็นเพลงเสภานานแล้วสังเกตเถิด
    เพลงเชิดจีนนั้นก็ขึ้นต้นเสียงเป็นเสียงเสภา ตอนท้ายได้เอื้อนเป็นเพลงเชิดเท่านั้น
    ที่เป็น เส-ภา รำนั้น เล่นเป็นเรื่องจึงต่า่งกัน
    เพลงสะเพรานี้มีเนื้อร้องเป็นปฏิภานตลอด
    เท่าที่จำได้บ้าง ที่จำไม่ได้ก็แต่งใส่เข้าให้เต็มอย่างนี้

    เจ้าหนุ่มไทยไปเที่ยวสาวชาวไร่ เก็บดอกไม้ร่วมกันด้วยหรรษา
    หนุ่มยิ้มพราวสาวแย้มยวนม่วนปรีดา ทักด้วยตารักด้วยเพลงเล็งด้วยรำ
    อันหมู่เราสะเพราเพลงเปล่งเสียงหวาน เล่นสำราญเก็บดอกไม้ใจชื่นฉ่ำ
    กลิ่นดอกไม้ได้โชยชื่นรื่นใจจำ เสียงเพลงพร่ำเพราะพริ้งสะอิ้งอวล
    ชายตาต้องมองเห็นกันมั่นใจอยู่ ใจร่วมรู้เก็บดอกไม้ให้หอมหวล
    ท่ารำรื่นชื่นเชยเปรยสำรวล มิตรจิตล้วนมิตรใจไมตรียาว
    ได้มาร่วมรวมสนุกสุขเกษม ปลื้มปรีย์เปรมฉุยฉาย-กรายหนุ่มสาว
    ร่วมรำร้องพร้องเพลงเพลิน-เพลินพริ้มพราว ครึกครื้นคราวเล่นเพลงครื้นเครงใจ

    เพลงเชิดจีน

    ในวันขึ้นปีใหม่ปีหนึ่ง ตอนนั้นยังใช้วันที่ ๑ เมษายน ได้มีการรื่นเริงปีใหม่ ตอนนั้นมีคณะละคอนคณะหนึ่งได้มาแสดงเป็นการรื่นเริงที่หน้าวัด ดูจะเป็นการเล่นลิเก ได้เห็นแสดงรำเพลงเชิดจีนทั้ง ๔ ท่อน
    ตัวแสดงเป็นหญิงแต่งตัวเป็นพระ(คือ เจ้าชาย)
    สำหรับบทร้องที่จะใส่ต่อไป เป็นบทพระราชนิพนธ์ในเสภาขุนช้างขุนแผน เป็นเนื้อเพลงเชิดจีนแท้ที่ได้ฟังกันมาทั่วกัน เคยเห็นมีแสดงท่ารำตามเนื้อร้องนี้ เห็นในโทรทัศน์บ้าง เข้าใจว่าคงจะรู้เห็นกันทั่วแล้ว ได้นำมาเพื่อชัดเจน

    เนื้อ-เพลงเชิดจีน

    ท่อน ๑
    ว่าพลางทางจูงสีหมอกม้า เบาะอานพานหน้าดูงามสม
    ดังจะปลิวลิ่วลอยไปตามลม อย่าปรารมภ์เลยน๊ะเจ้ามาขี่ม้า
    ท่อน ๒
    ปลอบพลางทางกอดกระซิบบอก ม้าสีหมอกตัวนี้มีสง่า
    เนื้ออ่อนงอนง้อขอษะมา อย่าให้สีหมอกม้ากระเดื่องใจ
    ท่อน ๓
    วันทองสองมือประณมมั่น พรั่น-พรั่น กลัวม้าไม่เข้าใกล้
    พี่สีหมอกของน้องอย่าจองภัย จะขอขี่พี่ไปทั้งผัวเมีย
    ท่อน ๔
    ขุนแผนจูงนางมาใกล้ม้า ลูบหลังอาชาให้เชื่องเสีย
    หยิบมือลูบม้าว่าปลอบเมีย ม้าเลียมือหวีดประหวั่นกลัว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0097.jpg
      scan0097.jpg
      ขนาดไฟล์:
      301.1 KB
      เปิดดู:
      15,767
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  9. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2266401.jpg
    พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงได้ราชสมบัติครองอยู่ ๒๗พรรษา

    สมเด็จพระหลักบัณฑิตมหาราชเจ้า

    พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓

    พ.ศ.๒๓๖๗ - ๒๓๙๔

    รัชกาลที่ ๓ สมเด็จพระนั่งเกล้า กรมเจษฎาบดินทร ทรงครองต่อ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0347.jpg
      scan0347.jpg
      ขนาดไฟล์:
      260 KB
      เปิดดู:
      2,059
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  10. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2266425.jpg
    รูปสตรี หรือ อิตถีรัตน คือ พระนางแก้ว
    ทั้งคู่เป็นรูปลายรดน้ำ ณ บานประตูพระวิหารด้านนอก วัดโสมนัสวิหาร
    รัชกาลที่ ๓ ทรงสถาปนาพระพุทธรูปเป็นพระพุทธเลิศหล้านภาลัยเป็นพระพุทธจักรพรรดิราชแล้ว
    รัชกาลที่ ๔ สถาปนาพระพุทธรูปเป็นเจ้าจักรพรรดิราชได้ทรงให้เขียน สัปรัตน
    คือ แก้ว ๗ ประการ ณ บานประตู และหน้าต่าง
    อิตถีรัตน หรือ พระนางแก้วนี้ เป็นรัตนหนึ่งใน ๗ นั้น
    จึงเท่ากับ สถาปนา สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตุ เป็น อิตถีรัตน คือ พระนางแก้ว เป็นพระเจ้าจักรพรรดินี
    ทรงสถาปนาเป็น ศิลปทิพกาย อย่างที่ปรากฏนั้น
    รูปนี้ทำเลียนลายเส้น คือถ่ายของเก่าไว้



    a.2266426.jpg
    กุลสตรี พระรูปชีสากิยานี ชราภาพ
    ได้ถูกเขียนไว้ ณ บานประตูพระวิหารด้านใน วัดโสมนัสวิหาร เขียนด้วยสีไทย
    อย่างที่ปรากฏนั้น ได้สังเกตเค้าหน้า เห็นเค้าใกล้พระจอมเกล้าฯ
    จึงเข้าใจว่าจะโปรดให้เขียนไว้
    ผู้อื่นคงไม่เป็นพระราชประสงค์ แน่ใจว่าเป็น สมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตุ
    คือ เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด พระราชชนนีของพระองค์(รัชกาลที่๔)
    ตอนนี้ทรงชราภาพแล้ว ทรงโปรดให้เขียนเป็นผู้บูชารักษาศีล
    ทรงเพศพระสากิยานีชีไทย

    ได้นำมาลงด้วยจึงมีพระนามว่า
    แม่พระหรือพระเจ้าแม่ หรือ พระเงินคู่พระทอง คือรูปลายรดน้ำนั้น



    สมเด็จพระนั่งเกล้า เมื่อทรงดำรงเป็นพระองค์เจ้าชายทับนั้น
    เป็นพระราชโอรสของรัชกาลที่ ๒ และจอมมารดาเรี่ยม สมเด็จพระศรีสุลาลัย เสด็จอุบัติ พ.ศ.๒๓๓๐
    และพระราชบิดา ได้เจ้าฟ้าหญิงบุญรอด พระธิดาสมเด็จพระศรีสุดารักษ์
    ทรงสถาปนาเป็น สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี ประสุติพระโอรสองค์แรกสิ้นพระองค์ที่ ๒ คือสมเด็จเจ้าฟ้าชายมงกุฏ พ.ศ.๒๓๔๗ และสมเด็จเจ้าฟ้าชายจุธามณี พ.ศ.๒๓๕๑ พระชันษาจึงต่างกันมาก

    พระองค์เจ้าชายทับ ทรงชำระกรมขุนแล้วได้เลื่อนขั้นเป็นกรมหมื่น
    ทรงจัดการแต่งสำเภาไปค้าขายต่างประเทศ ทรงกำกับการทุกอย่าง
    ทรงยกกองทัพไปรับพม่าที่กาญจนบุรี ทรงมีอำนาจสิทธิ์ขาดทุกประการ
    พระราชบิดาทรงประจักษ์การณ์ ทรงระลึกเหตุการณ์อันอาจจะมี
    จึงทรงจัดให้สมเด็จเจ้าฟ้ามงกุฏทรงผนวชเป็นพระภิกษู พ.ศ.๒๓๖๗ มีพระนามว่า วชิรญาณ มีญาณเหมือนเพชร
    ทรงศึกษาสอบได้ ๕ ประโยค ศึกษาภาษาต่างๆได้ ๕ ภาษา
    ศึกษาพระไตรปิฎก อัฎฐกถา ฎีกา โหราศาสตร์ โบราณสถาน ทรงอ่านจารึกต่างๆ เช่น จารึก เย ธมฺมา และจารึกสุโขทัย

    เมื่อพระบิดาสวรรคตแล้ว กรมหมื่นเจษฎาบดินทร เสด็จครองราชสมบัติ เป็นรัชกาลที่ ๓ แต่งตั้งกรมพระราชวังบวรสถานมงคลแล้ว

    พ.ศ.๒๓๖๙ พระเจ้าอนุรุธ เวียงจันทร์ ยกกองทัพมากวาดต้อนคนไป
    จึงให้ กรมพระราชวังบวรมหาศักดิ์พลเสพ ยกทัพไปปราบได้ไม่เรียบร้อย เป็นสงครามยืดเยื้อถึง พ.ศ.๒๓๗๒
    และ พ.ศ.๒๓๗๖ โปรดให้ เจ้าพระยาบดินทร์เดชานุชิต ยกกองทัพไปปราบและกวาดล้างญวนให้ออกไปจากขะแม และปกครองขะแม
    พ.ศ.๒๓๗๒ กองทัพไทยยกไปเชียงตุง แต่ไม่ได้
    พ.ศ.๒๓๗๖ กองทัพไทยภาคใต้ ได้เมืองมลายูหลายเมือง
    พ.ศ.๒๓๘๕ ปราบจีนพี่ใหญ่ (ตั้วเฮีย) สมุทรสาคร
    พ.ศ.๒๓๘๘ ปราบจีนพี่ใหญ่ ตั้งแต่ ปราน ลงไปถึง หลังสวน
    พ.ศ. ๒๓๙๐ ปราบจีนพี่ใหญ่ สมุทรสาคร และ ฉะเชิงเทรา
    เหตุการณ์ทั้งหมดนั้นอยู่รอบนอกพระนคร
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0345.jpg
      scan0345.jpg
      ขนาดไฟล์:
      279.8 KB
      เปิดดู:
      2,794
    • scan0346.jpg
      scan0346.jpg
      ขนาดไฟล์:
      225.2 KB
      เปิดดู:
      4,954
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  11. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ภายในพระนคร ทั้งฝ่ายอาณาจักร และพุทธจักร ทรงทะนุบำรุงทั่วไป
    พระเจ้าอาว์ กรมพระปรมานุชิตชิโนรส และพระเจ้าน้อง คือเจ้าชายมงกุฏ และพระองค์เจ้าฤกษ์ ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ ต่างทรงปรีชาในภาษาต่างๆ

    ตอนนี้มีพวกยุโรปมาค้าขายและยึดเมืองต่างๆมาก ใช้ภาษาของตัวเอง เมื่อใช้หนังสือและภาษาเข้ามา ทรงให้พระภิกษุวชิรญาณ แปลถวาย และเจรจาแทนด้วยความไว้วางพระราชหฤทัย

    และทรงเกรงว่า ฝรั่งจะยึดไทย จึงให้สร้างป้อมปราการต่างๆ ให้ต่อเรือ กำปั่น

    a.2268311.jpg
    รูปฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยานี้ ณ ผนังพระวิหารวัดโสมนัสวิหาร เป็นภาพเขียนด้วยสีไทย
    ในแม่น้ำเจ้าพระยา มีเรือกลไฟสมัยใบจักร หรือล้อจักรอยู่ข้าง
    เล่าว่า พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้า และสมเด็จเจ้าพระยาบรมมหาศรีสุริยวงศ์ ได้ศึกษาวิศวกรรม
    กระทั่งสร้างได้ในรัชกาลที่ ๓ นั้น ได้วาดภาพไว้จึงทราบได้
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0098.jpg
      scan0098.jpg
      ขนาดไฟล์:
      219.1 KB
      เปิดดู:
      1,822
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  12. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ยกบ้านเป็นเมืองต่างๆขึ้น
    ให้ตั้งกลองวินิจฉัยเภรี ให้ราษฎรมาตีร้องฎีกา
    ทั้งมีภาษีอากรมากขึ้น มีใช้จ่ายบำรุงสุข และซ่อมแซมพระที่นั่งต่างๆ
    ทรงสร้างพระอารามต่างๆ ๔ พระอาราม ปฏิสังขรณ์ ๓๔ พระอาราม มีวัดพระศรีรัตนศาสดาราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามนั้น
    ทรงทราบว่า พระเจ้าอาว์กรมหมื่นอนุชิตชิโนรส ทรงเป็นมหารัตนปราชญกวี
    ทรงอาราธนาให้ รจนากาพย์ กลอน โคลง ฉันท์
    และให้จารึกเป็นตำราให้หมอไทยนำตำรามาจารึกเขียนไว้
    พระองค์ พร้อมกวีทั้งหลาย ทรงแต่งกลอนกลบท โคลงกลบทจารึกไว้ และจารึกตำนาน ชาดก โลก๓ เป็นตำรา ฯลฯ
    วัดพระเชตุพนฯ จึงเป็นห้องสมุดและมหาวิทยาลัยแห่งสรรพศาสตร์วิทยาการตลอดมาถึงกาลปัจจุบันนี้

    a.2268384.jpg
    ศิลาจารึก ซึ่งได้ทรงพระราชนิพนธ์ โปรดให้จารึกในหินอ่อน และได้ทรงโปรดให้ทำซุ้มกรอบลายสวย
    ด้วยเหตุนี้ วัดพระเชตุพนฯ จึงตั้งขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย

    พระราชนิพนธ์ดลนี้ชี้ความหมาย ทรงบรรยายตั้งวิชาตำราเขียน
    ทรงปลุกปล้ำทำไว้ได้พากเพียร ถ่องเสถียรอนุชนปรนวิทยา
    ทุก ทุก ถ้อยร้อยกรองส่องถึงจิต ทุกความคิดส่องใจให้คุณค่า
    ทุกกลอนนี้มีสินวิญญาณตา ทุกภาษากวีศิลป์วิญญาณตน
    กลอนทรงภาษาศาสตร์ชาติไทยผลิต สุภาษิตบ่งไทยรู้ฟูเฟื่องต้น
    วิชาสินวิญญาณไทยไว้ภูมิคน ผลิตค่าต้นสือเลขไทยได้สร้างเดิม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0104.jpg
      scan0104.jpg
      ขนาดไฟล์:
      966.1 KB
      เปิดดู:
      2,385
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  13. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ส่วนพระวชิรญาณเจ้าฟ้ามงกุฏ และพระปัญญาอัคค พระองค์เจ้าฤกษ์นั้น
    ทรงศึกษาภาษามคธและสันสกฤตแตกฉาน
    พระวชิรญาณ ทรงแต่งคำมคธเป็นสวดมนตร์ และพงศาวดารสมณสาส์น ฯลฯ

    พระปัญญาอัคค ทรงแต่งคัมภีร์ สุคตวิทัตถิวิธาน ไว้
    ได้ร่วมกันปรับปรุงการประพฤตปฏิบัติพระธรรมวินัยและแบบแผนสิกขาสาชีพขึ้น
    วางแบบเทศน์ธรรมวัตร์ และวัตรปฏิบัติ ตลอดถึงสวดมนต์ทั้งเช้า-ค่ำ ที่วัดมหาธาตุ พ.ศ.๒๓๖๙
    และเสด็จไปวัดสมอราย (ราชาธิราช) พ.ศ.๒๓๗๒ ทรงตั้งคณะสงฆ์ธรรมยุตติกนิกาย

    ครั้นกรมพระราชวังบวรมหาศักดิ์พลเสพ ทรงสร้างวัดใหม่แต่ พ.ศ.๒๓๓๗ ได้ไปเชิญพระพุทธศรีสรรเพชญ์สัตตพันพาน จากเพชรบุรี มาสถิตเป็นพระประธาน ณ วัดใหม่

    เสด็จสวรรคต ๒๓๗๕ ได้สร้างต่อ พระราชทานนามใหม่ว่า วัดบวรนิเวศวิหาร
    ทรงอาราธนาและจัดกระบวนแห่เหมือนอย่างแห่พระมหาอุปราช กรมพระราชวังบวร
    และทรงเลื่อนสมณศักดิ์เสมอเจ้าคณะรอง ทรงตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร พ.ศ.๒๓๗๘
    (ในประวัติเล่าว่า พระจอมเกล้าฯ มีพระชนมายุ ๑๔ ทรงผนวชเป็นสมเณร ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จพระสังฆราช(มี)เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระญาณสังวร(สุก)เป็นพระอาจารย์ถวายศีล พ.ศ.๒๓๖๐ พระชนมายุครบ ๒๐ พ.ศ.๒๓๖๗ ทรงผนวชเป็นพระภิกษุ พระนามว่า วชิรญาณ ณ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จพระสังฆราช(ด่อน)ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์
    ที่ว่า อุปสมบทใหม่ ทรงกระทำทัฬหิอุปสมบทกรรมเท่านั้น ไม่ได้สึก

    ฉะนี้ เมื่อเสด็จมาวัดบวรนิเวศน์ จึงนับพรรษา ๑๒ พรรษากว่า
    จึงได้รับตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์และเจ้าอาวาส และประวัติว่า ทรงเลื่อนสมณศักดิ์ขึ้นเป็น เจ้าคณะรอง)

    a.2268371.jpg
    สมเด็จพระสังฆราช(ด่อน) ทรงเป็นพระองค์ที่๕ ในกรุงเทพมหานครนี้
    ในพระประวัติได้รับสถาปนา พ.ศ.๒๓๖๕ ถึง ๒๓๘๕ ทรงดำรงได้๒๐ปี
    ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ พระวชิรญาณ(รัชกาลที่๔) และสมเด็จพระสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวริยาลงกรณ์
    ในด้านการปกครองพุทธจักร ทรงจัดทั้งฝ่ายคามวาสี และอรัญวาสี โดยแบ่งเป็นคณะ
    คณะคามวาสี จัดเป็นคณะใต้ คณะกลาง คณะเหนือ
    ฝ่ายอรัญวาสี จัดเป็นคณะอรัญวาสี ซึ่งต่อมาได้จัดเป็นเจ้าคณะใหญ่ และเจ้าคณะหน คือ หนเหนือ หนกลาง หนใต้ หนอีสาน
    สมเด็จพระสังฆราช(ด่อน)ประทับ ณ วัดสระเกศ
    พ.ศ.๒๕๐๔สมเด็จพระสังฆราช(อยู่ ญาโณทย)ได้เปลี่ยนลักษณะปกครอง เป็นคณะพระมหาเถรสมาคม




    a.2268372.jpg
    สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาปวเรศวิริยาลงกรณ์ เป็นพระองค์ที่๘ กรุึงเทพฯ
    เป็นสมเด็จพระสังฆราช พ.ศ.๒๓๙๖-๒๔๓๕
    ทรงเป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า เจ้าคณะใหญ่ ดำรงอยู่ ๓๙ปี
    ทรงบรรพชาเป็นสามเณร และเป็นพระภิกษุของพระจอมเกล้าฯ
    ทรงเป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระสังฆราช(สา) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า
    และสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส
    ในด้านพุทธจักร ทรงสืบแบบพระธรรมยุตติกนิกาย เช่น พิธีสวดมนต์ไหว้พระ
    ทรงนิพนธ์ สุคตวิทัตถิวิธาน เป็นมูลภาสา คือ มคธ
    ทรงเป็นประธานสังคายนาคัดลอกพระไตรปิฏก อัฏฐกถา ฏีกา จากอักษรขอม
    พระจุลจอมเกล้าฯ ทรงให้พิมพ์เป็นหนังสือไทย ชื่อ สยามรัฐเตปิฏก
    ทรงเป็นประธานสร้างเสริมพระปฐมเจดีย์
    นอกจากนี้ยังทำ พระกริ่งปวเรศฯ อันมีชื่อเสียงโด่งดัง
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0101.jpg
      scan0101.jpg
      ขนาดไฟล์:
      206.9 KB
      เปิดดู:
      2,400
    • scan0102.jpg
      scan0102.jpg
      ขนาดไฟล์:
      203.6 KB
      เปิดดู:
      1,768
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  14. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2268509.jpg
    ภูเขาทอง หรือ สุวรรณบรรพต วัดสระเกศ
    ความจริงเป็นภูเขาอิฐ ซึ่ง รัชกาลที่๓ โปรดให้สร้างใช้อิฐก่อ ถึงจะพังทะลายไม่สำเร็จ ก็ได้ชื่อ ทรงสร้าง
    มาถึง รัชกาลที่ ๔ ได้รวมเป็นกองอิฐก่อทำเจดีย์บนยอดสำเร็จสถิตถึงบัดนี้



    a.2268510.jpg
    โลหปราสาท วัดราชนัดดาราม เป็นปราสาทองค์ที่๓ ในโลก
    รัชกาลที่๓ โปรดให้สร้างไว้ ณ วัดราชนัดดาราม คู่กับ วัดเทพธิดาราม นั้น




    a.2268511.jpg
    พระประธานในพระอุโบสถ วัดเทพธิดาราม พระศิลาขาวล้ำดังสำลี
    "ทั้งพระทองสององค์ล้วนทรงเครื่อง แลเลื่อมเหลืองจำรัสเรืองรัศมี"
    ส่วนรูป ลายรดน้ำปรากฏ ณ บานประตูพระอุโบสถได้ตัดเอามาทาบไว้นั้น เพื่อยืนยันหลักฐาน
    ตอนล่างซ้าย ยังมีรูปหญิงนอนทรงเครื่องเทวี ขวา มีรูปราชกุมารีทรงเครื่องต้น
    ทุกอย่างเป็นหลักฐานสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมแบบวัดผู้หญิง เช่น ฉัตตาติฉัต-ร่มซ้อนร่ม มงกุฏยอด ฯลฯ เป็นเครื่องทรงเทพธิดาตลอด



    a.2268512.jpg
    ด้านหน้าวัดเทพธิดาราม
    ซ้าย-พระวิหาร-ปรางค์ กลาง-พระอุโบสถ ขวา-ศาลาการเปรียญ-ปรางค์
    สถาปัตยกรรมแบบผู้หญิงทรงโฉมแฉล้ม
    สำหรับ-ปรางค์เจดีย์ทั้ง๔ทิศ จะเห็นช่วงล่างโปร่ง
    ทั้งหมดนั้นจะเห็นเป็นทรงผู้หญิงตลอด สมกับนามชื่อว่า วัดเทพธิดาราม
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0099.jpg
      scan0099.jpg
      ขนาดไฟล์:
      178.5 KB
      เปิดดู:
      1,451
    • scan0100.jpg
      scan0100.jpg
      ขนาดไฟล์:
      279.3 KB
      เปิดดู:
      2,049
    • scan0103.jpg
      scan0103.jpg
      ขนาดไฟล์:
      382 KB
      เปิดดู:
      3,019
    • scan0105.jpg
      scan0105.jpg
      ขนาดไฟล์:
      437.2 KB
      เปิดดู:
      2,557
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  15. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ส่วนพระองค์ทรงปรับปรุงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา
    ทรงสร้างพระอารามต่างๆให้วิจิตรด้วยฝีมือช่างต่างๆ ทรงสร้างพระปฏิมากรหุ้มทองคำ มีพระสัมพุทธพรรณี แล้วทรงเฉลิมพระนามว่า พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นต้น
    และให้หล่อพระพุทธรูปองค์ใหญ่ เช่น พระประธานในวัดสุทัศนเทพวราราม และวัดราชนัดดาราม
    ทรงสร้างพระปริยัติธรรม ฉบับเอก ๔ ฉบับ โทจบ ๔ ฉบับ กรอบเทพชุมนุมจบ ๔ ฉบับ กรอบลายกำมะลอจบ ๒ ฉบับ
    และทรงอุดหนุนพระภิกษุสงฆ์ให้เล่าเรียนพระปริยัติธรรม
    ในกาลนั้น พระสงฆ์ซึ่งรู้พระไตรปิฎกไพศาลสมบูรณ์ขึ้นกว่าแต่ก่อนเป็นอันมาก
    ทรงเป็นห่วงพระสงฆ์ไทย จึงทูล กรมสมเด็จปรมานุชิตและพระวชิรญาณเถระ
    ทรงปฏิญญาณตามพระราชดำริ ทรงอาราธนารับพระราชดำรัส ทรงขมาพระภิกษุสงฆ์แล้ว เสด็จสวรรคต พ.ศ.๒๓๙๔
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  16. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2268483.jpg
    ท้าวสุรนารี (คุณหญิงโม) นครราชสีมา

    ท่านท้าวพร้อมกับหญิงประมาณ ๑,๐๐๐คน และชาย ในครั้งนั้นได้ถูกกวาดต้อนเป็นเชลยสงครามแล้ว จึงอยู่ในฐานะคับขันสุดขีด กระนั้นก็ได้กระทำอุดมวีรเกียรติกรรมสำเร็จได้

    รัชกาลที่ ๓ พ.ศ.๒๓๖๙ พระเจ้าอนุวงศ์ หรือพระเจ้าอนุรุทธมหาราช ได้ทรงเป็นพระเจ้ามหาชีวิตแห่งเวียงจันทน์ ล้านช้าง แล้ว ทรงยกกองทัพ ๘๐,๐๐๐ ทรงให้เจ้าราชวงศ์คุมพลทัพ ๓,๐๐๐ เป็นทัพหน้าเข้ายึดนครราชสีมา แล้วลงมายึดสระบุรี

    ในกาลนั้น เจ้าพระยานครราชสีมา กับพระยาปลัดเมือง พร้อมกับ กรมการเมือง ได้ทรงโปรดให้ไประงับพระยาไกรสงครามเจ้าเมืองขุขันธ์ ซึ่งวิวาทกับ หลวงยกกระบัตรน้อง ถึงรบกัน เหลือพระยาพรหมยกกระบัตรเมือง เจ้าราชวงศ์จึงยึดได้ง่าย

    เมื่อเจ้าอนุวงศ์ถึงแล้ว พระยาพรหมยกกระบัตร จัดผู้หญิงลูกหลวงนา และหญิงอื่นๆหลายคนถวาย
    สั่งให้กวาดต้อนครอบครัวคนชราและเด็กพร้อมกับคุรหญิงโม ภรรยาพระยาปลัดเมืองและหญิงครอบครัวประมาณ๑๐๐๐คน
    เพี้ยรามพิชัย คุมเดินทางไปถึงทุ่งสัมฤทธิ์ คุณหญิงโมได้เตรียม คือจัดผู้หญิงทำอาหารไปเลี้ยงพวกทหารผู้ควบคุม
    พอดีพระยาปลัดเมืองได้ข่าว จึงกลับมาเข้าเฝ้าเจ้าอนุวงศ์ สมัครใจไป ได้ขอปืน๙-๑๐ กระบอก เพื่อยิงสัตว์ป่ามาเลี้ยงกัน
    ได้เข้าไปสมทบในกองเลี้ยง ได้จัดมีด เสียม จอบ ทำไม้พลองเป็นอาวุธ จัดครอบครัวนั้นเป็นทหาร
    พวกผู้หญิงที่เข้าไปเลี้ยงปรนเปรอทหารผู้คุมให้หลับหมดแล้ว
    คุณหญิงคุมเด็ก คนชราอยู่กองหลัง และคุมทหารครอบครัวเข้าโจมตี
    นิทานเล่าว่า สาวบุญเหลือ หลานได้อยู่กับเพี้ยรามพิชัย ได้ฆ่าเพี้ยและจับดุ้นฟืนในกองไฟ จึงเข้าไปจุดกระสุนดินปืนได้ตายในเพลิงนั้น ทหารครอบครัวได้เข้าทำลายทหารเหล่านั้นแตกพ่ายกระจัดกระจาย
    เจ้าอนุวงศ์ทราบ ได้ส่งกองทหารมาอีก
    พระยาปลัดเมือง พระยาพรหมยกกระบัตร คุณหญิงได้ควบคุมกองทัพครอบครัว ต่อสู้ทำลายให้แตกไปได้อีก
    กิตติศัพท์นี้ ชาวเมืองที่หลบหนีไปได้ยิน ก็ได้กลับมาสมทบด้วยอีกเป็นจำนวนมากขึ้น
    พงศาวดารเมืองว่า คุณหญิงโม ควบคุมกองทัพครอบครัวเดิมนั้นต่อสู้ได้ชัยชนะทุกคราว กระทั่งเจ้าอนุวงศ์ต้องถอยทัพกลับเวียงจันทน์
    ก่อนจะถอยได้เผาเมืองนครราชสีมาและค่ายของตนแล้วจึงถอย
    คุณหญิงพร้อมกับกองทัพที่เหลือถอยกลับเมือง ได้จัดกองทัพทหารติดตามกองทัพหลวงไปกระทั่งเสร็จสงคราม
    (ในประวัติว่าเกิด พ.ศ.๒๓๑๔-๒๓๙๕)
    พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ได้สถาปนาคุณหญิงเป็นท้าวสุรนารี และพระยาปลัดเมืองเป็น เจ้าพระยามหิศราธิบดี
    ต่อมา พ.ศ.๒๔๗๗ ประชาชนชาวนครราชสีมา ทุกระดับชั้น ได้สร้างอนุสาวรีย์ขึ้นเป็นรูปหญิงไทย มือขวาถือดาบ ห้อยลง อย่างที่เห็น
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0092.jpg
      scan0092.jpg
      ขนาดไฟล์:
      192.5 KB
      เปิดดู:
      1,753
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  17. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2273379.jpg
    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า พระบรมฉายาลักษณ์ทรงศีล หรือพระชีไทย

    ถ้าไม่มีพระธำมะรงค์แล้วจะเห็นเหมือนพระภิกษุ
    เพราะพระองค์ทรงดำรงพระภิกษุวชิรญาณมหาเถร๒๗ปี ได้ทรงศึกษาพระพุทธศาสนา
    ภาษามคธ สันสกฤต อังกฤษ ลติน แตกฉาน ได้แปลธรรมวินัยมาเป็นคำไทย ได้ตั้งโรงพิมพ์
    สร้างพระนครคีรี ณ เขาวัง และทรงกระทำหลายอย่าง ณ เขาหลวง เพชรบุรี


    สมเด็จพระบรมธีรมหาราชเจ้า
    พระบามสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
    พ.ศ.๒๓๙๔ - ๒๔๑๑

    สมเด็จพระจอมเกล้าฯ เจ้าฟ้ามงกุฎ พระวชิรญาณบรมธีรมหาราชเจ้า ทรงรับและทรงกล่าวคืนสิกขา ทรงครองต่อ พ.ศ.๒๓๙๔ ทรงบรมราชาภิเศก เป็นพระจอมเกล้าฯ

    และทรงบวราภิเศก เจ้าฟ้าชายจุธามณี เป็น พระปิ่นเกล้าฯ ซึ่งพระองค์ทรงต่อเรือกำปั่นได้คู่กับสมเด็จเจ้าพระยาฯ
    ทรงให้ เจ้าพระยายมราช ยกกองทัพไปเชียงตุง พ.ศ.๒๓๙๕ ไม่สำเร็จ
    พ.ศ.๒๓๙๖ ยกไปอีก ก็ไม่สำเร็จเรียบร้อย

    ทรงเซ็นสนธิสัญญากับอังกฤษ และอื่นๆ
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • ร.๔.jpg
      ร.๔.jpg
      ขนาดไฟล์:
      47.7 KB
      เปิดดู:
      1,798
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  18. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ในพระราชสกุลวงศ์เล่าว่า
    พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ กับ เจ้าจอมมารดาบาง มีพระราชธิดา พระนามพระองค์เจ้าหญิงวิลาส
    ต่อมาได้สถาปนาเป็น กรมหมื่น-กรมขุนอัปสรสุดาเทพ สิ้นพระชนม์ พ.ศ.๒๓๘๘ และพระราชโอรสพระนามว่า พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ

    ทั้งสองพระองค์ทรงเป็นพระปิยราชธิดาพระปิยราชโอรส พระนาม เมื่อรวมกันแล้วจะทรง พระสิริวิลาสลักษณ์

    พระองค์เจ้าลักขณานุคุณ ทรงเศกสมรสกับ หม่อมงิ้ว
    ภายหลังได้สถาปนาเป็น เจ้าจอมมารดางิ้ว มีพระราชธิดาพระองค์เดียวคือ หม่อมเจ้าโสมนัส แล้วสิ้นพระชนม์ พ.ศ.๒๓๗๘

    หม่อมเจ้าหญิงโสมนัส ประสูติ วันอาทิตย์ที่ ๒๑ ธันวาคม ๒๓๗๗ มีพระชนมายุไม่เต็มขวบต้องทรงกำพร้า จึงเป็นพระปิยราชนัดดา
    ทรงโปรดให้รับเข้ามาเลี้ยงในพระราชวัง พระราชทานพระสุพรรณบัตร์เป็น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี

    ต่อมาเสด็จป้าก็สิ้นอีก พระราชทานให้รับมรดกแต่ผู้เดียว ทั้งได้ทรงพระกรุณาให้โสกันต์
    มีพระราชพิธีเทียบเท่าเจ้าฟ้า แต่ไม่มีเขาไกลาสและมยุรฉัตร์ พ.ศ. ๒๓๘๙
    เพราะได้รับพระมรดกมาก จึงทรงโปรดให้สร้าง วัดเทพธิดาราม
    พระราชทาน พระปิยราชธิดา พระองค์เจ้าวิลาสกรมขุนอัปสรสุดาเทพ

    โปรดให้สร้าง วัดราชนัดดาราม พระราชทาน พระปิยราชนัดดา พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พ.ศ. ๒๓๘๙-๙๐

    ครั้นล่วงมาถึง พ.ศ.๒๓๙๔ ณ อาทิตย์ที่ ๒ มกราคม
    พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ ทรงตั้งมังคลาภิเษกสถาปนาเป็น สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี เอกอัครมเหษี
    ได้ทรงครรภ์ได้ ๗ เดือน ทรงประชวรประสูติพระราชโอรส สมเด็จเจ้าฟ้าโสมนัสราชกุมาร

    ตามพระราชบันทึกว่า

    วันเสาร์ที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๓๙๕ พระราชโอรสทรงพระชนม์ได้ ๓ ชั่วโมงก็หยุดไป
    พระนางเจ้าทรงประชวรทรงประสพทุกขทรมานมากกระทั่งพระยอดแตกตรงศูนย์พระนาภี
    และเสด็จสวรรคต วันที่ ๑๑ ตุลาคม พระราชทานเพลิง เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๓๙๕

    พระบรมราชสวามี ทรงรวบรวมพระมรดกพระราชทรัพย์โปรดให้สร้างพระอารามเป็นที่ระลึกถึง
    ได้พระราชทานนามว่า วัดโสมนัสวิหาร ณ ทิศตะวันออกเฉยงเหนือ แห่งพระบรมมหาราชวัง

    ทรงวางศิลาฤกษ์ ณ วันอาทิตย์ที่ ๑๕ มกราคม ๒๓๙๕
    ได้ทรงรวบรวมพระเครื่องทรงพระเครื่องต้น
    ได้ทรงออกแบบถ่ายเทพระศิริลักษณะพระวรกายแปลงเป็นพระพุทธรูป
    ทรงกระทำหุ่น แล้วได้โปรดให้หลอมทองเทหล่อ ทั้งพระพุทธรูป และพระอัครสาวกทั้งสอง ได้นำมาประดิษฐานไว้ในพระวิหารนี้

    และทรงอาราธนาพระสงฆ์สหายพรหมจรรย์ มาสถิต ณ วัดโสมนัสวิหารนี้ พ.ศ.๒๓๙๙

    ณ บริเวณนี้ เมื่อดำริดูแล้วจึงทราบอนุสาวรีย์ ๒๔ พุทธศตวรรษ สมเด็จพระบรมกษัตริยาธิราชทรงกระทำไว้ คือ

    รัชกาลที่ ๑ ทรงสถาปนาวัดสระเกษแล้ว
    รัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างภูเขาทอง ด้วยอิฐแต่ก็พังทลายลง
    รัชกาลที่ ๔ ทรงโปรดให้แปลงเป็นภูเขาอิฐ และทรงให้ก่อพระเจดีย์ไว้บนยอด

    รัชกาลที่ ๓ โปรดให้สร้างวัดเทพธิดาราม ให้ช่างสลักหินเป็นรูปเทพสตรี นั่งพับเพียบท้าวแขนตามลาน โปรดให้สร้างวัดราชนัดดารามและทรงโปรดให้วางแปลน สร้าง โลหปราสาท องค์ที่ ๓ ในโลก พ.ศ.๒๓๘๙-๙๐[

    รัชกาลที่ ๔ โปรดให้สร้างวัดโสมนัสวิหาร มีพระเจดีย์สูง ๒๗ วา พ.ศ.๒๓๙๕-๒๔๐๐
    พ.ศ.๒๔๐๙-๑๐ โปรดให้สร้างวัดมกุฎกษัติยาราม

    พ.ศ.๒๔๒๑ รัชกาลที่ ๕ โปรดให้สร้าง วัดเทพศิรินทราวาส

    และในกาล พ.ศ.๒๔๐๐ ทั้งหย่อนและเกิน มีพระเจดีย์สูง ๒๗ วา และภูเขาทอง โลหปราสาท
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  19. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    a.2268522.jpg
    รูปสมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี ทรงพระเครื่องต้นเท่าเจ้าฟ้า
    ในพระราชพิธีโสกันต์ พ.ศ.๒๓๘๙
    รูปนี้ ทำในกระเบื้องดินเผา ได้จาก พระเจดีย์ วัดราชนัดดาราม พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าฯ ทรงสร้างพระราชทานแด่ พระปิยราชนัดดา
    จึงทรงพระราชทานนามเป็นที่ระลึกตอนนั้น[
    ทรงพระสิริลักษณ์สรรพางค์โปร่งบาง เช่นพระรูปนี้
    และรูปนี้ ด้านหลังมีลายหนังสือว่า "โสมนัส"

    a.2268523.jpg
    สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี พระอทิสสมานรูป เจ้าของพระนามวัดโสมนัสนี้เสด็จสวรรคต พ.ศ.๒๓๙๕ พระชนมายุ ย่าง ๑๙ พรรษา

    ณ วัน มาฆปุณณมี อาทิตย์ที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๑๙ มีมาฆบูชากลางวัน เวลา๑๔ น. ได้นั่งฟัง พระธรรมเทศนา พร้อมกับมองดู "พระสัมพุทธเจ้า"พระองค์ประธานนั้นว่า มีพระลักษณะเหมือนพระนางเจ้า
    ขณะนั้น กำลังเรียบเรียงพระประวัติ ได้ระลึกถึงอยู่ตลอด ก็ปรากฎพระอทิสสมานรูป ณ อัพโภกาศ นอกพระบุษบก พระสัมพุทธประธานนั้น

    สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี
    เสด็จปรากฎอทิสสมานรูปกาย
    พระอิริยาบถพับเพียบบนพระแท่นทิพยอาสน ณ อัพโภกาส หน้าพระสัมพุทธเจ้าประธาน ต่ำลงมาแค่ฐานสุดพระสะไบ และฉลองพระองค์เขียวใบไม้แก่ พระสะไบมีลายดอกพิกันกลีบทอง (พิกัน ต้นดอกใหญ่กลีบละเอียดยาวกว่าพิกุล)
    พระสะไบรองในเหลืองทอง พระฉลองทรงไหมลายทอด้วยทองซึ่งจะกระทำให้เป็นลายเส้นได้อย่างไร

    วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ซึ่งเป็นวันประสูติ ได้ทรงสีวันพุธ จากนั้นไม่ทรงเครื่องประดับอื่น จึงเอาใจทูลถาม
    ทรงตอบเป็นสำนึกว่า มาฟังเทศน์เครื่องแต่งตัวมีอยู่อย่างนี้ รู้ว่านั่งคิดถึงจึงให้เห็นเฉพาะในคราวที่มีท้องได้ ๕เดือน ก่อนป่วย จึงสมบูรณ์อย่างนี้

    ในพระราชบันทึกมีว่า พระนางทรงอวบพระองค์ผิดธรรมดานารีซึ่งมีวัยเสมอพระนาง
    และทรงพระราชทานให้ได้กลิ่นมะลิสดระคนกลิ่นขมิ้นสด มีพระราชดำรัสทิพยต่อ ว่า พวกสาวพนักงานพระสุคนธ์เอาอาบให้แช่ทุกวัน ผิวจึงเหลืองทองและมีกลิ่น มะลิ-ขมิ้นอย่างนี้

    สมเด็จพระนางเจ้าทรงปรากฎและรับสั่ง ไม่ได้เห็นและไม่ได้ยินด้วยตาหูนี้
    แม้ผู้อื่นที่ประชุมกันอยู่ก็ไม่ได้เห็นไม่ได้ยิน
    พระทิพยกายพระนางเจ้าทรงพระวรรณฉวีเหลืองอ่อนผ่องใสคล้ายมีแสงระเรืองเหลืองอ่อน จึงไม่ปรากฎสลัว
    ส่วนพระสัมพุทธกายที่ถ่ายมานั้น ทรงให้ลงรักปิดทองคำเปลว
    เมื่อถ่ายใช้ไฟพึบจึงสะท้อนเงาสว่างส่วนโค้ง ส่วนลึกปรากฎเพียงเงาสลัว จึงเห็นเล็กและบาง
    คราวแรกนึกถึงพระวินัย ครั้นนึกถึงว่า เป็นทิพยกายหรือผีฟ้า
    ทั้งส่วนนั้นก็เป็นเพียงลายเส้นเท่านั้น ซึ่งปรากฎขึ้นแบบทิพยกาย

    พระศิริลักษณะสมบูรณ์พระวรกายได้ทรงถ่ายสถาบกขึ้นเป็นพระสัมพุทธรูปแล้ว จึงขึ้นเป็นพระพุทธมารดาตามพระพุทธภาษิตว่า พุทโท มาตา ปิตา ธมโม พระพุทธเป็นมารดา พระธรรมเป็นบิดา

    ทั้งสมเด็จพระนางเจ้า ได้ทรงผจญทุกขทรมานกระทั่งสวรรคต
    และให้มีวัดโสมนัสวิหารนี้ จึงควรปรากฎเพื่อเป็นที่รู้จัก จึงได้สร้างลายเส้นเป็นส่วนทิพยกายตลอด
    เมื่อกำลังสร้างลายเส้นอยู่นั้น ทรงปรากฎพระพักตร์สดชื่นระรื่นเรือง อันยืนยันบุญญาภิสังขาร - สัทธินทรีย โลกียธรรม ทิพยสมบัติตลอด
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0350.jpg
      scan0350.jpg
      ขนาดไฟล์:
      127.5 KB
      เปิดดู:
      1,801
    • scan0351.jpg
      scan0351.jpg
      ขนาดไฟล์:
      182.8 KB
      เปิดดู:
      2,793
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
  20. เก่ากะลา

    เก่ากะลา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    3,311
    ค่าพลัง:
    +3,401
    ในปีที่ทรงบรมราชาภิเศกแล้วนั้น ทรงอุปภิเศก สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดีเป็น เอกอัครมเหสี

    สมเด็จพระนางเจ้าโสมนัสวัฒนาวดี
    ทรงครรภ์ได้ประสูติพระบรมราชโอรส พระนามว่า สมเด็จเจ้าฟ้าโสมนัสราชกุมาร

    ได้เสด็จสวรรคตทั้ง ๒ พระองค์ จึงนำพระราชทรัพย์มรดกนั้น สร้างวัดโสมนัส

    แต่ครั้ง รัชกาลที่ ๓ ทรงสร้างวัดราชนัดดาราม วัดหนึ่งแล้ว ได้สร้างวัดนี้อีก พ.ศ.๒๓๙๖
    และมีพระสงฆ์มาประจำ พ.ศ.๒๓๙๙
    พ.ศ.๒๔๐๓ ทรงสถาปนา เขมร
    พ.ศ.๒๔๐๖ เสียเขมรให้แก่ฝรั่งเศส

    พระองค์ทรงจัด ทหารบก ทหารเรือ ทรงมีความรู้ภาษาต่างประเทศ
    ทราบชัดว่าต้องเปลี่ยนระบบปกครอง ทั้งฝ่ายอาณาจักร และพุทธจักร

    มีพระราชโอรสสืบต่อประศาสนภาพ ๒ พระองค์ คือ พระจุลจอมเกล้า และ พระองค์เจ้ามนุสนาคมานพ

    ทรงสร้างพระนครคีรี ที่เพชรบุรี ทรงบูรณะวัดต่างๆ และทรงสร้างวัด ราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม วัดมกุฎกษัตริยาราม

    พระพุทธรูปที่สร้างในสมัยนี้ ทรงประดิษฐไม่มี พระเมาฬี มีแต่กลุ่มพระฉัพพัณณรัสมี
    a.2268524.jpg
    พระสัมพุทธโสมนัสวัฒนานาถบรมบพิตร
    พระพุทธประธานในพระวิหารวัดโสมนัสวิหาร
    เป็นฝีพระหัตถ์พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าฯ
    ทรงถ่ายแบบพระรูปลักษณะสถาบกเป็นพระพุทธรูปแบบ อมรรัตนโกสินทร์
    ไม่มีพระจอมเมาลี
    ได้ถวายพระนามเรียกเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๙
    คราวแรกไม่มีสมัญญาภิไธย จึงถวายสำหรับจะเรียกท่านถูก
    และทำเป็น เสมภาพปรมาภิไธยด้วย


    a.2268529.jpg

    พระนิรันตราย
    พระพุทธรูปปางสมาธิ ทองสัมฤทธิ์ ศิลปลักษณะรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่๔ ทรงออกแบบไว้
    จะเห็นไม่มีจอมเมาลี พระกรรณทั้งสองเป็นแบบคนฯลฯ
    และพระพุทธรูป พระสงฆ์รูป มีจำนวนนิยมกันคือ สร้าง ๘๔,๐๐๐
    ในระยะ ๒๕๐๐ ปีกว่านี้ ทั้งหมดจึงมีคำนวณปริมาณกันว่าประมาณ ๕๐ล้านองค์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • scan0349.jpg
      scan0349.jpg
      ขนาดไฟล์:
      168.5 KB
      เปิดดู:
      1,760
    • scan0159.jpg
      scan0159.jpg
      ขนาดไฟล์:
      192 KB
      เปิดดู:
      1,806
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 เมษายน 2017
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...