ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ขณะนี้ ปริมาณน้ำทั่วประเทศไทยมากผิดปกติแล้วนะครับ ดังนั้นหากเป็นไปได้อยากให้ทุกท่านอย่าได้ประมาท จัดกระเป๋าฉุกเฉินเอาไว้

วางแผนการจัดการหนีน้ำในบ้านเรือนของท่าน

วางแผนอพยพหากถึงเวลานั้นครับ

ระมัดระวังเรื่องไฟฟ้าดูด ไฟฟ้ารั่วด้วย

 

ขั้วแม่เหล็กโลกพลิก
(Magnetic Pole Reversal)


​

ขอให้มีการศึกษาข้อเท็จจริงและผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมจากปรากฏการณ์ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัว

เขียนที่บ้านเลขที่ ๑๐๑/๔๗๙ ม. ๗
ถ.บางขัน-คลองหลวง ต.คลองหนึ่ง
อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ๑๐๑๒๐

วันที่ ๖ กันยายน พุทธศักราช ๒๕๔๘

เรื่อง ขอให้มีการศึกษาข้อเท็จจริงและผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมจากปรากฏการณ์ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัว

กราบเรียน ประธานคณะกรรมาธิการสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร
(นายนพดล พลเสน)

สิ่งที่ส่งมาด้วย

๑. เอกสารแปลจากสำนักข่าวอินเดียเดลี่ วันที่ 1 มีนาคม 2548 เรื่อง แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์คาดการณ์ว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กในโลกและดวงอาทิตย์ จะนำมาซึ่งการสิ้นสุดของอารยธรรมมนุษยชาติในปี ค.ศ. ๒๐๑๒

๒. เอกสารแปลจากบทความต่างประเทศ เรื่อง การเคลื่อนตัวของขั้วแม่เหล็กโลก และการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกในปี ค.ศ. ๒๐๑๒

ด้วยกระผมนายเอกอิสโร วรุณศรี ได้มีโอกาสรับทราบข้อมูลจากทางอินเทอร์เนต ซึ่งได้มีการนำเสนอเกี่ยวกับปรากฏการณ์ที่เรียกว่าขั้วแม่เหล็กโลกพลิก (Magnetic Pole Reversal) ซึ่งจากการที่ได้ศึกษาจากเว๊บไซต์ต่างๆ พบว่า เรื่องดังกล่าว มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นได้จริง ทั้งมีสถาบัน หรือองค์กรที่เป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติ เช่น องค์การบริหารการบินอวกาศสหรัฐ (นาซา) ออกมายืนยันถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดปรากฏการณ์ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัวที่จะเกิดขึ้นใน ปี ค.ศ. ๒๐๑๒ หรือ ปี พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่จะถึงอันใกล้นี้

ซึ่งหากท่านประธานคณะกรรมาธิการฯ จะได้พิจารณาจาก เอกสารที่กระผมส่งมาด้วยนี้ ซึ่งเป็นแต่เพียงข้อมูลเพียงส่วนน้อย ที่กระผมจะสามารถแปลจากภาษาต่างประเทศ ซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก และไม่สามารถนำมาเสนอได้ทั้งหมด จะเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีความร้ายแรงต่อมวลมนุษยชาติทั้งโลก แต่เป็นเรื่องที่แปลกประหลาดที่ในประเทศไทยเองกลับไม่มีการกล่าวถึงปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นในแวดวงนักวิชาการ ทั้งที่ผลกระทบข้างเคียงในระหว่างกระบวนการที่จะเกิดการพลิกตัวของขั้วโลก จะส่งผลต่อสภาวะแวดล้อม รวมทั้งวิถีการดำเนินชีวิต ซึ่งอาจจะต้องเผชิญกับอุบัติภัยต่างๆ มากมาย ดังที่ทั่วโลกกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นลมพายุรุนแรง ภาวะฝนตกหนัก น้ำท่วม ดินถล่ม หรือบางพื้นที่เกิดความแห้งแล้ง รวมทั้งแผ่นดินไหว ล้วนแล้วแต่เป็นผลเกิดจากกระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กโลกเกิดการเคลื่อนตัว และจะนำไปสู่การพลิกตัวของขั้วแม่เหล็กในที่สุด

กระผมจึงใคร่ขอเสนอต่อท่านประธานคณะกรรมาธิการฯ ได้นำเรื่องดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมาธิการ เพื่อเชิญหน่วยงาน และผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ มาให้ข้อมูลในเรื่องนี้ เพื่อที่จะนำไปสู่การศึกษาข้อเท็จจริงและผลกระทบต่อสภาวะแวดล้อมจากปรากฏการณ์ขั้วแม่เหล็กโลกพลิกตัวดังกล่าว และแจ้งให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบ หากจะนำมาซึ่งการเผชิญกับภัยพิบัติที่อาจมีขึ้นตามมา

จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณา

ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง

(นายเอกอิสโร วรุณศรี)
7 ก.ย. 2548

***********************************************

แบบจำลองทางคอมพิวเตอร์คาดการณ์ว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กในโลกและดวงอาทิตย์ จะนำมาซึ่งการสิ้นสุดของอารยธรรมมนุษยชาติในปี คศ. 2012

1 มีนาคม 2548

จากการศึกษาร่วมกันของนักวิทยาศาสตร์ด้านคอมพิวเตอร์จำนวนหนึ่งกับกลุ่ม นักธรณีฟิสิกส์ และนักดาราศาสตร์ฟิสิกส์พบว่าทั้งโลกและดวงอาทิตย์จะสิ้นสุดระยะเวลาที่ใช้ในกระบวนการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก (Magnetic Pole Reversal) ในปี คศ. 2012 โดยครั้งล่าสุดกระบวนการนี้ได้เกิดขึ้นเมื่อหลายล้านปีที่ผ่านมาจนทำให้สัตว์จำพวกไดโนเสาร์สูญพันธุ์ จนหมดสิ้น จากการค้นคว้าวิจัยและการวิเคราะห์ร่วมกันใน Hyderabad ได้คาดการณ์ว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรงครั้งใหม่นี้จะเกิดขึ้นในปี คศ. 2012

การพลิกกลับของขั้วแม่เหล็ก คือ กระบวนการที่ขั้วแม่เหล็กเหนือ และขั้วแม่เหล็กใต้สลับตำแหน่งกัน เมื่อการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กนี้เกิดขึ้น ณ ขณะเวลาใดเวลาหนึ่ง มันหมายถึงว่าค่าการเหนี่ยวนำของสนามแม่เหล็กโลกจะลดลงจนมีค่าเป็นศูนย์หน่วยเกาซ และโลก ณ ขณะเวลานั้นจะสูญเสียอำนาจแห่งแรงดึงดูดอย่างสิ้นเชิง ซึ่งถ้าหากปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นควบคู่ไปพร้อมกับการสลับขั้วของดวงอาทิตย์ที่จะมีขึ้นในทุกๆ 11 ปี ในปี คศ. 2012 แล้ว ปัญหาอันใหญ่ยิ่งจะเกิดขึ้นตามมาอย่างแน่นอน

ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติสมัยใหม่ เรื่องราวที่เกิดขึ้นเช่นนี้ยังไม่เคยได้มีการการบันทึกไว้ จะมีก็แต่เพียงแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์เท่านั้นที่จะสามารถทำนายผลลัพธ์ที่เคยเกิดขึ้นนั้นได้ เมื่อเร็วๆ มานี้ องค์การ NASA ได้เคยทำให้สาธารณะชนเกิดความหวาดหวั่นด้วยการออกมาเปิดเผยว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลกจะทำให้ความเข้มข้นสนามแม่เหล็กโลกอ่อนลง และไร้ความมั่นคง แต่ไม่ถึงกับลดลงถึงระดับศูนย์

แต่จากแบบจำลองทางคอมพิวเตอร์ของ Hyderabad กลับพบว่าการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กของโลกและดวงอาทิตย์นั้น สามารถที่จะก่อให้เกิดปัญหาตามมาอย่างรุนแรงที่มากไปกว่าแค่การทำงานผิดพลาดของอุปกรณ์อิเลคทรอนิคส์เท่านั้น พวกนกที่อพยพย้ายถิ่นอยู่ตามฤดูกาลจะสูญเสียประสาทสัมผัสในการกำหนดทิศทางและอื่นๆ ตามมาอีก เช่น

- ระบบภูมิคุ้มกันโรคในบรรดาสัตว์ต่างๆ รวมถึงมนุษย์จะอ่อนแอลง
- โลกจะประสบกับการเพิ่มความถี่ของการเกิดภูเขาไฟระเบิด, การเคลื่อนตัวของเปลือกโลก, แผ่นดินไหว และแผ่นดินถล่ม ที่จะมีมีสูงขึ้นกว่าปรกติ
- สภาวะความเป็นแม่เหล็ก (Magnetosphere) ของโลกจะอ่อนตัวลง และการแผ่รังสีคอสมิคจากดวงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณขึ้น และก่อให้เกิดอันตรายจากการแผ่รังสีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า เช่น มะเร็งและอื่นๆ อีก ซึ่งไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้
- กลุ่มเทหวัตถุในอวกาศขนาดใหญ่จะถูกดึงดูดเข้ามายังโลกอย่างมากมาย
- แรงดึงดูดของโลกจะประสบกับการเปลี่ยนแปลงซึ่งไม่มีใครรู้ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร

ถ้า คุณรวมเอาเหตุการณ์ความน่าจะเป็นที่จะเกิดการทำลายล้างเหล่านี้ทั้งหมดมาผนวกรวมกันแล้ว คุณก็จะสามารถอธิบายสิ่งที่คุณจะมองเห็นด้วยคำง่ายๆ ว่า โลกอาจจะไม่ใช่ที่เหมาะสมสำหรับอารยธรรมของมนุษยชาติในปี คศ. 2012 และผู้คนทั้งหลายผู้ซึ่งอาศัยอยู่บนพื้นผิวโลกหรือใกล้กับพื้นผิวโลก

สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ใต้ผิวโลกที่ลึกลงไปเท่านั้นที่จะมีชีวิตอยู่รอด โดยปราศจากการแทรกแซงใดๆ ในกระบวนการที่จะเกิดขึ้นโดยธรรมชาตินี้ คงเป็นเวลาอีกหลายล้านปีถัดจากนี้ เราจึงจะได้เห็นรูปแบบของสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดใหญ่หรือมีความชาญฉลาด ที่จะกลับมาครอบครองบนพื้นผิวโลกอีกครั้ง

เหตุการณ์เช่นนี้มันอาจจะเหมือนดังเช่นที่ได้เคยเกิดขึ้นในห้วงที่เกิดคลื่นสึนามิ ซึ่งมันทำให้เรารู้สึกงงงวย และเฝ้าจ้องมองดูสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอย่างคิดไม่ถึงว่ามันจะเกิดขึ้นได้ แล้วในที่สุดมันก็พัดพาเราออกไปสู่ท้องทะเล

ถ้าแบบจำลองนี้ถูกต้องแม่นยำ นั่นหมายถึงว่าหนทางเดียวเท่านั้นสำหรับพวกเราที่จะอยู่รอดเพื่อที่จะรักษาอารยธรรมของเราเอาไว้ต่อไป นั่นก็คือการลงไปอาศัยอยู่ใต้พื้นผิวโลกหรือไม่ก็อพยพเคลื่อนย้ายไปอาศัยยังดาวเคราะห์ดวงอื่นๆ เหตุการณ์เช่นนี้มันอาจจะเคยเกิดขึ้นมาแล้วกับดาวอังคารเมื่อย้อนหลังไปหลายล้านปีที่ผ่านมา

ความเคลื่อนไหวที่ไม่ปรกติของผู้มาเยือนจากนอกโลกหมายถึง UFO ในรอบ 100 ปีที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าอาจมีใครบางคนจากนอกโลกรู้ว่าจะมีเหตุการณ์รุนแรงจะเกิดขึ้นกับโลกใบนี้ อาจบางทีพวกเขาอาจจะกำลังจะพยายามที่จะช่วยเหลือพวกเราอย่างเงียบๆ ด้วยการจำลองภาพเหตุการณ์เพื่อเป็นการบอกเตือน หรือแม้แต่ย้ายพวกเราไปยังจุดหมายปลายทางที่ไหนสักแห่งที่เราไม่อาจรู้ได้.

<TABLE class=notices3 cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" align=center bgColor=#93c9f6 border=0><TBODY><TR bgColor=#dcdcdc><TD width="85%" colSpan=2>จากคุณ : เอกอิสโร วรุณศรี </TD></TR><TR bgColor=#dcdcdc><TD colSpan=2>วันที่แสดงความคิดเห็น : 7 ก.ย. 48 17:52 น. </TD></TR></TBODY></TABLE>

ที่มา http://tasboard.piesoft.net/message.php?MsgCode=4280

 

เขื่อนพระราม 6

​

ที่ท่าเรืออยุธยา น้ำยังไม่ท่วมครับแต่ระดับน้ำในแม่น้ำสูงขึ้นมาก จนเกือบล้นตลิ่งแล้ว เมื่อวานนี้ทางเขื่อนพระราม 6 แจ้งเตือนมาว่าให้ระวังน้ำล้นตลิ่ง เพราะทางเขื่อนพระราม 6 จำเป็นต้องเปิดประตูระบายน้ำที่เข้ามาในเขื่อนเป็นปริมาณมากครับ

กรุงเก่าน้ำเจ้าพระยาขึ้นสูง เร่งทำแนวกั้นโบราณสถาน​

​

พระนครศรีอยุธยา 14 ก.ย.- นายเมธาดล วิจักขณะ ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยภายขณะนำวิศวกรโยธาธิการจังหวัด ตรวจพื้นที่หน้าวัดไชยวัฒนาราม ม.8 ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา ริมแม่น้ำเจ้าพระยา วันนี้ (14 ก.ย.) ว่า

แผนการก่อสร้างป้องกันน้ำท่วมโบราณสถาน และหมู่บ้านโปรตุเกส ต.สำเภาล่ม อยู่ระหว่างการวางฐานล่าง จึงเสร็จไม่ทันในปีนี้ แต่มีแผนป้องกันเฉพาะหน้าไว้แล้ว โดยจะใช้บังเกอร์คอนกรีตความสูงประมาณ 2.5 เมตร มาตั้งวาง และจะเร่งให้เสร็จภายใน 2 วัน เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณเพิ่มสูงอย่างรวดเร็ว พร้อมกับประสานชลประทานจังหวัดให้ชะลอการระบายน้ำในระยะนี้ เพื่อไม่ให้เป็นอุปสรรคกับการตั้งแนวป้องกัน นอกจากจะตั้งเครื่องสูบน้ำอัตโนมัติขนาดใหญ่รองรับไว้ 2 เครื่อง หากมีน้ำซึมเข้ามาในท่อพักน้ำจะระบายออกได้ทัน.- สำนักข่าวไทย

2008-09-14 14:21:42

ที่มา http://news.mcot.net

 

รอดูเมื่อกรุงเทพฯท่วม

ตอนนี้นสพ. มีแต่ข่าวการเมือง ข่าวผู้คนแตกแยก...
อย่าหวังพึ่งรัฐ เพราะรัฐเข้าใจแต่สภาพที่เป็นมา ไม่ใช่สภาพที่อาจเกิดขึ้น... โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้บริหารประเทศและนักการเมืองไม่เชื่อว่าโลกข้างหน้าจะเปลี่ยนแปลง... เพราะเขาจมอยุ่กับผลประโยชน์ของวันนี้ที่ยังเก็บเกี่ยวไม่พอ..
ตนดูแลตน...

 

ทางน่านช่วงนี้ปรกติครับ อากาศร้อน สลับ ฝนตกปะปราย ไม่รุนแรง ระดับแม่น้ำยังคงเท่าเดิม แต่น้ำยังขุ่นแดงครับ

 

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6500 ข่าวสดรายวัน


ผันคาร์บอนไดออกไซด์

เจ๊าะแจ๊ะวิทยาศาสตร์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เป็นของเสียของโลก ทำให้โลกร้อน ปล่อยออกมามาก มายจากปล่องของโรงงานอุตสาห กรรม แต่การกำจัดแยกธาตุคาร์ บอนไดออกไซด์ในปัจจุบันยังมีราคาแพง และต้องใช้พลังงานสูงจึงไม่เป็นที่นิยมนัก

เดิร์ก แวน เอสซองเดล์ฟต์ วิศวกรเคมี มหาวิทยาลัยรัฐเพนซิล วาเนีย สหรัฐอเมริกา ค้นพบวิธีการใหม่ในการผสม ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เข้ากับแร่ธาตุที่เรียกว่า เซอร์เพนไทน์ ซึ่งเป็นหินชนิดหนึ่ง ทำให้เกิดปฏิกิริยาที่ทำให้เกิด ทรายและ แร่ธาตุคล้ายชอล์ก

นับเป็นการสลายคาร์บอนไดออกไซด์ไปอยู่ในรูปแร่ธาตุในราคาที่ไม่แพงนัก แถมยังได้ผลผลิตที่นำไปใช้ประโยชน์ต่อได้

ขั้นตอนการทำคร่าวๆ นักวิทยาศาสตร์จะบดหินเซอร์เพน ไทน์แล้วผสมน้ำกับกรด ทำให้หินเซอร์ เพนไทน์แตกตัวเป็นแม็กนีเซียมและซิลิก้า ซึ่งเป็นองค์ประกอบพื้นฐานของทราย จากนั้นเติมแอมโมเนีย และอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงไป แอมโมเนียจะทำให้กรดกลายเป็นกลาง และทำให้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ละลายและทำปฏิกิริยากับแม็กนีเซียม กลายเป็นแม็กนีเซียมคาร์บอเน็ต ซึ่งคล้ายกับชอล์ก นำไปผลิตซีเมนต์ได้

[FONT=Tahoma,]หน้า 24[/FONT]

จำนวนคนอ่านล่าสุด 1447 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6500 ข่าวสดรายวัน


มะกันนิยมสร้างบ้านสีเขียว ประหยัดพลังงาน-ลดค่าไฟเกินครึ่ง



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์และอุตสาหกรรม นครชิคาโก สหรัฐอเมริกา จัดแสดงบ้านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อย่างกระเบื้องห้องน้ำทำมาจากขวดไวน์รีไซเคิล น้ำที่ใช้รดต้นไม้ในสวนเป็นน้ำฝนที่เก็บไว้ในถังเก็บน้ำขนาด 300 แกลลอน ชานบ้านทำมาจากพลาสติกรีไซเคิล หลังคาติดตั้งแผงพลังงานแสงอาทิตย์

นางมิตเชลล์ คัฟแมน สถาปนิกผู้ออกแบบ "สมาร์ตโฮม" กล่าวว่า "เราหวังว่าผู้ที่มาชมบ้านจะได้ความคิดดีๆ กลับไป เพื่อเปลี่ยนแปลงบ้านของตนเอง แม้ว่าจะไม่สามารถเปลี่ยนได้ทั้งหมด แค่เปลี่ยนได้บางจุดก็ดีแล้ว" <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

นายเนต ครีดิช รองประธานสมาคมการพัฒนาบ้านเรือน ระบุว่า "ที่ผ่านมาแนวโน้มการสร้างบ้านสีเขียวสูงขึ้น อย่างเมื่อ 6 ปีก่อนมีเพียง 2% ของอุตสาหกรรมการก่อสร้างบ้านทั้งหมด แต่ตอนนี้เพิ่มเป็น 6% ขณะที่บ้านทั่วๆ ไป มีแนวโน้มไปในทางตรงกันข้าม"

"สมาร์ตโฮม" เป็นบ้าน 3 ชั้น ใช้พลังงานเพียงครึ่งหนึ่ง และใช้น้ำเพียง 1 ใน 3 เมื่อเปรียบเทียบกับบ้านปกติ เคาน์เตอร์ในครัวและอ่างล้างจานทำมาจากคอนกรีตและ "ฟลายแอช" ซึ่งเป็นบายโปรดักส์ หรือผลพลอยได้จากการเผาถ่านหิน ไม้ที่ใช้ภายในส่วนใหญ่เป็นไม้รีไซเคิล หลังคาปลูกต้นไม้ไว้เพื่อที่จะได้ลดความร้อนจากแสงอาทิตย์ น้ำในอ่างล้างมือในห้องน้ำจะต่อมายังชักโครก จักรยานในห้องนอนเด็กๆ มีไว้เพื่อปั่นสร้างพลังงานให้กับแบตเตอรี่ ถ้าปั่นจักรยานนานครึ่งชั่วโมงก็จะเล่นวิดีโอเกมได้

ชาวรัฐอินเดียน่านิยมสร้างบ้านแนวสมาร์ตโฮมมากที่สุด อย่างบ้านที่สร้างโดยบริษัทคาสตาเลีย ราคาหลังละ 30 ล้านบาท มีอุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมติดตั้งให้กว่า 70 จุด เช่น ฝักบัวประหยัดน้ำและเครื่องใช้ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน และส่วนใหญ่แล้ว บ้านปกติขนาด 650 ตารางเมตร จะต้องจ่ายค่าไฟเดือนละประมาณ 20,000 บาท แต่ถ้าเป็นบ้านสมาร์ตโฮมจะเสียเงินค่าไฟเพียงเดือนละ 3,400-6,000 บาท[/FONT]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=images/corner_line_left.gif></TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 259 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6500 ข่าวสดรายวัน


ผลิตเลือดจากสเต็มเซลล์



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ผลการทดลองสเต็มเซลล์มีออกมาเรื่อยๆ ล่าสุดนักวิทยาศาสตร์ของบริษัทแอดวานซ์ เซลล์ เทคโนโลยี สหรัฐ อเมริกา ทดลองผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงจาก สเต็มเซลล์

ดร.โรเบิร์ต แลนซ่า ผู้บริหารแอดวานซ์ เซลล์ เทคโนโลยี มีความเห็นว่า "ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายไม่น่าต่อต้านเซลล์เม็ดเลือดแดงที่สร้างจากสเต็มเซลล์ เนื่องจากเซลล์เม็ดเลือดแดงนี้ไม่มีนิวเคลียส และทางบริษัทมีโครงการผลิตเลือดจากสเต็มเซลล์ในทุกกรุ๊ปเลือด ไม่ว่าจะเป็น เอ บี เอบี โอเนกาทีฟอาร์เอช และโอโพสิทีฟอาร์เอช ซึ่งกรุ๊ปโอเนกาทีฟ เป็นกลุ่มที่สามารถให้เลือดได้กับคนทุกกรุ๊ปเลือด"

สำหรับการทดลองในขั้นปัจจุบันของบริษัท คือสามารถผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดง 1 แสนล้านเซลล์ จาก 6 เวลล์เพลตสเต็มเซลล์ ส่วนขั้นต่อไปคือ ใช้พลูริพอเทนต์สเต็มเซลล์ ซึ่งพลูริพอเทนต์สเต็มเซลล์คือการนำเซลล์ผิวหนังและยีนหลายๆ ยีน มารีโปรแกรมใหม่ เพื่อให้เซลล์กลับไปสู่ภาวะเซลล์ของตัวอ่อน[/FONT]

[FONT=Tahoma,]หน้า 28[/FONT]

วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6500 ข่าวสดรายวัน


หมึกยักษ์ไม่ใช่สัตว์ดุร้าย



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>นายสตีฟ โอเชีย นักชีววิทยาทางทะเล หัวหน้าคณะนักวิทยาศาสตร์นิวซีแลนด์ ที่ศึกษาซากปลาหมึกยักษ์ ซึ่งถูกชาวประมงจับในทะเลแอน ตาร์กติกเมื่อปีที่แล้ว กล่าวว่า หมึกยักษ์เพศเมียน้ำหนัก 495 กิโลกรัมนี้ ไม่ได้เป็นสัตว์ที่ดุร้ายเปรียบเหมือนไดโนเสาร์แห่งท้องทะเล แต่เป็นหมึกยักษ์เชื่องๆ

โอเชีย กล่าวว่า "หมึกยักษ์พันธุ์ Mesonychoteuthis Hamilton ตัวนี้มีขนาดใหญ่มาก เมื่อมันแก่ขึ้น อ้วนขึ้น ทำให้ลำตัวสั้นลง และขยายตัวกว้างมากขึ้น มันน่าจะออกไข่ได้หลายพันฟอง เมื่อมันตัวอ้วนมาก ความอ้วนน่าจะส่งผลกระทบต่อความสามารถในการล่าอาหาร เช่น ความรวด เร็วในการล่าลดลง"

จากการศึกษาซากหมึกยักษ์ พบว่า มันมีดวงตาที่ใหญ่มาก ขนาดพอๆ กับลูกฟุตบอล คือเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 40 เซนติเมตร ลูกตาที่ใหญ่โตทำให้มันมองเห็นเหยื่อในท้องทะเลลึก 1,000 เมตร คาดว่า หมึกยักษ์ที่ตัวโตมากที่สุดอาจมีน้ำหนักถึง 750 กิโลกรัม และมันเป็นหมึกยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่นักวิทยาศาสตร์เคยพบมา
</TD></TR></TBODY></TABLE>ใช้น้ำมันพืชเก่าแข่งรถยนต์จากลอนดอนไปกรีซ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ผู้เข้าแข่งขันรถยนต์ "กรีสทูกรีซ" รวม 8 ทีม ขับรถเป็นระยะทางรวม 2,500 ไมล์ จากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ไปยังกรุงเอเธนส์ ประเทศกรีซ เดินทางถึงจุดหมายแล้ว โดยนายไซมอน แกส เอกอัครราชทูตอังกฤษ ประจำเอเธนส์ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นที่สถานทูต พร้อมให้ "รางวัลน้ำมันหมูทองคำ" แก่ผู้ชนะ

"กรีสทูกรีซ" เป็นการแข่งขันรถยนต์โดยใช้พลังงานจากน้ำมันพืชเก่าที่ใช้ในการทำครัว ตลอดทางผู้เข้าแข่งขันต้องไปขอน้ำมันใช้แล้วจากร้านอาหารและภัตตาคารทั้งหลายที่กำลังจะนำไปทิ้ง

การแข่งขันมีนายแอนดี้ พัก อายุ 34 ปี ชาวลอนดอน เป็นผู้ริเริ่ม เขากล่าวว่า "เป็นการแข่งขันที่ประหยัดเงินค่าน้ำมัน ทั้งยังเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมเพราะไม่ใช้พลังงานจากน้ำมันรถยนต์"

สำหรับนายพักเอง ลงแข่งขันด้วย โดยซื้อรถยนต์เปอโยต์ 405 มือสองมาในราคา 32,000 บาท นอกจากเขาแล้วยังมีชาวไร่ วิศวกร ผู้อำนวยการสร้างภาพยนตร์เข้าร่วมแข่งขัน เมื่อปีที่แล้วเขายังขับรถกระบะไปยังทะเลทรายทิมบักทู ประเทศมาลี ด้วยพลังงานจากช็อกโกแลต ในปีหน้าเขาหวังว่าจะเดินทางด้วยเครื่องบินรอบโลก โดยใช้พลังงานจากถุงพลาสติกรีไซเคิล
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=images/corner_line_left.gif></TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 99 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6500 ข่าวสดรายวัน


ฆ่ากันเพราะแย่งอาหาร

หมุนก่อนโลก



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>ซากปลาวาฬซอเวอร์บี้สบีค และ ซากโลมาริสโซ่ เกยตื้นบนชายหาดทางด้านตะวันตกของเกาะซิลลี่ ประเทศอังกฤษ ห่างกันเพียงระยะเวลาไม่กี่วัน จุดที่พบยังห่างกันเพียง 400 เมตร ได้สร้างความประหลาดใจให้กับนักชีววิทยาทางทะเลเป็นอย่างยิ่ง

วาฬที่พบนั้น มีลำตัวยาว 3.6 เมตร นับเป็นพันธุ์หายากตามชายฝั่ง เพราะซอเวอร์บี้สบีคมักอยู่ในทะเลน้ำลึก กินปลาหมึกและหมึกหอมเป็นอาหาร ส่วนโลมาริสโซ่มีขนาดประมาณวัว

นายไมค์ ฮิกส์ เจ้าหน้าที่ชายฝั่ง ผู้พบซากวาฬและโลมา กล่าวว่า "ผมถ่ายรูปโลมาส่งไปให้เครือข่ายสัตว์ทะเลหลงและเกยตื้นดู พวกเขาบอกว่า มันเป็นโลมาพันธุ์ริสโซ่" <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

โลมาริสโซ่มักว่ายน้ำอยู่บริเวณทะเลแถบคอร์นวอลล์ แต่มันไม่ปรากฏตัวให้เห็นบ่อยเท่าโลมาบ็อตเทิลโน้ส หรือโลมาสายพันธุ์อื่นๆ

การตายของสัตว์ทะเล 2 ตัว แม้จะสร้างความเศร้าและเสียดายให้กับผู้ที่พบเห็น รวมทั้งบรรดานักวิทยาศาสตร์ แต่ซากของมันก็เปิดโอกาสให้นักวิทยาศาสตร์ในท้องถิ่นผ่าซากเพื่อทำการศึกษา ส่วนวาฬซอเวอร์บี้สบีคแม้จะตัวใหญ่เกินไปที่จะนำซากไปตรวจพิสูจน์ แต่เจ้าหน้าที่ก็ทำการวัดส่วนต่างๆ ของลำตัว ถ่ายรูป เก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อ ไปพิสูจน์ที่สถาบันสัตววิทยา

ผลการพิสูจน์เบื้องต้น พบว่า โลมาริสโซ่ถูกโลมาบ็อตเทิลโน้สรุมกัดจนตาย ก่อนหน้านี้ ก็เคยเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นที่มอเรย์เฟิร์ต สกอตแลนด์ เมื่อโลมาบ็อตเทิลโน้สทำร้ายและฆ่าโลมาที่อยู่ในอ่าว

สำหรับต้นเหตุที่โลมาฆ่ากันเองนั้น นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า เกิดขึ้นเพราะอะไร แต่เป็นไปได้ที่อาหารในท้องทะเลขาดแคลน จึงมีการแก่งแย่งกันหาอาหาร จนก่อเกิดพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรง

นางแจน เลิฟริดจ์ เจ้าหน้าที่เครือข่ายสัตว์ทะเลหลงและเกยตื้น มีความเห็นว่า "แม้โลมาบ็อตเทิลโน้สจะมีภาพลักษณ์ว่า เป็นโลมาที่เป็นมิตรกับคนและใจดี แต่มันก็อาจเปลี่ยนนิสัยเป็นก้าวร้าวรุนแรงต่อโลมาตัวอื่น เพื่อการแข่งขันอะไรบางอย่าง และมีข้อสังเกตได้คือ ซากโลมาหลายตัวที่เกยตื้น มีร่องรอยของการถูกทำร้ายโดยโลมาบ็อตเทิลโน้ส ซึ่งจากรอยแผลและการผ่าซากพิสูจน์ยืนยันว่า เป็นฝีมือของบ็อตเทิลโน้สจริง"[/FONT]
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=images/corner_line_left.gif></TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 1178 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6500 ข่าวสดรายวัน


"สีวลีมหาลาภ"วัดสันติธรรม เพื่อสร้าง"พิพิธภัณฑ์พระธาตุ"

สดจากหน้าพระ

อนุชา ทรงศิริ



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>วัดสันติธรรม ก่อตั้งเมื่อปี พ.ศ.2489 โดย พระคณาจารย์ชื่อดัง "หลวงปู่สิม พุทธาจาโร" ร่วมกับคณะศรัทธาญาติโยม สถานที่แห่งนี้เดิมเคยเป็นวัดมาก่อนชื่อ "วัดหญ้าผ้าขาว" โดยปรากฏหลักฐานเป็นแนวอิฐซากวิหารและเจดีย์ชำรุด สร้างขึ้นประมาณพุทธศตวรรษที่ 21 ปัจจุบันถูกคร่อมไว้ด้วยอุโบสถ วัดแห่งนี้เคยเป็นที่ปฏิบัติธรรมจำพรรษาของพระสุปฏิปันโนที่มีชื่อเสียง เป็นที่เคารพนับถือของคนทั่วไป เช่น หลวงปู่สิม พุทธาจาโร, หลวงปู่แหวน สุจิณโณ, หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม, หลวงปู่จาม มหาปุญโญ, หลวงปู่ชอบ ฐานสโม และหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ เป็นต้น

ที่ผ่านมามีเจ้าอาวาสแล้ว 3 รูปคือ พระญาณสิทธาจารย์ (สิม พุทธาจาโร) ปี 2498-2507, พระนพีสีพิศาลคุณ (ทองอินทร์ กุสลจิตโต) ปี 2510-2547 และพระครูวิมลธรรมรัต (ศรีนวล วิมโล) ปี 2548-ปัจจุบัน

เมื่อเร็วๆ นี้ ทางวัดได้จัดสร้าง "วัตถุมงคลพระสิวลี" ขึ้น วัตถุประสงค์เพื่อหาปัจจัยสมทบทุนดำเนินการก่อสร้าง ศาลาปฏิบัติธรรมและพิพิธภัณฑ์พระธาตุบูรพาจาย์ เพื่อประดิษฐาน พระบรมสารีริกธาตุ จากประเทศไทย-อินเดีย-ศรีลังกา พระอรหันตธาตุ และอัฐิธาตุหลวงปู่เสาร์, หลวงปู่มั่น, ครูบาเจ้าศรีวิชัย, หลวงปู่แหวน, หลวงปู่สิม, หลวงพ่อมหาทองอินทร์ เป็นต้น <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

"พระครูวิมลธรรมรัต" เจ้าอาวาสวัดสันติธรรม กล่าวว่า ทางวัดได้จัดสร้างพระสีวลี เพื่อตอบแทนผู้ร่วมทำบุญสร้างศาลาปฏิบัติธรรมและพิพิธภัณฑ์พระธาตุ ซึ่งพระสีวลีเถรเจ้า เป็นพระอรหันต์ผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายทางมีลาภมาก พระพุทธเจ้าจึงทรงยกย่องด้วยพระวาจาว่า "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ผู้เป็นสาวกของเราตถาคตั้พระสีวลีเป็นผู้เลิศกว่าภิกษุทั้งหลายผู้บริบูรณ์ด้วยลาภ" ั้

และในคัมภีร์มโนรถปูรณี กล่าวว่า "ยกเว้นแต่พระตถาคตเจ้าแล้วไม่มีผู้ใดจะเลิศด้วยลาภเสมอเหมือนพระสีวลีเถระเจ้า" เมื่อผู้ใดได้สักการะบูชาพระสีวลี ก็จะเป็นผู้อุดมไปด้วยลาภ เสมือนพระสีวลีเถระ

วัตถุมงคลรุ่นนี้ผ่านพิธีพุทธาภิเษก เมื่อวันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม 2551 เวลา 19.00 น. คณะสงฆ์วัดสันติธรรม เจริญพระพุทธมนต์ สวดโองการ พระสีวลี และสวดคาถาพระสีวลี 108 จบ โดยมีพระพุทธิสารโสภณ เจ้าคณะจังหวัดเชียงใหม่-ลำพูน-แม่ฮ่องสอน (ธ) เป็นประธานในพิธี พระครูวิมลธรรมรัต (พระอาจารย์มหาศรีนวล วิมโล)

เป็นประธานนั่งปรกอธิษฐานจิต

วันเสาร์ที่ 9 สิงหาคม 2551 เวลา 18.49 น. ประกอบพิธีพุทธาภิเษก โดยได้อาราธนาพระภาวนาจารย์มาทำการแผ่เมตตาอธิษฐานจิต จำนวน 8 รูป อาทิ ครูบาเจ้าอินตา วัดวังทอง อายุ 101 ปี, หลวงพ่อเปลี่ยน วัดอรัญญวิเวก, หลวงพ่อไพโรจน์ วัดดอยปุย, หลวงพ่อกวง วัดป่าบ้านเย้า, หลวงพ่อบุญจันทร์ วัดป่ากิ่วดู่, หลวงพ่อบุญหนัก วัดดอยอ่างขาง, หลวงพ่อหนูพิน วัดดอยแม่ปั๋ง และพระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ จำนวน 13ั้รูป

สำหรับผู้ที่ประสงค์จะมีไว้สักการบูชาสร้างบุญ สามารถร่วมทำบุญโดยตรงได้ที่วัดสันติธรรม หรือหากไม่สะดวกจะมาที่วัด สามารถร่วมทำบุญได้โดยส่งธนาณัติ ในนาม พระครูวิมลธรรมรัต วัดสันติธรรม ต.ช้างเผือก อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50300 ไปรษณีย์ช้างเผือก หรือจะโอนเงินเข้าบัญชีสะสมทรัพย์ วัดสันติธรรม ธนาคารกรุงเทพ สาขาประตูช้างเผือก เลขที่บัญชี 390-4-292400 จากนั้นแฟกซ์หลักฐานการโอนเงินมาที่ 0-5322-1792 เพื่อขอรับพระสีวลี แล้วทางวัดจะจัดส่งให้ถึงบ้าน ขอความกรุณาช่วยค่าจัดส่ง องค์เล็ก 50 บาท องค์ใหญ่องค์ละ 100 บาท

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานวัดสันติธรรม โทร.0-5322-1792, 08-1602-7500 เข้าชมได้ที่ www.santidham.com[/FONT]

[FONT=Tahoma,]หน้า 32[/FONT]
</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD background=images/corner_line_left.gif></TD><TD vAlign=top align=left width="100%" bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><!--เนื้อหา--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 281 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6500 ข่าวสดรายวัน


มหาเถรฯจับมือสำนักพุทธฯ เตรียมจัดระเบียบการเทศนาพระ



นายอำนาจ บัวศิริ ผู้อำนวยการสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า มหาเถรสมาคมและสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เตรียมจัดระเบียบการเผยแผ่พระพุทธศาสนา โดยเฉพาะการเทศน์ของพระสงฆ์ ทั้งนี้ ตามที่ที่ประชุมมหาเถรสมาคมมีมติเห็นชอบให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 15 และมาตรา 19 แห่งพ.ร.บ.คณะสงฆ์ พ.ศ.2505 และระเบียบมหาเถรสมาคมว่าด้วยการเผยแผ่พระพุทธศาสนา พ.ศ.2550 และมีพระพรหมโมลี กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ พร้อมทั้งให้จัดตั้งศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา และคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาประจำจังหวัดด้วยนั้น ขณะนี้สำนักพุทธฯ ได้มีหนังสือแจ้งไปยังสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้มีการจัดตั้งศูนย์เผยแผ่พระพุทธศาสนา และคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาประจำจังหวัดขึ้นทุกจังหวัด ตามระเบียบมหาเถรสมาคมดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงาน พัฒนาบุคลากรในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาประจำจังหวัด

นายอำนาจ กล่าวต่อว่า สำหรับบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาตินั้น จะมีหน้าที่กำหนดแผนแม่บทในการเผยแผ่พระพุทธศาสนาทุกปี แนวทางในการพัฒนาบุคลกรในการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เช่น พระนักเทศน์ พระวิปัสสนาจารย์ พระธรรมทูต เพื่อเป็นแนวทางให้กับคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาประจำจังหวัดปฏิบัติตาม และที่สำคัญจะมีการกำหนดแนวทางการเทศน์ของพระนักเทศน์ใหม่ โดยในแต่ละปีทางคณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติ จะกำหนดประเด็นหลักในการเทศน์ให้กับพระ เช่น เมื่อปี 2549-2550 ซึ่งเป็นปีแห่งการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทั้งเนื่องในวโรกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี และเนื่องในวโรกาสเฉลิมพระชนมพรรษา 80 พรรษา ทางคณะสงฆ์ก็มีมติให้ประเด็นหลักในการเทศน์เกี่ยวกับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อย่างไรก็ตามการกำหนดแนวทางในการเทศน์นี้จะเป็นการกำหนดกรอบในการเทศน์ ซึ่งแต่ละจังหวัดจะยังสามารถเทศน์เรื่องอื่นได้ แต่ให้ยึดประเด็นที่คณะกรรมการเผยแผ่พระพุทธศาสนาแห่งชาติกำหนดขึ้นมาเป็นหลัก [/FONT]

[FONT=Tahoma,]หน้า 32[/FONT]
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

*** ธรรมหมวดนี้ตอน พระพุทธเจ้าตัดวัตถุปัจจัย ****

พุทธวาวิวุทโธ โยจะขุมา หันตะวาวิวุทโธ โยจะวิสัทโฐ หันตะโร ติโต
จะวาทะวิสัทโฐ บุคคะวะโร วาทะวิสัทโฐ หันตะโร ตุโน จะหันตะโร หันตะวาวิวุทโธ
วาทะสังคะโร จัตตุวิสังโข หันตะโร ติฉากุมารา สังคะวาโร หันตะนา มันทิปุริสัง จัตตุกะ
กะเทวา โยทะสุมารา สังกะหา วิสัทโฐ โพธิทะโร ตุโรโว อินทะจะ ตุมัสสา ขันตะรา
หันตะนา วาทะสุขโข จัตตะโร สังกะโห โพจะ กัตพะจะบุคคะโล มาทะโส ติโลโพ ตี ติ ฯ

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** สัจจะ... การกระทำ....นิสัย...ปัญญา....เวลา ****

“สัจจะ”… เป็นแนวทางของพุทธศาสนา
สิ่งที่เราทำได้ เป็นสิ่งประเสริฐ

“กรรม ต่างๆ...การกระทำ ต่างๆ”... ในอดีตที่ผ่านมา
เราสามารถที่จะใช้... “ผลการปฏิบัติ สัจจะ”
ชำระล้าง สะสางมลทิน ที่เกิดขึ้นในชีวิตให้หมดไปได้

เมื่อนึกถึง สิ่งที่เราทำมาในอดีต
เราควรจะ ... “เสียดายเวลาที่ผ่านมา”
เราควรจะ.... “แก้ไขนิสัยของเรา” ให้ได้
หาก...เราแก้ไข นิสัยของเราไม่ได้
นั่นแหละ....เราจะห่างไกลจาก... “ปัญญา”

“ปัญญา”.... เป็นความรอบรู้
การปฏิบัติ...เป็นพื้นฐานที่จะทำให้ “จิตใจบริสุทธิ์” และเกิด “ปัญญา”
ปัญญา อันเกิดจาก การกระทำ
จะไปชำระล้าง สะสาง กรรมที่เราทำมาในอดีตได้

เราจึงต้อง...พิจารณาสิ่งนี้ให้ดี
อย่า....ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยไร้ประโยชน์ !!!!!!!

- “ หนุมาน ผู้นำสาร ”

 

*** เตือน คลื่นในหนองบ่อบึง ****

บริเวณ โคลน เลน ดินอ่อนนุ่ม
ตามหนอง บ่อ บึง...จะกระเพื่อม เมื่อแผ่นดินไหว
เกิดเป็นลูกคลื่น พุ่งเข้าหาฝั่ง ตลิ่ง
คลื่นน้ำและโคลน...จะซัดเข้าหาขึ้นฝั่ง

ระวัง...เมื่อรู้สึก แผ่นดินไหว
รีบหนี ออกห่าง บึง บ่อน้ำ
หนีไม่ทัน...จมโคลน จมน้ำได้

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

เมื่อ วันที่ ๒๔ มีนาคม พศ.๒๕๕๑

 

เมื่อ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๑

 

เมื่อ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๑

 

เมื่อ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๑

 

เมื่อ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๑

 

เมื่อ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๑

 

เมื่อ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๑

 

เมื่อ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๑

 

เมื่อ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๑

 

เมื่อ วันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๕๑