ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** กรรม ****

    มีกี่คนจะเชื่อ...
    แม่น้ำโขง จะท่วมถึงกลางประเทศไทย

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  2. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    453
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 05 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6551 ข่าวสดรายวัน


    รับมือภัยพิบัติ

    เก็บเรื่องมาเล่า

    ชนา ชลาศัย



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>ภัยพิบัติธรรมชาตินับวันยิ่งใกล้ตัวคนไทยมากขึ้นทุกขณะ ตัวอย่างใกล้ตัวก็คือพม่า ที่โดนพายุ "นาร์กีส" ถล่มย่อยยับไปเมื่อเร็วๆ นี้

    หนทางที่ดีที่สุดเวลานี้คือศึกษาและเรียนรู้เพื่อรับมือภัยพิบัติ

    ในสหรัฐอเมริกา หลังเฮอริเคน "แคทรีน่า" ถล่มนิวออร์ลีน องค์การกาชาดสหรัฐออกคำแนะนำแก่พลเมืองในการเตรียมวัสดุและอุปกรณ์เพื่อรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งอาจจะนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบ้านเราได้

    คอลัมน์ "360 องศาความรู้" นิตยสาร "ผาสุก" ฉบับก.ค.-ก.ย.รายงานไว้ดังนี้

    1.กล่อง ลัง หรืออุปกรณ์บรรจุสิ่งของจำนวนมากๆ เมื่อคุณและครอบครัวจะต้องเก็บข้าวของออกจากบ้านไปอาศัยอยู่ในศูนย์หลบภัย

    2.ภาชนะน้ำดื่มทำจากพลาสติกที่ไม่แตก สำหรับเก็บน้ำสะอาดเอาไว้ดื่มและการชำระล้างเพื่อสุขอนามัยในแต่ละวัน

    3.อาหารกระป๋อง อาหารแห้ง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง ผักกาดดอง ตุนไว้สำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัวได้เกิน 3 วัน

    4.อุปกรณ์ปฐมพยาบาล เช่น พลาสเตอร์ยา ผ้าพันแผล ยาฆ่าเชื้อ เบตาดีน ยาแดง กรรไกรขนาดเล็ก มีดพับ ยาสามัญประจำบ้านทุกชนิด ยาปฏิชีวนะ ยาลดกรดในกระเพาะ Activated Charcoal เวลาท้องเสีย ผ้าขนหนูต่างๆ

    5.วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ เช่น จานและถ้วยกระดาษ ช้อนส้อมพลาสติกแบบที่ใช้แล้วทิ้งได้เลย ไฟฉาย โคมไฟ เข็มทิศ แผนที่ทางหลวง เทปกาว เชือก ไม้ขีดไฟ ปากกา กระดาษ

    6.ของใช้ส่วนตัว เช่น กระดาษชำระ แชมพู สบู่ ยาสีฟัน แปรงสีฟัน ของใช้สตรี ผ้าอนามัย ถุงดำใส่ขยะ กล่องพลาสติกมีฝาปิดเพื่อเก็บรักษาความสะอาด

    7.เครื่องแต่งกาย รองเท้าผ้าใบ เสื้อหนาว เสื้อกันฝน แว่นกันแดด หมวก ถุงมือ กางเกงในกระดาษ

    8.ของใช้พิเศษสำหรับเด็กและคนชรา ผ้าอ้อม ขวดนม นมผง ยาประจำตัวสำหรับคนชรา อินซูลิน ยาลดความดัน ยานอนหลับ คอนแท็กต์เลนส์

    9.เอกสารสำคัญทั้งหมดต้องนำไปถ่ายเอกสารเพื่อสำรองเอาไว้ แล้วนำเอกสารทั้งหมดเก็บไว้แยกกัน รวบรวมสิ่งของมีค่า เช่น เพชร ทองคำ พันธบัตร ไว้ในตู้เซฟ หรือสถานที่ลับซึ่งคุณเข้าถึงได้อย่างรวดเร็ว

    นำข้าวของเครื่องใช้ทั้งหมดใส่ไว้ในกระเป๋าหรือกล่อง จัดเก็บไว้ในสถานที่ปลอดภัยและเข้าถึงได้ง่าย และบอกสมาชิกทุกคนในบ้านทราบ ที่สำคัญต้องเวียนนำข้าวของที่หมดอายุได้ออกมาใช้งาน แล้วซื้อของใหม่ทดแทนเข้าไปทุกๆ 6 เดือน

    ภัยพิบัติธรรมชาติเป็นสิ่งอยู่นอกเหนือการควบคุมของมนุษย์ สิ่งเดียวที่ทำได้คือเตรียมตัวรับมือกับมันอย่างมีสติและไม่ประมาท

    [FONT=Tahoma,]หน้า 23[/FONT]
    วันที่ 05 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 เวลา 16:34 น. ข่าวสดออนไลน์


    โหรวารินทร์ทำนายปีหน้าบ้านเมืองสงบสุข

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรชื่อดัง จ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์บ้านเมืองที่เกิดความรุนแรงมากในขณะนี้ว่า สถานการณ์บ้านเมืองจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีในปี 2552 โดยแผ่นดินจะเกิดความสงบสุขเหมือนในอดีต แต่ในช่วงนี้จะทำอย่างไรก็ไม่สงบ ดังนั้นแนวทางออกที่ดีที่สุดคือการหันหน้าเข้าหากัน และช่วยกันประคับประคองชาติบ้านเมือง
    เมื่อถามว่า ดวงเมืองกับดวงของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ชงกันหรือไม่ จนทำให้เกิดปัญหาความวุ่นวายอยู่ในขณะนี้ นายวารินทร์ กล่าวว่า ดวงเมือง กับดวงของ นายสมชายมันต่างกรรมต่างวาระกัน แต่คนที่จะขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตของประเทศชาติในเวลานี้จะอยู่ในระยะสั้น ๆ เท่านั้น เพราะคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนี้ยังไม่ใช่เนื้อนาบุญ ขึ้นมาก็เป็นเพียงนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพเท่านั้น เพราะผู้ที่มีบุญบารมีจริง ๆ จะปรากฏในปีหน้า ตนยังเห็นว่าแนวทางออกในการแก้ไขปัญหาของชาติคือการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ น่าจะเหมาะสมมากที่สุดในยุคนี้ ทั้งนี้ถ้าทุกคนอยากเห็นชาติบ้านเมืองเกิดความสงบสุขก็จะต้องหันหน้ามารวมตัวกันในการแก้ไขปัญหาบ้านเมือง
    เมื่อถามว่า มีโอกาสที่คนไทยจะตีกันจนถึงขั้นเลือดตกยางออกหรือไม่ ถ้ายังไม่หันหน้าเข้าหากัน นายวารินทร์ กล่าวว่า ถ้าเป็นแบบนี้จะมีการกระทบกันอย่างแน่นอน กลุ่มที่ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมืองจะเห็นแก่อามิสสินจ้าง เป็นผู้ที่ไม่ปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมืองทำให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวาย ถึงเวลาแล้วที่กลุ่มที่หวังดีต่อชาติบ้านเมือง หรือรักชาติบ้านเมือง ที่เป็นพลังเงียบจะต้องออกมารวมกลุ่มกัน ร่วมมือกับแก้ไขปัญหาบ้านเมือง

    อินเดียร่วมพิธีราชาภิเษกองค์จิกมี



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]


    </TD></TR></TBODY></TABLE>เมื่อวันที่ 4 พ.ย. สำนักข่าวบีบีเอสของภูฏานรายงานว่า ในวันที่ 6 พ.ย. นี้ ภูฏานจะจัดงานพิธีราชาภิเษกองค์จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก พระชนมายุ 28 พรรษาขึ้นเป็นกษัตริย์องค์ที่ 5 ของประเทศ ที่พระราชวังในกรุงทิมพู โดยเป็นพิธีราชาภิเษกในรอบ 34 ปี มีเอกอัครราชทูตมากกว่า 30 ประเทศ รวมถึงประธานาธิบดีประติพา ปาติล ผู้นำอินเดีย และนางโซเนีย คานธี ประธานพรรคคองเกรสของอินเดียและครอบครัว ผู้ใกล้ชิดกับราชวงศ์ภูฏาน เข้าร่วมพระราชพิธี เพื่อแสดงถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสองประเทศ

    รายงานระบุว่า พิธีจะเริ่มขึ้นตั้งแต่เวลา 08.31 น. ที่ห้องบัลลังก์ทองในพระราชวัง ภูฏานจะประกาศความเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นทางการในการแต่งตั้งองค์จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ขึ้นเป็นกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญของระบอบประชาธิปไตย ตามพระราชประสงค์ขององค์จิกมี ซิงเย วังชุก พระราชบิดาขององค์จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก ที่ทรงวางแนวคิดความสุขมวลรวมประชาชาติ ก่อนสละราชบัลลังก์เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา กำหนดให้สภาผู้แทนราษฎรมีอำนาจในการติติง วิพากษ์วิจารณ์องค์ประมุขได้ และกษัตริย์จะทรงครองราชย์ได้จนถึงพระชนมายุ 65 พรรษา

    ในพระราชพิธีนี้ องค์จิกมีจะทรงได้รับสิ่งของล้ำค่า 7 สิ่งสำหรับกษัตริย์ อันหมายถึงความรอบรู้ อำนาจแห่งความชอบธรรม พลังอันไม่หมดสิ้น ความแข็งแกร่ง ความรัก สติปัญญา และอำนาจจากพรศักดิ์สิทธิ์ของผู้นำศาสนา นอกจากนี้จะทรงได้รับวัตถุมงคล 8 อย่างเป็นสัญลักษณ์ของสติปัญญา ชีวิตยืนยาว ความมุ่งมั่น มีน้ำใจ เข้าอกเข้าใจ จิตบริสุทธิ์ กรรมอันถูกต้อง และสัมมาวาจา ผู้เข้าร่วมงานสำคัญ ได้แก่ นายกรัฐมนตรี ผู้นำคณะสงฆ์ และเหล่าอาคันตุกะจะมอบผ้าแห่งความยินดีให้องค์จิกมี จากนั้นองค์จิกมีจะร่วมพระราชพิธีที่ศาสนสถาน ในวันดังกล่าวยังจะเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปได้ร่วมเฉลิมฉลองด้วย

    [FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]
    จีนเอาคืน-โวย"ซอส"ญี่ปุ่นปนสารพิษ



    เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 4 พ.ย. ทางการจีนเล่นงานผลิตภัณฑ์อาหารของญี่ปุ่นไม่ปลอดภัยเข้าบ้าง เมื่อสำนักงานตรวจสอบคุณภาพสินค้าของจีนในเมืองเทียนจิน ทางภาคเหนือของประเทศแถลงผลการตรวจสอบพบสารหนูในซอสถั่วเหลืองนำเข้าจากญี่ปุ่น สูงกว่าระดับมาตรฐานถึง 5 เท่า และพบทองแดงในกาแฟนำเข้าจากญี่ปุ่น สูงกว่าระดับปกติ 2 เท่า

    กรณีอื้อฉาวเรื่องความไม่ปลอดภัยในอาหารของจีนเป็นข่าวดังไปทั่วโลกในกรณีล่าสุดเรื่องนมผงปนเปื้อนเมลามีนที่ทำให้เด็กของจีนล้มป่วยกว่า 53,000 ราย เสียชีวิต 4 ราย แต่ก่อนหน้านั้น จีนมีปัญหากับญี่ปุ่นอยู่แล้วในเรื่องผลิตภัณฑ์อาหาร โดยทางการญี่ปุ่นสั่งให้ร้านค้าปลีกเก็บผลิตภัณฑ์ถั่วแขกนำเข้าจากจีนออกจากแผงวางขาย หลังจากที่มีหญิงญี่ปุ่นกินเข้าไปแล้วป่วยหนัก จากนั้นมีเหยื่อล้มป่วยอีก 2 ราย ซึ่งตรวจพบว่าในถั่วมีปริมาณสารฆ่าแมลงสูงกว่าระดับปกติถึง 34,500 เท่า แต่โรงงานผู้ผลิตของจีน คือบริษัทเหยียนไท่ เป่ยไห่ ในชานตง ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องด้วย นอกจากนี้เมื่อเดือนธันวาคมปีที่แล้ว ชาวญี่ปุ่นกินเกี๊ยวแช่แข็งที่นำเข้าจากจีน 10 รายถูกนำตัวส่งเข้าโรงพยาบาล ในจำนวนนี้เป็นเด็กหญิงรายหนึ่งอาการถึงขั้นโคม่า

    หน้า 7
    เร่งสำรวจโป๊ะ-ท่าเรือรับลอยกระทง



    นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้ตนและเจ้าหน้าที่กทม.จะเร่งดำเนินการตรวจสอบ ซ่อมแซม โป๊ะ ท่าเรือทุกแห่ง ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หากไม่ปลอดภัยก็ให้งดใช้ทันที เพื่อพร้อมสำหรับจัดงานเทศกาลลอยกระทง 12 พ.ย.นี้ พร้อมประสานกองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจน้ำ กองทัพเรือ กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี ร่วมรักษาความปลอดภัย และในปีนี้งดการจัดงานรื่นเริง เนื่องจากวันลอยกระทงใกล้กับวันงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ และยังคงสานต่อการใช้กระทงจากวัสดุธรรมชาติ และ 1 กระทง 1 ครอบครัว เพื่อรักษาความสะอาดของแม่น้ำ ลำคลอง และไม่เป็นการฟุ่มเฟือย

    นายอภิรักษ์ กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดเก็บกระทงจะระดมเจ้าหน้าที่ 600 คน ใช้เรือ 200 ลำ ในการจัดเก็บกระทงตามแม่น้ำ และสถานที่ต่างๆ คาดเสร็จเรียบร้อยทุกพื้นที่ในเช้าวันรุ่งขึ้น และขอความร่วมมืองดเล่นประทัด พลุ และดอกไม้ไฟ เพื่อความปลอดภัย สำหรับสถานที่จัดงานลอยกระทง กทม.กำหนด 2 จุด คือ สวนสันติชัยปราการ และสะพานพระราม 8 ส่วนสวนสาธารณะอื่นๆ ในกทม.จะเปิดให้บริการตั้งแต่ เวลา 15.00-24.00 น.

    หน้า 30

    พวกเพื่อนๆคนรู้จักกลุ่มพวกกะผมตอนนี้มันเริ่มเชื่อเรื่อง
    ภัยพิบัติกันแล้วตอนโน้นพูดไปหาว่าเป็นบ้าครับ ว่าว่างๆๆจะมาขอเหรียญทำน้ำมนต์ไปแจกอีกนะค่ะจะบอกให้ทราบขอโมทนากฐินแสนกองด้วยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2008
  3. คุณ 4

    คุณ 4 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    733
    ค่าพลัง:
    +5,159

    เดินไปโรงเรียนตั้ง 5 ชม. เดินกลับก็ 5 ชม. แล้วเอาเวลาไหนเรียนหละนี่
    ทึ่งจริง ๆ o_O'
     
  4. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    453
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 05 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6551 ข่าวสดรายวัน


    ดีไซเนอร์เดนมาร์กสร้าง"บ้านเดินได้"หนีน้ำท่วม




    [​IMG]ดีไซเนอร์ชาวเดนมาร์กจาก "โคเปน เฮเกน อาร์ทิสต์ส คอลเลคทีพ เอ็น 55" ออกแบบ "บ้านเดินได้" ขึ้น โดยทำงานร่วมกับทีมวิศวกรจากรัฐแมสซาชูเส็ตต์ สหรัฐอเมริกา


    <EMBED src=http://www.youtube.com/v/CvxIB83Y0PA&hl=en&fs=1 width=425 height=344 type=application/x-shockwave-flash allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true"></EMBED>
    "บ้านเดินได้" สร้างขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อหนีน้ำท่วม บ้านตั้งอยู่บนขาไฮดรอลิก 6 ขา สูง 10 ฟุต เหมาะกับผู้อยู่อาศัยไม่เกิน 4 คน หน้าตาเหมือนกับยานที่ร่อนลงจอดบนดาวอังคาร แต่มีขาสีเหลือง ติดตั้งเครื่องทำพลังงานจากแสงอาทิตย์และลม สามารถเดินไปได้ทุกหนแห่ง ไม่ว่าจะขรุขระขนาดไหน นับเป็นการแก้ปัญหาเรื่องบ้านถูกน้ำท่วมที่ดี เพราะทุกวันนี้เกิดน้ำท่วมบ่อยครั้งขึ้น

    ราคาของ "บ้านเดินได้" เริ่มต้นอยู่ที่ 2 ล้านบาท แต่คาดว่า รุ่นต่อไปอาจลดราคาลงถ้าความนิยมเพิ่มขึ้น ทั้งยังเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้ที่มีรายได้น้อย แต่อยากมีบ้านของตนเอง - การ์เดียน

    หน้า 28
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>
    ซีเอ็นเอ็นล้ำหน้าใช้"โฮโลเเกรม"รายงานผลเลือกตั้งมะกัน
    </TD></TR><TR><TD vAlign=top>
    หนังสือพิมพ์ คมชัดลึก 5 พฤศจิกายน 2551 16:09 น.


    [​IMG]

    [​IMG]
    </TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] นิวยอร์ก - ซีเอ็นเอ็นพลิกโฉมวงการโทรทัศน์มะกัน นำเทคโนโลยี"โฮโลแกรม"มาใช้ในการรายงานข่าวเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์​

    สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นของสหรัฐตัดสินใจใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการถ่ายทอดสดภาพเสมือนจริง 3 มิติ (โฮโลเเกรม) รายงานสดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจากนครชิคาโกมายังนครนิวยอร์ก เมื่อวันอังคาร (4 พ.ย.)
    เทคโนโลยีดังกล่าวคล้ายคลึงกับฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดชื่อดังเรื่องสตาร์ วอร์สที่ติดต่อสื่อสารกันผ่านภาพโฮโลเเกรม โดยซีเอ็นเอ็นถ่ายทอดภาพของนางเจสสิกา เยลลิน ผู้สื่อข่าวจากชิคาโก เพื่อสนทนากับนายวูลฟ์ บลิทเซอร์ ผู้ประกาศข่าวที่กำลังดำเนินรายการอยู่ในห้องส่งที่นิวยอร์ก
    ภาพของนางเยลลินมีลักษณะเป็นเส้นเลเซอร์เรืองแสง 3 มิติและมีลักษณะเหมือนเธอทุกประการ ขณะที่ นางเยลลินยังสามารถพูดคุยเเละโต้ตอบกับนายบลิทเซอร์ได้เหมือนอยู่ในห้องส่งจริงๆ
    "คุณดูดีมากในภาพโฮโลเเกรม" นายบลิทเซอร์ กล่าว
    ขณะที่ นางเยลลิน อธิบายว่า ขณะที่เธอกำลังรายงานข่าวอยู่ในชิคาโกนั้นก็มีกล้องโทรทัศน์อีก 35 ตัวกำลังจับภาพตัวเธอทั้งหมดในมุมมองที่เเตกต่างกันในเต้นท์ที่ถูกสร้างมาโดยเฉพาะเพื่อส่งภาพของเธอกลับไปที่นิวยอร์ก
    "ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังดำเนินรอยตามเจ้าหญิงเลอา" ผู้สื่อข่าวหญิงของซีเอ็นเอ็น อ้างถึงหนึ่งในตัวละครสำคัญจากภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส
    ซีเอ็นเอ็น ระบุว่า เทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์ของสหรัฐ โดยเป็นความพยายามที่จะนำเสนอข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีระหว่างวุฒิสมาชิกจอห์น แมคเคน ตัวแทนพรรครีพับลิกันและวุฒิสมาชิกบารัก โอบามาจากพรรคเดโมแครต ให้ครอบคลุมมากที่สุด
    ขณะเดียวกันบรรดาเว็บไซท์ต่าง ๆ ตั้งแต่ยูทู้ปจนถึงฟลิคร์, เฟซบุ๊คจนถึงทวิทเตอร์ พบว่า มีการเผยแพร่ภาพแห่งการเฉลิมฉลองการเลือกตั้งประธานาธิบดีทั่วประเทศ ไปทั่วเว็บไซท์แบ่งปันภาพและคลิปวีดีโททางอินเตอร์เน็ตเหล่านี้อย่างคับคั่ง โดยเป็นภาพเหตุการณ์ที่แสดงถึงอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่นานหลังบารัค โอบาม่า ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง และพบว่า บางภาพเป็นภาพที่ถ่ายจากจอโทรทัศน์ ที่ประกาศชัยชนะของเดโมแครต ส่วนภาพอื่น ๆ เป็นบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองที่ถูกถ่ายไว้ในทันที หลังปิดคูหาเลือกตั้งแถบชายฝั่งด้านตะวันตก เมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ตอนที่โอบาม่าได้รับการประกาศชัยชนะ
    ขณะที่ฝูงชนออกไปชุมนุมกันตามสถานที่สาธารณะต่าง ๆ และคนหลายล้านคน จับตาดูการรายงานข่าวอย่างใกล้ชิดจากช่องต่าง ๆ ในโทรทัศน์นั้น พบว่า มีคนจำนวนไม่น้อยติดตามการเลือกตั้งทางออนไลน์ และส่วนใหญ่อยู่หน้าจอคอมพ์ของบริษัท นักศึกษาที่นาวาร์โร่ คอลเลจในรัฐเท็กซัส ได้โพสต์วิดีโอภาพตัวเองกำลังแสดงปฏิกิริยาต่าง ๆ เช่นกรีดร้อง กระโดดขึ้น-ลง
    ตอนที่รู้ว่าโอบาม่าชนะ ส่วนพวกที่โพสต์ในยูทู้บคนหนึ่ง ได้โพสต์คลิปวีดีโอตัวเอง ดื่มโซดาขนาด 2 ลิตร ฉลองให้โอบาม่า
    ตลอดช่วงของการเลือกตั้ง เว็บไซท์ที่เป็นกลางอย่าง ทวิทเตอร์โหวตรีพอร์ท ดอท คอม ที่เป็นศูนย์รวมของบล็อกกลุ่มทวิทเตอร์ ดอท คอม ที่จะมีซิติเซ่น รีพอร์ต ที่คอยสังเกตการณ์การเลือกตั้งอยู่ตามคูหาต่าง ๆ และประเมินช่วงเวลาที่ต้องรอคอยการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งพวกซิติเซ่น รีพอร์ต กลุ่มทวีท ได้ใช้ทั้งโทรศัพท์มือถือ และเว็บไซท์ รายงานข่าวความเคลื่อนไหวจนถึงเย็น แม้แต่ตัวโอบาม่าเอง ที่อ้าแขนรับเทคโนโลยีทางออนไลน์อย่างเต็มที่ ตั้งแต่สมัยทำศึกไพรมารี่กับฮิลลารี่ คลินตัน ได้พึ่งพาบริการออนไลน์ครั้งล่าสุดในการแจ้งข่าวทางอีเมลไปยังผู้สนับสนุนที่ลงทะเบียนในเว็บไซท์ของเขา ก่อนที่เขาจะขึ้นกล่าวบนเวทีในนครชิคาโก หลังทราบผลการเลือกตั้ง


    -->
    นิวยอร์ก - ซีเอ็นเอ็นพลิกโฉมวงการโทรทัศน์มะกัน นำเทคโนโลยี"โฮโลแกรม"มาใช้ในการรายงานข่าวเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ​

    สถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็นของสหรัฐตัดสินใจใช้เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการถ่ายทอดสดภาพเสมือนจริง 3 มิติ (โฮโลเเกรม) รายงานสดการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐจากนครชิคาโกมายังนครนิวยอร์ก เมื่อวันอังคาร (4 พ.ย.) ​

    เทคโนโลยีดังกล่าวคล้ายคลึงกับฉากในภาพยนตร์ฮอลลีวู้ดชื่อดังเรื่องสตาร์ วอร์สที่ติดต่อสื่อสารกันผ่านภาพโฮโลเเกรม โดยซีเอ็นเอ็นถ่ายทอดภาพของนางเจสสิกา เยลลิน ผู้สื่อข่าวจากชิคาโก เพื่อสนทนากับนายวูลฟ์ บลิทเซอร์ ผู้ประกาศข่าวที่กำลังดำเนินรายการอยู่ในห้องส่งที่นิวยอร์ก ​

    ภาพของนางเยลลินมีลักษณะเป็นเส้นเลเซอร์เรืองแสง 3 มิติและมีลักษณะเหมือนเธอทุกประการ ขณะที่ นางเยลลินยังสามารถพูดคุยเเละโต้ตอบกับนายบลิทเซอร์ได้เหมือนอยู่ในห้องส่งจริงๆ ​

    "คุณดูดีมากในภาพโฮโลเเกรม" นายบลิทเซอร์ กล่าว ​

    ขณะที่ นางเยลลิน อธิบายว่า ขณะที่เธอกำลังรายงานข่าวอยู่ในชิคาโกนั้นก็มีกล้องโทรทัศน์อีก 35 ตัวกำลังจับภาพตัวเธอทั้งหมดในมุมมองที่เเตกต่างกันในเต้นท์ที่ถูกสร้างมาโดยเฉพาะเพื่อส่งภาพของเธอกลับไปที่นิวยอร์ก ​

    [​IMG]

    [​IMG]

    "ฉันรู้สึกว่าฉันกำลังดำเนินรอยตามเจ้าหญิงเลอา" ผู้สื่อข่าวหญิงของซีเอ็นเอ็น อ้างถึงหนึ่งในตัวละครสำคัญจากภาพยนตร์สตาร์ วอร์ส ​

    ซีเอ็นเอ็น ระบุว่า เทคโนโลยีดังกล่าวถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วงการโทรทัศน์ของสหรัฐ โดยเป็นความพยายามที่จะนำเสนอข่าวการเลือกตั้งประธานาธิบดีระหว่างวุฒิสมาชิกจอห์น แมคเคน ตัวแทนพรรครีพับลิกันและวุฒิสมาชิกบารัก โอบามาจากพรรคเดโมแครต ให้ครอบคลุมมากที่สุด ​

    ขณะเดียวกันบรรดาเว็บไซท์ต่าง ๆ ตั้งแต่ยูทู้ปจนถึงฟลิคร์, เฟซบุ๊คจนถึงทวิทเตอร์ พบว่า มีการเผยแพร่ภาพแห่งการเฉลิมฉลองการเลือกตั้งประธานาธิบดีทั่วประเทศ ไปทั่วเว็บไซท์แบ่งปันภาพและคลิปวีดีโททางอินเตอร์เน็ตเหล่านี้อย่างคับคั่ง โดยเป็นภาพเหตุการณ์ที่แสดงถึงอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่นานหลังบารัค โอบาม่า ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้ง และพบว่า บางภาพเป็นภาพที่ถ่ายจากจอโทรทัศน์ ที่ประกาศชัยชนะของเดโมแครต ส่วนภาพอื่น ๆ เป็นบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองที่ถูกถ่ายไว้ในทันที หลังปิดคูหาเลือกตั้งแถบชายฝั่งด้านตะวันตก เมื่อวันอังคารตามเวลาท้องถิ่น ตอนที่โอบาม่าได้รับการประกาศชัยชนะ ​

    ขณะที่ฝูงชนออกไปชุมนุมกันตามสถานที่สาธารณะต่าง ๆ และคนหลายล้านคน จับตาดูการรายงานข่าวอย่างใกล้ชิดจากช่องต่าง ๆ ในโทรทัศน์นั้น พบว่า มีคนจำนวนไม่น้อยติดตามการเลือกตั้งทางออนไลน์ และส่วนใหญ่อยู่หน้าจอคอมพ์ของบริษัท นักศึกษาที่นาวาร์โร่ คอลเลจในรัฐเท็กซัส ได้โพสต์วิดีโอภาพตัวเองกำลังแสดงปฏิกิริยาต่าง ๆ เช่นกรีดร้อง กระโดดขึ้น-ลง ตอนที่รู้ว่าโอบาม่าชนะ ส่วนพวกที่โพสต์ในยูทู้บคนหนึ่ง ได้โพสต์คลิปวีดีโอตัวเอง ดื่มโซดาขนาด 2 ลิตร ฉลองให้โอบาม่า ​

    ตลอดช่วงของการเลือกตั้ง เว็บไซท์ที่เป็นกลางอย่าง ทวิทเตอร์โหวตรีพอร์ท ดอท คอม ที่เป็นศูนย์รวมของบล็อกกลุ่มทวิทเตอร์ ดอท คอม ที่จะมีซิติเซ่น รีพอร์ต ที่คอยสังเกตการณ์การเลือกตั้งอยู่ตามคูหาต่าง ๆ และประเมินช่วงเวลาที่ต้องรอคอยการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งทั่วประเทศ ซึ่งพวกซิติเซ่น รีพอร์ต กลุ่มทวีท ได้ใช้ทั้งโทรศัพท์มือถือ และเว็บไซท์ รายงาน ข่าวความเคลื่อนไหวจนถึงเย็น แม้แต่ตัวโอบาม่าเอง ที่อ้าแขนรับเทคโนโลยีทางออนไลน์อย่างเต็มที่ ตั้งแต่สมัยทำศึกไพรมารี่กับฮิลลารี่ คลินตัน ได้พึ่งพาบริการออนไลน์ครั้งล่าสุดในการแจ้งข่าวทางอีเมลไปยังผู้สนับสนุนที่ลงทะเบียนในเว็บไซท์ของเขา ก่อนที่เขาจะขึ้นกล่าวบนเวทีในนครชิคาโก หลังทราบผลการเลือกตั้ง
    <TABLE align=center><TBODY></TBODY></TABLE>​

    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 พฤศจิกายน 2008
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    บันทึกเรื่องราวดี ๆ ที่บังเอิญอ่านเจอ
    โดยคุณ รุ่งรัตน์ ธนบดีธาดา

    [​IMG]

    หมาขี้เรื้อน

    ลูกชายนักธุรกิจใหญ่มีชื่อเสียงระดับประเทศคนหนึ่ง เพิ่งสำเร็จการศึกษากลับมาจากเมืองนอก ยังไม่ทันทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน ก็ถูกผู้เป็นแม่ขอร้องให้บวชเรียนเสียก่อน เพื่อเห็นแก่แม่..บัณฑิตใหม่หมาดๆจากเมืองนอก จึงบวชอย่างเสียไม่ได้ เมื่อบวชที่วัดใหญ่ในกรุงเทพฯแห่งหนึ่งเสร็จแล้ว ผู้เป็นแม่จึงพาไปฝากให้จำพรรษาอยู่กับพระวิปัสสนาจารย์รูปหนึ่ง ที่วัดป่าแถวภาคอีสาน

    พระหนุ่มการศึกษาสูงมาจากตระกูลผู้ดี มีแต่ความสุขสบาย เมื่อมาอยู่วัดป่ากว่าจะปรับตัวได้จึงใช้เวลานานเป็นแรมเดือน แต่ก็นั่นแหละกว่าจะนิ่งก็ทำเอาพระร่วมวัดหลายรูป พลอยอิดหนาระอาใจไปตามๆ กันปัญหาที่ทำให้พระทั้งวัดเหนื่อยหน่ายจนนึกระอา ก็เพราะพระใหม่มีนิสัยชอบจับผิด และชอบอวดรู้ยกหู ชูหางตัวเองอยู่เป็นประจำ

    วันแรกที่มาอยู่วัดป่าก็นึกเหยียดพระเจ้าถิ่นทั้งหลายว่า ไม่ได้รับการศึกษาสูงเหมือนอย่างตน ออกบิณฑบาตได้อาหารท้องถิ่นมา ก็ทำท่าว่าจะฉันไม่ลง เห็นที่วัดใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดแทนไฟฟ้า ก็วิพากษ์วิจารณ์เสียเป็นการใหญ่ หาว่าล้าสมัยไม่รู้จักใช้เทคโนโลยี่ ตอนหัวค่ำมีการทำวัตรสวดมนต์เย็นก็บ่นว่าท่านรองเจ้าอาวาส ทำวัตรนานเหลือเกินกว่าจะสิ้นสุดยุติได้ ก็นั่งจนขาเป็นเหน็บชา

    ครั้นพอถึงเวรตัวเองล้างห้องน้ำเข้าบ้าง ก็ทำท่าจะล้างอย่างขอไปที ล้างไปบ่นไป ประเภทตูจบปริญญาโท มาจากเมืองนอกต้องมาเข้าเวรล้างห้องน้ำร่วมกับใครก็ไม่รู้ โอ้ชีวิต! ความสำรวยหยิบโหย่งทำให้พระใหม่ไม่พอใจสิ่งนั้นสิ่งนี้ ถือดีว่าตัวเองมีชาติตระกูลสูง มีการศึกษาสูงกว่าใครในวัดนั้น ผิวพรรณก็ดูสะอาดสะอ้านชวนเจริญศรัทธากว่าพระรูปไหนทั้งหมด มองตัวเองเปรียบกับพระรูปอื่นแล้วช่างรู้สึกว่าตัวเองเหนือกว่าทุกประตู

    นึกแล้วก็ยิ้มกระหยิ่มอยู่ในใจ กลับเข้ากุฏิเมื่อไหร่ก็เอาปากกามาขีดเครื่องหมายกากบาทบนปฏิทิน นับถอยหลังรอวันสึกด้วยใจจดจ่อ อยู่มาได้พักใหญ่พระใหม่อดีตนักเรียนนอกก็สังเกตเห็นว่า ท่านเจ้าอาวาสวัดป่าแห่งนี้ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ซ้ำนานๆครั้งจะออกมาให้โอวาทกับลูกศิษย์เสียทีหนึ่ง วันๆ ไม่เห็นท่านทำอะไรเอาแต่กวาดใบไม้ เก็บขยะ ซักผ้าเอง (เณรน้อยก็มีไม่รู้จักใช้) สอนก็ไม่สอน การบริหารวัดก็มอบให้ท่านรองเจ้าอาวาส เป็นคนจัดการไปเสียทุกอย่าง

    เห็นแล้ว เลยนึกร้อนวิชาเสนอให้ปรับโน่นลดนี่สารพัด ที่ตัวเองเห็นว่าไม่เข้าท่าล้าสมัย รวมทั้งให้เสนอให้วัดใช้ไฟฟ้าแทนตะเกียงด้วยอีกข้อหนึ่ง เพราะตนเห็นว่ายุคสมัยก้าวไกลมามากแล้ว ไม่ควรจะทำตนเป็นคนหลังเขา ให้คนอื่นเขาดูถูก อีกหนึ่งในข้อวิจารณ์จุดด้อยของวัดทั้งหลายเหล่านั้น พระใหม่เสนอให้ หลวงพ่อเจ้าอาวาสมีปฏิสัมพันธ์กับพระลูกวัดให้มากขึ้นกว่านี้ สอนให้มากขึ้นเทศน์ให้มากขึ้น และแนะนำว่าคนระดับผู้บริหาร ไม่ควรจะทำงานอย่างการซักจีวรเองเป็นต้นด้วย ตนเองควรจะกระจาย อำนาจมอบงานให้คนอื่นทำดีกว่า

    เย็นวันนั้นเป็นวันพระสิบห้าค่ำ หลวงพ่อเจ้าอาวาสมานั่งทำวัตรที่โบสถ์ธรรมชาติกลางลานทราย ด้วยท่านไม่ลืมที่จะหยิบข้อเสนอแนะจากพระใหม่มาอ่าน ให้พระหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลายฟัง แต่ท่านไม่บอกว่าพระรูปไหนเป็นคนเขียน อ่านจบแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มอย่างมีเมตตา พลางหยิบไมโครโฟนขึ้นมา แล้วชี้ให้ภิกษุหนุ่มสามเณรน้อยทั้งหลาย ดูหมาขี้เรื้อนตัวหนึ่งที่นอนอยู่ใต้ม้าหินอ่อนตัวหนึ่ง จากใต้ต้นอโศกที่อยู่ใกล้ๆ เธอทั้งหลายเห็นหมาขี้เรือนตัวนั้นหรือไม่

    เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันเป็นขี้เรื้อน คันไปทั้งตัว ฉันเห็นมันวิ่งวุ่นไปมาทั้งวัน เดี๋ยวก็วิ่งไปนอนตรงนั้น เดี๋ยวก็ย้ายมานอนตรงนี้ อยู่ที่ไหนก็อยู่ไม่ได้นานเพราะมันคัน แต่พวกเธอรู้ไหม เจ้าหมาตัวนั้นน่ะมันไปนอนที่ไหน มันก็นึกด่าสถานที่นั้นอยู่ในใจ หาว่าแต่ละที่ไม่ได้ดั่งใจตัวเองสักอย่าง นอนที่ไหนก็ไม่หายคัน สถานที่เหล่านั้นช่างสกปรกสิ้นดี คิดอย่างนี้แล้วมันจึงวิ่งหาที่ที่ตัวเองนอนแล้วจะไม่คัน แต่หาเท่าไหร่มันก็หาไม่พบสักที เลยต้องวิ่งไปทางนี้ทางโน้นอยู่ทั้งวัน

    เจ้าหมาโง่ตัวนั้นมันหารู้สักนิดไม่ว่า เจ้าสาเหตุแห่งอาการคันนั้นหาใช่เกิดจากสถานที่เหล่านั้นแต่อย่างใดไม่ แต่สาเหตุแห่งอาการคันอยู่ที่โรคของตัวมันเองนั่นต่างหาก

    พูดจบแล้วหลวงพ่อก็วางไมโครโฟนลง เป็นสัญญาณให้รู้ว่าได้เวลาภาวนาหลังการทำวัตร สวดมนต์เย็น แล้วขณะที่ทุกรูปนั่งหลับตาภาวนาอย่างสงบนั้น ในใจของพระใหม่กลับร้อนเร่าผิดปกติ นอกสงบแต่ในวุ่นวาย นึกอย่างไรก็มองเห็นตัวเองไม่ต่างไปจากหมาขี้เรื้อนที่หลวงพ่อชี้ให้ดู ยิ่งนั่งสมาธินานๆ ยิ่งคันคะเยอในหัวใจ ทั้งอายทั้งสมเพชตัวเอง

    นับแต่วันนั้นเป็นต้นมาพระใหม่ อดีตนักเรียนนอกก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากคนพูดมากกลายเป็นคนพูดน้อย จากคนที่หยิ่งยโสกลายเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน จากคนที่ชอบจับผิดคนอื่น กลายเป็นคนที่หันมาจับผิดตัวเอง เมื่อออกพรรษาแล้ว โยมแม่มาขอให้ลาสิกขาเพื่อกลับไปสืบต่อธุรกิจจากครอบครัว ท่านก็ยังไม่ยอมสึก

    "อาตมาเป็นหมาขี้เรื้อน ขออยู่รักษาโรคจนกว่าจะหายคัน กับครูบาอาจารย์ที่นี่อีกสักหนึ่งพรรษา"

    โยมแม่ได้ฟังแล้วก็ได้แต่ยกมืออนุโมทนาสาธุการ กราบลาพระลูกชาย แล้วก็เดินออกจากวัดไปขึ้นรถ พลางนึกถามตัวเองอยู่ในใจว่าคำว่าหมาขี้เรื้อน ของพระลูกชาย หมายความว่าอย่างไรกันแน่หนอ

    -------------------------------------------------------------------​

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • dogs024.jpg
      dogs024.jpg
      ขนาดไฟล์:
      41.9 KB
      เปิดดู:
      4,509
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 พฤศจิกายน 2008
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ประชาชนหลายหมื่นคนอพยพหนีน้ำท่วมในกรุงฮานอย

    [​IMG]

    ฮานอย 5 พ.ย.-ประชาชนกว่า 40,000 คนอพยพออกจากพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในกรุงฮานอย ของเวียดนามในวันนี้ ขณะที่ประชาชนที่ยังอาศัยอยู่ต้องเผชิญกับปัญหาขยะที่ลอยมากับน้ำ

    ทางการกรุงฮานอยได้อพยพครอบครัวกว่า 10,300 ครอบครัวออกจากบ้านเรือน และขอให้กองทัพเตรียมพร้อมช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมครั้งร้ายแรงที่สุด ในกรุงฮานอยในรอบกว่า 20 ปี รายงานระบุว่า น้ำที่ไหลทะลักมาจากตอนใต้ของจีน ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำหลายสายในภาคเหนือของเวียดนามเพิ่มสูงขึ้นถึงระดับสูงสุด ส่งผลให้สถานการณ์เลวร้ายลง ยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมครั้งใหญ่ในเวียดนามเพิ่มขึ้นเป็น 127 คนแล้ว ในจำนวนนี้ 93 คนอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือและตอนกลางของประเทศ โดยที่กรุงฮานอย มีผู้เสียชีวิตถึง 22 คน

    [​IMG]

    อย่างไรก็ตาม คาดว่า กรุงฮานอยจะยังคงมีฝนตกลงมาอีกในราวปลายสัปดาห์นี้ กระทรวงสาธารณสุขเวียดนามได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่การแพทย์ในพื้นที่ประสบภัย เตรียมพร้อมรับมือการระบาดของอหิวาตกโรค หรือไข้เลือดออก ขณะที่ประชาชนทั้งในกรุงฮานอยและ 17 จังหวัดประสบปัญหาขาดแคลนน้ำดื่มสะอาด อาหาร และไฟฟ้า.-สำนักข่าวไทย

    2008-11-05 19:00:07

    ที่มา http://news.mcot.net/international/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2008
  8. บัวรองพุทธบาท

    บัวรองพุทธบาท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    194
    ค่าพลัง:
    +745
    อ้างอิงจากข้อความนี้ครับ http://palungjit.org/showpost.php?p=1638250&postcount=13132 ขออนุโมทนา กับสิ่งที่พี่เกษมนำมาให้เป็นข้อคิดยิ่งครับ จริงแท้ แม้เทคโนโลยีจะดีเพียงใด ก็มีวันที่จะย่อยยับไปได้เช่นกัน ความถือตนเป็นโทษ แต่โทษนั้นอยู่แต่ผู้ถือ เข้าถือ ยึดถือแต่ฝ่ายเดียว หากทิ้งสิ่งที่ถือนั้นแล้ว ก็หมดคำว่าหนักสิ้นเชิง

    สาธุ สาธุ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2008
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    จันทบุรีน้ำป่าหลากท่วมจุดผ่านแดนโป่งน้ำร้อน

    [​IMG]

    จันทบุรี 5 พ.ย.- สถานการณ์น้ำป่าที่ไหลหลากอย่างรวดเร็วลงสู่คลองด่าน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ซึ่งเป็นคลองกั้นเขตแดนไทย-กัมพูชา เกิดเอ่อล้นท่วมทางเข้า-ออกจุดผ่านแดนบ้านแหลม ม.4 ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน ช่วงสายวันนี้ (5 พ.ย.)

    ส่งผลให้รถยนต์ทุกชนิดไม่สามารถผ่านเข้า-ออกได้ ทางเจ้าหน้าที่ต้องนำอิฐบล็อกและไม้มาทำเป็นสะพานเดินชั่วคราว การค้าขายของชาวไทยและกัมพูชาไม่สะดวก เพราะรถต้องใช้เข็นคันเล็กแทนรถยนต์ ส่วนน้ำป่าดังกล่าวไหลมาจากเขาพนมปรึก ฝั่งกัมพูชา ประกอบกับในพื้นที่จันทบุรีฝนตกอย่างต่อเนื่องมาตลอดกว่าสัปดาห์ ทำให้คลองด่านรับน้ำเกินพิกัด.-สำนักข่าวไทย

    2008-11-05 16:28:18

    ที่ว่าการ อ.ป่าโมกเสี่ยงท่วม-น้ำเจ้าพระยาเกือบถึงจุดวิกฤติ

    [​IMG]

    อ่างทอง 5 พ.ย.- ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.อ่างทอง ว่า ล่าสุด (5 พ.ย.) แม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยยังคงล้นตลิ่งท่วมพื้นที่ริมฝั่งสูงขึ้น เช่น ต.บ้านแห อ.เมือง บางจุดสูงกว่า 2 เมตร ชาวบ้านต้องใช้เรือสัญจรแทนรถ และพบว่านางมณี ศรีสุข อายุ 62 ปี ชาวบ้านหมู่ 4 ต.บ้านแห ซึ่งป่วยเป็นอัมพาตขาสองข้างเดินไม่ได้ นั่งร้องไห้รอญาติมาช่วยขนย้ายทรัพย์สินหนีน้ำ เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยาเอ่อเข้าท่วมบ้านชั้นล่างทั้งหมด เกรงว่าจะหนีไม่ทันหากน้ำจะขึ้นสูงถึงชั้นบน ซึ่งขณะนี้นางมณีถูกส่งไปพักกับบ้านญาติใกล้เคียงเรียบร้อยแล้ว

    ทางด้านอำเภอป่าโมกเรียกประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากแม่น้ำเจ้าพระยาขึ้นสูงมากอยู่ที่ 7 เมตร เกือบถึงจุดที่ 7.50 เมตร ซึ่งอำเภอป่าโมกมีพื้นที่น้ำท่วมแล้ว 3 ตำบล นอกจากนี้ วิทยาลัยการอาชีพวิเศษชัยชาญส่งนักศึกษามาช่วยกรอกทรายใส่กระสอบ เพื่อทำแนวกั้นน้ำบริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอป่าโมก เพราะหากเขื่อนชัยนาทยังปล่อยน้ำเพิ่มขึ้น คันกั้นน้ำที่มีอยู่อาจไม่สามารถกั้นน้ำได้.-สำนักข่าวไทย

    2008-11-05 16:00:23

    ชาวบ้านป่าโมกนอนถนนหนีน้ำท่วม

    [​IMG]

    อ่างทอง 6 พ.ย. - ชาวอำเภอป่าโมก จ.อ่างทอง ต้องอพยพมานอนริมถนน หลังบ้านถูกน้ำท่วม และยังต้องเสี่ยงกับอันตรายจากรถบรรทุกที่วิ่งผ่าน

    ชาวบ้านตำบลโผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง จำนวนกว่า 50 ครอบครัว ต้องออกจากบ้านซึ่งถูกน้ำท่วมมานอนบนถนนสายป่าโมก-บางบาล โดยกางเต็นท์เป็นที่พักอาศัย และบางครอบครัวต้องนอนเฝ้าวัว ควาย ที่นำออกมาไว้ริมถนน

    นายทองคำ พิศโยยงค์ อายุ 35 ปี บอกว่า บ้านถูกน้ำท่วมจึงได้ยกครอบครัวจำนวน 5 ชีวิต มานอนอยู่ริมถนน และเป็นห่วงครอบครัวมาก คือ อันตรายจากรถบรรทุกที่วิ่งผ่าน เช่นเดียวกับอีกหลายครอบครัวที่นอกจากบ้านเรือนจะถูกน้ำท่วมแล้ว ยังต้องระวังรถยนต์ เนื่องจากเกรงว่าจะถูกลักขโมย หน่วยงานในพื้นที่จึงเตรียมประสานให้ตำรวจมาช่วยแก้ปัญหารถบรรทุกสิบล้อวิ่งเร็ว และดูแลทรัพย์สินของชาวบ้าน. -สำนักข่าวไทย

    2008-11-06 02:03:59

    ปศุสัตว์สองแควพบสาเหตุโคตายเป็นโรคแบลคเลก

    [​IMG]

    พิษณุโลก 5 พ.ย.- นายเมธี เกตุอดิศร ปศุสัตว์จังหวัดพิษณุโลก เปิดเผยว่า สำนักงานปศุสัตว์ อ.ชาติตระการ และ อ.นครไทย รายงานการตรวจพิสูจน์โรคของโคตายไม่ทราบสาเหตุช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และพบว่าโคเป็นโรคแบลคเลก ซึ่งเกิดขึ้นจากเชื้อแบคทีเรียฝังอยู่ใต้พื้นดิน

    โดยโรคนี้จะพบเฉพาะช่วงฤดูฝน ฤดูหนาว และพบในพื้นที่ภูเขามากกว่าที่อื่น เนื่องจากการเลี้ยงส่วนใหญ่เป็นแบบปล่อยให้หากินเองตามป่าหรือบนพื้นที่สูง ซึ่งไม่ได้รับการดูแลที่ดี ไม่มีการทำความสะอาดแหล่งที่อยู่ของโคให้สะอาด เป็นเหตุให้โคติดเชื้อแบลคเลกได้ง่าย สำหรับโรคแบลคเลกมักเกิดขึ้นกับโคอายุระหว่าง 6-24 เดือน

    โดยโคจะมีอาการซึม เดินขากะเผลก มีไข้สูงประมาณ 105 -107 องศา และจะหยุดเคี้ยวเอื้อง หายใจเร็วกว่าปกติ หากสังเกตจะเห็นรอยบวมที่โคนขาหลัง สะโพก คอหรือลิ้น ไหล่ และหน้าอก ซึ่งกดไปที่แผลจะพบว่ามีเสียงดังคล้ายฟองอากาศอยู่ด้านใน จากนั้นโคจะตายภายใน 12-24 ชั่วโมง อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นได้แนะนำชาวบ้านไม่ให้นำโคเข้าไปเลี้ยงในพื้นที่ป่าเขา เพราะมีความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ.-สำนักข่าวไทย

    2008-11-05 18:59:43

    เตรียมจัดงานรำลึก 4 ปีสึนามิ ทั่วเกาะภูเก็ต

    [​IMG]

    ภูเก็ต 4 พ.ย.- นายสมิทธิ์ ปาลวัฒน์วิไชย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวระหว่างการประชุมคณะกรรมการจัดกิจกรรมวันป้องกันอุบัติเหตุแห่งชาติ ในวาระครบรอบ 4 ปี เหตุการณ์ธรณีพิบัติสึนามิ ปี 2551 ว่า การจัดงานจะมุ่งเน้นการประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับภัยพิบัติ เพื่อให้ประชาชนตระหนักถึงและรู้จักวิธีป้องกันตัวขณะเผชิญเหตุ ซึ่งในปีนี้จังหวัดภูเก็ตร่วมกับองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นและภาคเอกชน จัดกิจกรรมวันป้องกันอุบัติภัยแห่งชาติ ในวาระครบรอบ 4 ปี สึนามิ ขึ้นในวันที่ 26 ธันวาคมนี้

    โดยเทศบาลเมืองป่าตองจัดกิจกรรมรำลึกสึนามิ บริเวณสวนสาธารณโลมา หาดป่าตอง, ตำบลกมลา จัดกิจกรรมพิธีทางศาสนาและพิธีรำลึก ที่อนุสรณ์สถานชาวญี่ปุ่นหน้าหาดกมลา และตำบลไม้ขาว จัดกิจกรรมวางพวงมาลารำลึก 46 ประเทศ ณ สุสานไม้ขาว

    ส่วนช่วงค่ำจะมีการจัด ไลท์ อัพ ภูเก็ต ( Light up phuket) ซึ่งจะมีการจุดเทียนตลอดแนวชายหาดป่าตอง ประมาณ 3 กิโลเมตร และยังจะมีกิจกรรมวาดภาพและเล่าเรื่องจากผู้ประสบภัยสึนามิด้วย นอกจากนี้ ในวันที่ 24-25 ธันวาคม จะมีการซ้อมแผนการอพยพเคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยสึนามิในพื้นที่ขึ้นอีกด้วย.-สำนักข่าวไทย

    2008-11-04 17:44:02

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  10. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** โลกุตตระธรรมอยู่รอบๆตัวเรา ****

    โลกุตตระ ... ปรากฏเป็นธรรมที่หมาขี้เรื้อน
    เจ้าอาวาส .... ดวงตามองเห็นสัจจะธรรม
    นำมาเป็นธรรม...สอนตนเอง และ เมตตาโปรดผู้อื่น

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  11. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,671
    ค่าพลัง:
    +51,946
    *** ปัญญาเรื่องน้ำ ****

    น้ำ...มาจากไหนได้บ้าง !!!!
    จาก ใต้ดิน ใต้พื้นดิน ใต้โลก
    จาก ในท้องฟ้า ในอากาศ เมฆ หิมะ ฝน
    จาก บนดิน บนยอดเขา ไหล่เขา ลำธาร แม่น้ำ ทะเลสาป
    จาก ในทะเล มหาสมุทร
    จาก นอกโลก ทางช้างเผือก แหล่งน้ำในจักรวาล

    ภัยจากน้ำ ของประเทศ
    ต้องดูภาพรวม ดูที่มา ดูต้นกำเนิด
    ดูแต่ในบ้าน จักมองไม่เห็นภัย
    เพราะ ภัยมาจากนอกบ้านก็มาก
    ถ้า ปริมาณน้ำน้อย แรงน้อย ท่วมน้อย
    ถ้า ปริมาณน้ำมาก แรงมาก ท่วมมาก ท่วมนาน
    ดูว่า น้ำจากไหน จะท่วมถาวร
    จึงต้อง มีแผนรองรับ ที่ทันกาล

    ประเภทของภัยน้ำ
    ภัยน้ำ จากในประเทศ
    ภัยน้ำ จากนอกประเทศ
    ภัยน้ำ จากทะเล

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  12. ตั้มศรีวิชัย

    ตั้มศรีวิชัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    597
    ค่าพลัง:
    +1,847
    ย่อมเป็นไปตามกรรม ขอบคุณครับที่นำมาให้อ่านกัน
     
  13. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,348
    ค่าพลัง:
    +3,864
    Green Energy


    กูเกิลทุ่มกว่า 4 ล้านล้านดอลล์ ลงทุนพลังงานสะอาดในสหรัฐ

    <table align="left" bgcolor="#ffffff" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="difcursor" align="center" valign="top"> [​IMG]</td></tr></tbody></table>












    ซานฟรานซิสโก
    - กูเกิลเปิดตัวแผนพลังงานระดับชาติฉบับใหม่มูลค่ากว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ เพื่อลงทุนในเทคโนโลยีพลังงานสีเขียว อวดสามารถทำให้สหรัฐเลิกใช้น้ำมันได้ภายใน 22 ปีข้างหน้า

    กรุงเทพ ธุรกิจออนไลน์ : กูเกิล อิงค์ ผู้ให้บริการเว็บไซต์สืบค้นข้อมูลรายใหญ่ของโลก ประกาศแผนพลังงานระดับชาติฉบับใหม่ รวมถึงการเลิกใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิล ภายในปี 2573 โดยคาดว่า แผนการมูลค่า 4.4 ล้านล้านดอลลาร์ ที่กูเกิลดอทโออาร์จี หน่วยงานเพื่อการกุศลในเครือกูเกิล เป็นผู้พัฒนา จะช่วยให้สหรัฐสามารถประหยัดเงินถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ตลอดระยะเวลา 22 ปี จากนี้

    นายเจฟฟรีย์ กรีนแบลต ผู้จัดการฝ่ายเทคโนโลยีพลังงาน และสภาอากาศ ของกูเกิล ดอท โออาร์จี เปิดเผยแผน "พลังงานสะอาด 2030" ผ่านทางอินเทอร์เน็ต ซึ่งแผนนี้ รวมถึงการเลิกผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินหรือน้ำมันภายในปี 2573 และหันไปพึ่งพาพลังงานลม นิวเคลียร์ และแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพ

    นอกจากนี้ ยังรวมถึงการให้รถยนต์ลดการใช้น้ำมันลง 40% และการลงทุนมหาศาล เพื่อเพิ่มกำลังการส่งพลังงานลมและแสงอาทิตย์ ในเขตที่ราบขนาดใหญ่ของสหรัฐ และทะเลทรายในเขตตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ เพื่อลดการใช้เชื้อเพลิงจากฟอสซิลให้ได้ 88% และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 95% ภายในปี 2573

    กูเกิลยังเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนไปใช้ก๊าซธรรมชาติและพลังงานหมุนเวียนใน การผลิตไฟฟ้า แทนการใช้ถ่านหินและน้ำมัน โดยรวมถึงพลังงานลม 380 กิกะวัตต์ พลังงานแสงอาทิตย์ 250 กิกะวัตต์ และพลังงานความร้อนใต้พิภพ 80 กิกะวัตต์ แผนดังกล่าว ยังรวมถึง มาตรการประหยัดพลังงาน ที่จะช่วยลดการใช้พลังงาน 33% การกระตุ้นยอดขายรถยนต์ลูกผสมน้ำมัน-ไฟฟ้า (ไฮบริด) ให้ได้ 90% จากยอดขายรถยนต์ใหม่ในปี 2573

    "ในช่วงที่สหรัฐเปลี่ยนคณะบริหารประเทศชุดใหม่ และความจำเป็นด้านพลังงาน เวลานี้ ถือเป็นเวลาที่เหมาะสม ในการเดินหน้าปฏิบัติตามแผนการนี้ ซึ่งกูเกิลมองเห็นโอกาสดี สำหรับสหรัฐในการเผชิญหน้ากับความท้าทายด้านพลังงาน โดยในการดำเนินการตามแผนนี้ บริษัทจะสามารถกระตุ้นการลงทุน สร้างตำแหน่งงานใหม่ มอบอำนาจแก่ผู้บริโภค และช่วยแก้ปัญหาโลกร้อนได้"
    นายกรีนแบลต กล่าว
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2008
  14. kowmoo

    kowmoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,896
    เมื่อคืนฝันว่าจะไปพระราม6(ไปทำไมก็ไม่รู้)และนั่งรถเมล์ผ่านตรงสะพานควาย(ของจริงคนละทางเลย)เห็นพายุงวงช้างใหญ่มาก(สงสัยเมื่อวานอ่านหนังสือพิมพ์เดลินิวส์เรื่องนาคเล่นน้ำที่นครสวรรค์มากไปอะจ๊ะ ไม่มีอะไร
     
  15. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,348
    ค่าพลัง:
    +3,864
    Green Energy


    โรงไฟฟ้าพลังงานร่วมลดภาระดีเซล 70% นำร่องใช้กับโรงสี เน้นชุมชนพึ่งพาตัวเอง <table align="left" bgcolor="#ffffff" border="0" cellpadding="0" cellspacing="0"><tbody><tr><td class="difcursor" align="center" valign="top"> [​IMG]</td></tr></tbody></table>

    ทีมวิจัยมหาวิทยาลัยเกษตร สร้างเครื่องต้นแบบผลิตไฟฟ้าพลังงานชีวมวลร่วมกับเชื้อเพลิง ช่วยลดต้นทุนดีเซลได้ถึง 70% ลงทุน 3.9 ล้านบาท ภายใน 7 ปีคืนทุน เหมาะเป็นโรงไฟฟ้าชุมชนขนาดเล็กที่มีแหล่งวัตถุดิบพร้อมกรุงเทพ ธุรกิจออนไลน์ : นายไชยยศ สิริเพาประดิษฐ์ วิศวกรเครื่องกล ศูนย์วิศวกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (มก.) เริ่มทดสอบเครื่องต้นแบบเมื่อสองปีที่แล้ว โดยใช้เชื้อเพลิงชีวมวลจากแกลบเป็นเชื้อเพลิงร่วมกับน้ำมันดีเซลผลิตไฟฟ้า ให้แก่โรงสีชุมชนสหกรณ์การเกษตรลำลูกกา เพื่อแก้ปัญหาต้นทุนการผลิตไฟฟ้าจากราคาเชื้อเพลิงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อ เนื่อง

    ทีมวิจัยพบว่า เชื้อเพลิงชีวมวลจากแกลบสามารถทดแทนเชื้อเพลิงดีเซลได้ถึง 70% และไม่ก่อให้เกิดมลพิษในอากาศ และยังเหมาะที่จะนำไปพัฒนาระบบให้ใช้เชื้อเพลิงจากแกลบเพียงอย่างเดียว เพื่อลดการพึ่งพาน้ำมันดีเซลจากต่างประเทศ ก๊าซชีวมวลจากการเผาแกลบ ประกอบด้วย ก๊าซไฮโดรเจน คาร์บอนมอนอกไซด์ ก๊าซมีเทน เมื่อต่อเข้ากับระบบสันดาปเครื่องยนต์ร่วมกับน้ำมันเบนซิน ช่วยลดปริมาณดีเซลได้เป็นจำนวนมาก จากการประเมินประสิทธิภาพ พบว่า แกลบที่ผ่านกระบวนการไล่ความชื้น น้ำมันดิน และ ก๊าซ และนำเข้าเตาเผาแบบควบคุมจำกัดอากาศด้วยความร้อน 800-1,000 องศาเซลเซียส หากป้อนแกลบปริมาณ 85 กิโลกรัมต่อชั่วโมง สามารถผลิตกระแสไฟฟ้า 80 กิโลวัตต์ โรงงานไฟฟ้าจากพลังงานแกลบต้นแบบ ใช้ต้นทุนในการก่อสร้างประมาณ 3.9 ล้านบาท ใช้เวลา 7 ปีคืนทุน เหมาะสำหรับชุมชนขนาด 200 ครัวเรือน ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล ที่มีวัตถุดิบแกลบและฟางข้าวอยู่มาก โดยถูกกว่าเทคโนโลยีของญี่ปุ่นและยุโรปที่มีราคาอยู่ที่ 10-12 ล้านบาท

    “ขณะนี้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ยูนิตละ 5 บาท ยังสูงกว่าไฟฟ้าที่ซื้อจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตที่ขายอยู่หน่วยละ 3 บาท แต่ในอนาคตเทคโนโลยีนี้จะเป็นทางเลือกหนึ่งที่ช่วยแก้ปัญหาพลังงานขาดแคลน และชุมชนที่มีวัตถุดิบเหลือทิ้งจำนวนมาก” นักวิจัย หวัง นายไชยยศ กล่าวถึงแผนขั้นต่อไป คือ ต่อยอดโครงการวิจัยฯ โดยเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 400 กิโลวัตต์ เพื่อชุมชนขนาด 500 ครัวเรือน โดยเชื้อเพลิงจากแกลบและฟางข้าวร้อยเปอร์เซ็นต์ ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบโครงสร้างโรงงาน จากนั้นจะเลือกสถานที่ติดตั้งต่อไป คาดว่าปีหน้าจะสามารถก่อสร้างและพร้อมเดินเครื่องทดลอง

    ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานได้มอบทุนวิจัย จำนวน 20 ล้านบาท ให้แก่ทีมวิจัยศูนย์วิศวกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อต่อยอดระบบผลิตพลังงานชีวมวลระดับชุมชนกำลังผลิต 80 กิโลวัตต์ เพิ่มเป็น 400 กิโลวัตต์ ระบบผลิตพลังงานจากชีวมวลระดับชุมชน เป็นโครงการที่ได้รับทุนสนับสนุนการวิจัยจากกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและ อนุรักษ์พลังงาน โดยทีมวิจัย มก. ร่วมกับบริษัท เกรท อะโกร จำกัด พัฒนาระบบและพร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีให้แก่ชุมชนและผู้ประกอบการที่สนใจ
     
  16. Forever In LoVE

    Forever In LoVE เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    1,348
    ค่าพลัง:
    +3,864
    [​IMG]


    หลังพบภัยพิบัติ

    ที่ภูเขาแห่งหนึ่งมีชายตัดฟืนคนหนึ่ง ได้สร้างบ้านด้วยตัวเองอย่างยากลำบาก
    ที่สุดก็ได้บ้านที่พอคุ้มลมและฝนได้หลังหนึ่ง

    วันหนึ่งเขาหาบฟืนไปส่งขายในเมือง ขณะเมื่อเขากลับบ้านในช่วงเย็น
    ก็เห็นไฟกำลังลุกไหม้บ้านของเขาอยู่ ชาวบ้านใกล้เรือนเคียงต่างก็เข้ามา
    ช่วยกันดับไฟ แต่เนื่องจากเป็นช่วงเวลาเย็น ลมจึงโหมแรงกว่าปกติ
    ดังนั้นจึงยากที่จะดับไฟที่ลุกโชนลงได้ จึงได้แต่ยืนมองอยู่ข้างๆ
    ปล่อยให้ไฟลุกไหม้จนหมดทั้งหลังต่อหน้าต่อตา

    เมื่อไฟดับมอดลงแล้ว ก็เห็นชายตัดฟืนนั้น ถือกระบองไม้เข้าไป
    ในซากบ้านนั้นแล้วคุ้ยหาสิ่งของอยู่ บรรดาคนที่มามุงดู นึกว่าเขา
    คงจะคุ้ยหาสิ่งมีค่าที่แอบซ่อนไว้ จึงยืนมองดูการกระทำของเขา
    ด้วยความแปลกใจ

    ผ่านไปเพียงชั่วครู่ ชายตัดฟืนคนนั้นร้องออกมาอย่างดีใจว่า
    “ข้าหาเจอแล้ว ข้าหาเจอแล้ว” เพื่อนบ้านทั้งหลายจึงเข้าไปดู
    ที่แท้สิ่งที่อยู่ในมือนั้นคือขวานนั่นเอง ไม่ได้เป็นของมีค่าแต่อย่างใด
    ชายตัดฟืนนั้นเอาด้ามไม้เสียบลงไปในหัวขวาน แล้วพูดอย่างเชื่อมั่นว่า
    “ขอเพียงมีขวานเล่มนี้ ข้าก็จะสามารถสร้างบ้านที่แข็งแรง
    และทนทานได้มากกว่านี้”

    คนที่ประสบความสำเร็จ ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยประสบความล้มเหลวมาก่อน
    แต่เมื่อหลังจากผ่านความล้มเหลวแล้ว
    ยังสามารถดิ้นรนขวนขวายเข้าไปหาหนทางแห่งความสำเร็จได้
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ACT OF GOD
    การลงโทษจากพระเจ้า?

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    มองเห็นและเรียนรู้อะไร จาก "อุทกภัย" ที่เกิดขึ้น

    ภาพของฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก น้ำฝนบวกน้ำป่าที่ไหลลงมากัดเซาะผืนดิน จนทำให้ดินโคลนพังทลายลงมา ทับบ้านเรือนพื้นที่อยู่อาศัย และพื้นที่ทำมาหากินของผู้คนในจังหวัดอุตรดิตถ์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตและสร้างความเสียหายอย่างมากมาย ภาพข่าวน้ำจากแม่น้ำปิงเอ่อล้นเข้าท่วมจังหวัดเชียงใหม่บ่อยครั้ง และกระแสน้ำป่าที่มากและไหลแรง ที่ทำให้ดินถล่มที่อำเภอฝางที่หอบเอาดิน โคลน น้ำและต้นไม้ขนาดใหญ่ที่หักโค่นลงมา แล้วไหลลงไปทับบ้านเรือนมากมายของผู้คน ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต สูญหายและสร้างความเสียหายอย่างหนัก

    เช่นเดียวกับภาพของน้ำที่ไหลแรง อย่างเชี่ยวกรากจำนวนมหาศาลที่ไหลเข้าท่วมตัวเมืองอย่างรวดเร็ว ของจังหวัดอ่างทองและจันทบุรี ภาพน้ำท่วมในแทบจะทุกพื้นที่ของประเทศ รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ภาพของน้ำท่วม และน้ำจำนวนมากมายมหาศาลเหล่านั้น ที่ได้เห็นผ่านจอทีวีมันดูราวกับว่าประเทศไทยกำลังจมอยู่ใต้น้ำ มันดูน่ากลัวเช่นเดียวกับเหตุการณ์สึนามิ เพราะดูเหมือนว่ามนุษย์เราจะต้านทานอะไรไม่ได้เลย ทำอะไรไม่ได้เลย มีเพียงกระสอบทรายและเขื่อนและที่กั้นน้ำต่างๆ ก็ดูน้อยนิดมากเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนมหาศาลของน้ำ และแรงเชี่ยวกรากของน้ำ มันจึงแทบจะไม่ช่วยอะไรหรือช่วยอะไรไม่ได้มากเลย กับสิ่งที่ธรรมชาติทำให้เกิดขึ้นหรือราวกับเป็น การลงโทษของธรรมชาติ (act of nature/act of god)

    ผู้เขียนก็มองเห็นและรู้สึกเหมือนกับชาวบ้าน ที่ประสบกับเหตุการณ์ต่างๆ ข้างต้นด้วยตนเอง ที่พูดที่ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวออกมาว่า "ในชั่วชีวิตที่เกิดมายังไม่เคยเห็นเหตุการณ์รุนแรงแบบนี้มาก่อน" หรือ "นี่เป็นเหตุการณ์ครั้งที่ร้ายแรงที่สุดในรอบ 40 ปี หรือ 50 ปี หรือ 60 ปี" ภาพเหตุการณ์น้ำท่วมร้ายแรงเช่นนี้จากน้ำฝน น้ำป่าและน้ำหนุนจากทะเลหรือจากอะไรอื่นๆ เดี๋ยวนี้มันเกิดขึ้นบ่อยมากหรือแทบจะทุกปี

    ไอ้ที่เราเคยรู้สึกดี เราเคยรู้สึกมั่นใจ เราเคยรู้สึกภาคภูมิใจ หรือสิ่งที่เราเห็นเป็นความโชคดีของคนไทย ประเทศไทย หรือที่เราคิดว่าเป็นจุดแข็งมากของประเทศ ก็คือ เราเป็นประเทศที่มีทำเลที่ตั้งของประเทศที่ดี ที่สามารถติดต่อกับโลกภายนอกได้ทุกทาง ไม่อยู่ในรัศมีที่จะต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติร้ายแรงอะไร และอุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ มาถึงวันนี้คงจะไม่กล้าพูด กล้าทระนงตนอย่างนี้อีกแล้ว เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น

    ผลกระทบ ความเสียหายหรือหายนะจากภัยธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นน้ำท่วม ฝนแล้ง แผ่นดินไหว ดินถล่ม ไฟไหม้ป่า ฤดูกาลที่ผิดเพื้ยน อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นและภัยธรรมชาติอื่นๆ ที่เกิดขึ้นจากการขาดหรือการสูญเสียความสมดุลของธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะฝีมือหรือการกระทำของมนุษย์ ที่เกิดขึ้น แน่นอนแม้ว่าไม่ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยเท่านั้น แต่แทบจะทุกส่วนของโลกที่ดูเหมือนจะเกิดขึ้นบ่อย ถี่มากขึ้น และในขนาดรุนแรงมากขึ้น มันมากมันมหาศาลจนเกินกว่าจะคณานับเป็นเงิน ที่ไม่ใช่เงินหรือในเชิงเศรษฐกิจและไม่ใช่เศรษฐกิจ แต่ที่เป็นความสูญเสียเหนืออื่นใดก็คือ การขาดความรู้สึกมั่นคงในชีวิตและการใช้ชีวิตหรือการสูญเสียขวัญ และกำลังใจในการต่อสู้และดำเนินชีวิตของผู้คน (public confidence and morale)

    เพราะดังกล่าวมาถึงวันนี้ดูเหมือนภัยธรรมชาติอะไร (บวกภัยอื่นๆ) ก็เกิดขึ้นได้และไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นอีกเมื่อไหร่ ที่ไหน อย่างไร และขนาดไหน และดูเหมือนมันจะเกินกว่าความสามารถของมนุษย์ (act of man) หรือโดยเฉพาะเกินกว่า ขีดความสามารถของคนทำงาน โดยเฉพาะของคนที่อยู่ในตำแหน่งที่ต้องนำในการบริหารการแก้ไขปัญหา ของประเทศและประชาชน (unmanageable)

    แล้วก็คงจะมีคำถามในใจเกิดขึ้นตามมาว่า แล้วมันเกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วมันเกิดขึ้นจากอะไร ประเทศไทยเปลี่ยนจากประเทศที่ดังกล่าวมา เราเคยภาคภูมิใจ และถือเป็นจุดแข็งของเราว่า เป็นประเทศที่มีทำเลที่ตั้งของประเทศที่ดี และไม่อยู่ในรัศมี ที่ต้องเผชิญกับภัยธรรมชาติร้ายแรงอะไร อุดมสมบูรณ์ด้วยทรัพยากรธรรมชาติ "ในน้ำมีปลาในนามีข้าว" กลายมาเป็นประเทศที่มีภัยธรรมชาติร้ายแรงเกิดขึ้นได้ และทรัพยากรธรรมชาติของประเทศ ก็ร่อยหรอลงทุกวัน ขณะที่ปัญหาความยากจนและความด้อยพัฒนา ความล้าหลังของประเทศและประชาชนก็ยังดำรงอยู่มาก

    แน่นอนมันเป็นผลหรือมีสาเหตุมาจาก การขยายการเจริญเติบโตและพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศกันมาอย่างผิดๆ จนถึงปัจจุบัน ที่เริ่มต้นจากการทำมาหากิน จากความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรธรรมชาติ (natural resources) คือจากการทำมาหากินจากเกษตร การส่งออกสินค้าเกษตรและทรัพยากรธรรมชาติ ไม้สักและไม้อื่น แร่ต่างๆ และสัตว์น้ำ จนพื้นที่ป่าของประเทศลดลงอย่างมากมาย แม้แต่ช้างที่บอกว่าเป็นสัญลักษณ์ของประเทศ ก็ถูกแย่งพื้นที่ถูกรุกราน ต้องถูกนำเข้ามาทำมาหากินบนพื้น บนถนน บนบาทวิถีคอนกรีตอันร้อนในกรุงเทพฯ ที่เป็นสารคดีเผยแพร่ไปทั่วโลก ส่วนแร่ธาตุก็ไม่เหลือแล้ว และความอุดมสมบูรณ์ของสัตว์น้ำ ก็หมดไปมากจากน่านน้ำไทย โดยเราแทบจะไม่ได้สร้างมูลค่าอะไรเพิ่มเติม (value added) ขึ้นมาใหม่โดยอาศัยความรู้และสติปัญญาของมนุษย์ (man-made resources)

    รายได้จากส่วนเกินจากภาคเกษตรสร้างขึ้น แทนที่จะถูกนำกลับมา พัฒนาภาคเกษตรและชนบทให้เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ภาคเกษตรที่เข้มแข็งและได้รับการพัฒนาที่ดีแล้ว เช่นเดียวกับภาคเกษตรของประเทศพัฒนาแล้ว เป็นรากฐาน พื้นฐานสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรมตามมา แต่กลับนำเอาไปลงทุนสร้างโครงสร้างพื้นฐานและการพัฒนาทางกายภาพขนานใหญ่ อย่างไม่เคยหยุดยั้ง เพื่อให้ประเทศเป็นทำเลที่ตั้ง ของอุตสาหกรรมจากต่างประเทศ เป็นแหล่งเข้ามาทำมาหากิน ของชาวต่างประเทศในประเทศไทย และการขายการท่องเที่ยวอย่างถูกๆ

    ตลอดมาของการขยายการเจริญเติบโต และพัฒนาเศรษฐกิจตามแผนพัฒนาฯกว่า 40 ปีมา เป็นการใช้ทรัพยากรธรรมชาติกันอย่างปู้ยี่ปู้ยำ อย่างฟุ่มเฟือย อย่างไร้ประสิทธิภาพ ขาดการตระหนัก ขาดจิตสำนึกของการอนุรักษ์ ขาดการรักษาความสมดุลของทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมดังกล่าว พัฒนากันแต่กายภาพ มีแต่ถนน อิฐ ปูน ซีเมนต์และสิ่งก่อสร้างเต็มไปหมด ซึ่งมันไปกดทำลายจิตวิญญาณของความมีชีวิต ของบ้านเมืองและผู้คนให้ตายไปหมด (spiritually dead) มนุษย์เราทำไปโดยไม่รู้ถึงความจริง ของการที่ต้องมีความสัมพันธ์ที่ถูกต้อง ความสัมพันธ์อันเหมาะสมระหว่างมนุษย์ ธรรมชาติและ สิ่งแวดล้อม จึงเป็นที่มาของหายนะและความทุกข์ยากลำบาก ทั้งหลายเหล่านี้ เพราะฉะนั้นการแก้ไขปัญหาเพื่อความอยู่รอด ของมนุษย์ก็คือการกลับมาฟื้นฟูความสัมพันธ์อันถูกต้อง ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมกันขึ้นใหม่

    และนอกจากนั้นที่บ้านเมืองตกอยู่ในสภาพอะไรขณะนี้ หรือเกิดอะไรปรากฏออกมาให้เห็นกันในขณะนี้ (บางคนสามารถมองเห็นได้) มันเป็นพลังต่างๆ ที่เหนือสิ่งธรรมชาติหรือที่เรามองไม่เห็นด้วยตา สร้างเพื่อสั่งสอนหรือให้บทเรียนคนไทย เพื่อให้เรารู้จักการกลับใจใหม่ การสารภาพบาปหรือกลับมามีสำนึกมีจิตวิญญาณที่ถูกต้องสมกับเป็นมนุษย์กันใหม่ จึงจะเป็นจุดเริ่มต้นของการมองเห็นหนทางอันถูกต้อง และเหมาะสมในการแก้ปัญหาของประเทศไทยทุกปัญหา


    บทความโดยคุณ :ตื่นเถิดชาวไทย วันที่ : 17 พ.ย.49 เวลา 14:20:06

    ที่มา http://www.cablephet.com/board/q_view.php?c_id=3&q_id=2715
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2008
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    กรมอุตุฯ คาดอากาศหนาวยาวถึง ก.พ.ปีหน้า

    [​IMG]

    สำนักข่าวไทย 5 พ.ย.-กรมอุตุนิยมวิทยา คาดฤดูหนาวยาวถึงกุมภาพันธ์ปีหน้า และกรุงเทพฯ จะมีอากาศเย็นตลอดเดือนธันวาคม

    นายสมชาย ใบม่วง ผู้อำนวยการสำนักพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายอากาศในช่วงฤดูหนาวปีนี้ว่า ในปีนี้ตั้งแต่ช่วงกลางเดือน พ.ย.จนถึงกลางเดือน ก.พ.ปี 2552 มีแนวโน้มว่าฤดูหนาวจะยาวนานกว่าปกติ และยังมีโอกาสที่อุณหภูมิจะต่ำกว่าปี 2550 ราว 1-2 องศาเซลเซียส เนื่องจากอิทธิพลของปรากฏการณ์ลานีญาที่จะทำให้อุณหภูมิเย็นลง

    โดยเฉพาะบนยอดดอยในพื้นที่ภาคเหนือจะมีอุณหภูมิต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส จนเกิดปรากฏการณ์น้ำค้างแข็งได้ตั้งแต่กลางเดือน ธ.ค.-ม.ค.52 ขณะที่เขตพื้นที่ กทม. คนกรุงเทพฯ จะมีโอกาสได้สัมผัสอากาศเย็นเป็นระยะ ๆ ตลอดเดือน ธ.ค.เป็นต้นไป เพราะแนวโน้มมวลอากาศเย็นจากจีนจะแผ่ลงมาเป็นระลอก ๆ เหมือนกับช่วงปี 50 ซึ่งทำให้ปีที่แล้วเขต กทม.มีอุณภูมิประมาณ 20 องศาเซลเซียส แต่สำหรับปีนี้ระหว่างเดือน ธ.ค.-ม.ค.จะลดลงถึง 17-18 องศาฯ

    นายสมชาย กล่าวอีกว่า สำหรับการคาดการณ์ฤดูหนาวปีนี้ คาดว่าว่าอากาศจะเย็นกว่าปีก่อนอย่างน้อย 1-2 องศาเซลเซียส โดยเฉพาะพื้นที่ที่อากาศจะหนาวเย็นมาก ได้แก่พื้นที่ เชียงราย ช่วงเดือน ม.ค.52 อุณหภูมิเฉลี่ย 8-10 องศาฯ เชียงใหม่ 10-12 องศาฯ อุดรธานี 9-10 องศาฯ เลย 7-9 องศาฯ อุบลราชธานี 12-14 องศาฯ นครสวรรค์ 13-15 องศาฯ อรัญประเทศ 15-17 องศาฯ ประจวบคีรีขันธ์ 17-19 องศา ส่วน กทม. แถวบางนาที่เคยหนาวสุด ๆ น่าจะมีอุณหภูมิประมาณ 17-19 องศา
    ส่วนฝนที่ตกในระยะนี้มาจากความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนที่แผ่ปกคลุมภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย แต่เมื่อเจออากาศร้อนชื้นแถวภาคกลางทำให้เกิดลักษณะฝนฟ้าคะนอง และถือเป็นฝนแรกของอากาศเย็นที่แผ่เข้ามา ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงของการเปลี่ยนจากฤดูฝนไปสู่ฤดูหนาวนั่นเอง นอกจากนี้ ยังพบว่าร่องความความกดอากาศต่ำที่มีความแรงอยู่ตลอดเวลาทำให้กลุ่มฝนที่อยู่ในแนวร่องขยับลงมา จึงยังมีฝนตกเยอะอยู่ โดยเฉพาะแถวภาคกลาง และภาคตะวันออก.-สำนักข่าวไทย

    2008-11-05 17:59:35

    อุตุฯ เลย คาด ธ.ค. อากาศจะเย็นจัดมีน้ำค้างแข็ง

    [​IMG]

    เลย 6 พ.ย.- นายคำพัน บุตรราช หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยาเลย รายงานสภาพอากาศวันนี้ (6 พ.ย.) ว่า อุณหภูมิต่ำสุดวัดได้ที่พื้นราบ อ.ภูเรือ 19.8 องศาเซลเซียส ต่ำสุดที่อุทยานแห่งชาติภูเรือ อ.ภูเรือ 16 องศาเซลเซียส

    และคาดว่าจะหนาวเย็นจัดในช่วงเดือน ธันวาคม-มกราคม อาจเกิดน้ำค้างแข็งบนยอดภู และหมอกลงจัดในหลายพื้นที่ ขอให้ประชาชนจัดหาเครื่องกันหนาวไว้ให้เพียงพอ เพื่อเพิ่มความอบอุ่นแก่ร่างกาย และตรวจซ่อมอาคารบ้านเรือนให้มั่นคงแข็งแรง เพื่อป้องกันลมหนาวพัดกระโชกแรง รวมทั้งปัญหาอัคคีภัย เนื่องจากอากาศแห้งแล้ง

    -สำนักข่าวไทย 2008-11-06 11:27:55

    ที่มา http://news.mcot.net/local/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2008
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ไฟผลาญ “โกลบอลเฮ้าส์” เชียงใหม่สูญพันล้าน</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>6 พฤศจิกายน 2551 14:01 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    ไฟผลาญ “โกลบอลเฮ้าส์” เชียงใหม่สูญพันล้าน

    ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ -ไฟผลาญห้างยักษ์ค้าวัสดุก่อสร้าง “โกลบอลเฮ้าส์” สาขาเชียงใหม่วอด ประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นกว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนสาเหตุที่แท้จริงยังไม่แน่ชัด เจ้าของยืนยันไม่ทอดทิ้งพนักงานร่วม 300 คน

    เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น.วันนี้(6 พ.ย.51) เกิดเหตุเพลิงไหม้ “โกลบอลเฮ้าส์” ซึ่งเป็นห้างจำหน่ายวัสดุก่อสร้างและของตกแต่งบ้านขนาดใหญ่ สาขาเวียงกุมกาม เชียงใหม่ ตั้งอยู่บริเวณถนนวงแหวนรอบกลางเชียงใหม่ อำเภอสารภี จังหวัดเชียงใหม่ ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวเมืองโบราณเวียงกุมกาม ทำให้พนักงานที่ทำงานอยู่ประมาณ 300 คน ต้องหนีตายกันจ้าละหวั่น

    ขณะที่เจ้าหน้าที่ต้องระดมรถดับเพลิงหลายสิบคันจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งที่อยู่พื้นที่ใกล้คียงเข้าระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิง ซึ่งล่าสุดถึงเวลาประมาณ 13.30 น.ก็ยังไม่สามารถดับไฟได้สนิท ส่วนตัวอาคารและสินค้าที่อยู่ภายในได้รับความเสียหายเกือบทั้งหมด

    ทั้งนี้พนักงานของห้างดังกล่าวที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า ขณะเกิดเหตุมีการซ่อมแซมหลังคาของตัวอาคาร หลังจากนั้นพบเห็นว่ามีประกายไฟเกิดขึ้น คาดว่าน่าจะตกไปโดนวัสดุที่เป็นเชื้อไฟและทำให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ในครั้งนี้

    ด้านนายสมเกียรติ วงศ์จันทร์เสือ ผู้จัดการห้างโกลบอลเฮ้าส์สาขาเวียงกุมกาม เชียงใหม่ กล่าวว่า ในช่วงเกิดเหตุพนักงานบอกว่าเห็นประกายไฟที่หลังคาของตัวอาคาร อย่างไรก็ตามยืนยันว่าไม่มีการซ่อมแซมหลังคาแต่อย่างใด ซึ่งเบื้องต้นจึงยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด สำหรับมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นทั้งตัวอาคารและสินค้ารวมกันคาดว่าจะไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยมีการทำประกันภัยไว้แต่ไม่ทราบวงเงิน ส่วนพนักงานที่มีอยู่ทั้งหมดนั้น ได้พูดคุยกับทางเจ้าของห้างแล้ว ได้รับการกำชับให้ดูแลเป็นอย่างดี โดยจะไม่มีการเลิกจ้างอย่างแน่นอน แต่จะให้ไปช่วยงานในสาขาอื่นของห้างแทน

    สำหรับบริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด นอกจากจะเปิดศูนย์จำหน่ายวัสดุก่อสร้างและตกแต่งโกลบอลเฮ้าส์ สาขาเวียงกุมกาม เชียงใหม่แล้ว ยังมีแผนที่จะขยายสาขาครอบคลุมทุกเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาได้ขยายเครือข่ายเข้าไปทั้งในชลบุรี ระยอง นครปฐม พระนครศรีอยุธยา กรุงเทพฯ เป็นต้น

    ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000131740
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 พฤศจิกายน 2008
  20. ปิยนาถ

    ปิยนาถ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 มีนาคม 2008
    โพสต์:
    204
    ค่าพลัง:
    +298
    อัพเดท เรื่อง เศรษฐกิจโลก มีผลกระทบต่อโลก
    8 ปี ปิดดีลแสนล้าน <HR class=b>สุกรี แมนชัยนิมิต
    Positioning Magazine ตุลาคม 2551

    ในช่วงรุ่งเรืองของ “เลแมน บราเดอร์ส (ไทยแลนด์)” ตลอดนับ 10 ปีที่ผ่านมาในไทย ผู้บริหารของ “เลแมนฯ” ไม่ค่อยเปิดเผยตัวเป็นข่าวให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อมวลชนเท่าไรนัก แต่เมื่อบริษัทแม่ที่สหรัฐอเมริกาประกาศ “ล้มละลาย” หนึ่งในผู้บริหาร “เลแมนฯ” อย่าง “กฤษดา กวีญาณ” ต้องออกมาอยู่ในสปอตไลต์ อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะพอร์ตของเลแมนฯ ในไทยมีมากถึง 50,000 ล้านบาท กว่า 50% เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์ กำลังถูกจับตามองว่าหากต้องมีการ “ขาย” เพื่อส่งเงินกลับสหรัฐอเมริกา ทรัพย์สินเหล่านี้จะเปลี่ยนไปอยู่ในมือของใคร

    “กฤษดา กวีญาณ” ทำงานให้กับเลแมน บราเดอร์ส (ไทยแลนด์) มาตั้งแต่ปี 2001 หลังจากที่เลแมนฯ เข้ามาลงทุนในไทยแล้วระยะหนึ่งและเริ่มบริหารสินทรัพย์ที่ประมูลได้จาก ปรส. แล้ว

    ช่วง 4 ปีแรก “กฤษดา” อยู่ในตำแหน่งผู้บริหารที่ทำงานประจำ 4 ปีหลังที่ผ่านมาเขาเป็นที่ปรึกษาการลงทุน และกรรมการบริษัทของเลแมนฯ จากพนักงานเริ่มแรกของบริษัทในไทยประมาณ 3 คน ปัจจุบันมีประมาณ 10 คน มีสำนักงานในอาคารหรู “อับดุลราฮิม” ย่านถนนพระราม 4

    ก่อนหน้าที่เขาจะร่วมงานกับเลแมนฯ เขาคือหนึ่งในผู้บุกเบิกธุรกิจให้กับจีอีมันนี่ในไทย หลังจากเรียนจบเอกบัญชี คณะพาณิชยกรรมศาสตร์และการบัญชี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเอ็มบีเอ จากสหรัฐอเมริกา (Kenan-Flagler Business School, University of North Carolina at Chapel Hill) ซึ่งจีอีมันนี่เป็นหนึ่งในสถาบันการเงินจากสหรัฐอเมริกาที่มาประมูลซื้อทรัพย์สินจาก ปรส. ในช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจไทยปี 2540

    ตลอดเกือบ 8 ปีกับเลแมน บราเดอร์ส (ไทยแลนด์) “กฤษดา” ในวันนี้ด้วยวัยเพียง 38 ปี บอกว่ามีมูลค่าทรัพย์สินในไทยที่ดีลผ่านมือเขาแล้วเป็นหลักแสนล้านบาท แน่นอนทำให้เขามีรายได้มากมายและยืนยันได้ว่า”ค่าตัวเขาแพง” หากวัดจากสิ่งที่เขามีอยู่ ณ ขณะนี้

    “ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ผมอยู่ “ที่นี่” เพราะอยู่กลางเมือง สะดวกเดินทาง ผมจะไปพบใคร หรือใครจะมาหาผมก็สะดวกด้วยกันทั้งสองฝ่าย”

    “ที่นี่” คือโรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์หรูกลางซอยหลังสวน ชิดลม สุขุมวิท เป็นสถานที่ “กฤษดา” นัดทีม “POSITIONING” ไปสัมภาษณ์ ซึ่งขณะนั่งอยู่ในล็อบบี้กว่า 1 ชั่วโมง มีทั้งนักลงทุนต่างชาติและไทยเข้ามาทักทายเขาเป็นระยะๆ หรือแม้กระทั่งนักการเมืองคนหนึ่งก็มานั่งรอเขาเกือบชั่วโมง

    “อย่างนี้ละครับ ที่นี่สะดวกสำหรับคนที่อยากมาพบผม”

    นี่คือสิ่งที่ยืนยัน “แวลู” ของ “กฤษดา” ทำให้ “เลแมน บราเดอร์ส (ไทยแลนด์)” ไว้วางใจเขามานาน

    งานอย่าง “กฤษดา” จำเป็นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งเขาอธิบายว่าเวลาที่ต่างชาติจะมาลงทุนในไทย สิ่งสำคัญคือเขาต้องมีคนที่ไว้ใจได้ว่า เงินที่จะนำมาลงทุนไม่สูญเปล่า การตรวจสอบว่าใครเป็นใครในเมืองไทย โครงการใดน่าเชื่อถือหรือไม่ จึงเป็นสิ่งสำคัญ นอกเหนือจากการดีลให้ได้ประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่าย หรือสรุปง่ายๆ คือ “คอนเนกชั่น” นั้นสำคัญ

    จากการเข้าไปเกี่ยวพันกับทรัพย์สินมากมาย และเจ้าของธุรกิจหลายกลุ่ม วันนี้ “กฤษดา” ยังได้เข้าไปเกี่ยวพันกับตำแหน่งหน้าที่ในหน่วยงานราชการและการเมือง เคยเป็นเลขานุการของประธานวุฒิสภา เป็นที่ปรึกษากรรมาธิการหลายคณะของสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เป็นที่ปรึกษาอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง (ร.ต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี) ปัจจุบันยังมีตำแหน่งเป็นกรรมการในบอร์ดของธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย และองค์การไพ่ สังกัดกระทรวงการคลัง

    แม้ว่าวันนี้ “เลแมน บราเดอร์ส” จะประกาศล้มละลายแล้ว แต่ “กฤษดา” ยังได้รับการติดต่อจากนักลงทุนมากหน้าหลายตา เพราะทรัพย์สินกว่า 50,000 ล้านบาทที่มีอยู่เป็นของดีทั้งนั้น เนื่องจากที่ผ่านมา “กฤษดา” ยึดหลักการของเลแมนฯ ในการตัดสินใจลงทุน คือ “ซื้อมาแล้วขายได้หรือไม่” และ “ไม่คิดเป็นเจ้าของในทรัพย์สินนั้น”

    ผลตอบแทนการทำงานสำหรับ “กฤษดา” อาจเทียบไม่ได้กับซีอีโอ และผู้บริหารอีกหลายของ “เลแมน บราเดอร์ส” ที่แทบจะมีเครื่องบินส่วนตัวคนละลำ แต่ก็คือผลตอบแทนที่หลายคนอยากมี

    ปัจจุบันนอกจากเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์หรูแล้ว “กฤษดา” ยังใช้รถเบนซ์ รถสปอร์ต และรถตู้ ที่มีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสำหรับทำงานในรถและประชุม มีตั้งแต่โน้ตบุ๊ก เครื่องสแกนเอกสาร และตู้เย็น หรือแม้กระทั่งทีวีสำหรับคาราโอเกะแม้จะอยู่ในรถเพียงลำพัง

    ในปีหน้า “กฤษดา” วางแผนว่าจะย้ายจากอพาร์ตเมนต์ ชั้น 25 ซอยหลังสวนไปอยู่ในบ้านหลังใหม่ที่กำลังตกแต่ง กลางซอยร่วมฤดี สุขุมวิท บนที่ดินที่เขาซื้อเมื่อหลายปีก่อนในราคาที่เขาจำไม่ได้แล้ว บอกได้แต่เพียงว่าคุ้นๆ ว่ามูลค่าเป็นหลักสิบล้านบาท

    สำหรับทรัพย์สินส่วนตัวนั้นคงไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ารวยมากเท่าไหร่ เอาเป็นว่า สิ่งที่ “กฤษดา” สะสมคือ “เงินสด” ไม่ใช่ที่ดิน ไม่ใช่การลงทุนในรูปแบบอื่นๆ แม้ว่าจะเขาจะเชี่ยวชาญและช่วยให้คนอื่นลงทุนร่ำรวยมาแล้วก็ตาม

    “เงินสดเท่านั้นครับ ผมไม่ลงทุนอย่างอื่น เพราะผมทำงานอย่างนี้ดีกว่า ทำไมผมต้องเอาเวลาไปคิดเพื่อวางแผนลงทุนส่วนตัว ปวดหัว เสียเวลาเปล่าๆ”

    นอกเหนือจากนี้แล้ว “กฤษดา” บอกว่าเวลาเสาร์-อาทิตย์ ยังเป็นช่วงที่เขาช่วยดูบัญชี และให้คำแนะนำการลงทุนกับธุรกิจครอบครัวที่อยู่จังหวัดอยุธยา ซึ่งเป็นกลุ่มโรงเลื่อย และวัสดุก่อสร้างขนาดใหญ่ พร้อมกับดูต้นไม้ในพื้นที่ใกล้ๆ กับสถานที่ตั้งของธุรกิจครอบครัวที่เขาปลูกไว้กว่า 20 ไร่ และแปลงนาข้าวกว่า 40 ไร่ที่ปลูกใกล้โรงงาน ให้พนักงานของครอบครัวร่วมใจกันปลูกและเก็บเกี่ยว

    ภาวะ “ล้มละลาย” ที่เกิดกับเลแมน บราเดอร์ส เมื่อกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา คือสิ่งที่ “กฤษดา” บอกว่า ไม่เคยคาดคิดมาก่อน และแม้จะเห็นสัญญาณมาล่วงหน้าหลายเดือนแล้วแต่พอรู้ว่า “ล้มละลาย” ความรู้สึกที่เกิดขึ้นคือ “วูบ” เพราะขณะนี้ไม่มีบริษัทแล้ว และต้องรอเจ้าของใหม่คือ “โนมูระ” ที่เข้ามาซื้อกิจการเลแมน บราเดอร์สในเอเชียว่าจะตัดสินใจกับออฟฟิศในไทยอย่างไร

    ความรู้สึกนี้ไม่ต่างจากพนักงานเลแมนฯ ในไทยอีกหลายคน และนับจากวันนี้ความรู้สึกของคนอื่นต่อ “เลแมนฯ” อาจเปลี่ยนไป

    สิ่งที่ “กฤษดา” บอก ไม่ต่างจากความรู้สึกของคนนอก คือก่อนหน้านี้ “เลแมนฯ” เป็นที่ที่คนเก่งจบจากสถาบันที่มีชื่อเสียงร่วมงานด้วย เพราะทั้งท้าทาย เท่ และผลตอบแทนดี แต่วันนี้ความรู้สึกเปลี่ยนแปลงไป เลแมนฯ ในการรับรู้ใหม่ของคนทั่วไปคือเลแมนฯ ที่ล้มละลาย ซึ่ง “กฤษดา” บอกว่าเป็นความรู้สึกที่ต้องยอมรับว่าเกิดขึ้นแล้ว และทำใจ

    ที่สำคัญกว่านั้น การทำใจยังมาพร้อมกับเป็นบทเรียนให้รู้ว่าการจูงใจให้ผู้บริหารบริษัทในธุรกิจลักษณะนี้ หาช่องทางทำกำไรมากๆ จนนำมาสู่การเก็งกำไรจากนวัตกรรมทางการเงินในหลายรูปแบบ เพื่อออกดอกออกผล และตอบแทนให้กับผู้บริหารอาจเป็นสิ่งที่ผิด อย่างที่ผ่านมาที่บริษัทยิ่งทำกำไรมาก ผู้บริหารและพนักงานยิ่งได้เงินเดือน และผลตอบแทนสูง จนผู้บริหารหลายคนที่อเมริกามีเครื่องบินส่วนตัว มีรายได้เป็นหลัก 100 ล้านเหรียญสหรัฐต่อปี

    ณ วันนี้ วาณิชธนกิจที่โด่งดังอย่าง “เลแมน บราเดอร์ส” กำลังปิดฉากลง หลังจากอยู่บนเส้นทางการเงินมานาน 158 ปี แต่สำหรับพนักงานอีกหลายคน คือการที่ต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้งกับเส้นทางสายนี้ ที่ยังไม่รู้ว่าระหว่างทางจะเป็นอย่างไร
     

แชร์หน้านี้

Loading...