ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

[FONT=&quot]คงต้องยอมรับว่า เรื่องหนึ่งซึ่งเราๆให้ความสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเมื่อไรก็คือ เรื่องของการ [/FONT]“[FONT=&quot]ไดเอ็ท[/FONT]”

[FONT=&quot]ที่ญี่ปุ่นก็เหมือนกัน[/FONT] [FONT=&quot]การไดเอ็ทเป็นสิ่งหนึ่งซึ่งอยู่ในชีวิตประจำวันของคนจำนวนไม่น้อย[/FONT] [FONT=&quot]ทั้งชายและหญิง ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน และวัยผู้ใหญ่[/FONT]

[FONT=&quot]และทุกครั้งที่มีวิธีการไดเอ็ทแบบใหม่ออกมา คนส่วนมากก็ให้ความสนใจอยู่ไม่น้อย[/FONT]

[FONT=&quot]แต่การไดเอ็ทของญี่ปุ่น[/FONT] [FONT=&quot]มักจะเน้นไปที่เรื่องของคุณค่าและปริมาณอาหารที่กำลังพอดี[/FONT] [FONT=&quot]มากกว่าการงดอาหารประเภทใดประหนึ่ง เพื่อจำกัดปริมาณแคลอรีให้ลดน้อยลง[/FONT]

[FONT=&quot]ล่าสุดญี่ปุ่นมีวิธีการไดเอ็ทแบบใหม่ ที่ได้รับความนิยมมาก ที่เรียกว่า[/FONT] [FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]อะสะบานาน่า ไดเอ็ท[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT] [FONT=&quot]ที่มีความหมายว่า[/FONT][FONT=&quot] “[/FONT][FONT=&quot]ไดเอ็ทกล้วยหอมในตอนเช้า[/FONT][FONT=&quot]”[/FONT]
“[FONT=&quot]อะสะบานาน่า ไดเอ็ท[/FONT]” [FONT=&quot]เป็นหัวข้อใหญ่ที่ผู้คนสนใจใน [/FONT]Mixi [FONT=&quot]ซึ่งเป็นคอมมิวนิตี้ออนไลน์ที่มีผู้ใช้มากที่สุดในญี่ปุ่น โดยมี [/FONT]Hamachi [FONT=&quot]เป็นผู้เผยแพร่และทำให้เป็นที่สนใจในวงกว้าง[/FONT]

“[FONT=&quot]อะสะบานาน่า ไดเอ็ท[/FONT]” [FONT=&quot]ของฮะมะจิใน [/FONT]Mixi [FONT=&quot]มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นมากกว่า [/FONT]4,000 [FONT=&quot]คน มีผู้เข้าร่วมทดลอง[/FONT] [FONT=&quot]และประสบผลสำเร็จไปแล้วหลายร้อยคน[/FONT]

[FONT=&quot]ส่วนหนังสือ [/FONT]“[FONT=&quot]อะสะบานาน่า ไดเอ็ท[/FONT]” [FONT=&quot]ของฮะมะจิ ก็มียอดขายหลายล้านเล่มในเวลาสั้นๆ!![/FONT]

[FONT=&quot]ตอนนี้ [/FONT]“[FONT=&quot]อะสะบานาน่า ไดเอ็ท[/FONT]” [FONT=&quot]เล่ม [/FONT]2 [FONT=&quot]ได้ออกวางขายตามมาติดๆ[/FONT]

[FONT=&quot]ฮะมะจิกล่าวว่า [/FONT]“[FONT=&quot]อะสะบานาน่า ไดเอ็ท[/FONT]” [FONT=&quot]มีจุดเด่น [/FONT]3 [FONT=&quot]จุด ตรงที่ไม่ต้องอดอาหาร ไม่ต้องเปลืองเวลา และไม่ต้องเปลืองเงิน[/FONT]

[FONT=&quot]โดยมีวิธีปฏิบัติง่ายๆ ดังต่อไปนี้[/FONT]

[FONT=&quot] 1. [/FONT][FONT=&quot]ทานกล้วยหอมในตอนเช้า โดยไม่จำกัดปริมาณ[/FONT]

[FONT=&quot] 2. [/FONT][FONT=&quot]แต่ถ้ารู้สึกว่าไม่พอจริงๆ ให้ทานข้าวได้หลังจากทานกล้วยหอมอย่างน้อย [/FONT][FONT=&quot]30 [/FONT][FONT=&quot]นาที[/FONT]

[FONT=&quot] 3. [/FONT][FONT=&quot]ต้องทานกล้วยหอมควบคู่กับ [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]น้ำ[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]เท่านั้น เครื่องดื่มชนิดอื่น เช่น นมสด หรือ ชากาแฟนั้น ฮะมะจิไม่แนะนำ[/FONT]

[FONT=&quot] 4. [/FONT][FONT=&quot]สามารถทานอาหารกลางวันและเย็นได้ตามปกติ[/FONT]

[FONT=&quot] 5. [/FONT][FONT=&quot]ทานของว่างหรือขนมได้ตอนบ่ายสามโมง[/FONT]

[FONT=&quot] 6. [/FONT][FONT=&quot]ทานอาหารเย็นตั้งแต่หัวค่ำ[/FONT]

[FONT=&quot] 7. [/FONT][FONT=&quot]ถ้าหิวขึ้นมากลางดึก ให้ทานผลไม้เท่านั้น[/FONT]

[FONT=&quot] 8. [/FONT][FONT=&quot]ออกกำลังกายตามที่ต้องการ แต่อย่าหักโหมเกินไป[/FONT]

[FONT=&quot] 9. [/FONT][FONT=&quot]จดสิ่งที่ทานเข้าไปลงในสมุดทั้งหมด[/FONT]

[FONT=&quot]ผลที่ได้รับจากอะสะบานาน่า ไดเอ็ท ที่เห็นได้ชัดคือ[/FONT] [FONT=&quot]ปัญหาท้องผูกและการระบาย จะลดน้อยลง[/FONT] [FONT=&quot]และสารอาหารที่อยู่ในกล้วยหอมยังช่วยเรื่องการไดเอ็ทในระยะยาวด้วย[/FONT]

[FONT=&quot]ผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรมอะสะบานาน่า ไดเอ็ท หลายคนลดน้ำหนักลงได้หลายสิบกิโลกรัม หลังจากที่ปฏิบัติติดต่อกันเป็นเวลาหลายเดือน[/FONT]

[FONT=&quot]ฮะมะจิเน้นย้ำว่า ร่างกายแต่ละคน แตกต่างกัน[/FONT] [FONT=&quot]ดังนั้นผลที่ได้รับจึงแตกต่างกันไปด้วย บางคนอาจจะได้ผล[/FONT] [FONT=&quot]แต่บางคนอาจจะไม่ได้ผลเลยก็ได้[/FONT]

[FONT=&quot]การไดเอ็ทชนิดนี้จึงอาจจะไม่ได้เห็นผลในระยะเวลาสั้นๆ เหมือนการไดเอ็ทบางชนิด[/FONT]

[FONT=&quot]จุดนี้จึงอาจทำให้ผู้ที่ใจร้อน อดทนรอไม่ไหว เลิกปฏิบัติตามไปเสียก่อนที่จะเห็นผล[/FONT]

“[FONT=&quot]อะสะบานาน่า ไดเอ็ท[/FONT]” [FONT=&quot]จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งสำหรับผู้ที่ค่อยเป็นค่อยไป ไม่รีบร้อนเห็นผลโดยผลัน[/FONT]

[FONT=&quot]แต่ในขณะเดียวกัน ความง่ายและไม่ยุ่งยากของการไดเอ็ทชนิดนี้[/FONT] [FONT=&quot]ก็ช่วยให้คนที่ไม่ค่อยมีเวลา[/FONT] [FONT=&quot]และไม่ชอบความยุ่งยากในการเตรียมหรือจำกัดอาหาร[/FONT] [FONT=&quot]สามารถปฏิบัติตามได้อย่างง่ายดายอีกด้วย[/FONT]

[FONT=&quot]เพราะ[/FONT][FONT=&quot]ฉะนั้นใครที่อยากไดเอ็ทแบบไม่รีบร้อน แต่ได้ผลระยะยาว[/FONT][FONT=&quot]แถมไม่ต้องวุ่นวายในการเตรียมอาหารแล้วล่ะก็ ลอง [/FONT][FONT=&quot]“[/FONT][FONT=&quot]อะสะบานาน่า ไดเอ็ท[/FONT][FONT=&quot]” [/FONT][FONT=&quot]ดูนะคะ ![/FONT]
[FONT=&quot]from www.manager.co.th[/FONT]
[FONT=&quot]เอามาฝาก อย่าลืมนึกถึงความตาย และ มีทาน ศีล ภาวนา ปัญญาสม่ำเสมอครับ
[/FONT]

 

บันทึกการเสด็จมาของพระยาธรรมิกราช(พระเจ้าจักรพรรดิ์)

บันทึกจากแผ่นทองคำจารึกวัดท่าซุง

แผ่นทองคำจารึกนี้ หลวงพ่อบรรจุไว้ในโบสถ์ วัดท่าซุง เมื่องานฝังลูกนิมิต วันที่ 24 เมษายน พุทธศักราช 2520 มีรายละเอียดของคำจารึกดังนี้

"เรามหาวีระ มีพระราชานามว่า "ภูมิพล" เป็นผู้อุปถัมถ์ ร่วมด้วยพุทธศาสนิกชนส่วนใหญ่ สร้างวัดนี้เป็นพุทธบูชา เมื่อศักราชล่วงไปได้ 2700 ปีปลาย จะมีพระเจ้าธรรมิกราช นามว่า "ศิริธรรมราชา" สืบเชื้อสายเชียงแสนบวกสุโขทัย ร่วมกับพระอรหันต์ จะมาบูรณะวัดนี้สืบพระศาสนาต่อไป คณะเราขอโมทนาด้วย แต่อยู่ช่วยไม่ได้ เพราะไปนิพพานหมดแล้ว"

พุทธพยากรณ์ ณ พระอุโบสถ วัดท่าซุง

"นับจากนี้ไปอีก 180 ปี จะมีพระอรหันต์องค์หนึ่ง มีอายุ 27 ปี รูปร่างสูงขาวท้วม พร้อมกับพระเจ้าธรรมิกราช ร่วมกันบูรณะปฏิสังขรณ์วัดนี้อีกครั้งหนึ่ง ต่อจากนี้ไป 10 ปีแรก จะมีพระอรหันต์ 3 องค์ และอีก 7 ปีหลัง จะมีพระอรหันต์ 5 องค์...."

บางส่วนจากพุทธตำนาน พระเจ้าเลียบโลก กัณฑ์ที่ ๙

ในกาลครั้งนั้นคนทั้งหลายก็จะได้เห็นเทวดา พระอินทร์ พระพรหมทุกองค์ เพราะเทวดาเหล่านั้น ได้มาอุสสาราชาภิเษกพ่อค้าข้าวสาร ซึ่งเป็นลูกช่างหูก ซึ่งเป็นพระยาธรรมิกราชนั้นแล เมื่อผู้มีบุญได้เป็นพระยาธรรมิกราชแล้ว ต้นกัลปพฤกษ์ทิพย์ทั้งหลาย ก็จะโผล่จากใต้แผ่นดินออกมา แวดล้อมปราสาทและเมืองเชียงดาวทั้งหมด

จะเป็นที่รุ่งเรืองและปรากฏไปทั่วชมภูทวีปทั้งสิ้น มนุษย์ชายหญิงทั้งหลายเมื่อมาถึงที่นั้นแล้ว ก็จะถอดเสื้อผ้าออกกองไว้สูงประมาณ 7 ศอก ลมจะพัดเสื้อผ้าเก่าเหล่านั้นทิ้งไปหมดถึง 7 ครั้ง คนทั้งหลายจะได้นุ่งวัตถาภรณ์อลังการผืนใหม่ที่เป็นทิพย์ทุกคน…..พระยาธรรมิกราชองค์นั้นจะเสวยราชสมบัติสุขตราบจนอายุ 200 ปี…… เมื่อถึงเวลาที่ท่านจะได้เป็นพระยาธรรมิกราชองค์นั้น ภัยอุบาทว์ศัตรูจะมีแก่คนทั้งหลาย จะต้องถึงความพินาศฉิบหายเป็นอันมากก่อน……

บางส่วนจากตำนานเมืองฝางและอ่างสลุงเชียงดาว

ตอนที่ ๓ กล่าวถึง พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปที่ถ้ำเชียงดาว ทำนายว่ายักษ์ที่รักษาถ้ำจะได้เป็นพระยาธัมมิกราชองค์ที่ ๓ มีอายุ ๒๐๐ ปี

โดยพระยาธรรมิกราชองค์แรกเกิดที่เมืองปาฏลีบุตร
องค์ที่ ๒ เกิดในเมืองหงสาวดี
องค์ที่ ๓ เกิดในเมืองเชียงดาว
องค์ที่ ๔ เกิดในเมืองอังวะ
องค์ที ๕ เกิดในเมืองอโยธิยา

ส่วนในเมืองเชียงใหม่ เมื่อศาสนาใกล้จะถึงสามพันปี(พ.ศ.2500-3000) บ้านเมืองจะเกิดความเดือดร้อนวุ่นวาย ในเวลาต่อมายักษ์ที่รักษาถ้ำเชียงดาวอยู่นั้นจะเกิดมาเป็นพระยาธัมมิกราช โดยเกิดมาเป็นพ่อค้าข้าวสาร พระอินทร์จะมาอัญเชิญขึ้นไปทำพิธีราชาภิเษกบนสวรรค์ จากนั้นจึงลงมาทำพิธีอีกครั้งหนึ่งใน เมืองเชียงดาว ส่วนพระมเหสีคือนางแก้วจากอุตรกุรุทวีป

คำทำนายของ อ.ปริญญา ตันสกุล

ศาสดาศรีอาริยะเมตไตรย จะปรากฎพระองค์ขึ้นบนแผ่นดินไทยในไม่เกิน 6 ปี หลังวันสิ้นยุคพลังงานเก่า

ไม่เกิน 6 ปี ณ.วันนี้ ( 6 สิงหาคม พ.ศ.2543 ) ถึงวันนั้นอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง เพราะวันสิ้นยุคพลังงานเก่าก็เปลี่ยนมาเรื่อย เพราะว่างานด้านเทคนิคด้านพลังงานของพระบิดาเยอะมาก บางครั้งกำหนดไว้มนุษย์นั่นแหละเป็นตัวทำให้เปลี่ยนแปลง มันก็จะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ณ วันนี้ถือว่า 6 ปีแต่ถึงวันสิ้นสุดของวันนั้น อาจจะบวกไปอีกเล็กน้อยก็ได้ อย่าหาว่าอาจารย์กล่าวผิดสัจจะก็แล้วกัน

เป็นสิ่งที่อยากจะบอกเครื่องยนต์แห่งกรรมของพวกคุณ ให้เห็นเป็นรูปธรรมเท่านั้น เพราะฉะนั้นใครที่บอกว่าอยากเกิดเป็นศิษย์ของพระศาสดาศรีอาริยะเมตไตรย ต้องทำบุญบารมีสูงๆ โอกาสดีมาถึงแล้ว รีบทำเสียครับพระองค์จะปรากฎพระองค์ขึ้น ในแผ่นดินไทยนี้และขณะนี้( พ.ศ.2543 ) พระองค์ก็มาจุติอยู่บนแผ่นดินไทยเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่ใช่ผมนะครับ รีบบอกก่อนเดี๋ยวหาว่าผมพูดเข้าตัว มนุษย์ชอบคิดอุตริ พระองค์จุติ ตอนนี้(พ.ศ.2543 )เป็นเณรอยู่ครับ

****************************************************
หมายเหตุ

ตามบันทึกจากตำนานต่างๆ ระบุเอาไว้ว่าพระเจ้าธรรมิกราช จะมีอายุถึง 200 ปี ซึ่งตรงตามคำทำนายของ อ.ปริญญา ตันสกุล ที่บอกเอาไว้ว่าหลังจากการชำระโลกแล้ว มนุษย์เราจะมีอายุขัยยืนยาวขึ้นอีกเป็น 150-200 ปี

ดังนี้ถ้าพิจารณาดูจากแผ่นทองคำจารึก ที่วัดท่าซุง ที่ระบุเอาไว้ว่าจะมีพระเจ้าธรรมิกราช เสด็จมาบูรณะวัดท่าซุงเพื่อสืบพระศาสนาต่อไป โดยนับเวลาจากที่มีการบรรจุแผ่นทองคำจารึก ไว้ในโบสถ์วัดท่าซุง (พ.ศ.2520) ไปอีก 180 ปี ก็ยังอยู่ในช่วงอายุขัย 200 ปีของพระเจ้าธรรมิกราช(พระเจ้าจักรพรรดิ์)

เพราะถ้าดูจากคำทำนายของ อ.ปริญญา ตันสกุล ที่บอกเอาไว้ว่า พระศรีอาริยเมตไตรยโพธิสัตว์ ได้จุติลงมาเกิดในประเทศไทยแล้ว และยังเป็นสามเณรอยู่(เมื่อ พ.ศ.2543) ตอนนี้ท่านน่าจะมีอายุประมาณ 25-30 ปี ถ้านับเวลาไปถึงวันที่ท่านจะเสด็จมาบูรณะวัดท่าซุง คืออีกประมาณ 150 ปีนับจากเวลานี้ ท่านก็น่าจะมีอายุประมาณ 175-180 ปี ซึ่งก็ยังอยู่ในช่วงอายุขัย 200 ปี ตามที่ตำนานได้กล่าวเอาไว้ครับ

 

น่าสงสารคนที่ซิมบับเว ตายกันเกลื่อนเลย

 

บุรพกรรมที่ทำให้พระศรีอาริย์ ต้องไปเกิดเป็นยักษ์รักษาถ้ำเชียงดาว

เนื้อความโดยย่อ(จากคัมภีร์ทางพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน)

สมัยหนึ่งที่องค์พระเมตไตรยต้องบุรพกรรม มาเกิดเป็นนางยักษ์ รูปร่างร้ายอยู่ในป่า องค์พระกัสสปพุทธเจ้ากำลังเสด็จประทับอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเอราวดี ด้วยสัพพัญญุตญาณทราบว่า นางยักษ์นี้ได้ก่อสร้างบารมี 30 ทัศมามากมาย แต่เพราะผลกรรมที่กระทำกาเมสุมิจฉาจารกับภรรยาผู้อื่น จึงมาเกิดเป็นนางยักษ์ชาตินี้ ​

พระองค์จึงเสด็จมาโปรด นางยักษ์แลเห็นลักษณะอันประเสริฐ จิตเลื่อมใสก้มลงกราบ เมื่อองค์พระกัสสปพุทธเจ้าตรัสเทศนาพระธรรม นางยักษ์ปลงใจเด็ดขาด ตัดเอาเต้านมทั้งสองถวายเป็นพุทธบูชา อานิสงส์นางยักษ์ตัดเต้านมทั้งสอง มากระทำสักการบูชาพระกัสสปพุทธเจ้าในครั้งนั้น ส่งผลให้นางยักษ์พ้นจากอิตถีเพศ คือ ท่านจะเกิดเป็นหญิงแต่เพียงชาติเดียวเท่านั้น นางยักษ์นี้ได้สร้างพุทธวิริยบารมีมาถึง 80 อสงไขยกัป คือ ปรารถนาอยู่ในใจถึง 36 อสงไขยกัป ลั่นวาจาว่า จะเป็นพระพุทธเจ้าอีก 28 กัป​

เนื้อความโดยละเอียด​

นางยักขิณี(พระเมตไตรยโพธิสัตว์) ออกเร่ร่อนหาอาหารอยู่ในเขตของตนอยู่เนิ่นนาน จนวันหนึ่งนางได้ไปหากินอยู่ใกล้วิหารแล้วได้เห็นหมู่ภิกษุหลั่งไหลพากันเข้าไปฟังธรรม นางจึงติดตามไปข้างหลังภิกษุเหล่านั้น ด้วยคิดว่าในที่นั้นคงจะมีอาหารบริบูรณ์กระมังหมู่มนุษย์ถึงพากันไปมาก. นางได้ไปหยุดอยู่ท้ายสุดของหมู่ภิกษุ มีเทวดาผู้มีอานุภาพมากมายืนห้ามไว้ว่า “น้องหญิง เธอไม่พึงเข้าใกล้หมู่สงฆ์เกินกว่านี้เพราะเธอเป็นหญิง ไม่เป็นที่ยินดีในบริษัทแห่งนี้”.

“มนุษย์เหล่านี้มาประชุมอะไรกัน” นางถาม

“พระกัสสปพุทธเจ้าอุบัติแล้วในโลก พระองค์เป็นผู้ช่ำชองแล้วในธรรมทั้งปวง พระองค์กำลังประทับนั่งในวิหารแห่งนี้เพื่อแสดงธรรม แม้ภิกษุสงฆ์เหล่านี้ก็เข้ามาประชุมกันเพื่อฟังธรรมเครื่องนำตนออกจากทุกข์” .

นางได้ยินเทวดาองค์นั้นกล่าวรังเกียจความเป็นหญิงของตนอันเป็นเหตุให้นางถูกกันออกให้อยู่ห่างจากหมู่สงฆ์จนไม่ได้โอกาสฟังธรรม นางจึงเกิดเบื่อหน่ายอย่างยิ่งในสภาพความเป็นหญิง ปรารถนาจะไปให้พ้นเสียจากสภาพอันนั้นโดยเร็ว. นางอ้อนวอนเทวดาองค์นั้นเพื่อให้ปล่อยนางเข้าไปสู่พุทธบริษัท เพื่อให้นางได้ฟังธรรมเครื่องนำตนให้พ้นจากทุกข์บ้าง แต่เทวดาองค์นั้นก็ไม่อาจจะอนุญาตให้แก่นางได้ จึงได้ห้ามปรามนาง. นางยักขิณีอ้อนวอนเทวดานั้นอยู่ถึงสามครั้ง และเทวดานั้นก็ปฏิเสธนางถึงสามครั้งเช่นกัน.

พระกัสสปพุทธเจ้าได้ยินคำโต้ตอบกันของนางยักขิณีและเทวดาองค์นั้นแล้วด้วยหูทิพย์อันล่วงวิสัยของมนุษย์ พระองค์ระลึกรู้ว่า”ยักขิณีผู้นี้คือน้องชายของเรา กำลังลำบาก ต้องการความช่วยเหลือ” พระองค์จึงได้บอกเทวดาองค์นั้นให้ปล่อยนางยักขิณีเข้าไป.

นางยักขิณีได้เข้าไปสู่ข่ายเสียงของพระศาสดาแล้ว จึงได้ถามปัญหาว่า “ข้าแต่พระกัสสปพุทธเจ้า อะไรหนอเป็นยอดของความพ้นทุกข์ และหม่อมฉันจะพ้นจากอัตตภาพอันน่ารังเกียจนี้ได้อย่างไร”

พระกัสสปพุทธเจ้าได้แก้ปัญหาให้นางฟังว่า “เรากล่าวว่านิพพานเป็นยอดของความพ้นทุกข์ และเธอจะพ้นเสียจากอัตตภาพอันน่ารังเกียจนั้นได้ด้วยผลแห่งทาน”

นางยักขิณีพึงพอใจกับคำพยากรณ์ของพระพุทธกัสสปะ นางพิจารณาหาสิ่งที่ตนจะใช้ทำทานไปทั่ว ก็ได้เห็นว่า “เต้านมนี้ย่อมเป็นที่รักแก่สตรีทั้งหลายแต่เป็นที่รังเกียจแก่เรา เราจะถวายเต้านมอันเป็นที่รักทั้งคู่นี้ให้เป็นทาน ทำตนให้พ้นจากกรงขังคือความเป็นหญิงนี้เสียโดยพลัน” แล้วนางก็อธิษฐานให้เล็บยาวเป็นมีด เฉือนเต้านมทั้งคู่ออกถวายต่อพระศาสดา

นางตั้งอธิษฐานว่า “ด้วยผลแห่งการถวายเต้านมคู่นี้ ขอให้หม่อมฉันพ้นจากอิตถีภาวะเสียโดยพลันเถิด” เวทนากล้าแข็งรุนแรงได้เกิดแก่นางดุจเมื่อครั้งที่พ้นจากโลกนรก มันเจ็บปวดจนยากจะทานทน ไม่มีใจจะคิดถึงสิ่งใดๆ เห็นแต่โทษของสภาวะเจ็บปวดอย่างนั้นโดยส่วนเดียว ปรารถนาจะหลีกให้พ้นจากความเจ็บปวดนั้นโดยส่วนเดียว. เมื่อเจ็บปวดมากเข้า ความรู้สึกทุกอย่างก็เข้าสู่สภาพวิกฤต ไม่อาจแยกแยะว่าสุขหรือทุกข์ ไม่อาจแยกแยะว่าเจ็บปวดหรือไม่ รู้แต่ว่ามันเจ็บเกินทนจนไม่เจ็บ ทุกข์เกินทนจนไม่ทุกข์ แล้วทุกสิ่งในความเป็นตนก็ดับวูบ ขาดหายไปสิ้น.

แสงสว่างรำไรปรากฏสว่างอยู่ทั่วห้องของวิมานแห่งหนึ่ง นางยักขิณีได้ความรู้สึกตัวกลับคืนมาในท่ามกลางโถงของวิมานยักษ์ในถ้ำซึ่งผู้คนเดี๋ยวนี้พากันเรียกว่า “ถ้ำเชียงดาว” แต่ในยามนั้น ถ้ำนี้เป็นที่เก็บทองคำจำนวนมาก หมู่ยักษ์เรียกขานมันว่า “สุวรรณคูหา” ร่างกายของนางยักขิณีกลับกลายเป็นบุรุษเพศแล้ว แต่ความจำในอดีตกลับลืมสิ้น.

นางยักขิณีกลับได้เพศบุรุษเป็นมหายักษ์มียศใหญ่ในสังกัดท้าวเวสสุวัณมหาราช ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่รักษาทรัพย์ในถ้ำแห่งนี้ มหายักษ์มีบริวารเป็นยักษ์และวิญญาณเร่ร่อนในบริเวณนั้นจำนวนหลายพันตน มหายักษ์นี้มีภริยาเป็นนางยักขิณีซึ่งในอดีตชาติของนางก็คืออัครมเหสีของพระราชาพาลพระองค์นั้นนั่นเอง. บุพพกรรมนำพาคู่บารมีให้มาพานพบกันอีกครา.

เมื่อพระกัสสปพุทธเจ้าตรวจรู้คติของนางยักขิณี และทรงทราบว่านางพ้นจากความเป็นหญิงแล้ว เช้าวันหนึ่งพระองค์จึงเสด็จมายังถ้ำเชียงดาวเพื่อจะพยากรณ์สัพพัญญุตญาณในตัวเขา เพื่อให้เขาได้กำลังใจหนักแน่น ประพฤติมั่นในกุศล บำเพ็ญบารมีที่ยังเหลือโดยไม่ประมาทต่อไป.

เมื่อพระพุทธองค์ข้ามเขตป่าไปจวนถึงปากถ้ำทองคำแล้ว หมู่ยักษ์ที่เป็นบริวารก็รีบเข้าไปรายงานแก่สุวัณณมหายักษ์ว่า “มีสมณะรูปหนึ่งกำลังตรงมายังถ้ำ ห้ามไว้ ข่มขู่ไว้ก็ไม่ฟัง สมณะนี้มีอานุภาพมากเหลือเกิน”

พอได้ฟังอย่างนั้น สุวัณณะมหายักษ์ก็โกรธว่า “สมณะนี้ลบหลู่เรา เราจะฟาดให้จมดินด้วยกระบองเหล็กนี้เสีย ลองดูซิว่าใครจะมีอานุภาพมากกว่ากัน” แต่นางยักขิณีผู้ภริยาได้ทัดทานมหายักษ์นั้นไว้ก่อน นางซักถามยักษ์บริวารมากขึ้นไปอีกว่า “สมณะนั้นกล่าวอะไรยิ่งกว่านี้บ้างไหม” ยักษ์บริวารจึงบอกว่า สมณะนั้น บอกว่าตนเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามาเพื่อบิณฑบาต.

เมื่อได้ยินว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จมายังถ้ำ นางยักขิณีก็ดีใจยิ่งที่พระพุทธองค์มาโปรดถึงที่อยู่ นางจึงอธิบายให้สามีฟังว่า “ขึ้นชื่อว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วเป็นไม่มีโทษภัยแก่ใครๆ มีแต่หวังประโยชน์เกื้อกูลโดยส่วนเดียว การที่พระพุทธเจ้ามาหาพวกเราถึงที่อยู่นั้น นับเป็นลาภของพวกเรา เนื้อนาบุญมาถึงแล้วควรรีบปลูกบุญไว้ ไม่พึงปล่อยให้ขณะอันดีล่วงเลยตนไปด้วยกรรมอันไม่ควร” แล้วนางก็แนะนำสามีในสิ่งอันควรแก่พระพุทธเจ้า หมู่ยักษ์ในถ้ำสุวรรณคูหาจึงจัดแต่งพื้นที่ เตรียมภัตตาหารและเครื่องบูชาไว้ต้อนรับ แล้วพากันออกไปนิมนต์พระพุทธเจ้าเข้าสู่ที่อยู่ของตน ถวายทาน.

เมื่อพระกัสสปพุทธเจ้ารับไทยทานจากเขาแล้ว มหายักษ์จึงนิมนต์ให้พระพุทธองค์พร้อมทั้งสงฆ์มารับถวายมหาทานของเขาอยู่ถึง ๗ วัน พระกัสสปพุทธเจ้า ทรงรับการนิมนต์แล้วพาหมู่สงฆ์มารับทานจากมหายักษ์อยู่ถึง ๗ วัน ในครั้งนั้นพระพุทธกัสสปะจึงทรงพยากรณ์แก่สุวัณณมหายักษ์ว่า ในกัปป์นี้เขาจะได้สำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านามว่า“เมตไตรย” มหายักษ์ได้ความยินดียิ่งในคำพยากรณ์อันนั้น เขาอยู่รักษาถ้ำเชียงดาวอยู่เนิ่นนาน จนสิ้นชีวิต พ้นไปจากความเป็นยักษ์ (ขึ้นไปเกิดเป็นท้าวสันดุสิตเทวราช ที่สวรรค์ชั้นดุสิตา)

ที่มา http://palungjit.org/showthread.php?t=50789<!-- / message --><!-- edit note -->

 

17 ธ.ค. 51

เรื่องเล่าจากภาพ

ผมและครอบครัวอาศัยแพเป็นที่นอน ได้เห็นน้ำเริ่มท่วมแพ จึงให้ลูกๆใส่เสื้อชูชีพที่ซื้อเตรียมไว้แล้วให้ทุกคนรวมทั้งคนที่อาศัยแพอื่นๆ รีบหนีขึ้นที่สูง

 

เกิดแผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์ที่ชิลี​

​

ซานติอาโก 19 ธ.ค. - ศูนย์สำรวจธรณีวิทยาสหรัฐรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.3 ริกเตอร์บริเวณชายฝั่งทางภาคกลางของชิลีในวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น ทำให้อาคารสูงในกรุงซานติอาโกที่อยู่ห่างไป 148 กิโลเมตร สั่นสะเทือน

แผ่นดินไหวครั้งนี้อยู่ห่างไปทางเหนือของเมืองท่าวัลปาไรโซราว 75 กิโลเมตร และอยู่ลึกใต้พื้นดิน 35 กิโลเมตร โดยเบื้องต้นวัดแผ่นดินไหวได้ 6.1 ริกเตอร์ และได้ปรับเพิ่มเป็น 6.3 ริกเตอร์ ผู้อำนวยการศูนย์ป้องกันภัยฉุกเฉิน แถลงว่า ยังไม่มีรายงานความเสียหายหรือปัญหาร้ายแรงที่เกิดจากแผ่นดินไหว อย่างไรก็ตาม อาคารในเมืองหลวงของชิลีได้รับแรงสั่นสะเทือนเป็นเวลาประมาณ 1 นาที และมีแรงสั่นสะเทือนรอบสองในอีก 10 นาทีต่อมา ทั้งนี้แผ่นดินไหวเกิดขึ้นบ่อยครั้งในชิลี ซึ่งได้ออกแบบสร้างอาคารทันสมัยเพื่อรองรับแรงสั่นสะเทือนดังกล่าวไว้แล้ว .-สำนักข่าวไทย

2008-12-19 07:57:19

เกิดหิมะตกในลาสเวกัสครั้งแรกในรอบ 30 ปี​

​

ลาสเวกัส 19 ธ.ค. - นครลาสเวกัสของสหรัฐต้องเผชิญกับพายุหิมะปกคลุมซึ่งแทบไม่เคยเกิดขึ้นในยุคนี้ และส่งผลให้ต้องปิดท่าอากาศยานในลาสเวกัส

สถานศึกษาของรัฐในนครลาสเวกัสต้องปิดการเรียนการสอน เนื่องจากมีหิมะตกเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี หลังมีหิมะตกหนาหลายนิ้วในรัฐเนวาด้าเมื่อวันพุธ ทำให้การจราจรขนส่งที่สนามบินระหว่างประเทศแมคคาร์แรนต้องหยุดชะงัก จนกระทั่งในวันพฤหัสบดีสนามบินและทางหลวงในลาสเวกัสจึงได้เปิดให้บริการท่ามกลางแสงแดดที่กลับมาส่องสว่างอีกครั้ง ขณะที่ในบางพื้นที่มีหิมะตกหนา 6 นิ้ว บางแห่งสูง 11 นิ้ว

เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาประจำสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติ กล่าวว่า นับเป็นหิมะตกหนักมากที่สุดในลาสเวกัสในรอบเกือบ 30 ปี และนับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่งของนครลาสเวกัสซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในอเมริกาเหนือ .-สำนักข่าวไทย

2008-12-19 08:26:19

เกาหลีเหนืออ้างเกาหลีใต้วางแผนลอบสังหารคิม จอง-อิล​

​

เกาหลีเหนือ 19 ธ.ค. - เกาหลีเหนืออ้างว่าได้จับกุมเจ้าหน้าที่สายลับของเกาหลีใต้ ที่เตรียมลอบสังหารประธานาธิบดีคิม จอง-อิล ผู้นำเกาหลีเหนือ

กระทรวงความมั่นคงแห่งรัฐของเกาหลีเหนือระบุในแถลงการณ์ว่า สามารถควบคุมตัวเจ้าหน้าที่สายลับชื่อสกุล รี ที่ได้รับการว่าจ้างจากทางการเกาหลีใต้ ให้ปฏิบัติการลอบสังหารประธานาธิบดีคิม จอง-อิล โดยผู้ที่ถูกจับกุมอยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีคิม ขณะที่กระทรวงรวมชาติของเกาหลีใต้ยังไม่แสดงความเห็นใด ๆ ต่อเรื่องดังกล่าว ระบุเพียงอยู่ระหว่างตรวจสอบคำกล่าวอ้างของทางการเกาหลีเหนือ

กระแสข่าวดังกล่าวเกิดขึ้นขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ย่ำแย่ลงต่อเนื่อง ท่ามกลางข้อสงสัยที่ว่า ประธานาธิบดีคิมอาจกำลังป่วยหนักด้วยอาการเส้นโลหิตในสมองตีบ แต่เกาหลีเหนือปฏิเสธมาโดยตลอด. -สำนักข่าวไทย

2008-12-19 03:06:50

อังกฤษเตรียมถอนทหารในอิรัก พ.ค.ปีหน้า​

​

อังกฤษ 19 ธ.ค. - นายกรัฐมนตรีอังกฤษแถลงยืนยัน กองกำลังอังกฤษจะเริ่มถอนทหารออกจากอิรักอย่างเร่งด่วนในวันที่ 31 พฤษภาคมปีหน้า

นายกรัฐมนตรีกอร์ดอน บราวน์ กล่าวต่อสมาชิกรัฐสภาว่า ปฏิบัติการของอังกฤษในอิรักเป็นไปด้วยความคืบหน้าตลอดช่วงที่ผ่านมา ก่อนที่กำหนดปฏิบัติการทหารของสหประชาชาติจะสิ้นสุดลงในวันที่ 1 มกราคมปีหน้า ซึ่งกองกำลังอังกฤษจะเริ่มถอนทหารออกจากอิรักอย่างเร่งด่วนในวันที่ 31 พฤษภาคม

แต่ทหารส่วนใหญ่จะถอนกำลังออกจากอิรักภายในปลายเดือนกรกฎาคม เกือบทั้งหมดของกองกำลังอังกฤษ 4,100 นาย ที่อยู่ในอิรัก ประจำการอยู่ใกล้กับเมืองบาสราทางภาคใต้ของประเทศ ซึ่งกองกำลังอังกฤษนับเป็นกองทหารจำนวนมากเป็นอันดับสอง ในปฏิบัติการโจมตีอิรักที่มีสหรัฐเป็นแกนนำเมื่อปี 2546. -สำนักข่าวไทย

2008-12-19 01:06:35

มือปารองเท้าใส่ผู้นำสหรัฐขอโทษนายกฯ อิรัก​

​

อิรัก 19 ธ.ค. - ผู้สื่อข่าวชาวอิรักที่ก่อเหตุสะท้านโลก ด้วยการขว้างรองเท้าใส่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช ยอมขอโทษต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนายกรัฐมนตรีของอิรัก

โทรทัศน์ของอิรักรายงานว่า นายมันตาเซอร์ อัล-ไซดี ผู้สื่อข่าวชาวอิรัก ได้เขียนจดหมายไปยังนายกรัฐมนตรีนูรี อัล-มาลิกี เพื่อขอโทษและขออภัยในการกระทำที่โง่เขลาดังกล่าวของเขา ซึ่งนายกรัฐมนตรีอัล-มาลิกี ได้รับจดหมายฉบับดังกล่าวแล้ว จนถึงขณะนี้ นายอัล-ไซดี ยังคงถูกคุมขังในเรือนจำกรุงแบกแดด เพื่อสอบปากคำและตรวจหาสิ่งเสพติด หลังก่อเหตุขว้างรองเท้าเข้าใส่ประธานาธิบดีบุช ระหว่างการแถลงข่าวที่กรุงแบกแดดเมื่อวันอาทิตย์

จนถึงขณะนี้ยังไม่มีทนายความเข้ามาติดต่อเพื่อช่วยแก้ต่างให้กับนายอัล ไซดี แต่อย่างใด เขาถูกตั้งข้อหากระทำการล่วงละเมิดก้าวร้าวต่อประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งหากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง ก็อาจได้รับโทษจำคุกสูงสุดถึง 15 ปี. -สำนักข่าวไทย

2008-12-19 04:04:25

ญี่ปุ่นคาดเศรษฐกิจขยายตัว 0 % ปีหน้า​

​

โตเกียว 19 ธ.ค. - ทางการญี่ปุ่นคาดการณ์ว่าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าจนถึงเดือนมีนาคมปี 2553 มีเพียงร้อยละ 0 โดยรัฐบาลพยายามแก้ไขภาวะเศรษฐกิจหดตัวอย่างต่อเนื่องมานานในญี่ปุ่นที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

ครั้งนี้นับเป็นการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเพียงร้อยละ 0 เป็นครั้งแรกในรอบ 7 ปีของเศรษฐกิจญี่ปุ่นซึ่งเข้าสู่ภาวะถดถอย โดยต้องเผชิญกับปริมาณความต้องการภายในประเทศและการส่งออกที่ลดลง ก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรีของนายทาโร อาโสะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ประกาศแผนกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่มูลค่า 255,000 ล้านดอลลาร์ พร้อมให้คำมั่นว่าญี่ปุ่นจะเป็นชาติแรกที่เอาชนะปัญหาเศรษฐกิจโลกได้ .-สำนักข่าวไทย

2008-12-19 08:51:26

ที่มา http://news.mcot.net/international/

 

ได้ข้อมูลจากนักปฏิบัติธรรมที่เราเคารพว่า ปี 2552 นี้คนจะตายมาก (มากกว่าปีที่ผ่านๆ มาอีก) ให้ระวังช่วงเดือน ธันวา 51 - เมษา 52 ส่วนจะเกิดที่ไหนท่านไม่บอก เพราะเหตุอะไร (เราก็ไม่รู้อีก) ท่านพูดแค่นี้
.
แต่จากความฝันเมื่อนานหลายเดือน ย้อนไปที่เคยโพสข้อความเก่า ได้รับทราบข่าวในฝันว่า อีก 10 เดือน ซึ่งอีก 10 เดือน จะตรงกับเดือน เมษายน 2552 พอดี

ช่วงนี้เกิดความรู้สึกว่าให้เร่งปฏิบัติธรรมมากขึ้น อย่างไรก็ตามพี่น้องพลังจิตร่วมถึงท่านอื่นๆ ก็ขอให้เร่งทำความดี ยึดมั่นใน ศีล 5 ลดกิเลศ ละวางตัวตนการยึดมั่น เลิกทำผิดศีล

เมื่อ ประมาณ 2-3 วันที่ผ่าน มาช่วงเช้าก่อนจะลืมตา ได้ยินเสียงว่า " ทำดี ดี แล้วดี จะคุ้มภัย เจ้า "

 

Snow Blankets Las Vegas Valley
<TABLE id=wnStoryBox cellSpacing=3 cellPadding=0 width=180 align=left bgColor=#ffffff border=0 NAME="D20"><TBODY><TR><TD align=middle colSpan=2></TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2>Calico Basin - Red Rock


</TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2></TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2></TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2>Snow in Summerlin


</TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2></TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2></TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2>Lone Mountain & I-215


</TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2></TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2></TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2>Happy Pooches


</TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2></TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2></TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2>Enjoying Snow in the Northwest


</TD></TR><TR><TD align=middle colSpan=2></TD></TR><TR><TD><!--AD 180x150 LOCAL--><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=middle></TD></TR><TR><TD align=middle><IFRAME id=wnsz_20 style="VISIBILITY: visible" border=1 name=wnsz_20 marginWidth=0 marginHeight=0 frameBorder=0 width=180 scrolling=no height=150 allowTransparency><SCRIPT LANGUAGE='JavaScript1.1'>if (document.layers) {document.write('<SCR' + 'IPT language=JavaScript1.1 SRC=/Global/ad.asp?type=single&cls1=News&src1=loc&spct1=100&sz1=wnsz_20&callType=script />'); document.close();}</SCRIPT></IFRAME><SCRIPT language=JavaScript1.1>coreAdsCreate('wnsz_20', 'loc', '100', 'wnsz_20', 'News');</SCRIPT></TD></TR><TR><TD align=middle>


</TD></TR></TBODY></TABLE>


</TD></TR></TBODY></TABLE>
(Dec. 30) -- A sight not often seen in Las Vegas -- snow! The snow started falling at about midnight and continued through the night blanketing most of the city. In some areas, the snow stuck around past noon.
It certainly was a winter wonderland as kids of all ages enjoyed the rare event. As much as three inches of snow fell in the early morning hours leaving a white blanket over much of the western and northwestern sections of the valley.
The Red Rock Canyon National Conservation Area about 20 miles west of town is closed due to slippery roads. For the first time in several years, residents woke up to an unusual sight. There was snow on cars, roads and trees.
The wild winter weather startled many people in the Valley because cleaning snow from cars and making snowmen is not something most of us are used to doing here. "I think it's unbelievable. It's never did this here before," one resident commented with delight. "We're building snowmen and were doing snowball fights. And I'm throwing snowballs at my mom," exclaimed a kid on holiday break.
All of us were surprised when we looked out our windows Tuesday morning. Some people decided to break out their sleds and go to Desert Breeze Park. But some tourists Eyewitness News spoke with who were planning on spending New Year's Eve in sunny Las Vegas -- were a bit disappointed.
A tourist named David Brown asked laughing, "Why is it snowing in Las Vegas?" And that's the question many tourists were asking when they peered out of their hotel windows.
Terrance Walker, another tourist commented, "I was looking up in the mountains at first then I looked down and saw it on the ground and I was like it's actually snowing on the ground!" Terrence Walker and Stacey Howard are from Ohio. They were hoping that by coming to Las Vegas they could get away from the white stuff. "It was wild. I really didn't expect it to get so cold. It's really cold," Stacey said, wishing for warmth. But thankfully she came prepared.
Others like Penny Jean did not bring a coat because they were expecting typical Las Vegas sun and fun. "I have a bathing suit, and I really hoped the weather would be nice enough to take a quick dip, and that's not happening, so we'll have to look for a hot tub."
But the snow was exactly what some desert dwellers were looking for. Valley resident Shawn Miller was really loving the snow. "It's fun and cold. I think it's really cool, and it's the first time I've seen snow around here in Las Vegas."
One to three inches of snow fell across the Valley, clinging to the trees and blanketing the ground. As soon as many families realized the snow was here to stay at least for a while, they threw on their hats and coats and ran outside. The Valley was filled with snowball fights, snow men and kids sliding down any slope they could find Tuesday morning. And for many children too young to remember the last significant snowfall five years ago -- snow in the Valley was a shocking sight.
We'd like to thank to our viewers and website visitors for submitting pictures of the snow.






----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------



ประหลาด หิมะตก"ลาสเวกัส"ครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี

<STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา เกิดหิมะตกในนครลาสเวกัส รัฐเนวาดา เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ทำให้สถานศึกษาต้องปิดการเรียนการสอน เนื่องจากหิมะตกสะสมกันหนาหลายนิ้ว และทำให้การจราจรขนส่งที่สนามบินระหว่างประเทศต้องหยุดชะงัก จนกระทั่งวันที่ 18 ธันวาคม สนามบินและทางหลวงในลาสเวกัสจึงสามารถเปิดบริการได้ตามปกติท่ามกลางแสงแดด


เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยา ประจำสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นหิมะตกหนักมากที่สุดในลาสเวกัสในรอบเกือบ 30 ปี และนับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่งของนครลาสเวกัส ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในอเมริกาเหนือ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><!--Middle--><TD vAlign=top align=left bgColor=#ffffff>จำนวนคนอ่านล่าสุด 3757 คน <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TD vAlign=top align=left>[FONT=Tahoma,]วันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 18 ฉบับที่ 6595 ข่าวสดรายวัน


ส.ส.โสมตะลุมบอน-สภา"สนามรบ"



<TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>
อลเวง - นาทีอลหม่านในสภาเกาหลีที่กรุงโซล ส.ส.ฝ่ายค้านพยายามทุกทางที่จะบุกเข้าไปในห้องประชุม ตามข่าว เมื่อ 18 ธ.ค. (เอพี)

</TD></TR></TBODY></TABLE>เอพีรายงานว่า เมื่อ 18 ธ.ค. เกิดเหตุโกลาหลอลหม่านจากการปะทะกันของสมาชิกสภาในอาคารรัฐสภาเกาหลีใต้ ระหว่างการพิจารณาข้อตกลงการค้าเสรีของเกาหลีใต้กับสหรัฐอเมริกา ส.ส.ฝ่ายค้านพยายามจะบุกเข้าไปในห้องประชุมคณะกรรมการ ด้วยการทำลายประตูห้อง แต่ส.ส.รัฐบาลที่มีหน่วยรักษาความปลอดภัยเป็นผู้ช่วยขวางไว้ โดยใช้อุปกรณ์ดับเพลิงฉีดสกัด

เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อสมาชิกพรรคแกรนด์ เนชั่นแนล หรือจีเอ็นพี นัดประชุมคณะกรรมาธิการเพื่อผลักดันให้สภารับรองร่างกฎหมายการค้าเสรีกับสหรัฐ โดยปิดห้องประชุมกันและใช้หน่วยรักษาความปลอดภัยกั้นไว้ แต่สมาชิกฝ่ายค้านราว 150 คนและผู้ช่วยส.ส.ไม่ยอม ไล่อาละวาดชกส.ส.ฝ่ายรัฐบาลที่หลงอยู่นอกห้อง มีคนหนึ่งบาดเจ็บที่แขน ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และบางส่วนใช้ค้อนตอกทุบพังประตู และใช้สายยางจากรถดับเพลิงฉีดเข้าไปตรงช่องประตูที่พังไว้ ด้านส.ส.รัฐบาลที่อยู่ภายในห้อง ยกโต๊ะเก้าอี้มากั้นไว้หน้าประตู และให้หน่วยรักษาความปลอดภัยฉีดน้ำยาดับเพลิงออกมาใส่ส.ส.ฝ่ายค้านจนต้องล่าถอย หลังจากนั้นส.ส.ฝ่ายค้านพยายามจะพังประตูเข้าไปอีก แต่ไม่สำเร็จ จึงลงนั่งประท้วง

นายฮอง จุนเปียว ประธานสภาของพรรคจีเอ็นพี กล่าวว่า "วันนี้เราอยู่ในสนามรบ" และประกาศว่าจะผ่านความเห็นชอบร่างกฎหมายโดยคณะกรรมาธิการ 29 คนให้ได้ เป็นการเบิกโรงก่อนที่จะส่งเข้าสู่ที่ประชุมใหญ่ของรัฐสภา ซึ่งพรรคจีเอ็นพีครองที่นั่งอยู่ 172 ที่นั่งจากจำนวนส.ส. 299 คน ส่วนพรรคดีพี ฝ่ายค้าน มีเพียง 83 ที่นั่ง ขณะเดียวกัน ฝ่ายรัฐบาลปฏิเสธข้อเสนอของฝ่ายค้านที่ขอให้ยืดเวลาลงมติรับรองกฎหมายออกไป รอให้สภาของสหรัฐรับรองร่างกฎหมายของสหรัฐก่อน จากนั้น 30 วัน สภาเกาหลีใต้จึงค่อยมาลงมติ[/FONT]

[FONT=Tahoma,]หน้า 7[/FONT]
สหรัฐสั่งกักบริเวณ เจ้าพ่อหุ้นโคตรโกง



เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. นายเบอร์นาร์ด เมดอฟ เจ้าพ่อหุ้นวอลสตรีตคนดัง และอดีตประธานตลาดหุ้นแนสแด็ก ที่ถูกสอบ สวนในข้อหาฉ้อโกงเงินครั้งประวัติศาสตร์ 50,000 ล้านดอลลาร์ หรือ 1.7 ล้านล้านบาท ถูกสั่งกักบริเวณ โดยมีอุปกรณ์ติดตามติดไว้ที่ตัว และห้ามออกนอกบริเวณในเวลานอกเหนือจากที่กำหนด ส่วนภรรยาถูกยึดพาสปอร์ตและอาคารที่มีในนิวยอร์กและฟลอริดา

นายเมดอฟ ชาวอเมริกันเชื้อสายยิววัย 70 ปี ตั้งบริษัทเพื่อการลงทุนเบอร์นาร์ด เมดอฟ โดยใช้กลโกงแบบ "แชร์ลูกโซ่" เอาเงินเหยื่อหน้าใหม่ไปจ่ายหน้าเก่า หลอกต้มตุ๋นเงินจากลูกค้าเอกชน มูลนิธิต่างๆ รวมทั้งสถาบันการเงินทั่วโลก ไม่ว่า รอยัลแบงก์ออฟสกอตแลนด์, ซานตานเดร์ แบงก์ใหญ่สุดของสเปน, บีเอ็นพี ปารีบาส์ ของฝรั่งเศส, แมนกรุ๊ป ผู้จัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์ระดับโลก, ธนาคารโนมุระ ของญี่ปุ่น เป็นต้น การสืบสวนดังกล่าวอาจขยายผลไปถึงเจ้าหน้าที่กำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เคยสืบสวนข้อกล่าวหาต่อเมดอฟมาแล้ว แต่กลับไม่เคยรายงานต่อคณะกรรมาธิการให้จัดการอะไร

ทำลายไปแล้วรองเท้าเจ้ากรรมปาบุช



เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 18 ธ.ค. ผู้พิพากษาอิรักในคดีนักข่าวอิรักปารองเท้าใส่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช ผู้นำสหรัฐอเมริกา ให้สัมภาษณ์ว่า หน่วยงานความมั่นคงของอิรักและสหรัฐ ทำลายรองเท้าทั้งสองข้างของนายมุนดาดาร์ อัล-ไซดี นักข่าวผู้ก่อเหตุไปแล้ว หลังจากผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ

"หน่วยงานความมั่นคงของอิรักและสหรัฐตรวจสอบรองเท้าดังกล่าวแล้ว จากนั้นก็ทำลายทิ้ง" ดียา อัล-เคนานี ผู้พิพากษาของคดีนี้กล่าวและว่า ศาลปฏิเสธคำร้องของนายไซดีที่ขอประกันตัว เพราะเห็นว่าการกักตัวไว้เป็นผลดีต่อการสอบสวนและความปลอดภัยของนายไซดีเอง

สำหรับบทลงโทษนายไซดี หากศาลตัดสินว่าผิดจริงในข้อหาแสดงความก้าวร้าวต่อประมุขของประเทศอื่นที่เยือนอิรักอย่างเป็นทางการ คือจำคุก 5-15 ปี แต่หากผิดแค่พยายามแสดงความก้าวร้าว โทษจะลดลงเหลือ 1-5 ปี ส่วนรองเท้าที่ทำลายทิ้งไป ไม่ถือว่าเป็นการทำลายหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหารับสารภาพแล้ว

ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า ชาวอาหรับแข่งประมูลกันเป็นเจ้าของรองเท้าเบอร์ 10 คู่นี้จนราคาพุ่งไปถึง 350 ล้านบาท ขณะที่ชาวอิรักและอาหรับจำนวนมากชื่นชมการกระทำของนายไซดีที่ทำไปเพราะเกลียดชังบุชและอเมริกาที่เข้ามาก่อสงครามอิรัก ทำให้ผู้คนล้มตาย

สถิติราคาน้ำมันโลกดิ่งสุดรอบ4ปีครึ่ง



เอเอฟพีรายงานว่า เมื่อ 18 ธ.ค. ราคาน้ำมันดิบตลาดโลกดิ่งลงทำสถิติต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปีครึ่ง เนื่องจากนักค้าน้ำมันยังกังวลว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งน้ำมันเป็นสินค้าออก (โอเปก) จะลดปริมาณการผลิตน้ำมันลงแน่นอนหรือไม่ ประกอบกับปริมาณน้ำมันสำรองของสหรัฐเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ความต้องการบริโภคน้ำมันลดลง

ราคาน้ำมันดิบไลต์สวีต งวดส่งมอบเดือนม.ค. ของตลาดนิวยอร์ก สหรัฐ ดิ่งลงไปอยู่ที่ 39.19 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะขยับขึ้นมา 24 เซนต์ ที่ 40.30 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ทะเลเหนือ กรุงลอนดอน อังกฤษ ดิ่งลงไปที่ 45.82 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

เดวิด อีแวนส์ นักวิเคราะห์ของเบ็ตออนมาร์เก็ต กล่าวว่า กลุ่มโอเปกซึ่งผลิตน้ำมันร้อยละ 40 ของโลก ตัดสินใจลดกำลังการผลิตลง 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 7 ของปริมาณการผลิตทั้งหมด เมื่อวันพุธที่ผ่านมา แต่ราคาน้ำมันยังคงดิ่งลง เนื่องจากตลาดลังเลว่าโอเปกจะลดกำลังการผลิตได้แน่นอนหรือไม่
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ตอนนี้้โลกมันก็แปลกๆขึ้นทุกวันนะ ขนาดตอนนี้หิมะยังตกในทะเลทรายเลย(ลาสเวกัส)อะไรก็เกิดขึ้นได้ต้องเร่งทำบุญทำกุศลซะแล้ว

 

ท้องฟ้าวันนี้แปลก ๆ ชอบกล มัวมัวทั้งวัน แถวฝั่งธนฯ กรุงเทพ นะคับ

 

*** มนุษย์เราควรตั้งใจทำสิ่งที่เป็นจริงได้ ****

ศีลเป็นสิ่งเลิศล้ำ
มนุษย์ไม่ควรทำลายศีล โดยไม่รู้ตัว ขาดการพิจารณา

โลก สิ่งมีชีวิตมีอยู่ ๓ พวก คือ มนุษย์ สัตว์ ต้นไม้
ทั้งหมด คือ สังขารที่ต่างกันตามผลการกระทำที่ทำเอาไว้
สังขารเป็นพรหมลิขิต หนังหุ้มเนื้อก็พรหมลิขิต เนื้อหุ้มกระดูกก็พรหมลิขิต

แม้ในสังขารมนุษย์ ก็ยังมีสิ่งมีชีวิตอื่นอาศัยอยู่นานาชนิด
แต่ตาของมนุษย์เราถูกจำกัด มองเห็นแต่ภาพในขนาดที่ถูกจำกัด สัตว์เล็กกว่าขนตา เราก็มองไม่เห็น
เมื่อมนุษย์เรามองไม่เห็นพวกเขา เราก็เหยียบย้ำ บดอัดร่างกายพวกเขาโดยไม่รู้ตัว ไม่เจตนา

ศีลไม่ฆ่าสัตว์ตัดชีวิต....
พระพุทธเจ้าจึงให้สมณะพิจารณาใหม่ ว่ามนุษย์เราทำได้จริงหรือไม่ !!!
สัตว์ที่เล็กกว่าขนตา จนมองไม่เห็นนั้นมีมากมาย
ท่านต้องพิจารณาค้นหาความจริง

ศีลเป็นสิ่งที่สูงค่า
มนุษย์เราควรตั้งใจ ทำในสิ่งที่เป็นจริงได้
ศีลนั้น จึงต้องบุคลิกให้เกิดความชัดเจน เพื่อเห็นในสิ่งที่จะต้องทำนั้น สามารถทำได้จริง
เมื่อกล่าวออกไปแล้ว จึงเป็นสัญญาใจกับตนเอง ที่ต้องทำให้เกิดขึ้นจริง

เราจึงต้องหยุดทำลายศีล...ด้วยการกระทำของตนเอง
ขอให้ทุกท่านพิจารณาในความจริง

*** พระโคดม ****
จึงพิจารณาคำสอนเป็นสัจจะ ที่สามารถทำได้จริง
และ พิจารณาเป็นสัจจะที่เหมาะสมตามกิเลสนิสัยของบุคคลที่ต่างกัน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

*** ถือศีล ****

ศีล ...เป็นสิ่งสูงล้ำค่าเลิศวิไล
ศีล ....อุปมาเหมือนไฟ
ถือศีล ...เสมือนถือไฟเอาไว้ส่องแสงสว่างนำทาง
แต่ถ้าทำไม่ได้....ศีลนั้นก็กลายเป็นไฟเผาตัว

ให้ท่านพิจารณา...
ทำไมบางคน ยิ่งรับศีล ยิ่งถือศีล แต่ชีวิตก็ยิ่งแย่ยิ่งลำบาก
ทำไมบางคนยิ่งรับศีล ยิ่งถือศีล โรคภัยพยาธิก็เข้ามารุมเร้า ร้องโอดโอย
มันมีเหตุเพราะ...เขาทำไม่ได้
เมื่อเขาทำไม่ได้ จึงมีค่าเท่ากับการทำลายศีลอันบริสุทธิ์
เขาจึงต้องตกเป็น ผู้ทำลายศีล โดยไม่รู้

ที่ไม่รู้ คือ ไม่รู้อะไร
ที่ไม่รู้ คือ ไม่รู้ธรรม ไม่รู้ทำ
คือ ไม่รู้ธรรมะของพระพุทธเจ้า ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าทำอย่างไร ปฏิบัติอย่างไร
ถ้าเขารู้ เขาก็จะไม่ทำ เพราะเขากลัวผลที่จะย้อนกลับมา !!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>หุ้นมะกันร่วงเกือบ220จุด น้ำมันโลกดิ่ง36.22เหรียญ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>สำนักข่าวต่างประเทศรายงานวันนี้ (19 ธ.ค.) ว่า

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา ปรับลดลงอย่างหนักเกือบ 220 จุด จากข้อมูลลบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เฟดเอ๊กซ์ บริษัทขนส่งสัญชาติอเมริกัน ที่แม้จะรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ผ่านมา ที่รายได้เพิ่มขึ้น 3% แต่ก็คาดว่าจะมีการปรับลดต้นทุนในปีหน้า รวมถึง เจเนอรัล อิเล็กทริกส์ หรือ จีอี บริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่สัญชาติอเมริกัน เช่นกัน ที่คาดการณ์อนาคตเศรษฐกิจของบริษัทว่าอาจไม่เป็นไปตามเป้า


รายงานระบุว่า

ราคาน้ำมันดิบตลาดไนเม็กซ์ ดิ่งลงไปแตะ 35.98 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2547 ก่อนขยับขึ้นมาปิดที่ระดับ 36.22 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล ทำให้หลังปิดตลาด ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ปิดที่ระดับ 8,604.99 จุด ลดลง 219.35 จุด ดัชนีหุ้นแนสแดคปิดที่ระดับ 1,552.37 จุด ลดลง 26.94 จุด และดัชนีหุ้นเอสแอนด์พีปิดที่ระดับ 885.34 จุด ลดลง 19.08 จุด

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ประหลาด หิมะตก"ลาสเวกัส"ครั้งแรกในรอบเกือบ 30 ปี </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา

เกิดหิมะตกในนครลาสเวกัส รัฐเนวาดา เป็นครั้งแรกในรอบ 30 ปี ทำให้สถานศึกษาต้องปิดการเรียนการสอน เนื่องจากหิมะตกสะสมกันหนาหลายนิ้ว และทำให้การจราจรขนส่งที่สนามบินระหว่างประเทศต้องหยุดชะงัก จนกระทั่งวันที่ 18 ธันวาคม สนามบินและทางหลวงในลาสเวกัสจึงสามารถเปิดบริการได้ตามปกติท่ามกลางแสงแดด


เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยา ประจำสำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติ กล่าวว่า เป็นหิมะตกหนักมากที่สุดในลาสเวกัสในรอบเกือบ 30 ปี และนับเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่สำคัญอย่างยิ่งของนครลาสเวกัส ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่ทะเลทรายที่แห้งแล้งที่สุดในอเมริกาเหนือ
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>สธ.แนะกิน 8 สมุนไพรไทย ต้านไข้หวัด </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>วันนี้ (19 ธ.ค.) นพ.นรา นาควัฒนานุกูล อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้สภาพอากาศประเทศไทยกำลังหนาวเย็น

โรคที่ประชาชนมักป่วยกันมากในฤดูนี้ ได้แก่ โรคระบบทางเดินหายใจ มากที่สุด คือ ไข้หวัด เนื่องจากอากาศมีความชื้นน้อย มีปริมาณฝุ่นละอองมากกว่าฤดูอื่น จึงทำให้เกิดระคายเคืองระบบทางเดินหายใจได้ง่ายขึ้น โดยทั่วไปเมื่อเป็นไข้หวัด อาการจะทุเลาไปเองประมาณ 1 สัปดาห์ ไม่ต้องกินยา ในระหว่างที่ป่วยให้จิบน้ำอุ่น พักผ่อนให้มาก ๆ

แต่สิ่งที่เป็นเรื่องน่ารำคาญของโรคนี้ คือ น้ำมูกไหล ไอ จาม เจ็บคอ และหายใจลำบาก

โดยจากการสำรวจพืชสมุนไพรพื้นบ้านของกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ พบว่า มีสมุนไพรไทยพื้นบ้านหลายชนิดที่บรรเทาอาการ แต่มี 8 ชนิด ที่นิยมใช้เพื่อบรรเทาอาการไข้หวัด ลดอาการไอ ลดการระคายเคืองคอจากเสมหะ ได้แก่ ขิง ดีปลี เมล็ดเพกา มะขามป้อม มะขาม มะนาว มะแว้งเครือ และมะแว้งต้น ซึ่งสมุนไพรเหล่านี้มีอยู่ตามพื้นบ้านทุกภาคอยู่แล้ว มีสรรพคุณต่างกัน สามารถเลือกใช้ได้ตามอาการ.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>หลวงพ่อคูณ'ให้พรรับปีใหม่ ตร.เข้มขายเหล้า <TABLE borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>พระเกจิดัง"หลวงพ่อคูณ"ให้พรปีใหม่ คนไทยทั้งประเทศ รักสามัคคีกันเหมือนบรรพบุรุษในอดีตจะนำพาประเทศชาติเจริญอย่าสร้างความแตกแยกวุ่นวาย

หมั่นรักษาศีล 5 ทำความดี ชีวิตจะเป็นสุข เตือนสติคนดื่มสุรา ขับรถอย่าประมาท ทำอะไรต้องมีสติ ด้านตำรวจสั่งระดมกำลังทั่วประเทศดูแลความเรียบร้อย พร้อมให้บริการนักท่องเที่ยวตลอด 24 ชั่วโมง สสส.ประสานพันธมิตร พร้อมรับมืออุบัติเหตุปี 51 ชี้ ตาย-เจ็บ ปีใหม่ สูญกว่าหมื่นล้าน ดื่มแล้วขับเสี่ยงตาย 10 เท่า

เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. พระเทพวิทยาคม หรือ หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา

กล่าวอวยพรเนื่องในโอกาสเทศกาลปีใหม่ 2552 ว่า ปีเก่ากำลังจะผ่านไป ปีใหม่ใกล้จะมาถึง ไม่มีใครสามารถจะหยุดเวลานั้นไว้ได้ ความแก่ความตายตามมาทุกวินาทีไม่มีใครหนีพ้น จึงขอให้พี่น้องประชาชนทั้งหลาย จงรักษาศีล 5 สร้างบุญกุศลทำบุญทำทานกันเข้าไว้ จะประสบแต่ความสุขความเจริญ คนไหนที่ทำแต่ความดีมาโดยตลอด ขอให้ทำดีกันต่อไป ส่วนคนไหนทำอะไรเป็นสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม ขอให้ลด ละ เลิกกันเสีย ให้นึกถึงบรรพบุรุษที่เคยสร้างสมแต่คุณงามความดี เคยนำพาประเทศชาติบ้านเมืองของเราให้อยู่รอด

หลวงพ่อคูณ กล่าวต่อว่า ขอให้ทำตามบรรพบุรุษของเราอย่าได้ไปคิดก่อความวุ่นวาย ก่อความแตกแยกให้กับบ้านเมืองกันเลย ต้องมีเมตตารักใคร่เกื้อกูลซึ่งกันและกัน

บ้านเมืองของเรา จึงจะได้เจริญและสงบสุขเสียที ในโอกาสปีใหม่นี้ใครที่จะจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ขอให้ดื่มสุราแค่พอหอมปากหอมคอ ส่วนคนที่จะต้องเดินทางขอให้ใช้ความระมัดระวังและอย่าประมาทขาดสติเป็นอันขาด โชเฟอร์รถโดยสารประจำทางต้องมีสติเพราะทุกคนฝากชีวิตไว้กับท่าน ถ้าประมาทขาดสติอาจจะเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิต เสียทรัพย์สิน จะเดือดร้อนเป็นทุกข์กายทุกข์ใจ แต่ละปีมักมีข่าวเกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตบาดเจ็บเพราะความประมาท จึงขอให้จดจำกันไว้ให้ดีเน้อลูกหลานเน้อ



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.ต.สัณชัย สุนทรปุระ ผบก.สท. เปิดเผยว่า พล.ต.อ. ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร.ได้มีหนังสือด่วนที่สุดถึง บช.น. บช.ก. บช.ส. บช.ปส. สตม. ตชด. สนว.ตร. ภ.1-9 พธ. และ สท.

ให้ดำเนินการวางมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและอำนวยความสะดวกด้านจราจรในช่วงเทศกาล คริสต์มาสและเทศกาลปีใหม่ ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค. 51-5 ม.ค. 52 ขณะที่ พล.ต.ท.เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน เลขานุการ ศปช.ตร. เปิดเผยว่า สตช. ร่วมกับ ศปช.ตร. จัดทำโครงการรณรงค์

 

:z16

คำเตือน โลกกำลังเข้าสู่กาลียุค จะเกิดภัยธรรมชาติจากดิน

น้ำ ไพ ลม จะเกิดมหาสงครามโลกครั้งที่ ๓ มนุษย์จะตายไป

กว่าครึ่ง

อ่านไป อ่านมา เหมือน ว่า เรา กำลัง เข้ามาในช่วง ตลาด กำลังจะวาย ....

 

จำลองภัยดินถล่ม เตรียมพร้อมหนีภัย​

อธิบดีกรมทรัพยากรธรณีกล่าวเปิดโครงการ​

​

ภาพจำลองเหตุการณ์ขณะเกิดภัยดินถล่ม​

นายอภิชัย ชวเจริญพันธ์ อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี นายวรวุฒิ ตันติวนิช ที่ปรึกษาฯ เป็นประธานใน โครงการเตรียมความพร้อม จำลองเหตุกรณีเกิดธรณีพิบัติภัย ณ บริเวณบ้านห้วยตม ตำบลบ้านตึก อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2551 ที่ผ่านมา โดยร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่เสี่ยงกว่า 200 คน โดยได้รับเกียรติจากรองผู้อำนวยการศูนย์เตือนนภัยพิบัติแห่งชาติเข้าร่วมด้วย ผู้เข้าร่วมโครงการนี้ ประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หน่วยงานภาครัฐ ได้แก่ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด (ปภ.) ตำรวจบ้าน ทีม อปพร.เป็นต้น ซึ่งให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ในโครงการนี้

นายนิยม ปัญโย ผู้ใหญ่บ้านห้วยตม กล่าวแสดงความรู้สึกในโครงการดังกล่าวว่า ขอบคุณวิทยากรจากกรมทรัพยากรธรณี ที่มาให้ความรู้ความเข้าใจในการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน เพราะในปี 2549 ที่ผ่านมา พื้นที่บริเวณนี้ก็ได้รับความเสียหายเช่นกัน จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ได้เข้ามาให้ความรู้และปฏิบัติงานในลักษณะนี้อีก นายทองมั่น ยอดคำ หน่วยกู้ชีพ กู้ภัยจากหมู่ 8 บ้านห้วยตม กล่าวว่าภายหลังจากที่ได้รับแจ้งให้มีการเตรียมพร้อม ทางทีมงานก็จะได้รับการประสานจากทางผู้ใหญ่บ้าน เพื่อแจ้งให้ประชาชนมีความพร้อมในการอพยพและขอขอบคุณทีมงานทุกคน

วันที่ 28 ก.ค. 2551
กลุ่มงานประชาสัมพันธ์ กรมทรัพยากรธรณี

ที่มา http://www.dmr.go.th/

 

<TABLE height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width="100%" height="100%"><TABLE height="100%" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR vAlign=top><TD align=middle><TABLE width="98%"><TBODY><TR><TD class=Title colSpan=2>รายงานแผ่นดินไหว </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE width="98%"><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=middle><SCRIPT type=text/javascript> var strSrcFile='./animation/earthquake?ver=2008-12-20';var strXmlFile='.%2Fanimation%2FEQ_query.php%3Fid%3D912%26d%3D2008-12-20'; if (strSrcFile!="") { AC_FL_RunContent ( 'codebase' ,'http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=9,0,28,0', 'width' ,'450', 'height' ,'330', 'src' ,strSrcFile, 'quality' ,'high', 'pluginspage' ,'http://www.macromedia.com/go/getflashplayer', 'movie' ,strSrcFile, 'FlashVars' ,'file=' + strXmlFile ); } </SCRIPT><OBJECT codeBase=http://download.macromedia.com/pub/shockwave/cabs/flash/swflash.cab#version=9,0,28,0 height=330 width=450 classid=clsid:d27cdb6e-ae6d-11cf-96b8-444553540000>
























<embed width="450" height="330" src="./animation/earthquake.swf?ver=2008-12-20" quality="high" pluginspage="http://www.macromedia.com/go/getflashplayer" FlashVars="file=.%2Fanimation%2FEQ_query.php%3Fid%3D912%26d%3D2008-12-20" type="application/x-shockwave-flash" ></embed></OBJECT></TD></TR><TR><TD vAlign=center align=middle width="100%" height=35><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width=450><TBODY><TR><TD align=middle bgColor=#abcdef colSpan=2 height=1></TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#ffffff colSpan=2 height=1></TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#abcdef colSpan=2 height=25>แผ่นดินไหวที่ KEPULAUAN MENTAWAI REGION, INDONESIA </TD></TR><TR><TD>ขนาด</TD><TD>: 5.4 ริกเตอร์ </TD></TR><TR><TD>จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว</TD><TD>: KEPULAUAN MENTAWAI REGION, INDONESIA </TD></TR><TR><TD>วันที่</TD><TD>: 16 ธันวาคม 2551 04:18 น. </TD></TR><TR><TD>ละติจูด</TD><TD>: 3° 15' 00'' ใต้ </TD></TR><TR><TD>ลองจิจูด</TD><TD>: 100° 51' 00'' ตะวันออก </TD></TR><TR><TD>ความลึกจากระดับผิวดิน</TD><TD>: 54 กิโลเมตร </TD></TR><TR><TD>เพิ่มเติม</TD><TD>: </TD></TR><TR><TD align=middle bgColor=#abcdef colSpan=2 height=1></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE width="100%"><TBODY><TR><TD class=subtitle colSpan=8>รายงานแผ่นดินไหวในรอบ 15 วัน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#d9d9d9 cellSpacing=0 borderColorDark=#ffffff cellPadding=3 width="100%" borderColorLight=#d9d9d9 border=1><TBODY><TR class=RH><TD>วันที่</TD><TD>เวลา</TD><TD>จุดศูนย์กลาง</TD><TD>ละติจูด</TD><TD>ลองจิจูด</TD><TD>ขนาด</TD><TD>ลึกจากพื้นดิน</TD><TD>หมายเหตุ</TD></TR><TR class=RADS align=middle><TD>16 ธ.ค. 51</TD><TD>04:18</TD><TD align=left>KEPULAUAN MENTAWAI REGION, INDONESIA</TD><TD>3° 15' 00'' S</TD><TD>100° 51' 00'' E</TD><TD>5.4 </TD><TD>54 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RDS align=middle><TD>14 ธ.ค. 51</TD><TD>02:00</TD><TD align=left>SERAM, INDONESIA</TD><TD>2° 56' 24'' S</TD><TD>129° 52' 12'' E</TD><TD>5.3 </TD><TD>40 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RADS align=middle><TD>12 ธ.ค. 51</TD><TD>04:40</TD><TD align=left>MINAHASA, SULAWESI, INDONESIA</TD><TD>0° 36' 36'' N</TD><TD>123° 00' 36'' E</TD><TD>6.3 </TD><TD>33 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RDS align=middle><TD>12 ธ.ค. 51</TD><TD>00:06</TD><TD align=left>KEPULAUAN MENTAWAI REGION, INDONESIA</TD><TD>3° 36' 00'' S</TD><TD>100° 36' 36'' E</TD><TD>5.9 </TD><TD>2 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RADS align=middle><TD>11 ธ.ค. 51</TD><TD>21:23</TD><TD align=left>MOLUCCA SEA</TD><TD>1° 34' 48'' N</TD><TD>126° 34' 48'' E</TD><TD>5.5 </TD><TD>50 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RDS align=middle><TD>11 ธ.ค. 51</TD><TD>12:35</TD><TD align=left>RYUKYU ISLANDS, JAPAN</TD><TD>27° 34' 48'' N</TD><TD>128° 01' 12'' E</TD><TD>5.0 </TD><TD>60 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RADS align=middle><TD>10 ธ.ค. 51</TD><TD>04:00</TD><TD align=left>NICOBAR ISLANDS, INDIA REGION</TD><TD>7° 36' 36'' N</TD><TD>92° 15' 00'' E</TD><TD>5.2 </TD><TD>10 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RDS align=middle><TD>08 ธ.ค. 51</TD><TD>04:18</TD><TD align=left>TAIWAN REGION</TD><TD>23° 52' 48'' N</TD><TD>122° 06' 36'' E</TD><TD>5.3 </TD><TD>35 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RADS align=middle><TD>06 ธ.ค. 51</TD><TD>17:48</TD><TD align=left>MINAHASA, SULAWESI, INDONESIA</TD><TD>0° 32' 24'' N</TD><TD>120° 33' 36'' E</TD><TD>5.0 </TD><TD>37 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RDS align=middle><TD>06 ธ.ค. 51</TD><TD>07:43</TD><TD align=left>NICOBAR ISLANDS, INDIA REGION</TD><TD>8° 43' 12'' N</TD><TD>93° 59' 24'' E</TD><TD>5.0 </TD><TD>35 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RADS align=middle><TD>06 ธ.ค. 51</TD><TD>06:24</TD><TD align=left>NICOBAR ISLANDS, INDIA REGION</TD><TD>8° 46' 48'' N</TD><TD>94° 07' 48'' E</TD><TD>5.0 </TD><TD>40 </TD><TD align=left> </TD></TR><TR class=RF><TD> </TD><TD>เวลาไทย</TD><TD> </TD><TD> </TD><TD> </TD><TD>ริกเตอร์</TD><TD>กิโลเมตร</TD><TD> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD><TD width=160><TABLE class=TableBorder cellPadding=3><TBODY><TR><TD><TABLE style="FONT-SIZE: 14px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=155><TBODY><TR align=middle><TD class=14BWhite bgColor=#848589 height=25>Update ! </TD></TR><TR align=middle><TD bgColor=#e5e7ed><TABLE style="FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif',Tahoma" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=150><TBODY><TR><TD vAlign=bottom height=40> </TD><TD>เรดาร์ตรวจอากาศ </TD></TR><TR><TD> </TD><TD>ภาพถ่ายดาวเทียม </TD></TR><TR><TD> </TD><TD>แผนที่อากาศ </TD></TR><TR><TD> </TD><TD>ข้อมูลลุ่มน้ำ </TD></TR><TR><TD> </TD><TD>NWP Model </TD></TR><TR><TD> </TD><TD>GIS </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR align=middle bgColor=#e5e7ed><TD height=5></TD></TR><TR align=middle><TD class=14BWhite bgColor=#848589 height=25>News ! </TD></TR><TR align=middle><TD bgColor=#e5e7ed><TABLE style="FONT-FAMILY: 'MS Sans Serif',Tahoma" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=150><TBODY><TR><TD vAlign=bottom height=40> </TD><TD>เตือนภัย </TD></TR><TR><TD vAlign=bottom> </TD><TD>เส้นทางเดินพายุ </TD></TR><TR><TD> </TD><TD>รายงานแผ่นดินไหว </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR align=middle bgColor=#e5e7ed><TD height=2></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE><TBODY><TR><TD height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE class=TableBorder cellPadding=3><TBODY><TR><TD><TABLE style="FONT-SIZE: 14px" cellSpacing=0 cellPadding=0 width=155><TBODY><TR bgColor=#d3d8e6><TD> </TD><TD>สำนักแผ่นดินไหว </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TFOOT vAlign=bottom><TR><TD><TABLE height=25 cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD align=right width=99 bgColor=#86a3dd><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=99><TBODY><TR align=right><TD vAlign=bottom></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD class=14pxWhite vAlign=top width="100%" background=/images/bgb_left.gif height=20><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD class=SmallText> ติดต่อเรา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TFOOT></TABLE></P>

 

<TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>คนแก่ไม่ค่อยปล่อยวาง สมองวอกแวกรบกวนความจำ </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>พบผู้สูงอายุขาดความสามารถปล่อยทิ้งเรื่องวอกแวกผ่านเลยไปเสีย จึงเป็นเหตุให้ ไปรบกวนความสามารถในการจำสิ่งต่างๆ

นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันวิจัยรอตมัน ที่นครโตรอนโต ประเทศแคนาดา แจ้งว่า ได้ศึกษา พบว่า สมองของผู้สูงอายุ สูญเสียความสามารถพิเศษ ที่จะตัดทิ้งเสียงรบกวนต่างๆ ออกไป จึงไปทำให้เกิดความล้มเหลวในการจดจำไป

พวกเขาได้ศึกษากับผู้สูงอายุที่มาอาสาสมัคร ด้วยเครื่องตรวจสมองด้วยคลื่นสนามแม่เหล็กไฟฟ้ากำลังสูง และเปิดเผยว่า “สมองของผู้สูงอายุ ในบริเวณซึ่งปกติควรจะสงบอยู่ หรือไม่ก็นิ่งเสีย กลับแสดงอาการว่าถูกปลุกขึ้นบ่อยๆ”.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เคล็บลับป้องกันสมองเสื่อม </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>กองบรรณาธิการ หลาย ๆ คนอาจจะกำลังกังวลถึงความจำของตัวเองที่หลัง ๆ เริ่มจะมีอาการขาด ๆ หาย ๆ บ้างไปบางระยะ

เท่านั้นยังไม่พอความจำที่เคยจำได้ดีก็ไม่เหมือนก่อน ฉะนั้นถ้าคุณอยากมีความจำดี ก็จำเป็นต้องหาวิธีที่จะดูแลป้องกันไม่ให้ โรคสมองเสื่อมมาเยือน วันนี้มีวิธีง่าย ๆ ป้องกันสมองเสื่อม มาฝากกันค่ะ

1. กินอาหารที่มีประโยชน์ การกินผักและผลไม้เป็นประจำจะทำให้ร่างกายได้วิตามินบีหลายตัว ผักใบเขียวจัด ๆ ยังมีสารโคลีนที่สามารถซึมเข้าไปได้ถึงสมองโดยตรง ร่างกายของเราจะอาศัยสารที่มีประโยชน์จากผักใบเขียวนี่แหละไปสร้างสื่อสัญญาณประสาท ทำให้สมองของเราทำงานไม่ติดขัด ความจำดี นอกจากนี้แล้วการกินผักผลไม้ จะทำให้ร่างกายเราได้รับวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอีกด้วย

ผักและผลไม้ที่เป็นแหล่งของวิตามิน บี 6 ซึ่งเป็นสารอาหารจำเป็นสำหรับการทำงานของสมอง ได้แก่ ใบบัวบก กระหล่ำดอก บร็อกโคลี แคนตาลูป ถั่วเหลือง ถั่วลิสง เป็นต้น ดังนั้นพืชผักเหล่านี้จึงสมควรกินเป็นประจำ

2. ออกกำลังกาย เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับคนที่อยากมีสุขภาพดี เช่น การวิ่ง การปั่นจักรยาน หรือ แอโรบิก ช่วยให้ระบบไหลเวียนของเลือดทำงานดีขึ้น และช่วยกำจัดไขมันที่เกาะตามเส้นเลือด นั่นหมายความว่าเลือดจะสามารถนำออกซิเจนและสารอาหารไปหล่อเลี้ยงสมองได้ดียิ่งขึ้นนั่นเอง การออกกำลังกายยังช่วยให้คุณนอนหลับสนิท ทำให้สมองได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ไม่ต้องถึงขนาดวิ่งวิบากก็ได้ แม้แต่การฝึกชี่กง โยคะ ก็ช่วยให้พัฒนาสมองได้อย่างยอดเยี่ยมเช่นกัน แต่อย่าลืมดื่มน้ำหลังการออกกำลังกายด้วย เพราะการขาดน้ำอาจทำให้สมองทำงานได้ไม่เต็มที่

3. บริหารสมอง หากต้องการชะลอความเสื่อมของสมอง คนเราจะต้องรู้จักใช้สมองในหลายขอบเขต แตกต่างกันไป เช่น ถ้าคุณมีความสามารถในเรื่องของการคิดเลขเร็ว คุณอาจจะต้องหัดรู้จักศิลปะด้วย ทั้งนี้เพื่อเป็นการกระตุ้นสมองอีกด้านหนึ่ง ไม่ให้ทำงานด้านเดียวจนเกินไป เพราะว่าการที่เราหัดทำอะไรที่เราไม่เคยทำมาก่อน จะเป็นการกระตุ้นให้เราสามารถใช้สมองได้อย่างเต็มที่ สมองของเราก็จะเสื่อมช้ากว่า อายุก็จะยืนยาวมากกว่า
4. หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ นึกถึงตอนที่คุณเมาจนจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนคุณทำตัวน่าอายแค่ไหนนั่นแหละครับ แม้จะเป็นเพียงแก้วสองแก้ว แอลกอฮอล์ก็สามารถไปรบกวนการสร้างความจำระยะยาว (Long-term memories) ได้เหมือนกัน การวิจัยอีกหลายชิ้นก็ชี้ว่า ยิ่งดื่มแอลกอฮอล์มากเท่าไรก็ยิ่งเสี่ยงต่อการทำลายความจำมากขึ้น เห็นแบบนี้แล้วอย่าใช้มันเป็นข้ออ้างในการดื่มเพื่อลืมเธอเลยนะคุณ ใจก็เสียไปแล้ว อย่าให้สมองเสียไปอีกเลย



</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>

FW​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center bgColor=#e2e2e2 border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>แผลพุพองเป็นลางบอกเหตุ สงสัยจะเสี่ยงโรคสมองเสื่อม </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE borderColor=#fac963 cellPadding=0 width=725 align=center border=5><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR bgColor=#ffffcc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 align=center bgColor=#f5f5f5 border=0><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle>ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>นักวิจัยได้หลักฐานเพิ่มมากขึ้นว่า การเกิดแผลพุพองที่ริมฝีปาก ทำให้เจ้าตัวตกอยู่ในความเสี่ยงของโรคสมองเสื่อม

นักวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ของอังกฤษกล่าวว่า ไวรัสที่ทำให้เป็นเริม เป็นตัวการใหญ่ ทำให้เกิดคราบโปรตีนจับที่สมอง ดังที่พบอยู่ในผู้ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อม แต่ในทางตรงกันข้าม การค้นพบก็ทำให้รู้ว่าพวกยาต้านไวรัส ที่ใช้รักษาแผลพุพองเหล่านั้น ก็อาจใช้ในการป้องกันโรคสมองเสื่อมได้เช่นกัน

ศาสตราจารย์รูธ อิตซากี้ กับคณะ ได้ค้นพบหลักฐานดีเอ็นเอ อันเป็นสารพันธุกรรมของไวรัสเริม แบบที่ 1 ใน คราบสมองของ ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมถึงร้อยละ 90

และได้สรุปว่า การค้นพบส่อให้เห็นอย่างแข็งแรงว่า ไวรัสที่ทำให้เกิดแผลพุพอง เป็นสาเหตุอันเป็นรากฐานของโรคสมองเสื่อม อาจารย์รูธอธิบายให้ฟังว่า “เราเชื่อว่าเชื้อไวรัสเริมแบบที่ 1 เข้าสู่สมองของผู้สูงอายุ ในยามที่ระบบภูมิคุ้มกันโรคเสื่อมโทรมลง ฝังตัวก่อการอักเสบขึ้นเงียบๆ และเมื่อผู้นั้นเกิดเครียด หรือภูมิคุ้มโรคอ่อนแอลง ก็จะไปปลุกมันขึ้นหนแล้วหนเล่า”.

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

*** สัจจธรรม แบ่งมนุษย์ ****

คือ.. ผู้ทำได้ กับ ผู้ทำไม่ได้

ผู้กล่าวทำในสิ่งดี แล้วทำได้จริง เกิดขึ้นจริง... ถูกประเมินเป็น ผู้ทำได้
ผู้กล่าวทำในสิ่งดี แล้วไม่ทำ ลืมทำ ไม่ว่าเจตนา หรือไม่เจตนา .... ถูกประเมินเป็น ผู้ทำไม่ได้

ส่วนผู้กล่าวทำในสิ่งที่ไม่ดี แล้วทำจริง...จัดเป็น ผู้ทำชั่ว
ผู้ทำชั่ว ....ย่อมได้รับผลตอบแทนที่ทุกข์ทรมานไปตามกรรม

เกิดเป็นมนุษย์ควรมี... ตัวกระทำจากสัจจะทำ ติดตัวไว้เป็นที่พึ่ง
คือ ตัวตัวกระทำที่ดี
คือ ตัวกระทำในการตัดสิ่งที่ชั่วร้ายไม่ดีออกไปจากชีวิต

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ดร.ไรซ์ บอกมีแต่คนปัญญาอ่อนเท่านั้นที่เชื่อคำประกาศของเกาหลีเหนือ​

​

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- ดร.คอนโดลีซซา ไรซ์ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ บอกกับผู้เชี่ยวชาญด้านวิเทศสัมพันธ์ว่า มีแต่คนปัญญาอ่อนเท่านั้นที่เชื่อคำพูดของเกาหลีเหนือว่ายุติโครงการนิวเคลียร์แล้วจริงๆ

ดร.ไรซ์ กล่าวในที่ประชุมนักวิชาการด้านวิเทศสัมพันธ์ระบุด้วยความไม่ไว้วางใจรัฐบาลเกาหลีเหนือ สหรัฐจึงให้ความสำคัญกับการตรวจพิสูจน์ว่าเกาหลีเหนือปิดโรงงานนิวเคลียร์และยุติโครงการตามที่ประกาศด้วยวาจาจริงหรือไม่ คำกล่าวที่ว่า มีแต่คนปัญญาอ่อนเท่านั้นที่จะเชื่อคำพูดของผู้แทนเกาหลีเหนือ ได้เรียกเสียงหัวเราะในที่ประชุมกราวใหญ่

ดร.ไรซ์ กล่าวว่า แม้เกาหลีเหนือจะประกาศอย่างชัดเจนและเต็มปากว่า ยอมยุติโครงการนิวเคลียร์ แต่ก็ไม่ยอมประกาศออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐได้ย้ำว่า ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเกลี้ยกล่อมให้เกาหลีเหนือยอมยุติโครงการนิวเคลียร์อย่างสิ้นเชิง และปกป้องการบรรลุข้อตกลงจากที่ประชุม 6 ฝ่ายเมื่อปี 2548 โดยย้ำว่า แม้จะยังไม่อาจพิสูจน์ได้แน่ชัดว่าเกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์แล้วจริง แต่อาจกล่าวได้ว่านับแต่บรรลุข้อตกลงเป็นต้นมา เกาหลีเหนือก็ไม่ได้ผลิตแร่พลูโตเนียม อันเป็นวัตถุดิบสำคัญในการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ออกมาอีกเลย ดร.ไรซ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า โอกาสประสบผลสำเร็จในปัญหาเกาหลีเหนือยังคงมีอยู่ แม้ที่ผ่านมาจะลุ่มๆ ดอนๆ บ้างก็ตาม. -สำนักข่าวไทย

2008-12-20 10:37:20

สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ลงนามซื้อขีปนาวุธจากสหรัฐ​

​

ดูไบ 20 ธ.ค.