ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. obniti

    obniti เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กันยายน 2007
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +305
    คุณfalkman ครับ
    วิธีใช้ยา พารา+ทามิฟลู+ยาเขียวที่ครูบาอาจารย์แนะนำทำยังไงครับ
    ขอบคุณครับ
    โอบนิธิ
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    แมลงปีกแข็งบุกวัด พระสึกหนี กลางคืนมาเป็นฝูง

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=630 border=0><TBODY><TR><TD align=left colSpan=2><TABLE class=black16 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=630 border=0><TBODY><TR><TD style="WIDTH: 630px; WORD-WRAP: break-word" colSpan=2>แมลงปีกแข็งจำนวนมากบุกวัดดังกลางอำเภอไต่ยั๊วะเยี๊ยะทั้งกุฏิ เผยมาตอนกลางคืนหลังฝนตก พระต้องเอาทิชชู่อุดหูกันแมลงเข้า บางรูปถึงกับสึกหนีเพราะทนไม่ไหว ..

    เหตุการณ์แมลงบินว่อนเต็มวัดครั้งนี้เปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 28 เม.ย. ผู้สื่อข่าวไปที่วัดวังดินสอ หมู่1 ต.วังดินสอ อ.วังทอง จ.พิษณุโลก หลังมีชาวบ้านร้องเรียนว่ามีแมลงจำนวนมากเข้าไปอาศัยอยู่ที่กุฏิพระสร้างความเดือดร้อนให้แก่พระสงฆ์จนต้องหนีไปจำวัดบนศาลาการเปรียญ เมื่อไปถึงพบพระลูกวัดและเด็กวัดช่วยกันกวาดตัวแมลงที่ไต่อยู่ภายในกุฏิและศาลาการเปรียญและบนพื้นดิน เป็นแมลงปีกแข็ง ลำตัวสีดำ ยาวประมาณ 0.5 เซนติเมตร

    จากการสอบถามพระปิ่น วิสารโท พระลูกวัด เล่าให้ฟังว่า หลังเกิดฝนตกหนักได้มีแมลงจำนวนนับแสนตัวบุกเข้ามาอาศัยอยู่ในวัด โดยเฉพาะตอนกลางคืนจะบินมาเป็นฝูงเข้าไปอยู่ในกุฏิที่พระลูกวัดจำพรร ษาอยู่ 3 รูป แมลงดังกล่าวจะมุดมุ้งเข้าไปไต่เต็มที่นอนและเมื่อถูกตัวจะมีอาการคันทำให้ต้องลุกมาสรงน้ำกลางดึก 3-4 รอบต่อคืน และเวลาจำวัดต้องนำกระดาษทิชชู่มาอุดหูเพื่อป้องกันไม่ให้แมลงไต่เข้าหู ทำให้ ต้องย้ายมานอนที่ศาลาการเปรียญแทน แต่ก็ยังโดนแมลงตามมาสร้างความรำคาญอีก จนอยากจะย้ายไปจำพรรษาที่วัดอื่นแทน

    ทางด้าน นายอนุกูล คอนจั่น อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่39 หมู่1 ต.วังนกแอ่น อ.วังทอง จ.พิษณุโลก พนักงานของ กทม.เขตปทุมวัน ฝ่ายรักษาความสะอาด ซึ่งมาบวชเป็นพระอยู่ที่วัดวังดินสอและสึกได้ 2 วันแล้ว เปิดเผยว่าเพราะทนแมลงไม่ไหว ได้ทำหนังสือขอความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่ตนทำ งานอยู่ ได้ส่งยาฆ่าแมลงมาให้จำนวนหนึ่ง หลังจากพ่นไปแล้วทำให้แมลงเบาบางลงไป ขณะนี้ยาหมดแล้ว กลัวว่าแมลงจะสร้างความเดือดร้อนให้กับพระที่วัดอีก จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยกำจัดด้วย

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD width="50%">แหล่งข่าว หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ( 29-04-2009 ) 09:21:30</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ที่มา http://mediathai.net/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2009
  3. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    <O:p</O:p
    1 พ.ค. 52
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    หมูนานาชาติ
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
    คิดว่าจะไม่มา แต่ก็คิดผิด ขอให้ทุกท่านดูแลสุขภาพให้ดี<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    <O:p</O:p
     
  4. วรเดช

    วรเดช เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    1,753
    ค่าพลัง:
    +6,146
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ลูกจ้างแห่ลาออกกลับบ้านนอก </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นายพยุงศักดิ์ ชาติสุทธิผล รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันแรงงานกว่า 1-2 หมื่นรายได้ลาออกจากงาน

    เพราะผู้ประกอบการลดเวลาทำงานล่วงเวลา (โอที) ลดเงินเดือน และลดวันทำงาน ตามคำสั่งซื้อที่ลดลงเฉลี่ย 30% โดยเฉพาะกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ สิ่งทอ เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนใหญ่ให้เหตุผลว่ารายได้จากค่าโอทีมากกว่าเงินเดือนประจำ ส่งผลให้รายได้แต่ละเดือนไม่เพียงพอกับรายจ่าย ค่าเช่าบ้าน อาหาร ค่าเลี้ยงดูบุตร เบื้องต้นพบว่าผู้ที่ลาออกหลายรายได้กลับไปอยู่ในต่างจังหวัดไปทำไร่ ทำนา

    ทั้งนี้ยอมรับว่าบริษัทหลายแห่งได้ช่วยเหลือแรงงานโดยการชะลอเลิกจ้างเพื่อให้ลูกจ้างมีรายได้ในระดับหนึ่งไปก่อน

    แต่จำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายเพื่อประคองธุรกิจให้อยู่รอด เบื้องต้นอยากให้ผู้ประกอบการที่ยังมีกำลังทรัพย์หรือสภาพคล่อง ดูแลแรงงานเหมือนกับบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น “ยอมรับว่าพนักงานในภาคอุตสาหกรรมหลายแห่งมีเงินเดือนไม่มาก ส่วนใหญ่จะได้รับเงินค่าเบี้ยขยันมากกว่า โดยบางช่วงที่มีเทศกาลวันหยุดหลายวันติดต่อกันได้ค่าโอทีถึง 20-25% ของเงินเดือน แต่เมื่อลดลงหรือเลิกค่าโอที ทำให้หลายรายต้องลาออกส่วนใหญ่กลับไปบ้านทำไร่ทำนา พร้อมทั้งนำเงินออมที่เก็บไว้ไปใช้จ่ายอย่างน้อยลดปัญหาค่าครองชีพที่สูงได้ระดับหนึ่ง”

    นายพยุงศักดิ์ กล่าวว่า ในไตรมาส 3 ของปี 52 ผู้ประกอบการหลายรายเริ่มเห็นสัญญาณที่ดีของภาคการผลิต ซึ่งอาจมีการจ้างงานเพิ่มขึ้นในระดับหนึ่ง

    เนื่องจากสต๊อกสินค้าใกล้หมดแล้วโดยปัจจุบันอยู่ที่ 2-3 เดือนน้อยกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนที่บางภาคอุตสาหกรรมมีสต๊อกสูงถึง 7-8 เดือน รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า นายไพฑูรย์ แก้วทอง รมว.แรงงาน ได้รายงานให้ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ รับทราบสถานการณ์การเลิกจ้างแรงงานโดยยืนยันว่ามีแนวโน้มดีขึ้นมาก คือจำนวนผู้ประกันตนที่มาขึ้นทะเบียนขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานเริ่มลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังจากที่เพิ่มสูงสุดในเดือน ก.พ. ที่สูงถึง 101,939 คน โดยลดลงเป็น 81,842 คน ในเดือน มี.ค. ขณะที่จำนวนผู้ประกันตนที่กลับ เข้าทำงานมีแนวโน้มคงที่ คือเดือนละ 18,000-20,000 คนเศษ และคาดว่าภายในเดือน เม.ย. นี้การเลิกจ้างแรงงานจะลดลงเหลือเพียง 50,000 คนเท่านั้น

    ขณะเดียวกันพบว่ามีแรงงานเสี่ยงต่อการถูกเลิกจ้างอีก 109,303 คน ส่วนใหญ่อยู่ในการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์, การผลิตยานยนต์และอุปกรณ์ขนส่ง, การผลิตผลิตภัณฑ์จากแร่อโลหะ โลหะ, การผลิต เครื่องเรือน เครื่องประดับ และเฟอร์นิเจอร์, บริการ ด้านธุรกิจอื่น และธุรกิจประเภทอื่น

    นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจสั่งการให้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ดูตัวเลขเศรษฐกิจให้ละเอียดว่าได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


    แม้ว่าตัวเลขการว่างงานและการลาออกจากงาน มีแนวโน้มดีขึ้นแต่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพราะการทำความเข้าใจให้ผู้ประกอบการชะลอการเลิกจ้างไม่สามารถทำได้เสมอไปหากพื้นฐานทางเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น นายอาทิตย์ วุฒิคะโร ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) กล่าวว่า ดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรมเดือน มี.ค. 52 ติดลบ 17.74% แต่เริ่มส่งสัญญาณดีขึ้นเป็นเดือนที่ 2 เมื่อเทียบกับเดือน ม.ค. ติดลบ 25.6% และเดือน ก.พ. ติดลบ 23.07% โดยอุตสาหกรรมรถยนต์การผลิตติดลบที่ 51.5% ยอดจำหน่ายติดลบ 47.8% เครื่องปรับอากาศการผลิตติดลบ 45.5% ยอดจำหน่ายติดลบ 33% เสื้อผ้าสำเร็จรูป การผลิตติดลบ 11.5% ยอดขายติดลบ 6.8%

    สำหรับไตรมาสที่ 2 คาดว่าดัชนีอุตสาหกรรมจะขยายตัวเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1 เพราะลูกค้าเริ่มสั่งซื้อสินค้า รวมทั้งปริมาณสินค้าคงคลังในหลายอุตสาหกรรมอยู่ในระดับที่ต่ำทำให้เริ่มมีการผลิตเพื่อรักษาสภาพสินค้าคงคลังของตนเอง.

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อียิปต์สั่งฆ่าหมูเกลี้ยง UN แย้งทำไม่ถูก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    อียิปต์ซึ่งเคยเกิดไข้หวัดนกระบาดสั่งฆ่าหมูทุกตัวในประเทศ หวังป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกระบาด แต่สหประชาชาติแย้งว่าเป็นมาตรการที่ไม่ถูกต้อง เพราะเชื้อไม่ได้แพร่จากหมูสู่คน



    อียิปต์มีผู้เสียชีวิต 26 คน เมื่อครั้งไข้หวัดนกระบาด ผู้เชี่ยวชาญเกรงว่าหากเกิดไข้หวัดใหญ่ระบาดอีก ไม่ว่าสายพันธุ์ใดก็ตาม อาจส่งผลเสียหายหนัก อียิปต์มีประชากร 80 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ประชาชนอาศัยอยู่อย่างหนาแน่นตามลุ่มแม่น้ำไนล์ ชุมชนแออัดทั้งในและรอบกรุงไคโร ส่วนหมูนั้นเลี้ยงโดยชนกลุ่มน้อยชาวคริสต์ รัฐบาลแถลงวานนี้ว่าจะเริ่มฆ่าหมูทุกตัวในประเทศและจะจ่ายค่าชดเชยให้แก่ผู้เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่าฟาร์มหมูในอียิปต์ไม่ถูกสุขอนามัย ทำให้ประชาชนหวาดกลัว

    ด้านนายโจเซฟ โดเมเนช หัวหน้าเจ้าหน้าที่สัตวบาลขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (เอฟเอโอ) ชี้ว่า การที่อียิปต์ฆ่าหมูทั้งประเทศมากถึง 400,000 ตัว เป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องอย่างยิ่ง เพราะโรคนี้ไม่ใช่ไข้หวัดหมู เอฟเอโอพยายามติดต่อเจ้าหน้าที่อียิปต์แต่ไม่สำเร็จ

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อินเดียพบผู้ต้องสงสัยไข้หวัดเม็กซิโกแล้ว</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD>[​IMG]</TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>

    ไข้หวัดเม็กซิโก ลามเอเชีย อินเดีย พบ ผู้ต้องสงสัยติดเชื้อ 1 ราย แพทย์กักตัว เพื่อรอดูอาการ


    นสพ.ไทม์ส ออฟ อินเดีย รายงานว่า พบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ สายพันธุ์ใหม่ที่เกิดขึ้นในเม็กซิโกในอินเดีย 1 ราย ซึ่งเพิ่งจะเดินทางกลับจากสหรัฐ เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ขณะนี้ ผู้ต้องสงสัยถูกกักตัวอยู่เพื่อรอดูอาการ โดยแพทย์เป็นผู้ตรวจ พบผู้ป่วยต้องสงสัยรายล่าสุดนี้ ที่บ้านพัก

    ทั้งนี้ ผู้ต้องสงสัยรายนี้เป็นชาวอินเดีย ที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศและได้เดินทางจากรัฐเท็กซัส มายังเมืองไฮเดอราบัด

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว และรูปภาพ คุณภาพดี โดย: INN NEWS
    [​IMG]</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    วิชาการชี้ไม่ช้าก็เร็ว “หวัดจังโก้” มาถึงไทยแน่<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 พฤษภาคม 2552 06:42 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=left border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=300 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=300>[​IMG] </TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=5>[​IMG]</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> นักวิชาการยันเชื้อหวัดจังโก้มาถึงประเทศไทยแน่ แต่บอกไม่ได้ว่าความเสี่ยงจะมากเพียงใด ชี้ ขณะนี้การแพร่กระจายของโรคอาจยกระดับเป็นระดับ 6 ด้วยซ้ำ เพราะการแพร่จากคนสู่คนทำได้ง่ายมาก

    ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ผู้อำนวยการศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกไวรัสสู่คน กล่าวว่า แนวโน้มที่ประเทศไทยจะมีการติดเชื้อผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกนั้น อาจมีผู้ป่วยแน่ๆ แต่ทั้งนี้ คงบอกไม่ได้ว่าประเทศไทยจะมีผู้ป่วยเมื่อใด และขณะนี้มีความเสี่ยงมากน้อยเพียงใด เสี่ยงกี่เท่าหรือกี่เปอร์เซ็นต์ สถานการณ์การระบาดของโรคดังกล่าวในขณะนี้แทบจะเรียกได้ว่ายกระดับมากกว่าระดับ 5 ที่มีการติดต่อจากคนสู่คน และแพร่กระจายข้ามประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ไปเป็นระดับ 6 ที่มีการข้ามทวีปได้ด้วยซ้ำ เพราะลักษณะการแพร่กระจายมันติดต่อกันจากคนสู่คนได้ง่ายมาก

    “มาตรการนี้ไม่ใช่หน้าที่ของ สธ.เพียงอย่างเดียว แต่สถานพยาบาลแต่ละแห่งจะต้องรับทราบตัวเองว่าจะมีแผนปฏิบัติการอย่างไร ตั้งแต่มีผู้ป่วยเดินทางมาถึงยังโรงพยาบาล จะแยกผู้ป่วยอย่างไร คัดกรองอย่างไร ส่งเชื้อไปตรวจยังห้องปฏิบัติการอย่างไร เมื่อผู้ป่วยกลับบ้าน จะมีการแจกคู่มือและวิธีการสอบถามอาการอย่างไร วิธีการขั้นตอนดังกล่าวจำเป็นที่สถานพยาบาลทุกแห่งในประเทศไทยควรมีการเตรียมความพร้อมและซักซ้อมแผนการดำเนินการทดลองสถานการณ์จริง เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคต ซึ่งขณะนี้ รพ.จุฬาฯได้เริ่มดำเนินการแล้ว โดยมีการประชุมเตรียมความพร้อมเรื่องดังกล่าว” ศ.นพ.ธีระวัฒน์ กล่าว

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>สหรัฐฯปิดโรงเรียน 300 แห่งใน 11 มลรัฐ ผวาภัยหวัดเม็กซิโก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>1 พฤษภาคม 2552 04:32 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=right border=0><TBODY><TR><TD width=5>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=335 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=335>[​IMG] </TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>แพทย์ตรวจร่างกายของเด็กน้อยรายหนึ่ง ขณะที่สหรัฐฯสั่งปิดโรงเรียนกว่า300แห่งหลังหวัดเม็กซิโกลุกลามขึ้นเรื่อยๆ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE> เอเอฟพี - โรงเรียนราว 300 แห่งใน 11 มลรัฐทั่วสหรัฐฯ ถูกสั่งปิดเมื่อวันพฤหัสบดี(30) ท่ามกลางความกังวลต่อการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโก กระทรวงศึกษาธิการแถลง

    โรงเรียนส่วนใหญ่ที่ต้องปิดทำการเรียนการสอนนั้นอยู่ในนิวยอร์กและเท็กซัส สองมลรัฐที่ยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อหวัดนี้สูงถึง 111 ราย นิวยอร์ก 50 ราย เท็กซัส 26 ราย ขณะเดียวกันก็มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 รายในเท็กซัส เป็นเด็กเล็กชาวเม็กซิโก ซึ่งถือเป็นเคสแรกเคสแรกที่พบการตายนอกเม็กซิโก

    นอกจากนี้ในช่วงค่ำวันพฤหัสบดี(30) จอน คอร์ซิเน ผู้ว่าการรัฐนิวเจอร์ซีย์ ยืนยันว่ามีผู้ติดเชื้อ2009 H1N1 5 ราย หลังจากทางรัฐได้รับผลตรวจจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อ

    ก่อนหน้านี้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคติดต่อของสหรัฐฯ ยืนยันการแพร่ระบาดใน 11 รัฐ คือ แคลิฟอร์เนีย เทกซัส แคนซัส นิวยอร์ก โอไฮโอ อินดีแอนา นิว เจอร์ซีย์ แอริโซนา แมสซาชูเซตส์ มิชิแกน และเนวาดา ขณะเดียวกันหน่วยงานอื่นๆยืนยันพบผู้ติดเชื้อเพิ่มเติมอีกที่เดลาแวร์ โคโลราโด มินนิโซตา จอร์เจียและเนบราสกา

    คำสั่งปิดโรงเรียนดังกล่าวกระทบต่อเด็กราว 169,000 คน จากราว 55 ล้านคน ข้อมูลของกระทรวงศึกษาธิการระบุ ทั้งนี้สถานศึกษาบางแห่งมีกำหนดเปิดการเรียนการสอนอีกครั้งในช่วงสุดสัปดาห์ หลังปฏิบัติการตรวจหาผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัดเม็กซิโกเสร็จสิ้น

    แถลงการณ์ของกระทรวงศึกษาธิการสหรัฐฯยังระบุด้วยว่ามีกรณีต้องสงสัยผู้ติดเชื้อหวัดบ้างในมหาวิทยาลัยเช่นกัน โดยเฉพาะในแคลิฟอร์เนีย อย่างไรก็ตามยังไม่มีมหาวิทยาลัยใดปิดการเรียนการสอน

    ประธานาธิบดีบารัค โอบามาได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อการเสียชีวิตของเด็กชาวเม็กซิกันวัย 23 เดือนในมลรัฐเทกซัสเมื่อวันพฤหัสบดี(29) พร้อมให้คำมั่นว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อควบคุมผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสชนิดนี้

    นอกจากนี้ โอบามายังได้เรียกร้องให้หน่วยงานด้านสาธารณสุขในระดับท้องถิ่นดำเนินการเฝ้าระวัง และแนะให้ปิดโรงเรียนถ้ามีคำยืนยันว่าพบผู้ติดเชื้อด้วย

    อย่างไรก็ตาม โอบามา ยืนกรานจะไม่มีการสั่งปิดพรมแดนระหว่างสหรัฐฯ กับเม็กซิโกที่มีความยาวถึง 3,169 กิโลเมตรอย่างแน่นอน เนื่องจากไม่เชื่อว่าวิธีนี้จะช่วยยับยั้งการระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกได้และถือเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุด

    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>"ไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก"รุนแรงแค่ไหน ฟังทัศนะของนักวิทยาศาสตร์เอเชีย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>30 เมษายน 2552 23:30 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>
    [​IMG]
    เจ้าหน้าที่ไทยฉีกสารเคมีป้องกันโรคระบาด บนเครื่องบินของการบินไทยที่สนามบินสุวรรณภูมิ

    เอเจนซี- องค์การอนามัยโลกระบุว่า โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกกำลังจะกลายเป็น โรคระบาดแพร่หลายกว้างขวาง (pandemic) แล้ว หลังจากที่พบว่าไวรัสสายพันธุ์นี้แพร่กระจายในมนุษย์ได้อย่างรวดเร็วมาก

    ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่สามในรอบ 10 ปี ที่ผู้เชี่ยวชาญระบุว่ามีการระบาดของโรคซึ่งมีศักยภาพถึงขั้นกลายเป็น โรคระบาดแพร่หลายกว้างขวาง โดยก่อนหน้านี้คือกรณีของ โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส์) ในปี 2003 และไข้หวัดนกสายพันธุ์ "เอช5เอ็น1" ซึ่งพบผู้ติดเชื้อรายแรกในฮ่องกงเมื่อปี 1997 จากนั้นก็มีการแพร่ระบาดสู่มนุษย์อยู่เป็นพักๆ

    นักวิทยาศาสตร์ชั้นนำในเอเชียซึ่งผ่านประสบการณ์การรับมือกับซาร์ส์และไข้หวัดนกมาแล้ว ให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ไว้ดังต่อไปนี้

    **กวนยี นักจุลชีววิทยาแห่งมหาวิทยาลัยฮ่องกง**

    "เห็นได้ชัดว่าไวรัสนี้กำลังกลายโรคระบาดแพร่กระจายประจำถิ่น (endemic) ในบางประเทศแล้ว เชื้อไวรัสนี้มีฤทธิ์อ่อนมาก แต่นี่เป็นแค่รูปแบบหนึ่งเท่านั้น เมื่อปี 1918 ไข้หวัดใหญ่สเปน กลายเป็นโรคระบาดแพร่หลายกว้างขวาง ในระลอกแรกของการระบาดเชื้อก็มีฤทธิ์อ่อนเช่นกัน แต่พอถึงฤดูใบไม้ร่วง และโรคเข้าสู่ระลอกที่ 2 ก็มีคนเสียชีวิตมากมาย ดังนั้นไวรัสนี้จะเหวี่ยงไปข้างไหน เรายังไม่สามารถรู้ได้

    ในขณะนี้ มีโอกาสที่มันจะเป็นเชื้อที่มีฤทธิ์อ่อน แต่เราไม่สามารถบอกปัดไปเลยว่ามันจะไม่เปลี่ยนแปลงกลายเป็นเชื้อที่สำแดงฤทธิ์รุนแรง และกระทั่งเมื่อมันเปลี่ยนไปมีฤทธิ์อ่อนลงไป มันก็ยังสามารถทำให้คนตายได้อยู่ดี ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของผู้ติดเชื้อ

    แล้วใครกันที่จะกล้าพูดว่าเชื้อนี้จะไม่กลับไปรวมเข้ากับ (เชื้อไข้หวัดนก) เอช5เอ็น1 ในกรณีของโรคระบาดแพร่หลายกว้างขวางนั้น อัตราการติดเชื้อจะอยู่ในระดับสูงกว่าไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และโอกาสที่ไวรัสนี้จะพบและผสมกับ เอช5เอ็น1 ก็ยิ่งสูงขึ้นเป็นไหนๆ ถ้าเชื้อนี้เข้าไปในอียิปต์, อินโดนีเซีย อันเป็นท้องถิ่นที่เอช5เอ็น1แพร่ระบาดอยู่ มันก็สามารถเปลี่ยนไปกลายเป็นเอช5เอ็น1ที่ทรงพลังมากๆ ซึ่งสามารถติดต่อระหว่างคนกับคนได้อย่างยิ่ง คราวนี้แหละเราจะต้องลำบากกันมากๆ มันจะกลายเป็นโศกนาฏกรรม

    สำหรับในตอนนี้ เราจำเป็นต้องจำกัดการติดต่อ และรักษาคนป่วย แยกพวกคนป่วยออกมา และทำการกักกันโรคต่อคนป่วยเหล่านี้ เรามีความสามารถเพิ่มขึ้นมากในการรับมือกับเชื้อนี้ ภายหลังเผชิญกับโรคซาร์ส และเชื้อเอช5เอ็น1มาหลายยกแล้ว นี่เป็นเรื่องทีเห็นชัดเจน และเราก็มียาต่อต้านไวรัสที่ใช้ได้ผลอีกด้วย

    **โลวิงหลก ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดต่อในฮ่องกง**"การระบาดระลอกแรกนี้สามารถที่จะควบคุมจำกัดวงเอาไว้โดยอาศัยภูมิอากาศ เมื่อฤดูร้นอมาถึง ฤดูระบาดของไข้หวัดใหญ่ก็จะยุติลงในเขตอเมริกาเหนือ ดังนั้นผลกระทบในช่วงแรกจึงจะอยู่ในระดับไม่มากนัก

    แต่เมื่อถึงฤดูหนาวในปีนี้ เดือนพฤศจิกายนและธันวาคม อาจเป็นไปได้ว่าจะเกิดการระบาดลอกใหญ่จริงๆ และถึงตอนนั้นก็อาจมีการล้มตาย ฤดูกาลคือปัจจัยสำคัญในเรื่องนี้

    มีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะเกิดแรงกระทบอย่างรุนแรง(ในเวลานี้) ในภูมิภาคซีกโลกใต้ เพราะที่นั่นกำลังเข้าสู่ฤดูหนาวในตอนนี้ นิวซีแลนด์และออสเตรเลียอาจพบกลุ่มของผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น พวกเขาจะตกเป็นเหยื่อของการระบาดระลอกแรกมากกว่า การกำหนดว่าจะเน้นไปที่มาตรการอะไรจึงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในเวลานี้ ผู้ติดเชื้อกำลังเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว มีผู้ติดเชื้อที่เป็นการติดต่อจากคนอื่นอีกต่อหนึ่ง (secondary infection) ขึ้นแล้วในนิวยอร์ก ... เรื่องนี้ก็สามารถเกิดขึ้นได้ในประเทศอื่นๆ ด้วย"

    **มาซาโต ทาชิโร จากสถาบันโรคติดต่อแห่งชาติของญี่ปุ่น และสมาชิกในคณะกรรมการฉุกเฉินขององค์การอนามัยโลก** เขาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ นิกเคอิ หนังสือพิมพ์ธุรกิจภาษาญี่ปุ่น เอาไว้ดังนี้

    "ไวรัสนี้ยังมีฤทธิ์ค่อนข้างอ่อนและมีความรุนแรงพอๆ กับไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั่วไปที่ติดต่อกันด้วยการสัมผัสระหว่างคนกับคน ผมไม่คิดว่ามันจะกลายเป็นเชื้อที่มีฤทธิ์รุนแรง แต่ผมคิดว่ามันเป็นไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่แตกต่างจากไวรัส 'เอช1เอ็น1'ทั่วไป ผู้ป่วยที่เคยติดไวรัส 'เอช1เอ็น1' ของไข้หวัดใหญ่ทั่วไป จะไม่มีภูมิคุ้มกันไวรัสตัวใหม่นี้ ดังนั้นมันจึงจะมีความว่องไวในการแพร่กระจาย

    ผลกระทบเชิงสังคมของปัญหาด้านสาธารณสุขจากไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นี้ เห็นได้ชัดเจนว่ายังน้อยกว่าไข้หวัดใหญ่นกเอช5เอ็น1 ซึ่งมีฤทธิ์รุนแรงมากกว่า จึงไม่จำเป็นต้องใช้มาตรการอย่างเดียวกัน แทนที่จะรับเอาคำนิยามอย่างเข้มวดของความรุนแรงในแต่ละระดับที่ประกาศกันออกมา ควรที่จะใช้คำนิยามที่ยืดหยุ่นจะดีกว่า

    อันตรายต่อสุขภาพจากไข้หวัดนก และอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยไข้หวัดนกนั้นสูงกว่าไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่นี้มาก ผมเป็นห่วงอย่างยิ่งว่าเราจะใช้ยาต้านไวรัสจนหมดสต๊อก และไร้อาวุธที่จำเป็นจะต้องมีในการต่อสู้กับไข้หวัดนก อันตรายใหญ่หลวงที่สุดสำหรับมนุษยชาติในตอนนี้ยังคงเป็นไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอช5เอ็น1

    ที่มา http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9520000048763
    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  6. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    คำทำนาย 10 ประการในพระคัมภีร์ไบเบิ้ล

    [​IMG]

    คำทำนายประการที่ 1 ประเทศอิสราเอลจะต้องรวมตัวกันเป็นประเทศขึ้นมาใหม่ (มัทธิว 24:32-35)

    เราจะเห็นว่าคนอิสราเอลที่ได้กระจัดกระจายไปทั่วโลกถึง 2,590 ปีแต่เมื่อปี ค.ศ.1948 คือเมื่อประมาณ 50-60 ปีที่แล้ว คนอิสราเอลที่กระจัดกระจายไปทั่วโลกนั้น ก็ได้กลับมารวมตัวเป็นประเทศอิสราเอลอีกครั้งหนึ่งจนทุกวันนี้..ซึ่งเป็นจริงดังคำทำนายแล้ว

    คำทำนายประการที่ 2 จะมีผู้ที่อ้างตัวว่า "ฉันคือพระเยซูคริสต์" (มัทธิว 24:5)

    ซึ่งพวกเราก็เห็นชัดในข่าวที่ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์ คือ นายจิม โจนส์ และ นายเดวิท โคเรซ ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นพระเยซูคริสต์...และนับตั้งแต่สองคนนั้นเป็นต้นมาก็มีอีกหลายคนที่อ้างตัวว่าตัวเองนั้นเป็นพระเยซูคริสต์ (ในอดีตไม่เคยมีคนอ้าง แต่เพิ่งจะมีในยุคนี้ นั่นแสดงว่าโลกนี้ใกล้ถึงกาลสิ้นยุคแล้วจริงๆ)

    คำทำนายประการที่ 3 จะเกิดสงคราม และข่าวลือเรื่องสงคราม (มัทธิว 24:6)

    เริ่มตั้งแต่การประท้วง การขัดแย้งภายในประเทศ และลุกลามไปจนถึงสงครามโลก...นับตั้งแต่ต้นศตวรรษที่ 20 นี้เป็นต้นมา ได้เกิดสงครามโลกถึง 2 ครั้งและสงครามระหว่างประชาชาติกับประชาชาติ รวมทั้งข่าวลือเรื่องสงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ลือต่อกันมาเรื่อยๆ นี่เป็นสิ่งที่เราเห็นและได้ยินกันอยู่ทุกวันนี้มิใช่หรือ?

    คำทำนายประการที่ 4 จะเกิดแผ่นดินไหวในที่ต่างๆทั่วโลก (มัทธิว 24:7)

    ซึ่งพวกเราก็ได้ประจักษ์กันด้วยสายตาอยู่แล้ว และการเกิดแผ่นดินไหวในแต่ละครั้งนั้นก็ทวีความรุนแรง และกลืนชีวิตมนุษย์มากขึ้นเรื่อยๆ และเป็นที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งก็คือ ประเทศที่ไม่เคยมีแผ่นดินไหวก็เริ่มมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นแล้ว...อินเดีย ศรีลังกา พม่า หรือแม้กระทั่งเมืองไทยของเรา ก็มีแผ่นดินไหวจนทำให้เกิดคลื่นยักษ์ในภาคใต้หลายจังหวัด

    คำทำนายประการที่ 5 จะเกิดกันดารอาหาร (มัทธิว 24:7)

    เพราะการสงครามฆ่าล้างเผ่าพันธ์และประชากรของโลก ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วดินฟ้าอากาศเริ่มปรวนแปร อากาศเป็นพิษ และสภาพแวดล้อมเสื่อมโทรมเป็นเหตุให้ปัจจุบันนี้มีคนมากกว่าครึ่งโลกที่กำลังขาดอาหาร และทุกวันนี้มีเด็กตายเพราะขาดอาหารเฉลี่ยแล้ววันละประมาณ 40,000 คนทั่วโลก

    คำทำนายประการที่ 6 จะมีคนสอนผิดเกิดขึ้นอย่างมากมาย (มัทธิว 24:23-24)

    คนเหล่านี้จะอ้างตัวว่า เขาสามารถที่จะช่วยคนให้รอดได้คนพวกนี้จะเกิดขึ้น ทั้งในแวดวงและนอกแวดวงคริสเตียน พวกเขาเหล่านี้เป็นพวกสอนผิด...พวกเขาจะล่อลวงคนให้เชื่อในพระคัมภีร์ เชื่อในคำสอนที่พวกเขาคิดค้นขึ้นมาเองซึ่งเราคงจะเคยเห็นกันมาบ้างแล้ว เช่นพวกฝรั่งผูกเน็คไทขี่จักรยาน หรือพวกคณะแฟมมิลี่ที่คอยจับเด็กที่มีปัญหา ให้ค้าประเวณีเพื่อหาเงินเข้านิกายหรือลัทธิโอมชินลิเคียว ที่อ้างตนว่าเป็นผู้วิเศษ

    คำทำนายประการที่ 7 จะมีโรคระบาด โรคร้ายที่รุนแรงเกิดขึ้น (ลูกา 21:11)

    ปัจจุบันนี้เราจะเห็นว่ามีโรคร้ายเกิดขึ้นหลายโรค ซึ่งได้คร่าชีวิตผู้คนมากมายและได้แพร่กระจายไปหลายประเทศในโลก เช่น โรคเอดส์ โรคซาร์ โรคไข้หวัดนก โรคไข้หวัดใหญ่ ฯลฯ ทำให้วงการแพทย์ต้องหาวิธีรักษาอย่างเร่งด่วน ซึ่งบางโรคก็ยังหาวิธีรักษาไม่ได้เลย

    คำทำนายประการที่ 8 ความรู้ของมนุษย์จะทวีมากขึ้น (ดาเนียล 12:4)

    นี่เป็นเรื่องจริงที่พวกเราปฏิเสธไม่ได้เลย เพราะความรู้และความเจริญของคนในยุคนี้นั้นก้าวหน้า และก้าวเร็วกว่าคนในอดีตหลายร้อยหลายพันเท่า...

    คำทำนายประการที่ 9 ความผิดบาปจะทวีความรุนแรงมากขึ้น (มัทธิว 24:12)(2 ทิโมธี 3:1-5)

    การเล่นหวย การพนัน การล่วงประเวณี การกระทำผิดเรื่องเพศ การหย่าร้าง ฯลฯ กำลังเป็นเรื่องธรรมดาในสังคม...การอกตัญญูต่อพ่อแม่ การฆ่ากัน การทะเลาะวิวาท การฉ้อโกง ฯลฯ เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่เว้นแต่ละวัน...มนุษย์เรายิ่งมากยิ่งเห็นแก่ตัว หยิ่งยโส เอาเปรียบซึ่งกันและกัน และถ้าเราสังเกตดูเราจะเห็นว่า มีความผิดบาปหลายอย่าง ที่ทวีความรุนแรงมากกว่าในอดีตหลายเท่า...

    คำทำนายประการที่ 10 ข่าวประเสริฐเรื่องของพระเยซูคริสต์จะต้องกระจายไปทั่วโลก แล้ววาระสุดท้ายของโลกจะมาถึง (มัทธิว 24:14)

    ซึ่งวันนี้เราก็เห็นแล้วว่า ข่าวประเสริฐเรื่องพระเยซูคริสต์กำลังประกาศแพร่ออกไปทั่วโลกจริงๆ...(ข่าวการเสด็จกลับมาของพระเยซู) นั่นแสดงว่าโลกของเรากำลังใกล้ถึงกาลสิ้นยุคแล้ว หลังจากคำทำนายทั้ง 10 ประการได้สำเร็จแล้ว พระเยซูคริสต์ก็จะเสด็จมา ซึ่งดวงตาทุกคู่ของมนุษย์ก็จะได้เห็น...และวันนั้นโลกของเราจะต้องถูกเผาผลาญด้วยไฟบรรลัยกัลป์ (2 เปโตร 3:10)

    ที่มา http://www.thaigoodview.com/node/4391

    หมายเหตุ

    จากคำทำนายทั้ง 10 ประการในศาสนาคริสต์นี้ เราจะเห็นได้ว่ามันได้เกิดขึ้นเป็นความจริงทั้งหมดแล้วในยุคปัจจุบันนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของโรคระบาดที่ร้ายแรง และการอดอยากขาดแคลนอาหารในบางประเทศ ซึ่งมีทีท่าว่าจะรุนแรงและลุกลามไปทั่วโลกอีกด้วย

    แม้แต่เรื่องการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ ก็ตรงกับคำทำนายในทุกๆศาสนาในโลกนี้ ที่ว่าจะมีมหาบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง เสด็จมาปรากฎพระองค์ขึ้นในอีกไม่ช้านี้ พระองค์จะทรงปกครองโลกนี้ทั้งโลกและจะนำสันติสุขกลับคืนมาสู่โลกมนุษย์เรานี้อย่างแท้จริง เป็นเวลายาวนานไปอีกนับพันปีทีเดียว

    ซึ่งก็ตรงกับคำทำนายของผู้มีญาณวิเศษ ที่สามารถมองเห็นอนาคตของโลกหลายๆท่าน ก็กล่าวไว้ตรงกันหมดเช่นเดียวกัน ว่าจะมีพระเจ้าจักรพรรดิราชผู้ประเสริฐ เสด็จมาปฏิวัติโลกนี้เสียใหม่ ให้เป็นโลกยุคของชาวศิวิไลซ์ ที่มีแต่สันติภาพและสันติสุขอย่างแท้จริงครับ


    ***********************************************
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2009
  8. aries

    aries เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    1,404
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +4,211
    การบรรยายประชุมวิชาการ เรื่อง สมุนไพร : ไข้หวัดใหญ่ – ไข้หวัดนก

    โดย : ดร.ภญ.อัญชลี จูฑะพุทธิ


    สรุปการบรรยายประชุมวิชาการกรมพัฒน์ (วันพุธ)
    เรื่อง "สมุนไพร : ไข้หวัดใหญ่ - ไข้หวัดนก"
    โดย ดร.ภญ. อัญชลี จูฑะพุทธิ
    วันที่ 28 ธันวาคม 2548 เวลา 10.00 - 12.00 น.
    ณ ห้องประชุมเบญจกูล กรมพัฒน์ฯ

    โรคไข้หวัดนก (Bird flu) เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ (Infiuenza) ชนิดหนึ่งที่เกิดกับสัตว์ปีก มีชื่อทางวิชาการว่า ไข้หวัดใหญ่สัตว์ปีก (Avian influenza หรือ Avain flu) ซึ่งไข้หวัดนกหรือไข้หวัดสัตว์ปีกเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดหรือสายพันธุ์เอ (type A) ซึ่งโรคไข้หวัดใหญ่ในคนส่วนใหญ่มีสาเหตุจากเชื้อไวรัสชนิดนี้ นอกจากจะสามารถติดต่อได้ในคนแล้วยังติดต่อในสัตว์อื่นๆเช่น เป็ด ไก่ ได้อีก เชื้อไวรัสนี้มีทั้งสายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดโรคอย่างรุนแรงและไม่รุนแรง เนื่องจากไข้หวัดนกเป็นไข้หวัดใหญ่ชนิดหนึ่ง ดังนั้นการระบาดใหญ่ทั่วโลกของไข้หวัดใหญ่ที่ผ่านมาจึงเป็นการเกิดมีสายพันธุ์ใหม่อุบัติขึ้น สำหรับสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในประเทศไทยขณะนี้คือ สายพันธุ์ H5N1 ซึ่งเป็นชนิดที่รุนแรง

    การระบาดของไข้หวัดใหญ่ครั้งใหญ่ในคน



    ปีที่ระบาด ชื่อไข้หวัดใหญ่
    สายพันธุ์ย่อย
    จำนวนคนตาย

    2461 – 2462
    ไข้หวัดใหญ่สเปน

    (Spanish Flu)
    H1N1
    20 – 50 ล้านคน

    2500 – 2501
    ไข้หวัดใหญ่เอเชีย

    (Asian Flu)
    H2N2
    100,000 คน

    2511 – 2512
    ไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง

    (Hong Kong Flu)
    H3N2
    700,000 คน


    ความแตกต่างของไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่

    โรคไข้หวัดนก เป็นโรคไข้หวัดใหญ่ชนิดหนึ่งที่เกิดกับสัตว์ปีก โดยโรคดังกล่าวเกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดหนึ่ง เรียกว่า ชนิดหรือสายพันธุ์เอ (type A) สำหรับไข้หวัดใหญ่ที่เกิดในคนมีทั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดหรือสายพันธุ์ เอ (type A) บี (type B) และซี (type C) ไวรัสไข้หวัดนกมีความแตกต่างจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ โดยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ เอ แบ่งประเภทเป็นสายพันธุ์ย่อย ๆ ตามโปรตีน 2 ชนิด ที่อยู่บริเวณผิวนอกของเชื้อไวรัสเป็นหลัก ได้แก่

    1. ฮีมแอกกลูนินิน (Hemagglutinin, HA หรือ H) เป็นโปรตีนที่จับกับตัวรับบนผิวเซลล์ ทำให้ ไวรัสเข้าเซลล์ที่อยู่ชั้นลึกเข้าไปได้ HA มี 15 ชนิดย่อย
    3 ชนิดย่อยที่พบทั่วไปในคน : H1 , H2 และ H3
    3 ชนิดย่อยที่ระบาดในสัตว์ปีก : H5 , H7 และ H9
    2. นิวรามินิเดส (Neuraminidase, NA หรือ N) เป็นเอนไซม์ย่อยไกลโคโปรตีน ทำให้ไวรัสรอดจากการดักจับของเยื่อเมือกในทางเดินหายใจ ไวรัสจึงรุกลามได้ NA มี 9 ชนิดย่อย แต่มี 2 ชนิดย่อยเท่านั้น (N1 และN2) ที่พบกระจายทั่วไปในคน


    นอกจากนี้ไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ เอ ที่เป็นสาเหตุและก่อให้เกิดโรค(Pathogenesis) ยังสามารถ จัดกลุ่มตามพันธุกรรมและความรุนแรงที่ก่อให้เกิดโรคได้ 2 กลุ่ม ดังนี้

    1. กลุ่มที่มีความสามารถในการก่อโรคสูง (highly pathogenic avian influenza) ทำให้เกิดอาการ รุนแรงและมักทำให้สัตว์ปีกที่ติดเชื้อตาย ได้แก่ ไวรัสชนิดย่อย H5 และ H7 เช่น H5N1 , H7N7 , H7N3การติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกที่มีความสามารถในการก่อโรคสูงในคน อาจทำให้เกิดอาการไม่รุนแรง เช่น เชื้อไวรัส H7N3 หรือ H7N7 หรืออาจทำให้เกิดอาการรุนแรงถึงตายได้ เช่น เชื้อไวรัส H5N1
    2. กลุ่มที่มีความสามารถในการก่อโรคต่ำ (low pathogenic avian influenza) ไม่ทำให้เกิดอาการ รุนแรงในสัตว์ปีกที่ติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกส่วนมาก จัดอยู่ในกลุ่มนี้ หากคนติดเชื้อไวรัสกลุ่มนี้จะมีอาการอ่อนๆ เช่น เยื่อตาอักเสบ(conujunctivitis) หรืออาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เชื้อไวรัสกลุ่มนี้ เช่น H9N2 , H7N2 เชื้อไวรัสไข้หวัดนกพบกระจายทั่วไปในนกทั่วโลก นกในธรรมชาติบางชนิดโดยเฉพาะนกน้ำ (water bird) เป็นแหล่งอาศัย (host) ของไวรัสไข้หวัดใหญ่โดยเชื้ออาศัยอยู่ในลำไส้ และเป็นพาหะของโรคนี้ได้โดยปล่อยเชื้อออกมาในอุจจาระ น้ำลาย น้ำมูกและแพร่เชื้อไปให้สัตว์ปีกที่เป็นสัตว์เลี้ยง เช่น ไก่ เป็ด หรือหมู

    การติดต่อไข้หวัดนกจากสัตว์สู่คน


    เชื้อไวรัสอยู่ในส่วนลำไส้ของสัตว์ปีกเป็นส่วนใหญ่ และพบได้ในระบบทางเดินหายใจ เชื้อไวรัสไข้หวัดนกจึงแพร่กระจายออกมากับอุจจาระ น้ำมูก สิ่งคัดหลั่งอื่นๆ ปนเปื้อนในแหล่งน้ำ ดิน พืช จึงสามารถรับเชื้อผ่านทางเดินหายใจ ปาก เยื่อบุต่างๆ หรือทางบาดแผลได้ ทำให้เชื้อไวรัสสามารคติดต่อสู่คน ได้ดังนี้

    1. ติดต่อจากการสัมผัสกับสัตว์ป่วยหรือสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนเชื้อไวรัสโดยตรง โดยไวรัสจะติดมากับมือ เมื่อเผลอเอามือไปขยี้ตาหรือแคะจมูก เชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางเยื่อบุตาหรือเยื่อบุจมูก หรือสูดหายใจเอาละอองที่มีเชื้อไวรัสเข้าไป หรือโดยการรับประทานเนื้อหรือเลือดสัตว์ป่วยที่ปรุงไม่สุก
    2. ติดต่อจากสัตว์ปีกติดโรคสู่สัตว์ตัวกลางถึงคน เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอในสัตว์ปีกบางครั้งข้ามไปยังสัตว์อีกชนิดหนึ่ง เช่น หมู ได้ เช่น ปี 1986 ที่เนเธอร์แลนด์ สุกรติดเชื้อจากสัตว์ปีก และมีผู้ใหญ่ติดเชื้อจากสุกร มีอาการปอดบวมอย่างหนัก 1 ราย
    3. ติดต่อสัตว์ปีกติดโรคสู่คนถึงคน มีรายงานจากประเทศไทยถึงความน่าจะเป็นของการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกจากคนสู่คน โดยเป็นการติดต่อ ระหว่างคนในครอบครัวเดียวกัน โดยติดต่อจากลูกสู่แม่ โดยแม่ไม่มีประวัติสัมผัสไก่ ที่จังหวัดกำแพงเพชรโดยการติดต่อนี้จะต้องเป็นความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด (intimate contact)

    ไข้หวัดนกในสัตว์ปีก


    การติดต่อ ติดต่อทางระบบทางเดินอาหาร โดยการติดเชื้อจากมูลสู่ปากเป็นวิธีที่พบบ่อยที่สุด หรือติดต่อทางระบบทางเดินหายใจ เพราะสัตว์ที่ติดโรคจะมีเชื้อไวรัสออกมาทาง น้ำมูก น้ำลาย และอุจจาระ


    ระยะฟักตัว ตั้งแต่ไม่กี่ชั่วโมงถึง 3 วัน


    อาการ อาจตายกระทันหันไม่แสดงอาการ หรือ ซึม ซูบผอม ไม่กินอาหาร ไอ จาม ขนยุ่ง ลดการออกไข่ หายใจลำบาก หน้าบวม หงอน/เหนียงบวม หงอน/เหนียงคล้ำ ท้องเสีย อาการทางประสาท


    อัตราตายของสัตว์ปีกจากโรคไข้หวัดนก = 90-100%

    ไข้หวัดนก H5N1 ในคน


    ระยะฟักตัว เมื่อเริ่มระบาดในปี 2540 ที่ฮ่องกง ผู้ป่วยเกือบทุกรายมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีก 2-4 วันก่อนมีอาการ ปัจจุบันอาจนานถึง 8 วัน


    อาการนำ มีไข้สูง >38 0C ร่วมกับอาการไอ หายใจลำบาก เจ็บคอปวดกล้ามเนื้อ และมีอาการปอดอักเสบตามมา บางรายมีอาการท้องเดิน อาเจียน ปวดท้อง


    การดำเนินโรค มีอาการปอดอักเสบ เริ่มมีอาการเหนื่อยหอบประมาณวันที่ 5 อาจมีหรือไม่มีเสมหะหรือเสมหะมีเลือดปน มีภาวะปอดอักเสบ หากมีภาวะปอดบวมรุนแรง จะนำไปสู่ภาวะ Acute Respiratory Distress Syndrome ทำให้อวัยวะต่าง ๆ ล้มเหลวเกิดไตวาย การเสียชีวิตมักเกิดจากการหายใจล้มเหลว พบว่าในปี 2547 อัตราตายในเด็กของประเทศไทยสูงถึง 89%

    การรักษาโรคไข้หวัดนก


    1. มักต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากมี ภาวะการหายใจล้มเหลว
    2. ยาปฏิชีวนะชนิด broad-spectrum
    3. ยาต้านไวรัส Oseltamivir
    4. ยาสเตียรอยด์ (corticosteroid)

    แนวทางการรักษาด้วยยาต้านไวรัส


    • ยาต้านไวรัส Oseltamivir (ชื่อการค้า ทามิฟลู Tamiflu) ต้องให้ตั้งแต่ในระยะแรกของโรค ภายใน 24 ชั่วโมง หลังเริ่มมีอาการป่วย
    • ขนาดใช้ในกรณีอาการไม่รุนแรงในผู้ใหญ่ คือ 75 มก. รับประทานวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็นติดต่อกัน นาน 5 วัน
    • ในรายที่มีอาการรุนแรง มีการหายใจล้มเหลว ควรเพิ่มขนาดยาเป็น 2 เท่า (150 มก.)

    การใช้วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ และไข้หวัดนก


    วัคซีนสำหรับไข้หวัดนก จะต้องเตรียมในลักษณะเดียวกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ซึ่งจะต้องมีการพัฒนาใหม่ๆ ทุก 2-3 ปี เนื่องจากไวรัสมักมีการกลายพันธุ์อย่างรวดเร็วตามธรรมชาติ ณ ปัจจุบันนี้มีแนวทางในการใช้วัคซีนป้องกัน ดังนี้


    1. วัคซีนไข้หวัดใหญ่ สำหรับฉีดในคน

    ช่วยป้องกัน Reassortment ระหว่างไวรัสไข้หวัดนกและไข้หวัดใหญ่ในคน ป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อไวรัสไข้หวัดนกสายพันธุ์ใหม่ที่สามารถติดต่อจากคนสู่คน อันจะทำให้เกิดการระบาดใหญ่ (pandemic) ได้บุคคลที่ควรได้รับวัคซีนชนิดนี้ คือกลุ่มเสี่ยงที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไข้หวัดนก ได้แก่
    • เกษตรกรที่ทำงานเกี่ยวกับสัตว์ปีก
    • เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์/พนักงานโรงงานอุตสาหกรรมสัตว์ปีก
    • บุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องดูแลผู้ป่วย หรือทำงานในห้องปฏิบัติการเกี่ยวกับไข้หวัดนก


    2. วัคซีนไข้หวัดนก สำหรับฉีดในคน

    มีการผลิตวัคซีนจากเชื้อไข้หวัดนกที่ระบาดที่ฮ่องกง เมื่อปี 2540 แต่พบว่ามีประสิทธิภาพต่ำต้องฉีด 2 เข็ม ร่างกายจึงจะสร้างภูมิคุ้มกัน และเนื่องจากเชื้อกลายพันธุ์เร็วมาก วัคซีนที่ผลิตขึ้นคาดว่าจะใช้ควบคุมโรคได้ประมาณ 2-3 ปี ดังนั้นจึงต้องผลิตวัคซีนแบบใหม่เพื่อให้สามารถควบคุมโรคได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ขณะนี้เริ่มมีการผลิตวัคซีนจากเชื้อไข้หวัดนก H5N1 ที่ระบาดในปี 2547 แล้ว อยู่ในระหว่างการวิจัยระยะที่ 1 วัคซีนชนิดนี้จะช่วยป้องกันการติดเชื้อไข้หวัดนกจากสัตว์ปีกสู่คน


    3. วัคซีนไข้หวัดนก สำหรับฉีดในสัตว์ปีก

    ปัจจุบันรัฐบาลยังไม่อนุญาตให้ใช้วัคซีนชนิดนี้ในประเทศไทย เนื่องจากมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
    ข้อดี
    1. ช่วยลดความสูญเสียของเกษตรกร ทำให้มีสัตว์ป่วยหรือตายน้อยลง
    2. ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อสู่สิ่งแวดล้อม
    ข้อเสีย
    1. การใช้วัคซีนอาจทำให้ต้องใช้เวลาในการกำจัดโรคยาวนานมากขึ้น
    2. ประเทศคู่ค้าของไทยบางประเทศมีข้อกำหนดห้ามนำเข้าไก่เนื้อที่ฉีดวัคซีน
    3. การฉีดวัคซีนมีประสิทธิภาพไม่ดีเท่ามาตรการทำลายสัตว์ปีก

    ข้อจำกัดของการใช้วัคซีนไข้หวัดนก


    1. การใช้วัคซีนรบกวนมาตรการกำจัดโรค
    2. การใช้วัคซีนไม่ได้เป็นการป้องกันโรคที่มั่นใจได้ 100 เปอร์เซ็นต์
    3. วัคซีนไม่สามารถยับยั้งการแพร่เชื้อแบบทันทีทันใด
    4. วัคซีนที่ผลิตจากแหล่งต่างกัน อาจมีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคต่างออกไป เมื่อใช้ในพื้นที่อื่น
    5. สัตว์ที่ได้รับวัคซีนอาจไม่เกิดภูมิคุ้มกันที่สามารถต้านเชื้อไวรัสเมื่อเกิดการระบาดจริง

    สมุนไพร : ไข้หวัดใหญ่ และไข้หวัดนก


    การแพร่ระบาดของไข้หวัดนกเป็นปัญหาสำคัญทั้งต่อระบบเศรษฐกิจและสุขภาพของประชาชน ในการแก้ไขสถานะการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดนกในประเทศไทย จึงต้องการการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้องค์ความรู้เข้ามาแก้ไขปัญหา ทั้งแนวทางการแพทย์สมัยใหม่ และการแพทย์ดั้งเดิมตาม ภูมิปัญญาในอดีต โดยเฉพาะสมุนไพรที่มีศักยภาพในการนำมาวิจัยและพัฒนาต่อยอดภูมิปัญญาในการ ดูแลสุขภาพของคนและสัตว์ ขณะนี้มีสมุนไพรที่จะกล่าวถึง 2 กลุ่มใหญ่ ดังนี้


    1. สมุนไพรที่มีฤทธิ์ต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Herbs with anti-influenza activity) ประกอบด้วยสมุนไพร

    1.1 พลูคาว / ผักคาวตอง (Houttuynia cordata)

    จากการศึกษาในหลอดทดลอง น้ำมันระเหยการกลั่นพลูคาวสดมีฤทธิ์ต้านไวรัส ไข้หวัดใหญ่ เริม (Herpes simplex virus type 1) เอชไอวี (HIV-1) โดยสารสำคัญในน้ำมันระเหยจากพลูคาวที่มีฤทธิ์ต้านไวรัสดังกล่าว ได้แก่ methyl n-nonyl ketone, laurly aldehyde, capryl aldehyde


    1.2 ทองพันชั่ง (Rhinacanthus nasutus)

    ส่วนเหนือดินของทองพันชั่งมีสารสำคัญที่มีฤทธิ์ต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A อย่างมีนัยสำคัญ ได้แก่ Rhinacanthin E และ Rhinacanthin F


    1.3 Epigallocatechin (EGCG)

    EGCG เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีมากที่สุดในชาเขียว EGCG ขนาดต่ำในหลอดทดลองมีฤทธิ์ ยับยั้งไม่ให้ไวรัสไข้หวัดใหญ่ทั้งชนิด A และ B เข้าเซลล์& ลดการติดเชื้อของเซลล์เพาะเลี้ยงจากไตสุนัขได้อย่างมีนัยสำคัญ


    1.4 บีทรู้ท (Beta vulgaris)

    บีทรู้ท = Beet root, sugarbeet ใช้ทำน้ำตาล เมื่อหยอดสารสกัดด้วยน้ำของบีทรู้ทเข้าจมูกหนูถีบ จักรหลายครั้ง ก่อนหยอดไวรัส H1N1 พบว่าช่วย ป้องกันการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้บางส่วนลดปริมาณเชื้อในปอดหนู ลดอัตราการตายของหนู ยืดเวลามีชีวิตของหนู เมื่อเทียบกับหนูกลุ่มที่ได้รับไวรัสหยอดจมูกอย่างเดียว


    1.5 ใบเตย (Pandanus amaryllifolius)

    ใบเตยมีสารจำพวกเลกติน (lectin) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นโปรตีน ชื่อ Pandanin ที่มีฤทธิ์ต้านเชื้อ ไข้หวัดใหญ่ชนิด A (H1N1) อย่างมีนัยสำคัญ โดยมีค่าความเข้มข้นที่ยับยั้งเชื้อได้ 50% (EC50) เท่ากับ15.63 microM


    1.6 สาร Aloe emodin

    Aloe emodin = สารแอนทราควิโนน (anthraquinone) ที่พบได้ในยางว่านหางจระเข้ เมื่อนำสาร Aloe emodin มาผสมกับไวรัสไข้หวัดใหญ่ในหลอดทดลองนาน 15 นาที ที่ 37 องศาเซลเซียส สามารถยับยั้งไวรัสไข้หวัดใหญ่ได้ นอกจากนี้ สาร aloe emodin ยังยับยั้งไวรัสที่ก่อโรคเริม และงูสวัดได้อีกด้วย


    1.7 ยี่โถ (Nerium indicum)

    สารสกัดด้วยเมทานอล และสารสกัดด้วยเมทานอลกับน้ำของยี่โถมีฤทธิ์ต้านเชื้อไข้หวัดใหญ่ได้ดี โดยมีค่าความเข้มข้นที่ยับยั้งเชื้อได้ 50% (IC50) เท่ากับ 10 ไมโครกรัมต่อมิลลิลิตร


    2. สมุนไพรกระตุ้นภูมิคุ้มกัน (Immunomodulator / Immunostimulant)


    2.1 กระเทียม

    2.1.1 Aged Garlic Extract (AGE) มีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน AGEเป็นผลิตภัณฑ์กระเทียมเตรียมโดยการแช่กระเทียมที่หั่นหรือสับใน 15-20% แอลกอฮอล์แล้วทิ้งไว้นานมากกว่า 10 เดือน ที่อุณหภูมิห้องแล้วนำมาทำให้เข้มข้น เมื่อให้ AGE ทางปากแก่หนูถีบจักร 10 วันก่อนให้เชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่แก่หนูโดยการหยอดทางจมูก มีประสิทธิผลในการป้องกันไข้หวัดใหญ่ได้ดีเท่าการให้วัคซีน


    2.1.2 ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารกระเทียมที่มีสาร allicin มีการศึกษาวิจัยในอาสาสมัคร 146 คน โดยให้กลุ่มควบคุมได้รับยาหลอก และกลุ่มทดลองได้รับกระเทียมรับประทานวันละ 1 แคปซูล นาน 12 สัปดาห์ ระหว่างฤดูหนาว (พฤศจิกายน - กุมภาพันธ์) และให้คะแนนสุขภาพ และอาการหวัดทุกวัน พบว่า กลุ่มที่ได้รับกระเทียมมีโอกาสเป็นหวัดน้อยกว่ากลุ่มยาหลอก และเมื่อเป็นหวัดแล้วหายเร็วกว่า


    2.2 โสม (Ginseng)


    2.2.1 สารสกัดโสมอเมริกันที่จดสิทธิบัตรแล้ว (CVT-E002) โดยทดลองให้สารสกัดนี้ ขนาด 200 มก. วันละ 2 ครั้งหรือยาหลอกแก่ผู้สูงอายุที่อาศัยอยู่รวมกันหลายคน (institutional setting) จำนวนรวม 198 คน ระหว่างฤดูการระบาดของไข้หวัดใหญ่ (ฤดูหนาวปี 2543 -44) เพื่อศึกษาประสิทธิผลในการป้องกันการป่วยด้วยโรคทางเดินหายใจอย่างเฉียบพลัน (Acute Respiratory Illness, ARI) พบว่า อุบัติการณ์ของไข้หวัดใหญ่ที่ได้รับการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการของกลุ่มยาหลอกสูงกว่ากลุ่มที่ได้รับสารสกัดโสมอย่างมีนัยสำคัญ (7/101 และ 1/97) และการลดลงของความเสี่ยงจากการป่วยด้วยโรค ARI ในกลุ่มที่ได้รับยา CVT-E002 เท่ากับ 89%


    2.2.2 สารสกัดโสมอเมริกันที่มี poly-furanosyl-pyranosylsaccharides ทดลองให้สารสกัดนี้หรือยาหลอก วันละ 2 แคปซูลนาน 4 เดือน แก่ผู้ที่เคยป่วยเป็นหวัดอย่างน้อย 2 ครั้งเมื่อปีที่แล้ว โดยเริ่มตั้งแต่ต้นฤดูการระบาดของไข้หวัดใหญ่ โดยใช้ตัวอย่างเป็นกลุ่มได้รับโสม 73 คน กลุ่มยาหลอก 96 คน พบว่า

    • จำนวนครั้งที่เป็นหวัดโดยเฉลี่ยต่อคน กลุ่มโสม ต่อ กลุ่มยาหลอก คือ 0.68 ต่อ 0.93*
    • อัตราส่วนของคนที่เป็นหวัด 2 ครั้งหรือมากกว่า กลุ่มโสม ต่อ กลุ่มยาหลอก คือ10% และ 28%*
    • คะแนนความรุนแรงของอาการหวัด กลุ่มโสม ต่อ กลุ่มยาหลอก คือ77.5 ต่อ 112.3*
    • จำนวนวันที่มีอาการหวัดสำหรับการเป็นหวัดทุกครั้ง กลุ่มโสม ต่อ กลุ่มยาหลอก คือ 10.8 ต่อ 16.5 วัน*


    2.2.3 Standardized ginseng extract (Ginsana G115) ทดลองให้สารสกัดนี้ในขนาด 100 มก.หรือยาหลอกแก่อาสาสมัคร นาน 12 สัปดาห์ และให้ anti-influenza polyvalent vaccine ในสัปดาห์ที่ 4 จำนวนผู้ป่วยด้วยโรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ พบว่า กลุ่มที่ได้ยาหลอก ป่วยด้วยโรคไข้หวัด/ไข้หวัดใหญ่ เป็น 42/113 คน กลุ่มที่ได้รับโสม ป่วยด้วยโรคไข้หวัด/ไข้หวัดใหญ่ เป็น 15/114 คน ซึ่ง ทั้งสองกลุ่มพบว่าแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ และ Natural killer (NK) activity ในสัปดาห์ที่ 8 และ 12 ในกลุ่มที่ได้รับโสม สูงกว่ากลุ่มที่ได้รับยาหลอกเกือบ 2 เท่า


    2.3 Echinacea มี 3 ชนิด คือ Echinacea purpurea , Echinacea pallida , Echinacea angustifolia ส่วนที่ใช้ คือ ส่วนเหนือดิน (น้ำคั้น) และราก ประกอบด้วยสารสำคัญ ดังนี้


    2.3.1 Alkamides พบในรากและดอก พบมากในรากของ E. angustifolia และพบบ้างในน้ำคั้น E. purpurea


    2.3.2 Cichoric acid พบมากใน E. purpurea มีฤทธิ์กระตุ้น phagocytosis ถูกสลายด้วยเอนไซม์ในพืช ปริมาณในแต่ละผลิตภัณฑ์แตกต่างกันได้มาก



    2.3.3 Polysaccharides พบมากในน้ำคั้นส่วนเหนือดิน พบสารนี้ 2 ชนิดใน E. purpurea มีฤทธิ์กระตุ้น phagocytosis และเพิ่มการสร้างอนุมูลอิสระของออกซิเจนจาก macrophage


    2.3.4 Glycoproteins พบมากในรากของ E. purpurea และ E. angustifolia มีฤทธิ์กระตุ้นการทำงานของ B cells และ macrophage


    โดยสารสกัดแอลกอฮอล์กับน้ำ (aqueous ethanol) ของราก Echinacea purpurea, ราก Echinacea pallida, ราก Baptisia tinctoria, ต้น Thuja occidentalis เมื่อให้หนูถีบจักรได้รับสารสกัดในน้ำดื่ม และหยอดไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ เข้าจมูกหนู พบว่า สารสกัดดังกล่าวช่วย เพิ่มอัตราการรอดตาย (survival rate) เพิ่มระยะเวลาเฉลี่ยที่มีชีวิต (mean survival rate) ลดปริมาณไวรัสในปอด (viral titer) และ ลดการ consolidation ของปอด
    การศึกษา Echinacea เปรียบเทียบกับ ฟ้าทะลายโจร


    ศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิผลในการเป็นยาเสริมเพื่อบรรเทาอาการหวัดในเด็ก 130 คน โดยให้กินยา 10 วัน โดยแบ่งเป็น


    กลุ่ม A ใช้ยามาตรฐาน กับ ยา Kan Jang (53 คน) เป็นตำรับยาที่มี standardized extract SHA-10 ของฟ้าทะลายโจรอยู่ด้วย
    กลุ่ม B ใช้ยามาตรฐาน กับ ยา Immunal (41 คน) เป็นตำรับยาที่มีสารสกัด E. purpurea
    กลุ่ม C ยามาตรฐานอย่างเดียว (39 คน) พบว่า ยาเสริม Kan Jang มีประสิทธิผลดีกว่า Immunal โดยพบอาการของโรครุนแรงน้อยกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณน้ำมูก และอาการคัดจมูก ช่วยเร่งให้หายเร็วขึ้น ช่วยลดปริมาณการใช้ยามาตรฐานลง เมื่อเทียบกับ กลุ่ม B & กลุ่ม C

    งานวิจัยสมุนไพรกับไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย


    1. ฟ้าทะลายโจร

    ชื่อวิทยาศาสตร์ : Andrographis paniculata
    วงศ์ : Acanthaceae
    ส่วนที่ใช้ : ใบ หรือส่วนเหนือดิน
    สารสำคัญ : สารกลุ่มไดเทอปีนแลคโตนเช่น แอนโดรกราโฟไลด์ นีโอแอนโดรกราโฟไลด์ โดยฤทธิ์ที่พบจากการศึกษาในหลอดทดลองหรือสัตว์ทดลอง ได้แก่ ฤทธิ์ต้านอักเสบ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดไข้ และต้านอนุมูลอิสระ


    ประสิทธิผลในการบรรเทาโรคระบบทางเดินหายใจ
    • บรรเทาอาการไข้เจ็บคอ ขนาด 6 กรัม/วัน แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง
    • บรรเทาอาการหวัด
    • ป้องกันหวัด (ยังไม่แน่ชัด)


    ศ.นพ.วิษณุ ธรรมลิขิตกุล (2534) วิจัยร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ โรงพยาบาล ชุมชนหลายแห่งให้ผู้ป่วยที่มีเป็นไข้เจ็บคอรับประทานฟ้าทะลายโจรแคปซูลในขนาด 3 ก./วัน หรือ 6 ก./วัน แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง ติดต่อกัน 7 วัน เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาพาราเซตามอลขนาด 3 กรัม/วัน ในวันที่ 3 หลังรักษา ผู้ป่วยที่ได้รับฟ้าทะลายโจรขนาด 6 กรัม/วัน หายจากไข้และอาการเจ็บคอไม่แตกต่างจากกลุ่มที่ได้รับยาพาราเซตามอล แต่ทั้งสองกลุ่มหายจากไข้และอาการเจ็บคอมากกว่ากลุ่มที่ได้ฟ้าทะลายโจรขนาด 3 กรัม/วันอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผลการรักษาไม่มีความแตกต่างกันในวันที่ 7 ซึ่งผลงานวิจัยนี้จึงนำไปสู่การบรรจุยาจากสมุนไพรฟ้าทะลายโจรในบัญชียาหลักแห่งชาติสำหรับรักษาอาการไข้เจ็บคอโดยให้รับประทานในขนาด 6 กรัม/วัน แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง


    ประสิทธิผลในการบรรเทาอาการหวัด

    • ฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
    • ฤทธิ์ต้านอักเสบ
    • ฤทธิ์ลดไข้


    Hancke และคณะ (2538) ทดลองให้สารสกัดฟ้าทะลายโจรที่มีแอนโดรกราโฟไลด์ (androgra-pholide) 4% ในขนาด 1200 มิลลิกรัมต่อวัน แก่ผู้ป่วยโรคหวัด (common cold) 28 คน แล้ววัดผลใน วันที่ 4 หลังได้รับยา พบว่าสารสกัดฟ้าทะลายโจรสามารถลดอาการเจ็บคอ เหนื่อย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับยาหลอก 33 ราย โดยไม่รายงานว่าทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยา


    Caceres และคณะ (2542) ได้ทดลองให้ยาเม็ดฟ้าทะลายโจรซึ่งมีสารสกัด 100 มก./เม็ด ที่มีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์และดีออกซีแอนโดรกราโฟไลด์รวมกันไม่น้อยกว่า 5 มก./เม็ด ครั้งละ 4 เม็ด วันละ 3 เวลา ในผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัด 102 คน เทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก 106 คน โดยให้ผู้ป่วยระบุความรุนแรงของแต่ละอาการเมื่อเริ่มให้ยา และหลังได้รับยา 2 วัน และ 4 วันตามลำดับ พบว่า วันที่ 2 หลังได้รับยา ความรุนแรงของอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ในกลุ่มที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ และในวันที่ 4 หลังได้รับยา ความรุนแรงของทุกอาการได้แก่ อาการไอ (ทั้งความแรงและความถี่) เสมหะ น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดหู นอนไม่หลับเจ็บคอ ในกลุ่มที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ


    องค์การอนามัยโลกจึงได้แนะนำให้ใช้ฟ้าทะลายโจรในการบรรเทาอาการหวัดในเอกสาร WHO monographs of selected medicinal plants Volume 2 ภายใต้ monograph “Herba Andrographidis”

    ปัจจุบันมีการใช้ฟ้าทะลายโจรในซีกโลกตะวันตกมากขึ้น จากการศึกษาวิจัยของ Swedish Herbal Institute ทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดฟ้าทะลายโจรของสถาบันนี้ เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรรักษาโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ และไซนัสอักเสบที่ขายดีที่สุดในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ความนิยมในการใช้สมุนไพรนี้เพื่อรักษาโรคหวัดได้แพร่หลายไปยังประเทศอื่นในซีกโลกตะวันตกแล้ว ทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียโดยมีการแนะนำสมุนไพรนี้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นใน website ต่าง ๆ มากมายภายใต้ชื่อสมุนไพร ‘Andrographis’

    ขณะนี้ สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกำลังอยู่ในระหว่าง การศึกษาวิจัยทางคลินิก โดยร่วมมือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี เพื่อประเมินประสิทธิผลในการบรรเทาอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ของฟ้าทะลายโจร


    การทดลองใช้ฟ้าทะลายโจรในไก่

    นักวิจัยไทยในหน่วยงานของกระทรวงเกษตรฯ และคณะเกษตรศาสตร์และสัตวแพทยศาสตร์ของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้ศึกษาวิจัยการใช้สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในไก่เพื่อทดแทนยาปฏิชีวนะ หรือใช้เป็น performance enhancer หรือ growth promotor ในไก่มาหลายปีแล้ว พบว่าฟ้าทะลายโจรมีผลบวกต่อไก่ อย่างชัดเจน และมีศักยภาพในการนำมาใช้ทดแทนวัตถุสังเคราะห์ที่เติมในอาหารไก่ (feed additive) ได้ จากรายงานการวิจัย พบว่าฟ้าทะลายโจรสามารถ

    • ช่วยเพิ่มอัตราการเลี้ยงรอดของแม่ไก่และเพิ่มความ เข้มของสีไข่แดงในไก่ไข่
    • ช่วยให้ระดับภูมิคุ้มกันต่อ IBD virus ในไก่สูงขึ้น อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ
    (IBD = Infectious Bursal Disease เกิดจาก Birnavirus ไปกดภูมิคุ้มกันของไก่ ทำให้ไก่ติดเชื้อโรคฉวยโอกาสได้ง่าย เบื่ออาหาร ผอม ถ่ายเหลว และตายได้)


    2. แมงลักคา หรือ Phyto-1

    ชื่อวิทยาศาสตร์: Hyptis suaveolens Poit.
    ชื่อวงศ์: Lamiaceae (Labiatae)


    งานวิจัยของกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

    • จากการศึกษาในเซลล์เพาะเลี้ยงพบว่าสารสกัดแมงลักคาเข้มข้น 5 มก./มล. สามารถลดการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ H3N2 ของเซลล์เพาะเลี้ยงได้ 93%
    • การศึกษาพิษเรื้อรังในหนูขาว พบว่าขนาดที่ใช้เป็นยาไม่ทำให้เกิดพิษในหนูขาว
    • จากการวิจัยทางคลินิกระยะที่ 1 เพื่อศึกษาความปลอดภัยของสารสกัด Phyto-1 แคปซูลพบว่ามีความปลอดภัยไม่ทำให้เกิดความผิดปกติในอาสาสมัครสุขภาพแข็งแรง

    ขณะนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์กำลังดำเนินการศึกษาวิจัยทางคลินิกในผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่อยู่


    3. โป๊ยกั๊ก หรือ จันทน์แปดกลีบ (Chinese Star Anise)

    โป๊ยกั๊กมีการปลูกอยู่ใน 4 มณฑลของประเทศจีนได้แก่ ฟูเจี้ยน กวางดง กวางสี และยูนนาน และในประเทศเวียดนาม โดยจะเก็บเกี่ยวในเดือนมีนาคม–พฤษภาคม ปัจจุบันบริษัทผู้ผลิตยา Tamiflu ได้ทำสัญญากับ supplier ที่จำหน่ายโป๊ยกั๊กเกือบทั้งหมดในประเทศจีนไว้แล้ว กล่าวกันว่า 90% ผลผลิตโป๊ยกั๊กของจีนในปัจจุบันใช้เพื่อการผลิตยา Tamiflu


    การสังเคราะห์ Tamiflu จากสารตั้งต้นในโป๊ยกั๊ก

    การผลิตยา Tamiflu หรือ oseltamivir ต้องสังเคราะห์จากสารตั้งต้นชื่อ shikimic acid ซึ่งเป็นสารที่พบมากในพืชสกุล Illicium ซึ่ง “โป๊ยกั๊ก” หรือ Illicium verum Hook. F. ที่มีชื่อสามัญว่า Chinese star anise, star anise เป็นพืชที่เป็นแหล่งสำคัญของสาร shikimic acid การผลิตยา Tamiflu ต้องเริ่มจากกระบวนการสกัดเมล็ดโป๊ยกั๊กที่เหมาะสมเพื่อให้ได้สาร shikimic acid ออกมาในปริมาณมาก ซึ่งประกอบด้วยขั้นตอน การหมัก (fermentation) การสกัด (extraction) การแยกสาร (isolation) และ การทำให้สาร shikimic acid ที่แยกออกมาได้ มีความบริสุทธิ์ (purification) ก่อนที่จะนำไปใช้ในขบวนการผลิตยา Tamiflu ต่อไป


    การกินโป๊ยกั๊กช่วยป้องกันไข้หวัดนกได้หรือไม่ ?

    จากการที่การผลิตยา Tamiflu ต้องอาศัยสาร shikimic acid จากโป๊ยกั๊กของจีนเท่านั้น ทำให้เกิดความยากลำบากในการเพิ่มปริมาณการผลิตTamiflu เพราะวัตถุดิบมีปริมาณจำกัดและไม่แน่นอน และมีราคาแพง และจากกระบวนการสกัดสารตั้งต้น จึงได้คำตอบว่า การกินโป๊ยกั๊กไม่ช่วยในการป้องกันไข้หวัดนก


    ควรเร่งปลูกโป๊ยกั๊กเพื่อใช้ผลิตทามิฟลูหรือไม่ ?

    มีการค้นคิดวิธีการใหม่ในการผลิตยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ เช่น ให้แบคทีเรียผลิต shikimic acid ให้ หรือ ผลิตยาชนิดใหม่ที่ไม่ต้องใช้ shikimic acid ในขบวนการสังเคราะห์ เนื่องจากในอนาคต เชื้อไวรัส ไข้หวัดใหญ่ H5N1 คงจะดื้อต่อยาทามิฟลูทำให้ใช้ไม่ได้ผล จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งปลูกโป๊ยกั๊ก


    สถานการณ์การระบาดของโรคไข้หวัดนก หรือโรคไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ปีก ก่อให้เกิดผลกระทบในทางกว้างทั้งด้านเศรษฐกิจ และการสาธารณสุข มีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไข้หวัดนก มีการทำลายไก่ เป็ด ในพื้นที่เพื่อหยุดยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อโรค มีการตื่นตัวในการศึกษาวิจัยและพัฒนายาต้านไวรัสและการใช้วัคซีน โดยมีมุมมองทั้งตัวยาแผนปัจจุบันและยาแผนไทย โดยเฉพาะสมุนไพรไทยที่จะมีศักยภาพออกฤทธิ์ช่วยยับยั้ง การเพิ่มจำนวนของเชื้อไวรัส หรือกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย นับเป็นการเร่งด่วนที่ผู้เกี่ยวข้องจะมีแผนการลงทุนวิจัยด้านสมุนไพรที่พัฒนาเป็นยาแผนไทย เพื่อสามารถนำมาใช้กับผู้ติดเชื้อหรือสัตว์ปีกที่ติดโรคได้ในอนาคตต่อไป.


    เรียบเรียงโดย
    กลุ่มงานพัฒนาวิชาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร
    สถาบันการแพทย์แผนไทย

    สร้างเมื่อ 07 - ก.พ.- 49

    จาก http://www.dtam.moph.go.th/alternative/viewstory.php?id=357


    เอกสารที่เกี่ยวข้อง
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    การคาดการณ์ถึงความรุนแรงของภัยทางธรรมชาติ

    [​IMG]

    มีการคาดการณ์ ถึงความรุนแรงของภัยทางธรรมชาติเพิ่มมากขึ้น นายจรูญ เลาหเลิศชัย นักอุตุนิยมวิทยา กรมอุตุนิยมวิทยา ให้ความรู้เกี่ยวกับภัยธรรมชาติว่า

    ภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น กับหลายประเทศทั่วโลกนั้นมีหลายประเภทได้แก่ ภัยแล้ง วาตภัย คลื่นพายุซัดฝั่ง พายุฝนฟ้าคะนอง แผ่นดินถล่ม แผ่นดินไหว คลื่นขนาดใหญ่ในทะเล ไฟป่า ภูเขาไฟระเบิด คลื่นความร้อนและพายุหิมะ แต่ภัยธรรมชาติที่มีโอกาสเกิดสูงสุดคือ ภัยน้ำท่วมและวาตภัย (พายุ ลมแรง)

    จากสภาพธรรมชาติสิ่ง แวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไปมาก และสภาวะโลกร้อน ส่งผลต่ออุณหภูมิน้ำทะเลสูงขึ้น มีโอกาสเกิดพายุสูงขึ้น และมีระดับความรุนแรงเพิ่มมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา

    การเรียกชื่อของพายุจะมีชื่อแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับแหล่งที่เกิดของพายุ อาทิ ถ้าเกิดในอ่าวเบงกอล ทะเลอันดามัน และมหาสมุทรอินเดียเรียก ไซโคลน เกิดในมหาสมุทรแปซิฟิก เรียก ไต้ฝุ่น ในมหาสมุทรแอตแลนติก เรียก เฮอริเคน แถบนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย เรียก วิลลี เป็นต้น

    พายุหมุนเขตร้อนเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่สามารถสร้างความเสียหายที่รุนแรง ฉับพลันและเป็นบริเวณกว้างได้ พายุชนิดนี้ก่อตัวจากหย่อมความกดอากาศต่ำที่อยู่เหนือบริเวณ ผิวหน้าน้ำทะเล และมหาสมุทร ซึ่งเมื่อหย่อมความกดอากาศต่ำอยู่ในสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการพัฒนาก็จะพัฒนาแรงขึ้นเป็นพายุ โดยบริเวณนั้นจะมีฝนตกอย่างรุนแรง มีคลื่นลมแรงและมีปริมาณฝนมากกว่าปกติ”

    สำหรับระดับความรุนแรงของพายุหมุนเขตร้อน ได้มีการจัดแบ่งตามความรุนแรงลมใกล้จุดศูนย์กลาง

    พายุดีเปรสชัน จะมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางไม่เกิน 63 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พายุโซนร้อน ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 63-117 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนไต้ฝุ่นและเฮอริเคน ความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางตั้งแต่ 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมงขึ้นไป​

    “ฤดูกาลของพายุหมุนเขตร้อนในประเทศไทยแบ่งออกเป็น 3 ช่วง ช่วงต้นฤดูฝนโดยจะมีขึ้นปลายเดือนเมษายน-พฤษภาคม ส่วนมากมักก่อตัว ในอ่าวเบงกอล ทะเลอันดามันและมหาสมุทรอินเดีย ช่วงกลางฤดูฝนและปลายฤดูฝนในเดือนมิถุนายน-กลางตุลาคมโดยมากมักก่อตัวในมหาสมุทรแปซิฟิก พายุนี้จะเคลื่อนเข้าขึ้นปะทะฝั่งประเทศเวียดนาม ทำให้ลดความรุนแรง ก่อนจะเข้าถึงประเทศไทยและช่วงต้นฤดูหนาว กลางเดือนตุลาคมถึงธันวาคม พายุมักเคลื่อนเข้าสู่อ่าวไทยและเคลื่อนเข้าปะทะทางภาคใต้ของประเทศไทย อย่างเช่นพายุไต้ฝุ่นเกย์ ที่เคลื่อนขึ้นฝั่งที่จังหวัดชุมพร ทำให้เกิดความเสียหาย”

    จากสถิติพายุหมุนเขตร้อนเคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย เฉลี่ยประมาณ 2-4 ลูกต่อปี

    ส่วนฤทธิ์แรงลมพายุที่สร้างความเสียหาย เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยที่ผ่านมามี พายุโซนร้อนแฮเรียต ที่แหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ปี พ.ศ. 2505 พายุโซนร้อนเกย์ จ.ชุมพร ปี พ.ศ. 2532 และพายุโซนร้อน ลินดา ปี พ.ศ. 2540 ขณะที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองฝนตกต่อเนื่อง อีกสิ่งที่ต้องเฝ้าระวังและประมาทไม่ได้คือ การพังถล่มของดิน ดร.อดิชาติ สุรินทร์คำ ผู้อำนวยการกองธรณีวิทยาสิ่งแวดล้อมกรมทรัพยากรธรณี ให้ความรู้ว่า ปัจจัยการเกิดดินถล่มมีด้วยกันหลายสาเหตุ เกี่ยวเนื่องทั้งปริมาณน้ำฝน การอุ้มน้ำของดินแต่ละชนิด โดยเฉพาะดินที่ไม่มีรากไม้ยึดเหนี่ยวมีโอกาสที่ดินจะถล่มลงและจากการสำรวจ พื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะดินถล่มของกรมทรัพยากรธรณีที่ผ่านมา มีพื้นที่เสี่ยงภัย 51 จังหวัด โดยเฉพาะหมู่บ้านที่อยู่บริเวณที่ลาดเชิงเขาและที่ลุ่มใกล้ภูเขา​

    “พื้นที่เสี่ยงภัยพิจารณาจากสภาพธรณีวิทยา ภูมิประเทศ พื้นที่มีความอันตราย ซึ่งสภาพธรณีวิทยาจะเป็นตัวกำหนดว่าสภาพดินเป็นอย่างไร สภาพภูมิประเทศสูงชันแค่ไหน การเรียงตัวของชั้นหิน การผุพังทำลายของชั้นหินบางประเภทก็มีผล อย่างภูมิประเทศเป็นภูเขาและหน้าผามีความลาดชันกว่า 30 องศา พื้นที่ต้นน้ำลำธาร ป่าไม้ถูกทำลาย ฝนตกหนักตลอดทั้งวันทั้งคืนมากกว่า 100 มิลลิเมตรต่อวัน การตัดไหล่เขาสร้างบ้าน ทำถนน ฯลฯ เหล่านี้เป็นปัจจัยการเกิดดินถล่มทั้งสิ้น”

    จากการสำรวจพื้นที่ที่ มีความเสี่ยงที่ผ่านมาพบหลายพื้นที่ทั้งที่เป็นพื้นที่รับน้ำ มีความสูงชันของภูเขาชนิดดิน เป็นดินที่ผุพังง่าย ฯลฯ

    ที่ผ่านมาไม่เพียงการประกาศเตือนเฝ้าระวังภัย แต่ได้มีการสร้างเครือข่าย เฝ้าระวังแจ้งเหตุธรณีพิบัติเตือนภัยดินถล่มโดยเกิดขึ้นแล้วใน 22 จังหวัด ได้แก่ แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ พะเยา น่าน แพร่ ลำปาง อุตรดิตถ์ สุโขทัย ตาก เพชรบูรณ์ จันทบุรี พังงา สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร กระบี่ นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลาและสตูล อีกทั้งในปีนี้ได้ขยายการดำเนินการไปยังจังหวัดเลย ลำพูน ราชบุรี เพชรบุรี ฯลฯ เพื่อป้องกันเฝ้าระวังการเกิดดินถล่มอีกพิบัติภัย ที่นำมาซึ่งความสูญเสีย ​

    จากสภาพอากาศที่มีความเปลี่ยนแปลงและก่อฤทธิ์แรงลมพายุไม่ว่าจะเป็นลูกใดจะพัดมาเยี่ยมเยือน การเตรียมพร้อมเฝ้าระวังที่ดีไม่เพียงช่วยลดความเสียหาย แต่ยังมีความหมายต่อความปลอดภัยห่างไกลจากพิษภัยพายุอีกด้วย

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 พฤษภาคม 2009
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อุตุฯเตือน 2-4 พ.ค.52 ฝนตกหนักอีกระลอก

    [​IMG]


    กรมอุตุนิยมวิทยา พยากรณ์ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04.00 น.วันที่ 1 พฤษภาคม ว่าหย่อมความกดอากาศต่ำที่ปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกของ ประเทศไทยได้เคลื่อนตัวเข้าปกคลุมประเทศกัมพูชาแล้ว แต่ยังคงทำให้ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองกระจาย

    อนึ่ง บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางอีกระลอกหนึ่งจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบน ในช่วงวันที่ 2-4 พฤษภาคม 2552 ทำให้ บริเวณดังกล่าวมีฝนฟ้าคะนองเพิ่มมากขึ้น

    พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06.00 วันนี้ ถึง 06.00 วันพรุ่งนี้ ภาคเหนือ อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 36-38 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดน่าน แพร่ อุตรดิตถ์ พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ ลมตะวันตก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

    ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย ชัยภูมิ นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี อุณหภูมิสูงสุด 33-34 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

    ภาคกลาง อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดลพบุรี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา และราชบุรี ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ภาคตะวันออก มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดปราจีนบุรี ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศา ลมแปรปรวน ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 1 เมตร ส่วนบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) อากาศร้อน อุณหภูมิสูงสุด 35-36 องศา โดยมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 15-30 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    กรุงเทพมหานครและปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิสูงสุด 34-35 องศา ลมตะวันตก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

    ที่มา http://www.komchadluek.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2009
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    นายกฯ เม็กซิโกซิตี้ ชี้มาตรการปิดร้านค้า-บริการ คุมหวัดใหญ่ไม่สำเร็จ

    [​IMG]

    เม็กซิโกซิตี้ 1 พ.ค.-นายกเทศมนตรีกรุงเม็กซิโกซิตี้ เตือนประชาชนอาจต้องดำเนินชีวิตอย่างยากลำบากต่อไป หลังสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง

    นายมาร์เซโล เอบราร์ด นายกเทศมนตรีกรุงเม็กซิโกซิตี้ ระบุว่ามาตรการของรัฐบาลที่ประกาศให้ธุรกิจร้านค้าและบริการที่ไม่มีส่วนสำคัญและจำเป็นต่อระบบเศรษฐกิจและความปลอดภัยของสาธารณชนปิดดำเนินการชั่วคราวระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคม เพื่อหวังหลีกเลี่ยงการรวมกลุ่มของผู้คนนั้น ไม่ประสบความสำเร็จในการควบคุมเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกไม่ให้แพร่ระบาดหนัก เพราะจนถึงขณะนี้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 176 คนแล้ว มาตรการดังกล่าวจะยิ่งทำให้ประชาชนดำรงชีวิตอย่างยากลำบากมากขึ้น และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของกรุงเม็กซิโกซิตี้อย่างรุนแรง

    ด้านองค์การอนามัยโลกบอกว่า จนถึงขณะนี้จะยังไม่มีความจำเป็นที่จะยกระดับการเตือนภัยการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสจากระดับ 5 เป็นระดับ 6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุด แต่ก็เตือนว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดกำลังเดินหน้าไปอย่างรวดเร็วมาก.-สำนักข่าวไทย

    2009-05-01 05:13:02

    อนามัยโลกประกาศตั้งชื่อให้ไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่แล้ว

    [​IMG]

    เจนีวา 1 พค. - องค์การอนามัยโลกประกาศตั้งชื่อโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ที่มาจากเชื้อไวรัสเอช1เอ็น1 ว่า โรคไข้หวัดใหญ่เอ ไม่ใช่ไข้หวัดหมูซึ่งเป็นชื่อเรียกต่อ ๆ กันมาก่อนนี้ หลังจากมีแรงกดดันจากอุตสาหกรรมเนื้อสัตว์และรัฐบาลนานาประเทศ

    แถลงการณ์ในเว็บไซต์องค์การอนามัยโลก www.who.int/en ระบุว่า นับตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทางองค์การจะเรียกชื่อไข้หวัดใหญ่พันธุ์ใหม่นี้ว่า ไข้หวัดใหญ่เอ (เอช1เอ็น1) ทั้งนี้เชื้อไวรัสดังกล่าว แม้เคยได้ชื่อว่าไข้หวัดหมู แต่กลับพบเชื้อในคนเท่านั้น โดยเป็นการรวมกันของไวรัสหมู คน และนก จึงทำให้เกิดไวรัสกลายพันธุ์และไม่พบว่าหมูป่วยด้วยเชื้อโรคตัวนี้

    เว็บไซต์องค์การอนามัยโลก ประกาศว่า การบริโภคเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์หมูที่ปรุงสุกอย่างดี ไม่มีความเสี่ยงติดเชื้อไวรัส สำหรับการเรียกชื่อไข้หวัดหมู ส่งผลให้นานาประเทศระงับการนำเข้าหมูจากเม็กซิโกและสหรัฐ ซึ่งเป็นต้นตอการระบาด ส่วนรัฐบาลอียิปต์สั่งฆ่าหมูให้หมด ทำให้อุตสาหกรรมอาหารรวมทั้งรัฐบาลสหรัฐและยุโรป เรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อโรคใหม่ เนื่องจากคนมักคิดว่าเป็นไวรัสที่มาจากหมู .- สำนักข่าวไทย

    2009-05-01 09:48:25

    ญี่ปุ่นพบผู้ต้องสงสัยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกรายแรก

    [​IMG]

    ญี่ปุ่น 1 พ.ค. - ญี่ปุ่นพบผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์เม็กซิโกรายแรก เป็นเด็กนักเรียนมัธยมในเมืองโยโกฮามา

    นายโยอิจิ มาสุโซเอะ รัฐมนตรีสาธารณสุขญี่ปุ่น ระบุว่า ผลการทดสอบในเบื้องต้นเชื่อว่า นักเรียนชายวัย 17 ปี ของโรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่งในเมืองโยโกฮามา ได้รับเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิดเดียวกับเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ที่กำลังระบาด หลังนักเรียนคนดังกล่าวเดินทางไปยังรัฐบริทิช โคลัมเบีย ของแคนาดา ระหว่างวันที่ 10-25 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยขณะนี้สถาบันโรคติดต่อแห่งชาติกำลังตรวจพิสูจน์เพิ่มเติม และทำการวิเคราะห์โครงสร้างดีเอ็นเอของเชื้อไวรัสที่พบ

    ทั้งนี้ หากผลตรวจออกมายืนยันว่าเป็นเชื้อไวรัสไข้หวัดเม็กซิโกจริง เด็กนักเรียนคนดังกล่าวก็น่าจะเป็นผู้ป่วยรายแรกของญี่ปุ่น และขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขได้ร่วมกับทางการเมืองโยโกฮามา กำลังเร่งสอบสวนว่า มีผู้ได้รับเชื้อรายอื่นอีกหรือไม่. - สำนักข่าวไทย

    2009-05-01 10:43:58

    ทหารสหรัฐไปประจำการเพิ่มในอัฟกานิสถาน

    [​IMG]

    อัฟกานิสถาน 1 พ.ค. - ทหารและนาวิกโยธินของสหรัฐ เตรียมออกเดินทางไปประจำการในอัฟกานิสถานแล้ว

    บรรยากาศที่ค่ายเลอเชิน ของหน่วยนาวิกโยธินในรัฐนอร์ทแคโรไลนา เต็มไปด้วยภาพการร่ำลาของทหารและครอบครัว ก่อนออกเดินทางไปประจำการในอัฟกานิสถาน ตามแผนของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่สั่งเพิ่มทหารและนาวิกโยธินเข้าไปในอัฟกานิสถานอีก 21,000 นาย ช่วงฤดูร้อนนี้ โดยส่วนใหญ่จะไปประจำการในพื้นที่ทางใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นพื้นที่ของกลุ่มตอลีบาน และเป็นดินแดนที่มีการปลูกฝิ่นขนาดใหญ่ที่สุดในโลก

    ภารกิจของทหารเหล่านี้ คือ การปฏิบัติการต่อต้านกลุ่มก่อความไม่สงบ รวมทั้งให้คำแนะนำและฝึกอบรมแก่กองกำลังรักษาความมั่นคงของอัฟกานิสถาน แต่สิ่งท้าทายทักษะและความสามารถของทหารหาญเหล่านี้ก็คือ การต้องเผชิญและต่อสู้กับศัตรูที่มาในรูปแบบใหม่ ซึ่งใช้วิธีการต่าง ๆ ทุกอย่าง โดยไม่เกรงว่าพลเรือนจะได้รับอันตราย. - สำนักข่าวไทย

    2009-05-01 10:51:19

    ราคาเนื้อหมูดิ่งลงจากความกังวลไข้หวัดใหญ่เม็กซิโก

    [​IMG]

    มิลวอคกี้ 1 พค. - ราคาเนื้อหมูและผลิตภัณฑ์หมูในสหรัฐ ดิ่งลงตามความกังวลที่มีต่อการแพร่กระจายของโรคไข้หวัดใหญ่เม็กซิโกระบาดไปทั่วโลก ขณะที่พ่อค้าต่างกังวลว่าปริมาณความต้องการจะลดลงเนื่องจากผู้คนหลีกเลี่ยงการบริโภคเนื้อหมู

    เจ้าหน้าที่สาธารณสุขสหรัฐ กล่าวว่า ไวรัสเอช1เอ็น1 ซึ่งทำให้เกิดโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ไม่ได้ติดต่อจากการรับประทานเนื้อหมูที่ปรุงสุกอย่างดี แต่เป็นการติดต่อระหว่างคนด้วยกัน ไม่ใช่การติดต่อจากหมูสู่คน ราคาเนื้อหมูสันใน เดือนมิถุนายน มีราคาปอนด์ละ 64.52 เซนต์ ที่ตลาดชิคาโก ลดลงร้อยละ 3.3 ในขณะที่เนื้อหมูแช่แข็ง ลดลงร้อยละ 2.1 เป็นปอนด์ละ 74.92 เซนต์ ซึ่งผู้บริโภคจำนวนมากและบางประเทศต่างเลิกบริโภคเนื้อหมู หรือยกเลิกการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากหมู

    สำนักงานการค้าสหรัฐ รายงานว่า ประเทศผู้นำเข้าเนื้อหมูสหรัฐรายใหญ่ เช่น รัสเซียและจีน สั่งห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์หมูจากรัฐแคลิฟอร์เนีย แคนซัส และนิวยอร์ก ส่วนประเทศอื่น ๆ เช่น อินโดนีเซีย ยูเครน ฟิลิปปินส์ และเซอร์เบีย ต่างห้ามนำเข้าผลิตภัณฑ์หมูบางประเภทจากสหรัฐทั้งหมด .-สำนักข่าวไทย

    2009-05-01 10:52:42

    จีนรายงานการระบาดของโรคปากและเท้าในวัว

    [​IMG]

    ปักกิ่ง 1 พ.ค. - กระทรวงเกษตรของจีน รายงานว่า เกิดการระบาดของโรคปากและเท้าในวัวนมทางตะวันออกของจีนใกล้นครเซี่ยงไฮ้

    แถลงการณ์ผ่านทางเว็บไซต์ของกระทรวงเกษตร ระบุว่า พบเห็นการเริ่มล้มป่วยของวัวนมในเมืองจางโจว ซิตี ในมณฑลเจียงซู เมื่อวันที่ 15 เมษายน แต่ถึงขณะนี้ทางการได้ควบคุมการแพร่ระบาดไว้ได้แล้ว

    แถลงการณ์ไม่ได้ระบุจำนวนวัวที่ล้มป่วย เพียงแต่บอกว่าวัวทั้งหมดที่เลี้ยงอยู่ในเขตเพาะพันธุ์วัวนมถูกฆ่า และกล่าวว่าทันทีที่พบเชื้อ ทางการจีนได้ดำเนินมาตรการป้องกันการติดเชื้อและกักกันสัตว์โดยทันที

    การระบาดครั้งล่าสุดของโรคปากและเท้าในจีนมีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาที่ฟาร์มแห่งหนึ่งชานนครเซี่ยงไฮ้ โรคดังกล่าวแทบไม่ส่งผลถึงมนุษย์ แต่เป็นโรคที่แพร่ขยายรวดเร็วมากในสัตว์ตีนกีบ เช่น แกะ แพะ และโค กระบือ โรคนี้สามารถฆ่าสัตว์ดังกล่าวให้ตายได้.-สำนักข่าวไทย

    2009-05-01 11:47:19

    ที่มา http://news.mcot.net/international/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  12. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    สัจจะ กับภัยพิบัติและการเตรียมการ

    *** คดีสะเทือนโลก ****

    คดีไก่หมู
    คดีวัว

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  13. หนุมาน ผู้นำสาร

    หนุมาน ผู้นำสาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    13,682
    ค่าพลัง:
    +51,931
    *** ระดับความรุนแรงของภัยพิบัติ ****

    ผกผัน กับ... ระดับความเมตตาของมนุษย์
    เป็นไปตาม หลักสัจจะธรรม....ตัวกระทำมันไม่ตาย ตัวกระทำมีผลตอบแทน

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
     
  14. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    ไวรัสคอมพิวเตอร์ " ไข้หวัดหมู "
    โดย กองบรรณาธิการเว็บไซต์ ARiP.co.th - 30 เมษายน 2552 เวลา 15:39 น.

    ;k01;k01;k01;k01

    แม้จะยังไม่มีรายงานพบผู้ติดเชื้อไข้หวัดหมูจนเสียชีวิตในประเทศญี่ปุ่น แต่กลับปรากฎว่า พบไวรัสคอมพิวเตอร์ที่ชื่อเหมือนกัน (Swine Flu Computer Virus) กำลังแพร่กระจายบนอินเทอร์เน็ตในช่วงไม่กี่วันที่ผ่าน โดยได้มีประกาศแจ้งเตือนออกมาล่าสุดวันนี้ (30 เม.ย. 2552)

    สถาบันโรคติดเชื้อในประเทศญ๊่ปุ่น หรือ NIID ได้โพสต์ข้อความบนเว็บไซต์ของทางสถาบันระบุว่า พบอีเมล์ที่เขียนด้วยภาษาญี่ปุ่นพร้อมไฟล์แนบที่มีชื่อว่า "information on swine flu"แพร่กระจายอยู่ในอินเทอร์เน็ต
    "ทางสถาบันฯได้รับรายงานว่า มีอีเมล์ที่ระบุว่าส่งมาจาก NIDD แพร่กระจายอยู่ในอินเทอร์เน็ต โดยอีเมล์ฉบับดังกล่าวจะมาพร้อมกับไฟล์แนบชื่่อ information on swine flu" อย่างไรก็ตาม ทางสถาบันฯ ไม่ได้ให้รายละเอียดชนิดของมัลแวร์ที่ซ่อนอยู่ในไฟล์ ตลอดจนสิ่งเลวร้ายที่มันทำ ส่วนต้นฉบับอีเมล์ถูกส่งมาจากโดเมน @yahoo.co.jp โดยจะแพร่กระจายด้วยการส่งไปยังผู้ใช้บนอินเทอร์เน็ตด้วยวิธีการสุ่ม
    นอกจากจะมีรายงานการพบไวรัสคอมพิวเตอร์ที่ใช้เหตุแห่งความกลัวที่เกิดขึ้นกับผู้คนทั่วโลกเกี่ยวกับไข้หวัดหมูแล้ว ล่าสุดไซแมนเทคออกมาแจ้งว่า มีการส่งอีเมลืพร้อมไฟล์แนบ PDF ที่อาศัยช่องโหว่ของ Adobe Reader โดยไฟล์อันตรายดังกล่าวจะใช้ชื่อว่า Swine influenza frequently asked questions.pdf เมื่อผู้ใช้เปิดไฟล์นี้ขึ้นมา มันจะส่งโค้ดมัลแวร์ชื่อ infoStealer เข้าไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ทันที ข้างล่างคือ ภาพไฟล์ pdf อันตราย



    [​IMG]

    ทางบริษัทยังได้ให้ข้อมูลของ 10 อันดับอีเมล์ที่สแปมเมอร์ใช้บรรทัดหัวเรื่องเกี่ยวกับ Swine Flu เพื่อหวังผลทางการตลาด โดยมี่หัวข้อ (subject) ที่พบดังต่อไปนี้
    1. Swine flu in USA
    2. Salma Hayek caught swine flu!
    3. US swine flu statistics
    4. Swine flu in Hollywood!
    5. NY victims of swine flu
    6. Swine flu worldwide!
    7. Madonna caught swine flu!
    8. First US swine flu victims!
    9. Will swine flu attack USA?
    10. US swine flu fears

    Tags: ไข้หวัดหมู swine flu เม็กซิโก คอมพิวเตอร์ ไวรัส ญี่ปุ่น

    ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.rssthai.com/reader.php?t=it&r=13927<!-- google_ad_section_end -->
     
  15. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
  16. Sawiiika

    Sawiiika เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 เมษายน 2008
    โพสต์:
    1,811
    ค่าพลัง:
    +1,557
    Pig Flu Facts (Questions and Answers)

    [​IMG]

    What is the Pig Flu or Swine Influenza?
    The pig flu or swine influenza is a virus specific to pigs or porcine species; it doesn’t usually infect humans, although it has happened in history.
    What is different this time about the Pig Flu?
    The CDC believes this time (April 24, 2009), that the strain is a mix between bird, pig, and human virus.
    Can the current virus spread to humans?
    Yes, it has already infected people in Mexico, California, and Texas.
    Can the virus spread from human to human?
    Yes. In previous occasions the virus has only been contacted by those who work with pigs, this time, the virus is believed to have spread from human-to-human.
    What are the symptoms?
    Typical influenza symptoms: Fever, cough, fatigue, lack of appetite.
    What to do if I believe I or Somebody close to me has Pig Flu?
    Go to the Doctor, a Walk in Clinic, and Ask to be tested for Influenza.
    Will the typical Flu Vaccine protect me from this virus?
    It is not clear yet if the human vaccine can protect from the swine influenza. There is currently no vaccine for this virus.
    Pig Flu Statistics ( 26/04/2009)

    Statistics:
    81 dead in Mexico, 1,324 infected
    11 infected in the United States
    1 infected in New Zealand
    1 Infected in Israel
    Areas Affected:
    Mexico: North Mexico
    USA: California, Texas, Kansas
    New Zealand: Quarantined
    ที่มา http://pigflu.com/
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    อันตรายจากการกินเนื้อสัตว์!!!

    [​IMG]

    ท่านทราบหรือไม่ว่าเกิดสารอะไรขึ้นขณะที่สัตว์ถูกฆ่า นอกจากนี้ยังมีสารเคมีต่างๆอีกมากมายในเนื้อของสัตว์ ซึ่งล้วนเป็นสาเหตุให้เกิดโรคมะเร็งและโรคอื่นๆ ที่บั่นทอนอายุของคนกินเนื้อสัตว์ให้สั้นลง

    มีรายงานว่าชาวเอสกิโมที่ดำรงชีวิตอยู่ด้วยการกินเนื้อสัตว์ และไขมันสัตว์จะแก่ตัวเร็วมากและอายุสั้นเฉลี่ยเพียง 27 ปีเท่านั้น ชาวเคอร์กิชซึ่งเป็นชาวเขาที่อยู่ทางรัสเซียตะวันออก รับประทานอาหารประเภทเนื้อสัตว์เป็นหลัก ปรากฏว่าชาวเขา เหล่านี้แก่เร็วและมีอายุสั้นเช่นกัน ไม่เกิน 40 ปี

    ในทางตรงกันข้ามชาวฮันซา ซึ่งอยู่ติดกับปากีสถาน ในเทือกเขาหิมาลัยกลุ่มชาวบ้าน วิลคาแบมบาในเทือกเขา แอนดิสประเทศเอกวาดอร์กลุ่มอัพคาเซีย ในเทือกเขาจอร์เจียของรัสเซีย ชาวเขาในเปรู เผ่าชนโอโตมิ ชนพื้นเมืองของเม็กซิโก ล้วนเป็นพวกที่แทบจะไม่ได้ทานเนื้อสัตว์เลย ประชากรเหล่านี้มีอายุยืนถึง 110 ปีหรือมากกว่าโดยยังมีสุขภาพดี

    สถิติขององค์การอนามัยโลก (WHO) ก็แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า บรรดาประชาชาติ ที่บริโภคเนื้อสัตว์มากจะมีจำนวนผู้ป่วยเป็นโรคต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคหัวใจและมะเร็งสูงกว่าประชาชาติใด ที่มีการบริโภคเนื้อสัตว์น้อย ทำไมคนที่กินเนื้อจึงเป็นโรคต่างๆได้มากกว่า แก่เร็วและมีอายุสั่นกว่าพวกคนกินพืชผัก

    เมื่อคนเรากินเนื้อมากๆ ตามใจปาก ก็จะกลายเป็นโรคอ้วนไปในที่สุดเพราะไขมันที่มีมากในเนื้อ อ้วนเพราะโปรตีนที่มากมายที่ไม่ได้ใช้ ร่างกายก็เปลี่ยนเป็นไขมันเก็บไว้นั่นเอง แต่ก่อนจะถึงโรคอ้วน การรับโปรตีนและไขมันสู่ร่างกายมาจากการกินเนื้อ จะทำให้อวัยวะร่างกายถูกบั่นทอนไปเรื่อยๆ เพราะเนื้อมีฟอสฟอรัสมาก จะไปกระตุ้นต่อมพาราธัยรอยด์ให้หลั่งฮอร์โมนออกมา ฮอร์โมนนี้จะละลาย แคลเซียมออกจากกระดูกทั่วร่างกาย มาล่องลอยในกระแสเลือด แล้วไปจับตัวในที่ที่มีการเคลื่อนไหวให้สึกหรอ ได้แก่ตามข้อต่างๆ เกิดผลเป็นโรคข้อกระดูกเสื่อม

    นี่เป็นเหตุผลว่า ทำไมคนที่เป็นโรคข้อเมื่อถูกแนะนำให้งดการกินเนื้อสัตว์ โดยสิ้นเชิง อาการจะดีขึ้นทันตาเห็น ส่วนโทษของไขมันสัตว์ที่มีมากเกินไปจะทำให้เส้นเลือดอุดตัน เส้นเลือดแข็งกระด้างตามมาด้วยโรคความดันโลหิตสูง,โรคหัวใจ

    ที่มา http://www.agalico.com/board/showthread.php?t=7136

    คุณประโยชน์ของผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง : เต้าหู้ น้ำเต้าหู้ ...

    [​IMG]

    ถั่วเหลืองมีสารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย ตัวหนึ่งที่โดดเด่นและน่าสนใจคือ กลุ่ม ไอโซฟลาโวนส์ Isoflavones ตัวอย่างเช่น geistein ,daidzein ซึ่งทำหน้าที่คล้ายฮอร์โมน เอสโตรเจนในร่างกาย ถั่วเหลืองและผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองจึงมีประโยชน์อย่างมากสำหรับ

    คุณสุภาพสตรี โดยเฉพาะที่มีภาวะหมดประจำเดือน เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนเป็นฮอร์โมนหลัก ที่ควบคุมการเสริมสร้างกระดูกของร่างกาย และยังช่วยรักษาความชุ่มชื้น ยืดหยุ่นของผิวหนัง การทานน้ำนมถั่วเหลือง หรือ เต้าหู้ก็เป็นอีกหนทางที่ดี ที่จะช่วยคุณสุภาพสตรีลดหรือบรรเทาอาการข้างเคียงจากภาวะหมดประจำเดือน

    คุณประโยชน์อื่นๆ ที่น่าสนใจยังมีอีกเพราะถั่วเหลือง ไม่ได้มีคุณประโยชน์เพียงแค่ผู้หญิง แต่ผู้ชายจนถึงเด็กๆ ต่างก็ได้รับประโยชน์จากถั่วเหลืองได้ดังข้อมูลที่จะกล่าวต่อไป:

    • มีการวิจัยพบว่า ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ช่วยลดและป้องกัน โรคมะเร็งเต้านม และ บรรเทาอาการ ข้างเคียงจาก ภาวะหมดประจำเดือน

    • พบว่า ช่วยป้องกันและแก้ไข โรคหัวใจ เนื่องจากเป็นอาหารที่ไม่มีคอเรสเตอรอล มีไฟเบอร์สูง นอกจากนี้ยังมี โอเมกา 3 และวิตามิน อี

    • พบว่าช่วยป้องกันและยับยั้งโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก แม้ว่ากลไกในการทำงานของมันเรายังไม่ทราบ แต่นักวิจัยพบว่า ผู้ชายที่รับประทานผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลืองยิ่งมากเท่าไร การเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากยิ่งพบน้อยลง

    • ช่วยป้องกันโรคระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากถั่วเหลืองมีไฟเบอร์สูง ไฟเบอร์เหล่านี้จะช่วยทำความสะอาดระบบทางเดินอาหาร และจากการวิจัยยังพบว่าผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งลำไส้ได้

    เป็นแหล่งโปรตีนสำคัญสำหรับนักมังสวิรัต เพราะถั่วเหลืองมีสารอะมิโนเอซิด ที่จำเป็นต่อร่างกาย

    • ใช้แทนน้ำนมวัว ในเด็กที่แพ้นมวัว และ แพ้แลคโตสในนม เราสามารถใช้น้ำนมถั่วเหลืองชดเชยได้

    • ใช้เป็นอาหารสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะถั่วเหลืองมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบน้อย และยังไม่มีคอเลสเตอรอล

    ท่านผู้อ่านก็พอจะเห็นคุณประโยชน์ต่างๆ ที่มีในถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้ หรือ ผลิตภัณฑ์เต้าหู้ ที่ไม่อาจจะมองข้ามไปได้ สำหรับชนผู้รักสุขภาพทั้งหลาย

    ที่มา http://www.goodhealth.co.th/new_page_28.htm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 พฤษภาคม 2009
  18. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    ตอนนนั้นลปเครา ท่านบอกว่า จริงๆ ไข้หวัดนกมียารักษาให้หาย ถ้ารู้ตัวว่าเป็นให้กิน พารา 1, ทิฟฟี่ 1 (ลป คงหมายถึงยาแก้หวัดยี่้ห้ออะไรก็ได้มั้ง), ยาเขียว 4

    กินไปเรื่อยๆ จนกว่าจะหายขาด (คงคิดว่าทุก 4 ชั่วโมง)

    นี่ไปบอกหลายคนแล้ว เค้าบอกว่า ก็ดีเหมือนกันเดี๋ยวจะซื้อยาเขียวเอาไว้ มันไม่ได้แพงอะไร
     
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    หลวงพ่อคูณ กลับวัดบ้านไร่แล้ว

    [​IMG]

    นครราชสีมา 1 พ.ค. - ช่วงเช้าวันนี้ (1 พ.ค.) พระเทพวิทยาคม หรือหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ เจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ อำเภอด่านขุนทด จังหวัดนครราชสีมา เดินทางกลับวัดบ้านไร่แล้ว หลังจากเข้ารักษาอาการอาพาธตั้งแต่วันที่ 26 เมษายนที่ผ่านมา จนอาการหายเป็นปกติ แพทย์จึงอนุญาตให้กลับไปพักฟื้นที่วัดบ้านไร่ได้

    โดยก่อนกลับวัด นพ.พินิศจัย นาคพันธุ์ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคหัวใจและหลอดเลือด โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ซึ่งเป็นแพทย์ประจำตัว ได้เข้าตรวจอาการ พร้อมกับแนะนำให้หลวงพ่อคูณฉันภัตตาหารให้มากและดูแลสุขภาพให้แข็งแรง หากมีอาการผิดปกติให้แจ้งแพทย์และพยาบาลหรือลูกศิษย์ทันที ซึ่งระหว่างหลวงพ่อคูณนั่งรถเข็ญไปขึ้นรถตู้ที่จอดรออยู่ มีญาติผู้ป่วยและประชาชนมาเฝ้ารอส่งหลวงพ่อคูณจำนวนมาก หลวงพ่อคูณได้ยกมือโบกลาและบอกว่า “กูกลับวัดบ้านไร่แล้ว”. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-01 10:33:45

    แรงงานกัมพูชาชูไทยคือแผ่นดินทองของการหารายได้

    [​IMG]

    ภูมิภาค 1 พ.ค. - แรงงานชาวกัมพูชาบริเวณชายแดนจังหวัดจันทบุรี ชูประเทศไทยเป็นแผ่นดินทองของการหารายได้จนสามารถสร้างเนื้อสร้างตัว เพราะมีค่าแรงที่สูงกว่าในกัมพูชากว่า 3 เท่าตัว ขณะที่แรงงานในจังหวัดสงขลา จัดกิจกรรมร่วมกันเนื่องในวันแรงงานแห่งชาติ

    นายประสงค์ อุ่นเจริญ เลขาชมรมนายจ้างชาวไทยใน 2 อำเภอชายแดนจังหวัดจันทบุรี เปิดเผยว่า จากการเก็บรวบรวมข้อมูลเรื่องอัตราค่าจ้างแรงงานชาวกัมพูชา และจำนวนแรงงานกัมพูชาที่เข้ามาทำงานในอำเภอสอยดาวและอำเภอโป่งน้ำร้อน พบว่า ในรอบ 10 ปี ชาวกัมพูชาข้ามแดนเข้ามาทำงานเพิ่มจำนวนขึ้นเรื่อย ๆ จากไม่กี่ร้อยคนเพิ่มเป็นนับหมื่นคน เนื่องจากในสายตาของชาวกัมพูชา ประเทศไทยคือ “แผ่นดินทอง” และ “โอกาสทอง” สำหรับการสร้างเนื้อสร้างตัว เพราะค่าแรงที่สูงกว่าการรับจ้างทำงานในประเทศกัมพูชาถึง 3 เท่าตัว โดยในกัมพูชาค่าแรงวันละ 40 บาท ขณะที่ในประเทศไทย ได้ค่าแรงสูงถึงวันละ 120 บาท และค่าแรงสูงยิ่งขึ้นหากการทำงานเป็นแบบรับเหมา

    ส่วนที่จังหวัดสงขลา กลุ่มผู้ใช้แรงงานในจังหวัดสงขลาเข้าร่วมกิจกรรมวันแรงงานแห่งชาติ โดยร่วมกันเดินพาเหรดแฟนซีหลากสีสัน บริเวณย่านการค้าใจกลางเมืองหาดใหญ่ ซึ่งกลุ่มผู้ใช้แรงงานได้เน้นจัดขบวนพาเหรดเชิงสร้างสรรค์ ทั้งการป้องกันยาเสพติด การเสริมสร้างความสามัคคีของคนในชาติ ยุติการใช้ความรุนแรง ก่อนจะเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาสัมพันธ์ที่บริเวณสนามกีฬาจิระนคร เทศบาลนครหาดใหญ่ นอกจากนี้ ยังมีการจัดนิทรรศการความรู้ใกล้ตัวชาวแรงงาน การออกร้านจำหน่ายสินค้าราคาถูก และการตรวจสุขภาพ มีผู้ใช้แรงงานเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวนมาก. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-01 10:29:20

    โจรใต้ป่วนอีก ลอบวางระเบิดในร้านขายน้ำดื่มที่ปัตตานี เจ็บ 2 คน

    [​IMG]

    ปัตตานี 1 พ.ค.-โจรใต้สร้างสถานการณ์อีก ล่าสุดลอบวางระเบิดร้านขายน้ำดื่มในอำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 คน ขณะที่กลางดึกก่อนหน้านี้ก็ลอบยิงกำนันตำบลปะโด อำเภอมายอ เสียชีวิต

    เมื่อเวลา 10.00 น. พ.ต.อ.วัลลพ จำนงอาสา ผกก.สภ.สายบุรี จ.ปัตตานี พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุระเบิดหน้าร้านขายน้ำดื่ม เอฟ.พี เลขที่ 181/6 ถ.ท่าเสด็จ ต.ตะลุบัน อ.สายบุรี จ.ปัตตานี แรงระเบิดทำให้มีผู้บาดเจ็บ 2 ราย คือ อส.ทพ.วัชระ เพชรนุ้ย สังกัดหน่วยปฏิบัติการพิเศษ 44-15 ถูกสะเก็ดระเบิดที่ต้นแขนซ้าย ส่วนอีกคนเป็นชาวบ้านลูกจ้างร้านขายน้ำดื่ม ตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าคนร้ายวางระเบิดแสวงเครื่องบรรจุกล่องเหล็ก จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ ใส่ถุงนำไปแขวนที่ต้นไม้

    ส่วนที่ อ.มายอ เมื่อกลางดึกคืนวานนี้ (30 เม.ย.) เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธสงคราม เอ็ม 16 และอาก้า ยิง นายอาหามะ สามะ กำนัน ต.ปะโด อ.มายอ จปัตตานี เสียชีวิต เหตุเกิดที่บนถนนภายในหมู่บ้าน ม.1 ต.ปะโด ขณะที่ผู้ตายกำลังขับขี่รถจักรยานยนต์กลับจากเข้าเวรยามรักษาความปลอดภัยที่สถานีอนามัยเพื่อกลับบ้านพัก คนร้ายยังได้เอาอาวุธปืนอาก้า 1 กระบอก อาวุธปืน ขนาด 11 มม. 1 กระบอก โทรศัพท์มือถือ และวิทยุสื่อสารของผู้ตายก่อนหลบหนีไปด้วย.- สำนักข่าวไทย

    2009-05-01 11:48:43

    สถานการณ์ชายแดนด้าน อ.พบพระ จ.ตาก เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ

    [​IMG]

    ตาก 1 พ.ค. -พันเอก ผดุง ยิ่งไพบูลย์สุข ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 4 เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์สู้รบที่ชายแดนไทย-พม่าด้านตรงข้ามหมู่บ้านพะดี หมู่ที่ 2 ตำบลรวมไทยพัฒนา อำเภอพบพระ จังหวัดตาก เริ่มคลี่คลายเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว

    ซึ่งที่ผ่านมา ทางหน่วย ฉก.ร.4 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้าตรวจสอบในพื้นที่ทั้งภายในและรอบบริเวณพื้นที่หมู่บ้านพะดีอย่างละเอียด จนมั่นใจว่า ในพื้นที่มีความปลอดภัยดีแล้วจึงอนุญาตให้ราษฎรในพื้นที่เดินทางกลับภูมิลำเนาเพื่อประกอบอาชีพตามปกติ อย่างไรก็ตาม แม้ฝ่ายทหารพม่าสามารถยึดพื้นที่ฐานที่มั่นของกองกำลังทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูได้ทั้งหมด

    แต่เนื่องจากหมู่บ้านพะดี เป็นหมู่บ้านของชาวไทยภูเขาเผ่ากะเหรี่ยง ซึ่งอยู่ใกล้เขตอิทธิพลของกองกำลังทหารกะเหรี่ยงเคเอ็นยูมานาน จำเป็นจะต้องมีการจัดระเบียบใหม่ นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดตากจึงได้สั่งการให้ฝ่ายทหารร่วมกับฝ่ายปกครองอำเภอพบพระ ตรวจเช็คสำมะโนครัวทะเบียนประวัติของชาวบ้านราษฎรในพื้นที่อย่างละเอียด เพื่อป้องกันมิให้กองกำลังฝ่ายใดเข้ามาใช้หมู่บ้านดังกล่าวเป็นฐานที่มั่นในการเคลื่อนไหวต่อสู้อีก. – สำนักข่าวไทย

    2009-05-01 18:51:29

    ชาวบ้านบุรีรัมย์ประท้วงนายทุนหลอกซื้อที่ดินราคาถูกพร้อมฮุบที่สาธารณะ

    [​IMG]

    บุรีรัมย์ 1 พ.ค. - นายพรหมลิขิต อักษรณรงค์ สมัชชาพรรคประชาธิปัตย์ ดูแลเขตพื้นที่ภาคอีสานพร้อมด้วยชาวบ้านจาก 4 หมู่บ้านอำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 100 คน รวมตัวกันประท้วงขับไล่กลุ่มนายทุน และเข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.หนองกี่

    เพื่อขอให้ทางอำเภอเข้ามาตรวจสอบและช่วยเหลือ พร้อมดำเนินคดีกับนายทุนที่มาฉ้อโกงซื้อที่ดินของชาวบ้านจำนวน 28 ราย พื้นที่กว่า 577 ไร่ โดยให้ชาวบ้านทำสัญญาซื้อขายไร่ละ 10,000 – 30,000 บาท แต่จ่ายเงินมัดจำไว้บางส่วน จากนั้นนำโฉนดที่ดินไปขายต่อให้กับนายทุนรายอื่น รวมทั้งยึดที่ดินที่ไม่ได้ขายให้และไม่ยอมจ่ายเงินที่เหลือ รวมทั้งยังปิดล้อมรั้วปิดถนนกินพื้นที่แหล่งน้ำสาธารณะที่ชาวบ้านใช้ประโยชน์ในการอุปโภคบริโภคร่วมกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก ขณะที่ทางอำเภอรับปากว่าจะทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อช่วยเหลือชาวบ้านที่มาร้องเรียนอย่างเร่งด่วน. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-01 18:31:12

    คนร้ายใจโฉดขโมยช่อฟ้า-ใบระกาวัดอายุเก่าแก่เกือบ 100 ปี

    [​IMG]

    อ่างทอง 1 พ.ค. - นายมะนพ นิรันดร นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) จำปาหล่อ อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง เปิดเผยว่า เกิดเหตุมีคนร้ายลักลอบขโมยช่อฟ้า ใบระกาจากโบสถ์ และจากศาลาที่พัก ของวัดโพธิ์ทูล ตำบลจำปาหล่อ อำเภอเมือง หายไปเป็นจำนวนมาก

    สำหรับช่อฟ้าและใบระกาของโบสถ์มีอายุเกือบ 100 ปี ส่วนช่อฟ้าและใบระกาบริเวณศาลาที่พักร้อนเป็นไม้สักเก่าแก่อายุประมาณ 72 ปี ส่วนสาเหตุที่คนร้ายแอบมาขโมย คาดว่าน่าจะมีใบสั่งจากนักสะสมของเก่าหรือนำไปขายเพื่อปรับปรุงใหม่ เพราะหากเป็นไม้สักเก่า จะมีราคากว่า 100,000 บาท. -สำนักข่าวไทย

    2009-05-01 16:47:52

    ที่มา http://news.mcot.net/local/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    งานวิจัยสมุนไพรกับไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทย

    [​IMG]

    ฟ้าทะลายโจร

    ชื่อวิทยาศาสตร์ : Andrographis paniculata
    วงศ์ : Acanthaceae
    ส่วนที่ใช้ : ใบ หรือส่วนเหนือดิน
    สารสำคัญ : สารกลุ่มไดเทอปีนแลคโตนเช่น แอนโดรกราโฟไลด์ นีโอแอนโดรกราโฟไลด์ โดยฤทธิ์ที่พบจากการศึกษาในหลอดทดลองหรือสัตว์ทดลอง ได้แก่ ฤทธิ์ต้านอักเสบ กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ลดไข้ และต้านอนุมูลอิสระ ​

    ประสิทธิผลในการบรรเทาโรคระบบทางเดินหายใจ

    • บรรเทาอาการไข้เจ็บคอ ขนาด 6 กรัม/วัน แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง
    • บรรเทาอาการหวัด
    • ป้องกันหวัด (ยังไม่แน่ชัด) ​

    ศ.นพ.วิษณุ ธรรมลิขิตกุล (2534) วิจัยร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และ โรงพยาบาล ชุมชนหลายแห่งให้ผู้ป่วยที่มีเป็นไข้เจ็บคอรับประทานฟ้าทะลายโจรแคปซูลในขนาด 3 ก./วัน หรือ 6 ก./วัน แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง ติดต่อกัน 7 วัน เปรียบเทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาพาราเซตามอลขนาด 3 กรัม/วัน ในวันที่ 3 หลังรักษา ผู้ป่วยที่ได้รับฟ้าทะลายโจรขนาด 6 กรัม/วัน หายจากไข้และอาการเจ็บคอไม่แตกต่างจากกลุ่มที่ได้รับยาพาราเซตามอล แต่ทั้งสองกลุ่มหายจากไข้และอาการเจ็บคอมากกว่ากลุ่มที่ได้ฟ้าทะลายโจรขนาด 3 กรัม/วันอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผลการรักษาไม่มีความแตกต่างกันในวันที่ 7 ซึ่งผลงานวิจัยนี้จึงนำไปสู่การบรรจุยาจากสมุนไพรฟ้าทะลายโจรในบัญชียาหลักแห่งชาติสำหรับรักษาอาการไข้เจ็บคอโดยให้รับประทานในขนาด 6 กรัม/วัน แบ่งให้วันละ 4 ครั้ง ​

    ประสิทธิผลในการบรรเทาอาการหวัด​

    • ฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน
    • ฤทธิ์ต้านอักเสบ
    • ฤทธิ์ลดไข้ ​

    Hancke และคณะ (2538) ทดลองให้สารสกัดฟ้าทะลายโจรที่มีแอนโดรกราโฟไลด์ (androgra-pholide) 4% ในขนาด 1200 มิลลิกรัมต่อวัน แก่ผู้ป่วยโรคหวัด (common cold) 28 คน แล้ววัดผลใน วันที่ 4 หลังได้รับยา พบว่าสารสกัดฟ้าทะลายโจรสามารถลดอาการเจ็บคอ เหนื่อย อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อได้ เมื่อเทียบกับกลุ่มควบคุมที่ได้รับยาหลอก 33 ราย โดยไม่รายงานว่าทำให้เกิดอาการข้างเคียงจากการใช้ยา ​

    Caceres และคณะ (2542) ได้ทดลองให้ยาเม็ดฟ้าทะลายโจรซึ่งมีสารสกัด 100 มก./เม็ด ที่มีปริมาณแอนโดรกราโฟไลด์และดีออกซีแอนโดรกราโฟไลด์รวมกันไม่น้อยกว่า 5 มก./เม็ด ครั้งละ 4 เม็ด วันละ 3 เวลา ในผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัด 102 คน เทียบกับกลุ่มที่ได้รับยาหลอก 106 คน โดยให้ผู้ป่วยระบุความรุนแรงของแต่ละอาการเมื่อเริ่มให้ยา และหลังได้รับยา 2 วัน และ 4 วันตามลำดับ พบว่า วันที่ 2 หลังได้รับยา ความรุนแรงของอาการอ่อนเพลีย นอนไม่หลับ เจ็บคอ น้ำมูกไหล ในกลุ่มที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ และในวันที่ 4 หลังได้รับยา ความรุนแรงของทุกอาการได้แก่ อาการไอ (ทั้งความแรงและความถี่) เสมหะ น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ปวดหู นอนไม่หลับเจ็บคอ ในกลุ่มที่ได้รับยาฟ้าทะลายโจรน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ ​

    องค์การอนามัยโลกจึงได้แนะนำ ให้ใช้ฟ้าทะลายโจรในการบรรเทาอาการหวัดในเอกสาร WHO monographs of selected medicinal plants Volume 2 ภายใต้ monograph “Herba Andrographidis”


    ปัจจุบันมีการใช้ฟ้าทะลายโจรในซีกโลกตะวันตกมากขึ้น จากการศึกษาวิจัยของ Swedish Herbal Institute ทำให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดฟ้าทะลายโจรของสถาบันนี้ เป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรรักษาโรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ และไซนัสอักเสบที่ขายดีที่สุดในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย ความนิยมในการใช้สมุนไพรนี้เพื่อรักษาโรคหวัดได้แพร่หลายไปยังประเทศอื่นในซีกโลกตะวันตกแล้ว ทั้งในยุโรป สหรัฐอเมริกา และออสเตรเลียโดยมีการแนะนำสมุนไพรนี้ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นใน website ต่าง ๆ มากมายภายใต้ชื่อสมุนไพร ‘Andrographis’ ​

    ขณะนี้ สถาบันการแพทย์แผนไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือกกำลังอยู่ในระหว่าง การศึกษาวิจัยทางคลินิก โดยร่วมมือกับสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนนทบุรี เพื่อประเมินประสิทธิผลในการบรรเทาอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ของฟ้าทะลายโจร ​

    เรียบเรียงโดย
    กลุ่มงานพัฒนาวิชาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร
    สถาบันการแพทย์แผนไทย

    สร้างเมื่อ 07 - ก.พ.- 49

    จาก http://www.dtam.moph.go.th/alternati...ory.php?id=357

    [​IMG]

    สมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร"

    สรรพคุณ : แก้ไข้

    ผลิตภัณฑ์สมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" มี 4 ชนิด คือ

    1. ยาชงสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" 1 ซอง (บรรจุ 20 ซองเล็ก) ราคา 30 บาท
    -----------------------------------------------------------------------
    2. ยาเม็ดสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" 1 ซอง (บรรจุ 150 เม็ด) ราคา 30 บาท
    (ทะเบียนตำรับยาแผนโบราณเลขที่ G 233/42)
    -----------------------------------------------------------------------
    3. ยาแคปซูลสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" 1 ซอง (บรรจุ 100 แคปซูล) ราคา 90 บาท
    (ทะเบียนตำรับยาแผนโบราณเลขที่ G 104/43)
    -----------------------------------------------------------------------
    4. ยาแคปซูลสมุนไพร "ฟ้าทะลายโจร" 1 ขวด (บรรจุ 100 แคปซูล) ราคา 100 บาท
    (ทะเบียนตำรับยาแผนโบราณเลขที่ G 104/43)
    -----------------------------------------------------------------------

    ท่านที่สนใจติดต่อสั่งซื้อได้ที่ ลำปางรักษ์สมุนไพร
    http://www.herblpg.com/thai/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...