ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Tossaporn K.

    Tossaporn K. เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    1,565
    ค่าพลัง:
    +7,747
    พายุงวงช้างเกิดในพม่าไได้ในไทยก็เกิดได้ง่ายแล้วครับ หากพายุงวงช้างถ้ามีขนาดใหญ่ก็ไม่ต่างอะไรกับทอร์นาโด คงเป็นประสพการณ์ใหม่เอี่ยมของไทยที่ได้พบเจอทอร์นาโด ช่วง 4 - 5 ปีที่ผ่านมานี้สภาพอากาศชักจะแปรปรวนหนักขึ้นเรื่อยเลยนะครับ อีกสัก 3 ปีข้างหน้าน่าจะโหดยิ่งขึ้นไปอีกเพียบ หากเกิดก็คงต้องทำใจครับสวดมนต์กันไว้เรื่อยๆน่าจะช่วยได้บ้างอย่างน้อยก็ได้ช่วยให้กำลังใจกับตัวเอง ทุกอย่างที่เกิดมันเป็นผลแห่งกรรมจากอดีตคงไปห้ามไม่ให้เกิดไม่ได้ แต่อาจจะช่วยผ่อนหนักเป็นเบาได้บ้าง
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ฮานอยฝนตกน้ำท่วมสูงถึงสะโพก

    [​IMG]

    ฮานอย 20 ก.ค.- ฝนตกหนักทางเหนือของเวียดนามจากอิทธิพลของพายุโซนร้อนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในกรุงฮานอย การจราจรเป็นอัมพาต รัฐบาลต้องเตือนให้ระวังดินถล่มตามพื้นที่เทือกเขา

    สำนักงานอุตุนิยมวิทยาเวียดนามแจ้งว่า พายุโซนร้อนโมลาเวขึ้นฝั่งทางเหนือของเวียดนามและชายฝั่งทางใต้ของจีนเมื่อวันเสาร์ จากนั้นอ่อนกำลังและทำให้เกิดฝนตกหนักทั่วจังหวัดทางตอนเหนือตั้งแต่บ่ายวันอาทิตย์ รัฐบาลแจ้งให้ทางการท้องถิ่นตรวจตราบริเวณที่อยู่อาศัยที่เสี่ยงเกิดดินถล่มและน้ำท่วมฉับพลันเพื่อดำเนินมาตรการป้องกันได้ทันท่วงที ล่าสุดวันนี้เกิดฝนตกหนักช่วงชั่วโมงเร่งด่วนในกรุงฮานอย วัดปริมาณน้ำฝนได้สูงถึง 4.7 นิ้ว ต้นไม้ล้มระเนระนาด ถนนจมอยู่ใต้น้ำ การจราจรตามแยกต่าง ๆ โกลาหลหนัก บางพื้นที่มีน้ำท่วมสูงถึงระดับสะโพก

    กรุงฮานอยเกิดน้ำท่วมบ่อยครั้งขึ้นเนื่องจากถนนหนทางและระบบระบายน้ำขยายตัวไม่ทันรองรับจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น และเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ 7 จังหวัดทางเหนือของเวียดนามเกิดน้ำท่วมและดินถล่ม คร่าชีวิตผู้คนไปมากถึง 34 คน บ้านเรือนเสียหายหลายร้อยหลัง.-สำนักข่าวไทย

    2009-07-20 14:05:02

    ที่มา http://news.mcot.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  3. พุทธโกมุท

    พุทธโกมุท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤษภาคม 2007
    โพสต์:
    314
    ค่าพลัง:
    +2,807
    ฝันว่าเห็นสัญญาณของภัยที่จะเกิดขึ้น

    ฝันถึงวันก่อนเกิดภัยพิบัติ บรรยากาศหดหู่วังเวง ท้องฟ้าอึมครึมเป็นสีน้ำตาลไปทั่ว เหมือนภาพถ่ายแบบ Sepia คล้ายสวมแว่นกันแดดสีน้ำตาล ในฝันนึกว่า ถึงเวลาแล้วหรือนี่ ยังถามตัวเองว่านี่เราฝันไปหรือเปล่า ตอนนั้นไม่ได้คำตอบ

    แต่พอตื่นมาก็รู้ว่า.. ฝันจริงๆ ด้วย..
     
  4. doodee1

    doodee1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    453
    ค่าพลัง:
    +1,718
    วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2552 ปีที่ 19 ฉบับที่ 6808 ข่าวสดรายวัน


    ตื่นคุมเข้มสังฆทาน




    นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยวˆา ได‰หารือร่วมกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ผู้จำหน่าย ผู้ผลิต ผู้บรรจุเครื่องสังฆภัณฑ์ เพื่อแก‰ปัญหาการจำหน่ายสังฆทานที่ไม่ได้คุณภาพ ซึ่งกรมขอความร่วมมือกับ พศ.ในการจัดรายการสิ่งของที่จำเป็นต่อพระสงฆ์ รวมถึงสิ่งของต้องห้ามตามข้อบัญญัติสงฆ์ที่ไม่ควรจัดลงไปในชุดสังฆทาน ให้แก่กรม เพื่อใช้เป็นแนวทางในการจัดมาตร ฐานชุดสังฆทาน คาดว่าสำนักพุทธฯ จะสรุปราย การสิ่งของที่เป็นมาตรฐานได้ภายในสัปดาห์หน้า

    ของฝากฮิต "ฟ้าทลายโจร"

    แห่ซื้อแจก ไว้สู้หวัด! "หน้ากาก" ส่งออกตึม



    ฟ้าทลายโจรกลายเป็น ของฝากยอดฮิตช่วงนี้ ร.พ. อภัยภูเบศรขายถล่มทลาย ออกผ้าปิดจมูกธงฟ้า ราคาประหยัดชิ้นละ 4-5 บาท แก้โก่งราคา เผยไทยแปรวิกฤตเป็นโอกาส ส่งออกหน้ากากอนามัยไปเมืองนอกเพียบ อุดรธานีอ้างมีตายแล้ว 2 จากติดเชื้อหวัด 09 เป็นชายวัย 55 ปี กับแม่เฒ่าวัย 73 แต่จนท.ยังปิดข่าว สงขลา ยอดผู้ป่วยสูงถึง 50 คนแล้ว "พร้อมพงศ์" จี้รัฐประกาศวาระแห่งชาติ-รับภาระค่าใช้จ่าย ขู่หากนิ่งเฉยเตรียมฟ้องครม.ทั้งคณะ ร้านขายยากรุงเก่าฉวยโอกาสขึ้นราคาหน้ากากอนามัย พุ่งพรวดอันละ 10 บาท สธ.คาดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 พร้อมทด ลองในเดือนส.ค.นี้ ตั้งคณะกรรมการดำเนินการวิจัยทดลอง 3 ชุด แจงงบ 600 ล้านบาท เป็นงบซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จากต่างประเทศ

    -หน้ากากอนามัยราคาพุ่ง

    เมื่อวันที่ 19 ก.ค. น.ส.มยุรี เถื่อนขวัญ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 231/กม.5 ต.บางปลากด อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง กล่าวว่า เมื่อที่ผ่านมา ตนเองเดินทางไป จ.พระนครศรี อยุธยา เพื่อซื้อของใช้ประจำบ้านในศูนย์สรรพสินค้าแห่งหนึ่ง และหนึ่งในสิ่งของที่ตนเองหาซื้อ คือหน้ากากอนามัย เนื่องจากน้องสาวมีอาการไอ และต้องการปิดปาก จึงไปสอบถามที่ร้านค้าภายในศูนย์สรรพสินค้าดังกล่าว แต่ก็ต้องผิดหวัง เมื่อผู้ขายบอกว่าสินค้าหมด เพราะตลอดทั้งวันมีประชาชนมาถามหาซื้อสินค้าจำนวนมาก จึงขับรถเข้ามาในตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา เพื่อหาซื้อหน้ากากอนามัยดังกล่าว โดยไปแวะที่ร้านขายยาแห่งหนึ่ง เขตเทศบาลเมืองอโยธยา อ.พระนครศรีอยุธยา กลับพบว่าร้านดังกล่าวขายหน้ากากอนามัย ชนิดที่คล้ายกับกระดาษ สีเขียวอันละ 10 บาท ซึ่งถือว่ามีราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับก่อนที่จะมีการรณรงค์ให้ประชาชนหันมาสวมหน้ากากอนามัย จึงอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจสอบ และกำหนดราคาควบคุมก่อนที่จะมีราคาสูงไปมากกว่านี้

    น.พ.วีระพล ธีระพันธ์เจริญ ผอ.ร.พ.พระ นครศรีอยุธยา กล่าวว่า ราคากลางของหน้ากากอนามัย นั้นไม่มีการกำหนด เพราะหน้ากากอนามัยมีหลายชนิด เช่น ชนิดใช้แล้วทิ้ง ชนิดผ้า และชนิดหน้ากากที่กันเชื้อโรค นอกจากนี้ยังขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่นำมาใช้ว่าเป็นอย่างไร แต่ในกรณีประชาชนที่จะหาซื้อหน้ากากอนามัยมาใช้ แนะนำให้ใช้แบบชนิด ผ้า เพราะสามารถใช้ได้นานด้วยการนำมาซัก แล้วนำกลับไปใช้ ส่วนในรายของผู้ป่วยที่มีอาการไข้ ไอ และจามนั้นจะต้องใช้หน้ากากอนามัยปิดปากและจมูกอยู่แล้ว

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดการ ระบาดโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 จนมีการรณรงค์ให้สวมหน้ากากอนามัย ร้าน ขายยาทั่วไปจะจำหน่ายหน้ากากอนามัยอยู่ที่อันละไม่เกิน 5 บาท แต่หลังจากที่หน้ากากอนามัยขาดตลาด และรัฐบาลออกมารณรงค์มากขึ้น จึงเป็นช่องทางให้ร้านค้าที่จำหน่ายหน้ากากอนามัย ฉวยโอกาสขึ้นราคาสินค้าในครั้งนี้

    -สับรัฐบาลล้มเหลวแก้หวัด09

    เวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงถึงมาตรการรับมือโรคไข้หวัด ใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่รัฐบาลพยายามย้ำอยู่ตลอดว่าไม่รุนแรง ว่า จากผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ปรากฏว่า 82 เปอร์เซ็นต์ ระบุว่าไม่เชื่อถือมาตรการของรัฐ บาลในการแก้ปัญหาเรื่องนี้ และล่าสุด พล.ต. สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานคณะกรรมการระดับชาติเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ยังออกมายอมรับว่าไม่สามารถควบคุมได้ และให้ประชาชนช่วยเหลือตัวเอง แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลล้มเหลวในการแก้ปัญหาอย่างชัดเจน ส่วนการที่รัฐบาลบิดเบือนและปกปิดตัวเลขที่แท้จริงของผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตและให้ออกมาแถลงข่าวเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งนั้น ถือว่าเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง เพราะขณะนี้โรคดังกล่าว แพร่ระบาดไปทั่วจนประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเป็นอันดับ 1 ของเอเชียและถือเป็นอันดับ 6 ของโลก ดังนั้น รัฐบาลไม่ควรที่จะปกปิดข้อมูลใดๆ กับประชาชน แต่ควรชี้แจงเรื่องจริงให้เกิดความกระจ่าง

    นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล มั่นใจว่าจะใช้เวลาไม่เกิน 3 เดือนจะสามารถแก้ปัญหาในเรื่องนี้ได้และจะเห็นผลอย่างชัดเจน แม้แต่ผู้เชี่ยว ชาญทางการแพทย์ยังออกมาระบุว่าการแก้ปัญหาโรคไข้หวัดซาร์สและไข้หวัดนก สมัยพรรคไทยรักไทยดีกว่าการแก้ปัญหาของรัฐ บาลนายอภิสิทธิ์ อย่างไรก็ตาม ตนขอเรียกร้องไปถึงรัฐบาลให้ดูแลประชาชนอย่างทั่วถึงและเข้าถึงการรักษาอย่างเท่าเทียมกัน และไม่เลือกปฏิบัติ โดยรัฐบาลต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการตรวจรักษาทั้งในโรงพยา บาลของรัฐและเอกชน ที่มีค่าใช้จ่ายในการตรวจสูงถึงกว่า 3 พันบาท ให้เป็นไปตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 51 ว่าด้วยสิทธิ ในการรับบริการสาธารณสุขและสวัสดิการจากรัฐ และประกาศเป็นวาระแห่งชาติต่อไป แต่ถ้ารัฐบาลยังนิ่งเฉย ตนจะแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรี ครม. ทั้งคณะและข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงการให้บริการสาธารณสุขได้

    "รัฐบาลแจกเงิน 2 พันบาทได้ แต่แจกหน้ากากอนามัย แจกเจลล้างมือ และยาทา มิฟลูให้กับประชาชนไม่ได้ก็ให้ลาออกไป" นายพร้อมพงศ์ กล่าว

    -หน้ากากธงฟ้าออกขายราคาถูก

    วันเดียวกัน ที่โรงพยาบาลศิริราช นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน นำคณะออกตรวจสอบร้านขายยาบริเวณโรงพยาบาลศิริราช หลังได้รับการร้องเรียนว่าหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือขาดแคลน โดยหลังจากตรวจสอบหลายร้านและส่งทีมออกตรวจสอบย่านจตุจักร มีนบุรี ปทุมวัน บางกอกน้อย นนทบุรี สายไหม ดินแดง ส่วนใหญ่สินค้าทั้ง 2 ชนิดยังมีการจำหน่ายแต่น้อยมาก ซึ่งยังไม่ถือว่าขาดแคลน

    สำหรับหน้ากากอนามัยชนิดผ้าจำหน่ายราคา 8-12 บาทต่อชิ้น ชนิดกระดาษ 2-3 ชิ้น ราคา 19-20 บาทต่อชิ้น ใยสังเคราะห์ 5-10 บาท ซื้อยกโหล 80 บาท แบบสอดจมูกคุณ ภาพสูงราคาต่อชิ้น 20 บาท แต่หน้ากากที่ราคาค่อนข้างแพง คือ เอ็น 95 บริษัท 3 เอ็ม ราคา 28-50 บาท อย่างไรก็ตาม หน้ากากอนามัยส่วนใหญ่จะผลิตในประเทศ แม้ขณะนี้ความต้องการมีมากจนทำให้บางพื้นที่อาจจะ ขาดแคลนบ้าง โดยกำลังการผลิตหน้ากากอนามัยก่อนหน้านี้จะอยู่ที่ 40-50 ล้านชิ้นต่อเดือน และปีที่ผ่านมาส่งออกไปตลาดต่าง ประเทศกว่า 20 ล้านชิ้น และเพื่อต้องการตอบ สนองความต้องการของประชาชน ทางกรมการค้าภายในได้ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตหน้ากากผลิตเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 20 ต่อเดือน ในขณะที่ทาง รมว.พาณิชย์ได้ขอความร่วมมือให้ผู้ผลิตงดการส่งออกหน้ากากอนามัย เป็นการชั่วคราวเพื่อนำส่วนที่ส่งออกมาใช้ในประเทศให้เพียงพอ

    "ภาพรวมการขายหน้ากากอนามัยยังถือเป็นปกติ และเท่าที่ดูยังไม่มีเหตุผลที่จะปรับราคาขึ้น ยกเว้นวัตถุดิบที่เกี่ยวกับการฆ่าเชื้อ ซึ่งอาจจะปรับขึ้นเล็กน้อย จึงขอให้ผู้ผลิต ผลิตในราคาเดิมก่อน และกรม เตรียมนำหน้ากากธงฟ้าออกมาจำหน่ายตามโครงการธงฟ้าทั่วประเทศ ราคาชิ้นละ 4-5 บาท คาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาการโก่งราคาได้" นายยรรยงกล่าว

    -ไม่แสดงราคามีโทษทั้งจำทั้งปรับ

    นายยรรยง กล่าวว่า ในส่วนของเจลล้างมือ เท่าที่ตรวจสอบร้านขายยาในเขตต่างๆ ยังเพียงพอ ไม่มีการขาดแคลน แต่ในช่วงประชาชนตกใจแห่มาซื้ออาจจะไม่เพียงพอกับความต้องการบ้าง ซึ่งในหลายบริษัทที่ผลิต รับปากกับกรมการค้าภายใน จะเร่งทำการผลิตให้เพียงพอกับความต้องการ ขณะที่ยาสมุนไพรฟ้าทลายโจรและยาป้องกันไข้หวัด ได้รับรายงานว่า ช่วงนี้อาจจะขาดแคลนบ้าง ซึ่งผู้ผลิตยาสมุนไพรเหล่านี้น่าจะสามารถผลิต ได้อย่างเพียงพอ

    นายยรรยง กล่าวว่า ได้รับการรายงานว่าในหลายพื้นที่ยังมีการกระทำความผิดโดยไม่ติดป้ายแสดงราคาหน้ากากอนามัย ซึ่งได้กำชับให้ร้านขายยาทั่วประเทศติดป้ายแสดงราคาสินค้า เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถวิเคราะห์ ราคา หากไม่ดำเนินการติดป้ายแสดงราคาสินค้า ถือว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ มีโทษปรับ 2,000-10,000 บาท จึงอยากให้ร้านขายยาทั่วประเทศติดป้ายแสดงราคาสินค้าให้ชัดเจน และหากจำหน่ายเกินราคาถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริ โภคมีโทษค่อนข้างรุนแรง ปรับ 140,000 บาท จำคุก 7 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

    -ฟ้าทลายโจรอภัยภูเบศรขายดี

    เวลา 15.00 น. วันเดียวกัน ดร.เภสัชกรหญิงสุภาภรณ์ ปิติพร เภสัชกรผู้เชี่ยวชาญโรงพยาบาลอภัยภูเบศร อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี กล่าวว่า สถานการณ์ประชาชนหลังทราบข่าว ฟ้าทลายโจรสามารถใช้ป้องกันและรักษาไข้หวัดใหญ่ได้นั้นที่ร้านสมุนไพรของ ร.พ.เจ้า พระยาอภัยภูเบศรในวันหยุดเสาร์-อาทิตย์พบว่านักท่องเที่ยวและประชาชนต่างพากันมาซื้อสมุนไพรฟ้าทลายโจรแน่นร้านตลอดทั้งวัน โดยซื้อไว้ใช้เอง หรือเป็นของฝาก ยอดจำหน่ายกว่า 2,000 กระปุก และพร้อมๆ กันยังมียอดสั่งจองอีกจำนวนมาก

    และกล่าวต่อไปว่า ที่ผ่านมา ร.พ.เจ้าพระ ยาอภัยภูเบศรสามารถผลิตฟ้าทลายโจรได้วันละ 5,000 กระปุก และเพื่อให้เพียงพอกับ ประชาชนจะเพิ่มอัตราผลิตเป็นวันละ 10,000 กระปุกต่อไป

    "สำหรับวัตถุดิบฟ้าทลายโจรนั้น จ.ปราจีน บุรี มีแหล่งปลูกสมุนไพรที่หมู่บ้านดงบัง ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี เป็นเกษตร อินทรีย์โดยได้เตรียมรองรับไว้ถึง 2,000 ตัน จึงเพียงพอหากมีการระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่คาดการณ์ไว้จะมีการระบาดในช่วงประมาณเดือนก.ย.-ต.ค.นี้" ดร.เภสัช กรหญิงสุภาภรณ์กล่าวในที่สุด

    -แนะนั่งสมาธิกินยาสมุนไพร

    เวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าสวนบูรณะรักษ์ธรรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ รับผู้ป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เข้ารับการรักษาและผู้ป่วยจากโรคต่างๆ ได้รับการบำบัดรักษาโดยมีพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน อาจารย์ ของศูนย์ฝึกอบรมในสวนบูรณะรักษ์ธรรม ใช้วิธีรักษาผู้ที่ป่วยโดยใช้จิตบำบัด คือให้นั่งสมาธิ และให้รับประทานยาสมุนไพรสกัดจากสมุนไพรมะรุม, สาหร่ายสไปรูไลน่า และ ไพรพลูคาว ยังพบว่าที่สวนบูรณะรักษ์ธรรมให้รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ มีเพียง อาหารเจ และน้ำที่ผ่านการกรองจากแร่พีระมิด

    พระอาจารย์รัตน์ กล่าวว่า ส่วนใหญ่ใช้วิธีรักษาลูกศิษย์ที่ป่วยเป็นโรคต่างๆ ให้นั่งสมาธิ คือให้ใช้จิตโดยพลังพีระมิดเข้าช่วยบำบัดรักษา จากที่สวนบูรณะรักษ์ธรรมรับการรักษาลูกศิษย์ที่ป่วยเป็นโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ มานานถึง 12 ปีแล้ว ทุกช่วงต้นเดือนจะมีการฝึกสมาธิเพื่อสุขภาพให้เกิดประ โยชน์กับผู้ป่วย มีผู้ป่วยหายจากโรคต่างๆ มาแล้วหลายราย โดยเฉพาะโรคมะเร็งผู้ป่วยมารับการบำบัดรักษาสามารถหยุดโรคได้ในช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา

    "ส่วนโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 มีผู้ป่วยเป็นไข้หวัดมารับการรักษา การรักษา ต้องป้องกันไปด้วย ทุกคนที่นี่ต้องสวมหน้ากากอนามัย ต้องยอมรับว่าช่วงนี้มีผู้ป่วยเป็นหวัดมากและมักจะหายได้เร็วในช่วง 1-2 วัน ล่าสุดมีผู้ป่วยรายหนึ่งบอกว่าป่วยเป็นไข้หวัด แต่ไม่ทราบว่าเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่หรือไม่ เพราะไม่กล้าไปตรวจ พอมารับการรักษาโดยใช้สมาธิและจิตบำบัดรวมทั้งรับประทานอาหารเจ และกินยาสมุนไพรก็หายได้ในช่วง 2 วัน ล่าสุดมีผู้ป่วยเป็นไข้หวัด 2-3 รายที่มารับการรักษาและหายดีแล้ว" พระอาจารย์รัตน์ กล่าว

    -เภสัชกรให้ดื่มน้ำมากๆ

    ด้าน ผศ.ดร.ไชยวัฒน์ ไชยสุต อาจารย์คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) เปิดเผยว่า ตนได้เข้ามาวิจัยด้านวิชาการผลงานของพระอาจารย์รัตน์ เรื่องการรักษาผู้ป่วยโดยใช้สมาธิหรือจิตบำบัดรักษาโรค และการใช้สมุนไพรรักษา พบว่าการใช้ คลื่นพลังจิตบำบัด จากอดีตคนเราไม่เชื่อคลื่น พลังต่างๆ เพราะไม่สามารถจับต้องได้ แต่คลื่นพลังบางอย่างเราสามารถจะพิสูจน์ได้ ร่างกายเราก็มีคลื่นพลัง สุขภาพที่ดี ต้องมาจากปัจจัยหลายอย่างเช่น การรับประทานอาหารและดื่มน้ำที่ดีต่อสุขภาพ สุขภาพจิตดี หากทุกอย่างดีคลื่นชีวิตที่ดีก็ตามมา ดังนั้น เป็นไปได้ว่า การที่คนเรามีความเชื่อและมีสุขภาพจิตที่แน่วแน่ ประกอบกับสุขภาพร่าง กายที่แข็งแรงสมบูรณ์แล้วนั้นจะทำให้เรามีความมุ่งมั่นในการต่อสู้กับสิ่งต่างๆ จึงสามารถ ต่อสู้กับโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ได้ ดังนั้น ทุกอย่างมีความสมดุลในชีวิตจึงนำไปสู่การป้อง กันและสร้างภูมิคุ้มกันโรคได้ ส่วนสมุนไพรไทยที่เป็นพิธีการรักษาแบบแพทย์แผนไทย ขณะนี้เป็นแพทย์ทางเลือกมีการยอมรับมากขึ้นในสังคมไทยแล้ว ประกอบกับเราทำการวิจัยทดลองตามข้อมูลทางวิทยาศาสตร์แล้วก็ต้องยอมรับว่า พลังจิตสมาธิและสมุนไพรไทยช่วยรักษาโรคต่างๆ ได้จริง

    สำหรับแร่พีระมิดที่ศูนย์บูรณะรักษ์ธรรม เป็นแร่ชนิดหนึ่งพบในป่า อ.แม่สะเรียง จ.แม่ ฮ่องสอน ได้ถูกนำมาผสมกับแร่ธาตุชนิดอื่นๆ แล้วผสมปูนเพื่อขึ้นเป็นรูปทรงหินพีระมิดขนาดต่างๆ แล้วแต่จะนำมาใช้ประโยชน์ เช่น นำมาทำเครื่องเสริมสุขภาพการหายใจพลังพีระมิด จะนำพีระมิดไว้ในกระบอกหรือถังให้น้ำไหลไปตามท่อหรือสายยางเมื่อน้ำไหลวนรอบๆ พีระมิดจะช่วยให้เกิดลม ทำให้คนเราหายใจดีขึ้น ส่วนพีระมิดรูปทรงเล็กๆ นำมาเลียงกันในท่อสายยางเล็กๆ หากนำมาห้อยคอก็จะช่วยให้หายใจสะดวก และหากนำแร่พีระมิดมาทาถูตามข้อกระดูกจะช่วยให้หายเจ็บข้อกระดูกได้ด้วย อย่างไรก็ตาม ศูนย์ดังกล่าวเคยได้รับคัดเลือกเป็นศูนย์พัฒนาจิตเฉลิมพระเกียรติ ประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอนเมื่อ พ.ศ.2542 และนักวิชาการ นำเครื่องเสริมสุขภาพการหายใจ ไปติดตั้งในสถานที่ประสบปัญหาหมอกควันมาแล้วใน 8 จังหวัดภาคเหนือ

    -อุดรธานีอ้างมีตายแล้ว

    เวลา 14.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าว "ข่าวสด" จังหวัดอุดรธานี เดินทางไปที่บ้าน ผู้เสียชีวิตในต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี ภายหลังจากมีข่าวแพร่สะพัดออกมาว่า ที่บ้านหลังดังกล่าวมีผู้เสียชีวิตจากการป่วยด้วย โรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 หลังมีไข้ขึ้นสูง ปวดตามตัว เข้ารักษาที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี ได้ไม่ถึง 3 วันก็เสียชีวิต เมื่อไปถึงพบว่าบ้านหลังดังกล่าวมีการจัดงานบำเพ็ญ กุศลศพตามประเพณีไทยอีสาน มีเต็นท์ 2 หลัง โต๊ะเก้าอี้ไว้รับแขกที่ด้านหน้าบ้านบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าของญาติๆ ภายในห้องชั้นล่างมีการจัดตั้งโลงศพของนางหนู (นามสมมติ) อายุ 73 ปี เจ้าของ บ้าน โดยมีสามี อายุ 73 ปี คอยดูแลงาน

    สามีนางหนูกล่าวว่า หลังจากนำตัวภรรยา ส่งโรงพยาบาลแล้วแพทย์ได้ตรวจดูอาการบอกว่า มีไข้สูง ต้องนอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล โดยเข้าพักที่ห้องผู้ป่วยรวม อาคารศัลยกรรมหญิง ชั้น 4 แพทย์ได้ให้ยาลดไข้ และนำตัวนางหนู ไปทำการเอกซเรย์ ก่อนจะนำกลับมาพักที่เตียงอีกครั้ง แต่ก็ไม่ได้รับการแจ้งผลเอกซเรย์ จากทางแพทย์หรือพยาบาลแต่อย่างใด กระทั่งรุ่งเช้าของวันที่ 17 ก.ค.52 พยาบาลแจ้งผลการเอกซเรย์ว่ามีอาการปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง พร้อมกับอาการของนางหนูก็ทรุดหนักทันที พูดไม่ได้ กินอาหารเองไม่ได้ ต้องสอดสายยางให้อาหาร จากนั้นอาการของนางหนูก็ไม่ดีขึ้นเลย ได้แต่นอนหายใจระทวยรวนริน และในวันที่ 18 ก.ค.52 เวลาประมาณเที่ยงเศษๆ ขณะที่ตนยืนเฝ้าดูอาการของภรรยา ก็สังเกตเห็นอาการหายใจช้าลง ก่อนจะหยุดหายใจไป ดื้อๆ จึงได้เรียกพยาบาลเข้ามาช่วยดูอาการ และทำการปั๊มหัว ใจ แต่นางหนูภรรยาได้เสียชีวิตแล้ว

    ตนทำใจไม่ได้เพราะมันรวดเร็วเกินไป โรคอะไรจะฆ่าคนได้เร็วขนาดนี้ หลังจากที่ ภรรยาเสียชีวิตลง ทางพยาบาลก็นำศพไปที่ห้องดับจิต และจัดการแต่งศพให้ ก่อนจะ แจ้งให้นำศพกลับไปบำเพ็ญกุศลที่บ้าน วันจันทร์ค่อยมาเอาใบชันสูตรลงความเห็นจากแพทย์ โดยที่ไม่มีใครกล้าพูดเรื่องที่ภรรยาติดเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่แต่อย่างใด จึงอยากให้ลงความเห็นให้ชัดเจนอย่าปิดบังความ จริง โดยศพของนางหนูจะทำการฌาปนกิจ ที่ วัดโพธิ์ศรีสว่าง หรือวัดบ้านถ่อน ต.บ้านเลื่อม อ.เมือง จ.อุดรธานี ในเวลา 15.00 น. ของวันที่ 20 ก.ค.52

    ข่าวการเสียชีวิตด้วยโรคไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 อีกราย ได้รับการเปิดเผยจากทีมผู้ประกาศข่าว สถานีวิทยุชุมชน ชมรมคนรักอุดร คลื่น 97.5 ว่า มีพลเมืองดีแจ้งเข้ามาว่า มีการปิดบังการเสียชีวิตอย่างมีเงื่อนงำของ เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เนื่อง จากชายอายุ 55 ปี อยู่ อ.กุมภวาปี จ.อุดรธา นี ได้เสียชีวิตลงที่โรงพยาบาลศูนย์อุดรธานี เมื่อวันที่ 18 ก.ค.52 ด้วยอาการป่วยเป็นไข้หวัด มีไข้สูง หลังเข้ารักษาตัวได้ไม่กี่วัน ญาติๆ สงสัยติดเชื้อไข้หวัด 2009 แต่ทางโรงพยาบาลปิดเรื่องเงียบ โดยแหล่งข่าวระบุว่า มีคำสั่งจากผู้บริหารห้ามให้ข่าวเรื่องการติดเชื้อไข้หวัด 2009 กับญาติๆ ทุกราย ที่เป็นไข้หวัดเข้ามารักษาตัว

    -วัคซีนป้องหวัดคลอดส.ค.นี้

    นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และองค์การเภสัชกรรม เพื่อติดตามมาตรการควบคุมโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ชนิดเอเอช 1 เอ็น 1 ว่า ได้ติดตามมาตรการความคืบหน้าการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ใน 4 ประ เด็น ได้แก่ วัคซีน ประสิทธิภาพการรักษาพยาบาล ในรายที่มีอาการรุนแรง และในรายที่มีความเสี่ยงอาการรุนแรง เพื่อให้ได้รับยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์เร็วที่สุด โดยไม่ต้องรอผลแล็บ การจัดทำคู่มือประชาชนในการป้องกันโรค รวมทั้งการติดตามข้อเสนอแนะต่างๆ ที่ประชาชนและหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องเสนอแนะ หรือให้คำแนะนำต่อกระทรวงสาธารณสุข

    นายวิทยา กล่าวว่า ประสิทธิภาพการรักษาพยาบาลประชาชนที่ป่วย ขณะนี้กระ ทรวงสาธารณสุขได้กระจายยาต้านไวรัส โอเซลทามิเวียร์ ไปให้โรงพยาบาลต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนทุกจังหวัด ลงไปถึงระดับ โรงพยาบาลชุมชนทุกแห่งอย่างเพียงพอ ขณะนี้มียาสำรองในระบบแล้ว 14 ล้านเม็ด และหลังจากปรับมาตรการรักษาแล้ว ได้ให้องค์การเภสัชกรรมสั่งวัตถุดิบเพื่อผลิตยาดังกล่าวอีก 10 ล้านเม็ดในสัปดาห์หน้า รวมแล้วมียาสำรองในระบบทั้งสิ้น 24 ล้านเม็ด วัตถุดิบจะมาถึงไทยวันพุธหน้า และใช้เวลาบรรจุ 3-5 วัน ก็จะจัดส่งไปยังสถานพยา บาลต่างๆ ได้ ยามีเพียงพอขอให้ประชาชนมั่นใจได้

    น.พ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล รองปลัดกระ ทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า การผลิตวัคซีนดังกล่าว เป็นการคุ้มครองความปลอดภัยแก่ประชาชนไทยและความมั่นคงของประเทศไทยในการป้องกันโรคติดต่อ ขณะนี้กระ ทรวงสาธารณสุขได้ตั้งคณะกรรมการดูแลประสิทธิภาพความปลอดภัยของวัคซีนอย่างรัดกุมที่สุดตามหลักวิชาการและมาตรฐานขององค์การอนามัยโลกมี 3 ชุด ประกอบด้วย คณะกรรมการทดลองในคน คณะอนุ กรรมการขึ้นทะเบียนวัคซีน และคณะอนุ กรรมการส่งเสริมการผลิตวัคซีน ซึ่งจะมีผู้เชี่ยวชาญจากองค์การอนามัยโลก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยต่างๆ ผู้เชี่ยวชาญองค์ การเภสัชกรรม กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ คาดว่าวัคซีนต้นแบบล็อตแรก จะออกมาช่วงต้นเดือนส.ค.2552 จากนั้นก็จะทดลองประสิทธิภาพในความปลอดภัยในสัตว์ทด ลอง และทดลองในคนต่อไปตามขั้นตอนของหลักสากล หากไม่ได้ผลหรือไม่มีความมั่นใจ จะไม่มีการนำมาใช้อย่างแน่นอน

    -แจง600ล้านเป็นเงินสั่งซื้อวัคซีน

    "ประเด็นการใช้เงิน 600 ล้านบาท ที่หลายฝ่ายเข้าใจว่าเป็นการลงทุนผลิตวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่นั้น เป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ยืนยันว่าเงินดังกล่าว เป็นเงินที่สั่งจองซื้อวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ จำนวน 2 ล้านโดส ที่ผลิตในต่างประเทศ จากบริษัทซาโนฟี่ ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นผู้ผลิตวัคซีนรายใหญ่ของโลก โดยวัคซีนดังกล่าวจะ ส่งถึงไทยในเดือนธันวาคม 2552 นี้" น.พ. ศิริวัฒน์ กล่าว

    น.พ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุข รายงานจำนวนผู้ป่วยและเสียชีวิตตรงไปตรงมา ไม่เคยปกปิดข้อมูลใดๆ ทั้งสิ้น และยึดตามแนวทางขององค์การอนามัยโลกในฐานะประเทศสมาชิก ส่วนการตรวจยืนยันทางห้องปฏิบัติการนั้น ขณะ นี้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์สามารถตรวจได้ทุกแห่งและเพียงพอแล้ว โดยในการตรวจนั้นจะใช้ประโยชน์ใน 2 เรื่องที่มีความสำคัญคือตรวจในรายผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงเพื่อให้รู้แน่นอน เป็นประโยชน์ด้านการรักษาพยาบาล และตรวจเพื่อติดตามเฝ้าระวังและกำกับสถานการณ์การควบคุมป้องกัน โรคในพื้นที่

    พ.ญ.ศิริพร กัญชนะ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่า ในส่วนมาตรการชะลอการแพร่เชื้อโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ จะเพิ่มความเข้มข้นขึ้น ได้มีหนังสือสั่งการกำชับให้สำนักงานสาธารณสุขทุกจังหวัดดำเนินการตรวจคัดกรองเด็กที่ป่วยในโรง เรียนทุกแห่งทั้งรัฐเอกชนและติดตามต่อเนื่องทุกวัน เป็นมาตรการเหมือนกันทั่วประเทศ หากพบเด็กป่วย ให้หยุดเรียนและอยู่ที่บ้านจริงๆ แทนการปิดโรงเรียน เพื่อให้ผู้ปกครองดูแล จนกว่าจะหายป่วย ซึ่งวิธีนี้นับว่าดีที่สุดและเหมาะสมที่สุด รวมทั้งกิจ กรรมรณรงค์ทำความสะอาดโรงเรียน สถาน บันเทิง โรงงาน การสำรวจความเพียงพอของอ่างล้างมือของโรงเรียน และให้ส่งรายงานผลการปฏิบัติให้ศูนย์อำนวยการควบคุมป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ของกระทรวงสาธารณสุขทุกวัน

    -ข้าราชการอ่างทองดับปริศนา

    เวลา 08.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.ท.ชรัตน์ อ่วมเจริญ สารวัตรเวร สภ.ป่าโมก จ.อ่าง ทอง รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตที่บ้านเลขที่ 33 หมู่ 5 ต.เอกราช อ.ป่าโมก ห่างจากสถานีตำรวจประมาณ 500 เมตร หลังรับแจ้งจึงรุดไปชันสูตรพลิกศพพร้อมแพทย์เวร ร.พ. ป่าโมก โดยบ้านที่เกิดเหตุพบศพนางอนงค์ พิมพ์ศร อายุ 59 ปี สภาพศพไม่พบบาดแผล หรือร่องรอยการถูกทำร้าย จากการตรวจสอบบริเวณที่นอนพบยารักษาโรคเบาหวานและโรคไข้หวัด

    พ.ต.ท.ชรัตน์ กล่าวว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า นางอนงค์ เป็นข้าราชการสังกัดเทศบาลเมืองอ่างทอง มีประวัติป่วยเป็นโรคเบาหวาน แต่ไม่รุนแรงและไม่มีอาการแทรกซ้อน ซึ่งก็ได้ไปพบแพทย์เพื่อรักษาอาการตามปกติ แต่ในระยะเวลาไม่กี่วันที่ผ่านมาล้มป่วยด้วยโรคไข้หวัด จึงไปซื้อยามากินเพื่อบรรเทาอาการ แต่ปรากฏว่าอาการไม่ดีขึ้น ตัวร้อนมีไข้สูง ไอและอาเจียน นอนซมทั้งวัน ประกอบกับไม่ยอมไปพบแพทย์จนกระทั่งเสียชีวิตจากโรคที่เป็นอยู่

    "คาดว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาอาการของโรคคงกำเริบจนทำให้เสียชีวิตโดยไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ซึ่งแพทย์ไม่สามารถระบุได้ว่าเกิดจากเชื้อโรคชนิดใด ที่หวั่นกลัวคือไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ระบาดอยู่ในขณะนี้ เพราะสภาวะของโรคมีการใกล้เคียง จึงต้อง การนำศพส่งตรวจพิสูจน์ แต่ญาติไม่ยินยอมและไม่ติดใจสาเหตุการตาย จึงส่งมอบศพให้ญาติไปประกอบพิธี ทั้งนี้การที่จะส่งศพไปตรวจพิสูจน์ก็เพื่อจะได้ทราบรายละเอียดและหาทางป้องกันเท่านั้น แต่ญาติที่เป็นครูอาวุโสกลับโวยวายและไม่ยินยอม พร้อมยืน ยันต่อแพทย์ว่ามาจากโรคประจำตัว" พ.ต.ท. ชรัตน์

    -สงขลาป่วยแล้ว 50 คน

    น.พ.สุเทพ วัชรปิยานันทน์ นายแพทย์สาธารณสุข จ.สงขลา เปิดเผยว่าสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 พบผู้ป่วย 50 ราย ไม่มีผู้ป่วยเสียชีวิต อยู่ในกลุ่มอายุ 11-20 ปี ร้อยละ 50 ซึ่งเป็นนักเรียนนักศึกษา รองลงมาอายุ 21-30 ปี ร้อยละ 20 จำเป็นต้องมีการเฝ้าระวังป้องกัน และที่มีประชาชนสอบถามวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ขณะนี้ยังไม่มีใช้ในประเทศ กำลังสั่งซื้อจากต่างประเทศคาดว่าปลายปีจะได้รับ กำลังอยู่ในระหว่างการผลิตและทด ลองใช้

    น.พ.สุเทพเปิดเผยว่าขณะนี้ใช้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลฉีดให้กับผู้ป่วย ที่อยู่ระหว่างใช้เคมีบำบัด ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย 7 โรคคือ ป่วยโรคถุงลมโป่งพอง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวายเรื้อรัง เบาหวานและผู้ป่วยโรคมะเร็งและกลุ่มบุคลากรสาธารณสุข ซึ่งมีความเสี่ยงต่อการรับและแพร่เชื้อโรคไข้หวัดใหญ่ได้ ประชาชนทั่ว ไปไม่มีความจำเป็น กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ

    -เพชรบุรีตายสงสัยหวัด09

    เวลา 16.00 น. วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวทราบ ว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรงพยาบาลเพชรรัชต์ อ.เมือง จ.เพชรบุรี มีอาการปอดติดเชื้ออย่างรุนแรง คล้ายกับเชื้อไข้หวัดใหญ่ 2009 โดยศพตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งในอ.บ้าน แหลม จ.เพชรบุรี จึงเดินทางไปยังที่วัดดังกล่าว พบว่าที่ศาลาการบำเพ็ญกุศลภายในวัดมีศพตั้งบำเพ็ญกุศลอยู่ ทราบชื่อต่อมาคือนางเอ (นามสมมติ) อายุ 45 ปี อยู่อ.บ้าน แหลม

    น้องสาวผู้ตาย เผยว่าหลังพี่สาวได้ป่วยด้วยอาการปวดศีรษะ จึงได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล เมื่อวันที่ 13 ก.ค. โดยพักรักษา ตัวอยู่ 2 คืนแพทย์ตรวจร่างกายและเอกซเรย์ปอดพบปกติ จึงออกจากโรงพยาบาลกลับไป อยู่บ้าน แต่เมื่อกลับไปอยู่บ้านกลับมีอาการเหนื่อย หอบและไออย่างต่อเนื่อง จึงกลับเข้าไปรักษาตัวอีกครั้งในวันที่ 16 ก.ค.แต่ครั้งนี้แพทย์เอกซเรย์ปอดพบติดเชื้ออย่างรุน แรง และแพทย์มีความเห็นว่ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และได้พยา ยามรักษาทุกวิถีทาง แต่เนื่องจากปอดถูกทำ ลายอย่างรุนแรงและมีอาการโคม่า ประกอบกับพี่สาวมีอาการโรคประจำตัวถึง 3 โรค คือ ความดัน เบาหวาน และโรคอ้วน และมีน้ำหนักตัวถึง 114 ก.ก. ทำให้เสียชีวิตในช่วงเช้าวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา

    น้องสาวกล่าวอีกว่า ก่อนเข้าโรงพยาบาล พี่สาวมีอาการเพียงแค่ปวดศีรษะ แต่พี่สาวเป็นคนอ้วน และมีโรคความดันและเบาหวาน รวมอยู่ด้วย ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 15 ก.ค.ก็ไม่มีอาการอะไร แต่เมื่อกลับมาอยู่บ้านได้ไม่กี่ชั่วโมงก็มีอาการเหนื่อยหอบ และ ไอต่อเนื่องต้องรีบกลับเข้าโรงพยาบาลอีกครั้ง ซึ่งเมื่อเอกซเรย์ปอด พบปอดติดเชื้อและถูกทำลายอย่างรุนแรง ทั้งที่ขณะเข้าโรงพยา บาลตอนแรก ไม่พบเชื้อที่ปอดเลย จึงสงสัยว่าน้องสาวตนเองติดเชื้อจากโรงพยาบาลหรือ ไม่ ซึ่งหมอก็ให้ยาต้านเชื้อ 2009 แล้ว แต่ไม่ทัน รู้สึกเสียใจ แต่ก็ทำใจ โดยศพจะสวด พระอภิธรรม 7 วัน หลังจากนั้นจะทำพิธีฌาปนกิจศพตามประเพณีต่อไป

    ทางด้านนายแพทย์วัฒนา โรจนวิจิตรกุล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเพชรบุรี เผย ว่า ได้จัดชุดสอบสวนโรค เข้าสอบสวนโรคแล้วและส่งเสมหะไปยังห้องปฏิบัติการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลอย่างเป็นทางการอีกครั้งและจะมีการแถลงข่าวต่อไป

    หน้า 1

    อินฟราเรดถ่ายดวงจันทร์-คาดมีภูเขาไฟ



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>จากภาพถ่ายดวงจันทร์ที่ยานวีนัสเอ็กซ์เพรสขององค์การอวกาศยุโรปถ่ายมา ชี้ว่า นานมาแล้วดวงจันทร์อาจมีสภาพคล้ายโลก เช่น มีภูเขาไฟที่กำลังคุกรุ่น มีทะเล

    วีนัสเอ็กซ์เพรสใช้กล้องอินฟราเรด The Visible and Infrared Thermal Imaging Spectrometer (VIRTIS) ถ่ายรูปดวงจันทร์กว่าพันรูป ระหว่างเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2549 จนถึงเดือนธันวาคม พ.ศ.2550 ไว้ ซึ่งกล้องอินฟราเรดสามารถถ่ายทะลุเมฆที่ปกคลุมดวงจันทร์อยู่ตลอดเวลาได้

    ดร.นิลส์ มุลเลอร์ จากมหาวิทยาลัยมุนสเตอร์ และดีแอลอาร์เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี หัวหน้าแผนกแผนที่ขององค์การอวกาศยุโรป กล่าวว่า "ข้อมูลใหม่ที่ได้ตรงกับการสันนิษฐานของเราที่ว่า พื้นที่ราบสูงของดวงจันทร์คือทวีปและล้อมรอบด้วยทะเล ซึ่งน้ำทะเลอาจระเหยขึ้นไปอวกาศเนื่องจากภูเขาไฟระเบิด"

    แม้ว่าดวงจันทร์จะไม่มีน้ำแล้ว แต่เป็นไปได้ว่ายังมีภูเขาไฟที่คุกรุ่นอยู่ แต่เนื่องจากกล้องอินฟราเรดสามารถเห็นความแตกต่างของพื้นที่ซึ่งตั้งอยู่ในภูมิอากาศเพียง 3-20 องศาเซลเซียส ทำให้ไม่สามารถเห็นว่ามีภูเขาไฟอยู่จริงๆ หรือไม่ ทางที่ดีที่สุดคือ ส่งยานอวกาศไปดวงจันทร์อีกครั้ง

    แมลงไฮบริด

    หมุนก่อนโลก



    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=0><TBODY><TR bgColor=#400040><TD>[​IMG]
    </TD></TR></TBODY></TABLE>หุ่นยนต์ขนาดจิ๋วสามารถใช้สอดแนมได้ดี แต่ตอนนี้สำนักงานวิจัยเทคโนโลยีระดับสูงด้านกลาโหม (DARPA) ของสหรัฐมีโครงการ HI-MEMS ที่พัฒนา "ไซบั๊กส์" เพราะน่าจะใช้งานได้ดีกว่าหุ่นยนต์จิ๋ว

    "ไซบั๊กส์ (Cybugs)" เปิดโอกาสให้กองทัพใช้ในงานสอดแนม เพราะสามารถบินเข้าไปในพื้นที่ที่มนุษย์ไม่สามารถเข้าไปและฝ่ายตรงข้ามไม่รู้ตัว แต่การพัฒนา "ไซบั๊กส์" ก็นับเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง น้ำหนักต้องมีเบาแม้จะติดตั้งกล้อง เซ็นเซอร์ ไมโครโฟนไว้และต้องมีกำลังสูง ซึ่งตอนนี้วิศวกรก้าวเข้าไปสู่ความสำเร็จขั้นติดตั้งอุปกรณ์ MEMS ที่ตัวมอธได้แล้ว

    แมลงเป็นสัตว์ที่มีจำนวนประชากรและอยู่รอดมากที่สุดในโลก พวกมันใช้เวลานับล้านปีในการวิวัฒนาการ และคิดเป็น 75% ของสัตว์ทั้งหมดบนโลก มนุษย์เห็นการอยู่รอดของแมลงจึงอยากเลียนแบบด้วยการนำข้อดีของพวกมันมาสร้างเป็นหุ่นยนต์ เช่น หุ่นยนต์แมลงสาปที่สามารถไต่ขึ้นไต่ลงบนกำแพง หุ่นยนต์ตั๊กแตนที่กระโดดสูงกว่าตัวมันเองถึง 27 เท่า แต่โครงการ Hybrid Insect Micro-Electro-Mechanical Systems (HI-MEMS) ไม่ต้องการสร้างหุ่นยนต์แมลง แต่ต้องการนำแมลงมาเปลี่ยนเป็นแมลงไฮบริดหรือกึ่งแมลงกึ่งหุ่นยนต์

    ในการพัฒนาช่วงแรกๆ วิศวกรติดตั้งอุปกรณ์ไว้ที่หลังของแมลง แต่ไม่ได้ผลดีนัก ทำให้เหล่าวิศวกรหันมาสนใจการฝังไมโครชิปไว้ในตัวแมลงตั้งแต่ยังเป็นตัวอ่อน ด้วยการผูกสายไฟไว้กับเส้นประสาทและกล้ามเนื้อของแมลงเพื่อบังคับเส้นทางการบิน แม้อุปกรณ์จะราคาแพง แต่ก็ยังถูกกว่าการสร้างหุ่นยนต์เลียนแบบแมลง การฝังไมโครชิปไว้ในตัวอ่อนที่ยังบินไม่ไดยังง่ายกว่าและมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการฝังไมโครชิปในแมลงที่โตแล้ว

    สำหรับมหาวิทยาลัยที่พัฒนาแมลงไฮบริดให้กับ DARPA มี

    มหาวิทยาลัยเท็กซัสเอแอนด์เอ็มพัฒนาแมลงสาป

    มหาวิทยาลัยมิชิแกนและมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์พัฒนากว่างซาง

    เอ็มไอทีและสถาบินวิจัยพืชบอยซ์ธอมป์สันพัฒนามอธ
     
  5. สู้เพื่อลูก

    สู้เพื่อลูก Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    52
    ค่าพลัง:
    +27
    จำได้ว่า หลายเดือนก่อน เกิดไข้หวัดระบาดที่แม็กซิโก รู้สึกว่าจะมีคนมาโพสต์ บอกว่า ฝันเห็นคนจำนวนมาก ใส่ผ้าปิดปาก ปิดจมูก เดินตามท้องถนน ลองค้นหาไม่เจอ ใครพอจะเจอมั้ยครับ ฝันแม่นจริงๆ อยากรู้ว่า ช่วงนี้เค้ามีนิมิตอะไรบ้าง
     
  6. วัสสานะ

    วัสสานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +565
    ซ้อมรับมือภัยพิบัติระดับชาติ ซ้ำด้วยก่อการร้าย

    เลขาสมช.เผยฝึกซ้อมรับมือวิกฤตระดับชาติ จำลองเชียงใหม่แผ่นดินไหว 6.5ริกเตอร์ และมีก่อการร้ายซ้ำเติม 29มิ.ย.-3ก.ค. สัมมนาสรุปบทเรียนถึงส.ค.
    <!--<iframe scrolling="no" src="fullURLmain/include/adsense/indetail.php" frameborder="0" height="266" width="250"></iframe>--> <script type="text/javascript"> google_ad_channel = '8724309246'; //slot number google_ad_type = 'text'; //media image, text, html, flash google_max_num_ads = '3'; //amount Ads //google_image_size = '338X280'; //google_skip = '3'; var ads_ID = 'Google-adsense-indetail'; // set ID for main Element div var displayBorderTop = false; // default = false; //var displayLandScape = true; // false=Default, true=landscape *** if set Landscape not arrow ad type image var position_ad_detail ='in'; // ''=Default, in=Intext, under=TextUnderDetail </script> <script type="text/javascript" src="http://www.bangkokbiznews.com/home/main/js/adsense/AdsenseJS.js"></script> <script type="text/javascript" src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js"></script><script src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></script><script>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</script><script language="JavaScript1.1" src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=ca-pub-1044823792492543&dt=1248093593046&lmt=1248093566&num_ads=3&output=js&adtest=off&correlator=1248093593046&channel=8724309246&url=http%3A%2F%2Fwww.bangkokbiznews.com%2Fhome%2Fdetail%2Fpolitics%2Flife%2F20090629%2F55668%2F%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%2594%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%258A%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B4-%25E0%25B8%258B%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B3%25E0%25B8%2594%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%2581%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B9%2589%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A2.html&ad_type=text&ea=0&feedback_link=on&ref=http%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2Fsearch%3Fq%3D%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B7%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A0%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%25A2%25E0%25B8%259E%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%259A%25E0%25B8%25B1%25E0%25B8%2595%25E0%25B8%25B4%26ie%3Dutf-8%26oe%3Dutf-8%26aq%3Dt%26rls%3Dorg.mozilla%3Ath%3Aofficial%26client%3Dfirefox-a&frm=0&ga_vid=531619679.1235623132&ga_sid=1248093593&ga_hid=393196287&ga_fc=true&flash=10.0.22&w=-1&h=-1&u_h=768&u_w=1024&u_ah=734&u_aw=1024&u_cd=32&u_tz=420&u_his=1&u_nplug=7&u_nmime=16&dtd=14"></script>

    เมื่อเวลา 09.00 น. วิทยาลัยป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย วิทยาเขตเชียงใหม่ นายศรีสมบัติ พรประสิทธิ์ รองอธิดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นประธานเปิดการฝึกซ้อมการบริหารวิกฤติการณ์ระดับชาติด้านสาธารณภัย ประจำปี 2552 ( C-MEX09)
    โดยเป็นการฝึกซ้อมเผชิญภัยจากการสู้ รบกักองกำลังภายนอกประเทศและภัยจากการก่อการร้ายสากล ซึ่งกำหนดให้มีสถานการณ์แทรกซ้อนเป็นเหตุการณ์ภัยพิบัติแผ่นดินไหวขนาด รุนแรง
    การฝึกซ้อมในครั้งนี้ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในตำแหน่งผู้บัญชาการเหตุการณ์ ได้เชิญตัวแทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สาธารณสุขจังหวัด ตำรวจ มณฑลทหารบก กองบิน 41 แขวงการทาง การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำนักงานประปา และบริษัท ทศท.คอร์เปอเรชั่น เข้าร่วมฝึกซ้อมการแก้ปัญหาในที่บังคับการ หรือ CPX ร่วมกรมการสรรพกำลังกลาโหมผ่านระบบการประชุมทางไกล VTC
    นายศรีสมบัติ กล่าวว่า การกู้ภัยในสถานการณ์ใหญ่ไม่สามารถทำได้เพียงหน่วยงานเดียวจึงต้องมีการ สร้างระบบ จัดทำแผน ที่สำคัญคือการซักซ้อม เพราะจะทำให้แต่ละหน่วยงานรู้ถึงบทบาทของตัวเองเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้น จริง โดยทุกอย่างต้องเป็นระบบ ตั้งแต่ทีมกู้ภัยในจุดเกิดเหตุ ระดับอำเภอ จังหวัด และระดับภาคตามลำดับ การซ้อมแผนที่มีขึ้นนอกจากจะเป็นการฝึกซ้อมในที่บังคับการแล้วยังมีการ บรรยายให้ความรู้เรื่อง "บทบาทภารกิจในการกู้ชีพ กู้ภัย และการบริหารจัดการศพผู้เสียชีวิต"
    และนอกจากจะมีการฝึกซ้อมในที่บังคับ การแล้ว ในวันที่ 30 มิ.ย. จะมีการฝึกปฏิบัติภาคสนาม หรือ FTX จำลองสถานการณ์แผ่นดินไหวขนาด 6.5 ริกเตอร์ จนเกิดความเสียหายต่ออาคารสถานที่หลายแห่ง โดยกำหนดสถานที่ฝึกซ้อมคือสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี โรงแรมรัตนโกสินทร์ โรงเรียนนวมินทราชูทิศพายัพ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย โรงเรียนแม่ริมวิทยาคม และอ่างเก็บน้ำแม่สะลวงใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่
    นายศรีสมบัติ กล่าวว่า การฝึกซ้อมครั้งนี้นอกจากจะสร้างความพร้อมให้กับหน่วยงานแล้วยังเป็นการ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนไปพร้อมกัน
    เลขาสมช.เผยสัมมนาสรุปบทเรียนและรายงาน ก.ค.-ส.ค.
    พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) กล่าวภายหลังเป็นประธานจัดฝึกซ้อมการบริหารวิกฤติการณ์ระดับชาติ ประจำปี 2552 หรือ C-MEX 09 ว่า ทางสภาความมั่นคงแห่งชาติร่วม มือกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงกลาโหมจัดการฝึกซ้อมการบริหารวิกฤติการณ์ ระดับชาติขึ้นระหว่างวันที่ 29 มิ.ย. ถึง 3 ก.ค.เพื่อดำเนินงานตามนโยบายการเตรียมความพร้อมแห่งชาติ พ.ศ.2548
    เนื่องจากรัฐบาลให้ความสำคัญอย่าง ยิ่งต่อการเตรียมความพร้อมของทุกภาคส่วนของสังคม เพื่อให้มีความพร้อมต่อการแก้ปัญหาและการบริหารจัดการวิกฤติการณ์ระดับชาติ ที่อาจเกิดขึ้น อาทิ ภัยธรรมชาติ สาธารณภัย และภัยจากสถานการณ์ฉุกเฉินในรูปแบบต่าง ๆ เป็นการเตรียมความพร้อมของบุคลากร ทรัพยากร ที่มีอยู่ในหน่วยงานภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพทันต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งการฝึกซ้อมดังกล่าวจะเกิดเป็นรูปธรรมและมีประสิทธิภาพสูงสุด
    พล.ท.สุรพล กล่าวว่า หากบูรณาการฝึกซ้อมโดยตลอดและได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่ร่วมรับผิดชอบในการอำนวยการฝึกทั้งสภาความมั่นคงแห่งชาติ
    โดยสมช.คาดว่าจะได้รับการฝึกซ้อมการ บริหารจัดการวิกฤติการณ์ระดับชาติในครั้งนี้เป็นอย่างดี เพื่อทุกภาคส่วนมีความพร้อม ความชำนาญ สามารถรับมือภัยคุกคามในรูปแบบต่าง ๆ อย่างทีประสิทธิภาพทันต่อเหตุการณ์ เกิดความเดือดร้อนเสียหายน้อยที่สุด และประชาชนมีความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลในการเสริมสร้างความมั่นคงปลอดภัยให้กับ ชีวิตและทรัพย์สิน

    กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กระทรวงมหาดไทย ศูนย์ต่อต้านการก่อการ้ายสากล กองบัญชาการกองทัพไทย กรมการสรรพกำลังทหาร กระทรวงกลาโหม อย่างไรก็ตามได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ และประชาชน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
    ศูนย์บริหารวิกฤติการณ์ระดับชาติ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
    ทำเนียบรัฐบาล (ศวช.) เป็นหน่วยงานหลักในการจัดตั้งกองอำนวยการฝึกการบริหารวิกฤติการณ์ระดับชาติ ปี 52 หรือ C-MEX09 เพื่อวางแผน เตรียมการประสานงาน อำนวยการฝึกเป็นส่วนรวม โดยมีโครงสร้างการจัดฝึก อำนาจหน้าที่ และความรับผิดชอบต่อส่วนต่าง ๆ ทั้งส่วนราชการ ภาคเอกชน และประชาชน

    ซึ่งสนับสนุนอุปกรณ์ และสิ่งอำนวยความสะดวกในการฝึก โดยมีการวางแผนและเตรียมการ รวมทั้งฝึกอบรมปรับมาตรฐานมาตั้งแต่เดือนม.ค.-พ.ค. 52 ฝึกปัญหาที่บังคับการขั้นก่อนเกิดภัยระหว่างวันที่ 25-29 พ.ค. ส่วนขั้นขณะเกิดภัย ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย.ถึง 3 ก.ค. 52 และจะมีการฝึกภาคสนามในวันที่ 30 ก.ค. 52 ที่ จ.เชียงใหม่ โดยจำลองสถานการณ์จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวขนาดรุนแรง ซึ่งมีบริเวณศูนย์กลางบริเวณแม่ริม เป็นการฝึกแก้ปัญหาในที่บังคับการและปฏิบัติภาคสนาม จากนั้นจะมีการสัมมนาสรุปบทเรียนและรายงานตั้งแต่เดือน ก.ค.-ส.ค. 52
    ทั้งนี้คาดว่า จะเป็นการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานของศูนย์บริหารวิกฤติการณ์ระดับ ชาติ ทดสอบแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แผนป้องกันประเทศ แผนต่อต้านการก่อการร้ายสากล แผนผนึกกำลังและทรัพยากร ที่สำคัญเป็นการทดสอบระบบเทคโนโลยีและการสื่อสาร


     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2009
  7. วัสสานะ

    วัสสานะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    268
    ค่าพลัง:
    +565

    ........อย่างไรก็ตาม แผนดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งในการเตรียมความพร้อมในการปฏิบัติงานของศูนย์ บริหารวิกฤตการณ์ระดับชาติ ที่จะใช้ทดสอบแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย แผนป้องกันประเทศ แผนต่อต้านการก่อการร้ายสากล แผนผนึกกำลังและทรัพยากร ที่สำคัญเป็นการทดสอบระบบเทคโนโลยีและการสื่อสาร


    นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบกำหนดการจัดการฝึกซ้อมระบบเตือนภัยและการอพยพหลบภัยสึนา มิเต็มรูปแบบ ในพื้นที่ 6 จังหวัดชายฝั่งทะเลอันดามัน ประจำปี 2552 ในวันที่ 21 สิงหาคมนี้


    โดยใช้พื้นที่บริเวณหาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต รวมทั้งเห็นชอบการจัดการฝึกซ้อมระบบเตือนภัย การอพยพหลบภัยและการสร้างองค์ความรู้เพื่อเตรียมเผชิญเหตุจากภัยพิบัติ ธรรมชาติ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นการเตรียมความพร้อมของการเชื่อมโยงระบบเตือนภัยจากศูนย์เตือนภัย พิบัติแห่งชาติ กับหอเตือนภัยที่ เทศบาลตำบลเอราวัณ เทศบาลทองผาภูมิ และเทศบาลเมืองกาญจนบุรี โดยครอบคลุมในทุกด้าน ทั้งการแจ้งเตือนภัย การสื่อสารโทรคมนาคมฉุกเฉิน
    ทั้งนี้นายสุเทพได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า นอกเหนือจากภัยสึนามิแล้ว ยังมีภัยพิบัติที่เกิดขึ้นเป็นประจำในประเทศ เช่น น้ำป่า ดินถล่ม วาตภัย ซึ่งส่งผลให้เกิดความเสียหายกับประชาชนในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงควรมีระบบการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยได้ตื่น ตัวตลอดเวลา
     
  8. k_isara

    k_isara เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    246
    ค่าพลัง:
    +119
    20 ก.ค. 52

    มหกรรม H1 N1 จะรุนแรงและรวดเร็ว

    ขอให้ทำตัว คือ ใส่หน้ากากทุกครั้งที่ออกนอกบ้าน

    ทำใจ คือ ทำแต่ความดี

    เท่านี้ก็เป็นเกาะป้องกันได้แล้ว
     
  9. มังกรบูรพา

    มังกรบูรพา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,539
    ค่าพลัง:
    +9,407
    [​IMG]


    รูปนี้ผมเห็นว่ามีประโยชน์ครับ ในขณะที่หน้าการป้องกันไข้หวัด 2009

    กำลังขาดแคลน และหาซื้อยากขึ้น เหมาะสำหรับโพสท์/พิมพ์/แจก

    ให้กับสถานที่ บริษัท ห้างร้าน โรงเรียน หรือใช้เองในครอบครัว


    ถ้าโรงเรียนใด สามารถจัดกิจกรรม สอนให้เด็ก ทำเป็นงานฝีมือได้

    คงมีประโยขน์ไม่น้อย



    http://palungjit.org/threads/มาทำหน้ากากอนามัยกันเถอะ.197651/
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    เรื่องเล่า ก่อนนอนคืนนี้..ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ดาวทะเลทราย<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2273384", true); </SCRIPT> สมาชิก

    รายงานอากาศครับ พายุลูกใหม่ที่ก่อตัวอยู่ทางตะวันออกของฟิลิปปินส์ ขณะนี้ ทิศทางของพายุเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งประเทศจีนไปแล้ว คงไม่มีผลกับประเทศไทย .......... ค่อยหายห่วงหน่อย สบายใจกันได้แล้วครับ

    19-07-2552, 01:45 AM

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->ทางสายธาตุ<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2273402", true); </SCRIPT> สมาชิก

    ดีใจพายุเปลี่ยนทิศทาง เมื่อคราวพายุนากีส ทิศทางตรงๆแต่เข้าประเทศไทยไม่ได้ติดภูเขา คราวนี้เหมือนจะตรงเข้าทางประเทศไทย กลับเปลี่ยนทิศเสียได้ ใครๆต้องอิจฉาประเทศไทยแน่ๆ ปัดออกได้ตลอด สาธุ ปลอดภัยแล้ว<!-- google_ad_section_end -->

    19-07-2552, 01:59 AM

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->The Third Eyes สมาชิก

    พักนี้...มีคนคอยเอาสิ่งศักดิ์สิทธิ์แปลกๆ มาแจก/มาให้/แก่สมาชิกคนอื่นๆ เป็นรูปหลวงปู่ทวด อยู่ในท่าแบกร่ม กำลังเดินธุดงค์ เป็นโลหะหล่อสูงประมาณ 10 นิ้ว พอเอามาวาง..พบว่าพลังแรงเอามากๆ ทำให้หลายคนที่สัมผัส มีอาการตัวสั่น เมื่อพร้อมทั้งชมรมเงียบกริบ หลับตาเพื่อดูทางจิตว่า หลวงปู่ท่านมาทำไม เวลาผ่านไป 30 วินาที หลวงปู่เหาะลอยขึ้นฟ้า สูงเกิน 500 เมตร ขยายองค์ใหญ่โต หลวงปู่กางร่มที่ถือออก..แล้วหมุนเหมือนเราชอบหมุนร่ม เริ่มจากขวาไปซ้าย

    ขนาดของร่มเมื่อดูด้วยจิต เป็นร่มขนาดมหายักษ์ ส่วนริมหนึ่งอยู่ที่สุดเขตแดนใต้ คือนราธิวาส อีกริมหนึ่งอยู่ขอบชายแดนที่สูงสุด ตือเชียงราย เมือร่มหมุน...รัศมีร่ม ครอบประเทศไทยโดยทั่วและเผื่อแผ่ ให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ทิศตะวันออกและทิศตะวันตกด้วย พลังร่มที่ปล่อยลงสู่พื้นดิน มีสีส้มและสีทอง อันเป็นความหมายว่า พลังสีส้ม เป็นพลังแห่งการรักษาโรค และสีทองเป็นพลังในการปรับธาตุทั้งสี่ ให้แก่ผู้คนทั้งมวล ปวงประชาจะได้ไม่เจ็บป่วยมากจากโรคร้ายแรงที่กำลังระบาด

    หลังจากเฝ้าดูการหมุนร่ม เริ่มจากหมุนจากขวาไปซ้าย ได้สัก 4-5 นาที การหมุนนั้นก็หยุดนิ่ง และเริ่มหมุนทวนกลับ..จากซ้ายไปขวา พอ 4-5 นาที ก็หยุดและหมุนจากขวาไปซ้าย กลับไปปกลับมา 5-6 รอบ ทีแรกก็งง..หลวงปู่ทำอะไรหว่า พากันงงๆ ในที่สุดก็นึกออก

    หลวงปู่เอาเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่เราใช้ในเครื่องซักผ้าที่หมุนบิด กลับไป/ กลับมา หลวงปู่ทวดแห่งวัดพะโคะ ท่านกำลังซักคน ซักประเทศ หน่ะ..หน่ะ...หน่ะ รู้หรือเปล่า พวกเราทุกคนทราบซึ้งในความห่วงใยของหลวงปู่ ที่ถึงแม้ท่านจะสังขารไปนานแล้ว แต่จิตวิญญาณของ หลวงปู่ ยังคงรักและห่วงคนไทย

    มหาสาธุ...มหาสาธุ....มหาสาธุ
    .......................................................

    19-07-2552, 01:21 PM

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->เห็ดหอม<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2275700", true); </SCRIPT> สมาชิก

    อาจารย์ลืมเรื่องสำคัญไปเรื่องนึงนะครับ หลวงปู่ทวดบอกคาถาแก้(ไข้หวัด 2009)มาให้ด้วย เพราะปัจจุบันเชื้อโรคมันพัฒนาไปจากเดิมแลัว ไม่ใช่โจมตีแค่ปอดอย่างเดียว เดี๋ยวนี้มันลงกระเพาะลำไล้ ทำให้ท้องเสียด้วย หลวงปู่ให้ใช้คาถาของหลวงพ่อโอภาสีดังนี้

    " อิติสุคะโต อะระหังพุทโธ นะโมพุทธายะ ปะฐะวีคงคา พระภุมมะเทวา ขะมามิหัง "

    เป็นคาถาปรับธาตุนะครับ ทั้งธาตุน้ำ ธาตุดิน ก็ตั้งใจหมั่นสวดกันหน่อยนะครับหลวงปู่ท่า่น อุตส่าห์มีเมตตามาบอกด้วยพระองค์ท่าน สาธุ สาธุ สาธุ เป็นมหากุศล เป็นบุญจริง

    สำหรับสมาชิกที่ได้ทราบ กรุณาแจ้งต่อๆไปด้วยก็ดีครับ ช่วยๆกันฟันฝ่าให้ผ่านพ้น......

    20-07-2552, 12:51 AM <!-- google_ad_section_end -->

    ที่มา http://palungjit.org/threads/เรื่องเล่า-ก่อนนอนคืนนี้-ของเหล่าคนผู้มีตาทิพย์.158289/page-124
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • sunflower11.jpg
      sunflower11.jpg
      ขนาดไฟล์:
      40.3 KB
      เปิดดู:
      3,178
    • DSCN5694.jpg
      DSCN5694.jpg
      ขนาดไฟล์:
      125.9 KB
      เปิดดู:
      49
    • 10_916.jpg
      10_916.jpg
      ขนาดไฟล์:
      68.3 KB
      เปิดดู:
      53
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2009
  11. ธีรยุทธ

    ธีรยุทธ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    110
    ค่าพลัง:
    +750

    อนุโมทนามากครับ ลองท่อง คาถา 1 ครั้ง ขนลุกมากครับ เลยไม่แน่ใจนัก เลยอธิฐานว่า ถ้าสวดรอบที่ 2 ขอให้ขนลุก อีก ปรากฎว่า ขนลุกยิ่งกว่าครั้งแรก จึงขอพิสูจน์ อธิฐานสวดคาถารอบที่ 3 ปรากฎว่าขนลุกจน นั่งไม่ได้ครับเพราะขนมันขึ้นทั้งตัวเกิด ปิติค้างอยู่ หน้าตึง ขนหัวลุก กระดูกหลังดีดตัวตรง หน้าอกแน่น ไหล่หนา กล้ามขาตึง กระดูกขาเกร็งตัว ไม่รู้จะอธิบายเป็นคำพูดยังไงดี ผู้ที่ปฏิบัติ คงพอจะเข้าใจดีนะครับ สัมผัสถึง อานุภาพของคาถา แล้ว หลังจากนั้นจะโล่งทันทีครับ จิตเบากายเบา แค่ไม่ถึง 10 นาทีเองครับ แต่ต้อง + ศัทธาด้วยนะครับ อนุโทนาคุณ เกษม ครับ
     
  12. Kongp

    Kongp เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,696
    ค่าพลัง:
    +3,909
    ผมล่ะงงกับข้อความจริงๆ

    ขอแสดงเห็น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับกรรม แต่ผมสงสัยคนตั้งคำถามนี้ "ทำไมไม่ลงไปที่พม่า"

    พม่า ก็คือ คนเหมือนกันนะครับ คนดีก็มี คนไม่ดีก็มี ไม่ต่างกับไทยเท่าไหร่ คนดีก็มี คนไม่ดีก็มีเหมือนกัน

    ที่ไหนๆในโลกนี้ ก็ไม่อยากต้องการได้รับความเจ็บป่วยทั้งนั้นครับ ไม่มีใครอยากได้รับไข้หวัด หรือ ไม่อยากตาย ทั้งนั้นล่ะครับ

    อ่านแล้ว ดูเหมือน เห็นแก่ตัวยังไงไม่รู้ครับ
     
  13. ถิ่นธรรม

    ถิ่นธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    1,828
    ค่าพลัง:
    +5,414
    เรื่องนาร์กีสเปลี่ยนเส้นทางไม่เข้าไทยเพราะ %^$%^##
    พิสูจน์กันไปแล้วไม่ใช่หรือว่าเป็นเรื่องแต่ง เรื่องโกหกจาก FWD.MAIL
    กรรมใครก็กรรมของคนนั้น ชาวพม่ารับกรรมจากพายุก็เพราะกรรมของเขา คนไทยไม่มีกรรมก็ไม่โดน ไม่มีใครชาวยใครได้
     
  14. kumpeang

    kumpeang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    546
    ค่าพลัง:
    +1,984
    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา . . .

    อย่าให้ อารมณ์ นำสติ


    เหมือนนิทาน ที่เราเคยฟังกันบ่อยๆ ฝูงนกที่โดนนายพรานเอาแห มาดักนกไว้ ใหม่ๆ ก็รวมพลังกันยกแห ชวนกันบินหนีไปได้ เก่าๆ ขึ้นมา กูก็อ้างตนเก่ง มึงก็อ้างตนเก่ง ต่างคนต่างเก่ง พอมีภัย ก็ไหนมึงลองยกดูสิ ก็ไหนว่ามึงเก่งไง . . .

    กว่าจะได้ลองกำลังยกแหให้พ้นภัย นายพรานก็ทันมาจับไปฆ่าแกงเสียหมดยกฝูง เออ นั่น . . .ตกลงเลยไม่ได้เก่งกันอีกต่อไปเลย ตายยกฝูง กันพอดี

    --------------------------------------------------------------------
    นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
    + + + + +

    อัปมัญญา ๔ - พรหมวิหาร ๔

    อัปมัญญา หมายความว่า ธรรมที่เป็นไปในสัตว์ทั้งหลาย
    หาประมาณมิได้ ไม่มีจำกัด … ผู้เจริญอัปมัญญา ๔ อย่างใดอย่างหนึ่ง
    อยู่นั้น จะต้องมีการแผ่ตลอดทั่วไปในสัตว์ทั้งหลายโดยไม่มีจำกัด
    จึงจะเรียกว่าเป็นการแผ่เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ที่เป็นอัปมัญญา …
    สำหรับการแผ่เมตตา ฯลฯ โดยจำกัดบุคคลและจำกัดสถานที่
    ไม่จัดว่าเป็นการเจริญอัปปมัญญากรรมฐาน … เป็นแต่เพียงการแผ่
    อย่างธรรมดา อย่างไรก็ตาม การแผ่ที่มีการจำกัดบุคคลและสถานที่นี้
    ก็ยังได้รับอานิสงส์อย่างไพศาล คือ ในภพนี้ก็จะช่วยให้พ้นจากภัยต่างๆ
    ในภพหน้าก็ช่วยให้เกิดเป็นมนุษย์และเทวดา

    อัปมัญญา ๔ ที่ได้ชื่อว่า พรหมวิหาร นั้น เพราะว่า
    บุคคลใดกำลังดำเนินการปฏิบัติในอัปมัญญาอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่
    บุคคลนั้นย่อมมีจิตใจเสมือนพรหม …

    หรืออีกนัยหนึ่ง คำว่า 'พรหม' แปลว่า ผู้ประเสริฐ 'วิหาร' แปลว่า
    ความเป็นอยู่ที่เข้าถึงอย่างประเสริฐด้วยอัปมัญญา ๔
    เมื่อรวมแล้ว ความเป็นอยู่ที่เข้าถึงอย่างประเสริฐของบุคคลผู้ประเสริฐ
    ชื่อว่า พรหมวิหาร …

    + + + + +

    เมตตา

    เมตตา หมายความว่า การปรารถนาดีรักใคร่ต่อสัตว์ทั้งหลาย
    เมตตาคือความไม่โกรธ (อโทสะ) …

    การนึกถึงและมองดูคนอื่นด้วยโทสะ ในขณะนั้นย่อมมีแต่ความเกลียดชัง
    จิตใจไม่ชื่นบาน ส่วนการนึกถึงและมองดูบุคคลอื่นด้วยเมตตานั้น จิตใจก็จะ
    มีแต่ความรักใคร่เบิกบาน …

    ความรักใคร่ชื่นชมนี้ มี ๒ อย่าง คือ (๑) เมตตาอโทสะ
    (๒) ตัณหาเปมะ ใน ๒ อย่างนี้ เมตตาอโทสะ เป็นความ
    รักใคร่ชื่นชมปรารถนาดี ไม่มีการยึดถือว่าเป็น บิดา มารดา บุตร
    ธิดา ภรรยา สามี ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง แต่อย่างใด ถึงจะจากไป
    อยู่ที่อื่นก็ไม่เดือดร้อน ส่วนตัณหาเปมะนั้น เป็นความรักใคร่ชื่นชม
    ด้วยการยึดถือว่าเป็น บิดา มารดา บุตร ธิดา ภรรยา สามี
    ญาติพี่น้อง เพื่อนฝูงและแยกจากกันไม่ได้ ดังนั้นความรักใคร่ชื่นชม
    ชนิดที่เป็นชนิดตัณหาเปมะนี้ จึงได้ชื่อว่า เป็นเมตตาเทียม เพราะยัง
    มีโลภะอยู่ด้วย

    ถึงกระนั้น ตัณหาเปมะ อันเป็นตัวเมตตาเทียมนี้ ก็ยังเป็นความดี
    เพราะหากเจริญเป็นปกติอยู่เนืองๆ ก็สามารถยังให้เมตตาอโทสะ
    เกิดขึ้นได้ง่าย และดำรงมั่นไม่เสื่อมถอย …

    ฝ่ายผู้ที่แสวงหาโลกุตตรธรรม (= การสิ้นกิเลส การพ้นทุกข์ คือ
    พระนิพพาน - deedi) นั้น ถ้าจิตใจยังประกอบด้วยตัณหาเปมะ
    ต่อบุคคลใดบุคคลหนึ่ง โลกุตตรธรรมก็เกิดขึ้นไม่ได้ ทั้งนี้เพราะ
    ตัณหาเปมะนี้ ขัดกันกับสมาธิตลอดจนถึงสติสัมปชัญญะ ดังเช่น
    พระฉันนเถระ มีความรักในพระพุทธองค์อย่างเหนียวแน่น
    เนื่องจากเคยอยู่ใกล้ชิด จึงถึงออกสู่มหาภิเนษกรมณ์ ดังนั้น
    ในระหว่างที่พระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ พระภิกษุฉันนะ
    มิอาจปฏิบัติให้มรรค ผล เกิดได้ ต่อเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว
    การปฏิบัติจึงสำเร็จ ทั้งนี้ก็เพราะตัณหาเปมะที่ขัดกับสมาธิ
    สติสัมปชัญญะ ได้หายไปจากใจหมดสิ้น



    การแผ่เมตตา ควรจะต้องแผ่แก่ตนเองก่อน เพื่อประโยชน์อันที่จะ
    ได้เป็นสักขีพยานแก่การแผ่ไปยังบุคคลอื่น ทั้งนี้ก็เพราะว่า
    ความรักต่อสิ่งอื่นๆ นั้น จะมีมากมายสักเพียงใดก็ตาม ก็ไม่เหมือน
    ความรักตนเอง (น จ อตฺต สมํ เปมํ) ดังนั้น เมื่อแผ่แก่ตนก่อน
    อยู่เสมอๆ แล้ว ความปรารถนาสุข กลัวทุกข์ อยากมีอายุยืน
    ไม่อยากตาย ที่มีประจำใจอยู่นั้น ย่อมเกิดขึ้นเป็นพิเศษ
    แล้วนึกเปรียบเทียบไปในสัตว์ทั้งหลายว่า ล้วนแต่มีความ
    ปรารถนาเช่นเดียวกับตนทุกประการ การนึกเปรียบเทียบระหว่าง
    ตนกับผู้อื่นอย่างนี้แหละ เป็นเหตุสำคัญที่จะช่วยให้เมตตาจิต
    เกิดขึ้นได้ง่าย และตั้งอยู่มั่นคง … พระพุทธองค์ก็ได้ทรงเทศนาไว้ว่า
    สพฺพา ทิสา อนุปริคมฺม เจตสา
    เนวชฺฌคา ปิยตรมตฺตนา กฺวจิ
    เอวํ ปิโย ปุถุ อตฺตา ปเรสํ
    ตสฺมา น หึเส ปรํ อตฺถกาโม-ติ ฯ

    แปลความว่า
    บุคคลเอาจิตใจค้นคว้าพิจารณาไปทั่วทิศ
    ย่อมไม่เห็นใครเป็นที่รักยิ่งกว่าตน
    ในที่ใดๆ ก็ตาม ตนนั้นแหละเป็นที่รักอย่างมาก
    คนอื่นก็เช่นกัน ฉะนั้น ผู้ที่รักตนไม่ควรเบียดเบียน
    ผู้อื่นแม้กระทั่งมด ปลวก




    อานิสงส์ที่ได้รับจากการแผ่เมตตา
    นอนหลับสบายคล้ายเข้าสมาบัติ - เมื่อตื่นก็สบายคล้ายกับ
    ออกจากสมาบัติ - ไม่ฝันเห็นสิ่งที่ชั่ว และ เรื่องที่น่าเกลียดน่ากลัว
    ฝันเห็นแต่สิ่งที่ดีที่น่าปลื้มใจ - เป็นที่รักของคนทั้งหลาย -
    เป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย มี เทวดา เป็นต้น -
    เทวดาย่อมรักษา - ไฟหรือยาพิษหรือศาสตราวธต่างๆ
    ทำร้ายไม่ได้ - มีจิตใจสงบได้เร็ว - มีหน้าตาผ่องใส -
    เมื่อเวลาตายจิตใจไม่ฟั่นเฟือน - แม้ว่ายังไม่ได้บรรลุมรรคผล
    อันประเสริฐในภพนี้ก็ตาม ถ้าได้รูปฌานก็จักไปบังเกิด
    ในพรหมโลก

    เมตตากรรมฐาน มีความเป็นไปแห่งกาย วาจา ใจ
    ในอันที่จะอำนวยประโยชน์ให้แก่สัตว์ทั้งหลาย เป็นลักษณะ -
    มีการนำประโยชน์ให้แก่สัตว์ทั้งหลาย อย่างใกล้ชิด เป็นกิจ -
    มีการบำบัดความแค้นเป็นอาการปรากฏแก่ผู้ที่ทำการ
    พิจารณาเมตตา - มีการพิจารณาแต่ความดีที่น่าพึงพอใจ
    ของสัตว์ทั้งหลาย โดยไม่มีการนึกถึงสิ่งที่ไม่ดีไม่งาม
    เป็นเหตุใกล้ - การสงบความพยาบาทลงได้เป็นเวลานาน
    เป็นความสมบูรณ์ของเมตตา - และการเกิดขึ้นแห่งตัณหา
    ที่เหนียวแน่น เป็นความเสียหายแห่งเมตตา - ราคะ เป็น
    ข้าศึกใกล้ของเมตตา - พยาบาท เป็นข้าศึกไกลของ
    เมตตา

    + + + + +

    กรุณา

    กรุณา หมายความว่า เมื่อเห็นสัตว์ทั้งหลายได้รับ
    ความลำบาก จิตใจของสัปบุรุษ (สัปบุรุษ - สัตบุรุษ คือ คนสงบ
    คนดี คนมีศีลธรรม คนที่ประกอบด้วยสัปปุริสธรรม - พจนานุกรม
    พุทธศาสน์) ก็เกิดความหวั่นไหว นิ่งดูอยู่ไม่ได้ หรืออีกนัยหนึ่ง
    หมายความว่า ย่อมช่วยผู้ที่ได้รับความลำบากนั้นให้ได้รับความสุข
    ดังแสดงวจนัตถะว่า
    ปรทุกฺเข สติ สาธูนํ หทยกมฺปนํ กโรตีตี = กรุณา
    ธรรมชาติใดย่อมทำให้จิตใจของสัปบุรุษทั้งหลาย หวั่นไหว
    อยู่นิ่งไม่ได้ เมื่อผู้อื่นได้รับความลำบาก ฉะนั้น ธรรมชาตินั้น
    ชื่อว่า กรุณา
    กิณาติ ปรทุกฺขํ หึสติ วินาเสตีติ = กรุณา
    ธรรมชาติใดย่อมเบียดเบียนทำลายความลำบากของผู้อื่นเสีย
    ฉะนั้น ธรรมชาตินั้นชื่อว่า กรุณา

    กรุณา เมื่อว่าโดยสามัญแล้ว มี ๒ อย่าง คือ กรุณาแท้ และ
    กรุณาเทียม ใน ๒ อย่างนี้ กรุณาแท้ แม้ว่าจะมีความสงสาร
    ต่อสัตว์ที่ได้รับความลำบากอยู่ หรือ จะได้รับความลำบากต่อไป
    ในข้างหน้าก็ดี ทำการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความลำบากอยู่
    ด้วยประการใดๆ ก็ดี ความเศร้าโศก เดือดร้อน ขุ่นหมองใจไม่มี
    มีแต่ความแช่มชื่นผ่องใส ซึ่งเป็นมหากุศล … ที่เนื่องมาจาก
    กรุณาเจตสิก (ธรรมชาติที่มีความสงสารต่อทุกขิตสัตว์ คือ
    ผู้ที่กำลังได้รับความลำบากอยู่ หรือ จะได้รับความลำบาก
    ในกาลข้างหน้า) อันเป็นกรุณาอัปปมัญญาแท้

    สำหรับกรุณาเทียมนั้น เมื่อมีความสงสารต่อสัตว์ที่ได้รับความ
    ลำบากอยู่ หรือจะได้รับความลำบากต่อไปในข้างหน้าก็ดี
    ช่วยเหลือผู้ที่กำลังได้รับความลำบากอยู่ก็ดี กลับมีความ
    เศร้าโศก เดือดร้อน ขุ่นมัว อยู่ด้วย



    อานิสงส์ของกรุณาก็เป็นเช่นเดียวกับเมตตา

    กรุณา มีลักษณะที่ กาย วาจา ใจ เป็นไปในอันที่จะบำบัดทุกข์
    ของผู้อื่นให้ปราศจากไป - มีการอดกลั้นนิ่งดูดายอยู่ไม่ได้ต่อทุกข์
    ของผู้อื่นและอยากช่วย - มีการไม่เบียดเบียนผู้อื่น เป็นอาการ
    ปรากฏแก่ผู้ที่ทำการพิจารณากรุณา - มีการพิจารณาเห็น
    บุคคลที่ตกอยู่ในความทุกข์ไร้ที่พึ่ง เป็นเหตุใกล้ - มีความสงบลง
    แห่งโทสะในอันที่จะเบียดเบียนสัตว์ เป็นความสมบูรณ์แห่ง
    กรุณา - และการเกิดขึ้นแห่งความเศร้าโศก เป็นความเสียหาย
    แก่กรุณา - ความเสียใจที่เนื่องด้วยกามคุณอารมณ์ เป็น
    ศัตรูใกล้ของกรุณา - มีความเบียดเบียนสัตว์เป็นศัตรูไกล
    ของกรุณา

    + + + + +

    มุทิตา

    มุทิตา หมายความว่า ความรื่นเริงบันเทิงใจ
    ในความสุขความสมบูรณ์ของผู้อื่น

    มุทิตา เมื่อว่าโดยสามัญแล้ว มี ๒ อย่าง คือ มุทิตาแท้และ
    มุทิตาเทียม ใน ๒ อย่างนี้ มุทิตาแท้ แม้ว่าจะมีความรื่นเริง
    บันเทิงใจต่อสัตว์ที่มีสุขอยู่ หรือจะได้รับความสุขต่อไป
    ข้างหน้าก็ดี จิตใจหาได้มีการยึดถือหรืออยากโอ้อวดต่อผู้อื่น
    แต่อย่างใดไม่ มีแต่ความเบิกบานแจ่มใสอันเป็นตัวมหากุศล …

    สำหรับมุทิตาเทียมนั้น แม้จะมีความยินดีปรีดาก็จริง
    แต่ก็มีการยึดถืออยากได้ดีมีหน้า ซ่อนอยู่เบื้องหลัง
    ส่วนมากย่อมเกิดขึ้นเมื่อได้เห็นบิดา มารดา ญาติพี่น้อง
    บุตร ธิดา มิตรสหายของตนมียศ มีทรัพย์ อำนาจ หรือ
    ได้ทราบว่าจะได้รับยศอำนาจในวันหน้า โดยความยึดถือ
    ว่าผู้นั้นเป็นบิดา มารดา ฯลฯ ของตน



    อานิสงส์เป็นเช่นเดียวกันกับเมตตา

    มุทิตา มีลักษณะเป็นความบันเทิงใจในคุณความดี
    ทรัพย์ บริวาร ความสุขของผู้อื่น - มีการไม่ริษยาในคุณความดี
    ทรัพย์ บริวาร ความสุขของผู้อื่น เป็นกิจ - มีการพิฆาตทำลาย
    ความริษยา เป็นอาการปรากฏแก่ผู้ที่ทำการพิจารณามุทิตา -
    มีการรู้เห็นความเจริญด้วยคุณความดี ทรัพย์ บริวาร
    ความสุขของผู้อื่น เป็นเหตุใกล้ - มีความสงบจากความ
    ไม่พอใจในสมบัติของผู้อื่น เป็นความสมบูรณ์แห่งมุทิตา -
    และความสนุกรื่นเริงโอ้อวดกำหนัด เป็นความเสียหาย
    แห่งมุทิตา - ความดีใจที่เนื่องด้วยกามคุณอารมณ์ เป็น
    ศัตรูใกล้ของมุทิตา - ความไม่ยินดี ไม่สบายใจใน
    ความเจริญของผู้อื่น เป็นศัตรูไกลของมุทิตา

    + + + + +

    อุเบกขา

    อุเบกขา หมายความว่า ความวางเฉยต่อสัตว์ทั้งหลาย
    โดยมีจิตใจที่ปราศจากอาการทั้ง ๓ กล่าวคือ ไม่น้อมไปในความ
    ปรารถนาดี ในการที่จะบำบัดทุกข์ ในการชื่นชมยินดี ในความสุข
    ของสัตว์แต่อย่างใดทั้งสิ้น … พิจารณาในสัตว์ทั้งหลายพอประมาณ
    ด้วยการที่ไม่รักไม่ชัง คือ สละความวุ่นวายที่เนื่องด้วยเมตตา กรุณา
    มุทิตา … และมีสภาพเข้าถึงความเป็นกลาง



    การวางเฉยต่อสัตว์ทั้งหลายนั้น มีอยู่ด้วยกัน ๒ อย่าง คือ
    เป็นไปด้วยอำนาจแห่งตัตตรมัชฌัตตตา (ความเป็นกลางในอารมณ์
    นั้นๆ / ภาวะที่จิตและเจตสิกตั้งอยู่ในความเป็นกลาง) …
    นี้เป็นอุเบกขาแท้

    ส่วนที่เป็นไปด้วยอำนาจโมหะนั้น เมื่อได้ประสบกับสิ่งที่น่ารัก
    ก็ไม่รู้จักรัก น่าขวนขวายอยากได้ก็ไม่มีการขวนขวายอยากได้
    เฉยๆ ไป น่าเคารพเลื่อมใสก็ไม่รู้จักทำการเคารพเลื่อมใส
    น่ากลัวน่าเกลียดก็ไม่รู้จักกลัวจักเกลียด ควรสนับสนุนส่งเสริม
    ก็ไม่รู้จักสนับสนุนส่งเสริม ควรแก้ไขปรับปรุงให้ดีให้สมบูรณ์
    ในการงานทั้งปวงก็นิ่งเฉยเสีย นี้เป็นอุเบกขาเทียม

    อุเบกขาพรหมวิหาร - อุเบกขาบารมี

    ในสองอย่างนี้ แม้ว่าจะมีการวางเฉยต่อสัตว์ด้วยกันก็จริง
    แต่อารมณ์ที่จะให้เกิดความวางเฉยนี้ต่างกันคือ
    อุเบกขาพรหมวิหาร มีการวางเฉยต่อสัตว์ คือ
    ละความวุ่นวายที่เนื่องด้วย เมตตา กรุณา มุทิตา มีสภาพ
    เข้าถึงความเป็นกลางในสัตว์ทั้งหลาย
    อุเบกขาบารมี นั้น เป็นการวางเฉยในบุคคล
    ที่กระทำดีและไม่ดีต่อตน โดยไม่มีการยินดียินร้าย
    แต่ประการใด คือ ผู้ที่กระทำความดี มีความเคารพนับถือ
    บูชาสักการะ เกื้อกูล อนุเคราะห์ สงเคราะห์ เป็นประโยชน์
    แก่ตนสักเท่าใดๆ ก็คงมีจิตใจวางเฉยอยู่ และผู้ที่กระทำ
    ความไม่ดี มีการประทุษร้ายต่อตนสักเพียงใดก็ตาม
    ก็คงวางเฉยอยู่ได้เช่นกัน ในการวางเฉยทั้ง ๒ อย่างนี้
    ฝ่ายบารมีประเสริฐยิ่ง การบำเพ็ญก็สำเร็จได้ยาก

    ๑.
    เมตฺตาทโย โอฬาริกา สตฺตเกลายเนน จ
    ยุตฺตา สมีปจาริกา ปฏิฆานุนยานํ จ ฯ
    ๒.
    อุเปกฺขา ตุ สนฺตภาวา สุขุมปณีตา ปิ จ
    กิเลเสหิ จ วิทูรา สเวปุลฺลผลา ตถา ฯ

    แปลความว่า
    (๑)
    เมตตา กรุณา มุทิตา ทั้ง ๓ นี้มีสภาพหยาบ เพราะยังประกอบ
    ด้วยโสมนัสเวทนา และยังมีความยินดีรักใคร่ในสัตว์ ทั้งยัง
    ประพฤติเป็นไปใกล้ต่อความเกลียดและความรัก
    (๒)
    สำหรับอุเบกขานั้น มีสภาพสงบ สุขุม ประณีต ห่างไกล
    จากกิเลสด้วย มีผลไพบูลย์ดีงามมากด้วย




    อานิสงส์ของอุเบกขา ก็เป็นเช่นเดียวกับเมตตา

    อุเบกขา มีลักษณะ คือ มีอาการเป็นไปอย่างกลาง
    ในสัตว์ทั้งหลาย - มีการมองดูในสัตว์ทั้งหลายด้วยความเสมอกัน
    เป็นกิจ - มีการสงบความเกลียดและไม่มีความรักในสัตว์ทั้งหลาย
    เป็นอาการปรากฏแก่ผู้ทำการพิจารณาอุเบกขา - เหตุใกล้ของ
    อุเบกขา คือ ปัญญาที่พิจารณาเห็นการกระทำของตนเป็นของ
    ตนเอง เป็นไปอย่างนี้ว่า "สัตว์ทั้งหลายมีการกระทำของตนเป็นของ
    ตนเอง สัตว์ทั้งหลายเหล่านี้จะมีความสุข หรือ พ้นจากทุกข์
    หรือ จักไม่เสื่อมจากทรัพย์สมบัติของตนที่มีอยู่เหล่านี้
    ด้วยความประสงค์ของผู้ใดผู้หนึ่งนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้เลย" -
    มีความสงบความเกลียดและไม่มีความรัก เป็นความสมบูรณ์
    แห่งอุเบกขา - มีการเกิดขึ้นแห่ง อญาณุเปกขาโดยอาศัย
    กามคุณอารมณ์ เป็นความเสียหายแห่งอุเบกขา - การวางเฉย
    ด้วยอำนาจโมหะ (อวิชชา - ความไม่รู้ตามความเป็นจริง)
    เป็นศัตรูใกล้ของอุเบกขา - ราคะและโทสะ เป็นศัตรูไกล
    ของอุเบกขา

    + + + + +

    เหตุที่อัปมัญญามีเพียง ๔

    การที่อัปมัญญามีเพียง ๔ นั้น เพราะเหตุที่จะทำให้จิตใจ
    บริสุทธิ์จากการพยาบาท วิหิงสา อรติ ราคะ ที่มีอยู่ในสันดานของ
    สัตว์ทั้งหลายนั้นมีอยู่เพียง ๔ และการใฝ่ใจของสัตว์ทั้งหลาย
    ที่มีต่อกันนั้นเล่า ก็มีเพียง ๔ เช่นกัน ดังนั้นอัปปมัญญาจึงมี
    เพียง ๔ เหตุทีททำให้จิตใจบริสุทธิ์ ๔ อย่างนั้นก็ได้แก่
    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา นี้เอง เพราะธรรมดาจิตใจ
    ของสัตว์ทั้งหลายนั้น ย่อมหมกมุ่นเกี่ยวพันอยู่ด้วยเรื่องพยาบาท
    วิหิงสา (การเบียดเบียน การทำร้าย) อรติ (ความขึ้งเคียด
    ความไม่ยินดีด้วย ความริษยา) ราคะ อย่างใดอย่างหนึ่งเสมอไป
    ต่างกันก็แต่เพียงบางอย่างมาก บางอย่างน้อย ซึ่งเป็นไปตาม
    กาลเวลาเท่านั้น

    ดังนั้น ผู้ที่มีพยาบาทมาก จึงต้องปราบด้วยเมตตา จิตใจจึงจะ
    สงบลงและเข้าถึงความบริสุทธิ์ผ่องใสได้ ส่วนผู้ที่มีวิหิงสามาก
    ต้องปราบด้วยกรุณา ผู้มีอรติมากต้องปราบด้วยมุทิตา
    และผู้ที่มีราคะมาก ต้องปราบด้วยอุเบกขา
    จิตใจจึงจะสงบและเข้าถึงความบริสุทธิ์ผ่องใสได้

    อนึ่ง การใฝ่ใจของสัตว์ทั้งหลายที่มีต่อกัน ๔ อย่างนั้นคือ
    นำประโยชน์ให้แก่สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเป็นตัวเมตตาอย่างหนึ่ง
    บำบัดปัดป้องสิ่งที่ไร้ประโยชน์ให้แก่สัตว์ทั้งหลาย ซึ่งเป็น
    ตัวกรุณา อย่างหนึ่ง วางเฉยในเรื่องจะนำประโยชน์ ในเรื่อง
    บำบัดปัดป้องสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ในเรื่องยินดีในความสุขสบาย
    ทรัพย์สินเงินทอง ของสัตว์ทั้งสิ้น ซึ่งเป็นตัวอุเบกขา อย่างหนึ่ง

    เปรียบเหมือนมารดาที่มีบุตรอยู่ ๔ คน คนหนึ่งยังเล็กอยู่
    คนหนึ่งเจ็บไข้ไม่สบาย คนหนึ่งโตแล้ว คนหนึ่งประกอบการงาน
    เลี้ยงตนเองได้แล้ว ใน ๔ คนนี้ มารดาย่อมมีจิตใจฝักใฝ่รักใคร่
    บำรุงเลี้ยงดูเพื่อการเจริญวัยในบุตรคนเล็ก อนึ่ง มารดาย่อม
    ฝักใฝ่ในการบำบัดความเจ็บไข้ให้แก่บุตรที่ไม่สบาย และย่อม
    มีความชื่นชมในความงามเป็นหนุ่มเป็นสาวของบุตรที่เจริญ
    เติบโตขึ้นแล้ว แต่มารดาย่อมไม่มีความกังวลห่วงใยคอยแนะนำ
    พร่ำสอนแก่บุตรที่ประกอบการเลี้ยงชีพตนเองได้แล้ว ข้อนี้ฉันใด
    การใฝ่ใจของสัตว์ทั้งหลาย ที่มีต่อกันนั้น ก็ไม่พ้นออกไปจาก
    ๔ อย่างนี้ ฉะนั้น อัปปมัญญา จึงมี ๔

    ในอัปปมัญญา ๔ อย่างนี้ การเจริญเมตตามีประโยชน์กว้างขวาง
    อย่างมหาศาล ทั้งเป็นกำลังช่วยอุดหนุนให้กรุณา มุทิตา อุเบกขา
    เกิดขึ้นง่าย และยังช่วยทำให้การสร้างบารมีต่างๆ สำเร็จลงได้
    อย่างสะดวกสบาย เหตุนั้นผู้ที่ปรารถนาสัมมาสัมโพธิญาณทั้งหลาย
    (ผู้ที่ปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้า) จึงมีการเจริญเมตตาและการเจริญ
    พุทธคุณประกอบไปด้วย โดยมาคำนึงนึกถึงว่าตนจะต้องทำการ
    สร้างสมบารมี ๓๐ ทัศ เป็นเวลาอย่างช้านานอยู่ในวัฏฏสงสาร

    + + + + + + + + + + + + + + +
    คัดลอก-ตัดตอน-เรียบเรียงมาบางส่วน
    จาก
    ปรมัตถโชติกะ ปริจเฉทที่ ๙ เล่ม ๑ สมถกรรมฐานทีปนี
    รจนาโดย
    พระสัทธัมมโชติกะ ธัมมาจริยะ
    หน้า ๑๗๘ - ๒๐๖
    + + + + + + + + + + + + + + +

    สวัสดีค่ะ :) เนื้อหาทั้งหมดที่นำมาตั้งเป็นกระทู้นี้
    นำมาจากส่วนหนึ่งของหนังสือเรียนเล่มหนึ่ง
    ด้วยการตัดตอนมาบางส่วน ปรับเขียนเพื่อให้อ่านง่ายขึ้น
    เป็นบางส่วนและในบางส่วนก็คงศัพท์ที่อาจฟังดูยากไปบ้าง
    เพื่ออย่างน้อยจะได้อ่านผ่านๆ ตาไว้บ้าง
    และบางส่วนก็ยังไม่มีความรู้พอ ยังไม่เข้าใจในศัพท์นั้นๆ
    เพียงพอที่จะสามารถขยายความหรือปรับเขียนได้แต่ก็คิดว่า
    ไม่สมควรจะตัดออก จึงนำมาใส่ไว้ด้วย ก็มี

    เห็นว่าเป็นเนื้อหาที่น่าสนใจและมีประโยชน์ในการปฏิบัติตน
    เป็นอย่างยิ่ง มีรายละเอียดที่กระชับแต่ก็กว้างขวาง ลุ่มลึก
    และครอบคลุมในเรื่อง เมตตา - กรุณา - มุทิตา - อุเบกขา ไว้ครบถ้วน
    จึงนำเนื้อความมาสรุปเอาเฉพาะส่วนที่อธิบายลักษณะของ
    เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา เพื่อเป็นอีกแง่มุมหนึ่ง
    ในการพิจารณาทำความเข้าใจและเพื่อผู้สนใจจะสามารถ
    นำมาปรับใช้ได้จริงในการดำเนินชีวิตทั่วๆ ไปและในการปฏิบัติตน
    ในฐานผู้มุ่งสร้างปัญญาสู่การลด-ละ-เลิกกิเลส มุ่งชำระจิตใจ
    ให้บริสุทธิ์จากกิเลสยิ่งๆ เพียรและมุ่งหวังทำจิตใจให้สูงขึ้นยิ่งๆ

    หากมีความผิดพลาดประการใดในการนำเสนอเนื้อหาในกระทู้นี้
    ที่เกิดจากการรีบพิมพ์ก็ตาม ที่เกิดจากความรู้ที่ไม่แตกฉานก็ตาม
    ขอน้อมรับความผิดนั้นทั้งปวงและขอกราบขออภัยผู้อ่านทุกท่าน
    และกราบขออภัยในธรรมะอันบริสุทธิ์และประเสริฐสุด ไว้
    ณ ตรงนี้ด้วยค่ะ

    เจริญในธรรม

    :)

    002987 -
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    ปลูกฟ้าทะลายโจรรายได้เดือนละกว่า 2 หมื่น

    [​IMG]

    [​IMG]

    เมื่อเวลา 19.00 น. นายสมัย คูณสุข ที่ปรึกษากลุ่มสมุนไพรบ้านดงบัง หมู่ 6 ต.ดงขี้เหล็ก อ.เมืองปราจีนบุรี กล่าวว่า

    “ กลุ่มสมุนไพรบ้านดงบัง เป็นแหล่งวัตถุดิบผลิตสมุนไพรส่งจำหน่าย รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร สมุนไพรฟ้าทะลายโจรในชุมชนพื้นบ้านใช้กันมานานแล้ว ใช้อยู่ประจำเวลาชาวบ้านเป็นหวัด ไข้ ไอ ไปต้มกิน หรือเคี้ยวกินสด ๆ อาการป่วยก็หาย วิธีพื้นบ้านในสมัยก่อนเวลาเดินเข้าป่าจะเก็บมากินเวลาเข้าป่า มีต้นอ่อนบ้าง ต้นแก่บ้าง แต่ปัจจุบันในการเก็บเกี่ยวจะเลือกเก็บระหว่างภูมิปัญญาชาวบ้านร่วมกับผลวิจัยเภสัชกร รพ.เจ้าพระอภัยภูเบศร "

    "การเก็บเกี่ยวสมุนไพรฟ้าทะลายโจรต้องเก็บหลังปลูกตั้งแต่อายุ 3 – 4 เดือนหรือออกดอก 30 – 40 เปอร์เซ็นต์ จึงเก็บเกี่ยวได้ ตัดเหนือดิน 1 ฝ่ามือ นำมาล้าง หั่นต้มกิน โดยเก็บก่อนเที่ยงช่วงแดดจัด สารสำคัญทางยาจะออกฤทธิ์สูง ชาวบ้านจะนำมาต้ม 10 – 20 นาที มีสีออกเขียว รสขมมาก ใช้ประมาณ 1 กำมือมาต้ม ที่ใช้ตั้งแต่บรรพบุรุษ ”

    นายสมัย กล่าวต่อไปว่า การปลูกจะปลูกเกษตรอินทรีย์ นำเมล็ดพันธุ์ลงแปลงกล้า เมื่อมีใบแท้หลังงอกเกือบ 3 ใบจึงแยกลงแปลง รดน้ำดูแลเหมือนผักทั่วไป จากนั้น 15 วันให้ปุ๋ยคอก ดูแลเหมือนพืชผักทั่วไป สำหรับกลุ่มดงบังจะปลูกหลากหลายใช้ประโยชน์ร่วมแบ่งเป็นไม้สูงไม้คลุมดิน หลังเก็บเกี่ยวจากแปลง จะนำมาคัด ล้างน้ำสะอาดรวม 3 ครั้ง มาผึ่งสะเด็ดน้ำนำมาหั่นเข้าโรงตาก เมื่อแห้งแล้ว 2 – 3 วันนำมาเข้าตู้อบไฟฟ้าอุณหภูมิไม่เกิน 70 องศา จากนั้นจะนำไปที่โรงเก็บสมุนไพรเพื่อรอส่งจำหน่ายที่ รพ.จ้าพระยาอภัยภูเบศรต่อไป

    “ การจำหน่ายสมุนไพรฟ้าทะลายโจร อบแห้งนี้ในกลุ่มสมุนไพรบ้านดงบังที่ผลิตตามอัตราความต้องการของ รพ.เจ้าพระยาอภัยภูเบศร ราคาจำหน่าย 150 บาท / กก. โดยในการผลิตสมุนไพรนี้สมาชิกทั้งหมดรวม 13 ครอบครัวต่างมีรายได้เฉลี่ยเดือนละกว่า 25,000 บาท/เดือนขึ้นไป ” นายสมัยกล่าวในที่สุด

    ฟ้าทลายโจรที่ศรีราชาขายดี

    ที่ร้านจำหน่ายสมุนไพร เขตเทศบาลเมืองศรีราชา อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี นายดิลก พิมส์สกุลผู้ประกอบการร้านขายยาสมุนไพร กล่าวว่า ในแต่ละวันช่วงนี้มีประชาชนมาถามหาซื้อยาสมุนไพรที่มีฤทธิ์แก้หวัด สร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย อย่างฟ้าทะลายโจรเพิ่มขึ้นมาก สำหรับฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่มีรสขม ในปัจจุบันได้มีการนำฟ้าทะลายโจรมาทำเป็นยาลูกกลอน หรือ ใส่แคปซูล เพื่อความสะดวกในการกิน หลังจากที่ประชาชนทราบว่าฟ้าทะลายโจรสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคไข้หวัดใหญ่ได้ ทำให้ฟ้าทะลายโจรขายดีจนแทบไม่พอขาย

    ที่มา http://www.komchadluek.net
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2009
  16. marine24

    marine24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    2,224
    ค่าพลัง:
    +15,636
    ผมไปซื้อจากร้านเจ้ากรมเป๋อ ทั้งยาสมุนไพรฟ้าทะลายโจรชนิดผง 1/2 กก.และแคปซูลเปล่า 1000 เม็ด รวม 200 บาท
     
  17. kowmoo

    kowmoo เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    332
    ค่าพลัง:
    +1,896
    ช่วงนี้อากาศแปรปรวน อารมณ์คนก็แปรปรวน แถวบ้านทะเลาะกันนิดเดียวยิงกันตาย เมื่อคืนประมาณ 4 ทุ่มได้ ตรงซอยเข้า FAMILY TVเล็ก (สำนักงานใหญ่อยู่แถวบ้านตลาดน้อยนะจะ)น้องสาวเอาน้ำมันเบนซินราดรถป้ายแดงพี่ชาย เกือบไป ยิ่งใกล้ช่วงเดือน กันยายนปีนี้เป็นเดือน 7 จีนระวังตัวกันด้วยนะคะ แล้ววันที่ 9 สิงหาคม วันเกิดเจ้าแม่กวนอิมนะคะ อย่าลืมไปทำบุญกัน
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,710
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,192
    Ashtar Commander New Year Message – 1/1/09

    [​IMG]

    <!-- google_ad_section_start(weight=ignore) -->Chayutt<!-- google_ad_section_end --><SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_2277190", true); </SCRIPT> สมาชิก(แปลและเรียบเรียง)

    ข้อความนี้ถ่ายทอดจากท่าน Ashtar Sheran ผู้บัญชาการกองทัพแห่งจักวาล สื่อสารผ่านทางนาง August Stahr เมื่อวันที่ 24/12/08 สรุปใจความได้ว่า ท่าน Ashtar ได้อธิบายความสำคัญของปี 2008 และ 6 เดือนแรกของปี 2009 ที่จะมีผลต่การยกระดับจิตสำนึกของมนุษย์โลกและของดาวเคราะห์โลกใบนี้
    <O:p</O:p
    ที่ท่าน Ashtar มาที่นี่ก็เพื่อที่จะมาช่วยรื้อถอน”The Matrix” ซึ่งเป็นระบบหลักที่ใช้ในการควบคุมจิตใจของมนุษย์มานานแสนนานมาแล้ว และท่าน Ashtar ยังมาเพื่อปฏิบัติภารกิจศักดิ์สิทธิ์ตามแผนงานของพระผู้เป็นเจ้า เพื่อช่วยให้โลกมนุษย์รอดพ้นจากอำนาจมืด และกลับคืนไปสู่แสงสว่างแห่งพระคริสต์ และที่ที่มันถูกสร้างมา

    ท่าน Ashtar กล่าวว่าท่านปกป้องโลก และแผนปฏิบัติการ “พิกัดเส้นเขตเวลาที่แท้จริงใหม่ของโลกในระบบสุริยะที่ 13.13.13“ (13.13.13 Solar New Earth Reality Timeline) ให้กลับไปสู่แสงสว่างแห่งพระคริสต์และพระผู้เป็นเจ้า ท่าน Ashtar ไม่ได้พยาการณ์อะไรไว้ แต่ได้เปิดเผยแผนการศักดิ์สิทธิ์บางส่วนให้มนุษย์โลกได้รู้ เท่าที่จำเป็นต้องรู้เท่านั้น เพราะว่าฝ่ายมารหรือพลังด้านมืดเอง เขาก็สามารถที่จะสอดแทรกเข้าไปรู้ไปเห็น ความคิดความอ่านของมนุษย์ได้เหมือนกัน ผ่านทาง “The Matrix”

    ดังนั้น ท่านจึงเกรงว่า มันจะเป็นอันตรายเกินไป ที่จะบอกให้มนุษย์รู้เกี่ยวกับแผนการทั้งหมด แม้ว่าการสื่อสารนั้น จะสื่อผ่านทางคนที่ท่านเลือกเอาไว้เฉพาะแล้วก็ตาม ดังนั้น ข้อมูลอะไรๆที่สำคัญๆ จึงไม่สามารถบอกได้ เพราะหากพลังฝ่ายมืดล่วงรู้เข้า แผนงานอาจจะไม่สำเร็จได้ เพราะมนุษย์ต้องรู้ไว้ด้วยว่า มันได้มีสงครามระหว่างฝ่ายมืดกับฝ่ายสว่างมานานแล้ว จนกระทั่งเดี๋ยวนี้ เพื่อแย่งชิงกันเกี่ยวกับความเป็นอิสรภาพของมนุษย์และของดาวเคราะห์โลกใบนี้

    ดังนั้น ในฐานะมนุษย์ มนุษย์ต้องแยกแยะให้ดี ว่าข้อมูลข่าวสารอันไหนที่เป็นข้อมูลจริง หรืออันไหนที่เป็นข้อมูลเท็จ ที่กุขึ้นมาเพื่อทำลายความน่าเชื่อถือของฝ่ายสว่าง ซึ่งการรักษาการเชื่อมต่ออยู่กับพลังของท่าน สนันดา(Sananda) ผู้เป็นพระคริสต์แห่งดวงอาทิตย์? (Solar Christ) คืออาวุธที่ดีที่สุดสำหรับนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจใดๆของมนุษย์<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    สิ้นปี 2008 ที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่การแปรสภาพ (Transition) ประสบความสำเร็จ คือได้มีการ “ตัดการเชื่อมต่อ”(Disconnection) ระหว่างดาวเคราะห์โลกกับ “The Matrix” เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้มีการเชื่อมต่อเข้ากับ “13.13.13 Solar New Earth Reality Timeline” เป็นที่เรียบร้อยแล้วอีกด้วย ในปี 2009 จะดำเนินการควบรวม (Reunite) ดาวเคราะห์โลกและมนุษย์ เข้ากับแหล่งพลังงานของพระผู้สร้าง (Creator Source) ใหม่อีกครั้ง

    นั่นหมายถึง จะเป็นการตัดขาดการเชื่อมต่อกับระบบเมตริกซ์ (The Matrix) อย่างสมบูรณ์ และนั่นจะทำให้ผู้ที่ทำงานด้านแสงสว่างทั้งหลาย (The Light Workers) ถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระจากระบบเมตริกซ์ (The Matrix) และนี่คือสาเหตุที่แท้จริงของการตกต่ำทางเศรษฐกิจ ของประเทศสหรัฐอเมริกาและของโลก มนุษย์ทุกคนต้องเชื่อมต่อกับแหล่งพลังงานของพระผู้สร้าง (Creator Source) ตามขีดความสามารถของตนเอง ซึ่งจะทำให้พลังด้านมืดล้มตายลงอย่างมากมาย เพราะพวกนั้นจะเชื่อมต่อกับมนุษย์ไม่ได้ ผู้ที่ทำงานอยู่กับพลังงานจากโลกมืด (Dark Workers) จะไม่สามารถดูดพลังจากผู้อื่นได้อีกต่อไป

    ส่วนผู้ที่ทำงานอยู่กับพลังงานแห่งแสงสว่างที่แท้จริง (The True Light Workers) จะมีขีดความสามารถต่างๆ อันจะเป็นประโยชน์ต่อการมุ่งหน้าไปสู่ภาระหน้าที่ใหม่แห่งการปลดปล่อยตัวเอง ให้หลุดพ้นจากการถูกครอบงำ โดยพลังจากโลกมืดเพิ่มมากขึ้น ผู้ที่ทำงานอยู่กับพลังงานแห่งแสงสว่างจะต้องกระตุ้นอนาคตของตนเอง (Activating The Future Self) ก่อน และถือเป็นความสำคัญลำดับแรกสุด ผู้คนเหล่านี้จะยุ่งมากขึ้นในปีนี้ และผู้ที่ต้องการทำงานกระตุ้นอนาคตดังกล่าว ที่เราได้มอบให้ไปแล้วนั้น สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.creationenergetics.org
    <O:p</O:p
    ผู้ที่ทำงานอยู่กับพลังงานจากโลกมืด (Dark Workers) ที่เป็นผู้มีอำนาจและควบคุมโลกอยู่ จะสูญเสียพลังไป เพราะแหล่งพลังงานของพวกเขาขาดหายไป พวกเขาจะรู้สึกเหมือนว่ากระแสน้ำแห่งชีวิต และจิตวิญญาณของพวกเขาถูกปิดไป ผู้ที่ทำงานอยู่กับพลังงานจากโลกมืด (Dark Workers) ที่พอจะยังมีจิตเป็นกุศลอยู่บ้าง และยังพอจะแสดงออกถึง ความดีมีน้ำใจได้อยู่บ้าง จะได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อ จนกว่าพวกเขาจะกลับตัวกลับใจ หันมาเป็นผู้ที่ทำงานอยู่กับพลังงานแห่งแสงสว่างที่แท้จริง (The True Light Workers) ได้อย่างสมบูรณ์
    <O:p</O:p
    ผู้ที่ทำงานอยู่กับพลังงานแห่งแสงสว่าง (Light Workers) จะมีเงิน มีอำนาจมากขึ้น และจะถูกนำทางเพื่อให้หลุดพ้น จากการถูกครอบงำจากอำนาจแห่งโลกมืด ช่วงเวลาที่จะทำการเปลี่ยนพลังจากด้านมืดมาเป็นพลังแห่งแสงสว่างนี้ จะดำเนินการต่อในปี 2009 และจะเสร็จสิ้นลงในวันที่ 1 มิถุนายน 2009 ผู้ที่ทำงานอยู่กับพลังงานแห่งแสงสว่าง (Light Workers) ทุกๆคน

    จะสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่ไหลทะลักเข้ามาสู่ตัวเอง ในวันที่ 1 มกราคม 2009 ในรูปแบบต่างๆกัน เช่น ทรัพย์สินเงินทอง และในรูปแบบอื่นๆอันจะเป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต และเพิ่มพูนความคิด และความสามารถ ตามความจำเป็นต่อการบรรลุผลสำเร็จของภารกิจของแต่ละคน และเพราะว่าเส้นพิกัดเวลาของโลกได้เคลื่อน (Time Shifted) ผ่านปี 2012 ไปแล้ว และตอนนี้ได้เชื่อมเข้ากับ Christed 13.13.13 Solar New Earth Reality Timeline เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ดังนั้น คำพยากรณ์ทั้งหลาย เกี่ยวกับปี 2012 ก็จะไม่เกิดขึ้นจริง<O:p</O:p
    <O:p</O:p
    จงรู้ว่าปี 2009 นี้ จะนำพาสิ่งดีๆและโอกาสดีๆมากมายมาให้ เพื่อให้สามารถสร้างความเป็นจริงใหม่ๆที่สวยสดงดงามยิ่งๆกว่าได้ จงดำรงมั่นอยู่ในสภาวะที่เป็นบวก และจงดำเนินตามแรงกระตุ้นจากภายในของตัวเอง เพื่อมุ่งไปสู่เส้นทางสายใหม่นี้ เราหวังว่าข้อมูลเหล่านี้ จะนำพาความเข้าใจและความสบายใจมาสู่พวกท่าน ที่กำลังตกอยู่ในสภาวะแห่งความสับสนเช่นนี้ได้
    <O:p</O:p
    Happy New Year
    <O:p</O:p
    Ashtar Sheran ผู้บัญชาการกองทัพใหญ่แห่งจักรวาล

    ที่มา http://palungjit.org/threads/การเตรียมการอพยพมนุษย์โลก-เพื่อช่วยเหลือระหว่างการชำระโลก-ของมิตรจากต่างพิภพ-และข้อมูลอื่นๆจากสาธารณรัฐเช็ก.193101/page-15

    หมายเหตุ

    จุดมุ่งหมายที่ผมได้นำบทความนี้ มาโพสต์ให้ทุกๆท่านได้อ่าน ก็เพื่ออยากจะชี้ให้เห็นว่าในปี ค.ศ.2012 อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์วันชำระโลก ตามที่ได้มีการทำนายกันก่อนหน้านี้ เพราะผมได้รับข้อมูลมาจากหลายแหล่ง ก็บ่งชึ้ว่าเหตุการณ์วันชำระโลกได้ถูกเลื่อนออกไป เป็นปี ค.ศ.2017 หรือ พ.ศ.2560

    ถ้าเราจะถือเอาพุทธทำนายจากศิลาจารึกเป็นหลัก ก็จะจับใจความสำคัญได้ว่า ปีระกาเมืองมนุษย์จะมืด 7 วัน 7 คืน ดังนี้จึงมีความเป็นไปได้สูงมาก ที่เหตุการณ์วันชำระโลกนั้นจะเกิดขึ้นในปี พ.ศ.2560 ซึ่งก็ตรงกับปีระกาพอดี

    ถ้าเรามาลองพิจารณาดูจากข้อมูลในคำภีร์ใบเบิ้ล ก็บอกเอาไว้ว่าก่อนจะเกิดเหตุการณ์วันพิพากษาโลกนั้น มนุษย์จะต้องเผชิญกับช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยากครั้งยิ่งใหญ่เป็นเวลาถึง 7 ปี เสียก่อน จึงจะเกิดเหตุการณ์วันพิพากษาโลก หลังจากนั้น โลกนี้จะเข้าสู่ยุคใหม่ที่ไม่มีสงครามและความทุกข์ยากใดๆ อีกต่อไป

    เมื่อมาลองเทียบเคียงกับเหตุการณ์ในปัจจุบันนี้แล้ว ช่วงเวลาแห่งความทุกข์ยาก 7 ปีนั้น ก็หมายถึงช่วงเวลาที่เกิดโรคระบาด ความอดอยากหิวโหย และ สงครามนิวเคลียร์นั่นเอง ในปีนี้โรคไข้หวัดใหญ่ 2009 ได้เริ่มแพร่ระบาดไปทั่วโลกแล้ว แต่ยังไม่มีความรุนแรงมากนักเพราะเชื้อไวรัสยังมีฤทธิ์อ่อน แต่ถ้ามันกลายพันธ์จนมีฤทธิ์รุนแรงได้เมื่อไหร่ ก็จะเป็นหายนะครั้งยิ่งใหญ่กับมวลมนุษยชาติอย่างแน่นอน

    เมื่อเราสามารถกำหนดรู้ปี ที่จะเกิดเหตุการณ์วันพิพากษาโลกได้แล้ว ว่าน่าจะเป็นปี พ.ศ.2560 เมื่อนับถอยหลังมา 7 ปี ก็จะได้ปีที่เริ่มต้นของเหตุการณ์ "7 ปีกลียุค"ในคัมภีร์ใบเบิ้ลได้โดยไม่ยาก นั่นก็คือจะเริ่มต้นในปี พ.ศ.2553 นั่นเอง และจากข้อมูลของอาจารย์อาชวิน จีรจินดา ที่สามารถติดต่อพูดคุยกับมนุษย์ต่างดาวได้ ก็ได้ข้อมูลสำคัญมาว่า จะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินของประเทศต่างๆ ยุบตัวจมลงทะเลในปี พ.ศ.2556 ที่จะทยอยๆ ยุบตัวลงไปเรื่อยๆ ต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปี จนกว่ากระบวนการชำระโลกนี้จะสิ้นสุดลง -เกษม-

    ****************************************************
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กรกฎาคม 2009
  19. solarman

    solarman สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กุมภาพันธ์ 2009
    โพสต์:
    18
    ค่าพลัง:
    +20
    Japanese Quake and Tsunami Predicted July 22 2009

    Japanese Quake and Tsunami Predicted July 22 2009

    Japanese Quake and Tsunami Predicted July 22 2009 | Britton LaRoche | Blogs | Community | GarageGames

    Here is the first supporting evidence from what appears to be a credible scientist.

    [​IMG]
    Hans Lehner President of the Institute for Space Quantum Physics and Space Quantum Research says:

    2009 Solar Eclipse in China on July 22, 2009, and Earthquake Warning.
    Media Report of May 27, 2009 (highest priority) with the request to the media to carry in various publications in the weeks ahead an informative message to the public and the industry, as well as to the European universities and academies encouraging them to perform weight measurements in the Chengdu region of Sichuan (China) and to install seismometers, since this event will be uniquely significant for precision measurements in the near future.

    For the time from July 22 to July 28, 2009 we expect an earthquake with a magnitude of 6 and higher to occur in the south of China.

    In events of this nature, the earth's rotation and the attendant centrifugal force play a far more important role, a fact not so far understood in academic physics. The new principles of space quantum physics automatically lead to a revised gravitation theory as postulated by Oliver Crane, identifying a cosmic mechanical down-pressure instead of the gravity or mass attraction taught in traditional physics.

    It follows that the cosmic mechanical gravitational pressure, or lehneron pressure, will be substantially weakened by this celestial body constellation within the umbral (stress-free) zone in southern China and the centrifugal force, produced by the earth's rotation, can briefly lift the earth's crust, sector by sector within the umbral/stress-free zone, by up to 12 meters. After the umbra is gone, the restored normal pressure will push sector by sector back toward the earth's core.

    This will trigger strong earthquakes with a magnitude of 6 and greater in the areas of seismic activity in southern China around the 31st and 32nd latitude within a span of 1 to 6 days. The areas most at risk during that time period are located directly in the umbra of the solar eclipse of 7/22/2009 along a swath of 250 km stretching from the mega city Chengdu in south western China, the scene of the powerful May 12, 2008 earthquake with a magnitude of 7.9 that took thousands of lives, all the way to the mega city Shanghai in south eastern China.

    The impact of the total solar eclipse of 7/22/2009 in southern China will be comparable to the total solar eclipse of August 11, 1999 over eastern Turkey (Izmit region) where on August 17, 1999 (only 6 days after the solar eclipse) a powerful 7.5 magnitude earthquake followed by several strong aftershocks took many human lives.

    The most endangered areas are all situated within the umbra (stress-free zone) of the total solar eclipse of July 22, 2009 are:
    CHINA: The megalopolis of Chengdu, Chongqing, Wuhan, Hefei, Hangzou and Shanghai, respectively.

    In these big Chinese cities, millions of people are in danger.

    Recommendation by the Institute for Space Quantum Physics IRQP:

    Weight measurements with precision balances
    Before, during and 1-6days after the solar eclipse of July 22, 2009, in cooperation with...

    Motion Sensors (seismographic sensors.At the same time, during the same time period and at the same test points, fully automatic....

    As a known fact, traditional physics with its specialists, the seismologists, is unable to precisely calculate and formulate earthquake warnings.
    [​IMG]
    Contact address:
    Hans Lehner, President, IRQP / IRQF Institute for Space Quantum Physics and Space Quantum Research
    Aatalstr. 1
    CH-8732 Neuhaus
    Switzerland
    Tel.: +41 55 282 56 51
    Fax: +41 55 282 56 55
    e-mail: postmaster@rqm.ch
    also see:
    EUIRQP Europ
     
  20. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    <table class="tborder" id="post2279377" width="100%" align="center" border="0" cellpadding="6" cellspacing="0"><tbody><tr valign="top"><td class="alt2" style="border-style: solid; border-color: rgb(255, 255, 255); border-width: 0px 1px;" width="175">ศิษย์ธรรมเทพ<!-- google_ad_section_end --><script type="text/javascript"> vbmenu_register("postmenu_2279377", true); </script>
    สมาชิก

    วันที่สมัคร: Dec 2008
    ข้อความ: 50
    Groans: 0
    Groaned at 0 Times in 0 Posts
    ได้ให้อนุโมทนา: 7
    ได้รับอนุโมทนา 120 ครั้ง ใน 24 โพส
    พลังการให้คะแนน: 13 [​IMG]








    </td><td class="alt1" id="td_post_2279377" style="border-right: 1px solid rgb(255, 255, 255);"><center><!-- google_ad_section_start -->สุริยุปราคา ๒๒ ก.ค. เหตุใดจึงไม่ควรดู<!-- google_ad_section_end -->

    </center>
    <hr style="color: rgb(255, 255, 255); background-color: rgb(255, 255, 255);" size="1"><!-- google_ad_section_start --><script type="text/javascript"><!--google_ad_client = "pub-0334174069738588";/* 300x250, ถูกสร้างขึ้นแล้ว 1/12/09 */google_ad_slot = "0317131318";google_ad_width = 300;google_ad_height = 250;//--> </script><script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/show_ads.js" type="text/javascript"> </script><script src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></script><script>google_protectAndRun("ads_core.google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</script><iframe name="google_ads_frame" src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=undefined&dt=1248183615236&lmt=1248183615&format=undefinedxundefined&output=html&correlator=1248183615236&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Fprivate.php%3Fdo%3Dshowpm%26pmid%3D1283079&ea=0&cb=1&ref=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Fprivate.php&frm=0&ga_vid=1927763579.1239617418&ga_sid=1248180655&ga_hid=1839811786&ga_fc=true&flash=10.0.22&w=-1&h=-1&u_h=900&u_w=1440&u_ah=866&u_aw=1440&u_cd=32&u_tz=420&u_his=5&u_java=true&u_nplug=22&u_nmime=113&dtd=17" marginwidth="0" marginheight="0" vspace="0" hspace="0" allowtransparency="true" scrolling="no" width="" frameborder="0" height=""></iframe><script src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></script><script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></script><script>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</script><script>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</script><iframe name="google_ads_frame" marginwidth="0" marginheight="0" src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/ads?client=undefined&dt=1248181212807&lmt=1248181212&format=undefinedxundefined&output=html&correlator=1248181212807&url=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Fprivate.php%3Fdo%3Dshowpm%26pmid%3D1283012&ea=0&cb=1&ref=http%3A%2F%2Fpalungjit.org%2Fprivate.php&frm=0&ga_vid=1373440473.1246588450&ga_sid=1248180386&ga_hid=1447165861&ga_fc=true&flash=10.0.12.36&w=-1&h=-1&u_h=800&u_w=1280&u_ah=772&u_aw=1280&u_cd=32&u_tz=420&u_his=27&u_java=true&dtd=15" allowtransparency="" scrolling="no" frameborder="0"></iframe><script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/expansion_embed.js"></script><script src="http://googleads.g.doubleclick.net/pagead/test_domain.js"></script><script src="http://pagead2.googlesyndication.com/pagead/render_ads.js"></script><script>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</script><script>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</script><script>google_protectAndRun("render_ads.js::google_render_ad", google_handleError, google_render_ad);</script>
    ในวิชาโหราศาตร์ ครูบาอาจารย์แต่โบราณห้ามหนักหนาว่าอย่าดู อย่ามอง ด้วยเหตุว่า ขณะที่เกิดคราสหรือเงาบดบังพระอาทิตย์นั้น ด้วยเหตุที่พระอาทิตย์เป็นศุภเคราะห์ใหญ่มีความหมายถึง กษัตริย์ ผู้นำ ทหาร ตำรวจ ผู้มีชื่อเสียง ชื่อเสียง เกรียติยศ เมื่อถูกบดบังต้องคราส มนุษย์ทุกคน ทุกดวงชะตาย่อมต้องมีพระอาทิตย์อยู่ในดวงเป็นดาวสำคัญเมื่อต้องคราสในราศีใด เจ้าชะตาย่อมต้องได้รับความเสียหายตามแต่พื้นชะตาของแต่ละคน การไปมองดูนั้นเปรียบเหมือนกับการยอมรับหรือการที่ออกไปยืนตากฝนเมื่อฝนตก ใครที่พื้นดวงดีก็เหมือนคนแข็งแรงอาจไม่เจ็บไข้(แต่ก็เปียกปอนแน่นอน) หากใครที่สุขภาพไม่ดีนักก็ย่อมเจ็บไข้ได้ป่วย
    เพราะฉะนั้น ทางที่ดีที่สุดคือไม่ดูไม่มอง เหมือนกับการที่เราไม่ออกไปยืนตากฝน นั้นแล


    </td></tr></tbody></table>
     

แชร์หน้านี้

Loading...