ปรึกษาปัญหาสารพัดโรค ด้วยหลักการแพทย์แผนไทย / วิธีฝึกและใช้พลัง(ปราณยาม)ในการรักษาโรค

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย suwi, 25 มกราคม 2008.

  1. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
    ขอบคุณครับ
     
  2. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
    เริ่มจะเกรงใจขึ้นมาแล้วครับ เพราะรู้สึกว่าจะถามมากไปอยู่คนเดียว แต่ถ้ามัวเกรงใจคงไม่ได้ความรู้

    ขอถามต่อนะครับอาจารย์ สำหรับผู้ที่มีธาตุลมเป็นธาตุเจ้าเรือน โรคที่มักจะเป็นในคนกลุ่มนี้มีโรคหนึ่งคือโรคลมดันหัวใจ ผมไปค้นหาใน google ก็ไม่มีอธิบายเลย ก็เลยขอถามอาจารย์ครับว่าโรคลมดันหัวใจมีอาการอย่างไร มักเป็นในวัยไหน ร้ายแรงแค่ไหน และรักษาอย่างไรครับ
     
  3. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    โรคลมดันหัวใจ
    คำนี้เป็นศัพท์ใหม่ไม่เคยมีในตำราแพทย์แผนไทย
    และไม่รู้ว่ามีบัญญัติในแผนปัจจุบันหรือไม่

    ในปัจจุบันเริ่มเป็นที่รู้จักและได้ยินบ่อยขึ้น
    เมื่อหลายๆปีที่ผ่าน เมื่อมีคนเป็นโรคนี้มา(มีอาการจุกอก เสียดที่หัวใจ ชายโตรง และชาไปถึงปลายมือปลายแขน ฯลฯ)
    แพทย์แผนปัจจุบัน ท่านสงสัยว่าเป็นโรคหัวใจแบบใดแบบหนึ่ง
    เลยสั่งยาโรคหัวใจให้ไปทดลองกินดู

    กินไปนานเข้า ร่ายกายเริ่มชินกับยา เลยทำงานเองไม่ค่อยเป็น พอขาดยาเข้า อาการโรคหัวใจก็ปรากฏ
    ตกลงเลยกลายเป็นโรคหัวใจจริงๆ

    พอเครื่องไม้เครื่องมือการแพทย์ดีขึ้น ค่าใช้จ่ายเริ่มถูกลง
    พอมีคนเป็นโรคนี้มา ก็มีการตรวจเช็คกัน ปรากฏว่าไม่พบสิ่งบอกเหตุของโรคหัวใจจริงๆ มีแต่โรคข้างเคียง เช่นหัวใจโต(เป็นอ่อนๆ)

    หลังจากเก็บผลข้อมูลและวิจัยกัน ก็พบว่าอาการนี้มีความสัมพันธ์กับกลุ่มอากรโรคกระเพาะ
    ภายหลังเมื่อพบผู้มีอาการดังกล่าว จึงรักษาด้วยยาแก้โรคกระเพาะและยาขับลมในลำใส้
    อาการทีเป็นก็ดีขึ้น เป็นๆหายๆ อยู่จนน่าลำคาญ เมื่อนานเข้าอาการก็เรื้อรังทรงๆทรุดๆ อยู่เช่นนั้น จนโรคแปรไป(โรคแทรกและซ้ำเติม) ร้ายแรงขึ้น

    ในทางการแพทย์แผนไทย อาการดังกล่าวเกิดจากธาตุไฟในร่าง แปรปรวนอันเกิดจากเหตุใดเหตุหนึ่งเช่น
    การชอบกินอาหาร มากไป น้อยไป หรืองดอาหาร จนเป็นปกติวิสัย(พฤติกรรม)
    ที่อยู่อาศัย มีภูมิประเทศ ไม่เหมาะแก่ธาตเจ้าเรือน(ประเทศสมุฐาน)
    ช่วงอายุ (อายุสมุฐาน) คนช่วงอายุ 36 ปีขึ้นไป จะมีโอกาสเป็นมากขึ้น
    ช่วงเวลาที่กระทบกับธาตเจ้าเรือน(ธาตุสมุฐาน, อุตุสมุฐาน)

    หมายเหตุ
    ช่วงอายุ ๐-๑๖ ปี เรียก ปฐมวัย อยู่ในช่วงธาตุ น้ำ (เป็นหวัดเจ็บคอง่าย)
    ช่วงอายุ ๑๖-๓๒ ปี เรียก มัชฌิมวัย อยู่ในช่วงธาตุไฟ (เป็นโรคเกี่ยวกับโรคเลือด ดี เป็นไข้ ง่าย)
    ช่วงอายุ ๓๒ ขึ้นไป เรียก ปัจฉิมวัย อยู่ในช่วงธาตุลม (เป็นโรคเกี่ยวกัย โรคลมง่าย)

    เมื่อธาตุไฟแปรปรวน (หย่อน กำเริบ พิการ)
    ก็จะก่อให้เกิดลมหกจำพวกกระทำต่อร่างกาย(ธาตุดิน) ทำให้เจ็บป่วย
    บางคนเกิดเพียงชนิดเดียว บางคนเกิด สองสาม สี่ ชนิด ประดังประเดขึ้นพร้อมๆกัน

    ลมหกประการมีชื่อและอาการดังนี้

    ๑. อุทรันตะวาตะ เป็นลมตีขึ้นจากสะดือถึงลำคอ
    ทำให้มีอาการคลื่นใส้พะอืดพะอม อยากอาเจียร ทานอาหารไม่ได้ (อาการของโรคกระเพาะ

    ๒. อุระปักขะรันตะวาตะ เป็นลมที่พัดแต่อกถึงลำคอ
    ทำให้มีอาการจุกอก จุกลำคอ กลืนอาหาร กลืนน้ำลายไม่ได้ สะอึก

    ๓. อัสสาสะวาตะ เป็นลมที่พัดผ่านจมูกไปปอด
    ทำให้มีอาการ หายใจลำบาก นาสิกตึง หายใจไม่เต็มปอด เกิดอาการที่แผนปัจจุบันเรียกว่าภูมิแพ้

    ๔. ปัสสาสะวาตะ เป็นลมที่พัดผ่านจากปอดไปจมมูก
    มีอาการ หายใจขัดอก หายใจไม่ออก ภูมิแพ้

    ๕. อนุวาตะ ลมที่ทำให้บ้านหมุน วูป หมดสติ (เส้นเลือดสมองตีบ)

    ๖. มหัสกะวาตะ(มหาสดมภ์) ลมที่ทำให้หาวนอน หัวใจหวั่นไหว ลิ้นกระด้างคางแข็ง(หัวใจขาดเลือดเฉียบพลัน)

    เมื่อโรคลมดังกล่าวกำเริบขึ้น อันเกิดจากธาตุไฟแปรปรวน
    ก็ยิ่งทำให้ธาตุไฟแปรปรวนหนักมากขึ้น
    และทำให้ธาตุไฟสี่ตัว(ปริณาหัคคี, ปริทัยหัคคี, ชิรนัคคี, สันตัปปัคคี)เกิดอาการ หย่อน กำเรบ พิการ อย่างใดอย่างหนึ่ง
    เมื่อ ลม กำเริบ ไฟ แปรปรวน น้ำ ย่อมเสียสมดุลย์ไปด้วย

    ร่างกาย เป็นธาตุดิน เป็นรังแห่งโรค จึงมีการเปลี่ยนแปลงตาม
    เกิดอาการบวมมือ บวมเท้า ขัดข้อมือข้อเท้า ขัดในข้อ เป็นมากถึงกับปวดล้าไปทั้งตัวทุกลำข้อลำกระดูก
    เกิดอาการแปรปรวนในระบบย่อยอาหาร เกิดอาการ ปวดแสบในท้องด้านซ้าย แสบร้อนในอก(อาการกรดไหลย้อน)
    เกิดอาการ ไอ หวัด มองคร่อ หายใจขัด หายใจไม่ออก จุกกลางอก กลางหลัง
    ฯลฯ

    ยาแก้ ได้เคยบอกไปแล้ว เรื่องธาตุไฟ แปรปรวน หย่อน กำเริบ พิการ
    ลองย้อนไปอ่านดู
     
  4. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
    อาการของผมดูใกล้เคียงกับข้อนี้มากกว่าข้ออื่น มีอาการคือ เจ็บแน่นหน้าอก เสียดตั้งแต่ลิ้นปี่ไปจนถึงคอ หายใจไม่ทั่วท้อง หัวใจเต้นผิดปกติมีอาการบีบเค้นเต้นไม่เป็นจังหวะ ตามมาด้วยอาการเหนื่อยจัด แต่ไม่มีอาการร้อนในตัว เหงื่อไม่ออก มักจะมีอาการแบบนี้ช่วงหัวค่ำตั้งแต่ก่อนทานอาหารไปจนถึงช่วงดึก อาการเสียดท้องมักจะเป็นหลังทานอาหารเสร็จ บางคืนอาการบีบเค้นของหัวใจมีมากต้องทานยาโรคหัวใจอาการจึงดีขึ้น เคยไปตรวจกับหมอปัจจุบันแล้ว เช่น x-ray วัดคลื่นหัวใจ เบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติในส่วนใด เช่น ปอด ตับ ไต หัวใจ ธาตุเจ้าเรือนของผมคือธาตุลม พอจะวินิจฉัยได้ว่าผมมีอาการของปริทัยหัคคีพิการรึเปล่าครับ
     
  5. lxbit

    lxbit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    142
    ค่าพลัง:
    +371
    เป็นสิวที่หลังครับ
    ทำอย่างไรดีครับ
     
  6. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ไม่น่าใช่ครับ
    เพราะคีเวอร์ดของ ปริทัยหัคคีพิการอยู่ที่ หัวใจเต้นไม่สม่ำเสมอ มือเท้าเย็น รู้สึกร้อนในตัวอยากน้ำมากๆ
    นอกจากอาการของหัวใจแล้ว คุณไม่มีอาการอื่นประกอบเลย
    เท่าที่อ่านจากที่คุณเล่ามาน่าจะอยู่ในกรณีของ ปริณาหัคคีพิการซะมากกว่า
    และอาจมีโรคอื่นแทรกด้วย

    ลองบอกอาการที่เป็นทั้งหมด แยกเป็นข้อๆอีกครั้ง เพื่อง่ายในการพิจารณาโรคแทรก เช่น

    มีอาการเจ็บหน้าขาหรือไม่
    หลังยอกบ่อยหรือไม่
    เจ็บตามตัวหรือไม่
    ฯลฯ (อาการเหล่านี้ดูแล้วไม่น่าจะเกี่ยว แต่มันเกี่ยวข้องครับ)
    .
     
  7. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เคยตอบไปแล้วครับ อยู่ถอยไปหนึ่งหน้า(หน้า 5)
    มียาให้ด้วย
    เป็นที่หลังหรือที่หน้าอก คอ ใบหน้า ที่หัว ใช้ยาตัวเดียวกันครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กรกฎาคม 2008
  8. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543

    ผมฟันธงเลยดีกว่า
    อาการที่คุณบอกมา ธาตุไฟที่พิการไม่ได้เป็นที่ธาตุไฟตัวใดตัวหนึ่ง แต่เป็นทุกตัว มากบ้างน้อยบ้าง (สันตัปปัคคี และปริณามัคคี มากสุด)
    และยังมีโรคลมเข้าแทรก (อุระปักขะรันตะวาตะ)
    แถมยังมีปัญหาของธาตุน้ำ(เสมหะ)ด้วย (ปะระเมหะในโลหิต)

    การแก้ไข ต้องแก้ทุกตัวพร้อมกันโดย

    ปลูกธาตไฟ ทุกตัวพร้อมกัน
    แก้ธาตุลมพิการ (อาการของลมจุกอก ท้องอืดเฟ้อ)
    แก้ปะระเมหะในกระแสเลือด (เลือดสกปก เช่นมีโคเลสเตอร์ลอน)

    ตั้งยาดังนี้ (ยาทำยากหน่อย แต่ชัวร์ ต้องทำเอง ไม่มีขาย)

    ๑. ลูกสะเดาอ่อน (ตากแห้ง) ๑๕-๒๐ บาท
    ๒. สะค้าน บดผง ๕ บาท
    ๓. ดีปลี บดผง ๕ บาท
    ๔. ขิงแห้ง บดผง ๕ บาท
    ๕. แห้วหมู บดผง ๕ บาท
    ๖. พริกไทยร่อน บดผง ๓ บาท
    ๗. ดอกคำฝอย หนัก ๓ บาท
    ๘. กระเทียมเปลือกสีม่วง ปอกเปลือกแล้ว หนัก ๑ ขีด (ซื้อจากตลาดสด)
    ๙. ลูกมะกรูด ๕ ลูก (ซื้อจากตลาดสด)
    ๑๐. เกลือสินเธาว์ ๑-๒ บาท (เพิ่มอีกตัวจะ) (ซื้อที่ร้านยาไทย)
    ๑๑. แคลเซี่ยมจากเปลือกหอยสังข์ทะเล (ซื้อแคลเซี่ยมที่มีส่วนผสมของแมกนีเซี่ยมจากร้านขายยาแผนปัจจุบันแทน)

    ตัวยา ๑-๗ และ ๑๐ ซื้อจากร้านขายยาไทย
    วิธีทำยา
    ๑. นำเอา ลูกสะเดาอ่อน ดอกคำฝอย ใส่น้ำต้ม (ลูกสะเดาอ่อน ให้ล้างฝุ่นออกก่อน ดอกคำฝอย ไม่ต้องล้าง)
    ต้มครั้งแรก ใส่น้ำสามส่วน ต้มเหลือน้ำ หนึ่งส่วน รินกรองเอาแต่น้ำ พักไว้
    ต้มครั้งที่สอง ใส่น้ำสามส่วน ต้มเหลือหนึ่งส่วน รินกรองเอาแต่น้ำ
    นำน้ำที่ได้ที่ได้ทั้งสองครั้งรวมกัน นำขึ้นตั้งไฟต้มต่อ (ระวังใหม้)

    ๒. เอา กระเทียม และมะกรูด(ผ่าสี่ แกะเอาเม็ดออก เอาทั้งเปลือกทั้งน้ำทั้งเนื้อ)
    เอาลงต้มในน้ำลูกสะเดาอ่อน ที่ตั้งไฟอยู่และกำลังเดือด สักพัก พอเห็นผิวมะกรูดเป็นสีเหลือง ให้ยกขึ้นจากเตา ทิ้งให้อุ่น

    ๓. พออุ่นแล้ว นำทั้งหมดเข้าเครื่องปั่น ให้ละเอียดยิบ แล้วนำขึ้นตั้งไฟใหม่

    ๔. นำยาที่บดผงไว้ ในข้อ ๒, ๓, ๔, ๕, ๖, ๑๐ ใส่ลงไป พร้อมน้ำผึ้งประมาณ ๑๐๐ ซีซี กวนต่อไปจนแห้ง พอปั้นก้อนได้ (ระวังใหม้)

    ๕. นำขึ้นจากเตา ทิ้งพออุ่น ใส่พาชะนะเก็บในตู้เย็น

    วิธีกิน
    หยิบกิน ปั้นเป็นก้อนขนาดเม็ดในมะยม กินครั้งละ ๗-๑๕ ก้อน วันละ ๒-๓ ครั้ง ก่อนอาหารเช้ากลางวันเย็น
    และกิน แคลเซี่ยมที่มีส่วนผสมของแมกนีเซี่ยม พร้อมอาหาร วันละ ๒ ครั้ง เช้าเย็น (ขนาดประมาณ ๕๐๐ มิลลิกรัม/เม็ด)

    สรรพคุณ
    แก้อาการโรคหัวใจอันเกิดจากธาตุไฟพิการ
    แก้จุกเสียด ท้องอืดเฟ้อ หลังอาหาร

    อาการข้างเคียง ช่วงแรกที่กิน อาจมีอาการ ความดันขึ้น หัวใจเต้นเร็ว มึนหัว
    ให้ลดปริมาณยาลง ประมาณ ๒-๕ วันอาการดังกล่าวจะหายไปเอง (แล้วเพิ่มยาขึ้นเท่าเดิม)
    ในช่วงกินยา ให้พยายามออกกำลังกายให้เหงื่อออกด้วยจะหายเร็วขึ้น

    หมายเหตุ
    ห้ามใช้ลูกสะเดาแก่ เด็ดขาด
    เพราะลูกสะเดาแก่มีพิษ ใช้ทำยาไล่แมลง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2008
  9. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
    ขอบคุณครับอาจารย์ ผมกำลังว่าจะสรุปอาการผมเป็นข้อ ๆ พอดีวันนี้ไม่ค่อยสบาย รู้สึกหายใจลำบากแน่นหน้าอก เลยพิมพ์ไม่ไหว แถมวันนี้มีอาการใหม่ขึ้นมาคือมึนหัวปวดขมับปวดลูกตา ไม่รู้เป็นเพราะสายตารึเปล่า

    พรุ่งนี้ผมจะไปซื้อยาที่ร้านเจ้ากรมเป๋อครับ ยานี่ต้องทานจนหมดใช่ไหมครับ ไม่รู้นานแค่ไหนเพราะผมกะน้ำหนักเป็นบาทไม่ถูก แคลเซี่ยมก็ต้องทานให้หมดพร้อมกับยารึเปล่าครับ

    ส่วนอาการข้างเคียงฟังดูน่ากลัวมาก ที่ผมเคยเกือบตายเพราะหัวใจมันเต้นเร็วนี่แหละครับ จะใช้วิธีเริ่มทานทีละน้อยแล้วค่อย ๆ เพิ่มยาขึ้นจะได้รึเปล่าครับ

    ถ้าผมหายจากโรคนี้ได้จะดีใจมาก ๆ เลยครับ ตอนนี้เครียดมาก ๆ กลัวหลับแล้วไม่ได้ตื่น ขอบคุณอาจารย์มาก ๆ ครับ
     
  10. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    น้ำหนัก ๑ บาท = ๑๕ กรัม
    หนัก ๑๐ บาท = ๑๕๐ กรัม หรือ ๑ ขีดครึ่ง (๑ ๑/๒ ขีด)

    ลูกสะเดาอ่อน อาจหาซื้อยาก ถ้าร้านเจ้ากรมเป๋อไม่มี ลองถามคนแถวนั้นดู
    จำได้ว่าฝั่งตรงข้ามจะเป็นร้านขายส่งสมุนไพร แต่อาจต้องซื้อทีเป็นกิโล

    ปริมาณยาที่ให้ไว้ทำเสร็จแล้วจะมีน้ำหนักประมาณ ๖-๘ ขีด กินได้ประมาณ ๒-๓ เดือน
    ต้องเก็บในตู้เย็นนะ เพราะราจะขึ้น หรือแบ่งส่วนใช้ประจำวัน และแบ่งส่วนแพคเก็บก็จะดี

    แคลเซี่ยม+แมกนีเซี่ยม จำเป็นต้องกิน ตัวนี้จะลดอาการเป็นตะคิวที่กล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่กล้ามเนื้อหัวใจ
    โบราณใช้เปลือกหอยทะเลประมาณ ๓-๗ ชนิดเผาไฟแล้วบดผง

    หลังจากกินยาแล้ว ถ้าหลังอาหารยังมีอาการแน่นท้อง อืดเฟ้อ อาหารไม่ย่อย
    ให้หาขมิ้นชันที่มีขายในท้องตลาด กินพร้อมยาตัวนี้ ๑ เม็ด

    ถ้ามีอาการหอบจุกอกหายใจไม่ออก ให้ต้มน้ำขิงเป็นกระสายยา
    ถ้ามีอาการมึนตึงที่หน้า ให้ใช้ น้ำมะกรูดเป็นกระสาย

    คิดว่าคุณคงหาแพทย์แผนปัจจุบันแล้ว ขณะนี้คงกินยาลดความดันโลหิตอยู่
    และอาจมียาลดใขมันในเลือดด้วย
    ในขณะกินยาไทยตัวนี้ ให้คงการกินยาแผนปัจจุบันอยู อย่างด
    หลังจากนั้นประมาณ ๕-๗ วัน ค่อยๆลดยาปัจจุบันลง (และเริ่มงดยาลดไขมันในเลือดก่อน)
    ประมาณ ๑ เดือนจึงงดยาแผนปัจจุบันทั้งหมด

    คุณคงต้องกินยานี้ประมาณ ๒-๓ เดือน
    และอาจต้องทำกินสักปีละ ครั้งสองครั้ง เพื่อจะไม่กลับไปเป็นอีก

    อีกอย่างยานี้เป็นยาเฉพาะบุคคล ไม่เหมาะกับคนทั่วไป(ถ้าจะกินต้องปรับสูตรยา)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2008
  11. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    เอ...กระทู้นี้เปิดเป็นคลีนิค รักษาโรคเลยดีไหมเนี่ย
     
  12. นักเดินทาง

    นักเดินทาง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    726
    ค่าพลัง:
    +9,112
    ดีครับอาจารย์ เดี๋ยวนี้คนหันมารักษาแผนโบราณกันมากขึ้น
     
  13. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    ดีครับ อ.suwi
    ขอคำแนะนำหน่อยครับ ถ้ามีอาการปวดเส้น จี๊ดด้านหลังศรีษะขวาบ่อยๆ ทั้งวันต้องเอามือนวดครึง ออกกำลังคอ ก้ม+เงย+หมุนคอช้าๆ คือทำแล้วหาย ซักพักกลับมาเป็นใหม่
    นอกจากที่ผมทำตอนนี้มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ไม๊ครับ เป็นมาหลายวันแล้วไม่หายซักทีครับ
     
  14. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ขอถามเพิ่มเติม
    อาการ จี๊ดจาดที่ว่า มีอาการเดียว หรือมีอาการตึงๆ หน่วงๆร่วมด้วยหรือไม่
    ตำแหน่งหลังศีรษะที่ว่า อยู่หลังหูด้านขวา หรือต่ำลงมาแถวก้านคอ
    มีอาการร้าวมาที่บ่า สบัก กับแขนหรือไม่
    อาการที่เจ็บ อยู่ตื้น หรือลึก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 กรกฎาคม 2008
  15. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    [​IMG]
    มีอาการตึงหน่วงที่สีฟ้าครับ ที่หน้าผากหน่วงเย็นๆเหมือนทายาหม่องครับ ส่วนด้านหลังจะหน่วงๆ บางครั้งหน่วงทุกจุด บางครั้งหน่วงบางจุดเป็นพิเศษไม่แน่นอนครับ หน่วงเบาๆครับ แต่หน่วงตลอด ตรงนี้เป็นมา 1เดือนได้แล้วครับ
    แต่สีแดงที่เจ็บ จี๊ด บ่อยๆ จะจี๊ด ตื้นๆครับ ช่วงแรกที่เป็น จี๊ดจนยกไหล่ขวาเลยครับ บางครั้งจี๊ดเป็นเส้นมาเกือบถึงช่วงกลางของหลังหูในกรณี จี๊ดแรงๆ ครับ

    ตั้งแต่เมื่อวานพอ POST หา อ.suwi มันหายไปเยอะเลยครับ เจอเบาๆ 3-4 ครั้งเอง สงสัยกลัวหมอ
    [​IMG]
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • HeadM.JPG
      HeadM.JPG
      ขนาดไฟล์:
      2.9 KB
      เปิดดู:
      4,372
    • Anatomy_backme.JPG
      Anatomy_backme.JPG
      ขนาดไฟล์:
      27 KB
      เปิดดู:
      2,578
  16. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    สรุปเลยครับ
    อาการที่คุณเป็นเกิดจาก ลมปราณติดขัด ที่กลางหลังและก้านคอ
    ทิ้งนานไป หากไม่ได้รับการแก้ไข ปล่อยให้เป็นเรื้อรังนานๆ
    พลังชีวิต(เลือด ลม)จะไปเลี้ยงสมองบริเวณนั้นไม่พอ อาการเส้นเลือดสมอง ฝ่อ/ตีบ อาจเกิดขึ้นได้

    การแก้ไข ใช้วิธีนวดรักษาได้ แต่ต้องเป็นคนที่มีพลังอย่างน้อย พอๆกับตัวคุณ
    หาเพื่อนที่เป็นงานไว้ขอแรงมาเป็นหมอนวดให้ที
    ส่วนวิธีนวด เดี๋ยวตอนเย็นจะกลับมาเล่าวิธีนวดให้ฟัง
    วันนี้ มีงานต้องออกนอกสถานที่
     
  17. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    วิธีนวดแก้ตึงหลัง
    ๑. คนไข้นั่งบนเก้าอี้ ไร้พนัก ยกแขนซ้ายขึ้นเอาฝ่ามือแตะต้นคอด้านหลังเบาๆ(ห้ามจับแน่น)
    ๒. ผู้นวด ใช้มือซ้ายคล้องแขนซ้ายคนไข้ฝ่ามือแตะที่หลังมือซ้ายคนไข้
    ๓. ผู้นวดใช้ฝ่ามือขวา (ซ่นมือ) คลึงเบาๆ แล้วค่อยๆเพิ่มน้ำหนักขึ้น
    ที่บริเวณกล้ามเนื้อข้างกระดูกสันหลังด้านซ้ายของคนไข้ ตั้งแต่เอวถึงคอ (
    เน้นบริเวณจุดสีฟ้า) ใช้วลาประมาณ ๓ นาที

    ทำซ้ำด้านขวา ตั้งแต่ ๑-๓

    นวดต้นคอด้านซ้ายและขวา ข้างกำด้น (ที่ฐานกระโหลก ซ้าย ขวา)

    นวดแก้ ตึงหน้าผาก

    ที่ต้นคอด้านหลัง ตรงที่ติดกับฐานกระโหลกศีรษะ ตรงกลางจะมีรอยบุ๋มอยู่ จุดนี้เรียก กำด้น
    ผู้นวด ใช้มือซ้ายประคองหน้าฝาก ใช้นิ้วโป้งขวากดตรงกำด้น ทิศทางของแรงมุ่งไปที่หน้ผาก กดใช้แรงปานกลาง (ใช้พลังสุดๆส่งทะลุไปที่หน้าผาก)

    ขณะส่งพลังที่นิ้วโป้งขวา ฝ่ามือซ้าง ใช้ฝ่ามือกุมไปที่หน้าผาก แล้วใช้พลังดูด ดูดสิ่งไม่ดีออกจากหน้าผาก
    แล้วกำหนดจิตเหวี่ยงทิ้งไปบนฟ้าไกลๆ อย่าให้กลับมาอีก

    แก้อาการเจ็บที่บนหัวด้านหลังที่เป็นสีแดง
    ผู้นวด ใช้มือซ้ายประคองหน้าผากด้านซ้ายคนไข้ ใช้ฝ่ามือขวาทาบลงไปบริเวณที่เจ็บ แล้วคลึงเบาด้วยซ่นมือ ส่งพลังลงไปด้วยประมาฌ ๒-๓ นาที
    อาจใช้นิ้วโป้งมือขวาคลึงแทนได้ แล้วแต่ถนัด

    นวดหัวคิ้ว หัวตา (รอบดวงตา เบาๆ) และใบหน้าข้างใบหู

    การนวดเป็นทั้งศาตรและศิลป์ ไม่อาจถายทอดละเอียดทางตัวอักษรได้

    ที่บอกไว้นี้อาจช่วยได้มากกว่า ๖๕-๗๐%
     
  18. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    วิธีแก้แบบที่ ๒.

    หากหาคนนวดไม่ได้
    ให้ตัวคนไข้เดินลมปราณ ตามที่ได้เขียนไว้ในโพสก่อนหน้านี้(เปิดหาดู)
    เพื่อทะลวงจุดที่ตีบตันอยู่
    โดยเดินจากก้นกบ ไปตามแนวกระดูกสันหลัง ต้นคอทะลุหัว(ที่จักร ๗)
    แล้วเดินจาก หัวไปก้นกบ ทะลุไปแกนโลก
    แล้วเดินจากก้นกบไปหัวใหม่
    กลับไปกลับมาหลายๆเที่ยวจนกว่า จะปลอดโปร่ง


    วิธีแก้แบบที่ ๓.

    ทำยาเพิ่มธาตุไฟกิน
    กระเทียม ขิงสดแก่ พริกไทย ดีปลี เท่าๆกัน ปั่นกับน้ำมะนาวให้ละเอียด
    ชงน้ำร้อนกิน เช้าเย็ยก่อนอาหาร กินคร้งละ ๑ช้อนโต๊ะ น้ำ ๑ ถ้วยกาแฟ
    อาจต้องกินนานหน่อย สัก ๒-๔ อาทิย์
    วิธีนี้ง่ายสุดๆ แก้โรคแทรกได้ด้วย(อาการที่เล่าเพิ่ม)
     
  19. Inner Smile

    Inner Smile เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กุมภาพันธ์ 2008
    โพสต์:
    699
    ค่าพลัง:
    +451
    ดีปลี คืออะไรครับ ไม่รู้จักครับ หาได้ที่ไหนครับ

    วันนี้ ยังไม่เจออาการ จี๊ด เลยครับ สงสัยจะกลัวหมอ[​IMG] แต่หน่วงที่หน้าผาก + หลังยังคงอยู่ครับ เดี๋ยวจะลองวิธีที่ 2 ดู ครับ

    ที่ อ.suwi บอกลมปราณติดขัด ที่กลางหลังและก้านคอ

    อันนี้ใช่เลยครับ[​IMG] เพราะผมจะจับความรู้สึกที่ จักระ 5 (หน้า+หลัง) ไม่ค่อยได้ครับ
     
  20. suwi

    suwi เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    2,652
    ค่าพลัง:
    +18,543
    ดีปลี เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง ใช้ดอกทำยา รสเผ็ดร้อน ใช้บำรุงธาตุดิน แก้อาการขัดในข้อในกระดูก ปวดมึนตึงในกล้ามเนื้อ ฯลฯ

    ในบางภาค บางพื้นที่ ใช้ดอกดีปลีสดผสมอาหาร จึงหาซื้อได้ตามตลาดสด
    แต่ในกรุงเทพฯ คงหายาก
    มีขายแน่นอน ในร้านขายยา ไทย ยาจีน แต่เป็นอย่างแห้ง
    เวลาใช้ให้เข้าเครื่งปั่นแห้งให้ละเอียดเสียก่อน แล้วจึงนำไปปั่นรวมกับสิ่งอื่นๆ
     

แชร์หน้านี้

Loading...