ปัญญา สมาธิ จิตปกติ - สังโยชน์เบื้องต่ำ

การจะละความหลงในอายตนะผัสสะ ความเห็นผิดในอารมณ์ คือกามราคะปฏิฆะด้วยปัญญา เอาตรงๆเป้าเลยครับ

 

เอาตรงๆ เป้า ก้คือ เข้าใจวิธี ทำ ได้แค่ไหน

 

เลิกดูรูปโป๊ ฝึกสติปัฏฐาน 4 ปิดตา นอน ทำทุกวัน

 

รู้อารมณ์เสมอๆ จะทำได้ไหมครับ


ถ้าอารมณ์เกิดแล้วยึดไว้ก็เป็นทุกข์


ปรุงแต่งต่อก็เป็นวัฏฏะ

 

คนตาบอดบรรลุธรรม

 

สังโยชน์ก็ไม่มีเบื้องต่ำและเบื้องสูง เพราะสังโยชน์คือสิ่งที่เวไนยสัตว์ทั้งหลายต้องก้าวข้ามให้ได้ จึงเรียกได้ว่าละ ไม่ว่าจะมีเท่าไหร่ก็ต้องละ ละได้มากละได้หมดก็จบกิจที่พึงกระทำ ละไม่หมดก็สั่งสมอุปนิสัย ไม่มีเบื้องต่ำและเบื้องสูง ไม่มีอย่างน้อยว่าต้องทำแบบนี้จึงดีกว่าหรือถ้าไม่ทำแบบนี้จึงแย่กว่า นี่คือสังโยชน์ เท่าไหร่นะ.....พระบรมศาสดาตรัสไว้อย่างไร

 

ไม่มีสังโยชน์เบื้องต่ำเบื้องสูงลำดับขั้นตอนอะไร พจ.จะตรัสมรรคสี่ผลสี่ นิพพานหนึ่งทำไม

 

พระศาสดาไม่ได้ตรัสให้แยกออกว่าทำแค่นี้เป็นของคนแบบนี้ ทำหมดนี้เป็นของคนแบบนี้นี่คับ ไม่ใช่เราไปตีความเอาเองเหรอคับ

 

ท่านบอกแค่ว่าพระโสดาบันละได้คือสังโยชน์3 ข้ามไปพระขีณาสพละได้หมดทุกสังโยชน์ ไม่เห็นพระศาสดาตรัสว่าอย่างน้อยหรืออย่างมาก

 

ถ้ามากในภาษาบาลีว่า อักโข ก็อักโขโยนิโสมนสิการ ไม่ได้มีในสังโยชน์ จึงนำมาแบ่งแยกไม่ได้คับ

 

น่าจะตรัสบอกไว้นะครับ บุคคลนี้ฟังธรรมบทนี้เวลานี้เวลาใด จะได้มรรคผลลำดับไหน ลองศึกษาเพิ่มเติมดูเองครับ

 

ไม่มีใครห้ามอารมไม่ให้เกิดได้หรอกครับ และก้ไม่มีใครห้ามอารมดับได้ด้วย
เพียงแต่ เอาอารมเกิด ดับ มาเป็นเครื่องฝึก ให้เห็นอนิจจัง อนัตตา ปัญญามันจึงจะเกิด

ความปรุงแต่งก้เช่นกัน ไม่มีใครห้ามความปรุงแต่งได้
มีแต่ใช้ให้เป็นประโยชน์เอามาเป็นเครื่องฝึก

ถ้าไม่เข้าใจวิธีแล้ว ก็ไปยังไงก้ไม่ถึง

 

บุคคลนี้ฟังธรรมบทนี้เวลาใด จะได้มรรคผลลำดับไหน อีนนี้ก็ยืนยันว่าไม่ใช่พระศาสดาตรัส เพราะว่าบุคคลนี้เป็นเพียงพระศาสดาส่งพระญาณว่าเข้าข่ายที่จะได้มรรคผลนิพพาน ไม่ใช่ลำดับ ปกติพระศาสดาจะเม้นยำที่สุดในเรื่องการโปรดเวไนยสัตว์ดังนั้นจาก พระกถาทั้งหลาย ไม่ได้สื่อว่ามีการแยกออกว่าสังโยชน์ 10 เอาเท่านี้พอหรือเอาเท่านั้นพอ เพราะมันไม่ได้เกี่ยวกับสังโยชน์ที่พระศาสดากล่าว เพราะเหตุท่านผู้นั้นมีเหตุที่จะบรรลุ ส่วนลำดับมรรคผลเป็นเรื่องของบุคคลมันหลอกกันไม่ได้คับ

 

ปัญญาญาณที่คุณพูดที่มีก็เล่าได้นะ ก็รอฟัง อ่านยาวๆได้อยู่ครับ

 

ไม่เข้าใจวิธีฝึก แต่ช่วยสอนมาได้ครับ

 

อ่อครับ

 

ถ้าเอาเรื่องตีความพระธรรมมันคงยากจะเอ่ยจริงๆ พูดๆไปถ้ามันขัดความเป็นจริง ก็ละเสีย

 

ก็คงต้องศึกษาให้มากขึ้นให้แม่นยำ และชัดเจน ไม่พูดพล่อยๆ อีกครับ

 

เปิดอ่านได้เลยครับ สติปัฎฐาน

ถ้าสั้นๆ ก็ รู้อารมณ์เสมอๆ เพิ่มเติมคือให้ต่อเนื่องเนืองๆ ทำให้มาก

 

มันไม่ใช่พูดพล่อยๆคับ แต่ว่าการกล่าวตู่ว่าพระศาสดาตรัสโดยเนื้อความไม่เป็นจริง มันเป็นผลเสียและถ้าเนื้อความไม่เป็นจริง เขาเรียกปิดกั้น ปิดกั้นใครก็ปิดกั้นตัวเองไงคับ