..ผู้ที่มีความเกี่ยวเนื่องตอน ๑๒ ค่ะ...
พระสังขธรรมราชา =พระเกษรีฤาษี
พระนางพิณทราวดี = คู่บารมีของพระเกษรีโพธิสัตว์
ธนสุรัตน์อำมาตย์ = ท่านสิทธิสัตตโพธิสัตว์
เจ้าชายสิงหบดี = คุณ half wave
เจ้าหญิงพักตราวดี = คุณ Paktrawadee (น้องหนูดี)
_____________________________
ในการบำเพ็ญบารมีพระสัมมาสัมโพธิญาณนั้น จะเห็นได้ว่า มีการสละภรรยาและบุตรอันเป็นที่รัก มานับชาติไม่ถ้วน จึงจะสำเร็จตามปรารถนานั้น
ท่านกล่าวว่า "ผู้ที่จะมารับการบริจาคภรรยานั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพระโพธิสัตว์องค์ใดองค์หนึ่ง มารับการบริจาค แม้แต่พระอินทร์ก็จะเป็นพระอินทร์ผู้ปรารถนาพระโพธิญาณเช่นกัน
ส่วนผู้ที่มารับการบริจาคบุตรเป็นทานนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ปรารถนาพระปัจเจกพุทธเจ้า"
ผลบุญแห่งการให้ธรรมทานนี้ ขอน้อมถวายแด่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า และพรหมเทวดาที่คอยให้ธรรมทานในเรื่องนี้ทุกตอนด้วยเถิด สาธุ..
ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai
ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.
หน้า 130 ของ 661
-
-
ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี
พระนางพิณทราวดี = คู่บารมีของพระเกษรีโพธิสัตว์
อันนี้พอจะเดาได้นะครับ ว่าเป็นใคร คงจะเป็นจอมซนประจำเมืองเปล่าครับ อิอิ -
วันที่ 8 ก.พ 56 เวลา 09.28 น.
ได้โอนปัจจัยร่วมบุญถวายดวงแก้วเข้า ธ. กรุงเทพ 036-7-15234-5
จำนวน 250 บาทค่ะ
อนุโมทนากับทุกท่านค่ะ
ขอแสดงความยินดีกับทุกท่านที่ได้บูชาลูกแก้วจักรพรรดิ์ค่ะ
:cool::cool::cool::cool::cool: -
เรื่องของพระเกษรีฤาษีนั้น พี่เคยสงสัยว่า เหตุใดท่านต้องทรงอิทธิบาท ๔ ต่ออายุนานนับ ๙๑ กัปป์ ท่านบอกว่า ต้องการสงเคราะห์ผู้ที่เคยร่วมบุญกับท่านมา
ตลอดทั้งผู้ที่ปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณ และผู้ปรารถนาพระปัจเจกพุทธเจ้าด้วย ท่านปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณ เป็นประเภทวิริยธิกะพิเศษ (รายละเอียดท่านไม่ได้บอกว่า เป็นอย่างไรค่ะ)
บำเพ็ญบารมีครบ ๓๐ ทัศน์แล้ว เหลือเพียงชาติเดียว คือ ชาติที่รอตรัสรู้พระสัมมาสัมโพธิญาณ (ซึ่งท่านไม่ได้บอกว่าเมื่อไร)
การที่ไปนั่งรอบนสวรรค์ชั้นดุสิตนั้น ก็เป็นเวลานาน คิดว่า อยากจะช่วยผู้ที่เคยเนื่องในอดีต เพื่อให้มีความมั่นคงในการปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณ หรือพระปัจเจกโพธิญาณต่อไป เพื่อเวไนยสัตว์ทั้งหลายที่ยังเวียนว่ายตายเกิด...
นี้เป็นคำบอกเล่าของท่านเมื่อไม่นานนี้เอง
ขออนุโมทนาบุญกับน้องธรรมวิวัฒน์และทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai -
ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี
-
ประวัติจักรชมพู “เบญจรัตนประทีป” ตอน ๑๓ พระโชตินฤาษี-กำเนิดดวงแก้วโชติญาณมณีโชติ ..
กล่าวถึงพระโชตินพรหม เมื่อจุติบนโลกมนุษย์ท่านได้จุติเป็นลูกเศรษฐี นามว่า “โชติญาณเศรษฐี”
อยู่มาวันหนึ่งได้ทำการค้าต่างเมือง ถูกโจรปล้นสะดม ท่านจึงได้หนีโจรเข้าป่าไปพบกับพระฤาษีตนหนึ่งนามว่า “พระโพธิราชฤาษี” (หรือพระอัฐกัณฑฤาษีนั่นเอง) ท่านได้แง่คิดสัจจธรรมถึงความไม่เที่ยงแท้แน่นอนชีวิต จึงตัดสินใจออกบวช และศึกษาเล่าเรียนนับแต่นั้นเป็นต้นมา จนสำเร็จวิชาต่าง ๆ วิชาที่พระโพธิราชฤาษีชำนาญนั้น คือวิชาดึงดูดทรัพย์เรียกทรัพย์ และการอธิษฐานแก้วสารพัดนึก หรือแก้วสำเร็จนั่นเอง
ท่านสำเร็จวิชาแล้ว ท่านจึงลองเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๓ เดือนจากนั้นได้อธิษฐานดวงแก้วมณีนามว่า “โชติญาณมณีโชติ”(ดวงแก้วนี้ยังไม่ขึ้นมา) จึงได้นำถวายแด่พระโพธิราชฤาษี ผู้เป็นอาจารย์ เพื่อเป็นเครื่องบูชาครู ท่านได้นำไปประดิษฐานในถ้ำแห่งหนึ่ง คอยผู้มีบุญนำไปบูชาต่อไป
วันหนึ่งขณะกวาดทำความสะอาดเสนาสนะอยู่ ท้าวสหบดีพรหมได้มาปรากฏตรงหน้า และได้บอกเรื่องราวต่าง ๆ แก่ท่านโชติญาณฤาษี และให้ท่านเป็นผู้ติดตามสหายทั้ง ๒ ท่าน
ท่านโชติญาณฤาษีได้กล่าวโมทนาบุญ และอุทิศบุญแห่งท้าวสหบดีพรหม และได้เข้าสมาธิ ตรวจดูว่า สหายทั้ง ๒ ของท่านอยู่ที่ใด พบว่า ขณะนี้พระสังขฤาษีได้ออกผนวชแล้ว กำลังอยู่ในระหว่างการบำเพ็ญเพียร ท่านพิจารณาแล้ว หากบำเพ็ญเพียรเองอาจจะช้าได้ เนื่องจากวิบากกรรมเคยปรามาสผู้ทรงฌาณในอดีตของท่านส่งผลอยู่
ท่านจึงปรึกษากับพระโพธิญาณฤาษีผู้เป็นอาจารย์ พระโพธิญาณฤาษีตรวจดูบุพกรรมต่าง ๆ ทราบว่า ท่านเป็นผู้ที่จะช่วยให้หลุดจากวิบากกรรมนี้ได้ จึงสั่งให้พระโชติญาณฤาษีไปตามพระสังขฤาษีให้มายังอาศรมของท่าน และบอกวิธีการขออโหสิกรรมแก่ผู้ทรงฌานทั้งหลายในอดีต เพื่อหลุดพ้นจากวิบากกรรมต่าง ๆ ภูมิรู้ต่าง ๆ และวิชาเดิมจะกลับมา
ท่านโชติญาณฤาษีรับคำสั่งจากผู้เป็นอาจารย์ เหาะไปยังป่าพำนักของพระสังขฤาษีทันที...ยังมีต่อ. -
ท่านบอกว่า"ไม่เป็นไร เราไม่ถือโทษหรอก ขอให้เธอจงตั้งมั่นในการปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณต่อไปในภายภาคหน้า อย่าให้นางแก้วคู่บารมีต้องเสียใจ ในการเสียสละชีวิตเลือดเนื้อ มีความเสียใจ ร้องไห้ครั้งแล้วครั้งเล่า
ขอให้เดินหน้าต่อไปอย่าหยุดยั้ง ตั้งมั่นในคำอธิษฐานดุจคู่บารมีแห่งเรา ความปรารถนาของเราใกล้จะสำเร็จในอนาคตเบื้องหน้าไม่นานนัก"
ผลบุญใดแห่งการให้ธรรมทานในครั้งนี้ ขอน้อมถวายแด่พระแม่เจ้าทุก ๆ พระองค์ ที่ได้สำเร็จเป็นผู้ทรงอภิญญาใหญ่แล้วทุกท่านก็ดี หรือท่านผุ้จะสำเร็จในอนาคตกาลก็ดี หรือผู้บำเพ็ญเพียรอยู่ก็ดี ขอน้อมถวายบุญแด่ทุก ๆ ท่าน เพื่อบรรลุแห่งปัญญาบารมีด้วยเถิด สาธุ..
ขออนุโมทนาบุญกับพระแม่เจ้าทุก ๆ ท่านด้วยเถิดเจ้าข้าฯ
___________________________
ท่านฝากข้อความมาให้น้องธรรมวิวัฒน์ค่ะ
บุญรักษาค่ะ
Numsai -
ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี
สงสารทั้งตัวเอง และนางแก้วของผมด้วยครับ
ถ้าผมทำได้ ผมคงวิ่งไปซับน้ำตาให้นางแก้วคู่บารมีไปแล้วครับ:'(
ช่วงวันแห่งความรัก นึกถึงเรื่องนางแก้วทีไรใจมันหวั่นๆยังไม่รู้
แหมผมอุตสาห์ไม่คิดแล้วนะครับ
ยังไงก็ขอน้อมกราบขอบพระทัยแก่พระแม่เจ้าด้วยครับ
ในคำสอนที่ได้มอบให้เป็นคำชี้แนะในการสร้างบารมี
และข้าพเจ้าขอน้อมถวายบุญเป็นการบูชาแก่พระแม่เจ้าทุกๆท่าน ทุกๆพระองค์
ขอให้ทุกท่านจงสำเร็จสมดังคำอธิษฐานไว้ในทุกประการด้วยครับ สาธุ สาธุ -
..ประวัติจักรชมพู “เบญจรัตนประทีป” ตอน ๑๔ กำเนิดดวงแก้วสังขธรณีมันตรา
ครั้นเมื่อนั่งสมาธิอธิษฐานจิตแล้ว ท่านโชติญาณฤาษีก็ปรากฏยังหน้าอาศรมพระสังขฤาษี(ขณะนั้นท่านสำเร็จเพียงทิพยจักขุญาณ) พระสังขฤาษีนั้นได้มีนิมิตด้วยเทพสังหรณ์ว่า....
“วันนี้ท่านจะได้พบกับสหายเก่า” ท่านจึงได้ตื่นมาทำความสะอาดเสนาสนะต่าง ๆ ประดับตกแต่งด้วยดอกไม้หอม เพื่อรอรับสหายเก่า เตรียมผลไม้ น้ำฉัน น้ำใช้ไว้รอรับพระสหายแห่งตน
เมื่อท่านโชติญาณฤาษีมาถึง ท่านก็ออกมาต้อนรับด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อดูถึงวัยแล้ว ท่านโชติญาณฤาษีมีวัยที่แก่กว่า อีกทั้งมีภูมิธรรมที่สูงกว่า พระสังขฤาษี จึงนับท่านเป็นพี่ชายนับแต่นั้นมา
หลังจากทักทายพอสมควร พระสังขฤาษีนั้นปรารถนาจะให้ท่านโชติญาณฤาษีไปโปรดพระโอรส-ธิดาและชาวเมืองของตนด้วยต้องการให้ชนเหล่านั้นได้ทำบุญถูกเนื้อนาบุญ
แต่ท่านโชติญาณฤาษีกล่าวว่า “น้องรัก กาลนี้ยังไม่สมควรจะไปปรากฏแก่ชาวเมืองทั้งหลาย ด้วยเจ้าต้องไปกราบพระอาจารย์ของเราก่อน รอให้เจ้าได้ฝึกฝนจนสำเร็จวิชาต่าง ๆ จากนั้นจะไปโปรดชาวเมืองก็ยังไม่สาย"
เมื่อท่านโชติญาณฤาษีกล่าวเช่นนั้นแล้ว จึงพากันไปกราบพระโพธิราชฤาษี พระโพธิราชฤาษีนั้นได้ให้พระสังขฤาษีทำพิธีขออโหสิกรรมต่าง ๆ ต่อตัวท่านและโชติญาณฤาษี และขอขมาต่อพรหมเทพทั้งหลาย เพื่อให้ประสิทธิ์ประสาทวิชาต่าง ๆ ได้รวดเร็วแก่กาล
จากนั้นพระสังขฤาษีได้ศึกษาวิชาไม่นานนักก็สำเร็จวิชาต่าง ๆ เมื่อสำเร็จวิชาแล้ว พระโพธิราชฤาษีได้ให้อธิษฐานดวงแก้วมณีขึ้นมา ๑ ดวง โดยให้พระสังขฤาษีเข้าสมาบัติเป็นเวลา ๓ เดือนอีก ๑๐ วัน
เมื่อครบกำหนดออกจากสมาบัติแล้ว ปรากฏว่า มีเหล่ามารทั้งหลายได้มาขวางไว้ให้ท่านทำไม่สำเร็จ พระสังขฤาษีได้อธิษฐานถึงพระแม่ธรณี เพื่อมาเป็นสักขีพยานในการสร้างบุญบารมีของท่าน เมื่ออธิษฐานปรากฏพระแม่ธรณีมาเป็นสักขีพยานโดยบีบมวยผม น้ำแห่งมหาทานบารมีได้หลั่งลงอยากไม่หยุดยั้ง เหล่ามารทั้งหลายเห็นว่าทำไม่สำเร็จจึงล่าถอยไป
ท่านจึงเข้าสมาบัติใหม่อีกครั้งเป็นเวลา ๗ วัน แล้วอธิษฐานดวงแก้วมณีใหม่ ด้วยเห็นว่า ความสำเร็จคราวนี้จะไม่สามารถทำได้เลยหากปราศจากพระแม่ธรณี ท่านจึงให้นามดวงแก้วนี้ว่า “สังขธรณีมันตรา” จากนั้นจึงได้นำไปถวายแก่พระอาจารย์ พระโพธิราชฤาษีเห็นว่า ดวงแก้วนี้จะเป็นประโยชน์แก่พระเจ้าสิงหบดี และชาวเมืองต่อไป จึงกล่าวว่า..
“ดวงแก้วนี้ เจ้าจงนำไปยังเมืองของเจ้านะ ดวงแก้วนี้จะสร้างความอุดมสมบูรณ์เป็นมงคลนัก เมื่อมอบดวงแก้วแก่โอรสเจ้าแล้วให้กลับมา มีกิจต้องต่อไป”เมื่อรับคำพระอาจารย์แล้ว ท่านได้เหาะไปยังเมืองเดิม พระเจ้าสิงหบดี เมื่อทราบว่า
พระฤาษีผู้เป็นบิดามาโปรดตนและชาวเมืองต่างก็ปิติยินดี เตรียมของไว้ต้อนรับ กาลนั้นพระนางพิณทราวดีได้สวรรคตไปก่อนหน้านั้นหลายปี ทำให้พระสังขบดีมิได้ให้โอวาทแก่พระนาง ท่านจึงได้เพียงแต่ปลงสังเวช และอธิษฐานว่า..
“กาลเบื้องหน้าในอนาคตกาลขอให้ท่านได้มีโอกาสสั่งสอนธรรมแก่พระนาง เพื่อติดไปในภพเบื้องหน้า”
ฝ่ายเจ้าหญิงพักตราวดีนั้น ได้อภิเษกกับบุตรชายแห่งสิริสารอำมาตย์ นามว่า "ปฐวีเสนาบดี" ดำรงตำแหน่งเป็นเสนาบดีฝ่ายขวา รับราชการมาด้วยความซื่อสัตย์ ส่วนธนสุรัตน์อำมาตย์นั้น เมื่อพระนางพิณทราวดีสวรรคต ท่านก็ได้ออกบวชเป็นพระดาบส ไม่มีใครทราบข่าวของท่านอีกเลย
พระสังขฤาษีนั้น ได้นำดวงแก้วมณีมามอบให้พระเจ้าสิงหบดีแล้ว ก็ลากลับไป หลังจากนี้มีแต่ความอุดมสมบูรณ์ชาวเมืองต่างก็อยู่กันอย่างมีความสุขเรื่อยมา...ยังมีต่อ.. -
ความปรารถนาแต่ละคนไม่เหมือนกัน มโนปณิธานก็ต่างกัน อยู่ที่กำลังใจของแต่ละคน
หลายครั้งที่พี่อยากจะลาเข้าพระนิพพาน เพราะตอนนั้นไม่รู้ว่า จะทำเพื่อใคร ทำไปทำไม เข้าพระนิพพานสบายกว่าเยอะ จนกระทั่งได้ทราบเรื่องราวต่าง ๆ และรู้ว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร จึงได้ย้ำคำอธิษฐานนั้น และเดินทางต่อไป
ขออนุโมทนาบุญในมโนปณิธานของน้องและคู่บารมี จนกว่าจะสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณในอนาคตกาลค่ะ..
Numsai
fishh_ -
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
ว้า...ทำไมท่านสุทธโสมอำมาตย์ถึงคิดว่าเป็นเก๊าล่ะ?
มิใช่นะจ้ะท่าน...เขาไม่ใช่คู่บารมีของท่านเกษรีฤาษีหรอกจ้า
-
สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับคุณhalf ware ด้วยค่ะสาธุ
สาธุ ลูกพักตราวดี ขอถวายบุญที่ได้สะสมมาแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน
ขอถวายบุญให้ท่านพ่อ พระสังขธรรมราชา ( พระเกษรีฤาษี )และ
ท่านแม่พระนางพินทราวดี ขอท่านรับและโมทนาบุญกับลูกด้วยเทอญ
หากลูกได้เคยประมาทล่วงเกินต่อท่านทั้ง2ขอให้ท่านทั้ง2ยกโทษและ
อโหสิกรรมให้ลูกในความรู้เท่าไม่ถึงการของลูกด้วยเทอญ :'(
และขออนุโมทนาบุญกับพี่น้ำใสที่ให้ความกระจ่างแก่น้องหนูดี
คงไม่ใช้เรื่องบังเอิบที่หนูดีมีความรู้สึกและนึกถึงท่านพระเกษรีฤาษี
อยู่ตลอด มีความรู้สึกว่าท่านคอยดูแลอยู่เสมอ อาจแล้วนั่งร้องให้คิดถึง
ท่านยิงนักcatt19(แต่ก็ดีใจที่ได้รู้ว่าท่านยังเป็นห่วงลูกสาวอยู่มิได้น้อยไปกว่าอดีตชาติเลย:cool:
อคีตไม่สามารถย้อนกับได้หากรู้และแก้ไขทำปัจจุบันให้ดีที่สุด
กระต่ายน้อย
หนูดี -
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
-
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
ยกเว้นพระแม่เจ้า...ไม่เอานะคะ เขิลค่ะท่านพี่ อิอิ -
ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี
งั้นเราเรียก น้ำตาลว่า ก๊อดซิล่า แล้วกันนะ 55+
รูปนี้พอๆกับตัวจริงเลย
หรือเอาเป็นชื่อ เฟอร์บี้ ก็ดีนะ กำลังฮิต
-
เรื่องนางแก้วนี่.. น้องได้อ่านทีไรก็อดหวั่นไหวมิได้ทุกทีเลยคะ เคยแบบว่าไปงานบวชพระ เมื่อประมาณ 1-2ปีที่แล้ว ตอนนั้นมีนาคมาขอบวช ถ้าจำไม่ผิด2 ตน ระหว่างอยู่ในโบสถ์ก็นั่งมองพระประธานไป ฟังเขาทำพิธีไปนี่ละ จู่ๆก็อธิษฐานขอเป็นนางแก้วไปเองซะงั้นไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย เหมือนมีสคริปอ่าน 555 ไม่เคยเข้าใจว่านางแก้วคืออะไร มารุ้สึกตัวอีกทีตอนเขาออกจากโบสถ์กันอะคะ..... แบบว่าตัวเองบ้าไปแล้ว ปกติไม่เคยคิดเรื่องแบบนี้เลยนะคะ ตัวเองคงจะ เพ้อเจ้อมากไป พอกลับมาบ้านก็เลยมาหาข้อมูลว่านางแก้วคือใครเป็นยังไง แบบว่าอธิษฐานไปแล้ว ก้มกราบเรียบร้อย
อนุโมทนากับเจ้าของจักรแก้วและทุกๆท่านด้วยนะคะ
(ช่วงนี้ว่างเลยมาเม้นท์ได้บ่อย อิอิ) -
ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี
สุขสันต์ วันตรุษจีน
ขอให้ชาวเมืองมั่งมี ศรีสุข สุขภาพแข็งแรง
เจอสิ่งดีๆตลอดไป :cool: -
แจ้งโอนเงินครับพี่น้ำใส 10/2/56 เวลา 12.57 น. 18,000 บาท
ขออนุโมทนาในกุศลบุญทั้งมวลกับทุกท่านด้วยครับ -
ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี
โทษที่เกิดจากการที่จิตขาดสมาธิ และคำพูดว่า "ไม่เป็นไร"
หลวงตาม้ากล่าวถึงโทษที่เกิดจากการที่จิตขาดสมาธิ
และคำพูดว่า "ไม่เป็นไร"
"......หลวงตาให้พวกเอ็งจงพิจารณาให้เห็นโทษของการที่จิตขาดสมาธิ ทำให้เกิดผลเสียต่อตัวเองอย่างไร
เพราะจิตเรามันวอกแวกไปตามสิ่งยั่วยุภายนอกที่ผ่านเข้ามาทางตา หู จมูก ลิ้น และสัมผัสทางกายอยู่เสมอ ทำให้สมาธิขาดและไม่แล้วจิตไม่นิงสักที จนกระทั่งมีไฟลนก้นหรือสถานการณ์บีบบังคับ
จึงรีบทำออกจากสมาธิและมีผลต่อเรื่องงาน แล้วก็ไม่มีคุณภาพ ฉาบฉวย เกิดความผิดพลาดขึ้นได้ง่าย หลวงตาให้พวกเอ็งลองกำหนดเป้าหมายที่สำคัญและแน่นอนที่อยากมีอยากเป็นในชีวิตอย่างเป็นขั้นเป็นตอนเราจะต้องทำอะไรให้สำเร็จหรือบรรลุอะไรให้ได้ภายในระยะเวลาเท่าไร เช่น จะทำโครงการนี้ให้เสร็จภายในกี่เดือน ชีวิตที่ไม่มีเป้าหมายจะล่องลอย ไม่แตกต่างอะไรกับเรื่อที่ไร้หางเสือ หรือเศษไม้หนึ่งท่อนที่ลอยอยู่บนพื้นน้ำหากถูกลมพัดพาไปในทิศทางใดก็จะล่องลอยไปตามทิศทางนั้นไร้จุดหมาย ไร้ทิศทาง และไร้คุณค่า
คำว่า "ไม่เป็นไร" เมื่อผุดขึ้นในใจใครก็ตาม นั่นคือบ่อเกิดแห่งความประมาท ดังนั้นพวกเอ็ง ต้องตัดสินใจทำอะไรเพราะมีความคิดว่า "ไม่เป็นไร" ผุดขึ้นในจิตแล้ว เราต้องระวังเป็นสองสามเท่า และหันกลับมาพิจารณาความคิดดังกล่าวอีกครั้ง มองดูผลเสียที่อาจจะเกิดขึ้นจากการกระทำดังกล่าว เพื่อป้องกันภัยเวรและผลเสียที่อาจบังเกิดขึ้น พวกเอ็งต้องฝึกการปลีกวิเวก สงบสติอารมณ์อยู่ในที่สงัดจะได้รู้จักการฝึกลับความคิดให้แหลมคมจนสามารถควบคุมความคิดและพฤติกรรม มุ่งไปสู้เป้าหมายของชีวิตได้
ในขณะเดียวกันต้องตระหนักเสมอว่า จิตที่เฝ้ารอคอยแต่ความตื่นเต้นหฤหรรษ์นั้นจะเป็นที่มาของความเบื่อหน่ายได้ง่าย เพราะทุกครั้งที่เสพความสุขจากสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่กระทบมาทางตา หู จมูก ลิ้น และกายสัมผัสจิตก็จะปรารถนาให้ได้สัมผัสกับความรู้สึกนั้นๆ มากขึ้นเรื่อยๆ หากพวกเอ็ง ไม่สามารถหามาชโลมใจได้ก็จะเบื่อง่าย และไม่เอาอะไรกับชีวิตแล้ว การปลีกตัวจากสังคมหรือคนในครอบครัวเพื่อมาอยู่เงียบๆ หยุดการกระเพื่อมของจิต จึงเป็นสิ่งจำเป็นยิ่งเพื่อจะดับพลังราคะที่สุม และ เผาผลาญอยู่ในใจเสมอ..."
เรียบเรียงจากคติธรรมคำสอนของ
พระอาจารย์ วรงคต วิริยธโร
(หลวงตาม้า) วัดพุทธพรหมปัญโญ
(วัดถ้ำเมืองนะ) ต.เมืองนะ
อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่
หน้า 130 ของ 661