ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

  1. ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,344
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,298
    พอได้อ่านที่พี่น้ำใส เล่าเรื่องอัฐิธาตุของหลวงปู่ศุข
    ดีใจมากครับที่ทำให้พี่น้ำใสมีความสุขนะครับ

    ขอบคุณมากสำหรับคำอวยพรครับ จะพยายามตั้งใจปฏิบัติให้ได้ตามนั้น
    เผื่อจะมีประสบการณ์มาเล่าให้ชาวเมืองฟังบ้างครับ 55+

    อนุโมทนาบุญกับพี่น้ำใสครับ

    ธรรมวิวัฒน์
     
  2. Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    เว็บพลังจิตแปลก ๆ ไหมคะ?
    widya likes this.มีให้กดไลค์ยังกะเฟสบุ๊กแน่ะ อิอิ



    ขอโมทนาบุญกับคุณชายด้วยค่ะ ขนาดตื่นสายยังไปทันเวลา แจ่มจริง ๆ
    น้องแพร มโนฯ แจ่มใสมากค่ะ เด็ก ๆ จิตใจยังบริสุทธิ์ น่าอิจฉามาก ๆ
    พูดไปแล้วอายเด็ก ของเรานี่ยังก๊องแก๊งอยู่เลย แต่น้องแพรนี่ เปิดปุ๊บติดปั๊บค่ะ

    ตอนไปถวายดวงแก้วที่วัดเขาวง วันนั้น รอหลวงตาวัชรชัยนานไปหน่อย
    เลยแอบย่องออกมากะจะไปซัดชาเขียวเย็น ๆ สักแก้วกับพี่จ๊ะเอ๋ (เขาไปเป็นเซ็ต อิอิ)
    "หลวงตาจะมาแล้ว" เสียงผู้ชายไม่รู้จากที่ไหนร้องเรียกขณะกำลังเดินลงบันได
    ไม่สนใจฮะ...พอก้าวลงบันไดอีกขั้น ก็ได้ยินเสียงอีก "จะไปไหน?....หลวงตาจะมาแล้วนะ"
    โอ๊ย...หูฝาดไปแล้วล่ะเรา คนหิวของหวาน ๆ อะไร ๆ ก็เกิดขึ้นได้...


    หลังจากได้กาแฟเจ้มจ้น กับชาเขียวแก้วใหญ่ เดินดูดมาอย่างอารมณ์ดีแล้ว
    ปรากฎว่าพอมาถึงคณะของเราถวายดวงแก้วกันเสร็จแล้ว อ้าว...อดเลย (แต่ยังได้บุญอยู่นะ)
    เรื่องที่ได้ยินเสียงนี้ไม่ได้บอกใคร จนกระทั่งน้องแพรล่ามกิตติมศักดิ์เอ่ยถามในรถว่า
    "ท่านพูดว่า ทำไมตอนนั้นห้ามถึงไม่ฟัง ก็บอกแล้วว่าหลวงตาจะมา ยังจะไปกันอีก"
    อ้าว เฮ้ย น้องแพร รู้ได้ไงอ่ะ? ว่าแต่ท่านไหนล่ะเนี่ย?


    เสร็จแล้วน้องแพรก็เล่าให้ฟังว่าหลังจากถวายดวงแก้วแล้ว
    ทิพยสมบัติบนวิมานมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้างค่ะ
    ซึ่งพี่ตาลก็ขอขอบคุณมา ณ โอกาสนี้นะจ้ะ...
     
  3. widya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +13,214
    ขออนุโมทนาบุญอันเป็นมหากุศลกับธรรมทานคุณน้ำใสด้วยครับ

    ขออนุโมทนาบุญอันเป็นมหากุศลกับท่านเจ้าภาพอุณาโลมด้วยนะครับ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ฝึกมโนผ่านกันทุกคนนะครับ



    http://palungjit.org/threads/ร่วมบุญ-กองบุญแก้วบรมจักรพรรดิค่ะ.283863/page-107
     
  4. เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905


    พี่จันทรกาล มารายงานตัวค่ะ พึ่งเข้าเมืองมาได้ อิอิ

    ขอบคุณน้องตาลนะค่ะ ที่จูงมือ ผู้สูงวัย เข้าทางประตู หลังเมือง อิอิ


    ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่าน ที่เข้าเมืองมาได้เแล้ว และยังเข้าไม่ได้
    ตามๆกันมานะพี่น้อง อิอิ


    จันทรกาล
     
  5. เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905
    ก่อนอื่น ขออนุโมทนาบุญกับทุกๆท่าน ด้วยนะค่ะ

    ก่อนอื่นขอย้อนไปตอนเย็นวันเสาร์ที่ 6 ก่อนนะค่ะ เย็นวันนี้ ได้โทร Confirm กับทุกท่านที่ได้ลงทะเบียนไว้
    เพื่อเตรียความพร้อม ในการเดินทางวันรุ่งขึ้น พร้อมนัดสถานที่ และเวลา ที่จะไปรับ อีกครั้งค่ะ (กันลืมค่ะ อิอิ)

    และเช้าวันที่อาทิตย์ที่ 7 ตื่น ตี 4 กว่าๆค่ะ (เตรียมตัว รอรถมารับ อิอิcatt1) ตีห้าหน่อยๆรถน้องหนู่ดีก็มาถึง
    พร้อมออกเดินทางไปรับ ตามที่นัดไว้ค่ะที่โลตัส ศรีนครินทร์ ค่ะ พอไปถึง พบว่าคุณประพันพงศ์ คุณหลิว และคุณแม่
    คุณเอ๋ และคุณแม่ มายืนรออยู่แล้ว (น่ารักมากค่ะ)และคุณอึ้งก็ตามมา พร้อมทั้งคุณmoom
    แต่น่าเสียดาย ที่กลัยาณมิตร อีกท่านหนึ่ง ไม่ได้ ในทริปนี้ โทรตาม 2 ครั้งแล้ว แต่ไม่ได้รับสาย
    คณะเรารอถึงเกือบ 6 โมงเช้า ยังไม่เห็นมา ก็ เลย ถามความคิดเห็นจากกลัยาณมิตร
    ที่นั่งรอด้วยกัน ว่าจะรอ หรือไม่รอดี ได้คำตอบว่า แล้วแต่จันทรกาล (อิอิ งานเข้า ) เลยตัดใจ ออกเดินทาง
    ใจก็นึก ขอโทษ กลัยาณมิตรท่านนี้เหมือนกัน ว่าเราไม่ได้ทิ้งท่านนะ แต่มันเลยเวลามามากแล้วค่ะ

    เลยโทรแจ้งพี่phya ว่ามีกลัยณมิตรท่านหนึ่งยังไม่เห็นมา เลยตัดสินใจออกเดินทาง มาตอนเกือบ 6 โมงเช้า
    (และบอกว่าหนู๋ไม่ได้ทิ้งเขานะค่ะ ) บอกตรงๆค่ะ ตอนนั้นจิตตกเหมือนกันค่ะ พอเดินทางไปสักระยะหนึ่ง
    กลัยาณมิตรท่านนั้น ก็โทรเข้ามา ว่า ผมก้มาที่โลตัส แล้ว ตอนประมาณตีห้าครึ่ง แต่ไปรอด้านใน เพราะคิดว่าเราจะวนรถไปข้างใน
    แต่ว่าลืมเอาโทรศัพท์มาครับ และก็ขอโทษ ซึ่งกันและกัน จันทรกาลก็ชีแจงถึงเหตุที่ต้อง ออกเดินทางโดยที่ไม่ได้รอ
    กลัยาณมิตรท่านก็น่ารักนะค่ะ บอกว่าเข้าใจครับ และโทนาบุญกับคณะเราด้วย เลยทำให้จันทรกาล คลายจิตตกไปได้ค่ะ

    จากนั้นคณะของเราก็มา พบพี่น้ำใส และ พี่phya พี่น้ำฝน และกลัยาณมิตร ที่บ้านสบายใจ พร้อมกันร่วมถวายปัจจัย ขนม และน้ำ
    หลังจากถวายเสร็จแล้ว ก็มานั่งฟังเทศน์ธรรมะจากท่านจิตรโต บางท่านก็นั่งสมาธิไปพร้อมๆกับฟังท่านเทศน์ไปด้วย

    แต่เหตุเกิดกับจันทรกาลช่วงหนึ่ง หลังจากถวายของเสร็จแล้ว ถอยมาเพื่อกราบพระ พอกราบพระเสร็จ
    ปรากฎว่าเป็นตะคริวตรงต้นเขาค่ะ(เจ็บมากๆค่ะ) แต่อดทนไว้ ก็ทยอยเดินออกจากห้องที่ไปถวาย
    แล้วมานั่งฟังธรรมะด้านนอก ทีนี้ยิ่งเจ็บมากขึ้นๆ เลยหันไปบอกน้องหนู๋ดีที่นั่งข้างๆว่า
    พูดเบาๆว่าหนู๋ดีพี่เป็นตะคริวที่ต้นขาเจ็บมากเลย น้องหนู๋ก็ยิ้มๆ ไม่รู้ได้ยินที่เราพูดเปล่าหน๋อๆ กดต้นตรงที่ต้นเขาก็ยิ่งเจ็บมากขึ้น
    ทำงัยดีละทีนี้ เลยตั้งจิตรวบรวมบุญกุศลที่ได้ทำมาทั้งหมด พร้อมทั้งบุญปฎิบัติสามาธิฝึกมนโนมยธิในวันนี้
    อุทิศให้เจ้ากรรมนายเวร ที่ทำให้เราเจ็บนี้ และถ้าหากเราเคยทำท่านไว้ เรารู้แล้ว ว่าความเจ็บปวดเป็นเช่นไร
    ขอท่านโปรดอดโทษให้เข้าพเจ้าด้วยเถอะ (แต่ยังไม่หายเจ็บอีกนะค่ะ) นึกต่อว่า ถ้าท่านจะทำอะไรกับ ขัน 5 ของเรา
    ก็ทำไปเถอะ เราไม่ต้องการแล้ว ร่างกายนี้มีแต่สิ่งสกปรก เน่าเหม็น ไม่มีอะไรดีเลย อยากทำไรก็ทำไปเลย แล้วก็ท่องปวดหน๋อๆๆๆๆๆ
    เลยนึกขออาราธนาบารมีหลวงพ่อช่วยลูกด้วยๆ และท่านจิตโต ช่วยลูกด้วยๆ สักพักความปวดเริ่มลดลง รู้สึกได้ว่า เจ็บๆร้อนๆไล่จากต้นขา
    ไปจนถึงปลายเท้า แล้วสักพักก็ค่อยๆหาย พอท่านจิตรโตท่านเทศน์จบ ก็หายเลยค่ะ (โอ้ยเกือบแย่เลยค่ะ )แต่ไม่ได้บอกใคร
    พร้อมทั้งตั้งจิตรถวายบุญกับหลวงพ่อ และท่านจิตรโต พร้อมทั้งเทวดาทั้งหลาย และให้เจ้ากรรมนายเวร ........

    หลังจากนั้น ก็ มาที่วิหาร 100 เมตร ฝึกมโนมยิธิ วันนี้ครูน้องน่ารักมาก พูดถึงขั้นตอนในการฝึกหลายอย่าง จนพวกเราเคลีย และทำความเข้าใจ
    ตรงกันแล้ว พอถึงเวลาก็พากล่าวคำบูชาครูบาอาจารย์ และก็นำฝึกแต่ละขั้นตอน ในการฝึกครั้งนี้ ตามครูไปได้ค่ะ แต่ยังไม่ค่อยชัด ค่ะ

    ห้องฝึก ห้องที่ 9 อบอุ่นมากค่ะ ผู้ร่วมฝึกทั้งหมด 21 ท่าน และครูน้อง รวมแล้ว 22 ท่านค่ะ ในห้องนี้
    รู้สึกดีมากค่ะ รอบหน้าไปอีกค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ไปฝึกทุกๆท่านนะค่ะ



    จันทรกาล
     
  6. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..อดีตชาติสมัยพระกกุสันโธพุทธเจ้า..

    เมื่อปลีกตัวเองมาแล้ว จึงใช้หลักมโนมยิทธิ อธิษฐานว่า...

    "ขออาราธนาบารมีพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอให้ลูกทราบว่า นางมัลลิกาเป็นใคร เหตุใดลูกจึงรู้สึกเศร้าเช่นนี้ด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้าฯ"จากนั้นก็ปรากฏเทวดาองค์หนึ่งขึ้น และเล่าว่า...

    เดิมทีบริเวณนั้นเป็นเมือง ๆ หนึ่งมีชื่อว่า เมืองมัณตนคร ปรากฏในสมัยพระกกุสันโธพุทธเจ้า ชาวเมืองอยู่ด้วยความร่มเย็นเป็นสุข มีเศรษฐีท่านนามว่า “มัณฑนะเศรษฐี” มีทรัพย์ ๔๐ โกฏิ มีธิดาคนเดียวนามว่า “นางมัลลิกา”


    ท่านเศรษฐีรักนางมัลลิกายิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ นางมัลลิกานั้นมีความงามมาก อีกทั้งกิริยามารยาทเรียบร้อย จนเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว บรรดาเจ้าชายต่างเมือง และบุตรมหาเศรษฐีที่มีฐานะดีกว่ามัณฑนะเศรษฐี ต่างมาสู่ขอนางมัลลิกา แต่นางก็มิปรารถนาชายใด นางคิดเพียงว่า ร่างกายมนุษย์เป็นเพียงของเน่าเหม็น มิมีความยินดีในกายนี้

    จึงได้ตั้งใจอุปัฏฐากพระพุทธเจ้า ซึ่งพระองค์จะเสด็จมาพักผ่อนในถ้ำแห่งนี้ปีละครั้ง และทรงสอนเรื่องจตุวัฏฐาน ๔ แก่นาง เมื่อพระพุทธองค์กลับไป นางก็นำคำสอนมาพิจารณาเสมอ ๆ จนจิตเซี่ยวชาญในการแยกธาตุทั้ง ๔
     
  7. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    วันหนึ่งมีพระราชาต่างแคว้นได้ฟังกวีเอกของเมืองพรรณความงามของนางมัลลิกา ปรารถนาจะพานางไปเป็นพระสนม จึงได้แจ้งแก่เศรษฐี ไม่ว่าอย่างไรจะนำตัวนางไปเป็นพระสนมได้ให้ สร้างความกังวลใจแก่ท่านเศรษฐียิ่งนัก ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร ท่านคิดว่า

    “แม้ผู้ที่ยังไม่มีพันธะ นางยังไม่ปรารถนาจะเป็นคู่ครองกับใคร พระราชาองค์นี้ มีพระมเหสีอยู่แล้วถึง ๒ พระองค์ ธิดาของเราคงไม่ยอมแน่”

    เรื่องนี้รู้ถึงนางอุสา พี่เลี้ยงคนสนิทของนางมัลลิกา ทราบข่าวจากคนที่ติดตามท่านเศรษฐีไป จึงได้นำข่าวนี้ไปบอกแก่นางมัลลิกา นางมิได้พูดอะไร เพียงบอกนางอุสาว่า..

    “พี่อุสา น้องจะไปเจริญกรรมฐานที่วัดเชิงเขาสัก ๑๐ วัน หากท่านพ่อมาก็ช่วยบอกท่านพ่อด้วยว่าไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้”

    จากนั้นนางได้พาคนรับใช้ไปอีก ๗ คน เพื่อช่วยทำความสะอาดวัดเชิงเขาจนเสร็จเรียบร้อยดี จากนั้นนางก็บอกทุกคนว่า

    นางจะเข้าไปนั่งสมาธิในถ้ำบริเวณที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เสด็จมาทุกปี หากท่านพ่อมาให้ไปหาในถ้ำ คนรับใช้เหล่านั้นก็มิได้เคลือบแคลงใจ เนื่องจากเป็นเรื่องปกติของนางก็จะเจริญกรรมฐานอยู่เสมอ


    เมื่อไปถึงนางได้ระลึกถึงพระกกุสันโธสัมสาสัมพุทธเจ้า แล้วอธิษฐานว่า..

    “ข้าฯแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า อันตัวลูกนี้ ได้ประพฤติปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์แล้ว รู้ว่ากายนี้ เป็นเหตุแห่งทุกข์โดยแท้ หากปราศจากขันธ์ ๕ ย่อมไม่มีทุกข์ แม้แต่ความงามก็เกิดจากขันธ์ ๕ นี้

    ลูกขอใช้โลหิตนี้ กล่าวคำสรรเสริญแด่พระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยความซาบซึ้งในความเมตตาสั่งสอนของพระองค์

    แม้ในชาตินี้ลูกจะไม่ได้พบพระพักตร์พระองค์แล้ว ขอใช้เลือดนี้เขียนคำสรรเสริญต่างการแสดงความกตัญญูต่อพระองค์

    ขอให้ในชาติต่อ ๆ ไป อย่าให้ความงามเป็นโทษแก่ลูกเลย ขอให้เกิดมาเพียงมีรูปที่ไม่อัปลักษณ์ก็เพียงพอแล้ว อย่าให้รูปของลูกเป็นทุกข์แก่ชายใดเลย”


    เมื่ออธิษฐานจบ นางได้ใช้มีดกรีดข้อมือตัวเอง จะใช้โลหิต(เลือด) ของตน เขียนกล่าวคำสรรเสริญพระพุทธเจ้า บนผนังถ้ำ ดังเช่นว่า..

    “พระพุทธเจ้าทรงเป็นที่พึ่งของโลก ที่พึ่งอื่นเสมอไม่มี

    พระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนผู้คนให้รู้ถึงทุกข์แห่งการเกิดบนสังสารวัฏฏ์นี้อย่างไม่มีสิ้นสุด

    ผู้ใดรู้ทุกข์แห่งการเกิด และรู้หนทางดับทุกข์จะขึ้นชื่อว่าไม่มาเกิดอีก

    พระพุทธเจ้าสั่งสอนว่า ผู้ใดมีศีลอันบริสุทธิ์ ผู้นั้นย่อมปิดอบายได้ เราจะไม่ล่วงต่อการทุศีล”


    แม้จะมีความเจ็บปวดอย่างมากเพียงใด นางก็อดทนเขียนคำสอนเท่าที่ตนจะนึกได้ โลหิตเริ่มไหลออกจากกาย ทำให้เสียเลือดมาก ตาเริ่มฝ่าฟาง สุดท้ายก็เริ่มหมดแรง จึงนึกในใจว่า..

    “หากลูกตายชาตินี้ ในชาติต่อ ๆ ไป ขอให้ลูกได้เกิดในร่มเงาของพระพุทธศาสนาได้เป็นผู้อุปัฏฐากพระศาสนาในทุกภพชาติไปจนกว่าจะเข้าพระนิพพานด้วยเถิด สาธุ...”

    กล่าวถึงนางอุสา พี่เลี้ยงรู้สึกสังหรณ์ใจ การไปที่วัดเชิงเขานั้น นางติดธุระจึงมิได้ไปด้วย จึงได้เรียกนายสารถีบอกให้นำความที่นางมัลลิกาฝากไว้ ไปบอกแก่ท่านเศรษฐี ส่วนนางอุสาได้ไปหานางมัลลิกาที่วัด..

    ครั้นไปถึงได้ไถ่ถามคนใช้อีก ๖ คน ทราบว่า นางมัลลิกาอยู่ในถ้ำเพียงผู้เดียว นางจึงรีบพาคนเข้าไปในถ้ำ พบนางมัลลิกานอนหายใจระรวย ใกล้หมดแรง นางอุสาจึงได้ใช้ผ้าผูกผมรัดข้อมือ เพื่อห้ามเลือด นางบอกให้คนใช้อีกคนไปบอกข่าวแก่ท่านเศรษฐี และให้ติดตามหมอมารักษานางมัลลิกา ซึ่งเสียเลือดจำนวนมาก

    กล่าวถึงท่านมัณฑนะได้ยินข่าวก็ตกใจ รีบไปถึงวัดพร้อมกับหมอ แต่ว่านางมัลลิกาใกล้จะสิ้นใจ ท่านเศรษฐีนั้นรู้สึกเสียใจมาก ทำให้หัวใจวายสิ้นใจทันที นางมัลลิกานั้นเกิดจิตเศร้าหมอง คิดว่า ตนเองจะเป็นเหตุใดให้บิดาเสียชีวิต ด้วยจิตเศร้าหมอง บวกกับอกุศลกรรมเก่า ส่งผลให้นางตกนรกการฆ่าตัวตายทันที


    ส่วนเจ้าชายต่างเมือง และบุตรเศรษฐีทั้งหลายต่างก็มายังถ้ำวัดเชิงเขา ต่างก็เสียใจ และฆ่าตัวตายตาม จำนวน ๒๐ คน ก่อนตายต่างก็ปรารถนาจะเกิดมาพบนางมัลลิกาอีกครั้ง เมื่อละโลกต่างก็เสวยผลตามบุญกรรมของตน

    นางมัลลิกานั้นได้ชดใช้กรรมในนรกต่าง ๆ เคลื่อนภพเป็นเปรต อสูรกาย และสัตว์เดรัจฉานอย่างละ ๕๐๐ ชาติ และเกิดมาเป็นมนุษย์อีกครั้งในกึ่งพุทธกาลสมัยพระโกนาคมโนพุทธเจ้า ซึ่งเป็นช่วงหลังพระองค์ปรินิพพานไปแล้ว ”

    (ใช้กรรมในนรก ๑ พุทธันดร เป็นกรรมจากหลายชาติรวมกัน)
    เมื่อเล่าจบ จึงได้ถามเทวดาองค์นั้นว่า ..แล้วนางมัลลิกาเป็นใครเจ้าคะท่านตอบว่า

    “นางมัลลิกาก็คือตัวท่านส่วนผู้ที่เรียกท่านไปนั้น เป็นผู้ที่เคยหลงรักและฆ่าตัวตายตามอธิษฐานว่า จะรอท่านอยู่ตรงนี้จนกว่าจะมาอีกครั้ง”

    จึงได้กล่าวขอบคุณท่านผู้นั้น (เวลานั้นยังไม่เข้าใจเรื่องของการอุทิศบุญให้เทวดา จึงมิได้ให้ท่านอนุโมทนาบุญ) จากนั้นจึงทำใจแผ่เมตตาได้ยินเสียงว่า..

    “กลับนี้ อาทิตย์ต้นเดือนให้ไปทำบุญที่บ้านสายลม ทำสังฆทาน ชุดละ ๑๐๐๐ บาท อุทิศบุญแก่ผู้ที่ยังติดอยู่บริเวณนั้นให้เคลื่อนภพ”


    แม้ไม่ทราบว่า เสียงนั้นเป็นเสียงของท่านใด แต่ไพเราะมาก ๆ แต่ดิฉันก็ทำตามทุกอย่าง หลังจากทำสังฆทานชุดละ ๑๐๐๐ บาทให้แล้ว ปรากฏผู้ที่ติดอยู่บริเวณนั้น ๑๓ ดวงจิตมาในกายเทวดาบอกว่า

    “เราจะไปเกิดแล้วนะ อนุโมทนาบุญด้วย”

    จากนั้นอารมณ์ความรู้สึกเศร้าหมองใจ ไม่เกิดขึ้นอีกเลย เรื่องราวก็จบเพียงเท่านี้ค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai


    _______________________________________________

    หมายเหตุ

    บุคคลที่เกี่ยวเนื่องในชาตินี้ คือ คุณเอ๋ จันทรกาล เป็นนางอุสา ในชาตินั้นค่ะ ส่วนเจ้าชายต่างเมือง และบุตรเศรษฐีในชาตินั้น พบกันในชาตินี้ ๒-๓ ท่าน แต่ไม่ใช่หมู่คณะของเราค่ะ
     
  8. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ข้อคิดจากเรื่องนี้..จิตหมองย่อมไปอบาย...

    หากเราพิจารณาเรื่องราวที่ได้เล่ามานี้ จะทราบว่า..

    "แม้เราจะสร้างบุญใหญ่เพียงใดก็ตาม หากจิตเศร้าหมองย่อมไปอบายภูมิได้เสมอ.."

    เรื่องนี้แม้นางมัลลิกาได้เคยถวายทานแก่พระพุทธเจ้าตั้งแต่นางอายุได้ ๑๐ ขวบ จนถึง ๒๐ ปี (นับตามอายุมนุษย์ปัจจุบัน) ได้ถวายทานปีละครั้ง ได้ทำบุญกับพระอริยสงฆ์นับไม่ถ้วน

    การเสียชีวิตของท่านมัณฑนะเศรษฐีนั้น ความจริงเกิดจากการสิ้นอายุขัย ไม่เกี่ยวกับนางมัลลิกาเลยเมื่อสิ้นใจท่านไปเกิดในพรหมโลก เนื่องจากระหว่างที่มีชีวิต ท่านได้เจริญกรรมฐานอยู่เสมอ

    แต่อกุศลกรรมเป็นเหตุให้นางมัลลิกา คิดว่า ตนเป็นต้นเหตุของการเสียชีวิต เมื่อจิตเศร้าหมอง อกุศลกรรมเข้าแทรก กรรมในอดีตช่วงชิงส่งผลทันที ทำให้นางไปอบายภูมิก่อนจะเสวยผลบุญบนสวรรค์ แม้ชาตินั้นนางไม่เคยผิดศีลเลย อีกทั้งยังมีความเคารพต่อพระพุทธเจ้ามาก

    เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์แก่พวกเราเป็นอย่างดี อย่าได้ประมาทในชีวิต ทำใจให้ใสอยู่เสมอ เพื่ออกุศลกรรมจะเข้าแทรกไม่ทัน

    สุดท้าย พระพุทธเจ้าสอนว่า..

    "กรรม เป็นอจิณไตย หากคิดเรื่องนี้ย่อมจิตวิปลาสได้"

    ขออนุโมทนากับทุก ๆ ท่านที่รักษาจิตให้ใสอยู่เสมอค่ะ

    Numsai
     
  9. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ปรารถนาพระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์สมเด็จพระพุทธกกุสันโธพุทธเจ้า..

    จากการอัญเชิญพระธาตุครั้งนั้น ดิฉันนำพระบรมสารีริกธาตุของพระกกุสันโธมาจากกลุ่มวัชรธาตุ เนื่องจากทางกลุ่มไม่มีนโยบายให้นำมาบูชาส่วนตัว จากนั้นดิฉันได้หมดวาระการสร้างบุญจากกลุ่มวัชรธาตุ เมื่อปี ๒๕๕๑

    ดิฉันได้ตั้งความปรารถนาจะได้พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระกกุสันโธพุทธเจ้ามาบูชา เพื่อเป็นการรองรับว่า ภาพนิมิตต่าง ๆ ที่เห็นและมีความเกี่ยวเนื่องกับพระพุทธเจ้าพระองค์นี้มีจริง


    จากนั้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน ๒๕๕๑ เพื่อนที่เคยมาจากกลุ่มวัชรธาตุอีก ๓ ท่าน(จาก ๗ คน)ได้ชวนไปอัญเชิญพระธาตุที่จ.แม่ฮ่องสอน โดยติดตามพระอาจารย์รูปหนึ่ง จากจ.ลำพูน

    ความจริงเพื่อนได้ชวนตั้งแต่ต้นปีแล้ว เนื่องจากดิฉันไม่สะดวกในหลายเรื่องจึงไม่ได้ร่วมเดินทางไป และทราบว่า หากไปถ้ำนี้จะต้องเดินทางหลังออกพรรษา

    ช่วงนั้นความก้าวหน้าในการฝึกมโนยิทธิก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้น ก่อนเดินทางได้กราบสมเด็จองค์ปัจจุบัน ทรงตรัสว่า..

    "เธอไปคราวนี้ เธอจะได้พระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระกกุสันโธพุทธเจ้านะ"

    จากนั้น ทรงตรัสว่า "......ถ้าไปถึงให้ไปปลดปล่อยยักษ์ที่เฝ้าถ้ำก่อนนะ เขาจะได้เคลื่อนภพ แล้วค่อยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ"

    ช่วงวันที่ ๑๔-๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๑ จึงได้เดินทางไปแม่ฮ่องสอน การเดินทางครั้งนั้น มีหลายเรื่องที่เป็นปริศนากับดิฉันจนถึงปัจจุบันนี้ แต่ไม่ขอกล่าวในที่นี้

    เราไปพักที่บ้านพักเจ้าหน้าที่ประมงจังหวัด ๑ คืน โดยมีเจ้าหน้าที่ดูแลเป็นอย่างดี คืนนั้นพระอาจารย์ได้พาพวกเราได้ทำวัตรเย็นเสร็จ จากนั้นก็นั่งสมาธิ พระอาจารย์เอ่ยขึ้นว่า

    "ครั้งแรกว่าจะไปก่อนพรรษา เตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว ปรากฏว่า วันเดินทางทุกคนป่วยไปไม่ได้ ตรวจดูแล้ว มียักษ์เฝ้าอยู่ "


    จึงกราบเรียนพระอาจารย์ว่า ..

    "ความจริงแล้ว โยมมาครั้งนี้ โยมจะมาปลดปล่อยยักษ์ตนนั้นเจ้าค่ะ โยมมิได้ตั้งใจมาอัญเชิญพระธาตุ พระบอกว่า หากไม่มาท่านต้องรออีกนาน ไม่รู้เมื่อไรจะได้พบกันอีก"
    ซึ่งเพื่อน ๆ ที่ร่วมอัญเชิญด้วยกันไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะดิฉันไม่เล่าให้ใครฟัง อีกประการหนึ่งต้องการพิสูจน์การปฏิบัตของตนเองว่า เป็นความจริงแค่ไหน



    (๑) น้องท่านหนึ่งทำพิธีขอขมา ท่านนี้เป็นคนเดียวกับที่ตามหาในถ้ำเจ้าพระยาพายเรือ และตั้งเครื่องบวงสรวง (๒) ปากทางเข้าถ้ำ ต้องลุยน้ำเข้าไป ลำบากพอสมควร

    เมื่อไปถึงหน้าถ้ำ พระอาจารย์บอกว่า "โยมน้ำใส ทำธุระของโยมให้เรียบร้อย อาตมาจะรอ"

    ดิฉันได้ทำตามที่สมเด็จองค์ปัจจุบันบอกวิธีทุกประการ ปรากฏภาพของยักษ์ตนหนึ่ง ตัวใหญ่มากมีเขี้ยวงอกมา รูปร่างหน้ากลัว แต่ดูลักษณะเป็นยักษ์ชั้นกลาง อยู่ในกรงล้อมด้วยยันต์อะไรก็ไม่ทราบ เป็นยันต์สีทอง เป็นตาข่ายล้อมยักษ์ตนนั้นไว้

    เมื่อท่านเห็นดิฉัน ท่านมีสีหน้าดีใจ บอกว่า "ท่านขอรับ ๆ กระผมรอท่านมานาน คิดว่า ท่านจะไม่มาเสียอีก"

    ดิฉันมิได้กล่าวอะไร เพียงตั้งใจอธิษฐานว่า.."พันธนาการใด ๆ ก็ตาม ที่ฉันได้กระทำต่อเธอ ฉันขอปลดปล่อยพันธการนั้น สิ้นสุดกันในบัดนี้เดี๋ยวนี้ อย่าได้ต่อไปกันภพเบื้องหน้า ขอเธอจงอนุโมทนาบุญกับฉันด้วยเถิด"

    เมื่อสิ้นสุดคำอธิษฐาน ตาข่ายที่ขังไว้ลอยออกไป ท่านจึงเปลี่ยนจากยักษ์กลายเป็นเทวดา รูปร่างสวยงาม มีชฎาแหลมทันที รู ท่านนั่งคุกเข่าประนมมือ จึงกล่าวแก่ท่านว่า

    "บัดนี้เราไม่มีพันธะต่อกันแล้วนะ ท่านเป็นอิสระทุกประการ ขอจงโมทนาบุญกับพระอาจารย์เถิด"

    จากนั้นดิฉันจึงบอกพระอาจารย์ว่า..

    "พระอาจารย์เจ้าคะ ช่วยแผ่บุญแก่ยักษ์ตนนี้ด้วยเถิด"

    เมื่อพระอาจารย์แผ่เมตตาเสร็จแล้ว ท่านยิ่งมีรัศมีกายสว่างขึ้น ท่านก้มกราบพระอาจารย์แล้วหายไป


    (เรื่องของการปลดปล่อยพันธนาการนั้น ดิฉันเคยมีประสบการณ์ก่อนหน้านั้นที่อ.สวี จ.ชุมพร ครั้งนั้นไปอัญเชิญพระธาตุเช่นกัน แต่คราวนั้น นับแสนดวงจิต วิธีการก็ตามที่สมเด็จท่านบอก เมื่ออธิษฐานจิต มีเสียงวี๊ดร้อง น่ากลัว

    เสียงนี้คนอื่นไม่ได้ยิน ดิฉันได้ยินเพียงคนเดียว เสียงนี้ดังระหว่างที่อัญเชิญ จนเสร็จสิ้น และออกจากสถานที่นั้นไป เสียงจึงหายไป)
    ______________________________________________

    เมื่อยักษ์ตนนั้นเคลื่อนภพไปแล้ว พระอาจารย์ได้พาเข้าถ้ำ เดิมทีเข้าไปไม่พบจุดที่มีพระธาตุ ทุกคนก็ออกมาจากถ้ำ ดิฉันมีความมั่นใจว่า ในถ้ำนี้ต้องมีพระธาตุแน่นอน มิฉะนั้น สมเด็จองค์ปัจจุบัน คงไม่ตรัสว่า..

    "ครั้งนี้ เธอจะได้พระบรมสารีริกธาตุของพระกกุสันโธพุทธเจ้า"

    จึงได้ตั้งจิตอธิษฐานว่า "หากแม้ลูกมีบุญที่จะได้อัญเชิญพระธาตุต่าง ๆ ไปประดิษฐานยังที่ที่เหมาะสม เพื่อมิให้ผู้ที่ไม่รู้มาเหยียบย่ำ ขอพรหมเทวดาทั้งหลาย ได้โปรดเปิดทางให้แก่ลูกด้วยเถิด"

    เมื่ออธิษฐานจบ มีเสียงบอกว่า "ให้เข้าไปภายในถ้ำด้านซ้ายมือ จะมีพระธาตุพระสีวลีอยู่จำนวนมาก และตรงเนินด้านขวามือ ข้ามน้ำไป จะมีเช่นกันให้ขุดดินลงไปลึก ๆ หน่อยก็จะพบ"


    ดิฉันรู้สึกปิติใจมาก จึงรีบกลับเข้าถ้ำไปดู เพื่อนที่มาต่างแปลกใจ เมื่อไปตามเสียงที่บอก ก็พบพระธาตุพระสีวลีเป็นลานกว้างจริง ๆ จึงเรียกเพื่อน ๆ มาช่วยกันอัญเชิญไป

    จากนั้นจึงข้ามฝั่งไปดูอีกฟากลำน้ำ ตรงเนินที่ท่านบอก ก็พบพระธาตุจริง ๆ ยิ่งขุดก็ยิ่งพบ พระธาตุมีลักษณะสีขาว มัน จากประสบการณ์คิดว่า ไม่น่าจะเป็นพระธาตุ แต่เป็นพระบรมสารีริกธาตุของพระกกุสันโธตามที่สมเด็จองค์ปัจจุบันบอกอย่างแน่นอน เวลานั้นดิฉันไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร คิดว่า เราจะต้องมีข้อพิสูจน์ เป็นของพระองค์ท่าน


    ดิฉันได้เก็บความรู้สึกตื่นเต้นไว้อย่างเงียบ ๆ รอการพิสูจน์ หลังจากนั้นก็อัญเชิญพระธาตุได้มาพอสมควร จึงเดินทางกลับ

    กลับมาถึงกรุงเทพ ฯ ดิฉันได้ทำพิธีล้างธาตุ ตามแบบสืบ ๆ กันมาทางสายธาตุ เวลานั้นไม่สามารถติดต่อครูบาอาจารย์ได้ดังเช่นทุกวันนี้ จึงมิทราบระเบียบปฏิบัติที่แท้จริง

    เมื่อล้างธาตุ เป็นขั้นตอนของการคัดพระธาตุ ยิ่งยากกว่า จึงอธิษฐานว่า "หากพระธาตุนี้ เป็นของพระกกุสันโธจึง ขอให้ทรา บด้วยรูปธรรม ไม่เอานามธรรม
    นะเจ้าคะ คือ สามารถพิสูจน์ด้วยตาเนื้อ"


    คืนนั้นขณะที่คัดพระธาตุอยู่นั้น อยู่สีของพระธาตุองค์หนึ่งมีลักษณะมันวาว ตามห
    ก หมายถึงพระบรมสารีริธาตุของพระพุทธเจ้าองค์ใดองค์หนึ่ง

    จึงตั้งจิตอธิษฐานว่า...

    "หากแม้พระบรมสารีริกธาตุนี้ เป็นของพระกกุสันโธพุทธเจ้าจริง ขอให้ลูกเห็นการแปรธาตุด้วยตาเนื้อค่ะ"
    เมื่ออธิษฐานจบพระบรมฯ อยู่บนมือ อยู่ ๆ ผิวองค์พระธาตุก็มีฟองอากาศผุด ๆ ขึ้นมา จากนั้นพระบรมฯ เปลี่ยนเป็นมันเงาขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่เห็นการแปรธาตุแบบสด ๆ

    ดิฉันได้ให้คุณเวชยันต์มาช่วยดู เราเห็นเหมือนกัน ดิฉันบอกว่า เดี๋ยว
    เก็บภาพ before and after มีเสียงพระบอกว่า ..

    "อย่าเลยลูก ให้เห็นแค่นี้ก็พอแล้ว เก็บไว้ในความทรงจำ"

    เมื่อลองถ่ายภาพ ปรากฏว่า มีแต่แสงสว่างจ้า จนมองไม่เห็นพระบรม ฯแต่อย่างใด
    ต่อมาก็มีเสียงว่า.."ครั้งนี้มีพระบรมฯของพระพุทธกัสสปด้วยนะ เป็นดอกพิกุล สัณฐ
     
  10. NamfonBaanfa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 สิงหาคม 2009
    โพสต์:
    510
    ค่าพลัง:
    +7,086
    กราบขอบพระคุณในธรรมทานที่คุณน้ำใสได้กรุณานำแบ่งปันแก่ชาวเมือง แม้เวลาจะล่วงเลยไปนาน แต่คุณน้ำใสก็ยังจำเหตุการณ์ดังกล่าวได้อย่างแม่นยำ ... จิตที่เข้าไปยึดจับอารมณ์อันเศร้าหมองเพราะมีสัญโญฆะเข้าใจว่าตนเป็นเหตุให้บิดาต้องตาย ทำให้วิญญาณหยั่งลงในอารมณ์นั้น ภพใหม่ที่เกิดขึ้นจึงต้องเสวยทุคติทันทีเพราะเหตุแห่งอวิชชา คือความไม่รู้ ... ธรรมทานของคุณน้ำใสยืนยันการทำงานของจิตได้อย่างถูกต้องตามหลักปฏิจจสมุปบาท ... กราบอนุโมทนาบุญในธรรมทานอีกครั้งค่ะ _/|\_

     
  11. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    สาธุ สาธุ สาธุ

    ขออนุโมทนาในธรรมทานเรื่องหลักปฏิจจสมุปบาทค่ะ เรื่องพระไตรปิฎก น้ำใสมีความรู้น้อยค่ะ ส่วนใหญ่ได้จากการปฏิบัติมากกว่า ได้มีผู้มีความรู้ด้านนี้อย่างคุณน้ำฝนมาช่วยเติมเต็ม ย่อมเป็นประโยชน์แก่พี่น้องของเรา ไม่มากก็น้อยค่ะ

    สำหรับเรื่องความจำ ปกติน้ำใสไม่ค่อยจำอะไรหรอกค่ะ อยู่กับอารมณ์ปัจจุบันเป็นหลัก เหตุที่จำแม่นนั้น เกิดจากการใช้อตีตังคญาณ คือ การย้อนอดีตไปดูเหตุการณ์ที่ล่วงมาแล้ว และปุพเพนิวาสานุสติญาณ การระลึกชาติ

    ซึ่งเป็น ๒ ในญาณ ๘ อย่างตามแบบที่พระเดชพระคุณพระราชพรหมยานเถระ วัดท่าซุง ท่านสอนไว้ค่ะ

    ซึ่งในคราวต่อ ๆ ไป พวกเราที่ฝึกมโนฯ ชุดแรก จะไปฝึกท่องเที่ยวเป็นขั้นที่ ๒ คือการท่องเที่ยวภพภูมิต่าง ๆ เดือนต่อ ๆ ไป จะเป็นการฝึกขั้นที่ ๓ คือ ญาณ ๘ ค่ะ โดยมีพระอาจารย์ที่วัดท่าซุง เป็นผู้ฝึกค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับคุณน้ำฝนอีกครั้งค่ะ

    Numsai
     
  12. Paktawadee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 กันยายน 2012
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +2,570
    สาธุๆ_/\_ หนูดีขออนุโมทนาในธรรมทานค่ะพี่น้ำใส

    อ่านแล้วน้ำตาจะไหลส่งสารจังเลยค่ะได้ทำบุญมากมายไม่มีให้อุทรกันเลยนะค่ะ

    แต่ก็ได้ขอคิดที่ดีมากๆสำหรับการวางจิตให้ใส่ พี่น้ำใส่จะคอยสอนอยู่เสมอว่าให้

    เคลียร์จิตนะหนูดี มีปัญหาอะไรให้เคลียร์จิตให้เร็วที่สุด จริงๆหนูดีก็พยายามค่ะ

    ทำอยู่เสมอๆ เพราะการทำงานกับคนจำนวนมากทำให้จิตตกได้ทุกวันเสมอ

    ยิ่งรู้ถึงโทษของจิตอย่างนี้แล้ว ยิ่งต้องเรียบเคลียร์


    หนูดีขออนุโมทนาบุญอีกครั้งค่ะ
     
  13. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ขอเชิญร่วมประมูลแก้วจุลจักรพรรดิ ชุดที่ ๕ ปี ๕๖ ค่ะ..

    ขอเชิญประมูลแก้วจุลจักรพรรดิชุดที่ ๕ อัญเชิญจากหลายถ้ำในเทือกเขาภูพาน ช่วงวันวิสาขบูชา ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะเส็ง(๒๕๕๖)

    การประมูล จะประมูล ๒ ขนาด คือ



    ๑. ดวงแก้วกนิษฐาปุณณมี-ดวงแก้วปฐพีศิวราช มีขนาดผลส้มโอเล็ก ๑ คู่(หรือขนาด CD) เป็นดวงแก้วประจำกายของพญาปฐพีวิศาทนาคราช และพระนางกนิษฐาเทวี

    ดวงแก้วกนิษฐาปุณณมี มีกายสิทธิ์ ๑,๒๔๕,๕๐๐ องค์ โดย พระสินีนารถเทวี เป็นหัวหน้ากายสิทธิ์

    และดวงแก้วปฐพีศิวราช มีกายสิทธิ์ ๒,๒๘๐,๐๐๐ องค์ มีพระโภชนวิญญาโพธิสัตว์ เป็นหัวหน้ากายสิทธิ์ ปัจจุบันท่านทั้งสอง อยู่สวรรค์ชั้นดุสิต





    เริ่มประมูลที่ ๕,๑๙๙ บาท


    ๒. ดวงแก้วขนาดลูกกอล์ฟ ๖ ดวง เป็นดวงแก้วที่มาในวันวิสาขบูชาที่ผ่านมา แต่ต่างสถานที่กันมีทั้งหมด ๑๐ ดวง แต่นำมาประมูลเพียง ๖ ดวง รายละเอียดจะเรียนให้ทราบภายหลังค่ะ

    เริ่มประมูลดวงละ ๓๙๙ บาท


    กติกาในการประมูล


    ๑. เริ่มวันที่ ๑๑ กรกฏาคม ๒๕๕๖ ภายใน ๑๙.๕๙ น. ตามมหัทธโนฤกษ์ และฤกษ์พรหมสิทธิ์ ตรงกับวันขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๘ ปีมะเส็ง
    ๒. รายการประมูลจะมอบแด่ท่านที่ประมูลราคาสูงสุดภายในเวลาที่กำหนด (ตามเวลาเว็บพลังจิต.org)
    ๓. หากที่มีผู้ประมูลราคาสูงสุด และเวลาเท่ากัน ๒ ท่าน จะตัดสินด้วยผู้ที่ทำการโพสต์ก่อนเป็นอันดับแรก
    ๔. หลังจากปิดการประมูล โอนปัจจัยภายใน ๒ วันหลังจากโอนปัจจัยแล้ว หากเลย ๒ วันจะมอบสิทธิ์แก่ผู้ที่ประมูลรายต่อไป
    ๕. หลังจากโอนปัจจัย กรุณาแจ้งชื่อ-ที่อยู่ใน PM-Numsai แล้วจะทำการส่งมอบดวงแก้วให้แก่ผู้เป็นเจ้าของต่อไปค่ะ


    กรุณาโอนปัจจัยไปที่......

    ชื่อบัญชี พุทธารา โรจนฤทธิกร
    เลขที่ 080-252647-2
    ธนาคาร ไทยพาณิชย์
    สาขา ถนนศรีนครินทร์ (กรุงเทพ – กรีฑา)
    ประเภท ออมทรัพย์-แบบสะสมทรัพย์


    ปัจจัยส่วนหนึ่งหลังหักค่าใช้จ่าย นำไปร่วมบุญดังนี้


    ๑. ๑๐% เพื่อโครงการสร้างพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร หน้าตัก ๔ ศอก สร้างด้วยหินทรายขาว ประดับอุณาโลมด้วยเพชรพญานาค

    ๒. ๑๐ % เข้ากองบุญสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภคมหาบพิตร
    ๓. ๕% เพื่อร่วมโครงการฝึกมโนยิทธิ วัดท่าซุงค่ะ


    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
  14. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ดวงแก้วจุลจักรพรรดิ ขนาดลูกกอล์ฟ เป็นชุดเดียวกันที่คุณมีนัมได้ประมูลไป เพื่อร่วมบุญหน้าบรรณโบสถ์ คราวก่อนค่ะ

    สำหรับประวัติจะเป็นประวัติเกี่ยวเนื่องดวงแก้วสัตยาธิษฐาน -สุขุมาลย์มณีฤทธิ์ค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ

    Numsai
     
  15. sun2555 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    1,068
    ค่าพลัง:
    +6,619
    ขอร่วมบุญประมูลดวงแก้วกนิษฐาปุณณมี-ดวงแก้วปฐพีศิวราช ที่ 5,500 บาท
    ขอโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยครับ
     
  16. ขาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +4,466
    ประมูลแก้วจุลจักรพรรดิ ดวงที่ 1 จำนวน 500 บาท ค่ะ
     
  17. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ sun2555 ด้วยค่ะ

    Numsai




    สาธุ ขออนุโมทนาบุญกับน้องขาลด้วยค่ะ ขอให้สมความปรารถนาค่ะ ดวงแก้วชุดนี้ เป็นดวงแก้วประจำกายของเหล่านาคทั้งหลายค่ะ

    Numsai
     
  18. ขาล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2009
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +4,466
    ประมูลอีกครั้งค่ะ แก้วจุลจักรพรรดิ ดวงที่ 1 และ 2 ดวงละ 500 บาท
     
  19. Prar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +4,048
    TTTcOLOR="Blue"]ประมูลดวงแก้วจุลจักรดวงที่ 4และ5ดวงละ599บาท ครับ
    ขอโมทนากับทุกท่านครับ
     
  20. Prar เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 เมษายน 2012
    โพสต์:
    265
    ค่าพลัง:
    +4,048

    ขอประมูลอีกทีครับดวงแก้วจุลจักรดวงที่ 4,5,6 ดวงละ599บาทครับ
     

แชร์หน้านี้