ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ

ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.

  1. sylvenus เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กันยายน 2010
    โพสต์:
    697
    ค่าพลัง:
    +3,283
    สวัสดีพี่น้ำใส และทุกท่านครับ...



    โมทนาบุญด้วยนะครับ
     
  2. am12 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    696
    ค่าพลัง:
    +7,701
    ขอโมทนาบุญกับทุกท่านครับ
    ขอร่วมบุญประมูลดวงแก้วอภิบวรสุริยโชติ 18,200 บาทครับ
     
  3. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญกับคุณ am12 ด้วยค่ะ ขอให้เจริญทั้งทางโลก และทางธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ

    Numsai
     
  4. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    สำหรับประวัติจักรสุทธิวงศา-ศศิมานรินทร-วิสุทธิปราชญ์นั้น เดิมทีตั้งใจจะให้จบในหน้า ๒๕๓ แต่ก็จบไม่ลง

    เนื่องจากว่า วันนี้ได้มีเรื่องราวที่ทราบ เพิ่มเติมเกี่ยวกับอดีตชาติของบางท่านในหมู่คณะของเรา สำหรับท่านที่รอประวัติกรุณาอดใจรอจะนำเสนอต่อไปค่ะ ขออนุญาตเล่าไปตามระยะเวลาตามลำดับ ไม่นานเกินรอค่ะ

    ซึ่งเป็นเรื่องราวของเหล่าพระโพธิสัตว์ทั้งหลายได้บำเพ็ญบารมีมาแต่อดีต ในชาตินี้เราอาจจะดูท่านเหล่านั้นเป็นคนธรรมดา ไม่ได้มีความวิเศษอะไร แต่ใครจะทราบว่า พลังภายในนั้นมีความแตกต่างตามกำลังบารมี

    บางอย่างเป็นเรื่องราวที่สอนให้เราท่านได้เรียนรู้ความดี หรือบางเรื่องได้เรียนรู้ความผิดพลาด เพื่อให้นำไปแก้ไขมิให้ก่อกรรมใหม่ ขอให้ทำจิตใส ๆ เพื่อเรียนรู้ไปพร้อมกันค่ะ

    สำหรับตัวดิฉันเอง รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้รับหน้าที่เป็นสื่อกลางในการเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ด้วยใจที่ปิติ แม้บางครั้งจะมีความล่าช้าด้วยประการใดก็ตาม ดิฉันขอน้อมรับความผิดพลาดนั้น เพียงผู้เดียวค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญในการบำเพ็ญบารมีของพระโพธิสัตว์ และผู้ปรารถนาพุทธภูมิทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
  5. widya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2007
    โพสต์:
    1,095
    ค่าพลัง:
    +13,214
    ร่วมบุญประมูลดวงแก้วอภิบวรสุริยโชติ

    ๑๘,๕๑๖.๑๖ บาท


    ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านที่ร่วมเชียรและร่วมบุญประมูลดวงแก้วด้วยนะครับ

    ขอให้ทุกท่านสมความปรารถนาโดยทุกประการ

    ขออนุโมทนาบุญกับท่านที่เป็นเจ้าของดวงแก้วล่วงหน้าด้วยนะครับ
     
  6. prapart54 สุรสีห์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,221
    ค่าพลัง:
    +3,096
    ขอร่วมบุญประมูลดวงแก้วอภิบวรสุริยโชติ 19,000 บาท ครับ
     
  7. Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    1,779
    ค่าพลัง:
    +19,376
    ขอโมทนาบุญกับพี่น้ำฝนที่ได้จัดพิธีบวงสรวงด้วยนะคะ
    เห็นบายศรีบวงสรวงทีไร...รู้สึกดีอย่างไรก็ไม่รู้ อิอิ
    ตั้งแต่เห็นพิธีบวงสรวงแบบใกล้ชิดครั้งแรกที่บริษัทฯ ของพี่หม่อน
    ก็รู้สึกว่า อยากทำสักครั้ง แต่ตอนนี้ยังไม่พร้อม เอาไว้ก่อนนะจ้ะ...
    และครั้งนั้นก็เป็นครั้งแรกค่ะ ที่ได้ใช่มโนฯ ดู...แหม...อลังการงานสร้างมากค่ะ
    ปลื้มใจที่ได้เห็นองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ปฐมฯ ทรงเสด็จเป็นประธานเอง
    และยังมีพระพุทธเจ้าองค์อื่น ๆ อีกที่เสด็จมา นอกจากนั้นยังมีครูอาจารย์อีกหลายท่าน
    ทำให้รู้สึกว่า ตนเองไม่ได้โดดเดี่ยวอย่างที่คิด ยังมีครูบาอาจารย์ที่ท่านคอยให้ความเมตตาอยู่มากมาย
    แม้จะเรามองไม่เห็นท่านด้วยตาเปล่าก็ตาม ...



    ขอโมทนาบุญกับท่านเจ้าของดวงแก้วล่วงหน้าด้วยนะคะ
    สำหรับประวัติก็รออ่านต่อไปค่ะ รอคอยด้วยใจหวัง ^^
     
  8. วาสุเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +5,174
    ขอร่วมบุญประมูลดวงแก้วอภิบวรสุริยโชติ 20,000 บาท
     
  9. prapart54 สุรสีห์

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    1,221
    ค่าพลัง:
    +3,096
    ขอร่วมบุญประมูลดวงแก้วอภิบวรสุริยโชติ 20,200 บาท ครับ
     
  10. anantapats เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +1,199
    ขอร่วมบุญประมูลดวงแก้วอภิบวรสุริยโชติ 21,999 บาท ครับ
     
  11. วาสุเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +5,174
    ขอร่วมบุญประมูลดวงแก้วอภิบวรสุริยโชติ 20,500 บาท
     
  12. วาสุเทพ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 มิถุนายน 2013
    โพสต์:
    383
    ค่าพลัง:
    +5,174
    ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับคุณ anantapats ด้วยครับที่ประมูลได้ดวงแก้วอภิบวรสุริยโชติ
     
  13. ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    26,339
    กระทู้เรื่องเด่น:
    82
    ค่าพลัง:
    +115,286
    ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนากับ คุณ anantapats ด้วยนะครับ

    ขอให้สำเร็จสมหวังทุกประการครับ สาธุ สาธุ
     
  14. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ..ขอแสดงความยินดีกับคุณ anantapats ด้วยค่ะ..

    วันนี้ 07:25 PM
    วาสุเทพ ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญกับคุณ anantapats ด้วยครับที่ประมูลได้ดวงแก้วอภิบวรสุริยโชติ

    วันนี้ 07:19 PM
    วาสุเทพ ขอร่วมบุญประมูลดวงแก้วอภิบวรสุริยโชติ 20,500 บาท

    วันนี้ 07:18 PM
    anantapats ขอร่วมบุญประมูลดวงแก้วอภิบวรสุริยโชติ 21,999 บาท ครับ

    วันนี้ 07:14 PM
    prapart54 ขอร่วมบุญประมูลดวงแก้วอภิบวรสุริยโชติ 20,200 บาท ครับ

    ____________________________________

    ก่อนอื่นขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมประมูลในครั้งนี้ด้วยค่ะ

    และขอแสดงยินดีกับคุณ anantapats ที่ได้เป็นผู้ดูแลดวงแก้วอภิบวรสุริยโชติต่อไปค่ะ

    ขอให้มีความคล่องตัวทั้งการงานการเงิน และทุกเรื่อง อุปสรรคใด ๆ ในชีวิตขอให้หมดสิ้นไป ให้ได้สมบัติอัศจรรย์ทันใช้ เอาไว้สร้างบารมีอย่างไม่รู้หมดสิ้น

    ขอให้ได้พบครูบาอาจารย์ที่ดี ส่งผลให้การปฏิบัติธรรมเจริญก้าวหน้ายิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ


    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านอีกครั้งค่ะ..

    Numsai
     
  15. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาลด้วยค่ะ คราวหน้าขอเชิญไปชมบารมีพระพุทธเจ้างานบวงสรวงในวันทอดกฐิน ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๖ ตั้งแต่ ๐๘.๓๙ เป็นต้นไป รีบสำรองที่นั่ง ด่วน!! จ้า

    ณ.วัดพระพุทธบาทห้วยทรายขาว อ.เมือง จ.ลำพูนค่ะ คราวนี้อาจจะอลังการงานสร้างยิ่งกว่า เพราะเป็นงานเพื่อทะนุบำรุงพระศาสนาค่ะ อย่าพลาดนะคะน้องน้ำตาล

    ขออนุโมทนาบุญในการบอกบุญถวายดวงแก้ว ๓ วัดค่ะ

    Numsai
     
  16. เอ๋ปากน้ำ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    816
    ค่าพลัง:
    +12,905
    ขอแสดงความยินดีและอนุโมทนากับ คุณ anantapats ด้วยนะค่ะ สาธุ๊ๆ


    จันทรกาล
     
  17. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    สำหรับประวัติชุดจักรสุทธิวงศาฯ นั้น ขออนุญาตย้อนรายละเอียดตอนสำคัญ ๆ ๒ ตอน เกี่ยวกับการให้คำพยากรณ์ โดยตัดตอนมาจากหน้า ๒๕๓ เพื่อความเข้าใจต่อเนื่องค่ะ

    ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ

    Numsai
     
  18. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรแก้วสุทธิวงศา- ศศิมานรินทร ตอนที่ ๑๐ อัฒจักรมานพได้รับการพยากรณ์..

    อัฒจักรมานพได้ให้บริวารหาเครื่องบวงสรวงเทวดา เพื่อให้ตนเอง และบริวารได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า

    ครั้นได้ตั้งเครื่องบวงสรวงเทวดาแล้ว ปรากฏมีเทวบุตรองค์หนึ่ง นามว่า โภชนปาลเทวบุตร ลอยอยู่กลางอากาศได้บอกกล่าวว่า..

    “อีก ๓ วันสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และพระสาวก ๒๐๐๐๐ รูป จะเสด็จมาเมืองสุรสินธุ์ปุระ ให้เตรียมของที่จะถวายทานแด่พระพุทธองค์”

    เมื่อเทวบุตรองค์นั้นหายไปแล้ว อัฒจักรมานพจึงได้จัดเตรียมภัตตาหารต่าง ๆ และเครื่องทอง และเงินเพื่อจะถวายพระพุทธเจ้าและพระสาวกต่อไป ระหว่างการรอคอยนั้น ทำให้ลืมความทุกข์เรื่องความรักในใจไปหมดสิ้น

    ครั้นถึงวันที่ ๓ อัฒจักรมานพ และบริวารอีก ๕๐๐ คน ก็พบว่า มีพระพุทธเจ้า พร้อมพระสาวก ๒๐๐๐๐ รูป เสด็จมายังเรือนของตนก็ปิติใจยิ่งนัก สั่งให้บริวารไปป่าวประกาศแก่เพื่อนบ้านที่อยู่เมืองนั้น สร้างความปิติใจแก่ชนทั้งหลาย

    คราวนั้นอัฒจักรมานพเป็นเจ้าภาพในการถวายทาน และได้กราบอาราธนาพระพุทธเจ้าให้อยู่รับภัตตาหารเป็นเวลา ๗ วัน พระพุทธเจ้าได้รับอาราธนานั้น จากนั้นอัฒจักรมานพได้ป่าวประกาศบอกบุญแก่ชาวเมืองสุรสินธุ์ปุระให้มาร่วมบุญครั้งนี้ด้วย

    กาลนั้นมีเทวดาองค์หนึ่งนามว่า “วิสุทธิโชติเทวบุตร” เกิดความศรัทธาปรารถนาจะร่วมบุญครั้งนั้น จึงได้แปลงกายเป็นอิทธิคหบดี พาบริวารมานำภัตตาหารเลิศรส ด้วยเทวานุภาพทำให้มีภัตตาหารเพียงพอแก่การถวายพระภิกษุ และพระสาวก ๒๐๐๐๐ รูป และเพียงพอต่อการแจกจ่ายแก่ชาวเมืองที่ยากจน

    ครั้นครบกำหนด ๗ วัน พระพุทธกัสสปพุทธเจ้าได้ตรัสว่า..

    “เราขออนุโมทนาแก่เธอทั้งหลายในการสร้างบุญกุศลครั้งนี้ การถวายทานเป็นให้ได้กลับสู่สรวงสวรรค์ และการถวายทานครั้งนี้เกิดจากอัฒจักร บุตรเศรษฐีแห่งเมืองสาเกตนครเป็นผู้ริเริ่ม
    และผู้สนับสนุนคือ วิสุทธิโชติเทวบุตร ขอจงแสดงกายที่แท้จริงเถิด”



    ครั้นสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าตรัสจบ อิทธิคหบดี และบริวารก็กลับกลายเป็นกายเทวดาลอยอยู่กลางอากาศ สร้างความตื้นเต้นยินดีแก่ผู้พบเห็น
    สมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าจึงได้ตรัสว่า...

    “เราขอให้การพยากรณ์แก่อัฒจักร-บุตรเศรษฐีว่า...

    กาลเบื้องหน้าไปเธอจะสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาล หลังจากยุคของเรานี้ จะมีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้อีก ๒ พระองค์พระนามว่า..

    “สมเด็จพระพุทธสมณโคดมพุทธเจ้า และสมเด็จพระศรีอารียเมตไตรยพุทธเจ้า”
    ในยุคพระศาสนาของสมเด็จพระศรีอารียเมตไตรยพุทธเจ้าจะเป็นผู้พยากรณ์ให้เป็นพระองค์สุดท้าย และนับพระพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๑

    อัฒจักรมานพจะสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ที่ ๓๗ มีพระนามว่า “พระพุทธศรีศากยบรมโลกนาทพุทธเจ้า”

    เกิดในตระกูลกษัตริย์มีพระมเหสีพระนามว่า “พระนางวิสุทธิตราเทวี” มีพระพุทธบิดาพระนามว่า “พระโชติธรรมราชา” และพระนางสุมิตราเทวีเป็นพระพุทธมารดา

    เมื่อพบเทวทูตทั้ง ๔ ออกบวชโดยอาศัยราชรถ.....และนายเสนะเป็นสารถี
    หลังจากออกผนวชแล้ว ๗ วันจะบรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณใต้ต้นโพธิพฤกษ์
    มีพระอัครสาวกฝ่ายขวา นามว่า “อัฒสีห์เถระ” และพระอัตรสาวกฝ่ายซ้ายนามว่า “นารถเถระ”
    พระอัครสาวิกาฝ่ายขวานามว่า “สุมนาเถรี” พระอัครวิกาฝ่ายซ้ายนามว่า “ปารจันทิมาเถรี”


    อุบาสกผู้เลิศในการถวายทานนามว่า “โสรจนะอุบาสก และอาสวนะอุบาสก” อุบาสิกาผู้เลิศในการถวายทาน มีนามว่า “บุรพารีอุบาสิกา”

    เมื่อพระชนมายุ ๕๐,๐๐๐ ปีจึงจะดับขันธ์ปรินิพพาน พระศาสนาตั้งอยู่ ๕๐,๐๐๐ ปีจึงจะสิ้นพระศาสนา

    กัปนั้นมีพระพุทธเจ้าเพียงพระองค์เดียว เว้นไปนานจึงจะมีพระพุทธเจ้าบังเกิดขึ้นอีก ๒ พระองค์

    กาลนั้นวิสุทธิโชติเทวบุตรจะพลันไปเกิดในยุคนั้น และสำเร็จเป็นอุบาสกผู้เลิศด้วยการถวายทานนามว่า “โสรจนอุบาสก”แลขอให้ทั้งสองตั้งใจบำเพ็ญบารมีต่อไปจนกว่าจะสำเร็จตามความปรารถนานั้น”


    เมื่อสมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าตรัสจบ ทั้งมนุษย์และเทวดาต่างโมทนาสาธุการกับอัฒจักรมานพ จากนั้นวิสุทธิโชติเทวบุตรได้เหาะลงมาจากฟากฟ้า ก้มลงสักการะแด่อัฒจักรมานพ เพื่อแสดงความเคารพ และกล่าวว่า..

    “ข้าฯแต่ท่านผู้เจริญ กาลนี้มีบุญวาสนายของข้าพเจ้ายิ่งนักได้ร่วมบุญกับท่าน ไม่ว่าท่านต้องการสิ่งใด ขอให้ระลึกถึงข้าพเจ้า หากไม่เกินวิสัยจะทำความปรารถนานั้นให้สำเร็จจงได้ ขอท่านโปรดวางใจ”

    อัฒจักรมานพนั้น รู้สึกปิติใจและได้กล่าวว่า “ข้าฯแต่ทวยเทพผู้เจริญ เราเองมิควรแก่ท่านบูชาหรอก เรายังเป็นผู้มีกิเลสหนา ทั้งยังเป็นมนุษย์ธรรมดา แต่ท่านทั้งหลายมีฤทธานุภาพสูง เรามิอาจเรียกใช้ท่านได้หรอก”

    เหตุการณ์ในครั้งนั้นทำให้อัฒจักรมานพ ได้มีความศรัทธาที่จะออกบวช จึงได้กล่าวแก่พระพุทธกัสสปพุทธเจ้าว่า

    “ข้าฯแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า มาชาตินี้ ข้าฯพระพุทธเจ้า รู้สึกว่า ชีวิตเป็นทุกข์ เมื่อได้พบพระพุทธองค์ พระองค์เปรียบเสมือนประทีปยังความสว่างแก่ใจข้าฯ พระพุทธเจ้า ข้าฯพระพุทธเจ้าขอออกบวช เพื่อติดตามพระพุทธองค์ ใช้ธรรมะเพื่อดับกิเลสในใจของข้าฯพระพุทธเจ้าให้คลายจากความทุกข์ร้อนด้วยเถิดพระพุทธเจ้าข้าฯ”

    เมื่ออัฒจักรมานพได้กล่าวแล้ว ทั้งมนุษย์และเทวดาต่างโมทนาสาธุการว่า สาธุ สาธุ สาธุ พระพุทธองค์ได้ยื่นพระหัตถ์ออกไปและกล่าวว่า..

    เอหิภิกขุอุปสัมปทา

    ปรากฏมีจีวร และบาตรได้ลอยมาสวมแก่อัฒจักรภิกขุโดยทันที ด้วยพุทธานุภาพทำให้ของเก่ากลับคืนมา พระอัฒจักรสำเร็จอภิญญา ๕ จากนั้นได้กล่าวแก่อาฬสวีมานพ ว่า..

    “อาฬสวีเอ๋ย..(คนรับใช้คนสนิท)ที่ติดตามมา จงนำสินค้าครึ่งหนึ่งไปคืนแก่มารดาของเรา ส่วนครึ่งหนึ่ง จงนำสร้างอารามในสถานที่แห่งนี้ เพื่อถวายเป็นพุทธบุชา ส่วนท่านและผู้ติดตามเรา จงเป็นอิสระ ขอให้ไปส่งข่าวแก่มารดาของเรา และเก็บไว้เป็นความลับมิให้แพร่งพรายให้ใครทราบ

    อีกส่วนหนึ่งจงนำข่าวนี้ไปแจ้งแก่วรรณพราหมณ์สหายของเราว่า เราได้เข้าสู่ร่มพระศาสนาแล้ว”


    จากนั้นได้เหาะขึ้นไปกลางอากาศพร้อมกับสมเด็จพระพุทธเจ้า และพระสาวกอีก ๒๐๐๐๐ รูปทันที
     
  19. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรแก้วสุทธิวงศา- ศศิมานรินทร ตอน ๑๑ พุทธพยากรณ์แก่อาฬสวีมานพ..

    อาฬสวีมานพนั้น เป็นชาวเมืองสาเกตโดยกำเนิด บิดามารดาของอาฬสวีมานพนั้น เดิมทีเป็นบริวารบิดาของพระอัฒจักรภิกษุ ภายหลังเมื่อค้าขายกำไรงาม บิดาของพระอัฒจักรได้มอบทรัพย์ เพื่อให้ค้าขาย แต่บิดาของอาฬสวีไม่ยอมแยก เพียงแต่อาศัยที่ดินของพระอัฒจักรปลูกเรือน และขอเป็นบริวารของบิดาพระอัฒจักรตามเดิม

    อาฬสวีมานพนั้นเป็นบุตรชายคนเดียว และมีน้องสาวอีก ๒ คน มีอายุน้อยกว่าพระอัฒจักรประมาณ ๗ ปี เนื่องจากพระอัฒจักรเป็นบุตรชายคนเดียว จึงเห็นอาฬสวีมานพเป็นเสมือนน้องชายของตน

    จึงมักจะถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับการทำการค้าให้แก่อาฬสวีมานพเสมอ ๆ เมื่อเดินทางไปค้าขายต่างเมือง พระอัฒจักรได้พาอาฬสวีติดตามไปด้วยทุกครั้ง ทำให้ทั้งสองมีความสนิทสนมกันมาก



    ครั้นเมื่อพระอัฒจักรได้ออกบวช จึงได้มอบหมายงานทั้งหมดแก่อาฬสวีมานพ หลังจากได้รับมอบหมายงานแล้ว อาฬสวีมานพ ได้จัดการตามที่พระอัฒจักรได้บอกไว้ทุกประการ โดยให้บริวารไปบอกข่าวการออกบวชของพระอัฒจักรแก่วรรณพราหมณ์

    ส่วนตนได้นำทรัพย์ที่ได้จากการค้าขายสินค้าครึ่งหนึ่งไปขาย เพื่อนำปัจจัยมาสร้างวัด และได้บอกบุญแก่ชาวเมืองสุรสินธุ์จนสร้างอาราม ซึ่งใช้เวลาในการสร้าง เพียง ๖ เดือนจึงสำเร็จ

    อารามนี้สามารถรองรับพระพุทธเจ้า และพระสาวกได้ถึง ๑๐๐,๐๐๐ รูป ซึ่งมีอาณาเขตกว้างไปถึงปรมัตถคีรี ซึ่งเป็นภูเขาสูงโอบล้อมด้วยเขาหลายลูก ซึ่งอาฬสวีมานพคิดว่า เหมาะแก่การบำเพ็ญสมณธรรมของพระภิกษุทั้งหลาย


    เมื่อสร้างวัดสำเร็จ จึงได้ไปอาราธนาพระพุทธเจ้า และพระสาวก รวมทั้งพระอัฒจักรภิกขุ เพื่อรับการถวายอารามเป็นวิหารทาน สมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าได้รับการถวายอารามแล้ว ได้กล่าวแก่อาฬสวีมานพว่า...


    “อาฬสวีมานพ ได้ปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณ จะสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งในอนาคตกาลเบื้องหน้าโน้น”


    ผู้ที่ได้ยินการตรัสพยากรณ์ต่างแซ่ซ้องโมทนาสาธุการกับอาฬสวีมานพด้วยเสียงอันดังว่า สาธุ สาธุ สาธุ... หลังจากรับการถวายอาราม พระพุทธองค์ทรงตั้งนามอารามนั้นว่า...

    “..ปรมัตถวนาราม..”

    พระพุทธองค์ทรงตรัสว่า .. ..“บริเวณปรมัตถคีรีนี้ เป็นสถานที่บำเพ็ญของพระพุทธเจ้า และพระปัจเจกพุทธเจ้า มาตั้งแต่อดีตสมัยสมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลที่ ๓ เป็นต้นมา มีพระพุทธเจ้าเสด็จมาในอดีตนับไม่ถ้วน

    สถานที่นี้มีผู้ดูแลหลายจำพวกตั้งแต่เทวดาชั้นจาตุมหาราชิกาขึ้นไปจนถึงพรหมชั้น ๑๑ เพื่อบูชาพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้าในอดีต เราขอโมทนาบุญกับพวกเธอทั้งหลาย ต่อไปสถานที่นี้จะเป็นที่บำเพ็ญเพียรของพระปัจเจกพุทธเจ้าถึง ๕๐๐ รูป

    ผู้ที่เป็นห้วหน้าปกครองพระปัจเจกพุทธเจ้านี้ เป็นผู้มีรัศมีกายสว่างไสวมาก เนื่องจากเดิมทีได้เป็นผู้ปรารถนาพระสัมมาสัมโพธิญาณและลาจากพุทธภูมินั้น”




    เมื่อทรงตรัสจบ ทรงมอบให้พระเถระพระนามว่า “พระมหาปารณะเถระ” ซึ่งเป็นลูกศิษย์ใกล้ชิดของพระภารทวาชเถระ พระอัครสาวกฝ่ายซ้ายของพระพุทธกัสสปพุทธเจ้า เป็นผู้ปกครองอารามนั้น พร้อมทั้งพระสงฆ์อีก ๕๐๐ รูป โดยให้พระอัฒจักรได้อยู่อุปัฏฐากพระเถระ และได้รับคำสั่งสอน จากนั้นพระพุทธเจ้า และพระสาวกที่เหลือต่างเสด็จไปทางอากาศทันที
     
  20. Numsai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 มิถุนายน 2007
    โพสต์:
    5,778
    ค่าพลัง:
    +87,677
    ประวัติจักรแก้วสุทธิวงศา- ศศิมานรินทร์ตอน ๑๒ วรรณพราหมณ์ และสิณกพราหมณ์ออกบวช..

    หลังจากพระกัสสปพุทธเจ้าเสด็จไปแล้ว พระมหาปารณะเถระได้มีการประชุมสงฆ์ พร้อมตั้งกฎระเบียบต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย

    สำหรับอัฒจักรภิกษุนั้น เป็นพระบวชใหม่ จึงต้องอยู่ใกล้ชิดกับพระมหาปารณเถระคอยอบรมสั่งสอน เพื่อให้ก้าวหน้าในการปฏิบัติ ทำให้ได้ลืมเรื่องของนางนารถลดาไปหมดสิ้น พร้อมปวารณาตัวที่จะเป็นผู้เผยแผ่พระธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าตามรอยครูบาอาจารย์

    ส่วนวรรณพราหมณ์นั้น เมื่อได้ข่าวการเสด็จบังเกิดขึ้นของพระกัสสปพุทธเจ้า และข่าวการออกบวชของอัฒจักรภิกษุ ทำให้รู้สึกปิติยินดีอย่างมาก จึงได้เดินทางจากเมืองตักศิลา มายังเมืองสุรสินธุ์ปุระ พร้อมกับสิณกะพราหมณ์

    ซึ่งขณะนั้น ศีลพราหมณ์ น้องชายได้สำเร็จจากการศึกษาเล่าเรียนแล้ว ส่วนสิณกพราหมณ์นั้นนับถือวรรณพราหมณ์ เนื่องจากเป็นศิษย์ผู้พี่ ขณะนั้นกสินพราหมณ์ (ท่านสัจจฤาษี)ได้สิ้นชีวิตไปจุติบนสวรรค์ชั้นดุสิตแล้ว


    เมื่อวรรณพราหมณ์จะออกบวช และเดินทางมายังสุรสินธุ์ปุระ จึงขอติดตามมาด้วย โดยให้มอบตำแหน่งอาจารย์แก่ศิษย์น้องผู้อื่นให้ดูแลสำนักต่อไป ส่วนตนเองตั้งใจที่จะออกบวชเช่นกัน


    เมื่อมาถึงปรมัตถวนาราม ได้ไปกราบนมัสการพระมหาปารณเถระ ต่อมาท่านให้บวชให้แก่ทั้งสองอย่างเสร็จสมบูรณ์

    จากนั้นได้จำพรรษายังปรมัตถวนาราม โดยแยกสถานที่กันไปปฏิบัติธรรม โดยสิณกภิกษุได้ปฏิบัติธรรมในถ้ำ ซึ่งเป็นสถานที่เชื่อมต่อนาคพิภพ

    ส่วนวรรณภิกษุนั้น ได้อยู่อุปัฏฐากพระมหาปารณเถระกับอัตจักรภิกษุ
    ระหว่างการออกบวชของวรรณพราหมณ์นั้น กล่าวถึงนางมาริกาซึ่งได้จุติไปเป็นเทพธิดาอยู่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ซึ่งเสมือนหลับแล้วตื่นกลางวิมานสวยงามตระการตา นามว่า สิริวรรณเทพธิดา

    เนื่องจากภายหลังวรรณพราหมณ์ทราบว่า นางได้เสียชีวิตไปแล้ว จึงได้ตั้งใจอุทิศบุญกุศลแก่นางบ่อย ๆ รวมทั้งอุทิศบุญแก่คู่บารมีในอดีตชาติคือ วาสิษฐิเทพธิดา ในสวรรค์ชั้นดุสิต

    ทุกครั้งที่มีการอุทิศบุญต่าง ๆ วิมาน และทิพยสมบัติจะเปลี่ยนแปลงตามกำลังบุญของทั้งสองนางเสมอ ๆ จนถึงวันที่วรรณพราหมณ์ออกบวช ได้ตั้งใจอุทิศบุญแก่เทพธิดาทั้งสอง ทำให้เกิดทิพยสมบัติสว่างไสว

    ทำให้วาสิษฐีเทพธิดาได้ออกจากสมาบัติ พบว่า วิมานและทิพยสมบัติของตนสว่างไสวยิ่งขึ้นจึงใช้ทิพเนตรตรวจดู พบว่า...

    คู่บารมีในอดีตได้บวช และอุทิศบุญให้ รู้สึกปิติใจ ยิ่งทำให้มีความงามยิ่งขึ้น จึงได้ลงมายังโลกมนุษย์ เพื่ออนุโมทนาบุญ


    ปกติกายของผู้อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตนั้น คล้ายกายพรหมคือไม่มีเพศ เมื่อนางปรากฏแก่วรรณภิกษุ ย่อมดูคล้ายเทพบุตร แต่พักตร์จะดูอ่อนโยนกว่าเทพบุตรทั่วไป และกล่าวว่า..

    “เราขอโมทนาสาธุการแก่ท่าน ขอให้ท่านเจริญในธรรมเถิด..”

    จากนั้นจึงได้หายตัว ไปปรากฏยังสวรรค์ชั้นดุสิต เข้าสมาบัติตามเดิม วรรณภิกศุนั้นไม่ทราบว่า แท้จริงผู้ที่มีกายคล้ายเทพบุตรนี้คือ คู่บารมีในอดีตชาติ จึงได้เล่าเรื่องนี้แก่อัฒจักรภิกษุ ซึ่งมีความรู้มากกว่า อัฒจักรภิกษุตรวจดูด้วยทิพยจักขุ พบว่า...

    แท้จริงคือ วาสิษฐีเทพธิดา ซึ่งเป็นอดีตคู่บารมีนั่นเอง จึงกล่าวว่า..

    “ท่านต้องการขออโหสิกรรมต่อเทพธิดาผู้นี้ใช่หรือไม่”

    วรรณภิกขุนั้น รู้สึกประหลาดใจที่อัฒจักรภิกษุทราบเรื่องราวในอดีตของตน จึงกล่าวว่า..


    “ถูกต้องขอรับ กระผมต้องการขออโหสิกรรมต่อนาง แต่ยังไม่มีโอกาส”

    จากนั้นจึงได้เล่าเรื่องราว เมื่อครั้งออกแสวงหาครูอาจารย์กับพระเจ้าปเสนทิศาทให้อัฒจักรภิกษุได้ฟังทั้งหมด รวมทั้งเรื่องของพระเกษรีฤาษี และพระอัศดงฤาษีด้วย

    อัฒจักรภิกษุจึงได้กล่าวว่า "กาลนี้ท่านคงต้องรอไปอีกครั้ง เพราะเทพธิดานั้นได้เข้าสมาบัติเรียบร้อยแล้ว.."

    เรื่องราวการพบครูบาอาจารย์ ทำให้อัฒจักรภิกษุเกิดความปรารถนาจะมีครูบาอาจารย์สายพระฤาษีบ้าง คืนนั้นจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานขอให้ได้พบครูบาอาจารย์แต่อดีต เพื่อได้ศึกษาวิชาต่าง ๆ นอกเหนือวิชาในพระพุทธศาสนาตามวิสัยแห่งผู้ปรารถนาพุทธภูมิ
     

แชร์หน้านี้