ลองอ่านดูแล้วน่าจะเข้าใจนะคะ...
ส่วนเรื่องของดวงจิตของพระเจ้าปศันราชไปเกิดในร่างของเจ้าชายโรมายนะนั้น
ขออนุญาตตอบแทนท่านสิทธิสัตตะละกันนะ ท่านคงไม่ว่ากระไร อิอิ
เคยได้ยินไหมคะ "เราคือจิตดวงเดียวท่องเที่ยวไป"
เมื่อเจ้าชายโรมายนะตัวจริงสวรรคตไป จิตได้ออกจากร่างไปตามกำลังบุญบาปแล้วค่ะ
แต่ทีนี้ตัวยังอุ่น ๆ อยู่ อาจจะไม่เกินสองสามนาที สมองจึงยังไม่ตาย
และพระเจ้าปศันทราชที่ไปจุติที่สวรรค์ชั้นดุสิตเกิดไปส่องดูอดีตภรรยาที่แต่งงานใหม่
เอ๊ะ...นั่นเมียเรานิ...เกิดปล่อยวางไม่ลง ...โมโหล่ะค่ะทีนี้
จิตตอนนั้นก็ถูกดูดเข้าร่างของเจ้าชายโรมายนะพอดิบพอดี...
เลยจุติใหม่ซะเลย เอิ้งเอย ... เรื่องก็เป็นเช่นนั้นแล...
สรุปว่า....ร่างเดียวก็จิตเดียวนะคะ
เล่าให้ฟัง ไม่ได้บอกให้เชื่อนะคะ...
ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.
หน้า 283 ของ 661
-
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
-
ขอให้เจริญในธรรมยิ่ง ๆ ขึ้นค่ะ
Numsai -
..ตอบน้อง Prar ค่ะ..
พี่ขอแยกออกเป็น ๒ กรณีค่ะ
กรณีแรก : พระเจ้าปศันทราช ลงมาจุติในร่างของเจ้าชายโรมายนะ ขณะที่ดูประวัติตอนนี้ ก็เกิดความสงสัยเรื่องนี้เหมือนกัน เมื่อน้องถามมาพี่ก็ได้กราบเรียนพระ ทรงตรัสว่า..
"ในสมัยก่อนจะมีวิชาที่สามารถทำให้คนที่ตายไปฟื้นคืนชีพได้ เป็นวิชานอกพุทธศาสนา โดยการฆ่าสัตว์ ๗ ชนิด เพื่อทำบัดพลี เทวดาที่รับบัดพลีชุดนี้ จะเป็นเทวดาสายยักษ์ นับถือศาสนาคล้ายศาสนาฮินดูในปัจจุบัน ยักษ์เหล่านี้จะมีฤทธานุภาพสูง
เมื่อทำบัดพลี ยักษ์เหล่านั้นจะหาร่างที่เหมาะสม และมีมนต์เรียกดวงจิตเดิม ให้ดึงดูดมายังร่างใหม่ ..
ทำให้ดวงจิตของพระเจ้าปศันทราชรู้สึกตัว ขณะอยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิต เมื่อระลึกได้ว่า ตนตายแล้ว เมื่อตรวจดูด้วยทิพยเนตร พบว่า พระมเหสีอภิเษกสมรสใหม่ เกิดโทสะ ประกอบกับวิชาที่เรียกดวงจิต สองอย่างประกอบกัน ทำให้ดวงจิตของพระเจ้าปศันทราชไปจุติในร่างของเจ้าชายโรมายนะ
ส่วนดวงจิตของเจ้าชายโรมายนะตัวจริงนั้น ได้ออกจากร่างไปก่อนแล้วตามอายุขัย ภายหลังท่านได้จุติในสมัยพุทธกาลของสมเด็จพระสมณโคดม เกิดในตระกูลพราหมณ์ ภายหลังออกบวชเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง"
ขอกราบนอบน้อมต่อองค์สมเด็จพระพุทธกัสสปพุทธเจ้าที่เมตตาสงเคราะห์ให้ได้ความรู้ ขอน้อมถวายบุญกุศลครั้งนี้ เพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชาด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้าฯ
*************
กรณีที่สองคนเรายังไม่ตาย แต่มีดวงจิตของคนอื่นทั้งที่ตายไปแล้วและยังไม่ตาย(หลายดวง) อยู่ในคนๆเดียวได้
ตอบ ในกึ่งพุทธกาลนี้ เราจะเห็นได้ว่า พุทธศาสนามีความเชื่อหลากหลาย เราควรใช้วิจารณญาณในการศรัทธา
ถามว่า ดวงจิตหมายถึงดวงจิตที่ตายไปแล้ว สามารถแบ่งภาค หรืออวตารได้หรือไม่
ตอบว่า ไม่ได้ค่ะ ดวงจิตนั้นมีดวงเดียวไม่สามารถแบ่งภาคอวตารเป็นหลายคนได้ ซึ่งปัจจุบันมีผู้กล่าวอ้างว่า เป็นพระ หรือพระโพธิสัตว์ท่านนั้น ท่านนี้ลงมาจุติเป็นตัวผู้นั้น อย่างนี้เป็นความเข้าใจผิดค่ะ
แต่มีกรณีที่เรามักพบเห็นในปัจจุบัน ในสายญาณ หรือสายสัญญา ผู้ปฏิบัติสายนี้ เรียกว่า วิชาสางไสย เป็นวิชาโบราณประเภทเทวตานุสติ
มีการระลึกถึงเทวตานุสติ+กสิน ทำให้สามารถสื่อกับเบื้องบน หรือโลกทิพย์ได้ โดยมนุษย์เป็นผู้สื่อ อาจจะอยู่ในเพศบรรพชิต หรือฆราวาสก็ได้
เมื่อติดต่อกับโลกทิพย์ เทวดา หรือเบื้องบนได้ โดยใช้ร่างผู้ที่สื่อ แปลความ นาน ๆ เข้าดวงจิตนั้น ๆ เริ่มมีความผูกพันธ์ หลงทำให้เกิดความคิดเป็นบุคคลนั้นได้
ภายหลังมีผู้รู้วิชาน้อยลง การปฏิบัติที่ถูกต้องเริ่มเสื่อมถอยลง กลายเป็นการทรงเจ้าในปัจจุบัน
สำหรับผู้ที่ทรงฌาณได้ดี จะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลง ขณะที่กายทิพย์ คุมร่างของผู้สื่อ(ฌาณ) มีข้อระมัดระวังในการปฏิบัติสายนี้ว่า..
.."ให้จิตคุมญาณ(ดวงจิตในโลกทิพย์) อย่าญาณคุมจิต(จิตมนุษย์) หากวันใดให้ญาณคุมจิตได้ จะไม่เหลือความเป็นตัวเรา"
พี่คิดว่า กรณีหลังน่าจะตรงกับท่าน...ที่น้องกล่าวถึงมากกว่าค่ะ วิชาสางไสย คล้ายกับการทรงเจ้ามาก แต่ต้องใช้กำลังของฌาณคุมไว้ หากวันใดเสื่อมก็เป็นเรื่องที่น่ากลัวเหมือนกัน เพราะเพียงฌาณโลกีย์ ก็มีโอกาสเสื่อมได้ค่ะ
หากคำกล่าวใด ไม่เป็นที่พอใจ หรือก้าวล่วงโดยไม่เจตนา ต่อบุคคล หรือคณะใดที่ยังต้องทำหน้าที่รื้อสัตว์ขนสัตว์ ต่างคนต่างทำหน้าที่ มิได้มีความปรารถนาจะจาบจ้วง ดูหมิ่น หรือไม่ให้ความเคารพแต่อย่างใด
ด้วยเหตุที่ต้องให้ธรรมทาน ปรารถนาจะให้คลายความสงสัยแก่ท่านผู้อ่าน หากมีกรรมนั้น ขอได้โปรดอดโทษ และอโหสิกรรมแก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด
ขออนุโมทนาบุญกับน้อง Prar อีกครั้งค่ะ
Numsai -
..การอธิษฐานขอเห็นภาพกายทิพย์..
สำหรับผู้ที่ได้ทิพยจักขุญาณ หรือมโนมยิทธิ หากเราได้อยู่ในเหตุการณ์ เสียงที่เราได้ยินก็จะเป็นเสียงของกายทิพย์ หรือกายละเอียดนั้น ๆ
สามารถดูกายทิพย์ หรือกายละเอียดที่คุมร่างนั้นได้ โดยจับภาพพระ กลั่นภาพนั้นให้ใส เป็นประกายพรึก อธิษฐานขอบารมีพระ ขอเห็นผู้ที่มาสงเคราะห์นั้น ว่าเป็นใคร
หากเป็นกายทิพย์ จากพระนิพพาน ชั้นพรหม หรือสวรรค์ชั้นกามาวจร เมื่ออธิษฐานจบ ก็จะเห็นกายทิพย์ที่อยู่เหนือร่างของผู้สื่อ(ผู้คุมญาณ) ประมาณ 1 วา มีแสงส่องมายังผู้สื่อ(ไม่ว่าจะเพศบรรพชิต หรือฆราวาสก็ตาม)
หากเป็นกายอสูรกาย หรือสัมภเวสี ก็จะเห็นคุมอยู่เบื้องหลังของผู้นั้นเช่นกันค่ะ
วิธีเป็นการใช้ ๑ ในญาณ ๘ คือทิพยจักขุญาณค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับน้อง Prar และทุกท่านด้วยค่ะ
Numsai -
..ขออนุโมทนาบุญกับน้องขาลด้วยค่ะ..
ส่วนคาถามณีมนตรา เป็นการผูกคาถาของเหล่าพญานาคราชทั้งหลาย อีกไม่นานเราจะทราบที่มาของคาถาอย่างละเอียด เป็นคาถาที่หายสาบสูญไปนาน ผู้ให้คาถานี้ ปัจจุบันก็ไปนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตเรียบร้อยแล้ว
หลวงปู่ฤาษีอัศดง เคยบอกว่า "ช่วงปี ๕๗-๕๘ ให้เก็บเงินไว้ให้ดี เงินจะหายากมากขึ้น ท่านใดทำธุรกิจ ลงทุนได้ไม่เกิน ๑๐ ล้านจะเจ็บตัวน้อยหน่อย" บอกได้แค่นี้ค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับน้องขาล และทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai -
ขอขอบคุณMISS BROWN และคุณP'Numsaiเป็นอย่างยิ่งครับ
และขออนุโมทนาบุญในธรรมทานครั้งนี้ครับ
-
สาธุ ขออนุโมทนาบุญ กับทุกท่านค่ะที่ร่วมประมูลจักรแก้ว และขอแสดงความยินดีและอนุโมทนาบุญอีกครั้งกับท่านที่ประมูลจักรแก้วได้ด้วยนะค่ะ :)
ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานของทุกท่านด้วยค่ะ สาธุ สาธุ สาธุ
หนูดีได้ข้อคิดดีๆหลายอย่างเลยที่เดียว ขออนุโมทนาบุญค่ะ
หนูดี -
คุณน้ำใสคะ..."ถ้าลงทุนไม่เกิน ๑๐ ล้าน จะเจ็บตัวน้อยหน่อย"... งั้นช่วงปี ๕๗-๕๘ ก็ไม่ต้องลงทุนเพิ่มเลยไม่ดีกว่าหรือคะ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว
ขออนุโมทนาบุญกับน้องขาลด้วยค่ะ ที่นำประสบการณ์ดี ๆ มาเล่าสู่กันฟัง คาถามณีจักรวาลนั้น เป็นคาถาที่ผูกโดยปวงเทพยดาทั้งหลาย
ส่วนคาถามณีมนตรา เป็นการผูกคาถาของเหล่าพญานาคราชทั้งหลาย อีกไม่นานเราจะทราบที่มาของคาถาอย่างละเอียด เป็นคาถาที่หายสาบสูญไปนาน ผู้ให้คาถานี้ ปัจจุบันก็ไปนั่ง ๆ นอน ๆ อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตเรียบร้อยแล้ว
หลวงปู่ฤาษีอัศดง เคยบอกว่า "ช่วงปี ๕๗-๕๘ ให้เก็บเงินไว้ให้ดี เงินจะหายากมากขึ้น ท่านใดทำธุรกิจ ลงทุนได้ไม่เกิน ๑๐ ล้านจะเจ็บตัวน้อยหน่อย" บอกได้แค่นี้ค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับน้องขาล และทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai -
วันอังคาร ที่ 19 พ.ย.56 เวลา 17.50 น.
ได้โอนปัจจัยเข้า ธ.กสิกรไทย 654-218-1654
จำนวน 2,000 บาท
ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลพระศพ สมเด็จพระสังฆราช ... ๒๓ พ.ย. ๒๕๕๖
ขออนุโมทนาบุญกับคุณNamfonBaanfaและทุกๆ ท่านด้วยครับ -
ร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลพระศพ สมเด็จพระสังฆราช 500 บาท
วันเวลาที่ทำรายการ:19-11-2013 22:46
โอน ธ.กสิกรไทย เลขที่ 654-2-18165-4
ขออนุโมทนาบุญกับคุณน้ำฝนและทุกๆ ท่านด้วยครับ -
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
พี่เอ๋น้อ รูปงานกฐินวัดศาลฯ ไม่ขึ้นค่ะ ทำไงดีอยากเห็นรูปจัง -
"เหตุที่ให้ลงทุนไม่เกิน ๑๐ ล้าน เนื่องจากยังสามารถคืนทุนในเวลาได้ หากลงทุนเกินกว่านั้น ไม่สามารถคืนทุนได้ทัน ทำให้ผลประกอบการธุรกิจเสียหาย"
ขออนุโมทนาบุญกับคุณน้ำฝนด้วยค่ะ
Numsai -
น้องตาลค่ะ พี่แก้ไขรูปแล้ว แต่รูปไม่โชร์ งั้นต้องให้พี่สาวใจดี โพสแทนแล้วกันนะค่ะ
โปรดติดตามชมรูปงานบุญกฐินวัดศาลพันท้ายนรสิงห์ ในโพสของพี่phuya นะค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน และ พี่phuya (พี่สาวใจดีของเราด้วยจ้า)
จันทรกาล -
ขอเชิญร่วมอนุโมทนาบุญ....ถวายกฐินวัดศาลพันท้ายนรสิงห์ ค่ะ
-
ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี
เห็นภาพงานกฐินแล้ว อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยนะครับ สาธุ สาธุ
ผมรู้สึกว่าดวงแก้วที่ถวายในงานทอดกฐินจะใสสว่างเป็นพิเศษเลยนะครับ ดีใจนะครับ
ได้บุญกฐิน และถวายดวงแก้วไปพร้อมๆกันนะครับ -
โยมขอกราบอนุโมทนากับท่านอาจารย์ด้วยเจ้าค่ะ _/|\_
-
ขออนุโมทนาบุญและขอขอบคุณ คุณพี่น้ำใสมาก ๆ ครับ
วันนี้ได้รับพระบรมสารีริกธาตุและเพชรพญานาคเรียบร้อยแล้วครับ
สาธุ สาธุ -
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน และ พี่phuya (พี่สาวใจดีของเราด้วยจ้า)
จันทรกาล
หนูดีเห็นด้วยค่ะพี่เอ๋ พี่สาวเราใจดีจริงๆค่ะ อนุโมทนาบุญค่ะ พี่phuya
หนูดี -
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร..
..ครูบาบุญชุ่ม ญาณสํวโร ซึ่งออกจากปฏิบัติธรรมเข้ากรรมฐาน หลังบำเพ็ญเพียร อธิษฐานไม่เปล่งวาจาและไม่พบบุคคลใดๆ ตั้งแต่วันที่ ๑๘ เมษายน ๒๕๕๓ นาน ๓ ปี ๓ เดือน ๓ วัน ณ ถ้ำราชคฤห์ อ.งาว จ.ลำปาง เพื่อร่วมงานอาสาฬหบูชา เทศนาสั่งสอนรวม ๓ วัน
หลังจากนั้นพระครูบาบุญชุ่ม กลับเข้าสู่กรรมฐานต่อเป็นเวลา ๓ เดือน ในช่วงเข้าพรรษาตั้งแต่วันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ที่ผ่านมา โดยให้ลูกศิษย์คนใกล้ชิด ๑๓ คน เข้าไปดูแลทำความสะอาดถ้ำ และมีชาวบ้านห้วยหกจัดเวรยามวันละ ๒ คน เฝ้าทางเข้าที่จะไปถ้ำ เพื่อกันประชาชนไปรบกวนในการปฏิบัติธรรมในวันเข้าพรรษา ซึ่งครูบาบุญชุ่มจะจำพรรษาในถ้ำต่ออีก ๓ เดือน ซึ่งเดิมทีนั้นมีกำหนดว่าท่านจะออกจากปฏิบัติธรรมเข้ากรรมฐาน วันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๗ แต่กำหนดการได้เปลี่ยนแปลง ท่านออกกรรมฐาน เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๕๖ ซึ่งตรงกับวันออกพรรษา
การออกจากกรรมฐานของครูบาบุญชุ่มในวันออกพรรษา พลังศรัทธาของญาติโยมไม่ต่างจากเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๕๖ สาธุชนจากทุกสารทิศที่ทราบข่าวชาวทั้งจากเชียงราย, เชียงตุง, ไทยใหญ่, พม่า และจีน ต่างพากันแต่งชุดขาวเดินทางมากราบไหว้และชื่นชมบารมีของครูบาบุญชุ่ม พร้อมกางเต็นท์เพื่อพักค้างคืนบริเวณรอบถ้ำ ร่วมกันสวดมนต์ภาวนาทำวัตรเช้า-เย็น ภายในถ้ำร่วมกันเป็นเวลา ๓ วัน โดยครูบาชุ่มออกจากถ้ำเมื่อเวลาประมาณ ๐๓.๐๐ น. ของเช้าตรู่วันเสาร์ที่ ๑๙ ตุลาคม
หลังจากนั้นก่อนเพลครูบาบุญชุ่มได้นำลูกศิษย์สวดมนต์ในถ้ำราชคฤห์ และได้เทศน์สอนลูกศิษย์ ทั้งนี้ "คม ชัด ลึก" ได้นำบางส่วนของคำเทศน์ซึ่งมีใจความที่น่าสนใจดังนี้
ครูบาบุญชุ่ม บอกว่า ในโลกจักรวาลนี้ไม่มีอะไรเป็นแก่นสาร ทุกสิ่งทั้งปวงเกิดดับตามเหตุปัจจัยไหลไปผ่านมาและผ่านไป ไม่มีอะไรเหลืออยู่ ไม่ควรไปยึดมั่นถือมั่นด้วยสิ่งใดทั้งโลกนี้และโลกหน้า จงตั้งจิตอุทิศชีวิตที่เหลืออยู่น้อยนี้ ถวายเป็นพุทธบูชา น้อมจิตภาวนาให้รู้แจ้งในรูปนามและสังขารอันไม่เที่ยงทุกข์ เป็นอนัตตาไม่ใช่ตัวตนเราเขาอะไร รู้แจ้งด้วยปัญญาตามความจริงว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มีแต่ทุกข์เท่านั้นที่ดับไป นอกจากทุกข์แล้วไม่มีอะไร
พระพุทธเจ้าตรัสสอนว่า ทุกข์ควรกำหนดรู้ สมุทัยเหตุให้เกิดทุกข์ควรประหาร นิโรธ ควรทำให้แจ้ง มรรคควรเจริญภาวนาให้เกิด ธรรมะทุกอย่างรวมอยู่ที่จิตดวงเดียว เมื่อจิตรู้ จิตตื่น จิตเบิกบานอย่างยิ่งแล้วย่อมพ้นจากทุกข์ การบำเพ็ญธรรมปฏิบัติธรรมนี้ไม่ได้หวังเพื่ออะไรเป็นอะไรสักอย่าง แต่เป็นไปเพื่ออยู่เย็นเป็นสุขในชีวิตประจำวัน เพื่อความหมดห่วงหมดอาลัยในโลกทั้งสาม เพื่อนิพพานเท่านั้น ขอให้ทุกคนตั้งใจจริงทำจริงปฏิบัติจริงต่อธรรมะ อย่าท้อถอยเอาชีวิตเป็นเดิมพันถึงจะตายด้วยการปฏิบัติธรรมก็ยอม ให้มีกำลังใจเข้มแข็ง และทำจิตให้อ่อนโยนอ่อนน้อมถ่อมตน
อย่าคิดว่าเราเป็นคนสำคัญให้ทำตนแบบปกติธรรมดาๆ นี่แหละดีที่สุด เมื่อเราคิดว่าเราเป็นคนสำคัญแล้ว เมื่อผู้อื่นไม่ให้ราคาเรา ไม่นับถือให้ความสำคัญเราแล้ว จิตใจเราจะเป็นทุกข์ร้อนรนสับสนวุ่นวายไปตามกระแสโลกธรรม ขอให้ตั้งใจให้ดีมีสติทุกเมื่อ ทุกขณะจิต เพียงแต่รู้เฝ้าดู เฝ้าเห็น กายกับใจเคลื่อนไหวไปตามเหตุปัจจัย เป็นเพียงรูปธรรมนามธรรมเท่านั้น เป็นเพียงก้อนทุกข์ ก้อนธาตุ เท่านั้น ไม่ควรไปให้ราคาตัวเอง และวัตถุธาตุ สิ่งใด ไม่ควรมั่นหมายผูกพันกับสิ่งใดในโลก เราอยู่ในโลกอย่าหลงมายาของโลก ไม่ติดไม่ข้องแวะเกี่ยวกับสิ่งในใจ มีแต่ใจรู้แจ้ง ปล่อยวางสู่ความว่างสภาพเดิมของธรรมชาติแท้
ครูบาบุญชุ่มเทศน์ในตอนท้ายว่า ขอให้ทุกคนจงตั้งจิตตั้งใจให้ดี เราจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยาก จะได้มาพบพุทธศาสนาก็ยาก จะพบพ่อดีแม่ดี ครูบาอาจารย์ที่ดีก็ยาก ได้สร้างบารมีมาถึงวันนี้ อายุเราจะยืนมาถึงวันนี้ไม่ใช่ง่าย เราป่วย เราไข้หลายครั้งเพราะว่าทุกดวงจิต ทุกชีวิต ทุกวิญญาณก็เป็นไปตามกฎของทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ก็เปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ มันไม่อยู่เหมือนเดิม ก็ทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นไปตามธรรมชาติ ฉะนั้นเราได้ประคับประคองธาตุขันธ์ของเราอายุของเรามาถึงวันนี้บุญที่สุดแล้ว และเราจะอยู่ต่อไปอีกกี่ปี กี่เดือน กี่วัน กี่ยาม ก็แล้วแต่บุญกุศลของเรา แล้วแต่ธาตุขันธ์ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นของสมมุติ เรายืมเขามาโดยมีธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุไฟ ธาตุลมและก็ประกอบด้วยขันธ์ทั้ง ๕ มีรูปธรรมนามธรรมเกิดดับอยู่ตลอด
ปัจจุบัน พระครูบาเจ้าบุญชุ่ม ได้เข้าบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำพระโพธิสัตย์ราชคฤห์ แม่แก้ เมืองงาว จ.ลำปาง หากใครจะเข้าชมบารมีท่านต้องรอไปปีหน้า ซึ่งในวันที่ ๕ มกราคม ๒๕๕๗ เป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน งานใหญ่ที่ลูกศิษย์จัดขึ้นแสดงมุทิตาจิต หลังจากนั้นมีข่าวมาว่าท่านจะไปจำพรรษาอยู่ที่รัฐไทยใหญ่ ประเทศพม่า -
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
อ่านแล้วเย็นกายเย็นใจดีค่ะ เลยนำมาฝากกัน
หน้า 283 ของ 661