This transfer has been processed.
Transfer Service Bank Reference No.
66068801
Date
12 Mar 2014
Time
16:05:10 Bangkok, Thailand (GMT +7:00)
Transfer From: Account
BBL 214-4-064587 BBL 214-4-xxx587 Account Name
พุทธารา โรจนฤทธิกร
พุทธารา โรจนฤทธิกร Date to Deduct Funds
12 Mar 2014
Transfer To: Account
KBANK 6352131030 KBANK 6352131030 Account Name
MS. MATTAKA KHANGKHAN / มัตถกา แข็งขัน
MS. MATTAKA KHANGKHAN Send SMS
086 022 5558
Date to Receive Funds
12 Mar 2014
Amount
3,000.00 Fee
25.00
Make another Transfer
Return to My Accounts
_________________________________________
ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านที่ร่วมบุญถวายพระบรม ฯ +กรรไกรตัดเล็บ จำนวนทั้งสิ้น ๑๐๐ ชุด เป็นจำนวนปัจจัย ๘๕๐๐ บาท ยอดจำนวนเกินทั้งสิ้น ๒,๐๗๐.๑๑ บาท ปิดยอดเพิ่ม ๙๒๙.๘๙ บาท
รวมโอนทั้งสิ้น ๓,๐๐๐ บาท
โดยปัจจัยนี้ขอมอบให้คุณมัตถกา ซึ่งเป็นเจ้าภาพตั๋วเครื่องบินไปงานบุญที่ประเทศเมียนม่าครั้งนี้ให้แก่พระอาจารย์อภิวิชญ์ค่ะ
ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai
__________________________________________________
ร่วมอนุโมทนาบุญถวายภัตตาหารเช้า
ถวายพระบรมสารีริกธาตุ อุณาโลม และดวงแก้วพระปัจเจกพุทธเจ้า [/CENTER]
สำหรับดวงแก้วมณี ท่าน widya และท่านศศิมานรินทร์เป็นเจ้าภาพถวายค่ะ
ส่วนพระบรมสารีริกธาตุ และอุณาโลม คุณ Vatechayana เป็นเจ้าภาพค่ะ
ภัตตาหารเจ้าภาพจากร้านบ้านสวน -ถนนศรีนครินทร์ ๔ อย่าง ร้านเพชรสุคนธ์ ๓ อย่าง ส่วนเป็ดย่าง หมูกรอบ และผลไม้ เจ้าบ้าน และครอบครัวเป็นผู้ถวายค่ะ นอกจากนี้ได้ถวายปัจจัยค่าพาหนะ เป็นจำนวนทั้งสิ้น ๒,๑๐๐ บาทค่ะ
เนื่องจากพระภิกษุ(จากวัดในจังหวัดนครราชสีมา) ท่านได้กลับจากแสวงบุญในประเทศอินเดีย ในวันรุ่งขึ้นต้องเดินทางไปดูพระที่โรงหล่อ ไม่มีที่พัก
จึงได้มาพักที่บ้านเป็นเวลา ๑ คืน ท่านเห็นดวงแก้วในห้องพระ จำนวนมาก บอกว่า ไม่เคยเห็นดวงแก้วขนาดใหญ่เท่านี้มาก่อนเลย เคยเห็นแต่ดวงเล็ก ๆ จึงได้กราบเรียนถามว่า
"ท่านเชื่อเรื่องของดวงแก้วมณีหรือไม่ ท่านบอกว่า ในพระไตรปิฎกได้พูดถึงดวงแก้วมณีโชติว่า มีอยู่จริง หากใครได้ครอบครองนับเป็นบุญวาสนา"
เนื่องจากมีดวงแก้วพระปัจเจกพุทธเจ้าได้ฝากไว้ จำนวน ๕ ดวง จึงได้กราบเรียนถามท่าน widya ว่าจะเป็นเจ้าภาพถวายดวงแก้วในการบรรจุในองค์พระหรือไม่ ท่าน widya ตอบมาโดยไม่ลังเลว่า
"เราถวายในนามท่านศศินรินทร์ ๑ ดวง ดวงแก้วพอมั๊ย"
จึงได้เรียนท่านว่า "เพียงดวงเดียวก็พอแล้วเจ้าค่ะ บรรจุในพระเกศ พระประธาน หน้าตัก ๕๙ นิ้ว"
ขอกราบอนุโมทนาบุญกับท่าน widya มาณ.ที่นี้อีกครั้งค่ะ
และขอนำภาพมาฝากทุก ๆ ท่านให้อนุโมทนาบุญกันค่ะ
ผลบุญนี้บังเกิดแก่ท่าน widya ท่านศศิมานรินทร์ และข้าพเจ้าเพียงใด ขอจงบังเกิดแก่ท่านทั้งหลายด้วยเถิด สาธุ
ขอให้เจริญในธรรมค่ะ
Numsai
ปิดประมูลวัชระบัว ๒ องค์ หน้า ๖๖๑ ,ธรรมะจากพระอาทิพุทธะ หน้า ๖๕๙ ค่ะ
ในห้อง 'พระเครื่อง วัตถุมงคล' ตั้งกระทู้โดย Numsai, 21 สิงหาคม 2012.
หน้า 358 ของ 661
-
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
ประสบการณ์ระลึกชาติ สมัยเด็ก
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณชั้นประถมปลาย ตาลจำไม่ได้แล้วค่ะว่าประถมอะไร
ตอนนั้นก็ยังเป็นเด็กตัวน้อย ๆ เล่นซนทั่วไป ไม่กระดิกหูเรื่องธรรมะเท่าไหร่ค่ะ
คุณครูประจำชั้นจู่ ๆ ก็ถามขึ้นมาเรื่อง"ความทรงจำแรกในสมัยเด็กที่รู้ความคือความทรงจำเกี่ยวกับอะไร"
ทุกคนก็นั่งนึก ตาลก็นึก และก็จำได้ว่าตนเองเคยไปร่วมงานแต่งงานของคุณพ่อกับคุณแม่
นึกไปก็งงไป แต่ตอนนั้นตาลไม่ได้เป็นเด็ก
หากแต่เป็นหญิงสาวคนหนึ่งที่ดูเหมือนว่าคนทั่ว ๆ ไปจะไม่สามารถมองเห็นได้
ยิ่งนึกก็ยิ่งงง คุณครูเรียกถามเพื่อนหลายคน
แต่โชคดีที่ไม่เรียกถามตาล ไม่งั้นเพื่อนคงหัวเราะเยาะแน่ ๆ
ความทรงจำครั้งแรกมันไม่ปะติดปะต่อ เรื่องราวก็ปุปะ
เป็นแค่ความระลึกได้เท่านั้น ต่อมาบางครั้งก็เป็นภาพวูบขึ้นมาแล้วก็เลือนหายไป
แต่ทุกครั้งตาลจะเห็นตัวเองเป็นหญิงสาวผมยาวใส่ชุดไทยไม่เห็นหน้าตา
การระลึกครั้งแรกเป็นการไปร่วมงานแต่งงานของคุณพ่อกับคุณแม่
ส่วนครั้งต่อมา ตาลเห็นตนเองเป็นหญิงสาวคนเดิมมาร่วมงานขึ้นบ้านใหม่
ซึ่งเป็นเรือนหอของคุณพ่อคุณแม่และเป็นบ้านที่อาศัยอยู่ในปัจจุบัน
ครั้งต่อมาตาลเห็นตนเองยืนอยู่ชั้นสองของบ้าน
มองดูคุณแม่ซึ่งกำลังตั้งท้อง ในครั้งนี้มีบุคคลหนึ่งมาด้วย
บุคคลนั้นได้ถามตาลเหมือนย้ำว่า "ตกลงใจแล้วใช่ไหม? คิดดีแล้วหรือ?"
ตาลได้พยักหน้าเบา ๆ จากนั้นภาพทั้งหมดก็เลือนหายไป -
ขอกราบอนุโมทนาบุญ กับท่านwidya พี่น้ำใส และพี่นัย ด้วยทุกประการ สาธุ สาธุ สาธุ
จันทรกาลcatt26 -
ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี
อนุโมทนาบุญกับท่านวิทยา พี่น้ำใส พี่นัย และทุกท่านด้วยนะครับ
โมทนาสาธุในบุญทุกประการที่ได้เกิดขึ้นด้วยครับ -
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
ขอกราบอนุโมทนาบุญกุศลกับท่านวิทยา และท่านศศิมานรินทร์ทุกประการนะเจ้าคะ
ที่ได้ทำบุญบรรจุดวงแก้วพระปัจเจกในพระเกศของพระประธานหน้าตัก ๕๙ นิ้ว
รวมถึงขออนุโมทนาบุญกับพี่น้ำใส พี่นัย
และเจ้าภาพถวายภัตตาหาร ถวายอุณาโลมและพระบรมสารีริกธาตุ ค่าเดินทางทุก ๆ ประการค่ะ :cool:
**********************************************
ถึงแม้ในวัยเด็กตาลจะระลึกชาติได้ แต่เป็นการระลึกได้นิด ๆ หน่อย ๆ ค่ะ
การระลึกชาติในครั้งนั้นมันคล้ายกับความทรงจำที่ผุดขึ้นมา
ตัวเราจะเป็นตัวเราจริง ๆ ไม่เห็นหน้าตาของตัวเอง ลักษณะเหมือนกับเราอยู่ในร่างกายปัจจุบัน
เหมือนเราเผชิญกับเหตุการณ์นั้นจริง ๆ ด้วยตนเอง
ซึ่งต่างจากการระลึกชาติโดยใช้มโนมยิทธิ
ขอบารมีของพระพุทธเจ้า หรือเทวดาเพื่อสงเคราะห์ในการดูเหตุการณ์ต่าง ๆ
ลักษณะของการย้อนดูอดีตแบบนั้นจะเหมือนกับการดูละคร
คือมองเห็นตนเองเป็นอีกบุคคลหนึ่ง แต่ทราบในจิตว่านั่นคือตนเองในอดีต
หลายครั้งในวัยเด็กที่งงเพราะไม่ทราบว่าสิ่งที่ตนรู้นั้นคืออะไร
ทำไมในสมองจึงมีความทรงจำของตนเองที่เป็นบุคคลอื่นอยู่
ไม่ใช่แค่ความทรงจำเกี่ยวกับหญิงสาวที่เหาะได้เท่านั้น
บางครั้งก็มีความทรงจำว่าตนเองเคยเป็นงูใหญ่ตัวเมียเลื้อยว่ายน้ำอยู่กลางมหาสมุทรใหญ่
บางครั้งก็เคยจำได้ว่าตัวเองหายใจใต้น้ำได้ และเคยนั่งเล่นใต้น้ำเพื่อทดสอบว่าตนเองหายใจใต้น้ำได้จริง ๆ
ตาลงง แต่ไม่คิดสงสัย อาจจะเพราะเป็นเด็ก มีเรื่องให้สนใจมากมายก่ายกอง
สมาธิก็สั้น จึงไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง และไม่คิดว่ามันสำคัญเท่าไหร่ -
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
ประสบการณ์ระลึกชาติ วัยผู้ใหญ่
ช่วงเวลาสามสี่ปีที่ผ่านมา เป็นช่วงเวลาที่ตาลได้ออกค้นหาตัวเอง
(กล่าวเหมือนจอมยุทธในหนังจีนแต่จริง ๆ เป็นจอมยัดในหนังไทยอิสาน อิอิ)
และเคยลองวิธีการระลึกชาติที่บังเอิญไปอ่านเจอแบบที่ "เขาว่า"
(เขาว่านี่คือมันไม่มีทฤษฎีแบบในพระกรรมฐาน ๔๐ เป็นวิธีนอกลู่นอกทางอย่างหนึ่งซึ่งอ่านเจอแถว ๆ นี้)
เป็นวิธีที่ไม่ต้องใช้กำลังสมาธิอะไร แค่นั่งนึกย้อนไปว่าเมื่อวานนี้เราทำอะไร อย่างไร
เมื่อวานซืนลองย้อนคิดไปว่าเราทำอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่ จำได้ไหม...
ย้อนไปเรื่อย ๆ จากวันเป็นเดือน จากเดือน เป็นปี เป็นหลายปี
ตาลชอบมากเรื่องฟุ้งซ่านไร้สาระแบบนี้หมาะกะจริต ก็เลยนั่งคิด...
เมื่อวานนี้จำได้เพราะเพิ่งเกิด เรื่องนั้นเรื่องโน้นเด่นชัดในความทรงจำ
เมื่อวานก็จำได้ เมื่อวานซืนก็ได้ แต่ยิ่งถอยหลังก็พบว่าตนเองจำได้แต่เหตุการณ์สำคัญ ๆ
สัปดาห์ที่แล้วก็จำได้ เดือนก็จำได้นิดหน่อย ย้อนไปสมัยเริ่มทำงาน
ย้อนไปอีกสมัยรับปริญญา ย้อนไปอีกวันสอบจบมหาวิทยาลัย
ย้อนไปอีกเป็นน้องใหม่ในรั้วมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งย่านปทุมธานี
ย้อนไปอีกเป็นวันสอบเข้ามหาลัย วันสอบจบชั้นม. ๖
ย้อนไปสมัยชั้น ม. ๓ ย้อนไปสมัยรักครั้งแรก ย้อนไปอีก ย้อนไปเรื่อย ๆ
จนมาสะดุดกับความทรงจำหนึ่งในสมัยชั้นประถมปลาย
ภาพนั้นจู่ ๆ ก็วูบขึ้นมา ตาลเป็นตัวเองอีกแล้ว
ครั้งนี้เบื้องหน้าเห็นรั้วโรงเรียนกำแพงปูนเก่า ๆ ที่ไม่ได้ฉาบ
มีช่องโหว่อยู่กำปั้นหนึ่ง ตัวเองมองลอดรั้วออกไปเห็นถนนโค้ง ๆ จากนั้นก็วูบไป
นั่งคิดประหลาดใจ เหตุการณ์นั้นไม่ได้สำคัญอะไร ทำไมเราถึงจำได้นะ
ช่างมันไปต่อ ... คราวนี้กระโดดข้ามขั้นไปตอนที่ยังอยู่ในท้องแม่
ก่อนจะมาเกิดนี้เราเป็นใคร คราวนี้เห็นชัดเลยค่ะ เห็นว่าตัวเองเป็นหญิงสาวหน้าตาสวยมาก
สวมชุดไทย นุ่งผ้าถุงสีทองอร่าม สไบสีชมพู มีแสงสว่างเรื่อ ๆ ออกจากกาย
สวมชฎาสีทอง ผิวพรรณนวลผ่องสดใส กำลังเหาะถอยหลังออกจากบ้านไป
เหาะถอยหลังไปยืนอยู่ใต้ต้นโพธิ์ในวัด (บ้านปัจจุบันอยู่ติดกับวัดและมีต้นโพธิ์ใหญ่เก่าแก่หลายร้อยปียืนต้นอยู่)
สักพักเธอก็เหาะถอยหลัง (เหมือนดูหนังกรอย้อนหลังน่ะค่ะ)
ขึ้นไป ขึ้นไป เห็นสวรรค์ชั้นดาวดึงสเทวโลก
จึงเข้าใจว่าก่อนมาเกิดเป็นตาลในปัจจุบัน
ตาลเคยเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
และได้ยินคนอื่นเรียกตนเองว่า "สุธรรมา"
พอระลึกถึงตรงนี้ ก็จำได้ว่าความทรงจำในวัยเด็กของเรานั้นมีความทรงจำเกี่ยวกับหญิงสาวที่เหาะได้อยู่
จึงคิดว่าตนเองไม่ได้อุปทาน รู้สึกตื่นเต้น เหมือนเจอจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ
ชักสนุกเลยย้อนดูต่อ คราวนี้อยากรู้ว่าก่อนเกิดเป็นนางฟ้า เราเป็นใคร
เทพธิดาสุธรรมาวดี (ภายหลังได้ถามชื่อจากพี่น้ำใส พี่น้ำใสตอบว่าชื่อสุธรรมาวดีค่ะ ตาลฟังขาดไป)
จึงเหาะลงมายังโลกมนุษย์ เหาะเข้าไปในป่าทึบแห่งหนึ่ง
แล้วภาพก็หายไป ซักพักก็ปรากฏภาพขึ้นมาใหม่
ครั้งนี้เห็นตนเองกำลังนั่งสมาธิใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ตนเองนั้นอยู่ในเพศบรรชิต
เป็นพระธุดงค์ ไม่หนุ่มไม่แก่ สวมจีวรเก่า ๆ
ได้มองดูตนเองเป็นพระธุดงค์ด้วยความประหลาดใจแบบสุด ๆ
และก็คิดว่าเออ...สงสัยเราจะเริ่มบ้าแล้ว ประกอบกับเริ่มรู้สึกเหนื่อยเหมือนวิ่งเร็ว ๆ มานาน จึงหยุดไปในที่สุด -
ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานของน้องน้ำตาลด้วยค่ะ หลังจากน้องตาลเขียนตอนแรกแล้ว ก็ line มาปรึกษาว่า ควรเขียนต่อหรือไม่ ดิฉันตอบไปว่า "ควรเขียนต่อ เริ่มต้นแล้ว ควรต่อให้จบ"
การที่นำประสบการณ์ในการปฏิบัติมาให้กัลยาณมิตรทุกท่านได้รับทราบ ดิฉันคิดว่า เป็นการให้ธรรมทาน มากกว่าเป็นการที่จะอวดภูมิของตัวเอง
น้องน้ำตาลเสียสละที่จะนำเรื่องราวประสบการณ์ของตนมาแชร์นั้น เป็นเสียสละที่อาจจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ก็เป็นเรื่องปกติ เนื่องจากการมีศรัทธา ศีล ปัญญา และจาคะไม่เสมอกัน
ดิฉันจึงบอกกับน้องว่า "เขียนให้จบนะคะ เพราะประสบการณ์ของเราอาจจะไปตรงกับประสบการณ์ของเพื่อนสมาชิก หรือท่านผู้ติดตามกระทู้นี้ก็ได้"
ตัวดิฉันเองกว่าจะมาถึงวันนี้ก็โดนวิพากษ์วิจารณ์ขนาดใหญ่เหมือนกัน รู้สึกประหลาดใจที่ผู้ที่มาเขียนวิพากษ์วิจารณ์นั้น ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ไม่เคยพบตัวจริงกันด้วยซ้ำ เพียงแต่จรดคีบอร์ดเขียนวิจารณ์ไปโดยไม่ทราบว่า เบื้องปลายในปรโลกว่าจะต้องพบอะไร
ขออนุโมทนาบุญกับน้องน้ำตาลด้วยค่ะ
Numsai -
ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี
อนุโมทนาในธรรมทานของ น้ำตาล ด้วยนะครับ
ขอให้มีความสุขมากๆ และสวยวัน สวยคืนนะจ๊ะ น้ำตาล -
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
ส่วนตัวตาลเองไม่เคยคิดว่าตนเองนั้นดีเลย
ทุกวันนี้ก็ "พยายาม" ทำตัวให้เป็นคนดีอยู่ค่ะ
เพราะทำเลวนั้นทำมาเยอะแล้ว ทำดีนั้นทำยากจริง ๆ
ตาลอยากเล่าประสบการณ์ของตนเองเป็นธรรมทานบ้าง
ไม่ใช่เพราะอวดเก่ง คิดว่าตัวเองแน่ ตัวเองเป็นคนดี แต่เป็นเพราะ...
พบว่า...คนที่รู้จริง ๆ ไม่ค่อยยอมออกมาเล่า ออกมาถ่ายทอดสิ่งที่รู้จริงนั้นให้คนอื่นฟัง
แม้แต่ตาลเอง ตอนที่งม ๆ อยู่ก้นเหว ก็ไม่ค่อยมีคนมาบอกมาสอน
ทำให้เราเห็นค่าตรงจุดนี้...หากเรามีโอกาสก็อยากถ่ายทอดให้คนอื่น ๆ ฟัง
อยากให้เขารู้ เขามีกำลังใจ เขาจะได้มีความพยายามและทำไปให้ถึงค่ะ
ถ้าเขาทำถึงไปได้ไกลกว่าเรา ก็ยิ่งดี เราจะได้มีกัลยาณมิตรดี ๆ เพิ่ม
ขอขอบคุณและอนุโมทนาสาธุกับพี่น้ำใสทุกประการค่ะ -
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
ประสบการณ์การระลึกชาติโดยการใช้มโนมยิทธิ
ขอเล่าตอนนี้เป็นตอนสุดท้ายนะคะ เนื่องจากมีคิวรอจ่ออยู่ และตาลก็ไม่ว่างไปจนถึงวันอาทิตย์
ต้องขออภัยอย่างสูงที่ต้องรีบจบ รีบเขียนค่ะ
***********************************************
ตอนที่ตาลฝึกระลึกชาติเองโดยการย้อนนึกนั้น
ตอนนั้นตาลได้มโนมยิทธิแล้ว แต่ยังใช้ญาณ ๘ ไม่คล่อง
และเนื่องจากกลัวตนเองจะอุปทานจึงไม่ได้เช็คเรื่องนี้ค่ะ
การฝึกญาณ ๘ ที่บ้านสายลมสำหรับตาลถือว่ายากมาก
ครูฝึกพาไปเร็ว ตอบไม่ทัน หรือไม่ก็ภาพไม่ปรากฏเลย
ต่อมาตาลได้พบกับเพื่อนกลุ่มหนึ่งที่ตั้งวงฝึกมโนมยิทธิด้วยกัน
โดยมีรุ่นพี่ที่มีประสบการณ์คอยแนะนำให้
และรุ่นพี่ท่านนี้เองที่พาตาลไปฝึกมโนมยิทธิที่ศูนย์พุทธศรัทธา จ.สระบุรี
ตาลได้พบกับท่านอาจารย์ชนะที่ได้เมตตาสอนญาณ ๘ ให้
ท่านใจดีมากค่ะ วันนั้น มีผู้ที่ได้มโนมยิทธิแล้วประมาณ ๗-๘ คนนั่งฝึกล้อมวงอาจารย์ชนะอยู่
วันนั้นรู้สึกว่าฝึกได้ดีจนน่าประหลาดใจ อาจจะเพราะคนน้อยและอาจารย์ค่อย ๆ พาไป
เมื่อถึงเรื่องการฝึกอดีตังสญาณ อาจารย์ชนะได้กล่าวว่า
"ขอให้ทุกคนขอบารมีพระพุทธเจ้า ให้พระองค์ท่านพาย้อนกลับไปในอดีต
ขอให้ทุกคนกราบเรียนถามองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า
ณ ศุนย์พุทธศรัทธานี้ ใต้โบสถ์มีสิ่งใดอยู่"
จู่ ๆ ก็ปรากฏภาพขึ้นมา ภาพนั้นเกิดขึ้นในสมัยของเจ้าชายรามราช
คืนนั้นเป็นคืนเดือนมืด ตาลเห็นเจ้าชายรามราช และพรรคพวกที่เป็นทหารด้วยกันราว ๆ ๒๐ คน
กำลังซุ่มเงียบอยู่ในพงหญ้ารกทึบ มีชายร่างกำยำล่ำสันไว้หนวดคนหนึ่งถือดาบโบกเป็นสัญญาณ
แล้วตาลก็ต้องประหลาดใจอีกรอบ เมื่อวาระจิตนั้นทราบว่า ตนเองเป็นชายคนที่ถือดาบและโบกมือเป็นสัญญาณนั่นเอง
เมื่อได้สัญญาณ ทุกคนก็กรูกันออกมาจากที่ซ่อน
ตาลเห็นเจ้าชายรามราช ทรงออกมาด้วย พรรคพวกที่มาด้วยกันต่างกำลังหาบหีบใบใหญ่หลายใบ
ภายในหีบเพียบแปล้ไปด้วยทองคำ ตาลเห็นตัวเองสั่งการให้พลทหารทั้งหลายเร่งกันขุดหลุมใหญ่
เพื่อใช้ฝังทองคำจำนวนมาก จากนั้นภาพนั้นก็หายไป
เพื่อน ๆ หลายคนตอบถูก ท่านอาจารย์ชนะได้เฉลยว่ามีทองคำฝังอยู่ใต้โบสถ์นี้
และท่านยังบอกอีกว่า หลวงพ่อฤาษีนั้นในอดีตท่านได้ฝังทองคำจำนวนมากเอาไว้
เพื่อไม่ให้ศัตรูมาเอาไป ท่านหวังเพียงเพื่อในภายภาคหน้าจะได้ใช้ทองคำนี้ เพื่อทนุบำรุงพระพุทธศาสนาให้เจริญรุ่งเรือง
หลังจากนั้นท่านอาจารย์ชนะได้พาย้อนอดีตไปในสมัยต่าง ๆ อีกหลายสมัย
อาทิเช่นสมัยรัชกาลที่ ๑ รัชกาลที่ ๕ ท่านก็ได้ถามว่าเห็นไหมว่าพวกเธอเคยเกิดเป็นใคร
ในสมัยรัชกาลที่ ๑ ตาลเห็นตัวเองเกิดเป็นหญิงสาวสูงศักดิ์คนหนึ่ง แต่ทว่าเธอแก่ชรา
ดวงตาฝ้าฟางนั้นมองออกไปในความมืด เฝ้ารอคอยใครบางคนในวาระสุดท้ายของชีวิต
ในรัชสมัยของรัชกาลที่ ๕ ตาลเห็นตัวเองนั่งอยู่บนเสลี่ยง มีชายสี่คนหาม
ในมือของตาลโบกพัดจีนรัว ๆ สวมโจงกระเบน ใส่เสื้อลูกไม้จีบพอง มีผ้าพาดบ่า
ไว้ผมทรงกระทุ่ม ลักษณะเหมือนเป็นราชนิกูลชั้นสูง ท่าทางหยิ่งยโส
-
ธรรมวิวัฒน์ เป็นที่รู้จักกันดี
เดาว่าใต้โบสถ์ต้องมีทองคำ หรือ พระทองคำฝังไว้นะ เทวดาชอบฝากทองไว้ใต้โบสถ์
เพราะจะได้หมดหน้าที่ แล้วกลับไปเสวยสุขต่อจ้า -
แหวน รึเปล่า ทาย ด้วยคน อิอิ
-
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
ครั้งแรกที่ได้อดีตังสญาณนั้น ตาลขอตอบได้เลยนะคะว่าดีใจมาก
เพื่อน ๆ ที่ร่วมฝึกด้วยกันนั้นก็ดีใจ หลังจากฝึกเสร็จก็คุยกันเซ็งแซ่
คนโน้นคนนี้เล่าให้ฟังเต็มไปหมดว่าเคยเกิดเป็นใคร เป็นคนสูงส่งแค่ไหน
น้ำเสียงของทุกคนต่างปลื้มปิติกันทั้งนั้นค่ะ
ตาลก็ดีใจที่ทราบว่าตนเองเคยเป็นข้าราชบริพารของหลวงพ่อฯ มาก่อน
และก็เข้าใจว่าทำไมเราถึงชอบคำสอนของท่าน ทำไมท่านถึงสอนเราได้
นั่นก็เป็นเพราะว่าเคยร่วมบุญร่วมกรรม เกิดร่วมชาติกันมาก่อน คนที่เคยเกิดร่วมกันย่อมสอนกันรู้เรื่อง
ประกอบกับในสมัยก่อน เราถวายงานท่านด้วยความเคารพรักและซื่อสัตย์
ท่านพูดอะไรเราก็น้อมรับนำมาใส่ใจ มาถึงสมัยนี้มันก็ไม่แปลกที่ฟังคำสอนของท่านรู้เรื่องกว่าของท่านอื่น
เพราะเราไม่เคยลังเลสงสัยในคุณความดีของท่านที่ทำเพื่อชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์จริง ๆ
ตาลได้เข้ากลุ่มและฝึกมโนมยิทธิกับเพื่อน ๆ และรุ่นพี่ท่านนั้นมาพักนึง
ไม่นานก็เริ่มรู้สึกแปลกแยก เพราะรุ่นพี่ท่านนั้นเริ่มพูดแต่เรื่องของสมัยอดีต
ที่ตนเองเคยเป็นกษัตริย์พระองค์หนึ่งแทบจะตลอดเวลา
เริ่มพูดว่าน้องผู้หญิงคนนั้นเคยเกิดเป็นเมียพี่ คนโน้นก็เมีย คนนี้ก็เมีย
ตาลเองก็เกิดเป็นเมียเขา เกิดเป็นสนมคนที่ ๑๑ ของเขามาก่อน
ยิ่งคนสวยที่สุดในกลุ่ม เขาก็บอกว่าเคยเกิดเป็นมเหสีและเป็นนางแก้วอันดับหนึ่งของเขา
ขอตอบตามความจริงว่า รุ่นพี่ท่านนี้เป็นผู้ที่มีทิพจักขุญาณแจ่มใสมากท่านหนึ่ง
ความสามารถในการระลึกชาติของเขานั้น มีหลาย ๆ ท่านได้รับรองว่าเป็นความจริง
แต่ถึงแม้ทุกอย่างจะจริงและตาลเคยเป็นสนมของเขามาก่อน
แต่มันก็แปลก เพราะการระลึกชาติของเขานั้นไม่ได้ปล่อยวางสิ่งที่รู้ที่เห็นลง
ความรู้ทางธรรมตาลก็ยังด้อยอยู่มาก แต่ก็ไม่คิดจะยึดในอดีตที่ผ่านมาแล้วนำมาเป็นสาระ
อาจจะรู้สึกดีใจที่รู้เห็นอดีต แต่ก็ดีใจเพียงไม่กี่ครั้ง เห็นแล้วก็เห็น เสร็จก็วางลงตรงนั้น
จึงประหลาดใจในการกระทำของเขามาก ภายหลังจากนั้นตาลจึงแยกตัวออกมา
พระครูวิลาศกาญจนธรรมท่านเคยกล่าวเอาไว้ว่า
ปัจจุบันนี้คนที่ได้มโนมยิทธิและใช้ผิดนั้นมีเกินกว่า ๙๐%
ตาลนำมาพิจารณาภายหลังก็รู้สึกเห็นด้วยกับท่าน
หลาย ๆ คนที่ได้มโนมยิทธิแล้วนำไปดูอดีตแล้วก็ยึด
ไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์ว่าคนโน้นคนนี้เคยเกิดเป็นพ่อแม่พี่น้องลูกเมียกันมาก่อน
เสร็จแล้วก็กอดคอจมน้ำตายด้วยกันทั้งหมด
ตาลไม่ได้คิดว่าจะนำเรื่องราวของคนอื่นมาเปรียบเทียบกับตนเองเพื่อให้ตนเองดูดีขึ้นนะคะ
แต่เอาไว้เตือนสติตนเองว่าเราจะไม่เป็นอย่างเขา เราจะไม่ทำอย่างเขา เพราะตัวอย่างมีให้เห็นตำตา
เสร็จแล้วก็ขอบคุณเขา และแผ่เมตตาให้เขามาก ๆ
(ต้องกราบขออภัยที่ต้องเอ่ยถึงคนอื่นในทางที่...ด้วยค่ะ)
หลวงพ่อฯ ท่านอุตส่าห์หยิบยื่นอาวุธที่ใช้ประหัตประหารกิเลสให้สิ้นไปกับลูก ๆ หลาน ๆ ที่ติดตามกันมา
แต่หลายท่านกลับใช้เป็นอาวุธเข้าทิ่มแทงตนเอง
ของดีที่พ่อให้ไว้ เอามาใช้ให้เป็น มันก็เหมือนมีด ถ้าหากเราเป็นผู้ใช้นำมาแทงตัวเองเราก็ตายเปล่า
เกิดมาเป็นคนชาติเดียวก็ทุกข์พออยู่แล้ว ยังไปเอาชาติอื่นมาทุกข์อีก ทุกข์ซ้ำไปใหญ่ค่ะ
ประสบการณ์การระลึกชาติของตาลที่นำมาเล่าให้ฟังนี้
หวังว่าพี่ ๆ น้อง ๆ จะได้ประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อยนะคะ
ตาลเล่าให้ฟังก็ไม่ได้หวังอะไร หวังแค่ว่าหลาย ๆ ท่านจะได้เข้าใจในญาณตัวนี้มากขึ้นค่ะ
เข้าใจแล้วก็ขอให้ใช้ไปในทางที่เป็นประโยชน์ ไม่ก่อให้เกิดโทษแก่ตัวเองและผู้อื่น
และถ้าเป็นไปได้ก็ใช้ในการพิจารณาวิปัสสนาญาณให้ดียิ่ง ๆ ขึ้นไปค่ะ
ตัวตาลเองก็ยังเป็นผู้ที่ต้องเรียนรู้ บางครั้งการได้แลกเปลี่ยนความรู้ก็ดีใจแล้วค่ะ
หากพลั้งพลาดในสิ่งใดก็กราบขออภัยและน้อมรับความผิดนั้นด้วยนะคะ
ไม่ขอแก้ตัวใด ๆ เพราะรู้ว่าตนเองนั้นยังเลวอยู่มาก
บางทีอาจจะเผลออวดเลวที่มันมีเยอะมากในกมลสันดานออกมาก็ต้องขออภัยจริง ๆ ค่ะ
วันไหนที่พี่น้ำใสเผลอแล้วเจอกันอีกนะคะ อิอิ -
สาธุ ขออนุโมทนาในธรรมทานของคุณน้ำตาลค่ะ ติดตามด้วยใจระทึก
ว่าแต่...จบเร็ว (จัง) อีกแล้นนนน -
Miss Brown เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium
ขอบพระคุณที่ติดตามค่ะคุณ diya
ตาลยังมีอีกเรื่องที่ต้องใช้เวลาในการเขียนมาก
นั่นคือเรื่องการบำเพ็ญนางแก้วของตนเอง
เหตุใดจึงปรารถนานางแก้ว และเหตุใดจึงปรารถนาพุทธภูมิซ้อนนางแก้ว
เหตุใดจึงช่วงหลังจึงเกิดเป็นชายมากกว่าหญิง
ทั้ง ๆ ที่เข้าสู่เขตปรมัตถบารมีปลายแล้ว
ทุกอย่างมีเหตุมีปัจจัยทั้งนั้น ...
การบำเพ็ญบารมีใช่แต่จะมีเรื่องที่เข้าใจหัวอกในกันและกันของนางแก้วและพระโพธิสัตว์นะคะ
ช่วงทะเลาะกันก็หนักหนาเอาการ กว่าจะผ่านพ้นมาได้ก็แทบรากเลือด
เรื่องนี้ท่านสิทธิสัตตะได้อนุญาตไว้เป็นที่เรียบร้อยโดยไม่ต้องขอ
ท่านบอกว่า "ถ้าหากเธอจะลงเป็นธรรมทาน พี่ก็ไม่ว่าอะไร"
รอติดตามแล้วกันค่ะ ขอเคลียร์เรื่องวุ่น ๆ ก่อนแล้วเจอกันค่ะ ^^ -
..ลักษณะของคู่แท้คู่บารมี (Soul Mate)..
ขออนุโมทนาบุญในธรรมทานของน้องน้ำตาลอีกครั้งค่ะ ช่วงนี้ไฟแรง อิอิ
เรื่องของการบำเพ็ญบารมีระหว่างพระโพธิสัตว์ และนางแก้วนั้น แต่ละท่านก็ไม่ได้มีสูตรสำเร็จ เนื่องจากทุกอย่างนั้นเกิดจากกรรมที่ต่างสร้างกันมาแต่อดีต ชาติใดเกิดมารักใคร่ปรองดองกันดี เกิดจากกุศลกรรมส่งผล
ชาติใดที่ไม่เข้าใจกัน มีปัญหาเกิดขึ้นมาต่าง ๆ กันก็เกิดจากอกุศลกรรมที่ต่างร่วมสร้างกันมา หลายท่านคิดว่าเป็นบททดสอบว่า จะร่วมเดินทางต่อไปอีกหรือไม่
ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ และผู้ปรารถนานางแก้วนั้น อาจจะเคยอธิษฐานครองคู่กันหลายท่าน ระหว่างที่สร้างบารมีในแต่ละคู่นั้น จะมีบททดสอบมากมาย อันเกิดจากกรรมที่กระทำร่วมกันในอดีต มีเหตุให้หลายคน ต้องอธิษฐานลาขาดกันไป ไม่ขอติดตามสร้างบารมีร่วมกันอีก ยกเว้นกรณีที่ผู้ปรารถนาพุทธภูมิ ลาพุทธภูมิ เพื่อเข้าพระนิพพาน หรือเพื่อปรารถนาอย่างอื่น
การคัดกรองคู่บารมีจะเป็นไปอย่างเข้มข้น มีบททดสอบแล้วทดสอบอีก จนกระทั่งเหลือเพียง ๑ คนเดียวที่ปรากฏไม่เกิน ๓๐ ชาติสุดท้าย จะเป็นคนสุดท้ายที่จะครองคู่กันจนกว่าพระโพธิสัตว์จะสำเร็จพระสัมมาสัมโพธิญาณ
ทีนี้มาดูลักษณะของคู่แท้คู่บารมี มีดังนี้
๑) มองตาก็รู้ใจ พบกันครั้งแรกจะรู้สึกแบบรักแรกพบ ไม่ต้องเอ่ยคำอีกฝ่ายหนึ่งก็จะเข้าใจทุกอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ
๒) โอนอ่อนผ่อนตามกันทุกเรื่อง
๓) เมตตาต่อกันดุจบิดามารดาเมตตาต่อบุตรของตน
๔) ปราศจากคำว่า หึงหวง ริษยา หรืออาฆาตต่อกัน
๕) พร้อมจะเป็นผู้เสียสละความสุขให้แก่กันได้เสมอ และทุกเวลา
๖) พร้อมจะเป็นผู้ให้ และผู้รับ ซึ่งกันและกัน
๗) ทุกครั้งที่ฝ่ายหนึ่งมีทุกข์ กระแสใจจะเชื่อมความรู้สึกถึงอีกฝ่ายทันที คล้ายใจที่เชื่อมถึงใจ กรณีที่อีกฝ่ายเป็นนักปฏิบัติธรรมขั้นสูงจะช่วยบรรเทาความทุกข์ให้ได้ทันที
๘) สามารถให้อภัยให้แก่กันได้อย่างไม่มีเงื่อนไข ในกรณีที่อีกฝ่ายทำผิดพลาดไป
๙) รักษาทรัพย์ หรือผลประโยชน์ของกันและกัน
๑๐) อยู่กันจนแก่เฒ่า ไม่นอกใจกัน
นี้คือลักษณะของคู่บารมีโดยแท้ หลายท่านคิดว่า จะไปหาที่ไหนคู่แบบนี้ แม้แต่กะรัตกับุคุณชายพิสุทธิ์ที่เรียกว่า รักกันมาก ยังมีอุปสรรค ไม่เข้าใจกันหลายครั้ง อิอิ
ดิฉันขอเรียนว่า มีจริงในโลก ถึงแม้ไม่ได้เข้าข่ายหมดทุกข้อ เพียงแค่ ๓ ข้อก็ถือว่า มากพอที่เรียกว่า เป็นคู่แท้คู่บารมี
ขออนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วยค่ะ
Numsai -
..๑๕ มีค.นี้ ๑๒.๕๙ น.-ประมูลดวงแก้วพุทธพรหมมุนี น้ำหนักกว่า ๑๐ กก.ค่ะ
ดวงแก้วพุทธพรหมมุนี อธิษฐานโดยพระอรรถสัจจฤาษี ก่อนในสมัยพุทธกาลสมเด็จพระโสภิตะพุทธเจ้า
ดวงแก้วนี้มีกายสิทธิ์ ๓๒,๙๕๙,๐๐๐ องค์ พระบวรปทมไชยนาทโพธิสัตว์ เป็นผู้ดูแลดวงแก้ว ปัจจุบันอยู่สวรรค์ชั้นดุสิต (ชั้น ๔)
กติกาในการประมูล
๑. ประมูลวันที่ ๑๕ มีนาคม ๒๕๕๗ ภายใน ๑๒.๕๙ น. ตามมหัทธโนฤกษ์ ตรงกับวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๔ ปีมะเส็ง
๒. รายการประมูลจะมอบแด่ท่านที่ประมูลราคาสูงสุดภายในเวลาที่กำหนด (ตามเวลาเว็บพลังจิต.org)
๓. หากที่มีผู้ประมูลราคาสูงสุด และเวลาเท่ากัน ๒ ท่าน จะตัดสินด้วยผู้ที่ทำการโพสต์ก่อนเป็นอันดับแรก
๔. หลังจากปิดการประมูล โอนปัจจัยภายใน ๒ วันหลังจากโอนปัจจัยแล้ว กรุณาแจ้งชื่อ-ที่อยู่ใน PM-Numsai ค่ะ
กรุณาโอนปัจจัยไปที่......
ชื่อบัญชี พุทธารา โรจนฤทธิกร
เลขที่ 080-252647-2
ธนาคาร ไทยพาณิชย์
สาขา ถนนศรีนครินทร์ (กรุงเทพ – กรีฑา)
ประเภท ออมทรัพย์-แบบสะสมทรัพย์
ปัจจัยหลังหักค่าใช้จ่าย ๓๐ % ร่วมบุญสร้างสมเด็จพระพุทธวิปัสสีโภครัศมีโชติ ขนาดหน้า ๔ ศอก สร้างด้วยหินทรายขาว
ขออนุโมทนาบุญกับทุก ๆ ท่านด้วยค่ะ
Numsai -
ขอร่วมประมูลดวงแก้วพุทธพรหมมุนี 17300บาทครับ
-
เดิมทีตั้งใจจะลงประวัติดวงแก้วชุดดำรงดิเรกฤทธิ์ก่อนจะประมูลดวงแก้วชุดพุทธพรหมมุนี ปรากฏว่า ช่วงบ่ายจะมีแขกคนสำคัญมาบ้าน ก็เลยต้องระงับการลงประวัติไปก่อน ขออนุญาตนำดวงแก้วประมูลก่อนค่ะ
สำหรับประวัติดวงแก้วชุดดำรงดิเรกฤทธิ์จะทะยอยลง จากนั้นจะเป็นประวัติดวงแก้วชุดพุทธพรหมมุนี ซึ่งจะมีประวัติดวงแก้วอภิบูรณ์อมรฤทธิ์ ของคุณ Prapart54 รวมอยู่ด้วยค่ะ
ดวงแก้วชุดพุทธพรหมมุนีจะปรากฏก่อนสมัยพระพุทธโสภิตะพุทธเจ้า ซึ่งได้เคยนำพระเขี้ยวแก้วของพระองค์ประมูลก่อนหน้านี้ค่ะ
ขออนุโมทนาบุญด้วยค่ะ
Numsai -
ขอร่วมประมูลดวงแก้วพุทธพรหมมุนี 18000บาทครับ
หน้า 358 ของ 661