สาธุๆๆ เมื่อก่อนก็เกือบจะเข้าคริสต์ไปทีนึงแต่เขาห้ามถามนะให้เชื่ออย่างเดียว เขาก็มี10 commandment แต่ไม่มีทางหลุดพ้น ตอนนี้ฝรั่งจึงเข้าวัดมาก เขาทํากันจริง ไม่มีการสั่นติ้ว ขอพร อะไรทั้งนั้น
ปี 2568 ครบรอบ11 ปีของดวงอาทิตย์ อาจจะมืด 56 วันได้ถ้ายังก็รออีก 11ปี เตรียมพร้อมกายและจิตหรือยัง
ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย supako, 4 กันยายน 2014.
หน้า 10 ของ 20
-
เกิดการแบ่งแยกศาสนา คิดว่าของเราดีกว่าเพราะทำให้หลุดพ้น
ศาสนาอื่นทำให้คนยังยึดติดอยูกับโลก ไม่พ้นไปจากทุกข์เสียที
แต่ถ้าเราเข้าใจเรื่องสัจธรรมความจริง และ กฎแห่งสากลจักรวาลแล้ว
เราจะเข้าใจได้เลยว่า ทำไมโลกจึงต้องมีศาสนา ทำโลกจึงต้องมีศาสดา
หากโลกนี้ไร้ศาสนา ทุกคนก็พร้อมจะใช้จิตวิญญาณเยี่ยงซาตาน
มนุษย์ที่ไม่เข้าใจหลักปรัชญาศาสนาของตน
ก็จะไม่รู้ว่าในการถือศีลเพื่องดเว้นการทำผิดคิดชั่วนัั้น
แท้ที่จริงแล้วแต่ละศาสนาให้ยึดถือธรรมะ หรือ หลักธรรมเป็นแนวปฏิบัติ
โดยที่ไม่รู้ว่ามันเป็นอุบายของพระศาสดานั้น ๆ
ในการชี้นำให้มนุษย์เข้าถึงมันให้ได้
เพื่อทำหน้าที่ของตนด้วยการมีจิตสำนึกที่ดีงามให้การให้สิ่งที่ดีแก่กัน
ถ้าใครได้เริ่มทำความเข้าใจกับพลังงานยุคใหม่นั้น
เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นการควบคุมของจักรวาล
ไม่ใช่พื้นฐานของศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
ไม่ใช่สัจธรรมของศาสนาดใดเพียงศาสนาดเดียว
แต่ถ้าเอาทุกศาสตร์มาผสมผสานกันให้เป็นหนึ่งเดียวกันได้
จะเข้าใจหลักสัจธรรมที่แท้จริงว่า ปรัชญาของศาสนาใด ๆ
ล้วนมีความเป็นหนึ่งเดียวกัน คือ สร้างความสุขสงบสันติสุขในใจให้เกิดขึ้นแก่ทุกคน
ในขณะที่มนุษย์ซีกโลกตะวันตก ได้รับพรสวรรค์ในการสรรคสร้างเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อให้โลกเกิดความเจริญก้าวหน้า
และ
มนุษย์ในซีกโลกตะวันออก ที่ส่วนใหญ่มีพรสวรรค์ในทางด้านจิตวิญญาณ
ที่สามารถเข้าถึงความจริงสัจธรรมได้มากกว่า....เพื่อทำให้โลกสงบสุข
เมื่อทุกคนบนโลกต่างก็มีหน้าที่ของตนเอง มาเพื่อสร้างสรรค์โลก
การมีศาสนาที่จะเข้ากับวิถีชีวิตของจิตวิญญาณแต่ละคนจึงไม่เหมือนกัน
ก็ไม่ใช่ความแตกต่างกัน
ก็อยู่ที่ความปราถนา และ บุญบารมีของแต่ละจิตวิญญาณ
แต่ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ก็ด้วยความถ่วงดุลที่ไม่สมดุลของมนุษย์บนโลก
ที่มนุษย์ซีกโลกตะวันออกจะทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์
แต่กลับไปหลงไหลเทคโนโลยียอมเป็นทาสวิทยาศาสตร์สมัยใหม่
เกิดขาดสมดุลทางด้านจิตวิญญาณ จึงทำให้โลกปั่นป่วนที่เห็นกันอยู่ขณะนี้
จึงมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เพื่อยกสิ่งที่ตกต่ำให้มีระดับที่สูงขึ้น
ก็คือ ยกระดับจิตวิญญาณโลกมนุษย์ที่ตกต่ำให้สูงขึ้น
ที่เรียกว่า พลังงานยุคใหม่ คือ การเปลี่ยนแปลงทั้งคนและโลก
สัจธรรม...ถ้าขยะที่มีอยู่นี้ ไม่ใช่ชำระล้าง ส่ิงใหม่ ๆ ก็เข้ามาไม่ได้
ส่วนผู้ที่มองศาสนาพุทธเป็นเรื่องคร่ำครึไม่เป็นวิทยาศาสตร์
ผู้ใดพูดถึงธรรมะทางศาสนา กลายเป็นว่าเป็นเรื่องของคนวันใกล้ตายหรือเป็นของคนหัวโบราณไปเสียหมด
แท้ที่จริงแล้วศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่พระองค์
ทรงวางแนวทางและชี้สัจธรรมไว้ให้มนุษย์โลกล่วงหน้า
ศาสนาพุทธจึงเป็นความจริงต่อทุกยุคทุกสมัย
ผู้ที่ขาดทักษะความเข้าใจของมนุษย์ยุคต้น ๆ
ดูคล้ายว่าเป็นเรื่องลึกลับไม่อาจล่วงรู้ได้
เป็นนามธรรมยากแก่การเข้าใจ...
มนุษย์ฝึกปฏิบัติฝึกฝนตนเองด้วยการปฏิบัติทางจิต
มุ่งแสวงหาความรู้แจ้งแต่ไปหลงยึดติดกับปาฏิหาริย์ทางจิต
กระทำตนให้เป็นผู้วิเศษแทนที่จะเข้าถึงสัจธรรม
ร่างกายและจิตใจขาดการขัดเกลาให้ใสสะอาดเสียก่อน
จึงสร้างความสมดุลสู่การหลุดพ้นไม่ได้
และผลของมรรค 8 ...วัดผล...กันที่การกระทำที่ถูกต้องชอบธรรม
หากเราปฏิบัติสมาธิจิต แต่ไม่สามารถนำลงไปสู่การกระทำได้
ก็ไม่ใช่มรรค 8 ที่แท้จริง
ดั่งนั้นแล้วในโลกนี้ไม่ว่าใครจะทำอย่างไร
หากบุคคลนั้นปฏิบัติดีปฏิบัติชอบต่อคนอื่นไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน
จึงสมกับที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์อย่างแท้จริง
แต่ใครจะหลุดพ้น หรือ ติดอยู่กับโลก...ก็แล้วแต่บารมีของแต่ละคนค่ะ -
สาธุในบุญดีที่ท่านทำมาไว้ดีจึงไม่ตกไปสู่ความเห็นผิดที่พาวนในสังสารวัฏ
การตั้งใจมั่นว่าจะมีพระรัตนตรัยเท่านั้นเป็นที่พึ่ง ย่อมเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ได้พบและศรัทธาในธรรมะที่นำไปสู่ปัญญา
ปัญญาเป็นปัจจัยสำคัญในการหลุดพ้น ขาดปัญญาแล้ว ก็ไม่อาจพ้นวัฏฏะได้
ขอความดีและกุศลของท่านปกปักรักษาท่านไว้ให้มีความสุขความบริบูรณ์ในโภคะ มีสุขภาพที่ดีปลอดโรคาพาธ และปลอดภัยจากภยันตรายทั้งปวง ตลอดไปครับและมีความเจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปนะครับ
ปล. แถวนั้นหิมะตกหรือยังครับ -
-
ความคิดว่าศาสนาของตนดีกว่าศาสนาอื่น "ตามความเป็นจริง" เพราะเป็นจริงเช่นนั้น เป็นความคิดที่ถูกต้อง แต่ความคิดว่าศาสนาทุกศาสนาดีเท่ากันหรือสอนให้คนเป็นคนดีเหมือนกันนั้น เป็นเรื่องของการทำจริตให้โก่งงอ...โดยเฉพาะผู้ที่คิดว่าตนเป็นชาวพุทธแต่ไม่ทราบคุณวิเศษที่มีในศาสนาตนเพียงเพราะไม่เคยสดับศึกษาและหาศรัทธาเเท้จริงในพระพุทธเจ้าไม่ได้...
คนเหล่านี้จำนวนมาก ใคร่จะเอาใจชาวบ้าน เพราะต้องการแสดงว่าตนเป็นคนดีมองโลกในแง่ดีนิยมสันติ แต่ไม่ทราบว่าตนพลอยหลอกลวงชาวบ้านไปด้วยการแสดงทัศนะทำนองนี้...ว่า..
เมื่อสามารถสร้างสิ่งไม่จริงว่ามีว่าเป็นได้ สิ่งอื่นที่กำหนดขึ้นจะเป็นไปเพื่อประโยชน์แก่ใคร น่าจะคิดกันเองได้
ในบางลัทธิมีข้อกำหนดให้ทำลายผู้ที่ไม่เชื่ิอลัทธิตน ... หรือฆ่าสัตว์เพื่อกินเป็นอาหารได้ ไม่บาป etc..etc.. อย่างนี้สาวกผู้ไม่รู้จักบุญบาปหรือกระทั่งศีลจะเป็นอย่างไร ก็พลอยวิบัติไปตามกิเลสของศาสดาเท่านั้น...
การแสดงทัศนะตามจริงว่าสิ่งใดถูกผิดไม่ใช่การแสดงว่าของฉันดีกว่าแก แต่อาศัยกรุณาจิตคิดให้คนที่พอจะมีบุญหรือปัญญาได้ปัจจัยที่จะพิจารณาเพื่อรักษาตนไว้ในความเกษมสวัสดีเท่านั้น แม้ในเวลาใดเวลาหนึ่งที่ได้พบปะหรือมีกิจที่ต้องอาศัยร่วมกับชาวลัทธิใดๆก็ไม่ได้คิดว่าจะไปทำร้ายทำลายเขา ยังคิดเอื้อเฟื้อเอ็นดูกันตามครรลองของมนุษย์ตามครรลองของศีลนั่นแหละ ส่วนที่เขาจะเป็นชาวลัทธิใดก็เป็นเรื่องของเขา กรรมนั้นทำแทนกันไม่ได้..
การเป็นขุนพลอยพยักจนตนเองเสียหายแสดงสิ่งไม่จริงทำนองนี้ว่า...
นี่เป็นสิ่งที่เสียหายต้องแก้ไข การแสดงสิ่งไม่จริงให้ชาวบ้านเข้าใจผิด เป็นโทษภัยมากแก่ตนและคนอื่น ผู้ที่ไม่ก่อกรรมใหม่มีเพียงพระอรหันต์เท่านั้น นอกนั้นไม่ใช่ฐานะ และผู้เข้าถึงฐานะนี้คือผู้เจริญมรรคมีองค์๘อย่างบริบูรณ์เท่านั้น...
หากไม่ทราบว่ากรรมคืออะไร จะยุติการทำกรรมได้อย่างไรควรศึกษาพระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสสอนให้ดี.....แต่หากไม่ใช่ชาวพุทธก็พึงเข้าใจให้ถูกว่าการมีเมตตาหรือกรุณาปรารถนาดีแก่กันก็เป็นการทำกรรมใหม่ตลอดเวลาเรียกว่าเป็นกุศลกรรม..
เป็นจินตนาการที่ไม่มีประโยชน์ ...มีความไม่รู้เป็นฐาน ..
ไม่มีการควบคุมอะไรของใครๆ มีแต่เรื่องของเหตุปัจจัยที่สมควรเท่านั้นเป็นไป...
พระพุทธศาสนาไม่ได้มีหลักการเพื่อความ"สุขสงบสันติสุขในใจให้เกิดขึ้น"แต่มีหลักในการฆ่าความหลงผิดว่า"มีตัวตน" อย่างแท้จริง ..ทั้งทราบชัดว่าสิ่งนี้เกิดด้วยเหตุปัจจัยใด.. ..ผู้ที่หมดความเห็นผิดว่าไม่มีอัตตาตัวตนอะไรๆด้วยอาการนี้เท่านั้น.. จะเป็นผู้ที่มีศีล๕เป็นอัธยาศัยปรกติ มีในพระโสดาบันเป็นต้นไป...จำนวนชาติภพที่ต้องไปผุดเกิดก็ลดน้อยลงไป ..ทั้งในขณะ"ขัดเกลา"กิเลสนั้น ก็ได้ความสงบสันติทั้งภายในภายนอกเป็น"ผลพลอยได้" ...
ส่วนลัทธิอื่น สนับสนุนการเกิดแบบสุดลิ่มทิ่มประตู จะเอามารวมกันได้อย่างไร เหมือนเอาทองกับอุจาระมาผสมกันย่อมไม่เข้ากันเป็นหนึ่งได้
นี้เป็นทัศนคติของผู้เชื่อเรื่องผู้สร้างว่าสามารถให้พรสวรรค์แก่ใครๆได้ด้วยฤทธิ์...จึงสุ่มเดาเอาเองว่า..คนในแถบนั้นหรือโน้นจึงมีลักษณะเช่นนั้นเช่นนี้..ลักษณะอาการของชาวใดๆในจักรวาลหาได้เกิดเพราะพรสวรรค์ไม่ แต่เกิดเพราะตัณหาอุปาทานที่มีในตนโดยมีปัจจัยอื่นมากมายสนับสนุน..
หากยังเห็นว่ามีพรสวรรค์ไรๆอยู่ ก็นับว่าลำบากแล้ว เพราะเป็นทางมาของฐานะ"ตอในวัฏฏะ"ได้ ความคิดก็เป็นกรรม ..ขึ้นชื่อว่ากรรม ที่จะไม่มีผลตามมานั้นไม่มีเลย..
ผลของมรรค๘วัดกันที่การหมดกิเลส.. จะเอาการกระทำอะไรมาวัด? ก็เมื่อเจริญมรรค๘อยู่ ก็คือการกระทำอยู่แล้ว เมื่อจะทราบผลว่าเจริญมรรค๘แล้วได้ผลใดก็ตรวจดูว่า ยังเห็นผิดว่ามีผู้สร้างหรือมีใครให้พรสวรรค์แก่ใครได้อยู่ใหม หรือยังมีพลังลึกลับควบคุมจักรวาลอยู่หรือเปล่า..ถ้าข้อแรกไม่ป่านแล้วข้ออื่นทำไปก็ไม่เรียกว่ามรรคในองค์๘แล้ว เเต่เรียกว่ากำลังขยันเจริญมิจฉามรรคไปเสีย....
ขอให้พ้นหล่มความเห็นผิด เมตตาตนเองให้มากว่ากรรมนี้ตนทำเอง ไม่มีใครจะมาล้างบาปให้ได้หรือพาไปสวรรค์เพียงเพราะการร้องเพลงสรรเสริญใครๆ...........ตนเท่านั้นต้องรับเองโดยแน่แท้...
อัตตาหิอัตโนนาโถ ตนย่อมเป็นที่พึ่งแห่งตน จะหวังพึ่งใครอื่น เป็นเรื่องที่ระวัง บางอย่างพึ่งแล้วได้ดี บางอย่างพึ่งแล้วจมอยู่ในสังสารวัฏหาทางออกไม่เจอทีเดียว..
เมตตาตนและคนอื่นด้วยการแสดงสิ่งเป็นจริง..ให้คนพ้นความหลง..
ผู้กล่าวเท็จอยู่ ย่อมสามารถทำบาปอื่นๆได้ไม่มีเว้น..
-
อ้อ ต้องห่อกันหลายชั้น ดูแลสุขภาพด้วยครับ..:cool::cool:
พระธรรมของพระพุทธเจ้านั้นเป็นของใหม่เสมอและน่าซาบซึ้งทุกเรื่อง
ยิ่งถ้าได้ศึกษาพระอภิธรรมแล้วจะทราบความมหัศจรรย์ทั้งในพระปัญญาคุณของพระพุทธเจ้าและความพิศดารซับซ้อนของสรรพสัตว์ ..
ผมเองก็ยังเป็นผู้ศึกษาอยู่ ยังไม่รู้มากนักหรอกครับ ผู้รู้มากในที่นี้มีเยอะครับ แต่ควรตรวจให้ดีว่ารู้ตามพระพุทธเจ้าหรือรู้เอง..เรื่องนี้บุญของตนเองจะจำแนกให้ได้ระดับหนึ่ง และต้องศึกษาให้มากจากพระธรรมที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนไว้จึงจะมีข้อมูลตรวจสอบ...
แต่เข้าใจว่าท่านzippมีของดีเก่าสั่งสมไว้แข็งแรง น่าอนุโมทนาครับ..:cool::cool:
-
ยอมรับว่าว่าปิดมากจริง ๆ
แล้วลักษณะสุญญตาของท่านเป็นอย่างไรค่ะ
ซึ่งเป็นคำสอนของพระศาสนาท่านเข้าไปเห็นบ้างหรือยังค่ะ
ถ้ายังไม่ไปเห็น จิตอย่าเพิ่งปิดค่ะ
ถ้าเข้าไปเห็นแล้ว ช่วยแนะนำด้วยค่ะ -
ยอมรับเลยค่ะว่า สู้พลังงานในตัวหนังสือ ของท่าน ddman
อย่างมาก ท่านสุดยอดมากเลยค่ะ ในทางดีหรือร้ายไม่แน่ใจ
อ่านแล้วใจสั่นไหวมาก
ไม่รู้ว่าเป็นอะไรมีพลังแห่งความ
เดี๋ยวจะค่อย ๆ ทยอยทำความเข้าใจ
แต่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นปราถนาดีอย่างมาก
ถ้าไม่ประสบความอัศจรรย์ใจเกี่ยวกับเคยสัมผัสคลื่นพลังงานเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาลจะไม่ค้านท่านเลย
แต่ใจท่านปิดต่างหาก....และท่านก็เล่นงานคนอื่นที่คัดค้านท่านนี่แหละค่ะที่สำคัญ -
เมื่อจะเปิดใจก็ควรดูให้ดีว่าเปิดแล้วอะไรจะเข้ามา ไม่ทราบหรือครับว่าที่ยังต้องมาเกิดนี้อยู่เพราะเปิดรับสิ่งที่ไม่ใช่ทางและแพร่สิ่งนั้นจนชิน ..
ข อท่านพบความสวัสดีในการเปิดใจนะครับ...
ว่าแต่ท่านเห็นอย่างไรจึงกล่าวว่าการมีเมตตากรุณา เป็นการไม่ทำกรรมใหม่ เพื่อไม่ต้องเกิดอีกเล่าครับ...
-
หากการแสดงสิ่งที่เป็นจริงเป็นพลังงานฝ่ายร้ายหรือรับไม่ได้ก็น่าเห็นใจครับ...
ขอให้ท่านมีความสวัสดีตลอดไปครับ
-
อักษรในตัวหนังสือเปลี่ยนแปลงได้
คำพูดที่อาบพลังเมตตา ปราถนาเพียงได้อนุเคราะห์ผู้อื่น
ปลดเปลื้องปมวิตกแบบวัวสันหลังหวะได้หมดเกลี้ยง
ข้าพเจ้านี่ไม่ได้เลย ถ้าใครว่าติงว่าข้าพเจ้ากำลังทำให้คนอื่นหลงผิด
นี่ข้าพเจ้าจะทุกข์ใจอย่างแสนสาหัส เพราะการพาคนอื่นให้หลง
นี่เป็นกรรมอันร้ายแรง แต่ข้าพเจ้าเชื่อในความอัศจรรย์
หลายอย่างที่เกิดกับตัวของข้าพเจ้าเอง ถ้าใครได้ติดตามโพสข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าจึงมั่นใจในสัจธรรมของหลักสากลจักรวาล
ยกโทษให้เขา คือ เอาโทษออกจากเรา
นี่อีกสิ่งหนึ่งทำให้ข้าพเจ้าต้องค่อย ๆ มีสติในการตอบให้ดีที่สุด
และแน่นอน ข้าพเจ้าจะตอบท่านให้ดีที่สุด มิใช่ให้ท่านเปลี่ยนใจ
เพราะบุคคลจะเปลี่ยนใจได้ ต้องเปลี่ยนความคิดเท่านั้น
เผลอเอาตัวตนออกมาอีกแระ ว่าจะเมตตาเสียหน่อย
ไม่เป็นไรฝึกเอา
แต่ที่ทำนี่ก็เพื่อว่าทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจและต้องการให้ทราบว่า
ไม่ว่ากรณีใด ๆ เราจะไม่ทำลายสิ่งที่ดีงามในใจของใคร ๆ
ถ้าเราไม่รู้จริง มันอดไม่ได้ที่จะมีตัวตนออกมา -
ไม่ต้องกังวลหรอกนะคะ
ข้าพเจ้ารู้ตัวข้าพเจ้าดีค่ะ -
เพราะความจริงนั้น ถ้าเป็นด้วยความเมตตาก็ดีนี่ค่ะ
แต่มันแฝงพลังงานออกมานี่แหละค่ะ ที่คิดว่าตนเองแน่กว่า -
ข้าพเจ้าจะค่อย ๆ ทยอยตอบท่านค่ะ
ไม่ใช่เพื่อเอาชนะ แต่เพื่อความถูกต้องชอบธรรมมากกว่า -
ว่าแต่ท่านเห็นอย่างไรจึงกล่าวว่าการมีเมตตากรุณา เป็นการไม่ทำกรรมใหม่ เพื่อไม่ต้องเกิดอีกเล่าครับ...
ข้าพเจ้าเอาคำตอบพระพุทธเจ้ามาตอบให้ค่ะ
จาก มหาสีหนาทสูตร ว่าด้วยการบันลืออย่างองอาจดังพญาราชสีห์ เรื่อง อเจลกัสสปะ ว่า....
สามัญคุณ พรหมัญคุณ เป็นกิจทีทำได้ยากเป็นเรื่องปกติในโลก
ซึ่งถือว่าเป็นกิจที่ทำได้ยากแสนยากจักมีได้ด้วยการปฏิบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ และด้วยการบำเพ็ญตะบะดั่งนี้ที่กล่าวแล้ว หากเมื่อได้เว้นจากการปฏิบัติเล็ก ๆ น้อย ๆ จากการบำเพ็ญตบะนี้ หากภิกษุเจริญเมตตาจิตอันไม่มีเวร ไม่มีความเบียดเบียน ทำให้แจ้งวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันไม่มีอาสวะ เพราะอาสวะสิ้นไปด้วยปัญญาอันย่ิง เข้าถึงอยู่ในปัจจุบัน ภิกษุนี้ เราเรียกว่า สมณะบ้าง พราหมณ์บ้าง
ธรรมที่อกุศลก็จัดว่าเป็นอกุศล มีโทษก็จัดว่ามีโทษ ที่ไม่ควรเสพก็จัดว่าไม่ควรเสพ ที่ไม่ประเสริฐก็จัดว่าไม่ประเสริฐ และเป็นฝ่ายชั่วก็จัดว่าเป็นฝ่ายชั่ว พระสมณโคดมและหมู่สาวกของสมณะโคดมละธรรมเหล่านี้ได้เด็ดขาด
ธรรมส่วนใดที่จัดว่าเป็นกุศล ก็จัดว่าเป็นกุศล ไม่มีโทษก็จัดว่าไม่มีโทษ ที่ควรเสพก็จัดว่าที่ควรเสพ ประเสริฐก็จัดว่าประเสริฐ ที่เป็นฝ่ายดีก็จัดว่าที่เป็นฝ่ายดี หมู่สาวกของพระสมณโคดมสมาทานประพฤติธรรมเหล่านี้ได้ครบถ้วน -
เพราะพลังงานในตัวหนังสือ สามารถอัดแรงโทสะในตนออกมากระแทกคู่
ที่ตนไม่พอใจได้เป็นระลอก มีผลให้เราเหมือนโดนรมควันไฟเป็นระยะ
อยู่ไม่เป็นสุข หงุดหงิดพร้อมจะระเบิดได้ตลอดเวลา
แม้กระทั่งเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็บานปลายเป็นเรื่องใหญ่โตได้
ถ้าไม่มีสติ
ถ้าท่านไม่ได้ทำก็ไม่เป็นไรค่ะ
คงเป็นวิบากกรรมของข้าพเจ้าเอง -
..ท่านน่าจะทราบว่า ความคาดหวังเป็นปัจจัยแก่ความสมหวังและผิดหวังได้ เมื่อคาดสิ่งใดไม่ได้สิ่งนั้นโทมนัสย่อมหวังได้..จึงเป็นที่มาของการถูกรมควันไฟ นี้ส่วนหนึ่งเป็นวิบากเก่าและทันทีย่อมเกิดความไม่ชอบใจอันเป็นส่วนกรรมใหม่..การทำกรรมใหม่จึงมีได้ทุกครั้งที่เกิดผัสสะ..
โทสะเกิดในตน จะโทษคนนอกว่าเป็นเหตุได้กระไรเล่า?..
ท่านพึงเห็นความไม่อยู่ในอำนาจบงการของสรรพสิ่งไปตามจริง จะไม่พยายามจะคิดแก้ไขใครอื่นให้เป็นอย่างที่ตนคาดหวัง..
-
คำว่าพรสวรรค์ก็คือ คนที่บำเพ็ญสร้างสมบารมีมาดีแล้วในอดีตในเรื่องนั้น ๆ
จึงทำให้เขาเกิดความชำนาญ และ ติดตัวของเขาเพื่อมาต่อยอดความรู้ใหม่
ให้ดี ๆ ยิ่งขึ้นไป จึงคิดและเข้าใจในสิ่งที่ตนเองชำนาญได้มากกว่าคนอื่น
เราเรียกสิ่งนี้ว่า พรสวรรค์ เช่น ปัญญา หรือ อิทธิ์ฤทธิ์ต่าง ๆ เป็นต้น
ไม่มีใครล้างบาปใครได้หรอกค่ะ ถ้าใครได้อ่าน คะนึง jityim กลายแก้ว
คือ คนเดียวกัน ต่างก็ตอบไปแล้วว่าไม่มีใครล้างบาปให้ใครได้ จึงคิดว่าท่าน
กำลังให้คนอื่นเข้าใจข้าพเจ้าผิดเรื่องอะไร เพราะข้าพเจ้าตอบในห้องกฏแห่งกรรม
ได้พูดถึง เหตุ และ ปัจจัยและผลที่เกิดจากเหตุ และ มรรค 8 อยู่เสมอ
มรรคมีองค์ 8 คือ ทางสายกลาง การอดทน อดกลั้น เมตตา นั้นคือผล
ที่เกิดขึ้นไม่เป็นโทษแก่ใคร และที่เป็นคุณก็เพื่อให้เราเป็นแนวทางในการ
ผ่านสมมุติบัญญัติ ที่ต้องก้าวผ่านสิ่งนี้ก่อนจึงจะไปปรมัตถสัจจะได้
ท่านเคยเข้าไปเห็นธรรมสูงสุดบ้างหรือยัง
ถ้ายังไม่เคยเข้าไปเห็นแบบข้าพเจ้าแล้ว
ท่านอย่ากล่าวหาสิ่งใดข้าพเจ้าเลย
และการมีศีล ถ้าไม่ใช้ความเมตตา กรุณา ให้อภัย อดทน อดกลั้น
หากไม่มีคุณธรรมนี้สนับสนุนด้วยแล้วก็อย่าหวังว่าจะบริสุทธิ์ได้ 100 % เลย
ท่านคิดว่าการที่คนจะนำสิ่งที่กล่าวมานี้ออกมาใช้กับผู้อื่นได้
ท่านคิดว่าคนเหล่านั้นต้องใช้ปัญญาหรือไม่
เพราะส่วนใหญ่ก็พ่ายแพ้ให้แก่อัตตาตัวตน -
ท่านคิดว่าคนพูดเป็นคนเช่นไร ทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้ความจริงในตัวเขา
ท่านทำสิ่งนี้เพื่ออะไร -
ถ้าเหตุภายในผู้มีสติจะรู้ว่าออกมาจากใจ
เหตุภายนอกเป็นกระแสดึงกันได้ หรือท่านว่าไม่ใช่
หน้า 10 ของ 20