ปุถุชน....คนช่างสงสัย...

ใครก็ตามที่เคยให้ความรู้ ให้ข้าว ให้น้ำ ให้การแนะนำดีๆ แม้แต่เรื่องเล็กน้อย คนผู้นั้นคือผู้มีคุณ ดิฉันจะไม่ลืมคุณคน มีโอกาสก็จะตอบแทนช่วยเหลือ ถ้าช่วยอะไรไม่ได้หรือไม่มีโอกาสดิฉันก็ระลึกอยู่ในใจหรือตอนที่แผ่ไปหลังสวดมนต์
คุณนพ ท่านระมิงค์ก็อยู่ในส่วนนี้นะคะ

ดิฉันเลิกคาดหวังนั่นโน่นนี่ไปนานแล้วนะคะ ยิ่งอยากเป็น อยากเห็น อยากได้ก็คืนไปสักพักใหญ่ๆแล้ว มันจบที่คำว่าตายคำเดียว ดิฉันเหลืออยู่อยากเดียวเท่านั้น ที่มันเป็นที่สุดของที่สุด

ไม่เป็นไรค่ะขอบคุณคุณนพมากดิฉันก็ยังไม่เลิกถาม มีสิ่งใดติดขัดดิฉันก็จะถามเรื่อยๆ
ส่วนท่านระมิงค์ มักจะมีอะไรๆที่ทำให้ดิฉันตื่นเต้นได้ตลอด ตั้งแต่มีสรรพนามเรียกดิฉันว่าแม่รุ้งดาวบ้างล่ะ หุหุ .. ทำเอาเอ๋อ แต่พอทำใจได้เพราะยังอยู่ในสาย แต่ก็ทำเอาดิฉันมีความรู้สึกเหมือนกับโดนบอกรักในตอนเช้า แล้วโดนบอกเลิกในตอนบ่าย และมีใครอีกคนมาบอกรักในตอนหัวค่ำอีกทีประมาณนั้น
ความรู้สึกมันยิ่งกว่ากองหน้ายิงเข้าประตูตัวเองยังไงยังงั้น เหอๆๆๆๆ

ไม่เป็นไรค่ะ คนเราเกิดมาก็เพื่อตาย เราทุกคนต่างก็ต้องดิ้นรนกันไป
ขอบคุณทุกท่านนะคะ
สาธุ

 

ที่ต้องเก็บเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋า เพราะผมรู้ตัวเองดีว่ายังไม่มีความดีอะไรที่จะไปให้ท่านทั้งหลายเหล่านั้นทดสอบครับ...
ไม่ใช่ว่าจะไปรังเกียจ ปรามาส อะไรกับท่านทั้งหลายเหล่านั้น ผมให้ความเคารพทั้งหมดแหละครับ...

บางสิ่งบางอย่างแม้จะเกิดขึ้นโดยไม่เจตนา แต่ก็เป็นการไม่สมควรก็มี ตรงนี้ผมยังระมัดระวังไม่ได้ เช่น เมื่อได้เห็นท่านเหล่านี้แล้ว สิ่งที่เข้าไปรู้ตามมาในเวลานั้นคือ แต่ละท่านมีลักษณะนิสัยอย่างไร มีอารมณ์ติดมาที่เรียกกันว่าวาสนา เป็นแบบไหน ไปเห็นเบื้องหลังของท่านเหล่านี้ อะไรที่ชอบ อะไรที่ไม่ชอบ มันเสือกรู้ได้เอง อันนี้ผมไม่ได้เจตนา แต่มันก็เหมือนกับไปละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของท่านผู้ใหญ่เหล่านี้ครับ

ท่านเหล่านี้มีลักษณะเหมือนกันกับที่ยืนคุมหลังคุณนพฯเอาไว้ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับทางสายร่างทรงองค์เทพเข้ามาด้วย ผ่านการร่วมสร้างบารมีกับมหาฤษี มหาเทพ ระดับนี้ไปแล้ว จึงไปพิจารณาเพื่อเข้าถึงธรรม ใครเผลอติด เผลอหลง กับพลังอันไม่มีขีดจำกัดนี้ ก็ยากต่อการพ้นทุกข์ทั้งปวงได้ ที่พูดมานี่คุณนพฯคงผ่านไปแล้ว มีไว้แต่ก็ไม่ได้ติดอะไร เพียงแต่ว่าใช้เวลานานทีเดียวนะครับกว่าจะผ่านมาได้ขนาดนี้...ซึ่งถ้าเป็นผมกว่าจะผ่านด่านแบบนี้ คงตายไปสามรอบแล้วมั๊งครับ...

เรื่องการเชื่อมต่อพลังงานกับข้างบนตามที่คุณนพฯอธิบายมา เดิมทำอยู่ครับเพียงแต่ไม่รู้ว่านั่นคือพลังงาน ถ้าทำในระดับอุปจารสมาธิจะพอเห็นเป็นเส้นสายแสงสีได้บ้างอยู่ เพียงแต่อดีตที่ผ่านมาโดนด่ามาเยอะ จึงไม่กล้าทำเล่น ทรงกำลังใจเอาไว้ก็สุดแรง จะกลายเป็นลำแสงจากตัวพุ่งขึ้นไปข้างบน ลำแสงนี้จะมีประกายระยิบระยับอยู่ แล้วก็ใช้ทำอะไรอย่างอื่นไม่เป็นหรอกครับ .. โง่ของจริง

จะลองเอาวิธีที่คุณนพฯอธิบายมารักษาร่างกายดูครับ เพราะก่อนหน้านี้ใครก็ไม่รู้ครับไม่ค่อยอยากไปสนใจ ปล่อยพลังกันมาใส่ให้น่ารำคาญ ผมทำได้ก็เพียงปรับโหมดร่างกายเข้าสู่สูญญตา และปรับจิตเข้าไปโหมดสูญญตาด้วย ดับไปทั้งกายทั้งจิตทั้งรูปทั้งนาม น่าจะเรียกว่าระงับลงไปมากกว่า ไปสักระยะหนึ่งก็ค่อยคลายออกกลับมา พลังอะไรทั้งหลายที่ดีๆร้ายๆก็สลายหายไป ไม่รู้อีกเหมือนกันครับว่าวิธีนี้เขาเรียกว่าอะไร ...
บางทีก็รู้สึกสมเพชตัวเองเหมือนกันนะครับว่า ไอ้เรานี่มันแกล้งโง่ หรือมันโง่จริงๆกันแน่เนี่ย...

 

เรียกแม่รุ้งดาวแล้วดูน่ารักดีไง...
แล้วทำให้ไม่ดูซีเรียสเครียดมากนัก...
ถ้าบอกรักตอนเช้า บ่ายบอกเลิก หัวค่ำมีคนมาบอกรักใหม่ อย่างนี้ดีนะครับ จัดเป็นคนมีเสน่ห์
อย่างผมนี่เช้าโดนด่า บ่ายโดนไล่ ค่ำๆอาจโดนตื๊บ...แต่เล็กจนโตเลยไม่รู้ว่าความรักมันเป็นยังไงน่ะครับ...

แม่รุ้งดาวได้คุณนพฯแนะนำ พาให้ฝึกแบบนี้ก็ดีแล้วครับ ความสามารถในการสัมผัสเส้นสายพลังงานต่างๆก็ทำได้ดี ผมเองยังไม่สามารถสังเกตได้ถึงรายละเอียดต่างๆอย่างนั้นเลย...

การฝึกต่างๆที่ผ่านมาของผมเป็นไปด้วยความล่าช้า บ้าๆบอๆ การรู้ได้เห็นได้ในบางสิ่งบางอย่างก็ไม่เหมือนชาวบ้านชาวเมืองเขา หลายสิ่งหลายอย่างก็พูดไม่ได้ ระดับมหาเทพเห็นหน้าผมแล้วหนีกันหมด ขนาดองค์ดุๆของแม่กาลีนะ เจอกันก็ไปอีกทางทันที ไม่อยากใกล้ด้วย นี่ผมน่ารังเกียจปานนั้น พอบอกว่าจะเล่าให้แม่กาลีนะฟังว่า???? เท่านั้นแหละที่หันหลังกลับมาบอกว่าอย่า...ผมนี่จึงดูจะไม่ค่อยมีท่านใดชอบขี้หน้าสักเท่าไร...

แม่รุ้งดาว นี้มีจิตใจดีอยู่นะครับ ทวยเทพยังเมตตา แม้จะมีน้อยใจนิด แอบเหวี่ยงหน่อย แต่โดยรวมก็จัดว่าเป็นคนจิตใจดีงามคนหนึ่ง ฝึกต่อไปนะครับ ผมนี่จะคอยเป็นกองเชียร์...สู้ๆๆๆ

 

ขออนุญาต ถามนะคะ

เรื่องพระฤาษี มหาฤาษี น่ะค่ะ

ในที่นี้หมายถึง พระฤาษี ที่ท่าน ตายไปแล้ว หรือคะ

แล้วเป็นวิญญาณ

แต่ท่านยังไม่พร้อมไปเกิด เป็น เทพ หรือพระพรหม

หรือว่า ท่านคือ เป็นจิต ที่ถอด มาจากร่างมนุษย์ ที่ท่านเป็นพระฤาษี

แล้วบำเพ็ญพรตอดจิต นานหลายหมื่นปี จนร่างมนุษย์ของท่าน มาตรแม้นไม่เน่าเปื่อยผุพัง

แต่ก็เคล็ดขัดยอก คล้ายๆ ศิลา รึป่าวค่ะ

ท่านเลยไม่อยากกลับเข้าร่างมนุษย์ เดิม

เลย เป็นอยู่ในรูปกายทิพย์ ที่พรั่งพร้อมด้วยอิทธิฤทธิ์นานับประการ สะดวกเบากว่า ทำนองนี้รึป่าวคะ

 

สอบถามคุณนพฯตอนที่ใช้กสิณ ฝ่าบททดสอบไปได้นี่เป็นบททดสอบทางโลก หรือ ทางธรรมครับ?

ลูกสาวอยากขอฝึกกับคุณนพฯครับ พอจะรับเป็นศิษย์ไว้สักคนได้ไหมครับ
เพี้ยนๆบ้าๆบอๆสักไม่หน่อยนึงนะครับ..




เป็นคนที่วาดการ์ตูนแม่ชีหนูนา สาธุ...นี่แหละครับ

 

คุณนพคะ ดิฉันเคยนั่งอยู่ในอุปจารสมาธิดิฉันก็สามารถเชื่อมกับข้างบนได้แต่ไม่ทุกครั้ง และพอเชื่อมได้ก็ไม่ไงต่อเช่นกัน ความโง่ก็ไม่น้อยหน้าท่านระมิงค์เลย ถามว่าหลักการข้างบนเช่นการรักษาตัวหรืออวัยวะภายในนั้นแค่กำหนดจุดที่เจ็บป่วยแล้วให้เชื่อมหรือไหลขึ้นข้างบนเป็นอันจบใช่ไหมคะ อันนี้คือการรักษา .. แล้วยังมีอย่างอื่นๆอีกไหมในการที่เชื่อมข้างบนได้ในเรื่องอื่นๆเช่นการสื่อสาร การย้อน ฯลฯ ใช้หลักการเดียวกันหรือเปล่าคะ

 

ลูกสาวท่านระมิงค์คนนี้ใช่ไหมคะ ที่เดินจงกลมบนลานพระข้างบนขวามือของถ้ำใหญ่ เอ ... ใช่คนนี้ไหมที่ท่านเคยบอกว่าเดินวันละ ๘ ชั่วโมง
ดิฉันจะยิ้มออกทุกครั้งที่เห็นใครแขวนพระผงของหลวงปู่ .. มาทางเส้นสายพลังงานเหมือนกันไหมคะเนี่ย ...

 

ตอบ เป็นดวงจิต เป็นคลื่นพลังงาน เหมือนๆครูบาร์อาจารย์ท่านอื่นๆ
ที่เราเห็นเป็นกาย เป็นภาพได้เป็นอะไรได้
เพื่อความจำได้ให้เรียกเป็นภาษาทางโลกได้.
เพราะเห็นเป็นภาพมันยังไม่พ้นการปรุงแต่ง..
ให้ระวังเรื่องนี้ด้วย...

พาทำครั้งเดียวก็ได้แล้วครับ ฐานสัมผัสภายในแน่นอยู่แล้วครับ..
มากกว่าผมอีก ๕๕๕ อย่างนี้ฝึกสบายมากครับ..
ส่วนบททดสอบการใช้งานในนิมิตรครับ..ทางโลกปกติเราผ่านง่าย
อยู่แล้วครับ เพราะกำลังสติเราจะคุมได้ครับ..เค้าถึงไปทดสอบเรา
ในนิมิตรหรือในฝันครับ เพราะกำลังสติเรามันจะน้อยไงครับ..
และก็จะมีมาให้เจอแบบลืมตาเห็นด้วยครับ ถ้าเราใช้ตอนนี้ได้
ก็จะใช้ได้ตลอดครับ...

ถั่วววววววต้มมมมมมมแล้ววววววววววววววววววคร๊าบบบบบบบบบบ..
หลักสังเกตุว่าเราใช้งานได้คล่องหรือยังก็คือ เส้นสายจะขึ้นมาก่อนที่เรา
จะคิดได้ครับ..และตรงกลางลิ้นปี่เราจะนิ่งกริ๊บ...
ก็ซ้อมบ่อยๆ เชื่อมเรื่อยๆวันละ ๕ นาที ๑๐ นาทีก็หรูแล้ว...

 

ส่วนบททดสอบการใช้งานในนิมิตรครับ..ทางโลกปกติเราผ่านง่าย
อยู่แล้วครับ เพราะกำลังสติเราจะคุมได้ครับ..เค้าถึงไปทดสอบเรา
ในนิมิตรหรือในฝันครับ เพราะกำลังสติเรามันจะน้อยไงครับ..
และก็จะมีมาให้เจอแบบลืมตาเห็นด้วยครับ ถ้าเราใช้ตอนนี้ได้
ก็จะใช้ได้ตลอดครับ...



ดิฉันมีประสบการณ์ด้านการทดสอบมาเล่าให้ฟังค่ะ ความจริงแล้วจะไม่เล่าเลยก็ดี เพราะมันเฉพาะบุคคลจริงๆ ไอ้ตัวกิเลสทั้งหลายนั้นจะมีใครรู้ดีกว่าตัวเราไปได้ แต่ละคนก็จะรู้ตัวดีว่าหนักไปทางด้านไหน ...
ไอ้ที่จะรู้ตัวว่าสอบตกหรือผ่านนั้น ดิฉันเพิ่งมาทราบเมื่อไม่นานมานี้เองค่ะ

ส่วนมากเรื่องกามราคะนั้นพวกเราในนี้จะผ่านกันได้ยาก จะว่าให้ผ่านจริงๆหรือให้หมดไปนั้นมันคงระดับที่สูงขึ้นไปหรือท่านที่พ้นสภาวะไปแล้ว
บางท่านเกิดจากสัญญาเก่าที่มาจากอดีต เช่น เคยบวชเมื่อชาติที่แล้ว หรือเคยถือพรหมจรรย์มาเมื่อชาติที่แล้ว ชาตินี้ความรู้สึกเหล่านี้เลยเบาบาง หรือไม่โผล่ออกมาสักเท่าไหร่ ....
แต่จริงๆแล้ว กิเลสเหล่านั้นมันแค่แอบซ่อน หรือหลบเร้นอยู่ข้างใน เหมือนยีสต์ เหมือนเชื้อรา ที่รอจะงอกและแตกตัวเพิ่มขึ้นมาได้ตลอด ..

คำว่าดับไม่เหลือเชื้อคงประมาณว่า ... ไม่มีอีกแล้ว งอกไม่ได้อีกแล้วเพราะแม้จะมีอุปกรณ์ในการงอกเงย แต่เชื้อหรือเหตุนั้นได้ดับไปหมดแล้ว จึงไม่สามารถจะงอกเงยขึ้นมาได้อีก

"ความยินดี" แม้เพียงเล็กน้อย ...จะรู้ตัว หรือไม่รู้ตัวก็ตาม จะเบาบางแค่ 0.00000001 % นั่นหมายถึงว่า เรา"แพ้" เสียแล้ว

ไอ้จะเกิดขึ้น ดำเนินไป หรือรู้แล้ว ... แต่ดันไป ชอบพอ หรือ พึงพอใจแม้แต่น้อย นี่สิ ... เสร็จมัน ... สอบตก สบบเหมือดไปเป็นแถว

บางวันมีสติหน่อยก็พอกล้อมแกล้มกันไป นึกในใจ แหม.... ทำไมเก่งจัง
แต่มันไม่เก่งจริงนี่สิ มันน่าอาย...

 

ส่วนตัวสอบตกจนชินครับ๕๕๕.
ทั่วไปจะพอผ่านประมานจังหวะที่ ๒หรือ ๓. ครับ
แรกๆเนี่ยตกล้านเปอร์เซนต์ครับ.
ทุกวันนี้ยังไม่เคยผ่านจังหวะแรกเลยครับ
มีแค่พอยอมรับได้ครับ

 

มีจังหวะด้วยหรือคะคุณนพฯ แล้วดิฉันตอนนี้ล่ะคะ อยู่จังหวะไหนคะเนี่ย
....

 

ถ้าลองปรุงร่วมไปแล้วและมาคิดได้หลังจากตื่นนี่คือตกแน่ๆ
ถ้าพอดำเนินเรื่องไปแล้วบ้างและระลึกได้ในระหว่าง
ฝันนี่คือพอผ่านครับเด่วจะกลับมาได้อีก
ถ้าฝันปุ๊บระลึกได้ปั๊บ. คือผ่านตัวนั้นเลยครับ
ทุกวันนี้ยังไม่เคยผ่านตรงนี้เลยครับ๕๕๕
และถ้ากรรมฐานเราพัฒนาขึ้นไปอีก
ก็จะเจอบททดสอบเรื่อยๆครับ
ไม่ต้องห่วงเจอกันทุกคนและคับ. ๕๕๕

 

ถึงแม้ว่าจะเก็บเสื้อผ้ากลับบ้านไปแล้ว...
แต่ก็ยังได้อานิสสงค์ที่คุณนพฯเคยแนะนำเรื่องราวต่างๆไว้ เกี่ยวกับพลังงานและเส้นสีแสงต่างๆอยู่ครับ...

เช่นตรงตำแหน่งตาที่สามนั้น วันหนึ่งปรากฎเป็นแสงสีส้มแดงรูปร่างเหมือนเปลวเทียน ติดอยู่ตรงหน้าผาก เวลาสวดมนต์นั้นพอเจริญเมตตาแผ่ออกไปตรงตาที่สามที่มีเปลวไฟติดอยู่นั้น ก็กลับมีความรู้สึกเย็นสบายขึ้นมา สีก็เปลี่ยนเป็นสีขาวสว่างเหมือนแสงไฟจากฟลูออเรสเซนต์ มีการเชื่อมต่อกับครูบาอาจารย์ผ่านตรงตำแหน่งนี้เหมือนเดิมครับ

เวลาสวดมนต์ตอนนี้เปลี่ยนมาสวดอยู่ภายในกาย ก็เหมือนจะมีพลังงานปรากฎในกายเพิ่มมากขึ้น โครงกระดูกภายในก็เหมือนจะเปลี่ยนเป็นสีขาวแบบสีของแสงหลอดฟลูออเรสเซนต์ด้วยเหมือนกัน แต่ไม่ได้ใสนะครับ ยังขาวแล้วก็สว่าง

ยังไม่มีความรู้อะไรเกิดขึ้น เพียงแต่สวดมนต์ไปในอุปจารสมาธิ เพราะถ้าต้องออกเสียงนี่ผมยังเข้าเขตฌาณไม่ได้ แต่ว่าเคยลองทำจริงๆ เสียงที่ออกมาจะช้ามาก จึงเอาแค่อุปจารสมาธิพอ สวดมนต์ไปก็ทำอยู่แค่นี้เองครับ แล้วก็เจริญเมตตาไปให้มากๆ บางทีจากตาที่สาม ซึ่งเป็นเปลวไฟสีขาวเย็นๆสบายๆนี้ก็วิ่งมาเชื่อมกับกระดูกสันหลังแล้วก็หมุนปั่นเร็วจี๋ กระดูกทั้งหมดก็ยังคงขาวสว่างเหมือนๆกันกับเปลวไฟตรงตาที่สามนี่แหละครับ...

ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นต่อ นอกจากสวดมนต์ไปจนกว่าจะจบบท เพราะไม่รู้จะทำอะไรดี เพียงแค่ได้รู้ได้เห็นว่า พลังงานอย่างนี้ก็มีด้วยนะ...มีแค่นั้นเองครับ กับความสบายใจ เบาใจ...

 

ดีครับ สีขาวๆอย่างนั้นดีกว่าสีดำครับ..
ถ้าตรงไหนมันออกสีดำแสดงว่ามันมีพลังงานส่วนเกินสะสมมากครับ
เรื่องปกติ เมื่อก่อนถ่ายพลังงานครั้งแรกของผมเนี่ยยังกับควันสีดำไฟไหม้
โรงงานผลิตขยะหละครับ.ส่วนตัวใช้เวลาในการฝึกเกือบ ๒ ปีนะครับ
กว่าจะค้นพบและทำได้และเอามาเล่าให้ฟังในเวลาเพียงไม่กี่นาทีเนี่ย.
บางคนเคยเล่าให้ฟัง ลึกๆเค้ายังแอบขำเราอยู่ในใจก็มีครับ...
.สีขาวๆแสดงว่ามันยังอยู่ในช่วงถ่ายเทและ
ปรับธาตุ(ทำการรักษาอยู่)และก็ยังไม่ปกติตามวาระครับ.
.ถ้าใสก็แสดงว่าตรงนั้นเคลียร์ครับ
และมันก็สามารถกลับมาดำ มาขาว มาใสได้เป็นวัฏจักรของมัน
อย่างนี้หละครับ
ส่วนการสวดมนต์โดยปกติผมก็สวดมนต์ในใจครับ
จิตมันเป็นทิพย์เร็วดีครับ นั่งสมาธิทุกวันนี้ก็ลืมตาครับ..
มันมีทริคตรงลิ้นกับปากไม่ต้องขยับครับเป็นทริคในการสร้างจิต
ให้เป็นทิยพ์ง่ายขึ้นด้วยครับ
ที่สำคัญควรท่องบทที่เราจำได้ครับ
คนที่มีความสามารถมาก ก็คือบุคคลที่เค้ารักษา
อารมย์ช่วงที่มันเชื่อมๆนั้น ไม่ว่าจะขาวๆสว่างๆ
หรือว่าใสๆ ให้เส้นต่างๆมันวิ่งแบบนิ่งๆขึ้นบน
ของมันไปเรื่อยๆได้นานแค่ไหนครับ ขึ้นอยู่กับว่า
ใครจะมีความเพียรมากกว่ากัน อย่างผมวันละ ๕ นาที
ถึง ๑๐ นาทีผมก็เลิกแล้วครับ.เพราะส่วนตัว
ยังแก้นิสัยขี้เกียจไม่หายครับ...
ปล.แต่ก็ยังดีนะครับที่ ป๋า มิงค์ ทำได้ ไม่งั้นที่เอามา
เล่าๆให้ฟังผมคงแย่เลย ๕๕๕๕.

 

วันนี้ได้รับปรอทมาครับ
อยากให้คุณนพฯ ช่วยพิจารณาให้หน่อยว่า พลังเป็นแบบไหน เหมาะสำหรับใช้ทำอย่างไรได้บ้าง?
ขอบคุณครับ

 

ระหว่างรอคอยคำตอบ จึงไปค้นข้อมูลเพิ่มเติมมาได้ประมาณนี้ครับ

ลูกตุ้มปรอทดำเป็นวิทยาศาสตร์ ไม่ได้เป็นไสยศาสตร์หรือเดรัจฉานวิชาโดยเด็ดขาดหลวงปู่จึงทำขึ้นเพื่อสงเคราะห์ชาวโลกเป็นคู่กับการเผยแพร่ธรรม การรักษาก็เหมือนการเอาหนามยอกเอาหนามบ่ง
กันโรคไหลตาย กันโรคหัวใจล้มเหลว กันโรคหัวใจวาย กันโรคอัมพฤกษอัมพาตถ้าเป็นไม่นานเกินไปก็รักษาได้ กันโรคมะเร็ง กันโรคตับโต ตับแข็ง 3 โรคนี้ถ้าเป็นแล้วรักษาไม่หาย รักษาโรคหัวใจ กันและรักษาโรคภูมิแพ้ กันและแก้โรคเกาต์ กันมิติซ้อนมิติ กันอุบัติเหตุ เช่นโค้งร้อยศพพันศพ กันโรคผีเอาคนไปซุกไปซ่อนและก็หาได้ด้วย กันโรคผีแม่ม่าย กันและแก้โรคหมอดูหรือโหรเขาทำนายว่าคนชื่ออักษรนี้จะมีอันเป็นไป กันโรคลางร้ายต่างๆ กันเหตุอาเพศภัยต่างๆ กันวิญญาณอาฆาตวิญญาณโหดเหี้ยมต่างๆ กันโรคผีเข้าพระเสาร์แทรก กันและแก้โรคพิษพญานาค กันและแ้ก้พิษเงือกน้ำกันและแก้พิษปลาไหลไฟฟ้า กันฟ้าผ่า กันอสูรดินที่ยิงเครื่องบินตก กันอสูรอวกาศที่ยิงเครื่องบินตก กันผีน้ำผีทะเล กันมิติร้ายแรงอาถรรย์ต่างๆ เช่นแหลมเมอบิวด้าซึ่งเข้าเป็นมิติซ้อนมิติ โลกซ้อนโลก กันบ้านอาถรรพ์ ที่ดินอาถรรพ์ กันผีหลอกผีหลอนผีเข้าสิงคน กันผีนอนดักหน้ารถ กันผีปลอมแปลงเป็นคนเป็นสัตว์หรือขับขี่มอเตอร์ไซด์จักยานตัดหน้ารถ
โรคบางอย่างที่กล่าวมานี้บางโรคมียาให้กินด้วย เช่นโรคภูมิแพ้ โรคมะเร็งในเม็ดเลือดขาว โรคเกาต์ปวดตามข้อ โรคเบาหวานและโรคอื่นๆ จะบอกด้วยวาจา โรคนิ่งในใตรับประกันล้าน% ส่วนโรคเอดส์ไม่ให้รักษาอยู่ที่วัดเพราะไม่มีที่พักแต่จะให้ยาไปกินที่บ้าน และแก้โรคหมอทรงเจ้าเข้าผี กันศาลเจ้าอาถรรพ์ กันศาลพระภูมิอาถรรพ์ กันและแก้คุณไสย กันและแก้โรคหัวใจตีบ กันและแก้โรคจิตโรคประสาท กันและแก้อสูรต้นไม้ใหญ่อาถรรพ์
โรคบางอย่างหรือนอกเหนือจากนี้หรือร้ายแรงกว่านี้หลวงปู่จะสอบประวัติก่อนรักษาให้สำหรับโรงงานที่มีสารเคมีต่างๆจะมีลูกตุ้มใหญ่ เกือบเท่าลูกมะพร้าวให้ไปแขวนไว้ที่หน้าโรงงาน

คุณสมบัติของผู้ครอบครอง(ตุ้มปรอทเป็นพุทธศาสตร์)

1.ไม่ผิดศีลข้อ 3 คือไม่ละเมิดผิดในกาม ไม่ผิดลูก ผิด เมียคนอื่น เที่ยวผู้หญิงไม่ได้

2.ไม่กล่าวจ้วงจาบว่าร้าย ลบหลู่ หลวงปู่สาวกโลกอุดร

3.มีศรัทธาแล้ว ต้องทำบุญบูชา ลูกตุ้มปรอทดำกายสิทธิ์ จึงจะออกฤทธิ์ ลูกตุ้ม เขาอยากจะให้ผู้นั้นทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา

3ข้อนี้ใครปฏิบัติไม่ได้ หมดสิทธิ์ถึงได้ไป ลูกตุ้มจะไม่ออกฤทธิ์ช่วยเหลือ เหมือนได้หินก้อนหนึ่งไปหรืออาจลูกตุ้มจะให้โทษ

วิธีใช้ลูกตุ้ม

ในเวลาคับขันหรือมีอันตรายให้ยกลูกตุ้มขึ้นให้อธิฐานจิต ระลึกถึง หลวงปู่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล และพญาลูกตุ้มปรอทดำ กายสิทธิ์ช่วยเหลือให้ลูกพ้นภัย............ด้วยเถิด สาธุฯ

จะทำมาค้าขายสิ่งใดให้ยกลูกตุ้มฯขึ้นให้อธิฐานจิต ระลึกถึง หลวงปุ่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล และพญาลูกตุ้มปรอทดำกายสิทธิ์ ช่วยเหลือให้ลูกขาย...ขายดิบขายดีด้วยเถิด สาธุ(ให้อธิฐานทุกวันก่อนค้าขาย)

ปวดตามข้อหรือแมลงสัตว์กัดต่อย ใช้น้ำร้อนลวกลูกตุ้มฯ หรือใช้ไฟรนลูกตุ้มพออุ่นๆ แล้วจี้ตรงที่ปวดหรือแมลงสัตว์กัดต่อย ดีนักแล ก่อนจะใช้ลูกตุ้มฯให้อธิฐาน ระลึกถึง หลวงปู่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโลและพญาลูกตุ้มปรอทดำกายสิทธิ์ ช่วยเหลือลูกให้หาย สาธุฯ

ข้อแนะนำเพิ่มเติม

1.ให้แขวน ห้อย พก ติดตัวตลอดเวลา ดีที่สุดป้องกันไว้ เราไม่รู้ภัยจะมาเมื่อไหร่

2.ให้เอาไว้ต่ำกว่าพระพุทธ เพราะลูกตุ้มเขานับถือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์

3.จะเอาลูกตุ้มไปปล้นจี้ เล่นการพนัน ไม่ได้ อันนี้ลูกตุ้ม ไม่คุ้มครองและอาจให้โทษ

4.จะขโมยลูกตุ้มกันไม่ได้ ผู้ที่ขโมยจะใช้ไม่ได้ผล ลูกตุ้มจะไม่ออกฤทธิ์ช่วยเหลือเหมือนได้หินก้อนหนึ่งไป

5.ห้ามเอาไปลองเด็ดขาด

6.ให้ระลึกถึงหลวงปุ่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล เท่านั้น เพราะหลวงปู่เป็นเจ้าของลูกตุ้มถึงลูกศิษย์หลวงปู่เป็นคนสร้างก็สร้างในนาม ของหลวงปู่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล จะอุปโลกข์เป็นของตนเองไม่ได้

7ลูกตุ้มปรอทดำกายสิทธิ์นี้เป็นตระกูลธาตุเดียวกับเหล็กไหล เขาเป็นธาตุรู้สามารถรู้จิตใจคนได้ อาจเตือนเราเมื่อมีภัยเทียบราคาแล้วหาค่าประมาณไม่ได้ หมายความว่าลูกตุ้มคุ้มครองรักษาชีวิตเราถือว่า ลูกตุ้มนั้น มีค่าหาประมาณไม่ได้

8.ลูกตุ้มปรอทดำกายสิทธิ์ ใช่ว่าเป็นของกันตายได้ แต่ก็พอป้องกันอันตรายในเวลาคับขันได้

9.ให้เลี้ยงลูกตุ้มด้วยน้ำผึ้งอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง เพราะลูกตุ้มเป็นตะกูลธาตุเดียวกับเหล็กไหล ชอบกินน้ำผึ้ง คือนำลูกตุ้มฯ ใส่แก้วเทน้ำผึ้งพอท่วม เลี้ยงไว้ประมาณ 1 วัน 1 คืน ครบกำหนดแล้วลางออกด้วยน้ำร้อนเป็นใช้ได้

10.อย่าให้อะไรตันรู ลูกตุ้มฯเพราะว่าลูกตุ้มจะใช้รู ดูดกินสารพิษต่างๆ อาถรรพ์ต่างๆก่อนจะเข้าตัวเรา ลูกตุ้มฯดูดกินสารพิษต่างๆ อาถรรพ์ต่างๆจะมีพลังเพิ่มขึ้น

11.ในกรณีสะสารพิษต่างๆ ผีเข้า ผีสิง เป็นโรคหัวใจ เข้าในตัวเรา ให้ลูกตุ้มฯลูกขนาดมาตรฐาน รูเท่าดินสอ ใช้แก้วใส ใส่น้ำร้อนครึ่งแก้ว นำลูกตุ้มไปรวกน้ำร้อนคนๆ 2-3 ครั้ง นั่งพิงผนัง เหยียดขาทั้งสองข้าง แล้วให้อมลูกตุ้มฯครึ่งลูก หายใจเข้าออกทางรูลูกตุ้มฯ ให้ใจเข้ายาวๆให้ว่า พุท หายใจออกยาวๆให้ว่า โธ ประมาณอย่างน้อย 15 นาที ครบกำหนดแ้ล้วนำลูกตุ้มมาล้างออก ด้วยน้ำร้อน มีอะไรจะออกมาให้เห็น

12.จะใช้ลุกตุ้มฯแ่ช่น้ำทำ้น้ำมนต์ ให้ตั้งนะโม 3 จบ อธิฐานให้หลวงปู่ช่วยเหลือ ดื่มกินแก้โรคภัยไข้เจ็บให้ทุเลา เบาบาง แก้อาถรรพ์ กันภูติผีปีศาจ ดีนักแล (สำหรับเรื่องผีนั้นหลวงปู่บอกไว้ เราอยู่กันคนละภพละภูมิถึงเราจะมีลูกตุ้มฯ อย่าไปท้าทายเขา ถ้าเราไม่ไปรบกวนเขา เขาก็ไม่มารบกวนเรา มีแต่แผ่บุญกุศลให้เขาเท่านั้น)

13.ใครได้ ลูกตุ้มปรอทดำกายสิทธิ์ ถือว่าเป็นของคู่บารมีผู้นั้น หรือถือว่าเป็นผู้มีวาสนาบารมีก็ว่าได้

ได้รับความรู้วิธีใช้ลูกตุ้มปรอทดำกายสิทธิ์ มาจากหลวงปู่สาวกโลกอุดร ธมฺมปาโล

 

พึ่งไปเล่นที่วัดมาครับ..วันนี้จะไปทำงานซะหน่อย.ไม่ที่จอดรถเลย..
ความจริงดูตั้งแต่เมื่อช่วงสายๆแล้วครับ...
เอาอย่างนี้ครับ..เรื่องพลังงานอื่นๆคิดว่า ป๋า มิงค์ คงทราบได้ไม่ยากครับ
ผมมีหลักสังเกตุไว้อย่างนี้ครับ..
ถ้าเป็นท่านที่สำเร็จจิตธาตุ ทำวัตถุอะไรก็ตามขึ้นมา พลังงานที่มีเอกลักษณ์
เด่นที่สุดของท่านก็คือ จะมีกระแสกระชากทางด้านเมตตาที่จะดึงพลังงาน
จากหน้าอกของเราออกไปข้างนอก เป็นการดึงให้จิตเรามีเมตตาออกจาก
ภายในไปภายนอกครับ....
ส่วนกรณีคล้ายกัน ท่านที่มาทางปรอทนะครับ เอกลักษณ์ที่เด่นมากๆๆๆๆๆ
ที่ไม่เหมือนครูบาร์อาจารย์ในอดีตหรือว่าเกจิทางด้านอื่นๆจะทำได้ก็คือ...
ในตัวของปรอทจะมีพลังงานกระแสพลังงานด้านการป้องกันออกจากต้นแขน
และบริเวณหน่องของเราและจะกระชากพลังงานป้องกันตรงนี้
ขึ้นไปรวมกับเส้นสายพลังงาน ๒ สายที่วิ่ง
ผ่านบริเวณจักระด้านหน้า
กับแนวเส้นพลังงานที่ผ่านแนวกระดูกสันหลังของเรา
เป็นอัตโนมัติครับ...นี้หละครับ ที่เด่นชัดที่สุดดดดดดดดดด..
เวลาที่ส่วนตัวดูก็ดูตรงนี้หละครับ...
เพราะปกติพลังงานป้องกัน ถ้าทำให้เกิดรอบตัวเราได้
ก็ถือว่าดีมากๆแล้วนะครับ...
ปล.พอจะเข้าใจถึงคุณสมบัติอื่นๆ
ที่ตามตำราได้กล่าวมาแล้วนะครับ...

 

ว่าแต่เรื่องปรอทเนี่ย
ความจริงส่วนตัวก็โดนแหย๋บๆ ให้ฝึกจิตไปทางด้านนี้
เหมือนกันนะครับ.แต่ตอนนั้นในนิมิตปรอทมันแยกเป็น
สองส่วนอยู่ครับ ดูได้อย่างเดียวทำอะไรไม่ได้เลยครับ
และก็เจอบททดสอบเข้าให้...แค่ด่านแรกเนี่ย
สอบตกแบบล้านเปอร์เซนต์เต็มครับ ชนิดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ๕๕๕๕
..เลยได้แต่ลองนั่งๆตอนโหมดวิญญานธาตุดู
ปรากฏว่า ปรอทไปแทรกขึ้นในพระเนื้อทองแดง
ที่แขวนตอนที่นั่งแทนครับถ้าอยากดูรูปจะเอาให้ดูครับ
..แต่ขอถามก่อน..ว่าจะดูไหมครับ..

 

ดูค่ะ ขอดูด้วยคนค่า

แฮ่ม แฮ่ม

 

ก็ต้องขอดูสิครับ...

พอรู้ว่ามีตุ้มปรอทดำ ก็มีความรู้สึกว่า มันมีปรอทสีเงินยวง ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ มีกำลังแรงกว่านี้มาก และคนทั่วไปก็คงคุมได้ยากเช่นกัน...
วันนี้ก็ได้เห็นภาพถ่ายของชายผู้หนึ่งแขวนอยู่ คนนี้ก็ได้วิชามาครบพร้อมกับรับการถ่ายทอดพลังก่อนที่เกจิท่านนั้นจะมรณะภาพ...

ผมลองใช้นั่งสวดมนต์ก็พอจะเห็นเส้นสายกระแสพลังงานวิ่งวนไปรอบๆ เป็นประกายระยิบระยับอยู่ แต่ที่ไม่ค่อยแน่ใจเพราะเป็นการเห็นกระแสระยิบระยับในความมืด ซึ่งแม้จะพยายามแผ่เมตตาประจุลงไปก็ยังมีผลได้น้อยอยู่ครับ
และสังเกตว่ามีกระแสพลังมาจุกอยู่ตรงลิ้นปี่ จนทำให้บริเวณลิ้นปี่เต้นได้ทีเดียวครับ...

แปลกดีเหมือนกันแต่ก็ไม่ค่อยเข้าใจครับ..