สาธุค่ะ คุณ โมกขทรัพย์ ช่วยนำเรื่องราวที่ท่านได้ปฏิบัติ และฝึกมโนมยิทธิมา เล่าเป็นธรรมทาน ได้มั๊ยค่ะ ชอบอ่านมากค่ะ สาธุ สาธุ สาธุค่ะ
ป่วยเข้าโรงพยาบาลติดเชื้อ HIV กับการทดสอบมโนมยิทธิของผม
ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย thepsak, 11 ธันวาคม 2011.
หน้า 12 ของ 12
-
-
รักษาศีลเจริญสมาธิเยอะๆคับก็ช่วยได้เยอะคับ พิจารณาอสุภะกรรมฐาน และงดกินผงชูรส เจริญสติเยอะๆคับ ป่วยกายไม่ป่วยจิต เรามีความแตกดับเป็นธรรมดาไม่มีใครพ้น ช้าเร็วเป็นโรคไม่เป็นโรคก็ต้องตายเหมือนกัน อ้อยแม้เข้าสู่หีบจักรก็ไม่ทิ้งรสหวานฉันใด บัณฑิตแม้ตกอยู่ในที่ลำบากก็ไม่ทิ้งธรรมฉันนั้น ยังไงก็ขอให้คุณหายเป็นปกติไวๆนะคับ
-
เพิ่งเข้ามาอ่านเจอ ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้
ให้สุขภาพแข็งแรง ต้านโรคร้ายให้ได้นะคะ สู้ๆๆค่ะ
-
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ครับ
-
ผมก็ขอเป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้ครับ
ขอให้หายไวๆ -
เจ้าของกระทู้ทำไมเงียบจังครับ :mad:
-
จขกท.ป่วยเป็นโรค เขาจะมีแรงพิมพ์ได้ยังไง โรคนี้มันกินร่างกายไปเรื่อยๆด้วยสิ
-
ผมไปสมัครงานคร้ังแรกในชีวิตหลังจากจบการศึกษาในปี2532 และเมื่อทำ
การตรวจร่างกายเพื่อเข้าทำงานจึงรู้ว่าเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว แต่บริษัทก็ยังยินดีรับผมเข้าทำงาน หลังจากนั้นผมก็ได้เข้าตรวจอีกหลายคร้ัง ผลก็คือว่าเป็นจริงๆ จนคร้ังสุดท้ายอาการเริ่มมากขึ้นผมจึงเข้าตรวจอย่างละเอียดกับคุณหมอผู้เชี่ยวชาญ
โดยเฉพาะ ทื่ร.พ.พญาไท3 เมื่อประมาณปี45-46(ไม่แน่ใจ)ใช้อัลตร้าซาวด์ดูคุณหมอ
บอกพบหัวใจรัั่ว2จุด ต้องผ่าตัดเพื่อรักษา แต่ผมขอคิดดูก่อน และตัดสินใจต่อมาว่าจะไม่รักษา ได้ยามาครั้งแรกพอกินหมดก็เลิก และไม่สนใจมันอีก
ต่อมาอาการหนักขึ้นมาก หอบเหนื่อยง่าย เจ็บหน้าอกมากเหมือนมีใครมาเหยียบที่อก
ตลอดเวลา บางทีปวดที่อกร้าวไปถึงแขนซ้าย นอนตะแคงซ้ายไม่ได้จะเจ็บมาก แต่ยัง
ทำงานได้ ไม่บอกใคร และไม่รู้สึกกังวลหรือกลุ้มใจอะไรเลย นึกแต่ว่ามันอยากตายก็
ช่างมัน มีแต่บอกทางบ้านถ้าตัวเองตายเมื่อไหร่ ไม่ต้องทำอะไรน่ะ ให้โทร1666 สภากาชาดไทย เขาจะมารับศพไปจัดการต่อให้เอง เพราะผมได้บริจาคร่างกายให้
เขาไปแล้ว คนท่ีบ้านก็งง นึกว่าพูดเล่น ตอนนั้นก็ดำเนินชีวิตตามปกติ
"นิพพานชาตินี้กันเถอะ" -
ทำงานตามปกติ มีโรคหัวใจรั่ว โรคปวดหลังมากๆ และปวดประจำเกือบทุกวันบางวัน
ปวดมากจนนั่งขับรถเกือบไม่ไหว ต้องทนเอานึกว่าหลังมันอยากปวดก็ช่างมัน แล้วก็
เหน็บชาก็เป็นบ่อย และเป็นง่ายๆด้วยบางคร้ังแค่เอี้ยวตัวไปหยิบของที่เบาะหลังรถ
ก็จะเหน็บกิน แล้ว เฮ้อน่ารำคาญจัง นี่แหละที่ท่านว่า "สังขารเป็นรังของโรค" ตอนนั้นก็
ทำบุญทานตามกำลัง และชอบนั่งสมาธิเพราะสนุกดีได้เจออะไรแปลกๆเยอะ ก็ได้ไป
ปฏิบัติธรรมหลายแห่ง จนกระทั่งเมื่อเดือน ก.ค. ปี2549 ได้ไปปฏิบัติที่อ.ฝาง จ.เชียงใหม่
กับท่านหลวงพ่อธี ทวิจิตตะธัมโม ท่านสอนให้พิจารณาไตรลักษณ์ เน้นส่วนที่เป็นอนัตตา และที่นี่เองที่ผมพบกับสิ่งมหัศจรรย์มากสำหรับผม ในคืนท่ี2
ของการปฏิบัติ สิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้นก็ด้วยกับการแลกกับความเจ็บปวดทรมานอย่าง
ที่สุดในชีวิต(ความเจ็บปวดทรมานที่เกิดจากโรคต่างๆในร่างกายผมรวมกันทั้งหมด
แล้วยังไม่ได้ครึ่งเสี้ยว ) ประกอบกับการตัดสินใจยอมตายถวายชีวิตให้แก่พระพุทธุ
องค์อย่างจริงๆในคืนนั้น(ซึ่งแม้จะปฏิบัติมาหลายที่ แต่ไม่ถึงขั้นยอมตายจริงๆ
ซักที ก็เลยไม่เจอของดีซักที) แต่คืนนั้นยอมตายจริงก็เลยเจอของจริง เป็นสภาวะ
ธรรมที่พิศดารมาก คืนนั้นพอได้เวลานอนพักผ่อน ผมก็อยากจะนอนเต็มที แต่จิต
ไม่ยอมนอน จนสว่างก็ไม่ง่วงไม่เพลียอะไรเลย แต่รู้สึกสดชื่นมากๆ โล่ง โปร่งไปหมด
ทั้งกายและใจตอนหายใจรู้สึกเหมือนหายใจอยู่ในตู้เย็นตลอดเวลา และในร่างกาย
รู้สึกเย็นสบายเหมือนมีแอร์อยู่ในร่างกายตลอดเวลา สบายเนื้อสบายตัวอย่างที่สุด
ไม่เคยรู้สึกสุขสบายทั้งกายและใจมากๆอย่างนี้มาก่อน เมื่อกลับกรุงเทพได้ไม่กี่วัน
พบว่าเวทนาทางร่างกายที่เคยเกิดเป็นประจำหายเกลี้ยงไปหมด เหมือนได้มีร่างกาย
ใหม่เลยครับ และจะเกิดปิติได้บ่อยและง่ายมาก คือเวลาปลื้มใจอะไรนิดหน่อย
ก็จะขนลุก ซู่ซ่าขึ้นมาอย่างมาก จนถึงวันนี้เวทนาทางกายที่มาจากโรคหัวใจ
เอย โรคปวดหลังเอย เหน็บชาเอยแบบเดิมๆหายไปหมดครับ นี่แหละครับ
ธรรมโอสถจริงๆๆ ไม่ต้องกินยาซักเม็ดเลยครับ
.อนัตตา อนัตตา..ไม่ใช่สัตว์..บุคคล..ตัวตน..เราเขา..ไม่เป็นตน..
..บังคับบัญชาไม่ได้.
"นิพพานชาตินี้กันเถอะ" -
ไม่มีคำใดๆที่จะบรรยายนอกจาก อนุโมทนาสาธุสาธุสาธุ
-
ขออนุโมทนาบุญด้วยครับ เป็นกำลังใจให้ครับผม
หน้า 12 ของ 12