ผลวิจัยทฤษฎี"ธาตุเจ้าเรือน" "น้ำ-ไฟ"สิวเห่อสุด!!

โดย มณีรัตน์ ปัญญพงษ์





น.ส.กรรณิการ์ จิตบุญญาพินิจ และ น.ส.นฤมล ผุยมูลตรี นักศึกษาสาขาการแพทย์แผนไทยประยุกต์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (มทร.) ธัญบุรี วิทยาเขตปทุมธานี วิจัยพบทฤษฎีธาตุเจ้าเรือนมีผลต่อสภาพผิวหน้า

กรรณิการ์เล่าว่า "เนื่องจากในปัจจุบัน ประชาชนเริ่มหันมาให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องสุขภาพ และความงาม ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย ในสปาบางแห่งมีการนำเอาทฤษฎีธาตุเจ้าเรือนมาประยุกต์ใช้ในเรื่องของอาหาร และการบำบัด ส่วนใหญ่มักจะเกี่ยวกับระบบต่างๆ ของร่างกาย แต่กับผิวหนังยังไม่ค่อยมีผู้นำไปใช้ เนื่องจากขาดข้อมูลสนับสนุน <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD></TD></TR></TBODY></TABLE>

"ปัจจุบันที่คลินิกแพทย์แผนไทยประยุกต์ มทร.ธัญบุรี วิทยาเขตปทุมธานี ได้เปิดบริการทางด้านการนวดรักษาโรคนวดเพื่อสุขภาพ และแผนกสุขภาพความงาม โดยใช้หลักการแพทย์แผนไทย การดูแลหลังคลอดแบบแผนไทย และได้นำทฤษฎีธาตุเจ้าเรือนมาใช้ในเรื่องสุขภาพความงามเพื่อวางแผนการรักษา ด้วยเหตุนี้ จึงได้ทำวิจัยทฤษฎีธาตุเจ้าเรือนส่งผลต่อสภาพผิวหน้า ได้แก่ สิว ฝ้า กระ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานในการเผยแพร่ และพัฒนาต่อไป"

จากการศึกษากลุ่มตัวอย่าง จำนวน 400 คน พบว่า ธาตุเจ้าเรือนกำเนิดจากวัน เดือน ปี เกิด ทั้ง 4 ได้แก่ ธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม และธาตุไฟ ประสบปัญหาเรื่องสิวมากที่สุด โดยธาตุน้ำมีจำนวนผู้เป็นสิวมากที่สุด รองลงมาคือธาตุไฟ เพราะธาตุน้ำ กับธาตุไฟส่วนใหญ่เป็นผิวมัน คือผิวจะมีน้ำมันมาก รูขุมขนกว้างทำให้เกิดสิวได้ง่าย

ในทางการแพทย์แผนไทยนั้น บางครั้งคน 2 คนเป็นโรคเดียวกัน ใช้สมุนไพรตัวเดียวกัน คนหนึ่งอาจได้ผล แต่อีกคนอาจไม่ได้ผล หรืออาจจะเกิดการแพ้ได้ ทางแพทย์แผนโบราณเชื่อกันว่าเกิดจากธาตุเจ้าเรือนของแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้น การที่เราได้รู้จักธรรมชาติธาตุเจ้าเรือนของแต่ละธาตุ จะทำให้วางแผนการรักษา และเลือกสมุนไพรที่ถูกกับโรค ถูกกับคน และธาตุเจ้าเรือน

แม้ว่างานวิจัยนี้เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการศึกษาเกี่ยวกับธาตุเจ้าเรือน เพื่อนำข้อมูลนี้ไปพัฒนาเพื่อการรักษาผิวหน้า และความงามต่อไป แต่ก็เป็นเรื่องที่หน้ายินดีที่การแพทย์แผนไทยไม่ได้ถูกทิ้งไป ยังมีเยาวชนรุ่นหลังเห็นความสำคัญ พยายามรักษา และพัฒนาให้อยู่คู่กับสังคมไทยตลอดไป



ที่มา:มติชน
http://www.matichon.co.th/matichon/matichon_detail.php?s_tag=01edu16300849&day=2006/08/30