ถาม : เวลาเราเจอภัยพิบัติ จะใช้คาถาบทไหนที่จะลดความรุนแรง ?
ตอบ : ความจริงถ้าเรายึดมั่นในคุณพระรัตนตรัย "อิติปิโส สวากขาโต สุปฏิปันโน" ก็พอแล้ว
ถ้าเป็นคาถาของ หลวงปู่ชุ่ม (หลวงปู่ครูบาชุ่ม โพธิโก วัดไชยมงคล) ว่า "วิวะ อะวะ สุสะตะ วิวะสวาหะ" ท่านบอกว่าป้องกันภัยธรรมชาติ ไฟป่า น้ำป่า หรือสัตว์ร้าย
ถาม : ถ้าภัยมาแรงๆ ขอคาถาสั้นที่สุด
ตอบ : คาถาทุกบทเป็นเครื่องโยงให้เกิดสมาธิ ถ้าเกิดสมาธิคิดอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ท่านถึงได้บอกว่าสำเร็จด้วยใจ อยากได้สั้นๆ ไม่ต้องท่องก็ได้ แค่คิดก็พอแล้ว
ถาม : คาถากันเชื้อโรค ?
ตอบ : ถ้าตามที่ ท่านท้าวเวสสุวรรณ ท่านบอก ท่านให้ภาวนา "คะสะชะนะ อิติ ศัตรู อย่ามาคะตา" ท่านบอกว่ากันได้แม้แต่โรคเอดส์ เพราะตอนนั้นโรคเอดส์กำลังระบาด
ถาม : หมายถึงท่องครั้งเดียว ?
ตอบ : ภาวนาให้อารมณ์ใจทรงตัวทุกวัน ไม่ใช่ท่องครั้งเดียวแล้วกันได้ตลอดชีวิต อย่างนั้นคุณภาพจะครอบจักรวาลเกินไป..!
ถาม : แต่ถ้าติดเชื้อโรคมาแล้ว จะใช้คาถาบทไหน ?
ตอบ : คาถา หลวงปู่ครูบาไชยวงศ์ "ทนเอา"
ถาม : คาถาบทไหนทำให้โรคคลายตัวลง ?
ตอบ : จะทำให้โรคคลายตัวลงนั้นเป็นไปไม่ได้ เพราะโรคเกิดจากวาระกรรม แต่ถ้าเราภาวนาจนกำลังใจทรงตัว จิตกับประสาทแยกออกจากกัน เราจะไม่ค่อยรับรู้อาการทางร่างกาย ก็เหมือนกับโรคเบาลง
เพราะฉะนั้น..บทไหนก็ได้ เอาอย่าง หลวงปู่เนียม วัดน้อย เจ็ดตำนานทั้งหัว ท่องไปเถอะ พูดง่ายๆ คือทั้งเล่มเลย ต้องการอันไหนก็ท่อง
หลวงปู่เนียมท่านเป่าแก้งูเห่ากัด หลวงพ่อวัดท่าซุง ท่านถามว่า "ใช้คาถาบทไหน ?" หลวงปู่เนียมบอกว่า "เจ็ดตำนานทั้งหัว บทไหนก็ได้" สมัยก่อนหนังสือทั้งเล่มเขาเรียกเป็นหัว
สนทนากับพระครูธรรมธรเล็ก สุธมฺมปญฺโญ
เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี ต้นเดือนเมษายน ๒๕๕๔
ผีมีจริง...ตอนสร้างเมรุเผาศพเสร็จเพราะมีเว็บพลังจิตใช้งบเกือบล้าน(ป่าช้าโบราณ)
ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย พระจิรวัฒน์ ญาณวโร, 7 กรกฎาคม 2011.
หน้า 64 ของ 96
-
เหล็กธรรมดาเมื่ออยู่ใกล้กับแม่<wbr>เหล็กซึมซับกระแสของแม่เหล็กก็จ<wbr>ะเปลี่ยนจากเหล็กธรรมดากลายเป็น<wbr>แม่เหล็ก ทำนองเดียวกันคนธรรมดาเมื่ออยู่<wbr>ใกล้กับคนที่มี
เมตตากรุณาซึมซับ<wbr>กระแสของความเมตตากรุณาก็จะเปลี่ยนจากคนธรรมดาเป็นคนที่มีความเ<wbr>มตตากรุณาได้
-
การให้อะไรกับใครอย่างแท้จริงก็<wbr>คือให้ด้วยใจที่สละในของนั้นแล้<wbr>ว จึงจะเป็นการให้ที่มีอานิสงส์มาก ถ้าใจของเรายังกังวลถึงสิ่งที่ไ<wbr>ด้ให้ไป หรือผลตอบแทนของมันก็ยังไม่ใช่การสละอย่างแท้จริง เพราะว่าในใจลึกๆ ของเรายังถือว่าของนั้นยังเป็นของของเรา มันจึงให้ด้วยกายและวาจาแต่ไม่ใ<wbr>ห้ด้วยใจ เป็นเหมือนกับการแลกเปลี่ยนมากกว่า ผลของการให้จึงไม่เท่ากับการสละ<wbr>ด้วยกาย วาจา และใจ -
นกกระจอกเทศมีนิสัยอย่างหนึ่ง เมื่อเจอกับศตรูมันจะเอาหัวมุดล<wbr>ง
ดินเพราะมันคิดว่าถ้ามองไม่เห็<wbr>นศตรูแสดงว่าศูตรไปแล้ว อาจจะ
เห็นว่ามันช่างโง่เขลา ในทางพุทธศาสนาเปรียบกิเลศเป็นเ<wbr>หมือน
ศตรู คำว่าอริยะแปลว่าผู้ไปแล้วจากศต<wbr>รูคือกิเลศ เมื่อกิเลศเป็น
เหมือนกับศตรูเรา<wbr>ก็จะเอาแต่หนีหรือหลบเลี่ยงมันไ<wbr>ม่ได้ เพราะไม่
มีทางชนะเลย ต้องเผชิญหน้ากับมัน ใช้ปัญญาศึกษามัน เหมือน
คำว่ารู้เขารู้เรา รบร้อยชนะร้อย -
นกนั้นมีนิสัยอย่างหนึ่ง ทุกวันมันจะร้องเพลงคืนให้กับธร<wbr>รมชาติ
เฉลิมฉลองการมีชิวิตแม้ว่าวันนั้นมันอาจจะหาอา<wbr>หารไม่ได้เลย
มันก็ยังมีอารมณ์ร้องเพลงได้ทุก<wbr>เช้า มันสอนเราว่าอย่ามัวแต่กังวล
ถึง<wbr>อนาคตที่ยังมาไม่ถึง แต่ให้มีความสุขในปัจจุบัน -
เวลามนุษย์ปลูกป่า ต้นไม้ที่อยู่เดิมเขาดีใจนะ ดีใจกับสมาชิกใหม่
ที่ช่วยกันทำห<wbr>น้าที่ มนุษย์ดีใจไหมกับคนมาช่วยทำหน้า<wbr>ที่? ดีใจ
ไหมกับคนที่ทำหน้าที่ดีกว่า<wbr>เรา? หรืออิจฉาคนที่มาช่วยเราทำหน้า
ที่แล้วทำดีกว่าเรา อิจฉาเขาแล้วเราสุขหรือทุกข์คิด<wbr>เอาเอง
เจ้าเคยสังเกตต้นไม้ข้างถนนบ้าง<wbr>ไหมล่ะ?
ทำไมจึงมีกิ่งก้านมาด้านถนนมากก<wbr>ว่าด้านนอก
เพราะเขาตั้งใจที่จะทำประโยชน์สูงสุด
ให้มนุษย์ที่สัญจรไปมา ต้นไม้พยายามทำหน้าที่เพิ่มเติม
เพื่อจะเป็นผู้ให้ ให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
มนุษย์เคยคิดจะหาอะไรเพิ่มเติมใ<wbr>ห้เพื่อนมนุษย์ หรือกับธรรมชาติบ้างไหม? -
...ได้ข่าวว่า อุโมงค์ปฏิบัติธรรม ที่วัดป่าบ้านหนองผักแว่น
...กำลังใกล้จะเป็นความจริงแล้วตามที่ได้ออกแบบไว้ครับ
...บ้านดิน คงจะเป็นโครงการฯที่อยากจะทดลองสร้างต่อไปในที่ของตนเองที่วัดครับไฟล์ที่แนบมา:
-
-
น้าพีหากอุโมงค์ปฏิบัติธรรมเสร็จแล้ว รบกวน post รูปให้ได้เห็นชื่นใจกันหน่อยนะคะ
ขอบคุณมากค่ะ -
...ยังไม่มีโอกาสได้ไปช่วงนี้ครับ
...แต่ ท่านพระอาจารย์จิรวัฒน์ฯ พูดให้ฟังว่า สวยงามสดใสขึ้น
...และกำลังทาสีทองดอกบัวบนยอดอุโมงค์อยู่
...คิดว่าหลังจาก หลวงปู่ดี กลับจากอินเดีย อาจจะขึ้นไปครับ
...จะได้ถ่ายรูปมาให้ชื่นใจกัน
...อนุโมทนาสาธุด้วยครับ คุณณิช ที่มีส่วนร่วมบริจาค -
ยังไม่สายเกินไ<wbr>ปที่จะช่วยกันเปลี่ยนแปลงโล<wbr>ก ถ้าเราไม่
สามารถจะเปลี่ยนแป<wbr>ลงโลกนี้ได้ ใครกันจะเปลี่ยนโลกใบ
นี้ได้<wbr> ความรักมันทำได้แต่เพียงสร้<wbr>างสรรค์เท่านั้น ที่โลก
เรามีปัญหาแบบนี้เพรา<wbr>ะโลกของเราขาดความรัก ขาด
เมตตาธรรมอันเป็นเครื่อง<wbr>ค้ำจุนโลก เราไม่สามารถบอก
ได้ว่าคนอื่<wbr>นเลือกที่จะทำลายอีกซักเท่า<wbr>ไหร่ แต่เรา
สามารถเลือกได้ว่าเรา<wbr>จะสร้างสรรค์ขนาดไหน การเตรียม
ตัวสามารถจะทำได้ แต่สำคัญที่สุดคือการเตรียม<wbr>ใจ ถ้าเรา
รู้ว่าฝนจะตกเราก็ต้อ<wbr>งเตรียมใจที่จะเปียก สุดท้ายสัตว์โลก
ก็ต้องเป็นไ<wbr>ปตามกรรม
-
พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี
-
พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี
ด้วยพระบารมีอันไม่มีประมาณแห่งสมเด็จองค์ปฐมบรมศาสดา
บารมีแห่งพระธรรมจักร ดอกมะลิแก้ว และพระอริยสงฆ์ทั้งปวง
โปรดสถิตย์ในกาย วาจา ใจ ของทุกท่าน ให้คิด พูด ทำ ในสิ่งที่ดี
มีดวงตามองเห็นแต่สิ่งที่ดี และความดีของผู้อื่น มีความคล่องตัว
ธรรมใดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสแล้ว
ขอให้ทุกท่านได้ดวงตาเห็นธรรมนั้นในชาติปัจจุบันทุกท่านเทอญ สาธุ
บุญ เท่านั้น ศีลเท่านั้น
ที่จะช่วยตนเราทุกคนและครอบครัวได้ -
...สมเด็จพ่อองค์ปฐม สมเด็จพ่อองค์ปฐม สมเด็จพ่อองค์ปฐม
...ขอจงสำเร็จผลแก่ดวงจิตทุกดวงจิตใน ๓ โลกธาตุด้วยเทอญ -
คนเรามีติดที่ตัว "รัก" ตัวเดียว เมื่อรักก็อยากให้อยู่ตลอด
เมื่ออยู่ตลอดก็อยากเป็นเจ้าของ<wbr> เมื่อเป็นเจ้าของก็ไม่อยาก
ให้ใค<wbr>รยุ่ง เมื่อไม่อยากให้ใครยุ่งแย่งของตัวไปแล้วก็เกิด
หวง เมื่อหวงก็อิจฉา หึง เมื่อหึงแค้นก็ตามมา แค้นแล้วความ
ชิงดีชิงเด่นก็เกิด<wbr> แล้วจะจบลงด้วยการแพ้ชนะ -
พลังพระอาทิตย์
ตำนานโมรปริตร
ในสมัยที่พระโพธิสัตว์เกิดเป็นน<wbr>กยูงทองจะภาวนาต่อพระอาทิตย์เพื่อให้ตนเองแคล้วคลาดโดยใช้ตาเพ่<wbr>งพระอาทิตย์ ขึ้นภาวนา อุเทตยญฺจกฺขุมา ฯลฯ ตอนเย็นเพ่งพระอาทิตย์ตก อเปตยญฺจกฺขุมา ฯลฯ (คาถาโมรปริตร) ผลคือนกยูงทองตัวนี้แคล้วคลาดตล<wbr>อด แม้จะมีกษัตริย์พยายามจะจับนกยู<wbr>งทองตัวนี้ถึง 7 ช่วงกษัตริย์สืบกันมาก็จับหรือทำอันตรายนกยูงทองตัวนี้ไม่ได้
อุบายแก้ง่วง
เป็นอุบายหนึ่งที่ใช้แก้ง่วงที่<wbr>พระพุทธองค์ประทางแก่พระโมคคัลา<wbr>นะ "ถ้ายังไม่หายให้นึกถึงแสงสว่าง<wbr> ถึงขณะนั้นอยู่ในที่มืดในยามราต<wbr>รีก็นึกว่ากำลังนั่งอยู่ตอนกลาง<wbr>วันดวงอาทิตย์กำลังแผดแสงจ้า" -
พรหมวิหารกำลังสอง
เมตตาในเมตตา คือมีความสงสารที่จะช่วยเหลือแล<wbr>ะมีความกระตือรือร้นที่จะโอบอุ้<wbr>ม
เมตตาในกรุณา คือมีความสงสารที่จะช่วยทั้งๆ ที่กำลังช่วยก็รู้สึกว่าช่วยยัง<wbr>ไม่พอ
เมตตาในมุทิตา คือไม่เป็นเดือดเป็นแค้นต่อสิ่ง<wbr>ที่จะมาชิงชังและยังมีความสงสาร<wbr>ที่โดนชิงชัง และคนที่ชิงชังว่ารู้น้อย
เมตตาในอุเบกขา คือคนที่วางอารมณ์อยู่ในสุขุม และไตร่ตรองอย่างเยือกเย็นเพื่อ<wbr>ความสงสารบางสิ่งที่ไม่มีความเป็นกลาง
กรุณาในเมตตา คือการช่วยเหลือโดยยังไม่สิ้นเยื่อใย
กรุณาในกรุณา คือการช่วยเหลือชนิดไม่ยอมทิ้ง
กรุณาในมุทิตา คือช่วยเหลืออย่างไม่หวังผล
กรุณาในอุเบกขา คือช่วยเหลือโดยมีสติ คือรู้พอ รู้หยุด รู้ชั่งใจ
มุทิตาในเมตตา คือไม่มีความชังต่อสิ่งที่น่าสง<wbr>สาร
มุทิตาในกรุณา คือไม่มีความชังต่อการช่วยเหลือ
มุทิตาในมุทิตา คือไม่มีหน้ากาก
มุทิตาในอุเบกขา คือไม่ชิงชังในความสุขุม
อุเบกขาในเมตตา คือความสุขุมในเมตตา คือรู้จักว่าสงสาร ควรสงสารแค่ไหน
อุเบกขาในกรุณา คือสุขุมต่อการช่วยอนุเคราะห์
อุเบกขาในมุทิตา คือสุขุมต่อการระงับใจและอารมณ์<wbr>ต่อความชัง
อุเบกขาในอุเบกขา คือเฉย ซึ่งมีสติปัญญา -
วิธีเพิ่มพลังบุญทวีคูณให้กับชี<wbr>วิตอย่างง่ายๆ
1. การเพิ่มพลังบุญแบบไม่เสียเงินแ<wbr>ม้แต่บาทเดียว
เคล็ดวิชานี้ เป็นของท่านหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ ท่านสอนไว้ว่า
-เวลาตื่นเช้ามาขณะล้างหน้าหรือ<wbr>ดื่มน้ำให้ท่องว่า พุทธัง สรณัง
คัจฉามิ ธัมมัง สรณัง คัจฉามิ สังฆัง สรณัง คัจฉามิ เพื่อความเป็น
สิริมงคลต่อชีวิตใ<wbr>นวันใหม่
-ก่อนกินข้าว ก็ให้นึกถวายข้าวแด่พระพุทธเจ้า
-ออกจากบ้าน เห็นคนอื่นเค้ากระทำความดี เป็นต้นว่าเห็นเค้าใส่
บาตรพระ จูงคนแก่ข้ามถนน ก็ให้นึกอนุโมทนากับเขาด้วย
-เดินผ่านเห็นดอกไม้บูชาพระวางข<wbr>ายอยู่ ก็ให้เอาจิตนึกอธิษฐาน
ขอถวายดอก<wbr>ไม้เหล่านั้นเป็นเครื่องบูชาพระ<wbr>รัตนตรัย โดยระลึกว่า
พุทธัสสะ ธัมมัสสะ สังฆัสสะ ปูเชมิ แล้วอย่าลืมอุทิศบุญให้พ่อค้า
แม่ค้าดอกไม้นั้นด้วย
-เวลาไปไหนมาไหน เห็นไฟข้างทางก็ให้นึกน้อมถวายไ<wbr>ฟเหล่านั้น
บูชาพระรัตนตรัย โดยระลึกว่า โอม อัคคีไฟฟ้า พุทธบูชา
ธัมมะบูชา สังฆบูชา
2. การเพิ่มพลังบุญด้วยเงินน้อย แต่ได้อานิสงส์ยิ่งใหญ่
การสร้างบุญที่เป็นมหากุศล อาทิเช่น การสร้างพระพุทธรูปขนาดใหญ่
พระมหาเจดีย์ สร้างยอดฉัตรหรือสร้างศาสนสถานอื่น ใดก็ตาม รวมถึง
ธรรมทานด้วย เพื่อลดวิบากกรรมหนักๆ สามารถทำได้ แม้แต่ผู้ที่มีเงิน
น้อย การทำบุญนี้ ไม่จำเป็นจะต้องใช้เงินมาก เหมือนที่หลายๆคนใน
ปัจจุบันเข้า<wbr>ใจและติดเป็นค่านิยมกัน การทำบุญทุกอย่าง ไม่ว่าจะบุญเล็ก
บุญใหญ่ ให้ทำตามแต่กำลังของเราที่สามาร<wbr>ถจะทำได้ และต้องไม่เดือด
ร้อนตัวเอง แม้แต่เงินสลึงเดียวก็สามารถสร้<wbr>างมหากุศลได้ ขอให้เพียงเงิน
นั้นบริสุทธิ์ ไม่ได้ไปเบียดเบียนของใครมาก็พอ<wbr> และที่สำคัญเจตนาตอนที่
ทำ ต้องบริสุทธิ์ มีความยินดีในบุญที่ทำ เกิดความสุขและความอิ่มเอมใจ
นั่นแหละมหากุศลทั้งสิ้น
แต่ถ้าไม่มีเงินจริงๆ ก็ยังสร้างมหากุศลได้ โดยการใช้แรงกายแรงใจในการ
ช่วยก่อสร้าง หรือแม้แต่การไปชักชวน ป่าวประกาศให้คนมาร่วมสร้างบุญ
และขออนุโมทนาบุญกับคนเหล่านั้น<wbr>ด้วยทุกครั้ง ก็จะได้บุญมากเช่นเดียวกัน
อยู่ที่เจตนาและความตั้งใจเป็นที่ตั้ง สรุปสั้นๆ ว่า การทำบุญนั้น ไม่ว่าจะเป็น
เงินเท่าใดก็ได้บุญ<wbr>เช่นกัน ยิ่งการทำบุญใดๆที่เป็นประโยชน์<wbr>ต่อ คนจำนวน
มากมากหรือสังคม บุญนั้นก็จะมากขึ้นทวีคูณ ไม่มีวันหมด อาทิเช่น สังฆทาน
สร้าง โรงทาน วิหาร อุโบสถ ถนน เป็นต้น จนกว่าสิ่งก่อสร้างหรือศาสนสถาน
<wbr>นั้นๆที่ร่วมสร้างจะพังทลายไป -
-
พระจิรวัฒน์ ญาณวโร เป็นที่รู้จักกันดี
เจริญพรญาติโยมผูใจบุญทุกท่าน ขณะนี้คณะของเรานำโดยหลวงปู่ดี พระอาจารย์จิรวัฒน์ และแดนนี่อยู่ที่วัดญาณลังกาเมืองกัลกาต้า ช่วงเช้ามีงานทำบุญเลี้ยงพระมีญาติโยมมาร่วมงานมากพอสมควร ชาวบ้านดีใจมากที่หลวงปู่ดีได้มาเมตตาที่นี่ดังมีภาพรายละเอียดดังต่อไปนี้
หน้า 64 ของ 96