พระนิพพาน
พระวิสุทธิเทพ
เรามาดูวิมานสมเด็จองค์ปฐมกัน วิมานของท่านใหญ่โตมาก เป็นแก้ว ๙ ประการ เปล่งรัศมีประกายเพชร ระยิบระยับแพรวพราว ๗ สี ยาวไกลและสวยที่สุดในเมืองนิพพาน กำแพงแก้ว ๗ ชั้น รอบพระวิมาน มียอดแหลมใหญ่ตรงกลางหลังคา และยอดเล็กลดหลั่นลงมาอีกหลายยอด ข้างในนั้นใหญ่โตโอ่โถง ทั้งเสาวิมานนั้นก็สูงใหญ่มีลวดลายกนกละเอียดวิจิตรสวยงามมาก หลายแสนต้น
ที่พื้นก็เป็นแก้วเป็นเพชรมีลวดลายกนก วิมานของท่านนั้นใหญ่ขนาดที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกพระองค์ รวมทั้งพรหมเทวดาที่เป็นพระอริยะเจ้าประทับได้ทั้งหมดทุกพระองค์ ข้างในนั้นสว่างไสวจากทั้งในวิมานเอง และสว่างจากรัศมีสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ และพระอรหันต์ทุกพระองค์ และจากพรหมเทวดาทั้งหลาย จึงทำให้สว่างจ้าแพรวพราวระยิบระยับ
ลำดับการประทับนั้นสมเด็จองค์ปฐมพระวรกายใหญ่ที่สุดประทับบนแท่นที่สูงใหญ่ด้วยพระวรกายปางพระนิพพาน หรือพระวิสุทธิเทพนั่นเอง รองลงมาเป็นพระพุทธเจ้าประทับนั่งเรียงลำดับกันไป รองลงมาเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า ตลอดจนพระอรหันต์ ทุกพระองค์ล้วนเป็นพระวิสุทธิเทพทั้งหมด ชฏา เสื้อผ้า เครื่องประดับ รองเท้าแก้วปลายงอนล้วนเป็นเพชรเม็ดน้อยใหญ่ส่องประกายวิบวับ
ในการเข้าเฝ้าล้วนยืนเป็นระเบียบแบบอัตโนมัติ ในการเข้ากราบให้ครบทุกพระองค์ก็เพียงแต่แยกกายเราให้ครบทุกพระองค์แล้วก็กราบพร้อมกัน
เมื่อกราบสมเด็จองค์ปฐมที่วิมานท่านเสร็จก็มากราบสมเด็จองค์ปัจจุบันที่วิมานของท่าน วิมานของสมเด็จองค์ปัจจุบันก็ใหญ่โตสวยงามและจุได้ทุก ๆ พระองค์เช่นเดียวกัน
ทีนี้ก็มาดูที่วิมานของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีกันบ้าง วิมานของหลวงพ่อนั้นแปลกปกติแล้วพระอรหันต์ในแต่ละยุคสมัยของพระพุทธเจ้าพระองค์ใด วิมานของพระอรหันต์ซึ่งเป็นพระสาวกจะต้องไปต่อลำดับด้านหลังวิมานของพระพุทธเจ้าพระองค์นั้น แต่วิมานหลวงพ่อกลับมาอยู่ในแนวแถวเดียวกันกับวิมานของพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ ซึ่งวิมานหลวงพ่อนั้นแทรกอยู่ระว่างวิมานของสมเด็จพระพุทธกัสสป กับ สมเด็จพระสมณโคดม และมีวิมานของบริวารด้วยกันทั้งหมดถึง ๓๗ สาย แต่ละสายก็มีวิมานหัวหน้าและลูกน้องต่อกันไป ยาวถึง ๒ แสนโยชน์นิพพาน
และที่แปลกอีกอย่างคือวิมานของของพ่อนั้นมีอยู่ด้วยกันถึง ๓ หลังด้วยกัน โดยหลังตรงกลางนั้นใหญ่ที่สุด และอีก ๒ หลังนั้นรองลงมาอยู่ขนาบข้างซ้ายขวา
ที่เป็นเช่นนั้นเพราะหลวงพ่อท่านนั้นบำเพ็ญพุทธภูมิประเภทวิริยาธิกะ บำเพ็ญบารมีมายาวนานถึง ๑๖ อสงไขยกับแสนมหากัป ขาดอีกเพียง ๗ ชาติเท่านั้นหลวงพ่อก็จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าในลำดับที่ ๒๒ ต่อจากสมเด็จพระศรีอารยเมตไตร
แต่หลวงพ่อท่านลาพุทธภูมิเสียก่อนในชาตินี้ ซึ่งท่านได้สัญญาตั้งแต่ก่อนลงมาเกิดชาตินี้แล้วว่าจะลาเพื่อช่วยทำนุบำรุงพระศาสนาในยุคกึ่งพุทธกาล เพื่อยุคของพระสมณโคดมนั้นคงอยู่ได้จนครบ ๕,๐๐๐ ปี
เสร็จแล้วต่างก็แยกย้ายไปวิมานของตัวเอง วิมานของเรานั้นก็สวยกะเขาเหมือนกัน แต่ความผ่องใสยังไม่มากเท่าใด อ. บอกว่ายิ่งเราขึ้นมาอยู่มานั่งเล่นบนวิมานของเรายิ่งบ่อยและนานเท่าใด จิตใจของเราย่อมสะอาดและบริสุทธิ์ได้นานเท่านั้นด้วย
รอบวิมานของเรามีทั้งสระบัวแก้วซึ่งดอกใหญ่ขนาดลงไปนั่งและนอนอยู่ตรงกลางดอกได้สบาย ๆ น้ำใสเป็นประกายเพชรระยิบระยับ และดอกไม้ ต้นไม้อื่น ๆ อีกมาก เตียงนอนนั้นเป็นแก้วบางเฉียบมีลวดลายกนก พร้อมหมอนอิง ตัวเรานั้นก็เป็นแก้ว พร้อมเครื่องประดับแพรวพราว รองเท้าแก้ว ตัวนั้นใสแบบมองทะลุได้ แต่งกายคล้ายตัวพระ แต่ไม่มีเพศ ซึ่งตั้งแต่ชั้นพรหมขึ้นมาก็ไม่มีเพศแล้วค่ะ
ติดตามพระนิพพานตอนต่อไป
ผีอำ
ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย ทองชมพู, 19 เมษายน 2015.
หน้า 12 ของ 14
-
ขอขอบคุณพี่ทองชมพูเช่นกันค่ะ พี่ๆไปกันได้แล้ว อย่าลืมมาลากน้องๆไปด้วยนะคะ น้องคนนี้ต้องให้ฉุดกระชากลากดึงอีกเยอะ กิเลสยังเยอะมาก จะพยายามเอาตัวให้รอดค่ะ
-
ขอบคุณครับ
-
พบว่า เล่มไหนที่มีภาพสีสวยและเนื้อหาเยอะ ใหญ่หนา และหนัก เหมือนจะมีกำลังยิ่งรุนแรง หรือป่าวครับพี่ NoP !! หรือเป็นเพราะว่ามีสัญลักษณ์แทนเป็นสื่อเพิ่มเติมด้วยหรือไม่ครับ คุณ wanwisa2517 ไม่สนใจมาไว้ในบ้าน ... ซักเล่มอ่ะครับ แต่ถ้ามีไรขึ้นมาผมไม่เกี่ยวนะ 555 :p:boo:
-
ขอบคุณค่ะคุณ Kavafisค่ะที่แนะนำ
ที่บ้านมีแต่หนังสือสวดมนต์ไทย
และหนังสือธรรมมะที่เป็นภาษาอังกฤษค่ะ (สามีพี่เค้าอ่าน)
ตอนนี้พวกเค้าก็ไม่ได้มาให้เห็นแล้วค่ะ
พีก็ไปทำความสะอาดบ้าน
และคอยดูแลความเรียบร้อย
ทุกอาทิตย์ค่ะ
พี่อาสาไปช่วยดูแลลูกให้เพื่อนที่ป่วยเป็นมะเร็งค่ะ
ขาของเธอไม่มีความรู้สึก เธอก็กำลังทำกายภาพอยู่ค่ะ
และต้องฉายแสงด้วย สามีของเธอก็เป็นมะเร็งเช่นกัน
แต่ก็ต้องรักษาอย่างต่อเนื่อง
ลูกชายเธออายุไล่เลี่ยกัน คนโตอายุ 8 ปี
คนที่สองอายุ 6.5 ปี และคนที่สามอายุ 3.5 ปี
ทำให้ดิฉันรู้ว่างานของคนเป็นแม่ยิ่งใหญ่มากๆ -
พี่ไม่มีลูกเลยไม่มีภาระมาก
จึงเป็นอาสาสมัครไปช่วยครอบครัวเพื่อน
ดูแลลูกๆให้เพื่อน ทำอาหารให้เด็กๆ
พาอาบน้ำ พาเข้านอน เป็นเพื่อนเล่นกับเด็กๆ
และช่วยทำงานบ้านให้ -
พวกเราคนไทยมาอยู่ต่างบ้านต่างเมือง
อะไรที่เราจะพอช่วยเหลือกันได้
เราก็จะช่วยกันอย่างเต็มที่ค่ะ -
ชีวิตเราเองก็ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่งเมื่อไหร่
เราได้มีโอกาสช่วยเหลือคน
ที่ต้องการความช่วยเหลือและได้สร้างบุญทุกวัน
ในขณะที่เรายังมีลมหายใจทุกขณะจิต
ก็นับว่าคุ้มแล้วที่ได้เกิดมา -
ยินดีต้อนรับสมาชิกใหม่ทุก ๆ ท่านค่ะ
(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f)(f) -
อนุโมทนากับคุณวันวิสาด้วยค่ะ
ถ้าจะให้ดีให้คุณตระหนักด้วยว่า ครอบครัวของเพื่อนคุณที่ประสบปัญหานั้น ก็เนื่องจากกรรมทั้งสิ้น และเราเองหากคิดแค่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์แล้วเราจะคิดว่าคุ้มแล้วนั้น การทำความดีระดับนี้อานิสงส์อยู่ในระดับเพียงมนุษย์และสวรรค์เท่านั้น
ให้คิดว่าทั้งเขาและเราตราบใดที่ยังทรงขันธ์ ๕ อยู่อย่างนี้ ก็จักไม่มีวันพ้นเวรกรรมไปได้เลย ไม่วันใดก็วันหนึ่งหากเวรกรรมตามเราทันบ้างก็เห็นทีจะหลบไม่พ้น ให้คุณมองเพื่อให้เห็นว่าคนเราทุกคนนั้นล้วนต้องตกอยู่ในความทุกข์ แม้ตัวเราเองอย่าได้คิดว่าเราสุข ในเบื้องหลังของความสุขทางโลกนั้น มักจะแฝงด้วยทุกข์ที่เรามองไม่เห็นอยู่ด้วยเสมอ ๆ
มองให้เห็นสภาพตามความจริง และหาทางให้ตัวเรานั้นหลุดพ้นออกจากกองทุกข์นี้แบบนิรันด์ เพื่อไปพบกับความสุขที่แท้จริงที่เป็นอมตะนิพพาน
ขอเจริญในธรรมค่ะ -
ใช่ค่ะ คุณทองชมพูในส่วนนี้ก็เป็นภาระกิจทางโลก
ส่วนภาระกิจทางธรรมฉันก็ยังกระทำอย่างต่อเนื่อง
และไม่ลืมเป้าหมายแห่งการปฏิบัติ
ให้พ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด
การดำรงชีวิตอยู่ในโลกใบนี้
เราก็ต้องทำหน้าที่ทั้งทางธรรม
และทางโลกควบคู่กันไป
อย่างถูกทำนองครองธรรม
ชีวิตของแต่ละคนมีกรรมเป็นตัวกำหนด
ต้นทุนของแต่ละคนมาไม่เหมือนกัน
อะไรที่ทำแล้วไม่ขัดกับหลักศีลธรรม
และได้มีโอกาสได้หยิบยื่นความช่วยเหลือ
ต่อเพื่อนมนุษย์ด้วยกันก็เป็นสิ่งที่ประเสริฐ -
-
หลงรูป คิดว่าเราสวย เราดี เราเก่ง
ก่อนกล่าวถึงพระนิพพานตอนต่อไป ซึ่งตอนหน้าจะกล่าวถึงการทรงอารมณ์ที่พระนิพพานนั้นเป็นอย่างไร และอารมณ์ที่สวรรค์และพรหมนั้นเป็นอย่างไร เพราะอารมณ์นั้นสำคัญมาก เมื่อใกล้สิ้นขันธ์แล้วจะได้รู้อารมณ์ตัวเอง หากอารมณ์ของเรายังไม่ถึงเป้าหมายสูงสุด จะได้รีบดึงเอาวิปัสสนามาพิจารณาเพื่อจะได้ตัดขันธ์ ๕ ได้ง่ายขึ้นและรีบทำอารมณ์ของเราอย่างรีบด่วนที่สุด
ในระหว่างอยู่ธุดงควัตรที่วัดท่าซุงนั้น เมื่อเสร็จจากการฝึกมโนมยิทธิจากหลวงพ่ออาจินต์ทุกครั้งเราพยายามจะหาโอกาสเพื่อถามท่านในเรื่องที่เราติดค้างอยู่ในเรื่องของกามารมณ์ แต่หาโอกาสไม่ได้สักที เพราะทุกครั้งที่ฝึกเสร็จหลวงพ่อนั้นจะถูกเหล่ามวลมหาชนนับพันคนรุมมาที่ท่านทั้งถามเรื่องที่ตัวเองสงสัยบ้าง นำปัจจัยมาใส่ย่ามท่านบ้าง เราเห็นดังนั้นก็เห็นทีจะหมดโอกาสแน่ ๆ
และแล้วก็ปิ๊งไอเดียขึ้นมาได้ โดยการเขียนลองโน้ตหลายหน้ากระดาษเพื่อจะได้ถามท่าน และด้วยความที่การเขียนด้วยกระดาษเพื่อจะส่งให้หลวงพ่อนั้นจะมีคนเก่าคนแก่ท่านคอยสกรีนคำถามที่ไม่ควรถาม และท่านก็ขอดูกระดาษ ทันทีที่ท่านอ่านคำถามจบ ท่านก็พูดกับเราว่า “ ฟุ้งซ่าน หมกมุ่นในกามารมณ์ ไม่ควรถามคำถามแบบนี้กับพระเลย “ เราได้ยินดังนั้นก็ใจเหี่ยวแบบฝ่อแฟบเลยทันที และคุณป้าก็ได้พูดขึ้นมาว่า ” ก็แล้วแต่นะจะเอาไปถามท่านก็ได้ ” ค่อยรู้สึกใจชื้นขึ้นมาด้วยความหวังขึ้นมาหน่อย
หลังจากหลวงพ่อท่านรับลองโน้ตไปแล้วท่านบอกว่าจะตอบให้ในวันหลังนะเพราะยาวมาก
พอวันต่อมาหลวงพ่อท่านก็อยู่ในวงล้อมมวลมหาชนอีกเช่นเคย แต่ท่านก็ยังอุตส่าห์มองหาเราและบอกกับเราว่า “ นั่งรอหลวงพ่ออยู่ตรงนี้นะ อย่าไปไหน ” กว่าท่านจะเคลียร์มวลมหาชนเสร็จก็เป็นชั่วโมง ท่านถึงได้กรุณามาสอนด้วยความเมตตาต่อเราเป็นอย่างยิ่ง ท่านพูดแบบยิ้ม ๆ ว่า “ แบบนี้หลวงพ่อก็เป็นนะ เป็นกันทุกคนที่จะต้องผ่านเป็นด่าน ๆ ไป และท่านได้ให้กำลังใจเราว่า เดี๋ยวเราก็ผ่านมันไปได้ ให้อดทนไว้ “ นำมาซึ่งความโล่งอกว่าเราคงจะไม่ได้หมกมุ่นในเรื่องนั้นแน่ ๆ
ย้อนไปเมื่ออดีตเล่าความเลวของเราหน่อยนะคะ เพราะไม่รู้จะยกตัวอย่างใคร เอาเรานี้แหละเป็นตัวอย่างที่เลวซึ่งเห็นได้ชัดมาก นับแต่เริ่มแตกเนื้อสาว อายุสัก ๑๑ ขวบขึ้นมา มักจะมีหนุ่มชรา หนุ่มใหญ่ หนุ่มน้อย มองด้วยสายตาแทะโลมเป็นประจำ ทำให้เรานั้นค่อนข้างระมัดระวังบรรดาท่านศรีษะพญานาคทั้งหลาย และเป็นสาเหตุที่เรามักปลีกตัวอยู่คนเดียว ไม่ค่อยสุงสิงกับใครสักเท่าไหร่ เพราะไม่ชอบอย่างแรง พอโตขึ้นมาหน่อยถึงได้พอทราบว่าเรานั้นมีรูปร่างหน้าตาที่บรรดาเพศตรงข้ามเขาถวิลหากัน และเริ่มจะบริหารเป็น
เรานั้นส่วนสูง ๑๖๕ น้ำนักประมาณ ๔๖ – ๔๘ เท่านั้นในวัยรุ่น และ ไม่เกิน ๕๒ ในวัยทำงานจนกระทั่งถึงวัยเลข ๓ แล้วก็ตาม รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นเอวบาง เพียง ๒๓ -๒๔ เท่านั้น ทั้งอกเอวสะโพก ก็พอเหมาะพอดี และผิวขาวอมชมพู เนียนละเอียดเพราะเนื่องจากคุณปู่มีเชื้อสายจีนไหหลำ คุณย่าเป็นคนไทยเชื้อสายเขมรที่ผิวคล้ำแต่สวยมาก หน้าคมคายผิวเนียนละเอียด ตาโต ทำให้เรานั้นได้รูปร่างหน้าตามาจากคุณย่าและได้ผิวขาวเนียนแบบคนจีนมาจากคุณปู่ สรุปได้แต่ข้อดีมาล้วน ๆ นั่นเอง
เป็นที่แปลกตามากสำหรับคนทั่วไป ไปที่ไหนไม่มีใครเดาถูกเลยว่าเป็นคนที่ไหน หน้าตาผิวพรรณอ่อนกว่าวัยมากเป็น ๑๐ กว่าปีได้ ถึงขนาดเมื่อเราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปีสุดท้ายแล้ว ยังมีเด็ก ม.๔ อาสารับเลี้ยงส่งค่าขนมเป็นรายเดือนให้ เรานั้นได้แต่ขำในใจและก็ปฏิเสธไป ขนาดทำงานแล้วเด็กวัยรุ่นอายุไม่เกิน ๑๘ ตามจีบเช้าเย็น
และยิ่งพระด้วยแล้วทั้งพระแก่พระหนุ่มยันเณรน้อย ยังมองตาละห้อย อันเป็นสาเหตุที่เราไม่ชอบเข้าวัดเลย
เมื่อสมัยยังเรียนอยู่และพักในค่ายทหารเราไม่แค่เปิ่นในเรื่องการท่องโลกทิพย์เท่านั้นนะ ในชีวิตประจำวันก็มีเรื่องเปิ่น ๆ อยู่มาก ขณะนั้นเราเรียนมหาลัยปีสุดท้าย ในค่ายจะมีเด็ก ม.๔ มาฝึก ร.ด. กัน เราเดินผ่านเพื่อไปเรียน เด็กเหล่านั้นมองตามจนเหลียวหลัง เป็นเหตุให้ครูฝึกทำโทษบ่อย ๆ คิดในใจแหมเราแก่กว่าตั้งหลายปียังจะมองอีก
มีอยู่ครั้งหนึ่ง รถมอไซด์ถูก ส.ห.ยึดไว้ ๓ วัน เนื่องจากเรามักแอบจูงรถแค่ตรงทางเข้าออกเท่านั้นเนื่องจากไม่มีหมวกกันน็อค พอถึงหลังตึก บก. เท่านั้นก็ขี่ต่อ แต่วันนั้นดันซวยโดนจับได้ จึงถูกยึดรถไว้เพื่อทำโทษ พอตอนเช้าอีกวันเลยต้องเดินเพื่อไปขึ้นรถเมย์ไปเรียน และด้วยความที่เราสายตาสั้นแต่ไม่ใส่แว่น มักจะไม่ค่อยชอบมองไกล ๆ จะทำให้ปวดตา เราก็เดินตามทางของเราไปปกติ แต่พออีกแค่ ๒๐ เมตรข้างหน้าแล้ว
ปรากฏว่า ทั้งสองข้างทางซ้ายและขวาบนขอบถนน เว้นไว้แค่ทางเดินตรงกลางเพียงเมตรเดียวเท่านั้น เป็นพลทหารทั้งกองพันพร้อมเหล่าครูฝึกอีกหลายสิบนาย นั่งเรียงกันยาวเหยียดไปตามแนวถนนอยู่ประมาณสัก ๕๐๐ เมตรเห็นจะได้ เราพึ่งจะเห็นถึงกับต้องตะลึงว่าเราต้องเดินฝ่าดงทหารนับพันนายท่ามกลางสายตาที่มองมาทางเราเป็นจุดเดียวนี่นะ เมื่อเห็นดังนั้นจะเดินกลับเพื่ออ้อมไปอีกทางนั้นแสนจะไกลนับเป็น ๒ กิโลเลยทีเดียว จึงจำใจต้องเดินฝ่าทหารทั้งกองพันเสมือนเดินบนแคทวอร์คด้วยใจอันเต้นระทึก
-
และที่มหาลัยเรานั้นบรรดาหนุ่มทั้งในคณะและต่างคณะต่างชอบมองมาที่เรา และถึงขนาดบรรดาคณะศิลปะมักจะเดินตามมาขอให้เป็นแบบเพื่อสเก็ตภาพเหมือน ต่างให้เหตุผลเป็นคำตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า เราเหมือนหลุดมาจากวรรณคดี แม้กระทั่งอาจารย์ที่ศิลปากรก็พูดเช่นเดียวกัน ตอน ม.ต้นมักจะมีบรรดารุ่นพี่ที่ติด ร.ร.เตรียมทหารมาขายขนมจีบอยู่ร่ำไป มีแววว่าที่คุณนายตั้งแต่สมัยนั้นเลย
เรื่องหาโอกาสลวนลามนี่ไม่เว้นแม้กระทั่งหมอ มีครั้งหนึ่งเนื่องจากตอนทำงานอยู่ บ.มหาชนนั้นบ้างาน นั่งหน้าคอมอยู่ถึง ๔ วันกับ ๔ คืนแบบไม่ได้นอนเลยเนื่องจากงานเร่ง ทำให้ปวดที่คอไปจนถึงกระดูกกลางหลัง และที่ไปหาหมอที่ ร.พ.เอกชนแห่งหนึ่งในโคราช จุดประสงค์เพื่อขอสเปรย์ฉีดระงับปวดฟรีเพราะเรามีประกัน จะได้ไม่ต้องไปเสียเงินซื้อตามร้านขายยานั่นเอง พอเข้าห้องตรวจกับหมอหนุ่ม ที่ข้างฝามีติดประกาศเกียรตินิยมอันดับ ๑ ด้วย แล้วคุณพยาบาลมาส่งถึงหมอหนุ่มเสร็จแล้วดันออกไปข้างนอกเฉยเลย ทิ้งเราไว้กับหมอหนุ่มเพียงลำพัง เราก็เล่าว่าสาเหตุมาจากอะไร แล้วคุณหมอก็ให้เราทำถ้าโก้งโค้งให้หมอดู อันนี้พอเข้าใจได้ว่าอาจดูกระดูกสันหลัง แต่คุณหมอไม่พอแค่นั้นสิ ดันคว้าเครื่องฟังเสียงหัวใจมาทาบที่อกข้างซ้ายพอดีเหมะเจาะ และทำท่าจะนับจังหวะหัวใจไม่รู้จักเลิกซะที เราก็คิดในใจคุณหมอก็หล่อซะขนาดนี้ แล้วมือดันวางอยู่ตรงจุดสำคัญอีก จะให้หัวใจเราเต้นถูกจังหวะได้อย่างไรกัน เฮ้อ.......
พอตอนทำงานก็มีบรรดาตำแหน่งใหญ่โตและกระเป๋าหนักยื่นข้อเสนอ บ้านหนึ่งหลัง รถหนึ่งคันพร้อมเงินเดือน ๓ หมื่นทุกเดือนกันเป็นประจำ ขณะทำงานเป็นรีเซฟชั่น ร.ร.นั้นก็ใช่ย่อย บรรดาแขกต่างชาติ ทั้งจีน เกาหลี รวมบรรดาไกด์ มาเฝ้ากันประจำ ขนาดฝรั่งและแขก รวมทั้งหลานนักการเมืองดังขับรถหรู มีครั้งหนึ่งขำ ๆ นะ มีแขกปนฝรั่งหล่อมากยังกะดารา พูดกับเราว่าเห็นหน้าเราแล้วเหมือนคุ้น ๆ เราเคยรู้จักที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า เราได้แต่ขำก๊ากในใจโถผู้ชายบนโลกนี้ทุกเชื้อชาติวิธีจีบหญิงของมันเหมือนกันหมดเลย
เดินชายหาดทีฝรั่งวัยรุ่นทั้งกลุ่มมองจนเหลียวหลังทุกที เราก็คิดในใจอีกโธ่ไหนใครบอกว่าฝรั่งชอบแต่คนผิวคล้ำ และหนำซ้ำคนไทยที่พัทยาเองมักเห็นเราเป็น จีน เกาหลี หรือญี่ปุ่น ไม่มีใครพูดไทยกะเราสักคน ไม่เว้นแม้กระทั่งมอไซด์รับจ้าง ตุ๊ก ตุ๊ก สองแถว เราก็ดีเหมือนกันนะเขาเห็นเราเป็นต่างชาติ
และไม่ว่าจะผู้ชายกี่คนต่อกี่คนมาจีบเราก็รู้ทันหมดแหละ ก็บริหารซะจนชิน แต่มีอยู่คนเราเดินในห้าง จู่ ๆ มีพ่อลูกอ่อน เด็กพึ่งจะยืนเป็นแต่ยังเดินไม่ได้ เด็กร้องหาแม่ พูดยังไม่ได้พูดเป็นแต่ หม่าม๊า หม่าม๊า เลยเข้าทางคุณพ่อหัวงู อยู่ ๆ อุ้มเด็กมายืนติดกับเรา แล้วพูดดัง ๆ ว่า ก็จะหาหม่าม๊า ป๊าก็พามาหาหม่าม๊าแล้วนี่ไงยังจะร้องไม่หยุดอีก เราไม่เคยเจอมุกผู้ชายหน้าด้านขนาดนี้มาก่อน เลยได้แต่ยืนเหวอ คนละแวกนั้นมองมาพร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยคำถามว่า เป็นแม่ประสาอะไรไม่ยอมอุ้มลูก เพียงเท่านี้แทบจะแทรกแผ่นดินหนี หืมผู้ชายคนนี้ ได้แต่คาดโทษในใจพร้อมรีบเดินหนีไปไกล ๆ เพราะความอาย
ขนาดแต่งงานแล้วมาอยู่ในเซฟเฮาส์ มีเด็กหญิงอายุแค่ ๑๐ ขวบ เป็นลูกของทหารในหน่วยนั้นแหละ เด็กมาจับมือเราแล้วพูดว่า ทำไมมือพี่นิ่มจังเลย นิ่มกว่ามือหนูอีก เรานั้นสงสัยขอดูมือเด็กเทียบกับมือเรา พร้อมกับคิดในใจ โหมือเด็ก ๑๐ ขวบยังด้านกว่ามือเราจริง ๆ ด้วยแฮะ และนิ้วนั้นเรียวขนาดว่า ใส่แหวนเพชรอยู่กับนิ้วแท้ ๆ แหวนหลุดจากนิ้วหล่นหายแบบไม่รู้ตัวเลยเนื่องจากเรามือเรียวขนาดข้อนิ้วยังเรียบเลย ใคร ๆ เขาก็ว่าอย่างนั้น
แม้กระทั่งนายพลยังชอบคุยกับเรา อันเป็นที่มาของความหวงแบบสุดขอบฟ้าของคุณสามีและคุณแม่สามีด้วย ถึงขนาดบอกลูกว่าอย่าให้ไปทำงานที่ไหนนะ ขนาดตัวเองต้องยอมควักเงินให้ลูกสะไภ้ใช้เฉยเลยค่ะ
ในเรื่องการเรียนของเรานั้นก็ไม่ต้องพูดถึงไม่เป็นที่ ๑ นั้นหรือจะยอม ทำข้อสอบ ๑๐๐ ข้อ ผิดอยู่ ๒ ข้อ ต้องถาม อ. ผิดข้อไหน แต่ใช่ว่าจะตั้งใจเรียนนะ แค่ความจำดี อ่านหนังสือแค่ก่อนสอบวันเดียวเท่านั้นแหละ ด้วยความที่จำเรื่องแม่น จำได้ได้แม้กระทั่งตอน ๓ ขวบ โดนแม่ดุและตี ยังโกรธแม่ไม่หายเลยจนกระทั่งโต
และแม้กระทั่งเด็กผู้ชายตัวเล็ก แค่ ๓ ขวบ เห็นเรายังเขินเฉยเลย แม่เขาบอกว่า ถ้าเขาเห็นคนหน้าตาดีเขาจะเป็นแบบนี้แหละค่ะ เราถึงได้อ๋อเด็กก็ยังเป็น และที่สำคัญไม่เว้นแม้กระทั่งหมา มีอยู่วันหนึ่งนั่งทานเบรคฟาสที่สนามกอล์ฟมีชื่อแถวโคราช บรรดาผู้ชายไปตีกอล์ฟกัน เราเหล่าแม่บ้าน ประกอบด้วยคุณนายท่านผู้การตำรวจ และคุณนายท่านอาจารย์ ร.ร.นายร้อย จ.ป.ร. ทานมื้อเช้าในช่วงสายกันอยู่และกำลังคุยกันเพลิน ๆ เจ้าหมาพุดเดิ้ลแบบพันธุ์ใหญ่ กระโดดขึ้นมานั่งบนตักเราเฉยเลย เราทั้ง ๓ ทั้งงงทั้งตกใจ เอ๊ะนี่อะไรกัน พอเจ้าของมาถึงซึ่งเป็นฝรั่งก็รีบดุหมา พร้อมกับขอโทษเราและอธิบายบอกเราว่า ถ้าเขาเจอคนสวยเขาจะกระโดดนั่งตักทันที เราทั้งสามถึงกับอึ้งปนขำขนาดหมาก็ยังเป็น
นี่แหละค่ะท่านผู้อ่านเรื่องกามคุณนั้นไม่มีเว้น บางคนถึงกับสมสู่กับสัตว์ ไม่ต้องไปตำหนิเขานะคะ เพียงแต่สัตว์เหล่านั้นเขาเคยรู้จักเรา เป็นคู่เรามาก่อน เลยทนไม่ได้ทั้งคนทั้งสัตว์นั่นแหละค่ะ กามคุณเป็นโทษถึงเพียงนี้เราอย่าได้อาลัยกันเลยค่ะ
นี่คือเรื่องราวคร่าว ๆ ค่ะ ท่านคิดว่า ข้าพเจ้านั้นทั้งหลง ทั้งหยิ่งในรูปทรัพย์เน่า ๆ ด้วยความเขลาสักแค่ไหน ท่านไม่ต้องแปลกเลยที่ครูบาอาจารย์ต้องนำมาเก็บไว้ในเซฟเฮาส์เพื่อสร้างความดี ขืนอยู่กับโลกภายนอกก็รังแต่จะเลวไปเรื่อย ๆ นั่นเองค่ะ -
เอาแยมไปเก็บบ้างงงค่าา
เหนื่อยทำงานสายตัวแทบขาดเงินเดือนกะจ้อยนึงหนี้บานยิ่งกว่าชุมเห็ดอีก
ทำไมมันทุกข์ขนาดนี้น้อออ จนไม่เอาเกิดอีกแล้วว
ไปอยู่วัดท่าซุงขอข้าวก้นบาตรพระกินได้มั้ยคะ..แลกกับการทำงานต่าง ๆ ในวัด
..จะได้มีเวลาหาทางไปนิพพาน..
เบื่อชีวิตมนุษย์สุด ๆ -
ทางธรรมคือหน้าที่ของจิต เราก็ดำเนินควบคู่กับทางโลก ที่ให้ระลึกถึงพระพุทธรูปตลอดเวลาขณะเราทำงานนั้น เมื่อชินแล้วเราจะสามารถแยกได้เป็นอัตโนมัติเอง คือกายทำหน้าที่ของโลกไป และจิตก็ทำหน้าที่ของธรรมไป
ไม่ควรละทิ้งทางโลก เนื่องจากจิตไม่สามารถทรงอยู่ในธรรมได้หากกายยังหิวอยู่นั่นเองจ๊ะ
และการอยู่ที่วัดนั้นเราต้องแน่ใจในตัวเราว่าสามารถทรงในความดีได้และทำหน้าที่ของงานวัดอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง มิเช่นนั้นก็ไม่พ้นจะติดหนี้สงฆ์เปล่า ๆ ค่ะ -
มาเล่าเรื่องเปิ่น ๆ ตอนอยู่ในค่ายต่อ ขณะกำลังเรียนอยู่มหาลัยปีสุดท้าย มีอยู่วันหนึ่ง คุณพ่อโทรมาบอกว่า วันที่นี้ เดือนนี้ เป็นเวลา ๒ วันห้ามใช้เส้นทางลัดด้านหลังค่ายเด็ดขาด เนื่องจากมีการซ้อมยิงปืนประจำปี
แต่พอวันนั้นมาถึง เรากลับลืมคำเตือนของพ่อซะสนิทเลย ขี่รถเอาของไปให้เพื่อนที่ด้านหลังค่าย เนื่องจากเพื่อนฝึกงานอยู่ที่นั่น โดยขาไปขี่รถอ้อมไปหาเพื่อนอีกทางหนึ่ง พอขากลับนึกกลับทางลัดเพราะประหยัดน้ำมันรถ ไม่ต้องอ้อมตั้งเป็น ๑๐ กม. เส้นทางลัดนั้นเพียงแค่ประมาณ ๒ กม.เท่านั้น ทางก็เป็นลูกรังเล็ก ๆ ผ่านได้แค่มอเตอร์ไซด์เท่านั้น
ระหว่างคิดอะไรเพลิน ๆ ถึงหน้าหนุ่ม ๆ อยู่นั้น ไม่ทันได้สังเกตข้างทางเลย
จนกระทั่งหันมาทางขวามืออีกที ถึงกับสะดุ้งเฮือกเกือบตกรถ พอมองไป โอ๊ยจะเป็นลม เอ็ม ๑๖ เรียงห่างกันช่องว่างประมาณ ๑ เมตร และเรียงยาวไปประมาณ ๔๐๐ เมตรได้ ตั้งวางกับพื้นดิน โดยมีพลทหารหมอบราบกับพื้นในท่าเตรียมพร้อมยิง
นึกถึงคำเตือนของพ่อได้ในฉับพลัน และด้วยความตกใจจอดรถเป็นเป้าปืนอย่างเด่นชัด กำลังลังเลว่าจะไปต่อหรือกลับหลังดี ด้วยความเปิ่นเห็นทีจะไม่พ้นพลทหารชุดเดิมเมื่อคราเดินแคทวอร์คก่อนหน้านั้นเป็นแน่เลย .......
เพื่อนสนิทร่วมก๊วนของเรานั้น กรี๊ดแมนยูฯ เป็นบ้าเป็นหลัง และถึงกับคลั่ง ไรอั้นกิ๊ก พูดอยู่ได้ทั้งวี่ทั้งวัน ถึงขั้นซื้อเสื้อเบอร์เดียวกับไรอันกิ๊ก และต้องยี่ห้ออัมโบรเท่านั้นด้วย นอกนั้นของปลอมหมด มีอยู่วันหนึ่งเพื่อนคนนี้มาค้างคืนด้วย ก็นำนิตยสารแมนยูฯ ติดมาด้วยอีกเพราะเธอคลั่งจัด ไม่เห็นหน้าแฟนวันไหนนอนไม่หลับ เราก็เถียงกันกับเพื่อนตลอดว่า ไรอันกิ๊กหล่อตรงไหน หน้าอย่างกะลิง เรานั้นชอบ เดวิท เบคแฮม ทั้งหล่อทั้งเท่ห์กว่าเป็นไหน ๆ
พอเพื่อนกลับบ้านไปแล้ว ดันลืมหนังสือทิ้งไว้บ้านเราอีก วันหนึ่งขณะนอนเล่นตอนกลางวัน มองไปเห็นหนังสือ เลยเปิดดูหน้า ไรอันกิ๊กซะหน่อย ทำไมเพื่อนถึงหลงไหลได้ขนาดนี้ พอเปิดดูในท่านอนหงายแล้วจู่ ๆ ก็ง่วงและหลับไปพร้อม ๆ กับไรอันกิ๊กทับที่หน้าอกเราอยู่ และเรานั้นก็ดันฝันเห็นนาย ไรอันกิ๊ก ทำหน้าหื่นจะปลุกปล้ำเราเสียให้ได้ เรานั้นทั้งตกใจทั้งขยะแขยง ทั้งถีบทั้งเตะเป็นพัลวัน พอรู้สึกตื่น แหมเราฝันไป แต่ทำไมไม่เป็นนายเทพบุตรเบคแฮมเล่า จะไม่ขัดขืนเลยสักแอะ
พอไปเรียนเล่าให้เพื่อนฟัง ว่าไรอันมันจะข่มขืนชั้น เพียงแค่นั้นเพื่อนมันแทบจะหักคอเรา.....
-
ฝึกๆไปเถอะไม่มีปัญหาอะไรหรอก..เพราะว่ายิ่งเราเห็นหรือสัมผัสอะไรได้ชัดเจน
โอกาสในการตัดกิเลสเรามันก็มากยิ่งๆขึ้นไป..เพราะว่าเรื่องกิเลสต่างๆ มันเป็น
นามธรรมทั้งนั้น..เพราะฉนั้นการเข้าถึงได้ย่อมเพิ่มโอกาสให้กับเราสูงขึ้น
เรื่องจิตก็เป็นพลังงาน เป็นนามธรรมเช่นกัน และสิ่งที่สำคัญคือการปรับมาใช้
กับชีวิตประจำวันและการดำเนินชีวิตได้อย่างแยบยลนั้นเอง..ซึ่งแท้จริงแล้ว
หากเราลองพิจารณาให้ดีๆเราจะเห็นถึงประโยชน์ของกรรมฐานต่างๆได้ทุก
กองและหากพิจารณาให้ลึกลงไปอีก.ทุกกองก็ล้วนแล้วแต่ฝึก
เพื่อให้เราเข้าถึงการไม่มีทั้งนั้น..ขึ้นอยู่กับว่าเราจะมองเห็นนัยยะที่มัน
ซ้อนอยู่ในการฝึกกรรมฐานแต่ละกองได้หรือไม่ ตามเหตุและปัจจัยครับ..
ปล.ถ้าจะมาทางด้านวิชาพิเศษแบบนี้ ใช้ให้ได้ในสภาวะลืมตาปกติ
และก็พัฒนาจนถึงขั้นให้คนอื่นๆรับรู้ให้ได้เช่นกันในสภาวะลืมตาปกติ...
มันจะทำให้เข้าถึงได้ง่ายขึ้นทั้งตัวเราและผู้อื่นๆที่เราทำให้เค้าเข้าถึงได้เช่นกัน..
รู้แล้วก็ละ รู้แล้วก็วาง จะใช้งานค่อยดำริขึ้นมาใช้งาน และใช้เฉพาะที่จำเป็น
และมีประโยชน์ ใช้แล้วก็แล้วไป ในเวลาปกติก็วางซะ เพื่อไม่ให้มันจมมัน
แช่ มันเตลิด จิตเราจะได้เข้าสู่สภาวะโล่งโปร่งได้ในสภาวะปกติ จิตเราก็จะคลายตัว
ได้.ตามมา ตัวจิตมันก็จะคลายความยึดมั่นถือมั่นไม่ว่าเรื่องอะไรได้ตามมาอีกเช่นกัน
หน้าที่เรา ก็เพิ่มระยะเวลาในการคลายตัวจิตระหว่างวันให้นานขึ้น
ไม่ว่าเราเคยฝึกอะไรมา พอถึงเวลาใช้งานมันก็จะเป็นอัตโนมัติของมันเอง
ไม่ตะกุกตะกัน เหมือนคนพิมพ์ดีดแบบสัมผัส กับพิมพ์ดีดแบบคิดแล้วมองแป้นพิมพ์
นั่นหละ..วิชาพิเศษก็เช่นกัน หลักการใช้งานเพื่อให้เป็นอัตโนโนเมติหรืออัตโนมัติ
ก็ดังนัยยะที่เล่าให้ฟังนั่นแล....
-
ติดหนี้สงฆ์อีก...เห้ออ
ยังต้องดูแลแม่ นี่คือห่วงสุดท้าย รักสุดท้ายที่อยู่บนโลกใบนี้
คุยกันเมื่อไหร่ ก็ชวนกันไปนิพพานตลอด 555 เป็นเรื่องเป็นราว
เมื่อเย็นคุยกันเรื่องคาถาเงินล้าน แม่บอกว่าสวดมาหลายปี
ก็ยังไม่ได้เงินล้านซะที
เลย ถามแม่กลับไปว่า "ศีล 5 ครบหรือเปล่าแม่ ไม่มีศีล 5 เป็นฐาน
สวดอีก 10 ปีก็ไม่ได้หรอกเงินล้านน่ะ"...แม่หัวเราะอย่างอารมณ์ดี -
ส่วนคาถาเงินล้าน ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่า ท่องวันละ ๙ จบ จะได้แค่เบี้ยต่อไส้เท่านั้น เขาท่องกันวันละ ๑๐๘ จบ ถึงจะคล่องตัว ถ้าจะให้รวยต้องทำควบคู่กับลมหายใจใช้แทนคำภาวนาจนเป็นสมาธิไปเลยจ๊ะ และที่สำคัญคือถ้าได้ผลเขาห้ามบอกใคร หรือพูดอวดใด ๆ ลาภจะหายไปทันที
หน้า 12 ของ 14