ผู้ชายมีภรรยาหลายคนผิดและบาปไหมคะ?

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย hongsanart, 7 กันยายน 2006.

  1. pattarawat

    pattarawat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    1,671
    ค่าพลัง:
    +7,981
    อ่านข้อความของแม่ชีแล้ว ทำให้เกิดความกระจ่างชัดขึ้นมาเลยครับ ทั้งในหลักธรรม และหลักปฏิบัติ แม่ชีเป็นผู้ที่มีความลึกซึ้งในพระธรรมมากเลยครับ ขออนุโมทนา สาธุ ครับ
     
  2. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม...

    ตกลงจะให้ผู้ชาย บาป และผิดให้ได้ใช่ไหมเนี่ย? หนังเรื่องนี้จึงจบยากจัง...แต่ก็ดีเหมือนกัน ได้ฟังทัศนะของหลายฝ่าย ดีมากจ้า

    เรื่องใต้สะดือเนี่ย พูดกันมันจบยาก เพราะไม่เช่นนั้น คนเราก็ไม่ต้องเกิดกันน่ะสิ...

    "บุคคลรักผู้อื่นเสมอตนไม่มี "ที่บอกว่า ฉันรักเธอมาก อย่าจากฉันไปน่ะ...
    ตกลงรักเขาจริงหรือ? รักตัวเองกลัวไม่มีใครเลี้ยงและไม่มีใครอยู่ด้วยมั้ง?

    กลัวลูกมีปัญหาเพราะว่า พ่อแม่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน...แม่ชีเคยเห็นแต่เด็กมีปัญหาเพราะว่าโดนผู้ใหญ่ด่าและทะเลาะกันให้เห็น รวมทั้งเด็กก็มีปัญหาของเด็ก คือผู้ใหญ่ไม่เข้าใจเด็กต่างหาก...เด็กไม่ได้มีปัญหาเพราะเรื่องของผู้ใหญ่สักหน่อย

    การเลิกลากัน นั่นเป็นปัญหาสำหรับผู้หญิงมาก เพราะกลัวสารพัด...ที่สำคัญคือ กลัวตัวเองไม่มีใคร และกลัวเขา...กลัวเขาว่าอย่างนั้น คนนั้นพูดอย่างนี้...

    ผู้ชายมีภรรยาได้หลายคนไม่ผิด บอกแล้วไง มันเป็นธรรมชาติของผู้ชายทั้งโลก ซึ่งไม่มีใครสามารถไปเปลี่ยนกฎเกณฑ์มันได้ นอกจากเลิกกันไป ผิดไหม? ไม่ผิด แต่มันผิดเพราะไม่ถูกใจอีกฝ่ายเท่านั้นเอง

    ส่วนผู้หญิงมีสามีหลายคนก็ได้ไม่ผิด แต่ ประเพณีและวัฒนธรรมของไทย เขาไม่ทำ รวมทั้งทนเห็นไม่ได้ มันเลยผิดเพราะคนดูไม่ชอบใจไง...

    คนโง่ เท่านั้นที่ไม่ยอมเข้าใจตามความเป็นจริงของโลก เมื่อไม่ยอมเข้าใจ ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงแก้ไข มันก็มีแต่ความทุกข์อยู่ร่ำไป แล้วโทษใครกัน?

    จงจำไว้เถิดว่า "ของมาก่อน มีหรือจะอยู่ได้อย่างถาวรน่ะ" สร้างความฉลาดใส่ตนว่า "ทำอย่างไรที่จะไม่ไห้ตัวเองทุกข์เพราะยึดแบบผิดๆ

    หนังเรื่องนี้จึงจบยาก อยากให้ต่อกันเข้ามาอีก ดีจังยังไม่อยากให้จบ คิดมากๆ จะได้ไม่โง่...
    ธรรมะสวัสดี สาธุ!!!!!!ขอบคุณที่ใช้บริการ
     
  3. WebSnow

    WebSnow ผู้ก่อตั้งเว็บพลังจิต ทีมงาน Administrator

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 เมษายน 2003
    โพสต์:
    8,682
    กระทู้เรื่องเด่น:
    129
    ค่าพลัง:
    +64,012
    [quot]
    โดย แม่ชีณัฐทิพย์

    ส่วนผู้หญิงที่ต้องตกกระไดพลอยโจน เพราะไม่รู้ว่า ผู้ชายมีภรรยาอยู่แล้วนั้น ผิดไหม? ไม่ผิด เพราะไม่รู้ ทุกข์ไม่เกิด บาปจึงไม่มี

    แต่มารู้ทีหลังว่าเขามีภรรยาแล้ว ทุกข์เกิด แต่เลิกไม่ได้ เพราะมีลูกด้วยกัน...

    เอ้า...ช่วยกันตอบหน่อย อย่างนี้ ใครผิดจ๊ะ? ติดตามตอนต่อไป...

    อยากให้ช่วยกันแสดงความคิดของความน่าจะเป็นไปได้นะ ไม่ใช่เป็นไปตามความชอบใจของตนจ้า.....ธรรมะสวัสดี

    [/quote]

    แบบนี้มีเยอะที่เมืองไทย

    รวมแล้วคนที่ผิดมากสุดคือผู้ชาย

    ผมคิดว่าผู้หญิง (ภรรยาน้อย) ก็มีส่วนผิด แต่ไม่ผิดมาก

    1. ที่มีส่วนผิด คือประมาท ไม่ใช้เวลาตรวจสอบหรือสืบ ว่าผู้ชายมีภรรยาแล้วหรือยัง...หรืออาจจะสืบดูแล้วแต่ไม่ทราบ ก็เป็นได้...

    2. ที่ผิดน้อย เพราะว่าไม่ทราบว่าชายมีภรรยาแล้ว กรรมนี้ไม่ได้เกิดจากเจตนาของผู้หญิงว่าจะไปแย่งของใคร และความรู้สึกบาปในใจก็ไม่เกิด ทุกข์ไม่เกิดในใจ

    เหมือนกับว่า คนกำลังก่อสร้างบนตึก แล้วทำหินตกลงมาทับคนตาย และตนเองก็ไม่ได้เจตนาทำให้ตกและไม่รู้ว่าหล่นมาทับคนตาย...ผิดตรงประมาท
    กรรมก็จะสนองโดย ตัวเองก็จะโดนทำนองกัน โดนอะไรหล่นใส่โดย คนอื่นไม่มีเจตนา...

    " แต่มารู้ทีหลังว่าเขามีภรรยาแล้ว ทุกข์เกิด แต่เลิกไม่ได้ เพราะมีลูกด้วยกัน..."

    แก้ไขสิ่งที่ผ่านไม่ได้แล้ว
    อาจจะเป็นกรรมผูกพันธ์กันมาจากอดีตชาติ

    พอรู้แล้ว ภรรยาหลวงก้รูแล้วที่นี้ก็เกิดปัญหาหลายอย่าง
    จะต้องใช้วิธีออมชอมและให้อภัยทานกัน
    เช่น
    1. คือผู้ชายอาจจะต้องเลือกคนอยู่ใดคนหนึ่ง...แล้วก็เลี้ยงดูส่งเสียอีกฝ่ายหนึ่ง
    2. หรืออยู่ด้วยกันทั้งหมด แล้วตกลงกัน...ภรรยาหลวงมีพรหมวิหาร4....ภรรยาน้อยอ่อนน้อมถ่อมตน...แบบนี้คงยาก...
     
  4. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม...

    ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้มันไม่มีอะไรที่ผิดไปหมด และไม่มีอะไรที่ถูกไปหมดหรอก...แต่มันผิดตรงที่บุคคลไม่ยอมทำความเข้าใจในสิ่งที่มันมีอยู่ เกิดอยู่ เป็นอยู่ก็เท่านั้นเอง....

    ทุกข์ทั้งหลายที่เกิดแก่บุคคล ก็เพราะบุคคลนั้นไม่พยายามทำความเข้าใจ และแก้ไขกับมันไง ยังจะดันทุรังแบบผิดๆตามใจตนปรารถ และต้องการให้มันเป็นตามนั้น

    ปัจจุบัน คือที่มาของ อดีต เราอยากรู้ว่า อดีตเป็นเช่นไรก็ให้ดูปัจจุบัน ปัจจุบันนี้โง่ ก็หมายความว่า อดีตก็โง่มาแล้ว อนาคตก็คือผลในปัจจุบัน ถ้าปัจจุบันยังโง่อีก ทายได้เลยว่า อนาคตก็โง่ตามนั้นนั่นแหละ....

    รู้ว่า "โง่" แล้ว ไม่แก้ไขให้ฉลาดขึ้น โทษใครอีกเล่า? บุคคลทั้งหลายน้อยนักที่จะโทษตัวเอง ส่วนมากจ้องที่จะโทษผู้อื่นอยู่ร่ำไป ทำให้ชีวิตนี้พัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิมไม่ได้ ตายไปเกิดมาชาติใหม่ มันก็จะเหมือน เดิม ...ขออย่าให้เหมือนเดิมอีกเลยนะ

    เรื่องผู้ชายมีเมียมาก หรือผู้หญิงมีสามีมาก มันไม่ผิดตามความเป็นจริงของธรรมชาติของโลกหรอก เพราะทุกชีวิตต่างเกิดมาต้องการ การสืบพันธุ์ แต่ว่า มันผิดใจกันในหมู่ชนบางกลุ่ม เมื่อผิดใจกัน การทำร้าย ประหัตประหารช่วงชิงแก่งแย่ง จึงเกิดจึงมี วิถีที่มีความสุขมันจึงขาดหายไป...จึงเกิดเป็นผลร้ายกับการมีเมียมากและมีสามีมาก

    หากยอมจำนนและยอมกันได้ มันก็มีความสุขกันทุกฝ่าย ผลร้ายก็ไม่เกิด ก็ไม่มี แต่มันยากไง...เพราะทุกคนไม่มีใครยอม ผลร้ายมันจึงเกิด มันจึงมี...

    ธรรมชาติมันมีของมัน พระพุทธองค์ทรงนำธรรมชาติเหล่านี้มาสอนทั้งฝ่ายดีและไม่ดี รวมทั้งกำชับให้ทำแต่ธรรมที่ดี ผลดีก็ย่อมจะเกิดจะมีแก่บุคคลนั้นและโดยรวม เนื่องจากการอยู่รวมกันของมนุษย์ ที่มีความหลากหลายความคิดและความต้องการ การผิดต่อความชอบใจของกันจึงเกิดขึ้น ก่อให้เกิดผลเสียตามมา คือความทุกข์ ที่เบียดเบียนกัน จ้องทำร้าย ทำลายกันในที่สุด

    อยู่ที่เราแล้วล่ะว่า จะยังดื้อหัวชนฝา ตามใจของเรา ตามความคิดของเราอีกหรือเปล่า? หรือจะแก้ไขปรับปรุงตัวเอง ให้เอาชนะธรรมชาติจิตเสียของเรา แล้วหันมามองตามความเป็นจริง รวมทั้งหาวิธีการอันแยบยล ผูกใจคนใกล้ตัว คนใกล้ชิด ด้วยปิยะวาจาที่ดี อ่อนโยน อ่อนน้อม อ่อนหวาน ให้อภัย ให้น้ำใจ ให้โอกาสกัน เพื่อความสมานฉันท์ปรองดอง

    อยากให้สามีเชื่องเหมือนแมว มันก็ต้องมีวิธีสิ ถ้าเจ้าของแมวเอาแต่ใจ ขู่บังคับ ตีแมวอยู่ร่ำไปแล้วแมวที่ไหนมันจะอยู่ มันจะเชื่องเล่า?

    เอ้า...ช่วยกันแถลงแจ้งข่าวกันมาอีกนะ สาธุ!!!!ธรรมะสวัสดี
     
  5. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,189
    ค่าพลัง:
    +20,861
    ฮี่โธ่............

    ไหนๆเค้าให้ความยินยอมแล้ว แสดงว่ารับกันได้
    คิดมากไปทำไม เอามาอยู่บ้านเดียวกัน ช่วยกันทำมาหากินก็หมดเรื่อง
    ไม่เปลืองบ้านเล็กบ้านน้อย อยู่ดีมีความสุข ช่วยเหลือดูแลกัน......อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
     
  6. animejanai

    animejanai เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    520
    ค่าพลัง:
    +494
    ...​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 14 มิถุนายน 2007
  7. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม...

    เรื่องผัวเมียละเหี่ยใจยังไม่จบจ้า...

    เราจะเห็นได้ว่า ถ้าสังคมใด สมัยใดเป็นระบบศักดินา เขาก็จะถือว่า "ผู้ชายมีเมียมากนั้นไม่ผิด" ยิ่งมีเมียมากยิ่งเก่งกาจ สามารถมากกว่าใคร
    และถ้าภรรยาปรองดองกันได้ยิ่งดีใหญ่เลย แต่...ยังหาไม่เจอสักครอบครัว

    มาในสมัยปัจจุบัน สังคมโลกมีการตื่นตัวจากพิษภัยของการมีเมียมากเกินไป ตามองค์กรต่างๆจึงต้องออกมารณรงค์ให้ผู้ชาย ลดละตัณหาความอยากลงบ้าง
    ก็ได้ผลในส่วนหนึ่ง แต่อีกหลายส่วนนั้นไม่เบาบางเลย
    นั่นเป็นผลรับของสังคม ที่กำหนดว่าถูกหรือผิด ดีหรือไม่ดี แต่ยังไม่มีกฎหมายรับรอง

    ส่วนในทางศีลธรรม หรือผลกรรม หรือกฎแห่งกรรมของโลกธรรมชาตินั้น มันไม่มีข้อยกเว้นหรืองดโทษให้กับผู้ใดเลย

    " สัตว์โลกเป็นไปตามกรรม" "บุคคลทำกรรมอะไรไว้ ย่อมได้รับผลของกรรมนั้นเสมอ" ไม่ว่าจะรู้หรือไม่รู้ก็ตามที

    ฉะนั้นจงรู้ในสิ่งที่ตนทำ จำในสิ่งที่ตนพูด รู้สำนึกในสิ่งที่ตนคิดให้ได้ เพราะนั่นมันเป็นผลดีและผลร้ายสำหรับเราเอง

    คุณผู้ชายที่ชอบมีเมียมากๆ และคุณผู้หญิงที่ชอบมีกิ๊กทีละหลายคน ก็ลองพิจารณาดูนะ ว่ามันมีความสุขจริงๆหรือ?

    กับการที่ต้องมานั่งสับราง สับหลีกเพื่อไม่ให้รถไฟชนกันน่ะ ความลับย่อมไม่มีในโลกนะ....

    ทางที่ดีควรมีทีละคนนั่นแหละ ดีและปลอดภัยที่สุด และถ้าจะให้ปลอดภัยและดีที่สุด คือ ไม่ต้องมี นั่นแหละเป็นดีเยี่ยมยอดทีเดียว

    หลายคนบอกไม่เอา...เหงา...ทุกข์เพราะเหงาที่ไม่เลือกใคร กับ
    เฉาเพราะโดนทิ้งให้ขึ้นอยู่บนหิ้ง จะเอาอะไร?
    (b-ahh)(b-ahh)

    ธรรมะสวัสดี สาธุ!!!!
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 2 พฤศจิกายน 2006
  8. rosey

    rosey เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 สิงหาคม 2005
    โพสต์:
    163
    ค่าพลัง:
    +1,345
    ความรัก เจ้าขา...
    ข้าสงสัยในอุรา ว่าหน้าตาเจ้าเป็นใด...
    คงสวยน่าพิศมัย น่ารัก.. น่าใคร่.. ละเมียดละไมโสภา...
    ความรัก เจ้าเอ๋ย.. ใจร้ายนั้นคงไม่เคย...
    เจ้าคงเคยแต่ กรุณา... ไม่ทำให้ช้ำอุรา..
    เปี่ยมล้นเมตตา ล้ำเลิศหนักหนา ใช่ไหมคนดี...
    ข้า.. เป็นทาส..เจ้าแล้ว.. ..
    หมอบราบคาบแก้ว แล้ว.. แต่จะคิดปราณี..
    อกของข้าครานี้.. เป็นตายร้ายดี แล้วแต่รักที่เวทนา...
    ความรัก คนสวย...
    โปรดจงสงสารข้าด้วย.. ช่วยข้าสมดังปรารถนา..
    กราบ.... แล้ว.. ความรัก เจ้าขา.....
    โปรดคิดเมตตา ซักคนเถิดหนา......
    ข้าขอวิงวอน... ......................
    (b-love2u) (b-love2u) (b-love2u)




     
  9. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรม...

    เรื่องความรักนั้นใครมีในหัวใจ ย่อมดีเสมอ แต่...คนเราเข้าใจคำว่า "รัก" กันอย่างไร?

    คนมีรักจึงมักมีทุกข์ ทุกข์เพราะคนที่เรารัก หรือทุกข์เพราะเราไปรัก...

    คนไม่มีรัก ก็อยากลองรัก คนที่มีรักก็อยากเลิกรัก...

    ที่จริงแล้วความรักเป็นสิ่งที่สวยงาม ความรักไม่ใช่ยาขม แต่คนเราขื่นขม เพราะความรักผิดต่างหาก

    รักที่คนเราตั้งนิยามกันนั้นมันเป็นความต้องใจ เมื่อไม่ต้องใจ ก็จะไม่รักและเลิกรักไป นั่นเขาไม่เรียกว่า "ความรัก" เขาเรียก ความอยาก หรือความใคร่ต่างหาก
    คนที่รักเป็นย่อมไม่มีความทุกข์ เพราะรักแน่นอน

    ดูตัวอย่างพระพุทธเจ้า พระองค์รักทุกคน ไม่เห็นพระองค์ท่านทุกข์เลย
    รัก คือความเมตตา ปรารถนาให้ผู้อื่นมีสุข เมื่อรักเป็นแล้วไม่ทุกข์แน่นอน
    แต่คนเรารัก เพื่อยึด เมื่อยึดไม่ได้ มันก็ทุกข์ตลอดน่ะสิ...

    คนในโลกมักทุกข์เพราะยึดรัก ฉะนั้น..จงมีรัก แต่อย่ายึดรัก มิเช่นนั้น เราจะทุกข์เพราะรัก...

    หญิงชายอยู่ด้วยกัน หรือไม่ได้อยู่ด้วยกัน ก็สามารถรักกันได้ แต่คนเรามักเอารักมาทำเป็นความใคร่ พอไม่ได้ใคร่ก็ไม่รัก เป็นงั้นไป...

    มาฝึกรักกันให้เป็นดีไหม?

    ธรรมะสวัสดี สาธุ!!!!(verygood)
     
  10. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,151
    ค่าพลัง:
    +18,075
    ถือไว้เท่าไหร่ก็หนักเท่านั้น วางได้เมื่อไหร่ก็เบาเท่านั้น....สบาย...สบาย
     
  11. hongsanart

    hongsanart เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,332
    ค่าพลัง:
    +10,468
    เจริญธรรมและสวัสดีทุกท่าน...


    วันก่อนมีคุณโยมมาถามเรื่องที่ผู้ชายทำไมเห็นแก่ตัวจัง ไม่รู้จักพอเพียงสักที
    มีเมียตั้งหลายคนแล้วก็ยังไม่พอใจ หาใหม่อีกแล้ว อย่างนี้เข้าข่ายผิดศีลข้อ 3 ไหม?

    คนถามน่ะไม่ใช่ภรรยาเขาสักหน่อย เจ้าของหรือภรรยาตัวจริงเขายังไม่พูดว่าอะไรเลย...

    ผู้ชายก็ยังคงเป็นผู้ชายนั่นแหละ จะมีสักกี่คนที่จงรักภักดีต่อภรรยาของตนคนเดียวโดยไม่แลเหลียวผู้ใดเลยน่ะ?

    มีนะแต่มันน้อย...บอกแล้วไงผู้ชายก็เหมือนกันทั้งโลกนั่นแหละ ไม่เฉพาะคนไทยหรอกที่มีหลายเมีย ต่างชาติก็เหมือนกัน มาเที่ยวเมืองไทยก็มีสำรองไว้เหมือนกัน

    นี่คือเรื่องจริงของโลกนะ ในส่วนของผู้ชายที่ดี ที่ทำหน้าที่ของตัวเองโดยสมบูรณ์ครบถ้วน รับผิดชอบต่อครอบครัว ไม่นอกใจ ไม่หวั่นไหวเลย ก็นับว่าผู้หญิงโชคดี เหมือนถูกรางวัลใหญ่ นั่นก็เพราะเธอมีดีและทำได้ดี
    (verygood)(verygood)(verygood)

    แม่ชีเคยตอบไปในคราวก่อน แหม!!!มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์สารพัด ก็ดีเหมือนกันนะ ได้รู้ว่าคนเราก็ยังมองไกลตัวอยู่นั่นแหละ

    คือ "โทษคนอื่นเอาไว้ก่อนเสมอ" ถ้าผู้หญิงทำหน้าที่ของตัวเองสมบูรณ์ครบถ้วนของการเป็นภรรยาแล้ว

    ผู้ชายที่ไหนจะหน้าโง่ทิ้งไปเล่า? นั่นก็เพราะผู้หญิงยังทำหน้าที่ของตัวเองบกพร่อง ในทุกเรื่องนะ

    เช่น ผู้หญิงจะไปวัด ทำสมาธิ ส่วนผู้ชายมีอารมณ์จะนอนด้วย ผู้หญิงไม่ให้นอนวันๆก็เอาแต่นั่งสมาธิ

    พอผู้ชายไปหาเศษหาเลยนอกบ้าน ผู้หญิงก็ว่าผู้ชายนอกใจ และอย่างโน้นอย่างนี้ นี่ไงล่ะ?ที่ผู้หญิงพร่องในหน้าที่ของตัวเอง

    ก็เรามีสามีอยู่นะ ไม่ให้เขานอนด้วย เขาก็ไปนอนที่อื่นและนอนกับคนอื่นแทนน่ะสิ...อย่างนี้โทษใครเล่า? โทษเขา (ผู้ชาย)อีกนั่นแหละ

    ผู้หญิงลืมไปหรือเปล่าว่าเราเป็นเมียหรือเป็นภรรยาเขานะ ถ้าไม่อยากนอนกับเขาก็เลิกไปเสียก็สิ้นเรื่อง ไม่ให้เขานอน

    เท่ากับทรมานและทำให้เขาเป็นทุกข์ "มันผิดและบาปไหมล่ะ?"

    แต่ถ้าผู้หญิงทำหน้าที่โดยสมบูรณ์โดยครบถ้วนดีแล้ว ผู้ชายก็ยังแรดนอกบ้าน ไปหาเศษหาเลยอีก ไม่รู้จักอิ่ม จักพอ

    อย่างนี้ผู้ชายก็ได้ชื่อว่า "ชั่วหรือเลวนะ" คุณผู้หญิงก็คิดเอาแล้วกันว่าจะยอมทนอยู่กับ คนชั่วคนเลวที่ไม่มีสามัญสำนึกที่ดีเลย ไม่รู้จักพอเพียง มักง่าย สำส่อน หรือ?

    แต่ถ้าต้องยอมทนเพราะลูกนั่นไม่ใช่ทางแก้ตัวที่ดีเลย เหตุผลมันน้อยนิด ยอมทนเพื่อลูกแต่ทะเลาะกันให้ลูกดู วันๆก็นั่งร้องไห้ฟูมฟาย ด่าพ่อให้ลูกฟัง
    ลูกเห็นการกระทำของพ่อที่ไม่ดี ลูกจะคิดอย่างไร?

    ลูกผู้หญิงและลูกผู้ชายบางคนเลยประชดซะเลย เป็นอีแอบ นายแอบซะให้มันสะใจวัยรุ่น

    รู้ไหมว่าในปัจจุบันพวกทอมเอย ดี้เอย ตุ๊ด เกย์เอย เกิดมาจากสาเหตุอะไร? เคยถามพวกลูกๆกันบ้างไหม?

    พอลูกเป็นอีแอบ นายแอบ ทอม ดี้ กระเทย ตุ๊ด เกย์ ก็ว่าลูกอีกแล้ว เห็นไหมเล่า ไม่เคยโทษตัวเองเลย

    เห็นแต่ความผิดของผู้อื่น ความผิดของตนกลับมองไม่เห็น เพราะไม่เคยมองและไม่คิดจะมองด้วย...

    ที่กล่าวมาไม่ได้เข้าข้างผู้หนึ่งผู้ใด แต่อยากให้หันกลับมาสำรวจตรวจตราตนเองบ้างว่า มันพร่องมันผิดตรงไหน?

    รู้แล้วก็รีบแก้ไขเสียโดยไว อย่าอายและอย่าดันทุรังอีกเลย เวลาของแต่ละคนนั้นมีไม่มาก เดี๋ยวจะสายและเสียดาย ที่ยังไม่ได้กระทำ ยังไม่ได้แก้ไข สุดท้ายความตายเข้ามาเยือน หมดกัน...

    หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับหลายๆคนที่ยังดันทุรังอยู่นะจ๊ะ...

    ปีใหม่นี้ขอให้ทุกคนมีอะไรที่ดีเกิดขึ้นในชีวิตเถอะ แต่สิ่งที่ดีจะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าเราไม่รีบลงมือกระทำนะ

    อัศจรรย์ย่อมบังเกิดเป็นปาฏิหาริย์ถ้าเราชนะใจตัวเอง แล้วรีบเสริมสร้างสิ่งที่ดีด้วยปัญญาให้เกิดมีในตนโดยไว
    (b-oneeye)(b-oneeye)(b-oneeye)

    ธรรมะสวัสดี สาธุ!!!
     
  12. ceta64

    ceta64 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    118
    ค่าพลัง:
    +87
    ขอร่วมแสดงความคิดเห็นครับ
    ผมเห็นด้วยกับแนวคิดที่เกี่ยวเนื่องกับ "ธรรมชาติ" ครับ และถ้าเน้นเฉพาะเกี่ยวกับธรรมชาติของเพศผู้ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดข้อสงสัยในศึลข้อ 3 ผมว่าน่าจะแยกให้ออกว่ามันเป็นเหตุและผลในตัวมันเอง
    ธรรมชาติ เป็นตัว "ผลักดัน" ให้เกิดสิ่งนี้กับเพศผู้ แต่ก็ไม่ได้แปลว่ามันถูก หรือ ผิด
    พระพุทธเจ้าก็ไม่ได้บอกว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งเลวร้าย แต่ก็ควรมี "ขอบเขต" ก็คือศีลข้อ 3 แต่ว่าขอบเขตกว้างแคบเท่าไหน ผมไม่ทราบครับ แต่ผมเห็นด้วยกับคำตอบของ
    แม่ชีครับ
    ผมว่าประเด็นมันไม่ได้อยู่ที่ศีลข้อ 3 มันกว้างหรือแคบแค่ไหนครับ ใครจะมีคู่มาก หรือไร้คู่ ก็ขึ้นอยู่กับกรรมครับ ทั้งกรรมในอดีตที่เคยผูกพันกันมาก่อน หรือกรรมปัจจุบันที่คุณตั้งใจสร้างมันขึ้นมา
    ...ถ้าต้องการพัฒนาตนไปสู่อริยะ...ศีล 5 ข้อไม่น่าจะพอครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...