ผู้ต้องอาบัติปาราชิกแล้ว จะบรรลุธรรมได้หรือไม่?

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย Saber, 20 กุมภาพันธ์ 2013.

  1. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
  2. ธรรมแท้ว่าง

    ธรรมแท้ว่าง กายเบาใจเบา

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มีนาคม 2011
    โพสต์:
    12,288
    ค่าพลัง:
    +12,620
    นักบวชก็มีความเสี่ยงสูงต่อการสูญเสียโอกาสในการบรรลุมรรคผล
    เพราะมีพระวินัยนับร้อยข้อโอกาสต้องอาบัติก็มากตามไปด้วย เมื่อต้อง
    อาบัติปราชิก นอกจากพลาดโอกาสในมรรคผลนิพพานเเล้ว ยังต้องไป
    รับผลกรรมในนรกอีกนานเเค่ไหนไม่รู้
     
  3. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    โดยเฉพาะ พระที่เล่นอภิญญา นี่ สุ่มเสี่ยงมาก เพราะเวลาสำเร็จ
    เจโตวิมุตติแบบง่ายๆ บาทเดียวก็เสียวได้ บาทเดียวก็ไปเที่ยว
    นิพพาน นั่งจับเข่าคุยกับสมเด็จมัธยม แล้ว สำคัญว่า ตัวเอง
    บรรลุมรรคผลแล้ว ออกมาเล่าให้คนอื่นฟังเป็นคุ้งเป็นแคว

    คนที่จ่ายยาพิษให้ แล้ว คนที่รับมากินไม่รู้ เห็นว่า ถูก บาทเดียว

    แบบนี้จะเป็นอย่างไร
     
  4. สายชน

    สายชน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    250
    ค่าพลัง:
    +1,232
    คนที่ปาราชิกก็ห้ามมนุษย์และสวรรค์แล้วครับ
     
  5. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    บางคนนะ เป็น ฆารวาส โอ้ย ดีใจ ว่า เราไม่มี วินัยกำกับ ก็เลย
    อาศัย เที่ยวนิพพานแบบบาทเดียว เที่ยวกี่รอบก็ได้ เที่ยวแล้วก็
    เอามาพูดกล่าวได้ว่า ไปมาแว้ว แว้ว แว้ว

    พูดจนเคยตัว จนชิน เป็น อาจิณกรรม จนกระทั่ง ศรัทธาสุกงอม
    อยากบวช ก็วิ่งแจ้นหาที่บวช บวชกี่วันว่าไป ส่วนใหญ่จะบวช
    แล้วสึก

    ไอ้ตอนบวชนี่ วันแรก ก็เอาเลย เราไปเที่ยวนิพพานมาแว้ว แว้ว แว้ว
    เราบรรลุ อย่างงั้น อย่างงี้ มาแล้ว

    เนี่ยะ ยาพิษที่เคยกิน มันชิน เลยไม่รู้ว่า......วันแรก ก็อาจจะ .........

    [​IMG]

    ******************

    ปล. ลิง : สำหรับ คนที่ หูไวใจไวปากไว พึงทราบก่อนว่า เรากล่าว เฉพาะที่ออกตัวว่าไปเที่ยวนิพพาน
    ดังนั้น หากใครก็ตาม ออกตัวแค่ว่า ไปเที่ยว นรก สวรรคิ์ อัน ก็หัดฉลาดๆ หน่อย ว่า เขาไม่ได้กล่าวถึง
    ใครจะไปเที่ยวนรก สวรรคิ์ ก็ไป จิฮับ ตามสบาย ไม่ว่ากัน

    ป๋มก็ไปมาแว้ว แว้ว แว้ว นรก สวรรคิ์ นี่ ต่อให้ไม่ไปด้วยการ จัดทัวร์ หากยัง มีชาติ มีภพ
    มีความยินดียินร้ายในสิ่งไร เดี๋ยวก็ต้องไป นรก สวรรคิ์ จนได้นั่นแหละ มะรอด
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2013
  6. firstini

    firstini เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    1,213
    ค่าพลัง:
    +3,770
    จริงเหรอครับ คุณเล่าปัง บาทเดียวก็ไปนิพพานได้เลยจริงๆเหรอครับ
    ผมยังไม่เคยได้ยินเลย ว่าบาทเดียวก็ไปได้
    จ่ายที่ใครเหรอครับ
    แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเรื่องปาราชิก...?

    อวดอุตริมนุสธรรมที่ไม่มีในตนเหรอครับ
    เราจะตรวจสอบได้อย่างไรว่ามีในตนจริงหรือไม่

    จริงๆแล้วปาราชิกที่ง่ายที่สุดและต้องระวังให้มากก็คือ ข้อลักทรัพย์...
    หยิบไปโดยไม่ตั้งใจนั่นแหละ ถือวิสาสะนั่นแหละ เคยชินบ้างแหละ
    ตอนบวชใหม่ๆ พระพี่เลี้ยงแนะนำให้ทำตัวเหมือนมือด้วน อย่าหยิบจับอะไรทั้งสิ้น
    เพราะสมัยนี้ของมีราคาทั้งนั้นต้องระวัง
     
  7. เล่าปัง

    เล่าปัง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    4,787
    ค่าพลัง:
    +7,918
    มะรู้ๆ บางอย่าง มันอธิบายแล้ว ก็จะยาก

    อวดอุตตริมนุษย์นั้น พอจะทำความเข้าใจ อธิบาย มันยาก

    เรื่อง วินัยพระ ถึงเวลาบวชจริงๆ เขาห้ามอย่างนั้นอย่างนี้ แต่เรา
    ต้องฟังให้เข้าใจ เสร็จแล้ว อย่าลังเล เวลาจะทำอะไร เอาที่อาการ
    ลังเล ถ้าไม่ลังเล แล้วทำ แล้ว พิจารณาอยู่ พระท่านว่า แบบนั้น
    ทำได้ ทำแล้วก็ต้องปลงอาบัติไปตามกฏ ยิ่งปลอดภัย

    พระสอนเก่งๆ จะไม่ห้าม แต่จะให้ กระทำลงไปเพื่อ รู้รสเผ็ดร้อน(วิปฏิสาร)
    แล้วต้อง รู้จักกาล การณ์ มาปลงอาบัติเสียให้มันถูกต้อง

    ทีนี้ หากฟังแล้วก็งง เอ๊ะยาก พระที่สอนให้พิจารณาง่ายๆ ก็มี

    จะตรวจอุตริมนุษยธรรม หรือ จะตรวจศีล วินัย ก็ใช้

    <table border=1 cellsapcing=0 cellpadding=0 width=60%>
    <tr><td>ผู้ถาม</td><td>ขออาราธนาหลวงพ่อเทศน์เรื่อย ๆ ไปครับ </td></tr>
    <tr><td>หลวงพ่อ</td><td>ฉันก็เหนื่อยน่ะซิ เครื่องกัณฑ์มีรึยังล่ะ นิมนต์เทศน์ก็ต้องติดเครื่องกัณฑ์ ถ้าอธิบายไม่ต้องติด </td></tr>
    <tr><td>ผู้ถาม</td><td>นิมนต์หลวงพ่ออธิบายต่อไปเรื่อย ๆ ครับ </td></tr>
    <tr><td>หลวงพ่อ</td><td>เอายังงี้ดีกว่า คิดแต่เพียงว่าเราจะทำยังไง จึงจะวางภาระในขันธ์ ๕ เสียได้ เอาตรงนี้แหละ นั่งดู
    ว่าร่างกาย เกิด แก่ เจ็บ ตาย ควรจะมีอีกไหม ถ้าเราต้องการมันอีก เกิดมากี่ชาติ เราก็มีสภาพแบบนี้ มีทุกข์แบบนี้
    ทำยังไงจึงจะไม่มีทุกข์ ที่จะไม่มีทุกข์ได้ก็คือ

    ๑. ตัดโลภะ ความโลภ โดยการให้ทาน เจริญจาคานุสสติกรรมฐานเป็นอารมณ์

    ๒. ตัดโทสะ ความถือโกรธให้ทรงพรหมวิหาร ๔ หรือกสิณ ๔ หรือตัดมานะความถือตัวถือตน

    ว่าเราดีกว่าเขา เราสมอเขา เราเลวกว่าเขา

    ๓. ตัดโมหะ ความหลง โดยการใช้ปัญญาพิจารณาและยอมรับนับถือตามความเป็นจริง

    คือว่าเกิดมาแล้วก็ต้องมีเกิด มีแก่ มีเจ็บ มีตาย มันเป็นธรรมดา ก็เท่านี้แหละ ยากไหม......?
    </td></tr>

    <tr><td>ผู้ถาม</td><td>ฟังดูก็ไม่ยากหรอกครับ แต่ทำไม่ค่อยจะได้ แต่ก็จะพยายามครับ" "ผมอยากจะถามหลวงพ่อหน่อยครับ คือตอนที่นั่งสมาธินี่ครับ จิตมันอยู่ที่ไหนครับ.....? </td></tr>
    <tr><td>หลวงพ่อ</td><td>เวลานั่งสมาธินี่จิตมันอยู่ที่ใจโยม ใช่ไหม..? </td></tr>
    <tr><td>ผู้ถาม</td><td>แต่กระผมได้ยินเขาบอกว่าอยู่ที่ระหว่างคิ้วบ้าง อยู่ที่ปลายจมูกบ้าง ผมก็ยังสงสัยอยู่ครับ </td></tr>
    <tr><td>หลวงพ่อ</td><td> นั่นเขาเอาอารมณ์เข้าไปจับ คือว่าอารมณ์เข้าไปจับมันที่ไหนก็ได้นะ แต่ว่าตามปกติแล้วพระพุทธเจ้าตรัส ท่านให้จับอยู่ตรงลมหายใจเข้าออก นี่เป็นพุทธพจน์นะ เป็นของพระพุทธเจ้าจริง ๆ เวลาทำสมาธิถ้าทิ้งลมหายใจเข้าออก สมาธิกองอื่น ๆ จะเกิดไม่ได้เลย นี่เราเรียกว่า อานาปานุสสติกรรมฐาน ถ้าทิ้งกรรมฐานกองนี้แล้วกองอื่น ๆ ทำไม่ได้เลย </td></tr></table>

    "Place Come" Click
     
  8. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
  9. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ปาราชิก คือประเภทของโทษที่เกิดจากการล่วงละเมิดสิกขาบทประเภท ครุกาบัติ อาบัติ

    หนักที่สุด ที่เรียกว่า อาบัติปาราชิก พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิกสี่ข้อใดข้อหนึ่ง แม้จะไม่

    กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที เมื่อความผิดสำเร็จ

    ปาราชิก มี 4 ข้อ อยู่ใน ศีล 227 ได้แก่

    1.เสพเมถุน แม้กับสัตว์เดรัจฉานตัวเมีย (ร่วมสังวาสกับคนหรือสัตว์)

    2.ถือเอาทรัพย์ที่เจ้าของไม่ได้ให้ มาเป็นของตน จากบ้านก็ดี จากป่าก็ดี (ขโมย)

    3.พรากกายมนุษย์จากชีวิต (ฆ่าคน) หรือแสวงหาศาสตราอันจะนำไปสู่ความตายแก่

    ร่างกายมนุษย์

    4.กล่าวอวดอุตตริมนุสสธรรม อันเป็นความเห็นอย่างประเสริฐ อย่างสามารถ น้อมเข้า

    ในตัวว่า ข้าพเจ้ารู้อย่างนี้ ข้าพเจ้าเห็นอย่างนี้ (ไม่รู้จริง แต่โอ้อวดความสามารถของ

    ตัวเอง)

    สำหรับ พระ ที่ต้องอาบัติ ปาราชิก แต่หากสึกออกมาเป็นเพศคฤหัสถ์แล้ว

    สามารถอบรมปัญญา และ บรรลุ มรรคผล เป็นพระอริบุคคลได้ เพราะ อาบัติ

    ไม่ได้ติดตัวมา สำหรับผู้ที่กลับมาเ็ป็นเพศคฤหัสถ์ ครับ

    ดังข้อความในพระไตรปิฎก

    พระสุตตันตปิฎก อังคุตรนิกาย เอกนิบาต เล่ม ๑ ภาค ๑ - หน้าที่ 119

    ข้อความบางตอนจากอรรถกถา อัจฉราสังฆาตวรรค

    .......ไม่พึงอาจละฐานะได้ แต่นั้นบาปของภิกษุเหล่านั้น กำเริบขึ้น จะ

    พึงทำเธอให้จมลงในอบายถ่ายเดียว แต่ฟังเทศนากัณฑ์นี้แล้ว เกิด

    ความสังเวช ละฐานะ. ตั้งอยู่ในภูมิแห่งสามเณร บำเพ็ญศีล ๑๐

    ประกอบขวนขวายในโยนิโสมนสิการ บางพวกเป็นพระโสดาบัน

    บางพวกเป็นพระสกทาคามี บางพวกเป็นอนาคามี บางพวกบังเกิด

    ในเทวโลก.
    พระธรรมเทศนาได้มีผลแม้แก่ภิกษุผู้ต้องอาบัติปาราชิก

    ด้วยอาการอย่างนี้. ฝ่ายภิกษุนอกนี้ ถ้าไม่พึงได้ฟังพระธรรมเทศนา

    กัณฑ์นี้ไซร้ เมื่อกาลล่วงไป ๆ ก็จะพึงต้องอาบัติสังฆาฑิเสสบ้าง

    ปาราชิกบ้าง ครั้นได้ฟังพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้แล้ว คิดว่า พระ-

    พุทธศาสนา ช่างขัดเกลาจริงหนอ พวกเราไม่สามารถจะบำเพ็ญ

    ข้อปฏิบัตินี้ตลอดชีวิตได้ จำเราจักลาสิกขา บำเพ็ญอุบาสกธรรม

    จักพ้นจากทุกข์ได้ ดังนี้แล้ว จึงพากันสึกไปเป็นคฤหัสถ์. ชนเหล่านั้น

    ตั้งอยู่ในสรณะ ๓ รักษาศีล ๕ บำเพ็ญอุบาสกธรรม บางพวกเป็น

    พระโสดาบัน บางพวกเป็นสกทาคามี บางพวกเป็นอนาคามี บางพวก

    บังเกิดในเทวโลกแล. ฯลฯ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2013
  10. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    อัคคิขันธูปมสูตร

    http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=2629&Z=2793

    กดเข้าไปอ่านเต็มๆ นะครับ


    ปัจฉิมยามกิจ กิจในปัจฉิมยาม มีดังกล่าวนี้
    วันนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงดำรงอยู่ในกิจนี้นี่แหละ ทรงตรวจดูสัตว์โลก ก็ได้ทรงเห็นเหตุนี้ว่า เมื่อเราจาริกไปในมหาโกสลรัฐ แสดงสูตรหนึ่งเปรียบเทียบด้วยกองเพลิง ภิกษุ ๖๐ รูปจักบรรลุพระอรหัต ภิกษุประมาณ ๖๐ รูปจักรากเลือด ภิกษุประมาณ ๖๐ รูปจักสึกเป็นคฤหัสถ์. บรรดาภิกษุเหล่านั้น พวกภิกษุผู้จักบรรลุพระอรหัตได้ฟังพระธรรมเทศนาอย่างใดอย่างหนึ่ง จักบรรลุได้ทีเดียว. ก็พระผู้มีพระภาคเจ้ามีพระประสงค์จะเสด็จจาริกไปเพื่อสงเคราะห์ภิกษุนอกจากนี้ จึงตรัสว่า อานนท์ เธอจงบอกแก่ภิกษุทั้งหลาย.


    พระศาสดาประทับนั่งแล้วตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมา ตรัสว่า ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอจงดูกองไฟใหญ่โน้น แล้วทรงแสดงอัคคิขันโธปมสูตร. ก็เมื่อตรัสไวยากรณ์นี้อยู่ ภิกษุประมาณ ๖๐ รูปรากเลือด. ภิกษุประมาณ ๖๐ ลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์. ภิกษุประมาณ ๖๐ รูปมีจิตไม่ยึดมั่นก็หลุดพ้นจากอาสวะทั้งหลาย.


    ก็เพราะได้ฟังไวยากรณ์นั้น นามกายของภิกษุประมาณ ๖๐ รูปก็กลัดกลุ้ม เมื่อนามกายกลัดกลุ้ม กรัชกายก็รุ่มร้อน เมื่อกรัชกายรุ่มร้อน โลหิตอุ่นที่คั่งก็พุ่งออกจากปาก. ภิกษุ (อีก) ประมาณ ๖๐ รูปคิดว่าการประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธิ์บริบูรณ์ตลอดชีวิตในพระพุทธศาสนา ทำได้ยากหนอ แล้วพากันลาสิกขาเป็นคฤหัสถ์. ภิกษุประมาณ ๖๐ รูปส่งญาณมุ่งตรงต่อเทศนาของพระศาสดา ก็บรรลุพระอรหัตพร้อมด้วยปฏิสัมภิทา.
    บรรดาภิกษุเหล่านั้น ภิกษุเหล่าใดรากเลือด ภิกษุเหล่านั้นต้องอาบัติปาราชิก ภิกษุเหล่าใดสึกเป็นคฤหัสถ์ ภิกษุเหล่านั้นพากันย่ำยีสิกขาบทเล็กน้อย. ภิกษุเหล่าใดบรรลุพระอรหัต ภิกษุเหล่านั้นเป็นผู้มีศีลบริสุทธิ์แล. พระธรรมเทศนาของพระศาสดา เกิดมีผลแม้แก่ภิกษุ ๓ จำพวกดังกล่าวนี้.

    อ่านดูนะครับ

    จะเห็นได้ว่า

    พระผู้มีพระภาคได้ตรัสไวยากรณภาษิตนี้จบลงแล้ว และเมื่อกำลังตรัส
    ไวยากรณภาษิตนี้อยู่ โลหิตร้อนพุ่งออกจากปากของภิกษุ ๖๐ รูป (พวกต้น)
    ภิกษุ ๖๐ รูป (พวกกลาง) ลาสิกขา สึกมาเป็นคฤหัสถ์ ด้วยกราบทูลพระผู้มี
    พระภาคว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ทำได้ยาก ข้าแต่พระผู้มีพระภาค ทำได้
    แสนยาก อีก ๖๐ รูป จิตหลุดพ้นจากอาสวะเพราะไม่ถือมั่น ฯ


    พวกแรก โลหิตร้อนพุ่งออกจากปากของภิกษุ ๖๐ รูป คือพวก ปาราชิก

    ภิกษุ ๖๐ รูป (พวกกลาง) ลาสิกขา ภิกษุเหล่าใดสึกเป็นคฤหัสถ์ ภิกษุเหล่านั้นพากันย่ำยีสิกขาบทเล็กน้อย.


    ซึ่งจะเห็นได้ว่า ปาราชิก เรียบร้อย จมลงในอบายถ่ายเดียว นั้นเองครับ
     
  11. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    อัคคิขันธูปมสูตร

    http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=2629&Z=2793

    พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
    อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต



    อัคคิขันธูปมสูตร
    [๖๙] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเสด็จจาริกไปในแคว้นโกศลชนบท
    พร้อมด้วยภิกษุสงฆ์หมู่ใหญ่ เสด็จดำเนินไปสู่ทางไกล ได้ทอดพระเนตรเห็น
    ไฟกองใหญ่ กำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงอยู่ในที่แห่งหนึ่ง จึงเสด็จแวะจากทาง
    ประทับนั่งบนอาสนะที่ปูไว้ใกล้โคนไม้แห่งหนึ่ง ครั้นแล้วตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า
    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายเห็นไฟกองใหญ่โน้นที่กำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วง
    อยู่หรือไม่ ภิกษุเหล่านั้นกราบทูลว่า เห็น พระเจ้าข้า ฯ
    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนั้นเป็นไฉน
    การเข้าไปนั่งกอดหรือนอนกอดกองไฟใหญ่โน้น ที่กำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงอยู่
    กับการเข้าไปนั่งกอดหรือนอนกอดพระราชธิดา บุตรสาวพราหมณ์หรือบุตรสาว
    คฤหบดี ผู้มีฝ่ามือฝ่าเท้าอ่อนนุ่ม อย่างไหนจะประเสริฐกว่ากัน ฯ
    ภิ. ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ การที่บุคคลเข้าไปนั่งกอดหรือนอนกอด
    พระราชธิดา บุตรสาวพราหมณ์หรือบุตรสาวคฤหบดี ผู้มีฝ่ามือฝ่าเท้าอันอ่อนนุ่ม
    นี้ประเสริฐกว่า ส่วนการที่บุคคลเข้าไปนั่งกอดหรือนอนกอดกองไฟใหญ่โน้น
    ที่กำลังลุกรุ่งโรจน์โชติช่วงอยู่ เป็นทุกข์ ฯ
    พ. ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจะขอบอกเธอทั้งหลาย จะขอเตือนเธอ
    ทั้งหลาย การที่บุคคลผู้ทุศีล มีธรรมลามก มีความประพฤติสกปรกน่ารังเกียจ
    ปกปิดกรรมชั่ว มิใช่สมณะ แต่ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่ผู้ประพฤติพรหมจรรย์
    แต่ปฏิญาณว่าประพฤติพรหมจรรย์ เน่าใน มีความกำหนัดกล้า เป็นดังหยากเยื่อ
    เข้าไปนั่งกอดหรือนอนกอดพระราชธิดา บุตรสาวพราหมณ์หรือบุตรสาวคฤหบดี
    จะประเสริฐอย่างไร การเข้าไปนั่งกอดนอนกอดกองไฟใหญ่โน้นที่กำลังลุกรุ่งโรจน์
    โชติช่วงอยู่ นี้ดีกว่า ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะเขาจะพึงถึงความตายหรือทุกข์
    ปางตาย เพราะการเข้าไปกอดกองไฟใหญ่นั้นเป็นเหตุ แต่ผู้นั้นเมื่อตายไป
    ไม่พึงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เพราะการเข้าไปกอดกองไฟใหญ่นั้น
    เป็นปัจจัย ส่วนการที่บุคคลผู้ทุศีล มีธรรมอันลามก มีความประพฤติสกปรก
    น่ารังเกียจ ปกปิดกรรมชั่ว มิใช่สมณะ แต่ปฏิญาณว่าเป็นสมณะ มิใช่ผู้
    ประพฤติพรหมจรรย์ แต่ปฏิญาณว่าประพฤติพรหมจรรย์ เน่าใน มีความกำ
    หนัดกล้า เป็นดังหยากเยื่อ เข้าไปนั่งกอดหรือนอนกอดพระราชธิดา บุตรสาว
    พราหมณ์หรือบุตรสาวคฤหบดี ผู้มีฝ่ามือฝ่าเท้าอ่อนนุ่มนั้น ย่อมเป็นไปเพื่อ
    ความฉิบหายมิใช่ประโยชน์ เพื่อความทุกข์ตลอดกาลนานแก่เขา และผู้นั้นเมื่อ
    ตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก



    พุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า ตรัสหนึ่ง ไม่มีสอง


    พวกที่ ปาราชิก นั้น เมื่อตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ครับ


    .



    .
    ต้องไปดู ที่มาที่ไป นะครับ ว่ามีมาจาก สาเหตุใด ซึ่งก็คือ อัคคิขันธูปมสูตร นั้นเองครับ
     
  12. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    รู้จัก พุทธพจน์ ของพระพุทธเจ้า ไหมครับ

    รู้จัก อรรถกถา ไหมครับ

    แยกออกไหมครับ ว่าอันไหน เป็น พุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า


    แยกออกไหมครับ ว่าอันไหน เป็น อรรถกถา


    อรรถกถาคืออะไร?


    อรรถกถา (อ่านว่า อัดถะกะถา) คือคัมภีร์ที่รวบรวมคำอธิบายความในพระไตรปิฎกของโบราณจารย์ที่ได้ไขความในพระไตรปิฎกไว้ เรียกว่า คัมภีร์อรรถกถา บ้าง ปกรณ์อรรถกถา บ้าง อรรถกถา จัดเป็นแหล่งความรู้ทางพระพุทธศาสนาที่มีความสำคัญรองลงมาจากพระไตรปิฎก และใช้เป็นหลักฐานอ้างอิงอย่างแพร่หลายในวงการศึกษาพระพุทธศาสนา

    คัมภีร์อรรถกถา แต่งโดย พระอรรถกถาจารย์ ซึ่งมีเป็นจำนวนหลายท่านมาก และอรรถกถาจารย์ได้แต่งหนังสืออรรถกถาอธิบายไว้หมดครบทั้งหมด ซึ่งคัมภีร์อรรถกถาเป็นหนังสือที่แต่งอธิบายความหรือคำที่ยากในพระไตรปิฎกให้เข้าใจง่ายขึ้น โดยยกศัพท์ออกมาอธิบายเป็นศัพท์ๆ บ้าง ยกข้อความหรือประโยคยาวๆ มาขยายความให้ชัดเจนขึ้นบ้าง แสดงทัศนะและวินิจฉัยของผู้แต่งสอดแทรกเข้าไว้บ้าง[1] เป็นหนังสือที่มีอุปการะแก่ผู้ศึกษาพระไตรปิฎกรุ่นหลัง ๆ เป็นอย่างยิ่ง

    ลักษณะการอธิบายความในพระไตรปิฎกของอรรถกถานั้น ไม่ได้นำทุกเรื่องในพระไตรปิฎกมาอธิบาย แต่นำเฉพาะบางศัพท์ วลี ประโยค หรือบางเรื่องที่อรรถกถาจารย์เห็นว่าควรอธิบายเพิ่มเติมเท่านั้น ดังนั้นบางเรื่องในพระไตรปิฎกจึงไม่มีอรรถกถาขยายความ เพราะอรรถกถาจารย์เห็นว่าเนื้อหาในพระไตรปิฎกส่วนนั้นเข้าใจได้ง่ายนั่นเอง

    อรรถกถา - วิกิพีเดีย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2013
  13. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    พุทธพจน์ของพระพุทธเจ้า บทไหน ที่กล่าวว่า ภิกษุปาราชิก แล้ว สามารถ บรรลุ อรหันต์ ได้

    ช่วยนำมาลงให้ผม ศึกษา ด้วยนะครับ



    หรือ ศาสนาพุทธ ผ่านมาแล้ว 2500 +กว่าปี แล้วนะครับ


    อาบัติปาราชิก พระภิกษุต้องอาบัติปาราชิกสี่ข้อใดข้อหนึ่ง แม้จะไม่

    กล่าวลาสิกขาบท ก็ถือว่าขาดจากความเป็นพระภิกษุทันที เมื่อความผิดสำเร็จ


    ไม่ต้องไป จักลาสิกขา ที่ไหนอีกนะ


    ปาราชิก ขาดจากความเป็นพระทันที แล้วละครับ


    มี ภิกษุปาราชิก แล้ว บรรลุ อรหันต์ ได้ มีองค์ไหนบ้าง ช่วยนำมาลงให้ผม ศึกษา หน่อยนะครับ

    หรือมีใครบ้าง ที่ ปาราชิก แล้ว บรรลุ อรหันต์ บ้าง ช่วย นำมาลงให้ผม ศึกษา หน่อยนะครับ

    ขอตัวอย่างมาให้อ่านหน่อย นะครับ เสพกาม ปาราชิก ขาดจากความเป็น พระภิกษุ แต่ยัง สามารถ บรรลุ อรหันต์ ได้อยู่


    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2013
  14. ขอนไม้แห้ง

    ขอนไม้แห้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 สิงหาคม 2011
    โพสต์:
    228
    ค่าพลัง:
    +1,618
    เคยมีพระถามหลวงปู่ชาที่ถ้ำแสงเพชรว่า ภิกษุอาบัติปาราชิกสำเร็จอรหันต์ได้หรือไม่
    หลวงปู่ชาตอบว่า ได้ ถ้าสามารถละวิตกได้

    ผมเห็นด้วย วินัยทำลายโง่แต่ส่งเสริมบุคคลมีปัญญา
    ศึกษาพระวินัยให้ถ่องแท้ พระวินัยบัญญัติเพื่ออะไร บางคนบวชด้วยศรัทธา แต่ไม่มีปัญญา คอยทำลายแต่ตัวเองและหมู่คณะ เดินก็ทุกข์ นั่งก็ทุกข์ ทำอะไรก็ทุกข์
    ท่านให้รักษาพระวินัยแต่อย่ายึดในพระวินัย ถ้ารักษาจิตของเราได้ พระวินัยมีล้านข้อก็ไม่มีผิด อาจจะผิดต่อโลกบางข้อ แต่ธรรมภายในใจไม่ผิด
    คำว่าตาลยอดด้วนคือไม่สามารถเจริญในเพศพระได้ ปฎิบัติยังไงก็ไม่สามารถบรรลุได้ และเป็นการเพิ่มบาปให้ตัวเอง เพราะขาดความละอาย
    เมื่อรู้ตัวว่าพลาดให้รีบสึกทันที ให้รักษาศิลให้บริสุทธิ์ละวิตกให้ขาดอย่าตอกย้ำตัวเอง
    ภาวนาให้เด็ดขาด..
    ทำไมภิกษุต้นบัญญัติ คือบุคคลทำอาบัติครั้งแรก ถึงสามารถบวชต่อได้และบรรลุธรรมได้
    เพราะตอนนั้นยังไม่บัญญัติพระวินัย
    หากจะลำลายมรรคผลก็ต้องทำลายมรรคผลภิกษุต้นบัญญัติด้วย พิจารณาเอาเอง
     
  15. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    แต่ฟังเทศนากัณฑ์นี้แล้ว เกิด

    ความสังเวช ละฐานะ. ตั้งอยู่ในภูมิแห่งสามเณร บำเพ็ญศีล ๑๐

    ประกอบขวนขวายในโยนิโสมนสิการ บางพวกเป็นพระโสดาบัน

    บางพวกเป็นพระสกทาคามี บางพวกเป็นอนาคามี บางพวกบังเกิด

    ในเทวโลก. พระธรรมเทศนาได้มีผลแม้แก่ภิกษุผู้ต้องอาบัติปาราชิก

    ด้วยอาการอย่างนี้. ฝ่ายภิกษุนอกนี้ ถ้าไม่พึงได้ฟังพระธรรมเทศนา

    กัณฑ์นี้ไซร้ เมื่อกาลล่วงไป ๆ ก็จะพึงต้องอาบัติสังฆาฑิเสสบ้าง

    ปาราชิกบ้าง ครั้นได้ฟังพระธรรมเทศนากัณฑ์นี้แล้ว คิดว่า พระ-

    พุทธศาสนา ช่างขัดเกลาจริงหนอ พวกเราไม่สามารถจะบำเพ็ญ

    ข้อปฏิบัตินี้ตลอดชีวิตได้ จำเราจักลาสิกขา บำเพ็ญอุบาสกธรรม

    จักพ้นจากทุกข์ได้ ดังนี้แล้ว จึงพากันสึกไปเป็นคฤหัสถ์. ชนเหล่านั้น

    ตั้งอยู่ในสรณะ ๓ รักษาศีล ๕ บำเพ็ญอุบาสกธรรม บางพวกเป็น

    พระโสดาบัน บางพวกเป็นสกทาคามี บางพวกเป็นอนาคามี บางพวก

    บังเกิดในเทวโลกแล. ฯลฯ

    อาบัติถ้าบวชอยู่บรรลุไม่ได้แน่ครับ อาบัติแล้วก็สึกออกมาเป็นเณร หรือฆราวาสมารักษาศิลก็บรรลุธรรมได้ครับ
     
  16. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    เพราะ ไม่ได้ปาราชิก ไงละครับ
     
  17. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    ปาราชิก ขาดจากความเป็นพระทันที แล้วละครับ


    มี ภิกษุปาราชิก แล้ว บรรลุ อรหันต์ ได้ มีองค์ไหนบ้าง ช่วยนำมาลงให้ผม ศึกษา หน่อยนะครับ

    หรือมีใครบ้าง ที่ ปาราชิก แล้ว บรรลุ อรหันต์ บ้าง ช่วย นำมาลงให้ผม ศึกษา หน่อยนะครับ

    ขอตัวอย่างมาให้อ่านหน่อย นะครับ เสพกาม ปาราชิก ขาดจากความเป็น พระภิกษุ แต่ยัง สามารถ บรรลุ อรหันต์ ได้อยู่


    เอาตามความเป็นจริง นะครับ

    ในปัจจุบันนี้ มีใครบ้าง องค์ใดบ้าง ที่ บรรลุอรหันต์ ครับ

    .
     
  18. newamazing

    newamazing เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    1,704
    ค่าพลัง:
    +1,381
    ธรรมะพระพุทธองค์เปิดโอกาสเสมอแก่ผู้กระทำความผิด แต่ผู้ที่ทำความผิดนั้นก็สมควรอยู่ตามฐานะอันสมควร อย่างเช่นปราชิกแล้ว ก็มาเป้นเณร เป็นฆราวาสก็บรรลุธรรมดั่งที่พระองค์ได้กล่าว ส่วนใครจะเป็นได้แค่ไหนไม่มีใครรู้หรอกครับ ประเด็นอยู่ที่ว่าปราชิกแล้วกลับไปบวชไม่ได้แล้วบรรลุธรรมไม่ได้
     
  19. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    คฤหัสถ์ ปาราชิก

    การสำเร็จธรรมของคฤหัสถ์ผู้ปาราชิก

    “ข้าแต่พระนาคเสน ถ้ามีคฤหัสถ์ผู้ใดผู้หนึ่งต้องปาราชิกแล้ว ต่อมาภายหลังได้บรรพชาเขาเองก็ไม่รู้ว่า เราเป็นคฤหัสถ์ต้องปาราชิกแล้วผู้อื่นก็ไม่รู้ ธรรมาภิสมัยจะมีแก่เขาหรือไม่ ?”
    ไม่มี มหาบพิตร”



    พระนาคเสน ตอบไว้ชัดเจนแล้วครับ

    คฤหัสถ์ ปาราชิก
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2013
  20. Saber

    Saber เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    5,941
    กระทู้เรื่องเด่น:
    19
    ค่าพลัง:
    +11,820
    ช่วยยก พุทธพจน์พระพุทธเจ้า กล่าวไว้ มาลงให้ดูหน่อยครับ

    ขอบคุณครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 20 กุมภาพันธ์ 2013

แชร์หน้านี้

Loading...