"ผู้หญิงขี้เหงา" พฤติกรรมนำสู่ความเสี่ยง

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย พรายแสง, 12 เมษายน 2005.

  1. พรายแสง

    พรายแสง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 กันยายน 2004
    โพสต์:
    833
    ค่าพลัง:
    +371
    [​IMG]

    "ความเหงา" ดูเหมือนจะเป็นอารมณ์ที่เกิดขึ้นได้โดยไม่จำกัดเวลาและสถานการณ์ บางครั้งอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายแต่ก็เหงาได้แบบไม่รู้ตัว ยิ่งสภาพสังคมและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของครอบครัวในปัจจุบัน เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้จิตใจคนเราไหวเอนไปกับอารมณ์เหงานั้น

    หลายครั้งที่ความเหงาทำให้เกิดพฤติกรรมเสี่ยง ซึ่งนักจิตบำบัดมูลนิธิศูนย์ฮอตไลน์ อ.อรอนงค์ อินทรจิต เปิดเผยว่า ผู้หญิงไทยจำนวนมากมีความเหงา ขาดความมั่นคงในจิตใจ และขาดความพึงพอใจในตนเอง ทั้งที่โดยปกติความเหงาเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกๆ คน และในทุกสถานการณ์ เพียงแต่พื้นฐานของการเลี้ยงดูอบรม ตลอดจนสิ่งแวดล้อมที่หล่อหลอมคนคนหนึ่งขึ้นมา ช่วยให้สามารถแยกแยะความรู้สึกที่แท้จริงกับอารมณ์ส่วนเกินได้ ทำให้ไม่ต้องตกเป็นเหยื่อของมัน แต่อารมณ์อ่อนไหวในความเหงาของการดำเนินชีวิตประจำวันที่ขาดการขัดเกลา และไม่สามารถแยกแยะระหว่างความรู้สึกจริงๆ กับความรู้สึกส่วนเกิน ทำให้ผู้หญิงมากมายก้าวไปสู่พฤติกรรมและความสัมพันธ์ที่นำความเสียหายเข้ามาสู่ตนเอง

    จากจำนวนผู้หญิงที่โทรเข้ามาปรึกษาศูนย์ฮอตไลน์ พบว่า การได้รู้จักพบปะกับเพื่อนชายในระยะสั้นๆ แต่เมื่อฝ่ายชายแสดงความสุภาพ เอาอกเอาใจ ให้ความสนใจให้ความสำคัญด้วยการเล่าเรื่องในครอบครัวหรือปรึกษาปัญหาด้วย ผู้หญิงเหล่านี้จะสรุปว่าผู้ชายเลือกและสนใจเธอในฐานะคู่รักหรือคนรัก ครั้นพบว่าเขามีคนรักอยู่แล้ว หรือฝ่ายชายหายหน้าไป หรือฝ่ายชายปฏิเสธว่าจะไม่คบหาเป็นคนรัก ผู้หญิงส่วนใหญ่จะรับไม่ได้กับความรู้สึกว่าตนเองถูกปฏิเสธ ไม่ได้เป็นอย่างที่ตนคิด รู้สึกว่าตนเองกลายเป็นคนไร้ค่า ไม่เป็นที่ต้องการ ทั้งๆ ที่คบหากันได้ (อย่างนานที่สุด) ไม่เกิน 3 เดือน

    ความอ่อนไหวที่นำไปสู่ความรู้สึกบาดเจ็บเหล่านี้ สามารถป้องกันได้ ด้วยการให้เวลาในการคบหากับเพื่อนต่างเพศอย่างน้อยหนึ่งปีขึ้นไป เพื่อให้รู้จักเขามากขึ้น หากรู้สึกว่าเริ่มชื่นชอบเขามากๆ ก็สามารถบอกกับเขาหรือเธอได้ตรงๆ จะได้ชัดเจนกันไปว่า จะคบหากันในฐานะเพื่อนหรือคนรัก ไม่ทึกทักเอาเอง หรือคิดฝันไปเอง หรือหากฝ่ายตรงข้ามปฏิเสธ ก็ให้ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา เพราะเราเองยังมีสิทธิจะชอบพอเขา เขาก็มีสิทธิจะไม่ได้รักเราจริงๆ ก็ได้ คนเราทุกวันนี้ คบหาแต่งงานอยู่กินกันมาเป็นสิบๆ ปี ยังเลิกร้างกันได้ นับประสาอะไรกับคนที่รู้จักกันได้ไม่นาน

    นอกจากนี้ อ.อรอนงค์ ยังให้ความเห็นว่า "หากรักชอบใครในระยะเวลาสั้นๆ ก็อย่าไปให้ความสำคัญมากนัก ให้ตระหนักว่านั่นอาจจะเป็นอารมณ์ส่วนเกินก็ได้ หางานทำที่จะช่วยให้รู้สึกดีๆ กับตัวเองมากขึ้น คิดถึงคนใกล้ชิด เช่น พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนสนิท สามีภรรยา หรือลูกๆ ให้มาก อย่าปล่อยให้อารมณ์ส่วนเกินมามีอิทธิพลกับเรา จนไม่สามารถควบคุมได้

    มีตัวอย่างที่น่าสนใจคือ คุณแม่วัย 32 ปี มีชีวิตครอบครัวที่ดี สามีดีพร้อมทุกอย่าง ทุกวันจะต้องขับรถพาลูกไปส่งโรงเรียน ที่หน้าโรงเรียนมีตำรวจจราจรมายืนโบกรถให้ผู้ปกครอง คุณแม่ก็พบกับตำรวจหนุ่มซึ่งมีครอบครัวแล้วเช่นกันทุกวัน สบตายิ้มโบกมือกัน แล้ววันหนึ่ง คุณแม่ตกใจมาก โทรมาปรึกษาว่าไม่รู้ทำไมถึงคิดถึงตำรวจจราจรคนนี้เพิ่มมากขึ้นทุกวัน จนคิดฝันไปว่าหากเขาชวนไปดื่มกาแฟก็คงดี คงไปด้วย เธอเริ่มอ่อนไหวกับอารมณ์ส่วนเกินนี้ แต่รู้ว่าไม่ดีแน่หากเธอปล่อยให้เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างที่คิดฝันไปเรื่อยๆ จะกลายเป็นการทำลายชีวิตครอบครัวที่มีพร้อมทุกอย่างไป

    นี่เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้วกับคุณแม่วัย 30 กว่าปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเด็กสาวหรือ***รุ่นวัยหนุ่มสาว ซึ่งถ้าหากปล่อยให้อารมณ์ของตนเองไหลไปเรื่อย ก็อาจนำไปสู่ปัญหาการคบหา หรือมีเพศสัมพันธ์กับชายที่ไม่ดี หรือไม่เหมาะสมกับเราก็ได้" นักจิตบำบัดมูลนิธิศูนย์ฮอตไลน์ กล่าวปิดท้าย
     

แชร์หน้านี้

Loading...