ฝันไปถึง เมืองบังบด เมืองผี แดนลับแล แล้วแต่จะเรียก

เล่าเรื่องได้สนุกและน่าติดตามดีค่ะ มองเห็นภาพชัด ตอนบรรยายไปเมืองครุฑ เพิ่งได้อ่านเรื่องครุฑจุใจก็ที่นี่เอง และน้ำตาไหลตอนสิงห์เสียแม่ และรู้ความจริงเรื่องพ่อ .....

** ติดตามอ่านอยู่จ๊ะ

 

พรุ่งนี้จะไปใหม่ ทุกครั้งที่ไปชอบนั่งมองบัวดอกนี้
ก่อนกลับ อยากไปนั่งตรงกลาง

แต่เกรงว่าคนจะว่าบ้า และเค้าห้ามนั่ง

 

กายทิพย์นั้นมีลักษณะโปร่งแสง แต่มีเส้นพลังงานวิ่งวน
มันสวยงามมาก โดยเฉพาะเมื่อมองไปตามจุดจักระ ทั้ง 7
กลับปรากฏบอลพลังงานสีขาวที่มีจักระหมุนวน

เป็นพลังงานเต็มเปี่ยม

แล้วจักระทั้งหมด จากสีขาว ก็บังเกิด
กสิณสีต่างๆ รวมตัวผสมผสาน
ตามลำดับของรูป

 

เพื่อย้ำ กายทิพย์นี้ไม่ได้ซ้อนทับ ในกายหยาบของสิงห์
แต่เชื่อมด้วยเส้นพลังงาน
และนั่งประจันหน้ากับสิงห์

ไม่รู้เรียกว่าพลังจักรวาลหรือพลังจักรพรรดิ์

 

อธิบายตามรูป พลังงานนั้นจะรวมตัวจักระ ทั้งหมดจะรวมเป็นหนึ่ง
ทะลุผ่านกระโหลกศรีษะ เส้นสายจะไม่เรียงตัว
แต่จะบังเกิดพลังงานมหาศาล เป็นลักษณะประจุไฟฟ้า
หรือเราจะเรียกว่าปฏิกริยานิวเคลียร์ของจิตก็ได้

จากจุดที่ลิ้นปี่ เมื่อบอลพลังงานทะลุผ่านกระหม่อมไปได้
ก็จะไม่มีการหยุดยั้งคลื่นพลังงานนั้นได้
มันจะเปิดพลังงาน ระเบิดออก ไม่ใช่เป็นสาย เป็นท่อ
และที่สำคัญผู้ทำได้ต้องมีพลังงานเมตตา โดย
จะปรากฏนิมิตดอกบัวขนาดใหญ่เป็นฐานรองรับ
แล้วพลังงานอันหลบซ่อนในตัวเรามาแสนนาน
จะระเบิดออกสู่จักรวาล ปลุกทุกจักรวาลให้รับเรา

เมื่อเข้าสู่ชั้นที่สามพลังงานเรากับจักรวาลจะรวมเป็นหนึ่ง
สิ้นความสงสัยเรื่องมิติเวลา ดาวนพเคราะห์น้อยใหญ่
ความรู้ของจักรวาลจะถ่ายทอดสู่เรา
เกิดเป็นพลังงานรับเข้าและออก
จนทุกอณูของร่างกายแฝงไปด้วยฤทธิ์
ทุกอณูแม้แต่เส้นผม ปลายผม

(เป็นเหตุผลว่าทำไม ฤาษีไม่ตัดผม รวมถึงพราหมณ์ทั้งหลายด้วย )
ดูรูปอีกรอบ

 

ท่านพี่นพการ แหมเรียกตั้งนาน ตะโกนทำไม่ได้ยิน
กระซิบเรียก ล่ะ มาเชียว มาๆๆ เชิญสัมนาเจ้าค่ะ
กำลังจะพาลงหลุม เอ้ย เล่าเรื่องหลุมดำ

 

ท่านอื่น ใครอยากแสดงความคิดเห็น จะชอบจะชัง
จะบอกว่าหลุดโลก ก็ค่ะ อิอิ ความฝันจ๊ะ

ฝันไปด้ายยยยยยยยยยยยย

 

เงียบ....งั้นพักโฆษณาแป๊บ

พวกที่แอบฟังอยู่ข้างบน เล่าดี ก็จ่ายค่าโฆษณาบ้างไรบ้าง

เหล็กไหลบ้าง พระขรรค์บ้าง โอนะ

อิอิ

 

เล่าฝันคั่นโฆษณา ฝันว่าตัวเองเป็นนางฟ้่า ที่แปลกมีพระขรรค์ด้วย
นางฟ้าไรไม่รู้ แล้วก็ไปที่ต้นไม้ใหญ่สีทอง

เหาะวนๆอยู่ พลันก็เห็นมะม่วงสีทองสามลูก

ลูกประมาณหัวคน เรืองแสงด้วย เลยเก็บมา

กำลังหอบๆ ใส่เต็มมือ แล้วเทวดาชายองค์นึงก็มา

เจ้าทำอะไร จะขโมยผลไม้สวรรค์รึ

แล้วก็เรียกพระขรรค์มา จะฟันเรา

เราก็เหาะหนี แล้วเอาพระขรรค์ออกมาบ้าง

พระขรรค์เทวดาสีทอง ขอเราเป็นพระขรรค์แก้ว เหมือนเพชรแท่งใหญ่
รัศมีพระขรรค์เรางามมาก เป็นฉัพรังสี บาดตาสุดๆ

ฟันที สายฟ้าแลบแปลบๆ เลย

เทวดาดูตกใจมาก ลอยหนีเกือบไม่ทัน โดนไปหนึ่งที

เราเลยเหาะหนี แต่เทวดาไม่ยอม คราวนี้

เรามีสี่มือเลย มือนึงก็มีจักรลอยมา

แต่ไม่ได้ฆ่าเทวดานะ แค่ขู่ เทวดาเห็นจักร ก็เหาะหนีเลย

เราก็กินมะม่วงทอง สบายใจไป ในฝันยังขโมย

ตื่นมาก็รู้สึกผิด เพราะเทวดาโดนสายฟ้าไป อาการร่อแร่

 

ท่านพี่นพ มากดไลค์แล้วก็ไป เดี๋ยวก็ไปเข้าฝันซะเลย

หุยๆ แต่เกรงใจกองทัพท่านพี่ ตาเขียวกันเชียว

ไปอาบน้ำ เปลี่ยนผ้าปูให้ลูกเทวดาก่อน

เดี๋ยวมาอีกที ดึกๆๆ สงัดนะจ๊ะ

คืนนี้คืนเดือนมืด

จะรู้สึกเหงาและเศร้ามาก ในคืนเดือนมืด

ไม่รู้เพราะอะไร...

 

เปิดเพลงฟัง ทำใจก่อนเข้าสู่หลุมดำ

หนทางยังไกล ใจภาวนา...

ฟังเพลงนี้ แล้วซึ้งมาก ทุกครั้ง

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=a0q1ARwT9YE"]ละคร มาลัยสามชาย (Opening Credits) - YouTube[/ame]

 

เมื่อพลังงานอันมากมายนั้นล้นสู่ร่างจิตของสิงห์
ราวกลับว่า ตัวขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว

ราวกลับว่าภายในร่างจิต คืออวกาศที่ไม่มีที่สิ้นสุด
ราวกลับว่า เรามองเห็นทั้งจักรวาล
มันสวยงาม ความมืดมิด หมู่ดาว
กาแล็คซี่น้อยใหญ่ ดาวที่ไม่ได้มีแค่สีขาว
งดงามสุดจะบรรยาย

เป็นความรู้สึกเบา แต่ไม่ล่องลอย
เบาแต่มั่นคง หนักแน่น

พลันจุดศูนย์กลางกายราวกับเกิดพายุหมุนจิตกำหนดกลับไป รับพลังงานมหาศาลจากภายนอกภายใน
พลังงานไม่เป็นเส้นอีกต่อไป
มันราวกลับทุกอณูของร่างกายคือพลังงานที่เชื่อมต่อกัน
เป็นปฏิกริยาต่อเนื่อง ไม่มีจุดกำเนิด และไม่มีจุดสิ้นสุด

สุดรอบขอบจักรวาล อนันตจักรวาล

แล้วจุดศูนย์กลางกายที่รับพลังงานทั้งภายนอก
และภายในก็เกิดพายุลูกเล็กๆ คล้ายๆพายุงวงช้าง
ดูดจักรวาลในกายจิต เข้าไป

เกิดหลุมดำ

เพื่อดูดซับพลังงานที่มากล้น ราวกลับพลังนิวเคลียร์นั้นไว้

เมื่อแอ็คชั่น = รีแอ็คชั่น

พลันบังเกิดพลังงานจากหลุมดำสะท้อนกลับ

ไม่สามารถบรรยายพลังงานนั้นได้

แต่ธาตุขันธ์มนุษย์นั้นรับไม่ได้

วิธีของขรัวอินทร์ จึงแยกร่างจิตให้ได้ก่อน
แล้วค่อยผ่อนถ่ายพลังงานนั้น กลับมาที่ร่างกายหยาบ

ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต เริ่มหลุมดำ ส่งพลังออก พลังย้อนกลับ

หลุมดำคงที่

แอ็คชั่น = รีแอ็คชั่น

 

วิธีดูผู้สำเร็จพลังจักรวาล

มองไปในดวงตา จะเห็นจักรวาลอันกว้างใหญ่ เป็นพลังงานที่ประทุ
อยู่ภายในจิต ท่านที่ทรงพลังงานจักรวาลได้ ต้องดำรงฌาน4 เสมอ
แม้หากระดับพลังงานไม่คงที่ สมาธิไม่หนักแน่น จิตไม่ถึงฐาน
จะเกิดผลเสียกลับร่างกาย เช่น หลุมยุบบริเวณท้อง หรือหน้าอก
ภาษาเราเรียกโดนดีด จุกที่ลิ้นปี บางคนอาจเกิดโรคร้าย
สาเหตุเพราะเรานำพลังงานนั้นมาไว้ใต้กายหยาบ
เมื่อพลังงานมันปั่นไม่คงที่ มันจะไม่เกิดหลุมดำ
แต่จะดูดผิวหนังบริเวณนั้น เพื่อจะทะลุออกไป


วิชานี้ ต้องมีผู้ชี้นำ อาจไม่ใช่มนุษย์
ก็แล้วแต่ละท่าน อาจจะเป็นผู้มาจากมิติอื่น
เทพ เทวา
อสูร มาร

ไม่ได้เขียนผิด

แต่จะมีมนุษย์ซักกี่คนที่ทำได้....
ที่ทำให้มวลพลังงานคงที่
แค่ปั่นให้จิตคงที่ เกิดบอลพลังงานก็ยาก
กับมนุษย์ยุคปัจจุบันงนำกสิณสีมาปั่นรวม
กับการเดินลมปราณ
จนเกิดการหมุนวน
จนแยกจิต เป็นตัวตน
จนเชื่อมพลังงานได้

จะมีซักกี่คนที่มีฐานเมตตาพอให้เกิดดอกบัวมารองรับ
จะมีซักกี่คนที่เชื่อมกับจักรวาลได้
ที่จักรวาลยอมรับ


(ป.ล.เมื่อไหร่จะมีคนมาสนทนากับเราบ้าง)

 

วันนี้กระทู้ครบหนึ่งเดือนพอดี

ไปเร็วกว่าที่คิด และออกนอกโลก ทะลุกาแล็คซี่

ฝันไปได้ จินตนาการไปได้ ๕๕๕๕

ขอบคุณทุกท่านที่กดไลค์ กดอนุโมทนาบุญค่ะ

หากมีท่านที่มาอ่าน ในภายหลัง
ขออนุญาตุเล่าว่าเจ้าของกระทู้ยังทำไม่ได้
แต่ชอบฝันๆๆๆๆ ก็เลยนำมาเล่า
เป็นแค่นิทานสนุกๆ

บางท่านก็ว่าเราหลงตัวเอง อวดตน
ก็บอกเลย ทำไม่ได้โว้ยแค่อยากเล่า

๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕๕

 

ผมเองไม่ได้ฝึกอะไร แค่นั่งๆนอนๆคิดๆฝันๆ ก็สนุึกดีนะ ไม่อยากเพ้อเจ้อเท่าไหร่ เรื่อง จิต เรื่องพลังงาน เพราะ ส่วนมาก เขาก็หาว่าผมบ้าอยู่แล้ว อิอิ

บ้าทะลุอนันตจักรวาล (บ้าส่วนตัว น่ะ)

 

นั่นสิ เล่าไปเล่ามา มันจะแตกแขนงออกมาหลายเรื่อง แล้วนะ
ตกลงเรื่องสิงห์ จะจบยังครับ เนี่ยเรื่องสักยันต์อะไรจะออกนอกโลกแล้ว อิอิ

ขลัวอิน สิงห์ เก่งปานนั้น ทำไม ไม่อยู่แบบอมตะฟะ อิอิ

 

การกำหนดจิต เพื่อตาย

คนเราเมื่อสำเร็จวิชารับรู้ทุกสิ่ง
และได้ดวงตาพญายม
รู้เวลาเกิดดับของสัตว์ทั้งหลาย

มีสองทางเลือก หนีกรรม หนีตาย
ทางเลือกที่สอง รับกรรม ตาย
ไปเกิดใหม่

อันนี้คือขรัวอินทร์

ส่วนสิงห์
สำเร็จวิชา และสำนึกได้
ก็ตอนไกล้ตาย
แต่ก็เลือกทางที่ถูก ยอมตายชดใช้กรรม

คนหัวใจสิงห์

 

พอดี เล่าไปๆๆๆ พระญาติ ก็อยากให้ช่วยๆ เล่าเรื่องหน่อย

พอดีเมื่อก่อนเฮียๆทั้งหลาย เล่นตัว ไม่อยากสอนใคร

เดี๋ยวนี้คงคิดเปลี่ยนใจ ประมาณ ลองดูวุ้ย

หว่านๆแหๆไป เผื่อเจอ เพชรในตม อะไรแบบนี้

ขลัวอิน สิงห์ เก่งปานนั้น ทำไม ไม่อยู่แบบอมตะฟะ อิอิ

ทุกคนต้องอยู่ภายใต้กฏแห่งกรรม

 

มันต่างกัน นิดเดียวครับ.....ตรง มีจิต กับ ไม่ยึดมั่นถือมั่นในจิต

การมี การเป็น การได้..เพราะมีจิต
แต่การถึงนิพพาน....ไม่มี ไม่เป็น ไม่ได้.... ไม่มีจิต(วางคืนจิตแก่โลกธาตุ จักรวาลธาตุ แล้ว)

มีใครเข้าใจ ที่ผมพูดมั้ยครับ

 

ไช่ครับ จะมีใครเล่า ที่จะยอมรับในกฏแห่งกรรมนี้ได้จริงๆ แต่ผมยอมรับได้นะ

คนส่วนมาก อยากพ้นทุกข์ ไม่อยากกลับมาเกิดอีก แต่เอาเข้าจริงๆ มันก็กอดสมมุติเอาไว้แน่น วางไม่ลง (วางแล้ว แต่ วางไม่ออก ไม่ลง ชำระอวิชชาไม่ได้จริงๆ) ก็ อ่ะนะ ถ้าปล่อยวางได้ง่ายๆจริงๆ ก็ไม่ต้องให้ พระพุทธเจ้า มา ทำเป็นตัวอย่างให้ดูหรอกนะครับ อิอิ

ผมอ่านเวปนี้มาหลายปี มาปีนี้ หลายๆคน ชักจะเพี้ยน คิดเองเออเอง เพ้อเอง ก็มีหลายคน คือแบบอยากบรรลุธรรมว่างั้น แบบว่า อยาก อยาก อยาก แต่ไม่ยอมทำ ไม่ยอมรับที่จะเริ่มต้นใหม่ ให้ถูก ตั่งแต่ต้น

อิอิ มันก็ได้แค่.... เสียชาติเกิด นั่นแหล่ะครับ