ฝึกลืมอารมณ์ขุ่นมัวทั้งหลาย - หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย นโมพุทธายะ๕, 4 เมษายน 2017.

  1. นโมพุทธายะ๕ ก่อนตายไปอีกชาติ .. ใช้กายสังขารสร้างกำลังให้คุ้ม ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 สิงหาคม 2010
    โพสต์:
    22,340
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1,117
    ค่าพลัง:
    +70,463
    หลวงพ่อพระราชพรหมยาน

    ☆☆☆☆☆
    ฝึกลืมอารมณ์ขุ่นมัวทั้งหลาย
    ☆☆☆☆☆

    ▪ต่อไปนี้ผมก็จะขอพูดถึงวิธีที่จะปฏิบัติในยามปกติ
    เราพยายามลืมเสียให้หมด ลืมว่า

    ● คนนั้นเขาว่าเรา
    ● คนนั้นเขาด่าเรา
    ● คนนั้นเขาเกลียดเรา
    ○ คนนี้เขารักเรา
    ○ คนนั้นเขาสรรเสริญเรา

    ◇◇◇ อารมณ์ขุ่นมัวทั้งหลายที่ปรากฏอยู่ใน โลกธรรมลืมมันเสีย ◇◇◇

    》 มันจะมีลาภหรือไม่มีลาภก็ช่างมัน
    》 ลาภมีแล้วมันจะหมดไปก็ช่างมัน
    》 ยศถาบรรดาศักดิ์เขาจะให้หรือไม่ให้ก็ช่างมัน

    ◇◇◇ ลืมมัน อารมณ์อย่างนี้ลืมมัน ◇◇◇

    》 เมื่อได้ยศมาแล้ว เขาจะเรียกคืนไปก็ช่างมันหรือว่า
    》 การสรรเสริญนินทาจะมาจากทางไหนก็ช่างมัน
    》 ความสุขความทุกข์จากอารมณ์ทางกายทางใจ

    ◇◇◇ ไม่มีความสำคัญสำหรับเรา เราลืมโลกธรรม ๘ ประการเสียจงพยายามลืม ฝึกลืม อย่าสนใจ ◇◇◇

    ● แล้วก็ลืมคำปรามาสทั้งหลาย
    ● ลืมอารมณ์ของความชั่วที่คิดว่าผู้ใหญ่ไม่ดี
    ● ลำเอียงรักคนนั้นมาก รักคนนี้มาก
    ● คนนั้นไม่ดี คนนี้ไม่ดี
    ● คนนั้นพูดไม่ถูกใจเรา
    ○ คนนี้เอาใจเรา

    ◇◇◇ ลืมมันเสีย ◇◇◇

    เพราะว่านั่นเป็นอารมณ์แห่งความเลว และอารมณ์ของนิวรณ์ ๕ ตอนนี้นิวรณ์ ๕ ยังกวนใจอยู่

    ¤ กามฉันทะ รูปสวย เสียงเพราะ กลิ่นหอม รสอร่อย สัมผัสระหว่างเพศ
    ¤ ความโกรธ ความพยาบาท
    ¤ อารมณ์ฟุ้งซ่าน
    ¤ อยากจะได้อย่างนั้น
    ¤ อยากจะวิเศษอย่างนี้

    ◇◇◇ คนนั้นดีคนนี้ชั่วลืมเสียให้หมด ◇◇◇

    ◇◇◇ ถ้าอารมณ์เรายังมีอย่างนี้เรามันก็เลว ◇◇◇

    ▪เราถ้ายังรู้สึกว่าคนอื่นเขาชั่วก็แสดงว่าเราชั่วมาก
    ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะว่าถ้าเราดีแล้ว ไม่มีใครชั่ว เพราะว่าเรายอมรับนับถือกฎของกรรม อะไรจะมีชั่ว เรายังนินทาว่าร้ายบุคคลอื่นนั่นเรายังชั่วอยู่

    ◇◇◇ อาการอย่างนี้จงลืมสียให้หมด ◇◇◇

    ▪ต่อไปเราก็เกาะติดอารมณ์ ความจริงปฏิปทานี้เป็นปฏิปทาของฝ่ายที่เขากำลังรุกรานประเทศเขาใช้ เขาใช้ในการรบ แต่นี่เราก็รบเหมือนกัน เรารบกับกิเลส เราก็เป็นทหารเหมือนกัน ทหารเขารบ เราก็เป็นทหาร เป็นทหารใน กองทัพธรรม ซึ่งมีองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นจอมทัพ

    ▪นี่ในเมื่อเราลืมจุดนั้น ลืมจุดเสีย เราก็เกาะติด เกาะติดจุดดี เราก็มานั่งพิจารณากายของเราว่า

    โอหนอ

    □ กายของเรานี้มันจะทรงอยู่ได้สักกี่วัน
    □ วันคืนล่วงไป ๆ ชีวิตของเราก็ล่วงไปตามกาล

    ▪ความหมายในชีวิตไม่มีสำหรับเรา เพราะชีวิตนี้มีสภาพเหมือนกับผีหลอก ร่างกายของคน ร่างกายของสัตว์ วัตถุธาตุทั้งหมดมันมีสภาพเหมือนผีหลอก หลอกตรงไหน

    เกิดมาเป็นเด็กโตขึ้นมาทีละน้อย ๆ มันก็หลอกเรา หลอกให้เราเห็นว่าโตขึ้น

    ▪โตขึ้นมาพอร่างกายสมบูรณ์ถึงความเป็นหนุ่มเป็นสาว มีความเปล่งปลั่ง
    ตอนนี้มีความปรารถนากันมาก มึงรักกู กูรักมึง อยากจะเคล้าเคลียอยู่เป็นคู่สามีภรรยาซึ่งกันและกัน

    ตอนนี้อารมณ์เราก็หลอกอีก หลอกยังไง หลอกเห็นว่าเขาสวย หลอกเห็นว่าเขาดี หลอกเห็นว่าเขาน่ารัก เขามีร่างกายสะอาดสดใส มันหลอก

    ▪ร่างกายของใครมันดี ร่างกายของใครสวย ร่างกายของใครสะอาด มันมีที่ไหน คนทุกคนมีไหมที่ใครไม่มีอุจจาระ ปัสสาวะ น้ำเลือด น้ำเหลือง น้ำหนอง เสลด น้ำลายที่มีอยู่ในร่างกาย

    ▪บอกมาทีซิว่าร่างกายของใครเขามีอยู่บ้าง ร่างกายเรามีไหม ถ้ามันมีเหมือกันร่างกายมันก็สกปรกเหมือนกัน แล้วทำไมเราจะไปหลงรักอยู่กับสิ่งที่มีสภาพสกปรก มันเลวแสนเลว

    นี่อารมณ์นี่เราต้องเกาะติด เกาะติดอารมณ์ให้ทรงตัวว่า

    ▪ร่างกายนี่มันเต็มไปด้วยความสกปรก
    แล้วมันก็หาความจีรังยั่งยืนไม่ได้
    มีความเสื่อม มีความทรุด มีความโทรมไปทุกวัน ๆ
    ไม่ช้ามันก็จะมีสภาพการตาย

    เราตายเขาตาย อาการตายนี่ความจริงจิตมันไม่ได้ตาย แต่กายมันตาย ก็ช่างเถอะ ชาวบ้านเขาถือเราถือเขา เราก็คิดว่า เอ๊ะ...เราก็ตาย เขาก็ตาย

    ▪ไอ้เราก็สกปรก เขาก็สกปรก มองดูร่างกายนี้มันมีอะไรเป็นนิมิตเครื่องหมายที่จะทรงไว้ซึ่งความดีหาไม่ได้ ไม่มี ไม่มีสภาพใดปรากฏ ทั้งนี้เพราะอะไร

    ก็เพราะว่าธาตุ ๔ ที่มันคุมเข้ามาเป็นร่างกายแบ่งเป็นอาการ ๓๒ มันเคลื่อนไปหาความพังเป็นปกติ สภาวะของมันเป็นอย่างนี้

    จากหนังสือ
    คำสอนหลวงพ่อวัดท่าซุง เล่มที่ ๒๓ หน้าที่ ๑๐๘
    โดย หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อฤาษีฯ วัดท่าซุง)




    https://www.facebook.com/punyawat.tuntommarat
     

แชร์หน้านี้