ฝึก กรรม-ฐาน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 ตุลาคม 2013.

  1. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    กระทู้นี้จะเริ่มต้นที่ ความรู้สึกตัว....
    ทบทวนคะ...

    "อาการของ ความรู้สึกตัว" มีได้หลายอย่าง เช่น อาการหนึบ ๆ อาการหยุ่น ๆ อาการคล้ายสนามพลังแม่เหล็ก อาการชา อาการอุ่น ๆ อาการซ่าน ๆ อาการแผ่ออก อาการคล้ายความดันออกไปที่ผิวหนังทั่วทุกทิศทั้งตัว เป็นต้น อาการเหล่านี้ล้วนแตกต่างกันไปตาม การใช้ภาษาของผู้ที่ต้องการอธิบายสภาวะของตน แต่สรุปออกมาได้เหมือนกันคือ เป็นอาการของ "ความรู้สึกตัว"

    วิธี "สร้างความรู้สึกตัว" พร้อมกับ "การบริหารจัดการกับ ความรู้สึก" เบื้องต้น

    วิธีที่ง่ายที่สุดคือ

    1. หายใจเอาลมเข้าปอด ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้ว
    2. กลั้นลมหายใจไว้เล็กน้อย สิ่งที่จะเกิดในขณะนี้คือ "ความรู้สึกตัว ที่อยู่ภายใต้ผิวหนัง"
    3. ให้อยู่กับความรู้สึกตัวนี้ แล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ โดยไม่ให้ความรู้สึกตัวหายไป จากนั้น

    4. หายใจเข้าช้า ๆ หากสังเกตุได้ว่า "ความรู้สึกตัว" นี้สามารถเพิ่มขึ้นได้ ก็ให้สังเกตุอาการที่เรียกว่า "เพิ่ม" นี้ให้ดี
    5. ทำความ "คุ้นเคย" กับอาการ "เพิ่ม" หรือ "ลด" หากมี ทั้งสองอาการ

    หากสามารถทำการ "เพิ่ม" หรือ "ลด" ความรู้สึกตัว ได้ด้วย "ตนเอง" โดยไม่ต้องพึ่ง "ลมหายใจ" แล้ว จึงถือว่า ผ่านในขั้นตอนนี้

    6. ให้ทำการ "เพิ่ม" ความรู้สึกตัว ให้มากที่สุด จนถึงขั้นที่ "ไม่สามารถที่จะเพิ่มได้อีกแล้ว" ก็ให้
    7. "ตรึง และ หยุด" จากนั้นจึง "แช่ และ อยู่" ในระดับสูงสุดนี้ ซึ่งจะเรียกมันว่า ระดับ 100%

    8. ให้ฝึกตรงกันข้ามกับการ "เพิ่ม" ด้วยการ "ลด" ความรู้สึกตัวลง จนหมดไม่มีความรู้สึกตัวเหลืออยู่เลย จากนั้นให้
    9. "ตรึง และ หยุด" จากนั้นจึง "แช่ และ อยู่" ในระดับที่ไม่เหลืออยู่นี้ ซึ่งจะเรียกมันว่า ระดับ 0%

    ควรฝึก "แช่ และ อยู่" กับทั้งระดับ 100% และ 0% ให้ชำนาญ เพราะทั้ง 2 ระดับนี้ ล้วนมีความสำคัญในอนาคตทั้งคู่ โดยที่ ระดับ 100% จะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "ฌาน" และระดับ 0% จะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "ว่าง" หรือ "รู้" โดยตรง

    ส่วนระดับอื่น ๆ ที่อยู่ในระหว่าง 0% - 100% นั้น จะเป็นเรื่องของ การปรับระดับความรู้สึกตัว ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวพันกับ มิติ รวมทั้งการ ศึกษาเรียนรู้ "ด้วยระบบ การจูนคลื่นความถี่ แห่งความรู้สึกตัว" ให้สอดคล้องกับสถานการณ์นั้น ๆ นะครับ
     
  2. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ขอบคุณคุณเมิลที่ถามตรงนี้

    ขอบคุณอาจารย์ที่ตอบได้อย่างแจ่มแจ้งคะ
     
  3. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ชัดเจนที่สุด..... เป็นดั่งน้องหนิงบอกทุกประการ
     
  4. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    กระทู้นี้จะเริ่มต้นที่ ความรู้สึกตัว....
    ทบทวนคะ...

    "อาการของ ความรู้สึกตัว" มีได้หลายอย่าง เช่น อาการหนึบ ๆ อาการหยุ่น ๆ อาการคล้ายสนามพลังแม่เหล็ก อาการชา อาการอุ่น ๆ อาการซ่าน ๆ อาการแผ่ออก อาการคล้ายความดันออกไปที่ผิวหนังทั่วทุกทิศทั้งตัว เป็นต้น อาการเหล่านี้ล้วนแตกต่างกันไปตาม การใช้ภาษาของผู้ที่ต้องการอธิบายสภาวะของตน แต่สรุปออกมาได้เหมือนกันคือ เป็นอาการของ "ความรู้สึกตัว"

    วิธี "สร้างความรู้สึกตัว" พร้อมกับ "การบริหารจัดการกับ ความรู้สึก" เบื้องต้น

    วิธีที่ง่ายที่สุดคือ

    1. หายใจเอาลมเข้าปอด ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้ว
    2. กลั้นลมหายใจไว้เล็กน้อย สิ่งที่จะเกิดในขณะนี้คือ "ความรู้สึกตัว ที่อยู่ภายใต้ผิวหนัง"
    3. ให้อยู่กับความรู้สึกตัวนี้ แล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ โดยไม่ให้ความรู้สึกตัวหายไป จากนั้น

    4. หายใจเข้าช้า ๆ หากสังเกตุได้ว่า "ความรู้สึกตัว" นี้สามารถเพิ่มขึ้นได้ ก็ให้สังเกตุอาการที่เรียกว่า "เพิ่ม" นี้ให้ดี
    5. ทำความ "คุ้นเคย" กับอาการ "เพิ่ม" หรือ "ลด" หากมี ทั้งสองอาการ

    หากสามารถทำการ "เพิ่ม" หรือ "ลด" ความรู้สึกตัว ได้ด้วย "ตนเอง" โดยไม่ต้องพึ่ง "ลมหายใจ" แล้ว จึงถือว่า ผ่านในขั้นตอนนี้

    6. ให้ทำการ "เพิ่ม" ความรู้สึกตัว ให้มากที่สุด จนถึงขั้นที่ "ไม่สามารถที่จะเพิ่มได้อีกแล้ว" ก็ให้
    7. "ตรึง และ หยุด" จากนั้นจึง "แช่ และ อยู่" ในระดับสูงสุดนี้ ซึ่งจะเรียกมันว่า ระดับ 100%

    8. ให้ฝึกตรงกันข้ามกับการ "เพิ่ม" ด้วยการ "ลด" ความรู้สึกตัวลง จนหมดไม่มีความรู้สึกตัวเหลืออยู่เลย จากนั้นให้
    9. "ตรึง และ หยุด" จากนั้นจึง "แช่ และ อยู่" ในระดับที่ไม่เหลืออยู่นี้ ซึ่งจะเรียกมันว่า ระดับ 0%

    ควรฝึก "แช่ และ อยู่" กับทั้งระดับ 100% และ 0% ให้ชำนาญ เพราะทั้ง 2 ระดับนี้ ล้วนมีความสำคัญในอนาคตทั้งคู่ โดยที่ ระดับ 100% จะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "ฌาน" และระดับ 0% จะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "ว่าง" หรือ "รู้" โดยตรง

    ส่วนระดับอื่น ๆ ที่อยู่ในระหว่าง 0% - 100% นั้น จะเป็นเรื่องของ การปรับระดับความรู้สึกตัว ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวพันกับ มิติ รวมทั้งการ ศึกษาเรียนรู้ "ด้วยระบบ การจูนคลื่นความถี่ แห่งความรู้สึกตัว" ให้สอดคล้องกับสถานการณ์นั้น ๆ นะครับ
     
  5. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    กลุ่มใหม่ ใกล้เปิดสอนแล้ว..... ท่านใดสนใจที่จะเรียน แจ้งความจำนงค์มาได้เลยนะคะ

    แต่ก่อนที่จะเรียน ท่านต้องฝึกการทำความรู้สึกทั่วตัว ให้ได้ หรือให้พอได้บ้าง จะเป็นการดีสำหรับท่าน

    เพราะการทำความรู้สึกทั่วตัว เป็นฐานที่สำคัญมากๆๆ ในการเรียนทุกอย่างในห้องเรียนของเรา

    ขอให้ตั้งใจคะ หายใจ-เข้าออก ทุกครั้ง... ท่านสามารถฝึกการทำความรู้สึกทั่วตัวได้เลย.....

    เรียนเป็นกลุ่ม เรียนหลายๆ คน... จะเรียนกันได้ไวกว่าเรียนเดี่ยว เพราะสามารถแชร์ประสบการณ์สภาวะธรรมที่เกิดในขณะปัจจุบันนั้นได้เลย
     
  6. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    กระทู้นี้จะเริ่มต้นที่ ความรู้สึกตัว....
    ทบทวนคะ...

    "อาการของ ความรู้สึกตัว" มีได้หลายอย่าง เช่น อาการหนึบ ๆ อาการหยุ่น ๆ อาการคล้ายสนามพลังแม่เหล็ก อาการชา อาการอุ่น ๆ อาการซ่าน ๆ อาการแผ่ออก อาการคล้ายความดันออกไปที่ผิวหนังทั่วทุกทิศทั้งตัว เป็นต้น อาการเหล่านี้ล้วนแตกต่างกันไปตาม การใช้ภาษาของผู้ที่ต้องการอธิบายสภาวะของตน แต่สรุปออกมาได้เหมือนกันคือ เป็นอาการของ "ความรู้สึกตัว"

    วิธี "สร้างความรู้สึกตัว" พร้อมกับ "การบริหารจัดการกับ ความรู้สึก" เบื้องต้น

    วิธีที่ง่ายที่สุดคือ

    1. หายใจเอาลมเข้าปอด ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้ว
    2. กลั้นลมหายใจไว้เล็กน้อย สิ่งที่จะเกิดในขณะนี้คือ "ความรู้สึกตัว ที่อยู่ภายใต้ผิวหนัง"
    3. ให้อยู่กับความรู้สึกตัวนี้ แล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ โดยไม่ให้ความรู้สึกตัวหายไป จากนั้น

    4. หายใจเข้าช้า ๆ หากสังเกตุได้ว่า "ความรู้สึกตัว" นี้สามารถเพิ่มขึ้นได้ ก็ให้สังเกตุอาการที่เรียกว่า "เพิ่ม" นี้ให้ดี
    5. ทำความ "คุ้นเคย" กับอาการ "เพิ่ม" หรือ "ลด" หากมี ทั้งสองอาการ

    หากสามารถทำการ "เพิ่ม" หรือ "ลด" ความรู้สึกตัว ได้ด้วย "ตนเอง" โดยไม่ต้องพึ่ง "ลมหายใจ" แล้ว จึงถือว่า ผ่านในขั้นตอนนี้

    6. ให้ทำการ "เพิ่ม" ความรู้สึกตัว ให้มากที่สุด จนถึงขั้นที่ "ไม่สามารถที่จะเพิ่มได้อีกแล้ว" ก็ให้
    7. "ตรึง และ หยุด" จากนั้นจึง "แช่ และ อยู่" ในระดับสูงสุดนี้ ซึ่งจะเรียกมันว่า ระดับ 100%

    8. ให้ฝึกตรงกันข้ามกับการ "เพิ่ม" ด้วยการ "ลด" ความรู้สึกตัวลง จนหมดไม่มีความรู้สึกตัวเหลืออยู่เลย จากนั้นให้
    9. "ตรึง และ หยุด" จากนั้นจึง "แช่ และ อยู่" ในระดับที่ไม่เหลืออยู่นี้ ซึ่งจะเรียกมันว่า ระดับ 0%

    ควรฝึก "แช่ และ อยู่" กับทั้งระดับ 100% และ 0% ให้ชำนาญ เพราะทั้ง 2 ระดับนี้ ล้วนมีความสำคัญในอนาคตทั้งคู่ โดยที่ ระดับ 100% จะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "ฌาน" และระดับ 0% จะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "ว่าง" หรือ "รู้" โดยตรง

    ส่วนระดับอื่น ๆ ที่อยู่ในระหว่าง 0% - 100% นั้น จะเป็นเรื่องของ การปรับระดับความรู้สึกตัว ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวพันกับ มิติ รวมทั้งการ ศึกษาเรียนรู้ "ด้วยระบบ การจูนคลื่นความถี่ แห่งความรู้สึกตัว" ให้สอดคล้องกับสถานการณ์นั้น ๆ นะครับ
     
  7. ถวายบูชา

    ถวายบูชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +560
    ลงชื่อครับ ไม่รู้ยังทันชุดใหม่รึเปล่า ความรู้สึกตัวพอทำได้ครับ
     
  8. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ รุ่นของ deejaimark ฝึกจบไปก่อนหน้านี้แล้ว รุ่นปัจจุบันเป็นประเภท "บารมีทางธรรมติดจรวด" ฝึกแค่ 4 วัน ก็รู้สภาวะธรรมแล้ว (สภาวะที่ไม่สามารถทำให้ เกิด แก่ เจ็บ ตาย รวมทั้ง ทุกข์ ไม่สามารถอยู่ในสภาวะนี้ได้) เพียงแต่ยังไม่รู้จักชื่อของมันตามที่ พระไตรปิฏก เรียกเท่านั้นเอง

    +++ แบบเดียวกับคนที่ กินอาหารอย่างเอร็ดอร่อย ซัดซะจนพุงกาง แต่ยังไม่รู้จักชื่อของเมนูอาหาร เหลือแต่เรียนเรียกชื่อ และ เรียนรู้การเรียกชื่อของส่วนประกอบในอาหาร เท่านั้น แต่สามารถ "ทำเองเป็น" ได้แล้ว นอกนั้นก็เหลือแค่ ความรู้เบ็ดเตร็ดปลีกย่อยไปเรื่อย ๆ

    +++ คุณ GaoRaek จะเข้ามาเริ่มเลยก็ได้ เพียงแค่มี gmail แล้วติดตั้ง hangout แล้ว pm มาถึงผม การฝึกจะอยู่ประมาณ 22 น. แล้วแต่จังหวะความพร้อมของแต่ละคน บางคนที่ต้องทำงานเช้า อาจออกก่อนก็ได้ ส่วนบางคนที่กำลังต่อเนื่องติดพัน อาจอยู่ไปจนหลังเที่ยงคืน ทั้งหมดแล้วแต่สถานการณ์ของแต่ละบุคคล นะครับ
     
  9. ถวายบูชา

    ถวายบูชา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 พฤศจิกายน 2013
    โพสต์:
    169
    ค่าพลัง:
    +560
    แจ้ง email ทาง pm แล้วครับ
     
  10. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,567
    ค่าพลัง:
    +9,957
    +++ Add ลงในห้องฝึกแล้ว หลังจากตอบรับ ประมาณ 22 น. ก็เริ่มได้นะครับ
     
  11. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ยินดีต้อนรับคะ เรียนกันวันแรกเป็นอย่างไรบ้างคะ

    มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ.....
     
  12. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    กระทู้นี้จะเริ่มต้นที่ ความรู้สึกตัว....
    ทบทวนคะ...

    "อาการของ ความรู้สึกตัว" มีได้หลายอย่าง เช่น อาการหนึบ ๆ อาการหยุ่น ๆ อาการคล้ายสนามพลังแม่เหล็ก อาการชา อาการอุ่น ๆ อาการซ่าน ๆ อาการแผ่ออก อาการคล้ายความดันออกไปที่ผิวหนังทั่วทุกทิศทั้งตัว เป็นต้น อาการเหล่านี้ล้วนแตกต่างกันไปตาม การใช้ภาษาของผู้ที่ต้องการอธิบายสภาวะของตน แต่สรุปออกมาได้เหมือนกันคือ เป็นอาการของ "ความรู้สึกตัว"

    วิธี "สร้างความรู้สึกตัว" พร้อมกับ "การบริหารจัดการกับ ความรู้สึก" เบื้องต้น

    วิธีที่ง่ายที่สุดคือ

    1. หายใจเอาลมเข้าปอด ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้ว
    2. กลั้นลมหายใจไว้เล็กน้อย สิ่งที่จะเกิดในขณะนี้คือ "ความรู้สึกตัว ที่อยู่ภายใต้ผิวหนัง"
    3. ให้อยู่กับความรู้สึกตัวนี้ แล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ โดยไม่ให้ความรู้สึกตัวหายไป จากนั้น

    4. หายใจเข้าช้า ๆ หากสังเกตุได้ว่า "ความรู้สึกตัว" นี้สามารถเพิ่มขึ้นได้ ก็ให้สังเกตุอาการที่เรียกว่า "เพิ่ม" นี้ให้ดี
    5. ทำความ "คุ้นเคย" กับอาการ "เพิ่ม" หรือ "ลด" หากมี ทั้งสองอาการ

    หากสามารถทำการ "เพิ่ม" หรือ "ลด" ความรู้สึกตัว ได้ด้วย "ตนเอง" โดยไม่ต้องพึ่ง "ลมหายใจ" แล้ว จึงถือว่า ผ่านในขั้นตอนนี้

    6. ให้ทำการ "เพิ่ม" ความรู้สึกตัว ให้มากที่สุด จนถึงขั้นที่ "ไม่สามารถที่จะเพิ่มได้อีกแล้ว" ก็ให้
    7. "ตรึง และ หยุด" จากนั้นจึง "แช่ และ อยู่" ในระดับสูงสุดนี้ ซึ่งจะเรียกมันว่า ระดับ 100%

    8. ให้ฝึกตรงกันข้ามกับการ "เพิ่ม" ด้วยการ "ลด" ความรู้สึกตัวลง จนหมดไม่มีความรู้สึกตัวเหลืออยู่เลย จากนั้นให้
    9. "ตรึง และ หยุด" จากนั้นจึง "แช่ และ อยู่" ในระดับที่ไม่เหลืออยู่นี้ ซึ่งจะเรียกมันว่า ระดับ 0%

    ควรฝึก "แช่ และ อยู่" กับทั้งระดับ 100% และ 0% ให้ชำนาญ เพราะทั้ง 2 ระดับนี้ ล้วนมีความสำคัญในอนาคตทั้งคู่ โดยที่ ระดับ 100% จะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "ฌาน" และระดับ 0% จะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "ว่าง" หรือ "รู้" โดยตรง

    ส่วนระดับอื่น ๆ ที่อยู่ในระหว่าง 0% - 100% นั้น จะเป็นเรื่องของ การปรับระดับความรู้สึกตัว ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวพันกับ มิติ รวมทั้งการ ศึกษาเรียนรู้ "ด้วยระบบ การจูนคลื่นความถี่ แห่งความรู้สึกตัว" ให้สอดคล้องกับสถานการณ์นั้น ๆ นะครับ
     
  13. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    เมื่อคืน มีนักเรียนใหม่เพิ่มอีกคน ทำความรู้สึกทั่วตัวได้ก่อนแล้วแต่ยังไม่รู้ว่านั่นคืออะไร....

    ใช้เวลาบทวนกัน 2 ชม.. ก็สามารถที่จะรู้จักความรู้สึกทั่วตัว100% ได้จริงๆๆ...

    สามารถเห็นสภาวะธรรมที่เกิดขึ้ที่ปฏิบัติขณะนั้นได้ตามความจริง....

    การเรียนมันไม่ยาก มันยากตรงที่ไม่ทำคะ ถ้าทำตามที่คุณ ธรรม-ชาติ พาทำ... สภาวะธรรมเกิดขึ้นจริงและเห็นจริงตามที่เกิด

    ขออนุโมทนาด้วยนะคะ...
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มีนาคม 2017
  14. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ส่วนคุณ GaoRaek เมื่อคืนเป็นวันที่3 ของการเรียน....มีสมาชิกใหม่เข้ามา ก็ให้เป็นโอกาสอันดี ได้ทบทวนสิ่งที่เรียนผ่านมาแล้วคะ...

    คุณ GaoRaek เรียนแล้วเป็นอย่างไร มาเล่าสู่กันฟังได้นะคะ

    หรือระหว่างวัน ฝึกเองแล้วมีอะไรจะถาม เอาเข้ามาถามได้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อนักเรียนใหม่ด้วยคะ
     
  15. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511

    ตอนนี้แบบว่า จะรับมือกับการมีชีวิตยังไง
    คุณเมิลมีครอบครัวทำยังไงค่ะ
    หลังจากเป็นสภาวะรู้แล้ว อยู่ง่ายกว่าเดิมนะ เพราะเราไม่มีอัตตาแล้ว
    กลับกลายเป็นว่าเขาจะเป็นยังไง เราก็โอเคหมด เราเข้าใจขันธ์ของเขาทำงานแบบนี้เขาก็ต้องเป็นแบบนี้
    เมิลสามารถดูแลเขาได้ไม่เหน็ดเหนื่อย ไม่มีงี่เง่า ดีกว่าเมื่อก่อนที่ยังเป็นขันธ์มากๆ เลย ชีวิตดีดี๊ :cool:
    เพราะก่อนหน้านี้เรามีอัตตา พอมาชนกันขัดกัน จึงมีเรื่องมีราว
    เรื่องจริง ๆ ก็ไม่เป็นเรื่อง เพราะเราไม่รู้เท่าทันกระบวนการของขันธ์เราจึงเป็นเรื่องขึ้นมา
    ตอนนี้กลับเป็นว่าทุกสิ่งในโลกนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเราอีกแล้ว เขามีเราไม่มี
    มันไม่ใช่อาการเฉยแบบไม่สนใจ แต่มันเป็นความเข้าใจว่านี่ไม่ใช่เรา (รู้) นี่เป็นเรื่องของขันธ์
    เหมือนเราเปลี่ยน software ที่เป็น core processor ใหม่ จากการเป็น "ขันธ์/ตัวดู" เปลียนมาเป็น "รู้"
    "รู้" แยกออกมาจาก "ขันธ์" และไม่ได้เป็นขันธ์แล้ว (ที่เขาประสบปัญหากันเพราะเขายัง "รู้" อยู่ในขันธ์ และเป็นขันธ์ ยังเป็นตัวดูอยู่นั้นเอง)

    ของเมิลช่วง 2 เดือนแรก อาการมันจะจืดๆ ไปกับทุกสิ่ง รับรู้ผ่านทางร่างกายก็รับรู้เป็นปกติ แต่มันก็ไม่เหมือนตอนเป็นขันธ์นะ รู้อยู่ส่วนรู้ไม่ได้มีความรู้สึกร่วมลงเป็นขันธ์เหมือนเมื่อก่อน เรียกว่าไม่อินด้วย อาการดูกลายเป็นรู้แทน

    แล้วพี่เขาบอกว่าต้องปรับระดับรู้ กับ ความเป็นจริง ซึ่งจริงๆ กว่าจะเริ่มปรับระดับได้พอๆกันอีก 2 เดือนต่อมา
    เมิลก็เล่นกับสภาวะรู้ เป็นรู้อยู่ข้างนอก สลับกับปัฎฐานลงมา ยอมให้จิตมันเกิดแล้วย้ายออก เล่นกับอาการของรู้ vs ไม่รู้ในลักษณะต่างๆกันคะ
    #########################################

    #######

    ขอบคุณคุณเมิล ที่มาตอบตรงนี้ค่ะ.. มายืนยันอีกคน การอยู่กับสภาวะรู้ ทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้น ทุกอย่างแยกกันอยู่อย่างชัดเจน... ไม่ต้องพยายามมานั่งแยกโน่น นี่ นั่น ทุกสรรพสิงมันก็เป็นของมันเช่นนั้นแล... ความทุกข์จากสิ่งกระทบภายนอกไม่เกิด เพราะต่างคนต่างอยู่ สบ๊าย สบาย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 29 มีนาคม 2017
  16. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    มาเล่าประสพการณ์การฝึกทำความรู้สึกตัวของตัวเองให้ฟังคะ

    #โดยปกติ อาการที่เรียกว่าความรู้สึกตัวทั้งหลายนั้น ตัวเองทำได้อยู่แล้ว ...ร้อนวูบวาบ อาการช่าน ขนลุก ชา เบา เย็นๆ แต่ทำได้เฉพาะจุดไม่ได้ทำได้ทั้งตัว ก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะคิดว่ามันเป็นของมันแบบนั้นเอง....และยังฝึกสมาธิแบบหลับตาพุทธโธเป็นปกติเกือบทุกวัน( ฝึกไม่ไปไหนหรอก อย่างมากแค่รู้สึกเบาสบายเป็นช่วงๆ แล้วจิตก็ไปเที่ยวนี่ โน่น นั่น เหมือนเดิม จิตมันไวมากๆ แต่อาศัยว่า พอเรารู้ว่าจิตส่งออก เราก็ดึงมันกลับมาได้เร็ว เล่นอยู่กับจิตแบบนี้ เท่านั้นเอง)

    ทีนี้มีน้องคนหนึ่งมาชวนฝึก และให้ทดลองทำ ..ตอนที่ทำกับน้อง น้องพาทำ. ... เอ... เราก็ทำได้นี่นา ทำไมไม่ลองฝึกตามที่น้องแนะนำล่ะ... ก็เลยฝึก..

    #พอตั้งใจฝึกจริงๆ การทำความรู้สึกให้ทั่วทั้งตัว มันยากเหมือนกันแฮะ ยิ่งฝึกเองคนเดียวยิ่งยาก และทำให้มันแน่นทั้งตัวยิ่งยากไปใหญ่...แต่พอโทรคุยกับน้องแล้วใึกไปพร้อมกัน... มันทำได้ง่ายจัง จริงๆ นะ..

    #หลายๆ ที นั่งฝึกอยู่คนเดียว คนอาหรับเดินผ่านไปมา เค้าเดินมาดู แล้วถามว่า เธอทำอะไร ทำไมนั่งเหมือนเหม่อๆ คือว่า..ทีแรกจะไม่ชำนาญ จะฝึกทำความรู้สึกทั่วตัว อย่างอื่นต้องหยุดหมด ตั้งใจมาดูลมหายใจเข้าออก อย่างเดียว..
    และจะพยายามทำให้ได้ทั่วทั้งตัวและแน่นๆ ซึ่งต้องใช้ความตั้งใจมาก( ตอนเริ่มฝึกนะคะ)
    #หลายๆ ที...นวดเท้าคนไข้อยู่ ก็ฝึกไปด้วย มือก็ขะงักหยุดนวดไป ก็มี....

    แต่พอเราทำได้แล้ว และเริ่มชำนาญ จะเพิ่ม ลด เข้า ออก เราสามารถทำได้ดั่งใจปรารถนาเลยล่ะ

    แค่หายใจเข้า-ออก สภาวะธรรมต่างๆ ก็เกิดอยู่ตลอดเวลา...เพียงแต่เราไม่สังเกตมัน ไม่รู้จักมัน แค่หายใจเข้า-ออก นี่แหล่ะ สภาวะธรรมก็ปรากฏจริงๆ ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 มีนาคม 2017
  17. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ขณะนี้มีศึกษากลุ่มใหม่กำลังเรียนคะ บ้างก็ทำความรู้สึกทั่วตัวได้บ้างแล้ว, บ้างก็ทำได้แต่ไม่รู้ว่านั่นคือความรู้สึกทั่วตัว ก็ต้องฝึกกันไป

    การเรียนจะว่ายากก็ยาก จะว่าง่าย ก็ง่าย...... คนที่ตั้งใจ ยังไงก็ทำได้

    อาจารย์ธรรม-ชาติ ท่านเมตตามากๆ สอนอย่างตั้งใจ
    น้องๆ ที่เรียนจบไปแล้ว ก็มาช่วยกันสอน..ต้องขอขอบคุณทุกท่านเป็นอย่างมาก
     
  18. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    ประสบการณ์เล็กๆ น้อยๆ จากการนำเอาวิธีการฝึกการทำความทั่วตัวมาใช้ในการเดินจงกรม

    #
    หายใจเข้า หายใจออก ให้ถึงท้องน้อย ทำบ่อยๆ...จะมีความรู้สึกเกิดขึ้นในตัว หรือใต้ผิวหนัง....

    #ทำให้เกิดขึ้นทั้งตัว...ตรึง และแช่ อาการความรู้สึกนั้นไว้... แล้วเดินจงกรม


    เดินไป เดินมา จิตรวมเป็นสมาธิได้ดี ไม่ฟุ้ง ไม่มีส่งออกไปนี่ โน่น นั่น.... #เดินไปสักพักรู้สึกถึงอาการตัวที่เบาขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกเหมือนตัวเองเดินเร็วขึ้น และรู้สึกเหมือนเท้าไม่ติดพื้นๆ ทั้งๆ ที่เท้าก็ติดพื้นดี....


    #มหัศจรรย์แห่งจิต
     
  19. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511
    กระทู้นี้จะเริ่มต้นที่ ความรู้สึกตัว....
    ทบทวนคะ...

    "อาการของ ความรู้สึกตัว" มีได้หลายอย่าง เช่น อาการหนึบ ๆ อาการหยุ่น ๆ อาการคล้ายสนามพลังแม่เหล็ก อาการชา อาการอุ่น ๆ อาการซ่าน ๆ อาการแผ่ออก อาการคล้ายความดันออกไปที่ผิวหนังทั่วทุกทิศทั้งตัว เป็นต้น อาการเหล่านี้ล้วนแตกต่างกันไปตาม การใช้ภาษาของผู้ที่ต้องการอธิบายสภาวะของตน แต่สรุปออกมาได้เหมือนกันคือ เป็นอาการของ "ความรู้สึกตัว"

    วิธี "สร้างความรู้สึกตัว" พร้อมกับ "การบริหารจัดการกับ ความรู้สึก" เบื้องต้น

    วิธีที่ง่ายที่สุดคือ

    1. หายใจเอาลมเข้าปอด ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้ว
    2. กลั้นลมหายใจไว้เล็กน้อย สิ่งที่จะเกิดในขณะนี้คือ "ความรู้สึกตัว ที่อยู่ภายใต้ผิวหนัง"
    3. ให้อยู่กับความรู้สึกตัวนี้ แล้วผ่อนลมหายใจออกช้า ๆ โดยไม่ให้ความรู้สึกตัวหายไป จากนั้น

    4. หายใจเข้าช้า ๆ หากสังเกตุได้ว่า "ความรู้สึกตัว" นี้สามารถเพิ่มขึ้นได้ ก็ให้สังเกตุอาการที่เรียกว่า "เพิ่ม" นี้ให้ดี
    5. ทำความ "คุ้นเคย" กับอาการ "เพิ่ม" หรือ "ลด" หากมี ทั้งสองอาการ

    หากสามารถทำการ "เพิ่ม" หรือ "ลด" ความรู้สึกตัว ได้ด้วย "ตนเอง" โดยไม่ต้องพึ่ง "ลมหายใจ" แล้ว จึงถือว่า ผ่านในขั้นตอนนี้

    6. ให้ทำการ "เพิ่ม" ความรู้สึกตัว ให้มากที่สุด จนถึงขั้นที่ "ไม่สามารถที่จะเพิ่มได้อีกแล้ว" ก็ให้
    7. "ตรึง และ หยุด" จากนั้นจึง "แช่ และ อยู่" ในระดับสูงสุดนี้ ซึ่งจะเรียกมันว่า ระดับ 100%

    8. ให้ฝึกตรงกันข้ามกับการ "เพิ่ม" ด้วยการ "ลด" ความรู้สึกตัวลง จนหมดไม่มีความรู้สึกตัวเหลืออยู่เลย จากนั้นให้
    9. "ตรึง และ หยุด" จากนั้นจึง "แช่ และ อยู่" ในระดับที่ไม่เหลืออยู่นี้ ซึ่งจะเรียกมันว่า ระดับ 0%

    ควรฝึก "แช่ และ อยู่" กับทั้งระดับ 100% และ 0% ให้ชำนาญ เพราะทั้ง 2 ระดับนี้ ล้วนมีความสำคัญในอนาคตทั้งคู่ โดยที่ ระดับ 100% จะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "ฌาน" และระดับ 0% จะเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรียกว่า "ว่าง" หรือ "รู้" โดยตรง

    ส่วนระดับอื่น ๆ ที่อยู่ในระหว่าง 0% - 100% นั้น จะเป็นเรื่องของ การปรับระดับความรู้สึกตัว ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวพันกับ มิติ รวมทั้งการ ศึกษาเรียนรู้ "ด้วยระบบ การจูนคลื่นความถี่ แห่งความรู้สึกตัว" ให้สอดคล้องกับสถานการณ์นั้น ๆ นะครับ
     
  20. deejaimark

    deejaimark เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 มกราคม 2006
    โพสต์:
    1,844
    ค่าพลัง:
    +16,511

    ลืมถามคุณธรรมชาติครับ
    1. ส่วนตัวเข้าว่า สัมปชัญญะปัพพะ คือสภาวะที่จิตปราศจากนิวรณ์ได้ค่อนข้างสะอาดแล้วถูกไหมครับ

    +++ อาการของ สัมปชัญญะ คือ "ความ รู้สึก ทั้งตัวแบบ ทั่วถึง" ซึ่งจะรวม "ความ รู้ตัว แบบทั่วถึง" ซึ่งเป็นอาการของ สติ เอาไว้ในอาการเดียวกัน

    +++ ณ ขณะใด ๆ ที่ทำได้ ก็จะเกิดอาการของ "สัมปชัญญะ อย่างหนึ่งใดใน 4 ประการ" ใน ณ ขณะนั้น ๆ ทันที (ทุกครั้ง)

    +++ "หากทำได้" และพอที่จะ "ได้นิสัย" ในตรงนี้แล้ว อาการ "รู้" จะเป็น "สติ" ส่วนอาการ "รู้สึก" จะเป็น "สัมปชัญญะ" และเป็นอาการที่เรียกว่า "ตน" (จะรู้ได้ ก็ต่อเมื่อ ชำนาญแล้ว เท่านั้น)

    +++ เมื่อทำได้ "อาการรู้ตน หรือ รู้สึกตน" จะเป็นมาเอง แล้วไม่นานก็จะเข้าใจได้เองว่า "สภาวะธรรมใด ที่จิตยึดเป็นกาย สภาวะนั้นจะเป็นตน" ก็จะเริ่มเรียนรู้ สักกายะทิฐิ ได้เอง

    +++ เมื่อยามใดที่ "มีความรู้สึกกาย เป็นตน" ยามนั้นจึงจะเข้าใจคำว่า "ท่องเที่ยวไปด้วย ลำพังตน ประดุจนอแรด" ตามคำพูดของ "พระพุทธองค์" ได้เอง

    +++ ไม่ว่าอาการใดของ "สัมปชัญญะ" ก็ตาม หากเกิดขึ้นมาแล้ว อาการของ "นิวรณ์ 5 จะตั้งอยู่ไม่ได้" ย่อมถูกทำลาย สาปสูญไปเอง ด้วยสภาวะของ สัมปชัญญะ

    +++ ส่วนคำว่า "จิตสะอาด" นั้นขึ้นกับกรณีของผู้ถามว่า "จิตสะอาด" นั้นชี้ไปที่ใด

    +++ 1. หากหมายชี้ไปที่ "รูป+อารมณ์" อันเป็นอาการของ "จิตส่งออก" แล้วทำให้เกิด ราคะ โลภะ โทสะ รวมทั้ง "โมหะ" ที่ ส่งออก ปั่นหัวเจ้าของ โดยหยุด (ตั้งกระทู้) ไม่ได้ นั้น "ความสกปรกทาง สังขารจิต ย่อมเกิดขึ้น ไม่ได้" ในยามที่ "สัมปชัญญะ" ตั้งอยู่

    +++ 2. หากหมายชี้ไปที่ "อรูป + อารมณ์" อันเป็นอาการ "จิตตั้งตนอยู่ (สมถะ) ไม่ส่งออก" คำว่า จิตสะอาดในที่นี้ ย่อมชี้ไปที่ "อวิชชา" ประการเดียวเท่านั้น และคำว่า "กิเลส" ในที่นี้จะชี้ไปที่ สภาวะของ "อรูป" ที่ปกปิดบดบังจิตอยู่

    +++ ดังนั้น "ความสะอาดของจิต" หลังจากตั้ง "สัมปชัญญะ" ได้แล้ว การเดินทางของจิต จะ สามารถเริ่มที่ "รูปราคะ + อรูปราคะ" ได้เลย ไม่มีอะไรเนิ่นนาน

    +++ คำถามที่ว่า สัมปชัญญะปัพพะ คือสภาวะที่จิตปราศจากนิวรณ์ได้ค่อนข้างสะอาดแล้วถูกไหมครับ นั้น

    +++ คำตอบ คือ "แล้วแต่กรณี" ส่วนคำตอบในแต่ละกรณี ผมตอบไว้ให้ล่วงหน้าแล้ว ให้อ่านทวนอีกสัก 2-3 รอบก็จะเจอได้เอง

    2. ตามอรรถกถาระบุว่า ถ้าเกิดเอโกทิภาวะขึ้นมาได้ ต้องเป็นสภาวะระดับทรงอารมณ์ได้ตั้งแต่ฌาน 2 ขึ้นไป ก็คือจะเริ่มสภาวะ สัมปชัญญะปัพพะ ถูกไหมครับ (เอโกทิภาวะมีผลมาจากจิตที่ปราศจากนิวรณ์)

    +++ เอโกทิภาวะ (ธรรมเอก) เป็นอาการของ "สภาวะธรรม ที่มีลักษระเด่น สภาวะเดียว (อัปปนา)" สภาวะนี้คือ "รู้ความเป็น ตน ไม่ใช่ความเป็น ตัว ชัดเจน (จะเรียกว่า รู้จัก "อัตตา" ที่ไม่ใช่ "กาย" ก็ได้ ตรงนี้เป็น ภาษาพูด เพื่อชี้อาการเฉย ๆ)"

    +++ ภาษาโดยส่วนตัวของผม จะเรียกสภาวะนี้ว่า "สติครองฌาน" อันเป็นอาการที่ "สติ เป็นเอโก เหนือกว่า ฌาน"

    +++ และสภาวะของ "กาย" ในระดับนี้ก็คือสภาวะของ "ฌาน" นั่นเอง พูดแบบชาวบ้านให้เข้าใจได้ง่าย ๆ คือ "กาย นั่นแหละคือ ฌาน" หรือจะเรียกว่า "มีฌานเป็นกาย" ก็ได้ (ตรงนี้เป็นระดับของ รูป+อรูปราคะ)

    +++ อาการต่าง ๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อได้ "สติครองฌาน" เรียบร้อยแล้ว และมัน "เริ่มต้นที่ ฌาน 2" ดังนั้น คำถามที่ถามมาตรงนี้ "ถูกต้องแล้ว"

    3. ส่วนตัวเข้าใจว่า "สภาวะรู้สึกตัวทั่วถึง"(ที่แท้จริง ผลจากอานาปานสติ) คือจิตทรงอารมณ์สภาวะระดับฌาน 4 ได้ ถูกต้องไหมครับ จึงจะเป็นสภาวะอินทรีย์สังวรณ์ที่สมบูรณ์ ในหมวด ธาตุกัมมัฏฐาน 4 ที่แท้จริง(เกินสภาวะสมมุติสัจจะ)

    +++ "สภาวะรู้สึกตัวทั่วถึง" (ที่เป็นผล จาก อานาปานสติ) นั้น หากผู้ที่ยังทำ "อานาปานสติ" ไม่เป็น ก็จะไม่มีโอกาสที่จะเข้าสู่ สภาวะของรู้สึกตัวทั่วถึง ได้เลย

    +++ อานาปานสติ ที่พระพุทธองค์สอนนั้นคือ "รู้" กองลมทั้งปวง ผลลัพธ์ของตรงนี้จะกลายเป็น "ลมหายใจ ถูกรู้" และ "ลมหายใจ ไม่ใช่ ตน" จักเกิดขึ้นเอง เป็นมาเอง

    +++ หลังจากอาการ "ลมหายใจถูกรู้ และ ไม่ใช่ตน" เกิดขึ้น ไม่นาน อาการ "วางลมหายใจ" ก็จะตามมาเอง จากนั้นอาการ "ความรู้สึกตัวทั่วถึง" จึงตามมา

    +++ คำว่า "ฌาน" แท้จริงแล้วจะเป็นอาการของ "สภาวะเด่นสภาวะเดียว (เอโกทิภาวะ) จะเรียกว่า อัปปนา ก็ได้" แล้วแต่จะใช้ภาษาตามหมวดไหน

    +++ ส่วนคำว่า "สมาธิ" นั้นให้หมายเอาแค่ "อาการตั้งมั่น" เท่านั้นพอ ส่วนจะ "ตั้งจิตมั่น (พราหมณ์) หรือ ตั้งสติมั่น (พุทธ)" นั้น แล้วแต่ผู้ฝึกจะทำเอาเอง


    +++ การ "กำหนดจิต เป็นวิตก ส่วนการเข้าถึงการกำหนด เป็น วิจารณ์ (ฌาน 1)" ซึ่งเป็น "ธรรมารมณ์เด่น ธรรมารมณ์เดียว (ฌาน 2-4)"

    +++ การ "เดินจิต" ในวรรคนี้ทั้งหมดเป็น "อัปปนา" ทั้งสิ้น ผู้ที่ผ่าน "สติครองฌาน" มาแล้ว จะเดินจิต ไป-มา ในธรรมารมณ์เด่นธรรมารมณ์เดียว อาการไหนก็ได้

    +++ ตรงนี้เป็นอาการของ "ธัมมานุปัสนาสติปัฏฐาน" ซึ่งไม่จำกัด กองฌาน (ธรรมารมณ์ ไม่ได้มีแค่ 8 อย่าง มันมีมากกว่านั้นหลายร้อยเท่า)


    +++ คำถามที่ว่า "สภาวะรู้สึกตัวทั่วถึง"(ที่แท้จริง ผลจากอานาปานสติ) คือจิตทรงอารมณ์สภาวะระดับฌาน 4 ได้ ถูกต้องไหมครับ

    +++ คำตอบคือ "มันเกินกว่าคำว่า ใช่ แค่คำเดียว" เพราะมันมี มากกว่านั้น


    +++ ส่วนคำว่า "สภาวะอินทรีย์สังวรณ์ที่สมบูรณ์" นั้น มันสมบูรณ์ตั้งแต่การ "เดินจิต" เข้าสู่สภาวะ ณ ขณะจิตนั้น ๆ แล้ว

    +++ ส่วนคำว่า "ในหมวด ธาตุกัมมัฏฐาน 4 ที่แท้จริง(เกินสภาวะสมมุติสัจจะ)" นั้น จะต้องได้ "สติครองฌาน" ที่แท้จริงเสียก่อน

    +++ จากนั้นจึงเข้าสู่อาการ "กายคือฌาน หรือ ฌานคือกาย" โดยมี "สติเป็น เอโกทิภาวะ" จากนั้นจึง "เดินจิต ไป-มา ภายในกาย (ฌาน) ต่าง ๆ"

    +++ เมื่อละเอียดไปเรื่อย ๆ ก็จะรู้ได้เองว่า แม้แต่ "ตัวฌาน" เองก็ตาม มันก็เป็นแค่เพียง "องค์ประกอบของ "อณูธาตุ" ที่มาประชุมรวมกันเป็นสภาวะหนึ่ง ๆ เท่านั้น"

    +++ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็น "ธาตุกัมมัฏฐาน 4 หรือมากกว่านั้นก็ตาม" เมื่อถึงที่สุดก็จะรู้ได้เองว่า "ธาตุก็เป็น สักแต่ว่า ธาตุ" เท่านั้น

    +++ ธรรมารมณ์ (ฌาน) เป็นการรวมตัวของ "กลุ่มละอองธาตุ (อณู)" เข้ามาเป็น สภาวะธรรมารมณ์ หนึ่ง ๆ เท่านั้น ยามใดที่มันเกาะตัวกันจนเป็น เอกภาพ ยามนั้นมันเป็น องค์ฌาน

    +++ ผู้ที่ฝึก รู้ (ญาณ) จนกลายเป็น เห็น (ทัศนะ) "อณู (ภาษาปัจจุบัณ คือ Sub Atomic Particle)" ตรงนี้เป็น "เหตุปัจจัยโย" ที่ค่อย ๆ รวมตัวเกาะกลุ่มกันขึ้นมาจนเป็นสภาพ ตรงนี้เป็น "อารัมมะณะปัจจะโย" และตรงนี้แหละ คือ อวิชชา และเป็นตัว ฌาน

    +++ ยามใดที่ "จิตยึดฌานเป็นกาย" ยามนั้นแหละคือ "อธิปะติปัจจะโย" ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นสภาวะธรรมอันเดียวกันทั้งหมด แต่ อธิบายแยกภาษาออกไปตามหมวดหมู่ เพื่อให้พอเข้าใจได้ (แม้ว่าจะยัง ไม่เข้าใจในตอนนี้ ก็ตาม) ผมทิ้งทางเผื่อไว้ให้ในอนาคต เท่านั้น

    +++ ให้เดินจิต "ธัมมะวิจัยยะ" เข้าสู่ "เหตุเกิด" ของสภาวะธรรมไปเรื่อย ๆ จน "สุดเหตุ" ทั้งหมด

    +++ เมื่อถึงตรงนี้แล้วจึงจะเข้าใจคำว่า "สังขตะธรรม VS อสังคตะธรรม" ตามความเป็นจริง ได้ด้วยตนเอง

    +++ ในโพสท์นี้ทั้งหมด ผมโพสท์ให้กับ "นักปฏิบัติ เท่านั้น" ส่วนเหล่า นักทฤษฏีทั้งหลาย ไม่ควรเข้ามายุ่ง เพราะมีเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ "อจินไตย" ประกอบอยู่ด้วยหลายตอน นะครับ

    +++ ให้เจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไปในสภาวะธรรมทั้งหมด จนสุดสิ้นสภาวะ นะครับ


    สิ่งที่พระพุทธองค์ทรงค้นหา คือ สภาวะที่พ้นจากความ "เกิด แก่ เจ็บ ตาย และ ไร้ทุกข์"
    เมื่อพระองค์ทรงค้นพบแล้ว จึงนำมาเผยแพร่ด้วยการ "แสดงธรรมปฏิบัติ"
    ศาสนาพุทธจึง "เริ่มต้น และ มีความเป็นมา" ด้วยประการฉะนี้ แล...

    อ้างอิง
    http://palungjit.org/threads/เทคนิค...่สงบมีแต่ความคิด.611413/page-11#post-10396124
     

แชร์หน้านี้

Loading...