ฝ่ามืออรหันต์....สมาธิแนวใหม่ไม่ต้องง้อเกจิอาจารย์

ในห้อง 'อภิญญา - สมาธิ' ตั้งกระทู้โดย สันโดษ, 30 พฤศจิกายน 2008.

  1. สันโดษ

    สันโดษ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2007
    โพสต์:
    9,940
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +16,870
    ... ท่านญาปู่ครูบาธรรมโยคีอริยธาตุ ท่านตอกย้ำซ้ำซาก กับคณะธรรมจารีผู้ศรัทธาอยู่เสมอว่า จุดมุ่งหมายเป้าประสงค์หลัก ในการฝึกสมาธิ ก็คือเพื่อการพักสมอง และเพื่อการผ่อนคลายร่างกาย "รถยนต์ต้องการเกียร์ว่างฉันใด จิตใจก็ต้องการความว่างฉันนั้น" แม้ศักยภาพของจิตจะมหัศจรรย์พันลึกขนาดไหน?ก็ตาม การฝึกฝนก็ไม่ใช่จะจำกัดแคบๆอยู่เฉพาะ ผู้เชี่ยวชาญชำนาญการเท่านั้น แต่ทุกคนล้วนสามารถฝึกฝนประพฤติปฏิบัติ ได้ด้วยตนเองทั้งนั้น โดยไม่ต้องง้อพระเกจิ ,ครูบาอาจารย์, พระป่า,พระบ้านให้เสียเวลา ก็เราจะหาวิธีพักสมองของเรา ไม่ให้คิด แล้วมันจำเป็นอะไร ที่จะต้องไปพึ่งความขลัง ความศักดิ์สิทธิ์ ให้เมื่อยตุ้ม ไปอัญเชิญพระกัมมัฏฐาน จากโน้นจากนี้ เข้ารกเข้าพงไปเปล่าๆปลี้ๆ ฝึกสมาธิเฉยๆ มันไม่ลึกลับซับซ้อน ซ่อนเงื่อนอะไรหรอกน่า

    สมาธิ[Samadhi:Concentration] หมายถึง ความตั้งมั่นแห่งจิต,ภาวะที่จิตสงบนิ่งจับอยู่ที่อารมณ์อันเดียว นี่แปลตามสำนวนวิชาการ ของพระราชวรมุนี (ประยุทธ์ ปยุตฺโต) ถ้าว่ากันตามภาษาลูกทุ่งแบบท่านญาปู่ ท่านอธิบายว่า สมาธิคือการพยายามใส่เกียร์ว่างให้สมอง และสมาธิคือสภาพของสมองที่อยู่ในเกียร์ว่าง ฉะนั้นสมาธิจึงมีอยู่๒สถานภาพ คือ๑ คือวิธีปฏิบัติการใส่เกียร์ว่าง(เหตุ) และ๒ คือสภาพในขณะที่อยู่ในเกียร์ว่าง(ผล)

    เป้าหมายหลักของการ ทำสมาธิทุกรูปแบบ ก็เพื่อการพักสมอง โดยให้สมองว่างจากความคิด เมื่อสมองว่างจากความคิดเมื่อไหร่ จิตใจก็จะได้พบกับสภาวะแห่งความว่างฉันนั้น ถ้าคนทั่วไปที่มีวิถีชีวิตวิ่งไล่งับเหยื่อล่อของโลกวุ่นวายทั้งวัน จู่ๆจะมานั่งนิ่งๆเฝ้ามองลมหายใจเข้า-ลมหายใจออก เหมือนดอกไม้บานช้าๆได้อย่างไร? รถสปอร์ตวิ่งเต็มลูกสูบมาเต็มที่ เบรคเอี๊ยดจะให้จอดนิ่งทันทีทันใด รับรองว่าไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต คนยุคโบราณนั้น หายใจเข้าหายใจออก บริกรรมคำว่าพุท-โธประกอบนิดๆ สภาพชีวิตสบายๆที่ผูกผันกับ สายลมแสงแดด ไม่มีดอกเบี้ย ไม่มีอิสสี่ดายไล่จี้ก้นเหมือนพวกสัตว์เมืองปัจจุบัน เขานั่งหายใจปืดสองปืด เดี๋ยวเดียวสมองของปู่ย่าตายายของเรา ก็ว่างจากความคิดได้โดยไม่ยุ่งยากอะไร?

    ส่วนคนในยุคดิจิตอลนี้ สรรพสิ่งมันจี๊ดจ๊าดจัดจ้านมาก กิเลสพากันติดเทอร์โบ ฉุดกระชากความคิดจิตวิญญาณ ของผู้คน ให้วิ่งพล่านทะยานอยาก อยากรุนแรงและหนักหน่วง จะมานั่งนิ่งๆ บ่นพุท-โธ พุธ-โธ่เชื่องๆอยู่ มันไม่ไหวหรอก ถ้าความคิดไม่วิ่งวุ่นวายจนทะลุกระโหลก ก็นั่งสัปหงกตอดสมาธิจนน้ำลายไหล โอกาสที่สมองจะสงบ จิตจะได้พานพบกับความว่างนั้น บอกตามตรงว่ายา.......กส์แน่ๆ ทางแก้ง่ายๆญาปู่จึงใช้วิธีเคลื่อนไหว แต่ใจนิ่ง ในชื่อการฝึกสมาธิแบบ "ฝ่ามืออรหันต์"




    <CENTER></CENTER>
    แรกเริ่มเติมที การฝึกสมาธิแบบพลิกฝ่ามือนี้ หลวงพ่อเทียน จิตฺตสุโภ" แห่งวัดสนามใน อ.บางกรวย จ.นนทบุรี เป็นผู้นำมาเผยแพร่เป็นองค์แรก เรียกกันในภาษาลาวว่า การฝึกสมาธิตีงนิ่ง ต่อมาท่านญาปู่ครูบาธรรมโยคีอริยธาตุ ได้นำมาเพิ่มคำบริกรรมกำกับเข้าไปด้วย เพื่อรักษาจังหวะให้เกิดความพร้อมเพรียง และใช้เป็นคำ นำการพิจารณาในภายหลัง ให้ดูตัวอย่างภาพเคลื่อนไหวข้างบนประกอบ จะเข้าใจได้โดยง่าย โดยมีเคล็ดพิเศษนิดหน่อยดังนี้


    ๑.ถ้าสามารถนั่งขัดสมาธิดอกบัวได้ จะดีมาก

    ๒.จัดฝ่ามือเรียงนิ้วให้คล้ายกลีบดอกบัว

    ๓.ขณะที่เคลื่อนไหวมือให้บริกรรมคำต่างๆ ให้สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว

    ๔.เมื่อถึงคำว่าปัญญา วางฝ่ามือที่ท้องน้อย โดยให้หัวแม่มืออยู่ใต้สะดือ

    ทุกขณะที่เคลื่อนไหว อย่าให้ความสนใจแส่ส่าย ออกนอกขบวนการฝ่ามืออรหันต์ เคลื่อนไหวช้าๆ อย่าเร่งรีบ เมื่อคุณเผลอ คำบริกรรมกับการเคลื่อนไหวมือจะไม่สัมพันธ์กัน ก็ให้หยุด แล้วเริ่มต้นใหม่ การเคลื่อนไหวอย่างนี้ จะช่วยบรรเทาอาการง่วง ได้ดีกว่าการนั่งเฝ้ามองลมหายใจนิ่งๆ ให้สำนึกอยู่เสมอว่า เรากำลังปฏิบัติการพักสมองแค่นั้น ไม่มีอะไรซับซ้อน ไม่ได้ไต่สวรรค์ สรรค์หาบุญบารมี ที่วิเศษเลิศยอดอะไร? ถ้าต้องการศึกษาอย่างละเอียด ดูภาพข้างบนแล้วยังไม่เข้าใจ กรุณาไปที่


    (ภาพประกอบท่า) http://www.taimk.net/byc/base1.html

    ที่มา http://www.oknation.net/blog/taimahayan/2008/01/19/entry-1

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 30 พฤศจิกายน 2008
  2. ตะกอน

    ตะกอน Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    1 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +26
    เรียกว่าเจริญสติอีกแบบหนึ่ง ผมก็ตามเเนวทางหลวงพ่อเทียน วัดสนามในครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...